SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 29
Downloaden Sie, um offline zu lesen
ผมขอขอบพระ
คุ
ณคณะแพทยศาสต
ร์
มหา
วิ
ทยา
ลั
ย สงชลสนค
ริ
นท
ร์
ที่
ใ
ห้
เ
กี
ยร
ติ
ผมเ
ป็
นอง
ค์
ปาฐก ธาดา
ยิ
บ
อิ
นซอยในค
รั้
ง
นี้
พ
ร้
อม
กั
บ
ตั้
ง
หั
ว
ข้
อ
ซึ่
งผมเ
ชื่
อ
ว่
า
ถ้
า
ท่
านอาจาร
ย์
ธาดาไ
ด้
ทราบ อาจจะ
ชื่
นชม
ผู้
จั
ด
ว่
า
ผู้
จั
ดคง
รู้
จั
กความสนใจห
รื
อ
วิ
ธี
คิ
ดของ
ท่
านอาจาร
ย์
ใน
มุ
มห
นึ่
ง
ที่
สำ
คั
ญมาก แ
ต่
ในขณะเ
ดี
ยว
กั
น
ท่
านอาจาร
ย์
ธาดา
ก็
จะไ
ม่
ยิ
น
ดี
ที่
ไ
ด้
มี
การ
จั
ดปาฐกถาในนามของ
ท่
าน

พวกเรา
ที่
ไ
ด้
มี
โอกาส
ทำ
งาน ห
รื
อ
รู้
จั
ก
ท่
าน อจ ธาดา คงทราบ
ดี
ว่
า อาจาร
ย์
เ
ป็
นคนห
นึ่
ง
ซึ่
งไ
ม่
เคยอยากออก
ห
น้
าห
รื
อไ
ด้
ห
น้
า ห
รื
ออยาก
มี
คนมายก
ย่
อง ห
รื
อ
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
อง
ดี
ดี
ที่
ท่
านไ
ด้
ท
ทั้
ง
ทั้
ง
ที่
ใน
ชี
วิ
ตของ อาจาร
ย์
ท
เ
รื่
อง
ดี
ดี
ไ
ว้
มากมาย อาจาร
ย์
เคย
พู
ดประโยคห
นึ่
ง
ซึ่
งผมเ
ชื่
อ
ว่
าหลาย
ท่
าน
ก็
อาจจะเคยไ
ด้
ยิ
นเห
มื
อนผม
คื
อ
มั
ก
จะ
มี
คนบอก
ว่
า
ท่
านเ
สี
ยสละมากมายในการ
ทำ
งาน
ตั้
งแ
ต่
การก
ลั
บจาก
ต่
างประเทศมาอ
ยู่
ในเ
มื
องไทย
ซึ่
ง
มี
ข้
อ
จำ
กั
ดในการ
ทำ
งานมากก
ว่
าเ
มื่
ออ
ยู่
ต่
างประเทศมากมาย
นั
ก และ
ยั
ง
ทำ
งานหาม
รุ่
งหาม
ค่ำ
ตื่
นแ
ต่
เ
ช้
านอน
ดึ
ก
ทำ
ทุ
กอ
ย่
าง
ที่
ทำ
ไ
ด้
ดู
คนไ
ข้
อ
ย่
าง
ตั้
งใจใ
ห้
เบอ
ร์
โทร
ศั
พ
ท์
กั
บคนไ
ข้
เ
พื่
อใ
ห้
คำ
ป
รึ
กษาเ
มื่
อคนไ
ข้
ต้
องการห
รื
อ
อื่
นๆ
อี
กมากมาย
ซึ่
งหลาย
ท่
านคงจะทราบ
ดี
ก
ว่
าผม และ
ก็
คงเคยไ
ด้
ยิ
น อาจาร
ย์
บอก
ว่
า
ถ้
าจะ
ทำ
อะไร
ต้
อง
ทำ
โดยบอก
ตั
วเอง ใ
ห้
ไ
ด้
ว่
าไ
ม่
ไ
ด้
กำ
ลั
งเ
สี
ยสละเพราะการ
ทำ
งานโดยบอก
ว่
า
ตั
วเอง
กำ
ลั
งเ
สี
ยสละจะ
ทำ
ใ
ห้
ทำ
ไ
ด้
ไ
ม่
ดี
และไ
ม่
นาน

คง
มี
อี
กหลายเ
รื่
อง
ซึ่
ง
น่
าจะ
พู
ด
ถึ
ง
ที่
ท่
าน อาจาร
ย์
ธาดา ไ
ด้
ทำ
ไ
ว้
แ
ต่
ผม
ก็
จะ
ยึ
ดแนว
คิ
ด
ที่
ท่
านอาจาร
ย์
อยากใ
ห้
เ
ป็
น
ก็
คื
อไ
ม่
พู
ด
ถึ
ง
คุ
ณงามความ
ดี
ห
รื
อ
สิ่
ง
ที่
ท่
านอาจาร
ย์
ไ
ด้
ท
แ
ต่
จะขอ
พู
ด
ถึ
ง
ท่
าน ใน
ส่
วน
ที่
เ
ป็
น
หั
ว
ข้
อของ
การปาฐกถาใน
วั
น
นี้
เพราะ
ต้
องยอม
รั
บ
ว่
า เ
มื่
อผมเ
ห็
น
หั
ว
ข้
อ
ที่
กำ
หนดไ
ว้
และเ
ห็
น
ว่
า เ
ป็
นการ
พู
ดปาฐกถาใน
นามอาจาร
ย์
ผม
ก็
รี
บ
รั
บ
ทั
น
ที
แ
ม้
รู้
ว่
าไ
ม่
ใ
ช่
choice แรก
ที่
ทางคณะอยากใ
ห้
เ
ป็
น เพราะเ
รื่
อง
interconnectedness
น่
าจะ
ทำ
ใ
ห้
ผมไ
ด้
ถื
อเ
ป็
นโอกาส
คุ
ย
กั
บ อาจาร
ย์
ธาดา พ
ร้
อม
กั
บ
คุ
ย
กั
บ
ทุ
ก
ท่
าน ใน
สิ่
ง
ที่
ผมเ
ชื่
อ
ว่
า เ
ป็
นแนว
คิ
ด
สำ
คั
ญ
ที่
ท่
านอาจาร
ย์
ไ
ด้
เคย
พู
ดไ
ว้
ในหลายกรรมหลายวาระแ
ต่
อาจจะ
ด้
วยการใ
ช้
คำ
ที่
แตก
ต่
าง
กั
น

Chaos fractals interconnectedness and complex systems
ผู้
จั
ดเ
ลื
อกใ
ช้
คำ
ว่
าinterconnectedness
ซึ่
งผม
รู้
สึ
ก
ว่
าเ
ป็
นการเ
ลื
อกใ
ช้
คำ
ที่
น่
าสนใจเพราะผม
ดู
จาก
โปรแกรมเ
ดิ
ม
ก็
เ
ห็
นใ
ช้
คำ
นี้
แ
ต่
ใ
ห้
พู
ด
ถึ
งในบ
ริ
บท
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า happy workplace
สำ
ห
รั
บผม
ผู้
จั
ด
ตั้
ง
หั
ว
ข้
อเ
ป็
น
interconnectedness ในระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ ผม
อ้
าง
อิ
ง
ถึ
ง
ท่
าน อจ เพราะ
ว่
า อาจาร
ย์
ธาดาเคย
พู
ด
ถึ
งค
ณิ
ต
ศาส
ซึ่
งเ
ป็
น
พื้
นฐานของการ
พู
ด
ถึ
ง interconnectedness
นั่
น
ก็
คื
อ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า chaos และfractals

Chaos ในภาษา
อั
งกฤษ
ทั่
วไป แปล
ว่
า
วุ่
นวายแ
ต่
ในความหมายทาง
วิ
ทยาศาสต
ร์
เวลา
พู
ด
ถึ
ง chaos จะ
หมาย
ถึ
งธรรมชา
ติ
ของระบบ
ส่
วนให
ญ่
ใน
ชี
วิ
ตจ
ริ
ง
ซึ่
งมอง
ทั่
วไป
ก็
เห
มื
อน chaotic เห
มื
อนคาดเดาไ
ม่
ไ
ด้
เพราะ
มั
นเ
ป็
นระบบ
ซั
บ
ซ้
อน (
ตั
วอ
ย่
าง
ที่
พู
ด
ถึ
ง
บ่
อยๆ
คื
อ พยากร
ณ์
อากาศ) ห
รื
อ
อี
ก
นั
ยห
นึ่
ง chaos
คื
อ
คุ
ณสม
บั
ติ
ของระบบ
ซั
บ
ซ้
อน
ที่
ภาษา
อั
งกฤษใ
ช้
คำ
ว่
า complex systems คน
ที่
ศึ
กษาห
รื
อ
อ้
าง
ถึ
งการ
คิ
ดเ
ชิ
งระบบ
(systems thinking) คงทราบ
ดี
ว่
า
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
กั
น
ว่
า systems
ถู
ก
นำ
มาแยก
ย่
อยเ
ป็
นระบบสามแบบตาม
ความ
ซั
บ
ซ้
อน
คื
อ simple systems หมาย
ถึ
งระบบ
ที่
อง
ค์
ประกอบ
ย่
อยในระบบ
มี
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ที่
ชั
ดเจนและ
เ
กิ
ดผล
ที่
ตาดเดาไ
ด้
ไ
ม่
ย่
ก , comlicated systems
ก็
ค
ล้
าย simple systems แ
ต่
ผล
ที่
เ
กิ
ดคาดเดาไ
ด้
ยากก
ว่
า
ต้
องอา
ศั
ยการ
คำ
นวณ
ที่
ยุ่
งยาก
ขึ้
น เพราะความ
สั
ม
พั
น
ะ์
ขององ
ค์
ประกอบ
ย่
อย ไ
ม่
ไ
ด้
ตรงไปตรงมา ใ
ห้
นึ
ก
ถึ
ง
เวลาออกแบบcell บาง cell ใน spreadsheet
ก็
น่
าจะพอ
นึ
กออก complex systems s หมาย
ถึ
งระบบ
ที่
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ขององ
ค์
ประกอบ
ย่
อยในระบบ
ซั
บ
ซ้
อนมาก จนยาก
ที่
จะคาดเดาผล
สุ
ด
ท้
ายไ
ด้
ง่
ายๆ แ
ต่
นั
ก
วิ
ทยาศาสต
ร์
ก็
เ
ชื่
อ
ว่
า พอ
ทำ
นายไ
ด้
แ
ต่
ก็
ต้
อง
ทำ
ใจ
ว่
า อาจไ
ม่
เ
ป็
นไปตาม
ที่
ทำ
นาย เพราะ
คุ
ณสม
บั
ติ
สำ
คั
ญ
ของระบบ
ซั
บ
ซ้
อน
คื
อ unintended consequences และ emerging phenomenon
อั
นเ
นื่
องมาจากความ
ซั
บ
ซ้
อนของความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ขององ
ค์
ประกอบ
ย่
อย และผล
ที่
เ
กิ
ด
ขึ้
นจากป
ฎิ
สั
ม
พั
น
ธ์
ย่
อยๆ
ที่
มี
อ
ยู่
มากมาย บาง
คน
ก็
อาจจะเ
ข้
าใจ ห
รื
อ
รู้
จั
ก
มั
น
ผ่
าน
คำ
เป
รี
ยบเปรย
ว่
า
ผี
เ
สื้
อกระ
พื
อ
ปี
ก (butte
fl
y e
ff
ects)

และเห
ตุ
ผล
ที่
complex systems
มี
ธรรมชา
ติ
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า chaos
คื
อออกไปใน
ข้
าง
ที่
เห
มื
อน
ยุ่
งยากและ
วุ่
นวาย
ก็
เพราะ interconnectedness
นั่
นเอง

อ
ย่
าง
ที่
ผมไ
ด้
เก
ริ่
นไ
ว้
ท่
านอาจาร
ย์
ธาดา อาจจะไ
ม่
เคยใ
ช้
คำ
ว่
า interconnectedness แ
ต่
ท่
าน
พู
ด
ถึ
ง
chaos และ complex systems อ
ยู่
บ่
อยๆ ผม
จำ
ไ
ด้
ว่
า
ฉั
นเคย
ส่
งบทความ
สั้
น
สั้
น
ที่
พู
ด
ถึ
งการ
คำ
นวน
ดี
ก
รี
ความ
ซั
บ
ซ้
อนของระบบ
ซึ่
งเ
ป็
น
ตั
วหาร ของสอง
ตั
วแปร
คื
อ
จำ
นวนอง
ค์
ประกอบในระบบและ
จำ
นวนความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ของแ
ต่
ละอง
ค์
ประกอบ ในระบบ
นั้
น
นั้
น
ถ้
าผล
ที่
ออกมามากก
ว่
า 1
ก็
แปล
ว่
า
มี
ความ
ซั
บ
ซ้
อนมาก
อาจจะเ
ขี
ยนเ
ป็
น
สู
ตรไ
ด้
ว่
า

Complexity = number of linkages between each component (l) / 

number of subcomponents (c)

หากเป
รี
ยบเ
ที
ยบ
ง่
าย
ง่
าย
ก็
ลอง
นึ
ก
ถึ
งความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ของคน ระบบ
ที่
มี
คนแ
ค่
สองคน
มี
ลิ
ง
ก์
ห
นึ่
ง
ลิ้
ง
ค์
ห
รื
อ
มี
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
แบบเ
ดี
ยว
ก็
จะ
มี
ความ
ซั
บ
ซ้
อน
น้
อยก
ว่
า ระบบ
ที่
มี
คนสามคนและ
มี
ลิ้
ง
ค์
อ
ย่
าง
น้
อยสอง
ลิ
ง
ค์
นี้
ไ
ม่
นั
บ
ว่
าความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ระห
ว่
างคนสองคน
ว่
าไปแ
ล้
ว
ก็
มี
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
หลายแบบ เพราะฉะ
นั้
นแ
ม้
มี
แ
ค่
สององ
ค์
ประกอบ
ย่
อย
ก็
อาจ
มี
ลั
กษณะความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ที่
มากก
ว่
าแ
ค่
ห
นึ่
งลอง
จิ
นตนาการ
ดู
นะค
รั
บ
ว่
า ความ
ซั
บ
ซ้
อนของคน
แ
ค่
สองคน
ที่
มี
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
กั
นจะสามารถ
ยุ่
งยาก
วุ่
นวายไ
ด้
ขนาดไหน
นี่
ไ
ม่
ต้
อง
พู
ด
ถึ
งคนสามคนห
รื
อคน
70,000,000 คน
ยั
งประเทศไทยใน
ปั
จ
จุ
บั
น
นี้


ก่
อนจะไป
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องinterconnectedness ในระบบ
สุ
ขภาพ
ซึ่
งเ
ป็
น
ที่
มาของความ
ซั
บ
ซ้
อนของระบบ
สุ
ขภาพ
ไ
ม่
ว่
าในประเทศใด
ก็
แ
ล้
วแ
ต่
ขออ
นุ
ญาตแวะ
พู
ด
ถึ
ง
คำ
ว่
า factals
สั
ก
นิ
ด
นึ
งเ
ท่
า
ที่
ผมเ
ข้
าใจในฐานะคน
ที่
ไ
ม่
ใ
ช่
นั
กค
ณิ
ตศาสต
ร์
พู
ด
ถึ
งค
ณิ
ตศาสต
ร์
หลาย
ท่
าน
ที่
รู้
จั
กอาจาร
ย์
ธาดาเ
ป็
นอ
ย่
าง
ดี
คงทราบ
ดี
ว่
านอกจาก
ท่
านจะ
เ
ป็
นแพท
ย์
แ
ล้
ว
ท่
าน
ก็
เ
ป็
นคน
ที่
มี
ความ
รู้
ค
ณิ
ตศาสต
ร์
ที่
ลึ
ก
ซึ้
งมากงาน
วิ
จั
ยของ
ท่
าน
ว่
า
ด้
วยเ
รื่
อง
cardiodynamics พยายาม
ทำ
นาย การไหลเ
วี
ยนของเ
ลื
อดใน
ร่
างกาย
ที่
แปร
ผั
นตามความสามารถของ
หั
วใจ
ที่
ซึ่
งในทางทฤษ
ฎี
ก็
คื
อการพยายาม
ทำ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า systems modelling ผมเ
ข้
าใจ
ว่
า
นั
กค
ณิ
ตศาสต
ร์
จำ
นวนห
นึ่
ง
มี
ความเ
ชื่
อ
ว่
า
สิ่
ง
ที่
เราเ
ห็
น
ว่
า
ซั
บ
ซ้
อน
นั้
นอาจจะสามารถ
วิ
เคราะ
ห์
เจาะ
ลึ
กลงไปจนเ
ห็
น
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ห
น่
วย
ย่
อย
ที่
สุ
ด
พู
ด
ง่
าย
ง่
าย
ก็
คื
อระบบ
ซั
บ
ซ้
อนเ
ป็
นผลจากการขยาย
ตั
วใน
มิ
ติ
และ
ทิ
ศทาง
ที่
แตก
ต่
าง
กั
นของ
ห
น่
วย
ย่
อย และ
นั
ก
วิ
ทยาศาสต
ร์
เ
รี
ยก ห
น่
วย
ย่
อย
นี้
ว่
า fractals 

ในทางป
ฏิ
บั
ติ
นั
ก
วิ
ทยาศาสต
ร์
ห
รื
อ
นั
กค
ณิ
ตศาสต
ร์
อาจจะพยายามหา fractals และพฤ
ติ
กรรมของ
มั
น ใน
complex systems เ
พื่
อ predict
ว่
าผล
ที่
จะเ
กิ
ด
ขึ้
นในเวลาห
นึ่
งๆของ complex systems จะ
มี
ห
น้
าตา
ต่
างๆ
ไ
ด้
อ
ย่
างไร ในทางป
ฏิ
บั
ติ
ของการ
ท
systems prediction ผม
ก็
ไ
ม่
แ
น่
ใจ
ว่
า factals
ถู
กเอามาใ
ช้
มาก
น้
อย
แ
ค่
ไหนเ
พี
ยงใด อาจาร
ย์
ธาดา เคยชวนใ
ห้
รวม
ตั
ว
นั
ก
วิ
ชาการ ห
รื
อ คน
ทำ
งาน
ที่
สนใจ
ทำ
รู
ปแบบการ
ทำ
นาน
(prediction model) มา
คุ
ย
กั
น โดยเอาเ
รื่
องโรคระบาด มาเ
ป็
น
ตั
วอ
ย่
าง ตอน
นั้
น
ก็ึ
ก
ถึ
งเ
รื่
อง ไ
ข้
เ
ลื
อดออก
เพราะ
มี
คนพยายาม
ทำ
กั
นแยะ และ
ซั
บ
ซ้
อนจ
ริ
ง
ต่
อมา เ
มื่
อ
มี
emerging diseases เ
กิ
ด
ขึ้
น ทาง สวทช
ก็
ไ
ด้
ส่
งเส
ริ
มใ
ห้
มี
การ
ท
outbreak prediction modelling
คุ
ณหมอโสภณ
ที่
ตอน
นี้
เ
ป็
นรองอ
ธิ
บ
ดี
สู้
โค
วิ
ด
ก็
เ
ป็
น
คนห
นึ่
ง
ที่
สนใจ และ
ทำ
เ
รื่
อง
นี้
มา แ
ต่
ก็
คง
ต้
องอา
ศั
ย
นั
ก
วิ
ชาการ
ที่
จะ
มี
เวลาไปลง
ลึ
ก มากก
ว่
า คน
ที่
มี
ห
น้
า
ที่
รั
บ
ผิ
ดชอวการควบ
คุ
มโรคโดยตรง เ
ท่
า
ที่
ทราบในทางเทค
นิ
ค
ก็
มี
คนส
ร้
าง prediction model หลายแบบ แ
ม้
ในวงการควบ
คุ
มโรค จะ
มี
model
พื้
นฐาน
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า SEIR model พอเจอโค
วิ
ด และ
ศึ
กษาธรรมชา
ติ
การ
แร
พ่
กระจายมาก
ขึ้
น
ก็
ต้
องไปป
รั
บ รายละเ
อี
ยด
กั
น
อี
กมา อ
ย่
างการ
ทำ
นาย
จำ
นวน
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ จะ
ทำ
นายการเ
พิ่
ม
โดยใ
ช้
สมการแบบไหน
ก็
เป
ลี่
ยนไปแยะ เ
มื่
อพบ
ว่
า
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ
ส่
วนให
ญ่
เ
กิ
ดจาก superdpreading events/
setting (
สิ่
งแวด
ล้
อม)
ซึ่
งอาจจะไ
ม่
ใ
ช่
แ
ค่
มี
superspreader (คนแพ
ร่
เ
ชื้
อเ
ก่
ง) 

ผมไ
ม่
ไ
ด้
เ
รี
ยนค
ณิ
ตศาสต
ร์
ยากๆ เลยใน
ชั้
น
มั
ธยม ไ
ม่
ว่
า
ต้
นห
รื
อปลาย (เ
พื่
อนๆหลายคน
ที่
อ
ยู่
โรงเ
รี
ยน
ดั
งๆ ไ
ด้
เ
รี
ยนมากก
ว่
าผมมาก) พอมาเ
ข้
ามหา
วิ
ทยา
ลั
ย เขา
ก็
บอก
ว่
า
วิ
ชา
วิ
ทยาศาสต
ร์
พื้
นฐานเ
รี
ยน
น้
อยๆ เพราะไ
ม่
เ
กี่
ยว
กั
บการเ
ป็
นแพท
ย์
มาก
นั
ก เพราะฉะ
นั้
น
ที่
พู
ดมาอาจไ
ม่
ถู
ก
ต้
องอ
ยู่
บ้
าง และ
ถ้
า
ท่
าน อาจาร
ย์
ธาดา
นั่
ง
ฟั
ง
อ
ยู่
ด้
วย
ก็
อาจจะ
ลุ
ก
ขึ้
นมา
ช่
วยแ
ก็
จุ
ด
ที่
ผมป
ล่
อยไ
ก่
ไปมากมาย แ
ต่
สำ
ห
รั
บการ
ทำ
งานในระยะ
ต่
อไป
ก็
ขอใ
ห้
ท่
านอาจาร
ย์
ที่
เ
ป็
น
นั
กค
ณิ
ตศาสต
ร์
มา
ช่
วย
กั
นรวม
ตั
ว
ทำ
กั
นนะค
รั
บ ผมจะขออ
นุ
ญาตก
ลั
บไป
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องระบบ
สาธารณ
สุ
ข และความ
ซั
บ
ซ้
อนของระบบสาธารณ
สุ
ขห
รื
อขอใ
ช้
คำ
ว่
าระบบ
สุ
ขภาพอาจจะ
ดี
ก
ว่
า

เ
พื่
อใ
ห้
เ
ห็
น
รู
ปธรรม
อี
กอ
ย่
าง ของ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า interconnectedness ขององ
ค์
ประกอบ
ต่
างๆในระบบ
ซั
บ
ซ้
อน
แนว
คิ
ดห
นึ่
ง
ที่
สำ
คั
ญ
คื
อ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า systems archetypes
ที่
พู
ด
ถึ
ง ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
เ
ชิ
งระบบ
ที่
พึ
งตระห
นั
ก
ว่
า
มั
นอาจจะเ
กิ
ด
ขึ้
นไ
ด้
บ่
อยๆ และ
มั
ก
ทำ
ใ
ห้
เราแปลกใจ เพราะ
มั
นไ
ม่
ไ
ด้
ตรงไปตรงมา จากการมองห
รื
อ
คิ
ดโดย
ใ
ช้
ตรรกะ
ทั่
วไป

คน
ที่
เคย
อ่
านห
นั
ง
สื
อ the
fi
fth disciplins ของ Peter Senge คงเคยเ
ห็
นและเ
ข้
าใจ ความจ
ริ
ง senge
ก็
เ
ป็
น
นั
ก
คิ
ดเ
ชิ
งระบบ
รุ่
นเ
ดี
ยว
กั
บ J Forrester
ที่
ไปเอา
ดี
ทาง systems dynamics แ
ต่
Senge ออกมาทางเ
ชิ
ง
คุ
ณภาพ และพยายามส
ร้
างความเ
ข้
าใจเ
รื่
องความ
ซั
บ
ซ้
อน
อั
นเ
ป็
นผลมาจาก interconnecteness มากก
ว่
า
พยายามส
ร้
างสมการ
ทำ
นาย และป
ล่
อยใ
ห้
คนงงๆ
ว่
า อะไร
คื
อ สม
มุ
ติ
ฐานเ
บื้
องห
ลั
งการ
ทำ
นาย 

มี
คนส
รุ
ปไ
ว้
ว่
า systems archetypes
สำ
คั
ญๆ
มี
อ
ยู่
ราว 10 แบบ
ซึ่
งคน
ที่
สนใจอาจไป
อ่
านละเ
อี
ยดไ
ด้
จาก
ห
นั
ง
สื
อ
ที่
ว่
า
ตั
วอ
ย่
างของความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ที่
นำ
ไป
สู่
“
คำ
ตอบ
ที่
ล้
มเหลว” จะออกมา
ทำ
นอง
นี้


ถ้
าเ
ป็
น ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ที่
อาจ
ทำ
ใ
ห้
เ
กิ
ด
ศั
ต
รู
เพราะความประมาท
ก็
จะออกมา
ทำ
นอง
นี้
ระบบ
สุ
ขภาพ
กั
บความ
ซั
บ
ซ้
อน
ขออ
นุ
ญาตเ
ริ่
ม
ด้
วย
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าระบบ
สุ
ขภาพภาพรวม
ซึ่
งโดยความหมาย
ก็
คื
อการพยายามจะบอก
ว่
า
ถ้
าเรา
อยากจะใ
ห้
สุ
ขภาพของ
ผู้
คนใน
สั
งคมห
นึ่
งห
นึ่
งอาจจะหมาย
ถึ
ง
ชุ
มชนประเทศ
ภู
มิ
ภาคห
รื
อแ
ม้
แ
ต่
ในโลก
ถ้
าเรา
อยากใ
ห้
สุ
ขภาพของคน
ที่
อ
ยู่
ในเ
ซ็
ต
ติ้
งเห
ล่
า
นี้
ดี
เรา
จำ
เ
ป็
นจะ
ต้
องไป
ทำ
ใ
ห้
เ
กิ
ดอง
ค์
ประกอบเยอะ
ย่
อย
ที่
มี
คุ
ณสม
บั
ติ
และความ
สั
ม
พั
น
ธ์
กั
นอ
ย่
างไร 

ถ้
าลอง
นึ
กเ
ร็
วเ
ร็
ว
ว่
าอง
ค์
ประกอบ
ย่
อยของระบบ
สุ
ขภาพ
มี
กี่
อง
ค์
ประกอบและความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ที่
น่
าจะเ
ป็
นไปของ
อง
ค์
ประกอบให
ญ่
ให
ญ่
ในระบบ
สุ
ขภาพ
มั
น
มี
ไ
ด้
กี่
คำ
กี่
รู
ปแบบ จะพอมองเ
ห็
นความ
ซั
บ
ซ้
อนของ
มั
น แ
ต่
เวลา
เรา
นำ
มาเ
ขี
ยนเ
ป็
นไดอะแกรม
ก็
จะ
มี
แนวโ
น้
ม
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
มั
น
ดู
ง่
าย
ทำ
ใ
ห้
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
ารายละเ
อี
ยดความ
สั
ม
พั
น
ธ์
รวม
ทั้
งอง
ค์
ประกอบ
ย่
อยๆหายไป เราจะเ
ห็
นแ
ต่
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ของก
ลุ่
มให
ญ่
ให
ญ่
และเรา
ก็
มั
กจะแทนความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ของก
ลุ่
มให
ญ่
ๆ
ด้
วยเ
ส้
นเ
ส้
นเ
ดี
ยว เห
มื
อน
ตั
วอ
ย่
างของไดอาแกร
ห์
ม
ที่
พยายามจะ
พู
ด
ถึ
งระบบ
สุ
ขภาพ
และอง
ค์
ประกอบ
ที่
กำ
หนดภาวะ
สุ
ขภาพ หลายหลาย
ตั
วอ
ย่
าง
ที่
ผมยกมาใ
ห้
ดู
เ
ป็
น
ตั
วอ
ย่
าง
ข้
าง
ล่
าง
ผมเองโดย
ส่
วน
ตั
วเ
ชื่
อ
ว่
า
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าอง
ค์
ประกอบ
ย่
อยๆในระบบ
สุ
ขภาพจะประกอบ
ด้
วยอะไร
บ้
างและความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ของ
มั
นเ
ป็
นอ
ย่
างไรห
รื
อควรเ
ป็
นอ
ย่
างไรเ
ป็
นผลมาจากความพยายามในการ
ที่
จะ
ทำ
ความเ
ข้
าใจเ
กี่
ยว
กั
บ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
สุ
ขภาพ และไ
ด้
ป
รั
บเป
ลี่
ยนมาเ
ป็
นระยะ ตามความ
รู้
และประสบการ
ณ์
ของ
สั
งคม และ
วิ
ชา
ชี
พ 

ถ้
า
ย้
อนก
ลั
บไปในประ
วั
ติ
ศาสต
ร์
เรา
น่
าจะ เ
ริ่
ม
ต้
นจาก
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า “การเ
ป็
นโรคและการหายจากโรค” แ
ต่
ถ้
ากระโดดมา
ที่
อง
ค์
การอนา
มั
ยโลก
ที่
ไ
ด้
กำ
หนดไ
ว้
ใน ธรรม
นู
ญขององ
ค์
การอนา
มั
ยโลกมาก
ว่
า 50
ปี
ก็
ไ
ด้
พู
ด
ถึ
งประเ
ด็
น
นี้
ไ
ว้
อ
ย่
าง
ชั
ดเจน
ว่
า
สุ
ขภาพ
ดี
ไ
ม่
ไ
ด้
หมาย
ถึ
งการไ
ม่
เ
ป็
นโรคเ
ท่
า
นั้
น แ
ต่
หมาย
ถึ
งสภาวะ
ที่
ดี
ของ
สาม
มิ
ติ
เ
ป็
นอ
ย่
าง
น้
อย
คื
อ
ร่
างกาย
จิ
ตใจและ สถานะใน
สั
งคมของคนคนห
นึ่
ง ความจ
ริ
ง
มี
มิ
ติ
ที่
สี่
คื
อสภาวะ
ทาง
จิ
ต
วิ
ญญาณ
ซึ่
งเ
ท่
า
ที่
ผมทราบ ไ
ด้
เคย
มี
การพยายาม
ที่
จะ
นำ
เสนออง
ค์
การอนา
มั
ยโลกในส
มั
ย
ที่
ดร มา
ห์
เลอ
ร์
เ
ป็
น
ผู้
อำ
นวยการให
ญ่
อง
ค์
การอนา
มั
ยโลก (ใก
ล้
กั
บ
ช่
วง
ที่
มี
นโยบาย
สุ
ขภาพ
ดี
ถ้
วนห
น้
า) แ
ต่
เ
นื่
องจาก
การแ
ข่
ง
ขั
นทางการเ
มื
องและความเ
ชื่
อทางศาสนา
ทำ
ใ
ห้
มิ
ติ
เ
รื่
อง
จิ
ต
วิ
ญญาณ
ถู
กมอง
ว่
าเ
ป็
นเ
รื่
องของความ
พยายามในการ
ที่
จะเอาศาสนาเ
ข้
ามาเ
กี่
ยว
ข้
อง 

ขอก
ลั
บมา
ที่
ประเ
ด็
น
ว่
าความเ
ข้
าใจห
รื
อรายละเ
อี
ยดของ
สิ่
ง
ที่
ระบบ
สุ
ขภาพ
ที่
เรา
พู
ด
ถึ
ง
กั
นใน
ปั
จ
จุ
บั
น
นี้
เ
ป็
นผล
จากความ
รู้
ที่
เ
พิ่
ม
ขึ้
นเ
รื่
อยขออ
นุ
ญาตใใ
ช้
ไดอะแกรม
ที่
ผมเองส
รุ
ป
ขึ้
นมาจาก
พั
ฒนาการของ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าการ
รั
กษาโรคและการ
ดู
แล
สุ
ขภาพ
ซึ่
งผมไ
ด้
แ
บ่
งแบบ
ง่
าย
ง่
ายเ
ป็
น 10
ขั้
นตอนห
รื
อ 10
ช่
วงในประ
วั
ติ
ศาสของ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
สุ
ขภาพ
ถ้
าเราเ
ริ่
มจากใน
ยุ
คแรกแรก
ซึ่
งการเ
จ็
บไ
ข้
ไ
ด้
ป่
วยเ
ป็
น
ปั
ญหา
สำ
คั
ญ
ที่
จะ
ต้
องไ
ด้
รั
บการแ
ก้
ไขเ
พื่
อจะไ
ด้
ก
ลั
บไป
มี
ชี
วิ
ตตามปก
ติ
ไ
ม่
ต้
องตายไป
ก็
จะเ
ห็
น
ชั
ด
ว่
า
คำ
ว่
า
สุ
ขภาพหมาย
ถึ
งการไ
ม่
ป่
วยห
รื
อการรอดจากความเ
จ็
บ
ป่
วย
แ
ต่
คำ
ว่
า “การไ
ม่
ป่
วย” แปล
ว่
าอะไรไ
ม่
มี
ใครไปใ
ห้
ความ
สำ
คั
ญมาก

ต่
อมา
ก็
มี
ผู้
มา
นำ
เสนอ
ว่
าการ
ที่
เราจะไ
ม่
ป่
วยอาจจะ
มี
สิ่
ง
ที่
ทำ
ไ
ด้
ที่
สำ
คั
ญ
ก็
คื
อเ
รื่
อง
สุ
ขา
ภิ
บาลและ
สิ่
งแวด
ล้
อม
ห
รื
อความสะอาดความจ
ริ
งแนว
คิ
ดเ
รื่
องความสะอาดเ
ช่
นการ
ล้
าง
มื
อห
รื
อแ
ม้
กระ
ทั่
งการ
ทำ
ระบบ
น้ำ
สะอาดห
รื
อ
ระบบการ
สุ
ขา
ภิ
บาลเ
พื่
อไ
ม่
ใ
ห้
เ
กิ
ด
น้ำ
ขั
ง
มี
มา
ก่
อนความ
รู้
ว่
า
ด้
วยเ
รื่
องเ
ชื้
อโรคเ
สี
ย
อี
ก
พู
ด
ง่
าย
ง่
าย
คื
อม
นุ
ษ
ย์
รู้
จั
ก
ปั
จ
จั
ย
ที่
ทำ
ใ
ห้
เรา
ป่
วย
ที่
ไ
ม่
ใ
ช่
ปั
จ
จั
ยเ
รื่
องเ
ชื้
อโรค แ
ต่
อาจ
สั
ม
พั
น
ธ์
กั
บ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าเ
ชื้
อโรค
ก่
อน
ที่
จะ
รู้
จั
ก
ตั
ว
เ
ชื้
อโรคเ
สี
ย
อี
ก

แ
น่
นอน
ว่
าห
ลั
งจาก
นั้
นม
นุ
ษ
ย์
ก็
รู้
จั
กเ
ชื้
อโรคและพยายามจะ
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องการไ
ม่
ป่
วย
ว่
า
สั
ม
พั
น
ธ์
กั
บการ
ทำ
ใ
ห้
ไ
ม่
ติ
ดเ
ชื้
อโรคและเ
มื่
อเทคโนโล
ยี
ในเ
รื่
องการ
ฆ่
าเ
ชื้
อเ
พิ่
ม
ขึ้
นเรา
ก็
ไปใ
ห้
ความสนใจ
กั
บเ
รื่
องเ
ชื้
อโรคแทน
ที่
จะใ
ห้
ความสนใจ
กั
บเ
รื่
อง
สิ่
งแวด
ล้
อมและ
สุ
ขา
ภิ
บาล
ซึ่
งอาจจะเ
ป็
นสาเห
ตุ
ของการ
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
เ
ชื้
อโรค
ที่
ไ
ม่
เ
ป็
น
มิ
ตร
เจ
ริ
ญเ
ติ
บโต

แ
ต่
ก็
ใ
ช่
ว่
าความพยายาม
ที่
จะมองใ
ห้
ทะ
ลุ
ว่
า
ทำ
อ
ย่
างไร คน
จึ
งจะ
มี
สุ
ขภาพ
ดี
จะ
ถู
กหลง
ลื
มไป แ
ล้
วพา
กั
น
หั
น
ไป
พั
ฒนาแ
ต่
ระบบบ
ริ
การ
รั
กษาโรค เพราะห
ลั
งจาก
มี
การ
พู
ด
ถึ
ง
ปั
จ
จั
ยทาง
สิ่
งแวด
ล้
อมแ
ล้
ว
ก็
ยั
ง
มี
การ
นำ
เสนอ
ว่
า
มั
น
มี
ปั
จ
จั
ยเ
กี่
ยว
กั
บเ
รื่
อง อาหารการ
กิ
นห
รื
อแ
ม่
กระ
ทั่
งเศรษฐฐานะ
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
คนเ
จ็
บ
ป่
วยห
รื
อแ
ม้
กระ
ทั่
ง
หายจากความเ
จ็
บ
ป่
วยไ
ม่
ใ
ช่
เ
รื่
องของระบบการ
รั
กษาพยาบาลห
รื
อเทคโนโล
ยี
เ
พื่
อใ
ห้
หายจากโรคเ
ท่
า
นั้
น
คน
สำ
คั
ญ
ที่
นำ
เสนอแนว
คิ
ด
นี้
ก็
คื
อMckeown
ซึ่
งจน
ถึ
ง
ทุ
ก
วั
น
นี้
ข้
อเสนอของเ
ค้
า
ที่
เ
กิ
ดจากการ
วิ
เคราะ
ห์
ข้
อ
มู
ล
คนไ
ข้
ที่
ป่
วยเ
ป็
น
วั
ณโรค
ก็
ยั
งเ
ป็
น
ข้
อ
ถู
กเ
ถี
ยง
กั
น
ว่
าเ
ป็
น
ข้
อส
รุ
ป
ที่
มี
พื้
น ฐานทาง
วิ
ทยาศาสต
ร์
มั่
นคงมาก
น้
อย
เ
พี
ยงใดแ
ต่
ก็
ต้
องยอม
รั
บ
ว่
าเขาเ
ป็
น
ผู้
ที่
เ
ปิ
ด
มิ
ติ
ใ
ห้
เ
ห็
นเ
กี่
ยว
กั
บเ
รื่
องเศรษฐ
กิ
จและ
สั
งคมไ
ม่
ใ
ช่
สิ่
งแวด
ล้
อมทาง
กายภาพ
ที่
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องความสะอาดห
รื
อความไ
ม่
สะอาดเ
ท่
า
นั้
น

แ
น่
นอน
ว่
าเ
มื่
อเราเ
ข้
าใจมาก
ขึ้
นเ
กี่
ยว
กั
บ
ปั
จ
จั
ย
ที่
ช่
วย
ทำ
ใ
ห้
เราไ
ม่
ป่
วย
ก็
มี
ความพยายามมาก
ขึ้
น
ที่
จะ
ทำ
ความ
เ
ข้
าใจใ
ห้
ลึ
ก
ซึ้
ง
ขึ้
น
ว่
าการ
มี
สุ
ขภาพ
ที่
ดี
ต้
อง
ช่
วย
กั
น
ทำ
อะไร
บ้
าง จน
นำ
ไป
สู่
แนว
คิ
ดเ
รื่
องการส
ร้
างเส
ริ
ม
สุ
ข
ภาพในการประ
ชุ
ม
ที่
ออตตาวาประเทศแคนาดา
ที่
กลายเ
ป็
น ottawa charter หลายคน
ถึ
ง
กั
บเ
รี
ยก
ว่
ากรอบ
แนว
คิ
ด
สำ
ห
รั
บการสาธารณ
สุ
ข
ยุ
คให
ม่
new public health เพราะไ
ม่
ไ
ด้
พู
ด
ถึ
งเฉพาะ เ
รื่
องแผนงาน
โครงการ
ที่
ต้
อง
ท
จากภาค
ส่
วนสาธารณ
สุ
ข เ
พื่
อ
ทำ
ใ
ห้
สุ
ขภาพของประชาชน
ดี
ขึ้
น เ
ท่
า
นั้
น ไ
ม่
ว่
าจะเ
ป็
น
เ
รื่
องอนา
มั
ยแ
ม่
และเ
ด็
กเ
รื่
องโภชนาการห
รื
อเ
รื่
องการควบ
คุ
มโรค
สำ
คั
ญๆ อ
ย่
าง
วั
ณโรค มาเลเ
รี
ยแ
ต่
พู
ด
ว่
า
มั
น
มี
อง
ค์
ประกอบอ
ย่
าง
น้
อย
ห้
าอง
ค์
ประกอบ และ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าแผนงานโครงการห
รื
อมาตรการ
ที่
ทำ
ผ่
าน
ระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ก็
เ
ป็
นเ
พี
ยงห
นึ่
งใน
ห้
าอง
ค์
ประกอบ
นั้
น
ยั
ง
มี
อง
ค์
ประกอบ
อื่
นๆ
อี
ก 4 อง
ค์
ประกอบ
ที่
ต้
อง
ทำ
อ
ย่
างจ
ริ
ง
จั
ง หาก
ต้
องการใ
ห้
ประชาชน
ส่
วนให
ญ่
มี
สุ
ขภาพ
ที่
ดี
ไ
ด้
แ
ก่
ความเ
ข้
มแ
ข็
งของ
ชุ
มชน เ
รื่
อง
ของ
สิ่
งแวด
ล้
อม
ที่
ส่
งเส
ริ
ม
สุ
ขภาพ เ
รื่
องของนโยบายสาธารณะ และเ
รื่
องของการ
ติ
ดอา
วุ
ธเส
ริ
ม
ศั
กยภาพ
ประชาชน
ซึ่
งประเ
ด็
น
สุ
ด
ท้
ายเ
นี่
ย
มั
กจะ
ถู
ก
นำ
มา
พู
ด
สั้
น
สั้
นเ
พี
ยงแ
ค่
ว่
าเ
ป็
นการใ
ห้
ความ
รู้
ประชาชนห
รื
อ
ปั
จ
จุ
บั
น
ก็
จะใ
ช้
คำ
ว่
าhealth literacy
ซึ่
ง
มี
นั
ยยะ
ว่
า ประชาชนไ
ม่
มี
ความ
รู้
สุ
ขภาพเลยไ
ม่
ดี
แ
ต่
ถ้
าเรา
ทำ
ความเ
ข้
าใจให
ม่
ว่
าเรา
ต้
อง “เส
ริ
ม
ศั
กยภาพประชาชน” และใ
ช้
คำ
ว่
า “เส
ริ
ม” เพราะ
ว่
าไปแ
ล้
ว
ศั
กยภาพ
ประชาชนในการ
ดู
แล
ตั
วเอง
ดี
อ
ยู่
แ
ต่
อาจจะ
ถู
ก
ทำ
ใ
ห้
หายไปจากความ
ก้
าวห
น้
าของ
วิ
ชาการทาง
ด้
าน
วิ
ทยาศาสต
ร์
การแพท
ย์
รวม
ทั้
งเทคโนโล
ยี
ต่
างๆ
ที่
ทำ
ใ
ห้
เ
ชื่
อ
ว่
าจะ
ทำ
ใ
ห้
สุ
ขภาพของเรา
ดี
นี่
ไ
ม่
ต้
อง
พู
ด
ถึ
ง
สาร
พั
ดอาหารเส
ริ
ม
ซึ่
งกลายเ
ป็
นแนวโ
น้
มใน
ช่
วงห
ลั
งๆ
พู
ด
ง่
าย
ง่
าย
ก็
คื
อชาว
บ้
าน
ถู
ก
ทำ
ใ
ห้
เ
ชื่
อมาก
ขึ้
นมาก
ขึ้
น
ว่
า
สุ
ขภาพจะ
ดี
ไ
ด้
ต้
องอา
ศั
ย
ปั
จ
จั
ยภายนอกไ
ม่
ไ
ด้
เ
กิ
ดจาก
ศั
กยภาพของตนเอง
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
ดี
ขึ้
นไ
ด้


ส
รุ
ป
สั้
นๆ
ว่
า
สุ
ขภาพ
ที่
ดี
เ
ป็
นผลจาก ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ชอง
ปั
จ
จั
ย
ต่
างๆมากมาย ไ
ม่
ใ
ช่
แ
ค่
การไ
ด้
รั
บการ
ดู
แล
เวลาเ
จ็
บไ
ข้
ไ
ด้
ป่
วยเ
ท่
า
นั้
น เ
มื่
อเรามองเ
ห็
นความเ
ชื่
อมโยงของ
ปั
จ
จั
ยเห
ล่
า
นี้
ก็
ต้
องมา
ช่
วย
กั
น
ทำ
ใ
ห้
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ขององ
ค์
ประกอบ และสถา
บั
น
ต่
างๆ
ที่
เ
กี่
ยว
ข้
อง
ทำ
งานเ
ชื่
อมโยง
กั
นไป
สู่
การส
ร้
า
งุ
ขภาพ
ที่
ดี
เพราะ
หากเราไ
ม่
เ
ข้
าใจ ห
รื
อมองไ
ม้
ออก ห
รื
อมองออกแ
ต่
ส
ร้
างความเ
ชื่
อมโยง
ที่
ดี
ไ
ม่
ไ
ด้
สิ่
ง
ที่
เ
ป็
น default
ก็
จะเ
ป็
น
ความเ
ชื่
อมโยง
ที่
นำ
ไป
สู่
ผล
ที่
ไ
ม่
พึ
งประสง
ค์
เพราะเห
ตุ
จู
งใจ ห
รื
อ พฤ
ติ
กรรมขององ
ค์
กร ห
รื
อสถา
บั
น
ต่
างๆ
ใน
สั
งคม
ก็
อาจมองเ
พี
ยงเ
ป้
าหมายของตนเอง
ที่
อาจ
ส่
งผลลบ
ต่
อการ
มี
สุ
ขภาพ
ดี
โดยไ
ม่
รู้
ว่
า 

การ
ทำ
ใ
ห้
ระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ เ
ป็
นระบบ
ที่
เ
ชื่
อมโยง และ
มี
ความสามารถในการส
ร้
างความ
เ
ชื่
อมโยง
แ
น่
นอน
ว่
าความเ
ข้
าใจ และการมองเ
ห็
นความเ
ชื้
อมโยงของ factors and actors
ต่
างๆ ควร
นำ
ไป
สู่
การ
ส
ร้
างความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ให
ม่
ของ factors and actors เห
ล่
า
นั้
น ในขณะเ
ดี
ยว
กั
น
ถ้
าเจาะเฉพาะเ
รื่
อง ระบบ
บ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ก็
ต้
องเ
กิ
ดความพยายาม
ที่
จะ
ต้
องออกแบบระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข โดยมองบทบาท
ของเ
จ้
าห
น้
า
ที่
สาธารณ
สุ
ขและระบบบ
ริ
การใ
ห้
ก
ว้
างขวางก
ว่
า แ
ค่
การร
รั
กษาคน
ที่
เ
จ็
บ
ป่
วยเ
ท่
า
นั้
น
ถ้
าจะ
ดู
ใน
ประ
วั
ติ
ศาส
ก็
จะ
มี
ตั้
งแ
ต่
แนว
คิ
ดเ
รื่
องการสาธารณ
สุ
ข
มู
ลฐาน
ซึ่
งเ
ชื่
อ
ว่
าประชาชน
มี
ศั
กยภาพ
ที่
จะ
ดู
แล
สุ
ขภาพ
ตนเองไ
ด้
และจะ
ต้
องเ
ป็
นการ
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
นระห
ว่
างประชาชน
กั
บระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ขไ
ม่
ใ
ช่
การใ
ห้
แ
ต่
ความ
รู้
และป
ล่
อยใ
ห้
ประชาชนไป
ดู
แล
ตั
วเอง เ
จ็
บ
ป่
วยเ
มื่
อไร
ก็
ค่
อยมาขอ
รั
บบ
ริ
การ ในขณะเ
ดี
ยว
กั
นแนว
คิ
ด
ว่
า
ด้
วยเ
รื่
องการออกแบบระบบสาธารณ
สุ
ข
ก็
ซั
บ
ซ้
อนมาก
ขึ้
น
อั
นเ
นื่
องมาจาก
ปั
ญหาเ
รื่
องของโรคเ
รื
อ
รั
ง
ที่
เ
พิ่
ม
มาก
ขึ้
น และ
ชี้
ใ
ห้
เ
ห็
น
ว่
าระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ที่
ดี
จะ
ต้
อง
มี
การออกแบบใ
ห้
มี
หลายระ
ดั
บ
ที่
ทำ
งานเ
ชื่
อมโยง
กั
น
ที่
เรา
มั
กจะ
รู้
จั
ก
กั
น
ดี
ว่
าเ
ป็
น primary secondary และ tertiary care 

แนว
คิ
ดเ
รื่
อง ความ
สำ
คั
ญของการ
มี
ส่
วน
ร่
วมของภาคประชาชน
กั
บแนว
คิ
ด
ที่
ว่
าระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ที่
ดี
จะ
ต้
อง
มี
หลายระ
ดั
บและเ
ชื่
อมโยง
กั
น
นำ
ไป
สู่
การพยายามออกแบบระบบ รวมไป
ถึ
งการ
จั
ดการเ
รี
ยนการ
สอนห
รื
อการส
ร้
าง
ศั
กยภาพของ
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ข
ที่
แตก
ต่
างไปจากเ
ดิ
ม
ล่
า
สุ
ด
ที่
ชั
ดเจนมาก
ก็
คื
อการ
ที่
มี
รายงาน
ที่
เ
รี
ยก
กั
นโดย
ทั่
วไป
ว่
า second
fl
exner report
ที่
เ
รี
ยกเ
ช่
น
นี้
เพราะ
ว่
า
มั
น
ถู
ก
นำ
เสนอ 100
ปี
ห
ลั
ง
จากรายงานฉ
บั
บแรก
ที่
abraham
fl
exner
นำ
เสนอไ
ว้
ใน
ปี
1910 ในรายงานฉ
บั
บแรก
ชี้
ใ
ห้
เ
ห็
น
ว่
าการ
พั
ฒนา
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ข
จำ
เ
ป็
น
ต้
องเ
พิ่
มความเ
ข้
มแ
ข็
งและ
คุ
ณภาพของการเ
รี
ยน
รู้
ทาง
ด้
าน
วิ
ทยาศาสต
ร์
แ
ล้
ว
ก็
เ
ป็
น
จุ
ดเ
ริ่
ม
ต้
น
ทำ
ใ
ห้
แพท
ย์
ที่
จบออกมา
มี
ความ
รู้
ทาง
ด้
าน
วิ
ทยาศาสต
ร์
ที่
ลึ
ก
ซึ้
งและสามารถใ
ช้
เทคโนโล
ยี
ที่
มี
อ
ยู่
ใน
การ
รั
กษา
ผู้
ป่
วยใ
ห้
หายจากโรคไ
ด้
เ
ป็
นอ
ย่
าง
ดี
ผ่
านไปไ
ม่
ถึ
ง 100
ปี
ก็
ชั
ดเจน
ว่
าการ
ที่
มี
ความ
รู้
ทาง
ด้
าน
วิ
ทยาศาสต
ร์
อ
ย่
าง
ลึ
ก
ซึ้
งและเ
ชื่
อ
มั่
นในเทคโนโล
ยี
นำ
ไป
สู่
สภาวะของการใ
ช้
เทคโนโล
ยี
ที่
อาจจะเ
รี
ยก
ว่
า
สู
ญ
เป
ล่
า ห
รื
อแ
ม้
กระ
ทั่
งการใ
ช้
ที่
นำ
ไป
สู่
อั
นตราย
ต่
อ
สุ
ขภาพ ไ
ม่
นั
บ
ว่
าโอกาสในการเ
ข้
า
ถึ
งเทคโนโล
ยี
และ
บ
ริ
การ
ก็
ไ
ม่
ไ
ด้
รั
บการ
ดู
แลเ
ท่
า
ที่
ควร กลายเ
ป็
น
ปั
ญหาความเห
ลื่
อม
ล้ำ
ใน
สั
งคม และ
ที่
สำ
คั
ญก
ว่
า
นั้
น
คื
อ ใน
การ
ทำ
งานของ
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ขแ
ล้
ว ความ
รู้
สึ
กและ
คุ
ณภาพ
ชี
วิ
ตของประชาชนกลายเ
ป็
นประเ
ด็
นรอง
ก
ว่
าการหาทาง
รั
กษาโรค เห
มื
อน
ที่
ท่
านอาจาร
ย์
ประเวศไ
ด้
เสนอประโยคทอง
ที่
ผมเ
ชื่
อ
ว่
าหลายคน
ที่
เ
ป็
น
อาจาร
ย์
ห
รื
อ
มี
อา
ยุ
เ
ท่
าๆผมใน
วั
น
นี้
คงเคยไ
ด้
ยิ
นและอาจจะไ
ด้
พยายาม
นำ
มาเ
ป็
นแนว
คิ
ด
สำ
คั
ญในการป
ฎิ
บั
ติ
ห
น้
า
ที่
ในฐานะแพท
ย์
ก็
คื
อการ
ที่
จะพยายาม “
รั
กษาคนไ
ม่
ใ
ช่
รั
กษาโรค” เพราะโดย
พื้
นฐานการเ
รี
ยน
รู้
ที่
เ
น้
น
วิ
ทยาศาสต
ร์
เราจะมองหาโรค จน
บ่
อยค
รั้
งเรา
ลื
มจะมองหาความ
ต้
องการ ห
รื
อ
รั
บ
รู้
ความ
รู้
สึ
กของคนไ
ข้
ห
รื
อ
แ
ม้
กระ
ทั่
งญา
ติ
คนไ
ข้


2nd
fl
exner report
ชี้
ใ
ห้
เ
ห็
น
ว่
าการ
จั
ดการเ
รี
ยนการสอนห
ลั
งจาก
ผ่
านมา 100
ปี
ที่
เ
น้
นเ
รื่
อง
วิ
ทยาศาสต
ร์
อาจ
จะ
จำ
เ
ป็
น
ต้
องเ
พิ่
มใ
ห้
เ
ห็
นความเ
ชื่
อมโยง
กั
บ
มุ
มมองเ
ชิ
งระบบใ
ห้
กั
บ
นั
ก
ศึ
กษา เ
พื่
อจะไ
ด้
ทำ
ห
น้
า
ที
ไ
ด้
อ
ย่
าง
เหมาะสม
กั
บบ
ริ
บทและลดโอกาสในการส
ร้
างความยาก
ลำ
บากห
รื
อ
ทำ
อั
นตรายใ
ห้
กั
บ
ผู้
ป่
วย รวม
ทั้
งเ
ปิ
ด
โอกาสในการ
มี
ส่
วน
ร่
วมของ
ฝ่
าย
ต่
างๆ ในการ
ช่
วย
กั
นหา
วิ
ธี
การ
ที่
ทำ
ใ
ห้
ประชาชน
มี
สุ
ขภาพ
ที่
ดี
ไ
ม่
ใ
ช่
เ
ป็
น
เ
พี
ยงการใ
ช้
เทคโนโล
ยี
การเ
พิ่
ม
มุ
มมองเ
ชิ
งระบบ อาจจะเ
ป็
นทางรอด
สำ
คั
ญ
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
ระบบ
สุ
ขภาพไ
ม่
สิ้
น
เป
ลื
องและอ
ยู่
ใน
วิ
สั
ย
ที่
จะ
มี
ค่
าใ
ช้
จ่
ายห
รื
อ
มี
การลง
ทุ
นใ
ห้
เ
กิ
ดผล
ลั
พ
ธ์
ทาง
สุ
ขภาพ
ที่
คุ้
ม
ค่
ามากก
ว่
า
ที่
เ
ป็
นอ
ยู่
หลาย
ท่
าน
ที่
สนใจคงการจะเคยเ
ห็
นแ
ล้
วเ
นื่
องจากรายงานฉ
บั
บ
นี้
ตี
พิ
ม
พ์
เ
ป็
นบทความอ
ยู่
ใน
นิ
ตยสารlancet

ที่
อาจจะ
ร่
าสนใจมากก
ว่
า บทความใน Lancet เ
ป็
นห
นั
ง
สื
อ
ที่
ผ
ลิ
ตโดยสมาคมแพท
ย์
อเม
ริ
กั
น
ที่
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
อง
health systems sciences และเสนอ
ว่
าการ
จั
ดการเ
รี
ยนการสอนควรจะประกอบ
ด้
วยการ
คิ
ด
ถึ
งศาสต
ร์
สาม
ด้
าน
คื
อ
วิ
ทยาศาสต
ร์
พื้
นฐานทาง
ด้
าน
ชี
วะ ห
รื
อ
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าbiomedical sciences
อั
น
ที่
สอง
คื
อ
วิ
ทยาศาสต
ร์
ทาง
ด้
านค
ลิ
นิ
ก (clinical sciences)
ส่
วน
ที่
สาม
คื
อ ศาสต
ร์
ว่
า
ด้
วยระบบ
สุ
ขภาพ(health systems scienes)

เพราะฉะ
นั้
นจะเ
ห็
นไ
ด้
ว่
า
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ความ
รู้
ว่
า
ด้
วย
สุ
ขภาพห
รื
อแ
ม้
กระ
ทั่
ง
การ
จั
ดการเ
รี
ยนการสอนห
รื
อการ
ผ
ลิ
ต
บุ
คลากรทาง
ด้
าน
สุ
ขภาพ
ก็
มี
ความ
ซั
บ
ซ้
อนเ
พิ่
ม
ขึ้
นและเ
ป็
นความ
ซั
บ
ซ้
อน
ที่
ใ
ห้
เ
ห็
น
ถึ
ง
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าความ
สั
ม
พั
น
ธ์
เ
ชื่
อมโยงระห
ว่
างอง
ค์
ประกอบ
ย่
อย
ย่
อย
ที่
ทำ
ใ
ห้
เรา
มี
สุ
ข
ภาวะ
ที่
ดี
ห
รื
อไ
ม่
ดี
ไ
ด้
ชั
ดเจนมาก
ขึ้
น
เ
รื่
อยๆ และ
ก็
คงจะ
ชั
ดมาก
ขึ้
นห
รื
อ
เป
ลี่
ยนแปลงไปมาก
ขึ้
น
อี
กตามความ
รู้
ที่
จะตามมาในภายห
ลั
ง

ออกแบบอ
ย่
างไร ใ
ห้
ระบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพส
ร้
างความเ
ชื่
อม
โยง
แนว
คิ
ดเ
รื่
องความเ
ชื่
อมโยงของระบบ
สุ
ขภาพจะ
มี
ความหมายมากมาย
ต่
อการออกแบบการใ
ห้
ความ
รู้
และการผ
ลิ
ต
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ข แ
ต่
ที่
ผม
อยากจะขออ
นุ
ญาต
นำ
มาเ
น้
นใน
ลำ
ดั
บ
ต่
อไป
ก็
คื
อเ
รื่
องความ
สำ
คั
ญของการออกแบบระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ
(systems design) ใ
ห้
เ
กิ
ดความเ
ชื่
อมโยง
ถ้
า
พู
ดในภาพก
ว้
าง
คื
อออกแบบระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ
ที่
เ
ชื่
อม
โยง
ทั้
งภายในห
น่
วยบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ขและ
กั
บภา
คี
ภายนอกระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข ภา
คี
ภายนอก
ที่
ว่
า
นี้
ให
ญ่
ๆ ประกอบ
ด้
วย
ชุ
มชน
ท้
อง
ถิ่
น ครอบค
รั
วและ
ผู้
เ
ล่
น
อื่
นๆ
ที่
มี
บทบาทในการ
ทำ
ใ
ห้
ปั
จ
จั
ยทางเศรษฐ
กิ
จ
สั
งคม
ส่
งผลกระทบ
ต่
อ
สุ
ขภาพของประชาชน
ซึ่
งผมอยากจะแยกเ
ป็
นแ
ค่
สองก
ลุ่
ม
คื
อก
ลุ่
ม
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ผู้
มี
อำ
นาจ
เ
ชิ
งนโยบาย
ซึ่
งประกอบ
ด้
วย
ฝ่
ายการเ
มื
อง
กั
บ
ฝ่
าย
ข้
าราชการประ
จ
อี
กก
ลุ่
มห
นึ่
ง
ก็
คื
อภาค
ธุ
ร
กิ
จเอกชน
จึ
งเ
ป็
น
ที่
ทราบ
กั
น
ดี
อ
ยู่
ว่
าเ
ป็
น
ผู้
ผ
ลิ
ตผ
ลิ
ต
ภั
ณ
ฑ์
ห
รื
อบ
ริ
การมากมายและเ
ป็
น
ส่
วน
สำ
คั
ญของการ
พั
ฒนาประเทศ
และ
สั
งคมโดยรวมของม
นุ
ษยชา
ติ
โดยตลอด แ
ต่
ก็
จะเ
ริ่
ม
มี
ข้
อ
มู
ลเ
พิ่
ม
ขึ้
น
ว่
าอาจจะ
มี
ผ
ลิ
ต
ภั
ณ
ฑ์
ห
รื
อบ
ริ
การ
จำ
นวนไ
ม่
น้
อย
ที่
ส่
งผลกระทบในทางลบ
ต่
อ
สุ
ขภาพและอาจจะ
จำ
เ
ป็
น
ต้
อง
มี
การควบ
คุ
ม
กำ
กั
บ ไ
ม่
ว่
าจะเ
ป็
น
เ
รื่
อง
ธุ
ร
กิ
จ
ที่
ทำ
ลาย
สิ่
งแวด
ล้
อม ห
รื
อ อาหาร
ที่
ทำ
ใ
ห้
เ
กิ
ดโรคเ
รื้
อ
รั
ง ห
รื
อเ
ป็
น
อั
นตราย
ต่
อ
สุ
ขภาพ
ก่
อนห
น้
า
นี้
ก็
จะ
มี
เ
รื่
อง
บุ
ห
รี่
และเห
ล้
าเ
ป็
น
ต้
น ห
รื
อไ
ม่
กระ
ทั่
ง
กิ
จกรรมทาง
อุ
ตสาหกรรม
ซึ่
ง
ส่
งผลกระทบ
ต่
อ
สิ่
งแวด
ล้
อม
ทำ
ใ
ห้
อากาศใน
น้ำ
และใน
ดิ
น
ส่
งผลกระทบ
ทั้
ง
ต่
อสภาวะแวด
ล้
อม
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าภาวะโลก
ร้
อนห
รื
อแ
ม้
กระ
ทั่
งเ
กิ
ดสาร
พิ
ษ
สะสมห
รื
อ
ส่
ง
ต่
อ
ผ่
านอาหารห
รื
อผ
ลิ
ต
ภั
ณ
ฑ์
ต่
างๆ

ผมจะไ
ม่
ใ
ช้
เวลาในค
รั้
ง
นี้
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องความ
สั
ม
พั
น
ธ์
ห
รื
อการออกแบบความ
สั
ม
พั
น
ธ์
กั
บ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ผู้
เ
ล่
น
ภายนอกระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ทั้
ง
ที่
ว่
าไปแ
ล้
ว
ก็
จะ
มี
ความ
สำ
คั
ญเ
ป็
น
อั
น
ดั
บ
ต้
น แ
ต่
อยากจะ
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
อง
การออกแบบเ
พื่
อใ
ห้
ผู้
เ
ล่
นในระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ซึ่
งผม
คิ
ด
ว่
าเ
ป็
นประเ
ด็
น
สำ
คั
ญ
ที่
ไ
ด้
มี
โอกาสมา
พู
ด
กั
บ
ท่
านอาจาร
ย์
ทั้
งหลายในมหา
วิ
ทยา
ลั
ย
ซึ่
งโดยสถานะ
ก็
ถื
อเ
ป็
นคน
ที่
ทำ
งานอ
ยู่
ใน
ส่
วนห
นึ่
งของระบบ
บ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข
ที่
มี
ความ
สำ
คั
ญเ
ป็
นอ
ย่
าง
ยิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าระ
ดั
บต
ติ
ย
ภู
มิ
ในขณะเ
ดี
ยว
กั
น
ก็
มี
บทบาท
สำ
คั
ญใน
การ
ที่
จะผ
ลิ
ต
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ขในอนาคต เ
ป็
น
บุ
คลากรสา
สุ
ข
ซึ่
ง
มี
ฐานะเ
ป็
น
ผู้
นำ
ใน
สั
งคม และจะ
มี
อิ
ท
ธิ
พลอ
ย่
าง
ยิ่
ง
ต่
อ
สุ
ขภาพของประชาชน
ทั้
ง อา
ชี
พ แพท
ย์
พยาบาล เภ
สั
ช และ
อื่
นๆ
อี
กมากมาย ไ
ม่
ว่
า
ท่
านจะอยาก
มี
อิ
ท
ธิ
พล ห
รื
อมอง
ว่
า
ตั
วเอง
มี
อิ
ท
ธิ
พล ห
รื
อไ
ม่
ก็
ตาม

ผมอยากจะใ
ช้
วิ
ธี
เ
ล่
าเ
รื่
อง มากก
ว่
าส
รุ
ป
ว่
าระบบบ
ริ
การ
ที่
เ
ชื่
อมโยง
กั
น
มี
ความ
สำ
คั
ญอ
ย่
างไรและอาจจะ
มี
ตั
วอ
ย่
างออกมาใน
รู
ปแบบ
ทำ
นองไหน

ขอเ
ริ่
มจาก
ตั
วอ
ย่
างใก
ล้
ตั
ว
ที่
สุ
ด
ที่
ผมเ
ชื่
อ
ว่
า
ทุ
ก
ท่
าน
น่
าจะเ
ห็
นความ
จำ
เ
ป็
นของการออกแบบเ
พื่
อ
ทำ
ใ
ห้
ระบบ
การ
ดู
แล
ผู้
ป่
วยเ
กิ
ดความประสานเ
ชื่
อมโยง
กั
นในระห
ว่
างระ
ดั
บ
ต่
างๆ
กั
น
ตั้
งแ
ต่
ครอบค
รั
ว
ชุ
มชน ห
น่
วยบ
ริ
การ
สาธารณ
สุ
ขระ
ดั
บ
ต้
นไปจน
ถึ
งห
น่
วยบ
ริ
การระ
ดั
บต
ติ
ย
ภู
มิ
(ขออ
นุ
ญาตใ
ห้
ต
ติ
ย
ภู
มิ
ระ
ดั
บ
สู
ง
สุ
ดในเ
ชิ
งนามธรรม
ไป
ก่
อน
ก็
แ
ล้
ว
กั
นนะค
รั
บบางคนอาจจะบอก
ว่
า
มี
super tertiary
ด้
วย
ก็
ก็
แ
ล้
วแ
ต่
)

ตั
วอ
ย่
าง
ที่
ว่
า
ก็
คื
อการ
ดู
แล
ผู้
ป่
วย
ที่
ติ
ดเ
ชื้
อ โค
วิ
ด-19 จะเ
ห็
น
ว่
าประเทศไทยออกแบบระบบ
ที่
พยายามจะ
ระดม
ศั
กยภาพ
ตั้
งแ
ต่
ระ
ดั
บ
ปั
จเจกครอบค
รั
ว
ชุ
มชนไปจน
ถึ
งระบบบ
ริ
การสาธารณะ
ดั
บ
ต้
นและ
ถึ
งต
ติ
ย
ภู
มิ
เ
ข้
ามา
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
นผมขอ
ย้ำ
คำ
ว่
า
ร่
วม
กั
นแ
ม้
ผมจะทราบ
ดี
ว่
าในทางป
ฏิ
บั
ติ
การ
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
น
ก็
ยั
งเ
ป็
นประเ
ด็
น
ที่
ถู
ก
วิ
พาก
ษ์
วิ
จาร
ณ์
ว่
า
ร่
วม
กั
นจ
ริ
งห
รื
อและ
ร่
วม
กั
นไ
ด้
มาก
น้
อยขนาดไหน แ
ต่
ในเ
ชิ
งการออกแบบ
ที่
เ
กิ
ด
ขึ้
น จะ
ด้
วย
ความเ
ข้
าใจและมองเ
ห็
น
ล่
วงห
น้
า ห
รื
อจะเ
ป็
น
ด้
วยความ
จำ
เ
ป็
น
ที่
ขณะ
นี้
ห
น่
วยบ
ริ
การ
ทั้
งระบบ
รั
บไ
ม่
ไหวแ
ล้
ว
ก็
ตาม
ที
ขณะ
นี้
ระบบการ
ดู
แล
ผู้
ป่
วย โค
วิ
ด-19 ไ
ด้
นำ
เอา
ทุ
กระ
ดั
บ
ที่
สำ
คั
ญในการ
ดู
แล
สุ
ขภาพเ
ข้
ามา
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
น

ถ้
าจะมองไป
ที่
คำ
ว่
า “
ร่
วม
กั
น”
ซิ่
ง
น่
าจะ
มี
รายละเ
อี
ยด แตก
ต่
าง
กั
น แ
ต่
ถ้
าหาก จะเอาความหมายโดยใ
ช้
ค
ว่
าinterconnectedness เ
ป็
น
คำ
สำ
คั
ญ
ก็
คงเ
ห็
น
ชั
ด
ว่
าแ
ม้
จะ “ระดม”
ทุ
กระ
ดั
บมา
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
นไ
ด้
แ
ล้
ว แ
ต่
การ
มี
interconnectedness
ก็
ยั
งเ
ป็
นประเ
ด็
น
สำ
คั
ญ
ที่
ท้
าทาย
ว่
าเ
กิ
ด
ขึ้
นจ
ริ
ง ห
รื
อห
รื
อจะ
ทำ
ใ
ห้
เ
กิ
ด
ขึ้
นมาไ
ด้
ยั
ง
ไง เพราะ
ปั
จ
จั
ย
สำ
คั
ญของการส
ร้
างinterconnectedness
ก็
ในความเ
ห็
นของผม
มี
อ
ยู่
2 อ
ย่
าง
คื
อการ
สื่
อสาร
กั
บ คน
ที่
สามารถเ
ข้
าใจ และ
ทำ
ใ
ห้
ระบบ respond
ต่
อสาร
ที่
ไ
ด้
รั
บ 

และเค
รื่
อง
มื
อ
สำ
คั
ญของการ
สื่
อสาร
ที่
ดี
ก็
คื
อระบบ
ข้
อ
มู
ล
ที่
ไหลเ
วี
ยนไ
ด้
อ
ย่
างรวดเ
ร็
วและ
มี
ความหมาย

ระบบ
ข้
อ
มู
ล
ที่
ไ
ม่
ไหลเ
วี
ยนห
รื
อไหลเ
วี
ยนไ
ด้
ช้
า ห
รื
อไหลเ
วี
ยนไ
ด้
เ
ร็
วแ
ต่
ไ
ม่
ถู
กเอาไปใ
ช้
ประโยช
น์
โดยคน (ห
รื
อ
หุ่
นยน
ต์
ก็
ไ
ด้
ถ้
าเรา
มี
) คงไ
ม่
เ
ป็
นระบบ
ข้
อ
มู
ล
ที่
ส
ร้
างinterconnectedness ไ
ด้
อ
ย่
างเ
พี
ยงพอ ในขณะ
เ
ดี
ยว
กั
นการ
สื่
อสารเ
พื่
อส
ร้
างinterconectedness อาจจะไ
ม่
จำ
เ
ป็
น
ต้
องรอระบบ
ข้
อ
มู
ลเ
ท่
า
นั้
นแ
ต่
อาจจะ
ต้
อง
อ
ยู่
บนฐานของความ
รู้
ความเ
ข้
าใจ
ทั้
งในแ
ง่
ของเทค
นิ
คและในแ
ง่
ของความ
รู้
สึ
กของ
ผู้
ที่
จะ
ต้
องมา
สื่
อสาร
ด้
วย
กั
น
ซึ่
ง
ก็
ชั
ดเจน
ว่
า
ดู
เฉพาะเ
รื่
อง การ
ดู
แล
ผู้
ป่
วยในตอน
นี้
ใ
ห้
เ
ป็
นการ
ดู
แล “
ร่
วม
กั
น”
ก็
ยั
ง
มี
เ
รื่
อง
ต้
อง
ทำ
อี
ก
มากมาย
ถ้
าไป
ดู
เ
รื่
องระบบ
ข้
อ
มู
ลและการ
สื่
อสารในการบ
ริ
หารนโยบายภาพรวมการควบ
คุ
มโค
วิ
ด คง
เ
ห็
น disconnection
อี
กแยะ
ซึ่
งผมจะขออ
นุ
ญาต
ข้
ามไปไ
ม่
พู
ด
ถึ
งใน
ที่
นี้
เ
นื่
องจากเกรงจะ
ถู
กมอง
ว่
าเ
ป็
นการ
ส
ร้
างความไ
ม่
สงบ เ
ป็
น
ภั
ย
จ่
อความ
มั่
นคง
ทั้
ง
ทั้
ง
ที่
ความจ
ริ
งแ
ล้
ว
จุ
ด
อ่
อน
ที่
จะ
ต้
อง
พั
ฒนาในเ
รื่
องการใ
ช้
ข้
อ
มู
ล
ใ
ช้
ข้
อเ
ท็
จจ
ริ
งรวม
ทั้
งการ
สื่
อสารเ
ป็
นอง
ค์
ประกอบ
สำ
คั
ญ
อั
นห
นึ่
ง
นี่
ไ
ม่
ต้
อง
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องคน
ที่
มี
ความ
สำ
คั
ญใน
การบ
ริ
หาร
จั
ดการในเ
รื่
องสามเ
รื่
องในการควบ
คุ
มโค
วิ
ดใ
ห้
เ
ป็
นไป
ด้
วย
ดี
และ
สั
ม
พั
น
ธ์
เ
ชื่
อมโยง
กั
น
คื
อเ
รื่
อง
การควบ
คุ
มการแพ
ร่
ระบาด เ
รื่
องการ
รั
กษา
ผู้
ที่
ติ
ดเ
ชื้
อแ
ล้
ว
ตั้
งแ
ต่
เ
ริ่
ม
ต้
น ไมใ
ห้
กลายไปเ
ป็
น
รุ
นแรง เพราะ
รั
กษา
ช้
า
กั
บเ
รื่
อง การ
ฉี
ด
วั
ค
ซี
น
ที่
ยากก
ว่
าปก
ติ
เพราะ
ต้
องป
รั
บเป
ลี่
ยน priority ในสถานการ
ณ์
ที่
มี
sluggish
supplies





3x3 in the control of COVID19
ถ้
าเรา
ดู
จากpain points ของ
ผู้
ป่
วยและ
ผู้
ใ
ห้
บ
ริ
การ
ที่
เผ
ชิ
ญในการ
ดู
แล
ผู้
ป่
วยโค
วิ
ดในตอน
นี้
ก็
น่
าจะ
ทำ
ใ
ห้
เ
ห็
น
ถึ
งความ
จำ
เ
ป็
นในการส
ร้
างinterconnectedness ใ
ห้
ดี
ก
ว่
า
ที่
เ
ป็
นอ
ยู่
ใน
ปั
จ
จุ
บั
นหลาย
ท่
านคงเ
ห็
น
มากมาย แ
ต่
จะขอยก
ตั
วอ
ย่
าง
ต่
อไป
นี้


ขอเ
ริ่
มจาก
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ จะเ
ห็
น
ชั
ด
ว่
า
นั
บ
ถึ
ง
วั
น
นี้
มี
ผู้
ที่
พบ
ว่
าตนเอง
ติ
ดเ
ชื้
อไ
ม่
น้
อย
ที่
ยั
งอ
ยู่
ในเ
มื
องของเค
รื
อ
ข่
าย
อาสาอาสาส
มั
คร แปล
ว่
าคนเห
ล่
า
นี้
ก็
ยั
งไ
ม่
ไ
ด้
ถู
กลงทะเ
บี
ยนในระบบโรงพยาบาล
ซึ่
งแปล
ต่
อไป
ว่
า
ถ้
าเ
ค้
า
เ
จ็
บ
ป่
วย
รุ
นแรงเป
ลี่
ยนจาก
ติ
ดเ
ชื้
อธรรมดาไปเ
ป็
น
มี
อาการ ห
รื
อ
มี
อาการ
รุ
นแรง
ขึ้
น
ก็
จะเ
รี
ยก
ว่
าแทบไ
ม่
มี
โอกาสเ
ข้
า
รั
บการ
รั
กษา
ดู
แลโดย
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ขไ
ด้
เลย หลายคนอาจจะบอก
ว่
า เ
ป็
นเ
รื่
อง lack of
resources แ
ต่
ผมเ
ชื่
อ
ว่
า
ถ้
าเ
พิ่
ม interconnectedness ระห
ว่
างเค
รื
อ
ข่
ายอาสา
กั
บ รพ จะเ
พิ่
ม
e
ffi
ciency
ซึ่
งแปล
ว่
า ลดการตาย และเ
พิ่
มความสามารถ ของ รพ
ที่
จะ
ดู
คนไ
ข้
ห
นั
ก ไ
ด้
ดี
ขึ้
น

มา
ที่
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ
ที่
มี
อาการไ
ม่
รุ
นแรงแ
ต่
ว่
าอ
ยู่
ในเค
รื
อ
ข่
ายของโรงพยาบาล
ก็
อาจจะประสบชะตากรรมไ
ม่
ต่
าง
กั
น
ก็
คื
ออาจจะ
ต้
องอ
ยู่
ที่
เ
ดิ
มไปเ
รื่
อยเ
รื่
อยแ
ม้
อาการจะเป
ลี่
ยนแปลงและ
ต้
องการการ
ดู
แล
ที่
จะเ
ข้
ม
ข้
นมาก
ขึ้
น 

มา
ดู
ที่
ก
ลุ่
ม
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ
ที่
มี
อาการ
รุ
นแรงและไ
ด้
รั
บการ
รั
กษาจน
ดี
ขึ้
นเ
ค้
า
จำ
เ
ป็
นจะ
ต้
อง
ถู
กใ
ห้
ออกจากโรงพยาบาล
ห
รื
อป
ล่
อยใ
ห้
เ
ตี
ยง
รั
บคน
ที่
อาการห
นั
กก
ว่
าแ
ต่
คนเห
ล่
า
นี้
ก็
ไ
ม่
ไ
ด้
แปล
ว่
าจะหาย
ดี
จนก
ลั
บ
บ้
านไ
ด้
เราจะ
ท
อ
ย่
างไร
กั
บคนเห
ล่
า
นี้
เ
พื่
อใ
ห้
ห
น่
วยบ
ริ
การ
ที่
ดู
แล
ผู้
ป่
วย
รุ
นแรงสามารถ
ที่
จะ
รั
บคนไ
ข้
ที่
มี
ความ
จำ
เ
ป็
นไ
ด้
มาก
ขึ้
น

เ
ชื่
อ
ว่
า หลาย รพ เ
ห็
นประเ
ด็
น
นี้
และไ
ด้
ลง
มื
อ
ทำ
แ
ล้
ว
ถ้
าระบบ
มี
interconnectedness
ที่
ดี
ซึ่
งอาจจะ
ดี
มา
ก่
อน ห
รื
อ มาส
ร้
างให
ม่
เฉพาะห
น้
า
ก็
ไ
ด้
ถ้
าความเ
ชื่
อมโยง
กั
บ ห
น่
วยบ
ริ
การระ
ดั
บปฐม
ภู
มิ
ห
รื
อ
เค
รื
อ
ข่
าย ปชช ไ
ม่
ไ
ด้
ทำ
ไ
ว้
ก่
อน แ
ต่
ก็
จะ
ชี้
ใ
ห่้
เ
ห็
น
ว่
า การส
ร้
าง connectivity
ที่
สำ
คั
ญ
ต้
องอา
ศั
ย คน
ที่
มี
ทั
ศนค
ติ
และ
ทั
กษะะ บาง
ที
มี
ความ
สั
ม
พั
น
ธ์
เ
ชิ
งโครงส
ร้
าง
น่
าจะเอามาใ
ช้
ไ
ด้
แ
ต่
ก็
ไป
ติ
ด
ที่
คน
ทำ
งาน
ที่
ไ
ม่
พ
ร้
อม ห
รื
อไ
ม่
ชำ
นาญ (เ
รื่
องการ
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
น)

ขอก
ลั
บไป
ที่
ห
น่
วย
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าโhome isolation ห
รื
อ community isolation ห
น่
วยเห
ล่
า
นี้
ในทางป
ฏิ
บั
ติ
ก็
จะ
มี
ผู้
ดู
แล
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อ
ที่
ไ
ม่
ใ
ช่
บุ
คลากรทาง
ด้
านสาธารณ
สุ
ขเ
นื่
องจากสภาวะความ
จำ
เ
ป็
น
บั
ง
คั
บ แ
ต่
ต้
องไ
ด้
รั
บการ
ส
นั
บส
นุ
นห
รื
อเ
รี
ยก
ว่
า
นิ
เทศห
รื
อใ
ห้
คำ
แนะ
นำ
อ
ย่
างใก
ล้
ชิ
ดจาก
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ข ในทางป
ฏิ
บั
ติ
หลาย
แ
ห่
ง
ก็
พยายามจะ
ทำ
ระบบการ
ติ
ดตาม
ผู้
ป่
วยโดยใ
ช้
เค
รื่
อง
มื
อเ
ท่
า
ที่
จะเ
ป็
นไปไ
ด้
เ
พื่
อจะไ
ด้
มั่
นใจ
ว่
าจะไ
ม่
เ
กิ
ด
ตกห
ล่
นไปเ
นื่
องจากความไ
ม่
ชำ
นาญห
รื
อความ
รู้
ที่
ยั
ง
มี
ไ
ม่
มากพอของ
บุ
คลากร
ที่
ไ
ม่
ใ
ช่
ระ
ดั
บ
วิ
ชา
ชี
พ
นี่
ไ
ม่
ใ
ช่
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า แ
บ่
งงาน
กั
น
ท
แ
ต่
การส
ร้
างความเ
ชื่
อมโยงระห
ว่
าง
บุ
คลากร
ที่
ไ
ม่
ใ
ช่
วิ
ชา
ชี
พ
กั
บก
ลุ่
ม
วิ
ชา
ชี
พ
ต้
องไป
ถึ
ง
จุ
ด
ที่
ทำ
ใ
ห้
ทั้
งสอง
ฝ่
าย
มั่
นใจใน
กั
นและ
กั
น
ว่
า
คุ
ณภาพการ
ดู
แลจะ
ดี
แ
ต่
คง
มี
คำ
ถามเ
ช่
นเ
ดี
ยว
กั
น
ว่
าระบบ
ข้
อ
มู
ล
ที่
ทำ
อ
ยู่
นี้
ไ
ด้
ถู
ก
นำ
ไปใ
ช้
อ
ย่
างรวดเ
ร็
วไ
ด้
มาก
น้
อยแ
ค่
ไหนเ
พี
ยงใด และ
ถู
ก
นำ
ไปใ
ช้
ส
ร้
าง
interconnectedness ห
รื
อ disconnect
ด้
วยการป
ฎิ
เสธ
ว่
าไ
ม่
ต้
องมา
ทำ
อะไรไ
ม่
ไ
ด้
เพราะตอน
นี้
ก็
แ
ย่
แ
ล้
ว 

อ
ย่
าง
ที่
ก
ล่
าวในตอน
ต้
น หลายคนอาจจะบอก
ว่
า
ที่
พู
ดมา
ทั้
งหมดไ
ม่
ใ
ช่
ปั
ญหาเ
รื่
องของการ
ขาดinterconnectedness แ
ต่
เ
ป็
น
ปั
ญหาเ
รื่
องของการขาดท
รั
พยากร เ
ป็
น
ข้
อ
จำ
กั
ดของเ
ตี
ยงและ
บุ
คลากร
เพราะระบบของประเทศเรา
มี
interconnectedness
ค่
อน
ข้
างจะ
ดี
อ
ยู่
แ
ล้
ว และเรา
ก็
ท
คู่
มื
อ
คำ
แนะ
น
รวม
ถึ
งห
ลั
กเกณ
ฑ์
ต่
างๆไ
ว้
ชั
ดเจนแ
ล้
ว เ
พื่
อใ
ห้
“
ช่
วย
กั
น”
ดู
แลคนไ
ข้
ใ
ห้
ไ
ด้
ดี
ที่
สุ
ด เรา
ทำ
สื่
อสาร
พั
ด
รู
ปแบบ
อ
ธิ
บาย ลงไปในรายละเ
อี
ยดอ
ยู่
มากพอสมควร
ว่
าเ
มื่
อไห
ร่
ควรจะอ
ยู่
บ้
านเ
มื่
อไห
ร่
ควรจะ
ส่
ง
ต่
อแ
ล้
วเ
มื่
อไห
ร่
คุ
วร
จะโรงพยาบาลให
ญ่
ฯลฯ
แ
ต่
พวกเรา
ทุ
กคน
ที่
ดู
แลคนไ
ข้
ห
รื
อไ
ด้
ฟั
ง
ข่
าวทาง
สื่
อ
ต่
างๆ
ก็
คง
ต้
องยอม
รั
บ
ว่
า สถานการ
ณ์
เป
ลี่
ยนแปลงเ
ร็
ว
มาก จน
สิ่
ง
ที่
เ
ขี
ยนไ
ว้
ใน
ที่
สุ
ด กลายเ
ป็
น
สิ่
ง
ที่
ต้
อไปเ
กิ
ด
ที่
บ้
าน ห
รื
อใน
ชุ
มชน จนแทบไ
ม่
มี
โอกาสมา
ถึ
ง รพ
ไ
ด้
เลย
ถ้
ามองจาก
มุ
มของ interconnectedness
ก็
บอก
ว่
า
มั
นไ
ด้
เ
กิ
ด disconnection ไปแ
ล้
ว แ
ม้
จะ
พยายามออกแบบไ
ว้
ใ
ห้
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
น แ
ต่
ความจ
ริ
งแ
ล้
ว การส
ร้
าง interconnectedness
ก็
ยั
ง
ทำ
ไ
ด้
อ
ยู่
ซึ่
งจะ
นำ
มา
สู่
ประเ
ด็
น
สำ
คั
ญของ
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ปั
จ
จั
ย
ชี้
ขาดของการ
มี
interconnectedness 

ปั
จ
จั
ย
ชี้
ขาดของการ
มี
interconnectedness อ
ยู่
ที่
การ
สื่
อสารและ
ทั
ศนค
ติ
ของ
บุ
คลากร
ซึ่
งรวมหมาย
ถึ
งคน
ที่
เ
กี่
ยว
ข้
อง
ทั้
งหมด
ตั้
งแ
ต่
ตั
ว
ผู้
ป่
วยเองครอบค
รั
ว
ชุ
มชนห
รื
ออาสาส
มั
คร iรวม
ถึ
ง
บุ
คลากรในระบบบ
ริ
การ
สาธารณ
สุ
ข
ที่
เ
ป็
น
บุ
คลากร
วิ
ชา
ชี
พ
ที่
เ
พิ่
ม
ทั
น
ที
ไ
ด้
ยาก การออกแบบใดใด
ก็
แ
ล้
วแ
ต่
จะไ
ม่
สามารถส
ร้
าง
อิ
น
เตอ
ร์
คอนเ
น็
ค
ตั
ดเ
น็
ตไ
ด้
ถ้
าปราศจากสอง
ปั
จ
จั
ย
นี้


กร
ณี
การ
ดู
แล
ผู้
ป่
วยโค
วิ
ดอาจจะไ
ม่
ดี
ที่
จะ
นำ
มาเจาะ
ลึ
ก
วิ
เคราะ
ห์
ถึ
งสอง
ปั
จ
จั
ย
ที่
วา
นี
เ
นื่
องจาก
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
าภาระ
งาน
ท่
วม
ตั
ว ท
รั
พยากร
ที่
จำ
กั
ด
ทำ
ใ
ห้
โอกาส
ที่
ทำ
การ
สื่
อสาร
มี
อ
ยู่
น้
อย
ทำ
ใ
ห้
สิ่
ง
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า
ทั
ศนค
ติ
อาจ
จะไ
ม่
ถู
ก
พู
ด
ถึ
งห
รื
อไ
ม่
ถู
กบด
บั
ง ห
รื
อเ
ก็
บไ
ว้
ในซอกห
ลื
บของการ
ตั
ด
สิ
นใจ เพราะ
กำ
ลั
ง
สู้
กั
บภาวะ
วิ
กฤต
ถ้
า
พู
ดแบบ
นั
ก
จิ
ต
วิ
ทยา
ที่
ไปไ
ด้
ราง
วั
ลโนเบลสาขาเศรษฐศาสต
ร์
ก็
จะบอก
ว่
า เรา
มี
โอกาสใ
ช้
แ
ต่
system 1
thinking
ส่
วน systems 2
ก็
แทบไ
ม่
มี
โอกาสใ
ช้


ในทางก
ลั
บ
กั
น สภาวะ
วิ
กฤตอ
ย่
างการ
สู้
โค
วิ
ดและงานห
นั
ก
ที่
ทำ
ใ
ห้
เ
ห็
นความยาก
ลำ
บากของ
ผู้
คนมากมาย
อาจจะกลายเ
ป็
น
ตั
วกระ
ตุ้
น systems 2 ใ
ห้
หาทาง
ทำ
งานแบบให
ม่
ๆ และ
ทำ
ใ
ห้
ทั
ศนค
ติ
ที่
ดี
ของ
บุ
คลากร
ว่
าจะ
ต้
องพยายามส
ร้
าง interconnectedness เ
พื่
อ
สู้
กั
บ ภาวะ
วิ
กฤตและลดความยาก
ลำ
บากของ
ผู้
คน
แทน
ที่
จะป
ล่
อยใ
ห้
ทั
ศนค
ติ
ว่
า
ด้
วยการ
ทำ
งาน
ร่
วม
กั
น ไปอ
ยู่
ใน dormant state

ก่
อนจ
ะ่
ผ่
านไป ผมห
วั
ง
ว่
า
ทุ
ก
ท่
าน จะเ
ห็
น
ชั
ดเจน
ขึ้
นจากบทเ
รี
ยนเ
ล็
กๆ ในเ
รื่
องโค
วิ
ด
ว่
า การส
ร้
าง
interconnectedness เ
ป็
น
สิ่
ง
ที่
มากก
ว่
า การแ
บ่
งงาน
กั
น
ท
ห
รื
อ การ
ทำ
งานเ
ป็
น
ที
ม
ที่
พวกเรา
คุ้
นเคย
กั
น
ว่
า interprofessional ห
รื
อ interdisciplinary 

Interconnectedness ในระบบ
สุ
ขภาพยามไ
ม่
วิ
กฤต
ผมขอ
ข้
ามมา
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องinterconnectedness ในระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ขในยามไ
ม่
วิ
กฤต เพราะยาม
วิ
กฤ
ติ
ก็
จะ
มี
constrints มากมาย
ที่
ทำ
ใ
ห้
เราไ
ม่
สามารถจะ
วิ
เคราะ
ห์
ห
รื
อ
ชี้
ชั
ด
ว่
า การ
ท
interconnectedness ใ
ห้
ดี
ขึ้
น จะ
ต้
อง
ทำ
อะไร
บ้
าง
ทำ
อ
ย่
างไร เพราะ
ข้
อ
จำ
กั
ด
ต่
างๆอ
ย่
าง
ที่
ไ
ด้
พู
ดมาแ
ล้
ว
แ
ต่
ที่
ผม
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
องโค
วิ
ดไ
ว้
ก่
อนเพราะผมเ
ชื่
อ
ว่
า
ทุ
ก
ท่
าน
ที่
ไ
ด้
มี
โอกาสเ
ข้
าไป
รั
บ
รู้
ห
รื
อ
มี
ส่
วน
ร่
วมในการ
ดู
แล
ผู้
ติ
ดเ
ชื้
อไป
ถึ
ง
ผู้
ป่
วย
ที่
มี
อาการ
รุ
นแรง คงจะ
มี
ข้
อส
รุ
ป
ร่
วม
กั
น
ว่
า เราอยากเ
ห็
นระบบการ
ดู
แล
สุ
ขภาพของ
ประเทศเรา
มี
ความเ
ชื่
อมโยงระห
ว่
างระ
ดั
บ
ต่
างๆ มากก
ว่
า และ
ดี
ก
ว่
า
ที่
เ
ป็
นอ
ยู่
โดยเ
ริ่
ม
ตั้
งแ
ต่
ปั
จเจก
ครอบค
รั
ว
ชุ
มชนอ
ย่
าง
ที่
ไ
ด้
พู
ดไปแ
ล้
ว ความจ
ริ
งแ
ล้
ว
มี
อี
กประเ
ด็
นห
นึ่
งในสถานการ
ณ์
โค
วิ
ด
ที่
อาจจะ
เ
ป็
น
ตั
วอ
ย่
างเ
ล็
กๆ
ก่
อนจะเ
ข้
าไปเ
รื่
องภาวะไ
ม่
วิ
กฤต
ก็
คื
อ สภาวะ
ที่
เราเผ
ชิ
ญ
กั
บความยาก
ลำ
บากของ
ผู้
ป่
วย
โค
วิ
ด โดยเฉพาะอ
ย่
าง
ยิ่
งคน
ที่
จะ
ต้
องตายโดยไ
ม่
มี
ญา
ติ
อ
ยู่
ใก
ล้
ชิ
ด ผมเ
ชื่
อ
ว่
าสภาวะ
ดั
งก
ล่
าวกระ
ตุ้
นใ
ห้
ธรรมชา
ติ
ของการอยากส
ร้
างความเ
ชื่
อมโยงใ
ห้
กั
บ
ตั
ว
ผู้
ป่
วยและญา
ติ
รวม
ทั้
งใ
ห้
กั
บ
บุ
คลากรสาธารณ
สุ
ข
และญา
ติ
เ
กิ
ด
ขึ้
น
ชั
ดเจนมาก
ซึ่
ง
ก็
จะ ค
ล้
ายๆ
กั
บเ
รื่
อง
อื่
นๆ
ที่
ผม
ตั้
ง
ข้
อ
สั
งเกต
ว่
าโค
วิ
ด
ทำ
ใ
ห้
ความอยากจะ
เ
ชื่
อมโยงระห
ว่
างอง
ค์
ประกอบเยอะแยะ
ยิ
บ
ย่
อย ในระบบบ
ริ
การสาธารณ
สุ
ข เ
ห็
น
ชั
ด
ขึ้
นแ
ต่
หากความ
อยากเห
ล่
า
นั้
นอาจจะไ
ม่
ยั่
ง
ยื
นห
รื
อไ
ม่
ยื
ดยาวออกไปในการ
ดู
แล
ผู้
ป่
วยห
รื
อ
ดู
แล
สุ
ขภาพประชาชนเ
มื่
อ
วิ
กฤต
ผ่
าน
พ้
นไปแ
ล้
ว
ก็
จะเ
ป็
นเ
รื่
อง
น่
าเ
สี
ยดายมาก แ
ต่
อาจจะ
ต้
องยอม
รั
บ
ว่
าเ
ป็
นธรรมชา
ติ
ห
รื
อเป
ล่
า

แ
ต่
ก่
อน
ที่
จะยอม
รั
บ
ว่
า
สิ่
งเห
ล่
า
นี้
เ
ป็
นธรรมชา
ติ
ผมอยากจะชวน
ท่
านอาจาร
ย์
มา
ช่
วย
กั
นมองหาโอกาสห
รื
อ
ร่
วม
กั
นออกแบบระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ
ที่
มี
interconnectedness
อั
นจะเ
ป็
น
ส่
วน
สำ
คั
ญ
ที่
จะ
ทำ
ใ
ห้
เรา
ดู
แล
สุ
ขภาพ
ประชาชนไ
ด้
ดี
ขึ้
น ใ
ช้
ท
รั
พยากรไ
ด้
อ
ย่
าง
มี
ประ
สิ
ท
ธิ
ภาพมาก
ขึ้
น และลด
อั
นตราย
ต่
อ
สุ
ขภาพ ลดภาระ
กั
บ
ผู้
ป่
วย ในสภาพ
ซึ่
งเทคโนโล
ยี
ก้
าวห
น้
า มาก
ขึ้
นเ
รื่
อยเ
รื่
อย และความเ
ชื่
อเ
รื่
องความ
จำ
เ
ป็
นในการเ
ข้
า
ถึ
ง
ผู้
เ
ชี่
ยวชาญ
กำ
ลั
งกลายเ
ป็
นมาตรฐานของ
สั
งคมมาก
ขึ้
นเ
รื่
อยเ
รื่
อย

ผมเ
ชื่
อ
ว่
าระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพ
ที่
มี
ความเ
ชื่
อมโยงมาก
ขึ้
น
ตั้
งแ
ต่
ระ
ดั
บ
ปั
จเจกไปจน
ถึ
งระ
ดั
บต
ติ
ย
ภู
มิ
เ
ป็
นอนาคตของระบบ
สุ
ขภาพ
ที่
พึ
ง
ประสง
ค์
เ
ป็
นความ
ต้
องการ
ทั่
ว
โลก ไ
ม่
ใ
ช่
เ
ป็
นโจท
ย์
เฉพาะ
ประเทศ
ที่
มี
รายไ
ด้
น้
อย ห
รื
อปานก
ลางง ความจ
ริ
งแ
ล้
ว
ยิ่
ง
มี
เ
งิ
นมาก
ก็
ยิ่
งเ
ห็
น
ชั
ด
ว่
า
ถ้
าไ
ม่
ออกแบบใ
ห้
เ
ชื่
อมโยง และ
มี
หลายระ
ดั
บ แ
ต่
ไปอ
ยู่
ที่
รพ หมด
ก็
อาจจะ
ล้
ม
ละลายไ
ด้
ไ
ม่
ยากก
มี
แนว
คิ
ดสากล
ที่
พู
ด
ถึ
งเ
รื่
อง
นี้
ที
น่
าจะใก
ล้
เ
คี
ยง
ที่
สุ
ด
ที่
อยากจะ
อ้
าง
ถึ
ง
คื
อ แนว
คิ
ด
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า people centered integrated
health care system

ผมเองมอง
พั
ฒนาการของระบบบ
ริ
การ
สุ
ขภาพไทยไ
ว้
ค่
อน
ข้
าง
ดี
โดยเฉพาะอ
ย่
าง
ยิ่
งในแ
ง่
ของความพยายาม
ในการส
ร้
างระบบบ
ริ
การ
ที่
มี
คุ
ณสม
บั
ติ
ที่
เ
รี
ยก
ว่
า people centered integrated health care system
ถ้
า
ลองไ
ล่
จากประ
วั
ติ
ศาตของ
พั
ฒนาการระบบ
สุ
ขภาพ



(10) People Centered Integrated Health Care
Evolution of the Thai Health System
49
Key Events
On PHC
Autonomous
public
organizations
MoPH = Ministry of Public Health, HSRI = Health System Research Institute, LGs = local governments
ThaiHealth = Thai Health Promotion Foundation, NHSO = National Health Security Office,
NHCO = National Health Commission Office, EMIT = Emergency Medical Institute of Thailand,
HAI = Hospital Accreditation Institute, CUP = contracting Unit for primary Care, FCT = Family Care Team
1888
1828
King Rama 3
started the
Western
medicine
Siriraj
Hospital
established
MoPH
Mandatory
rural
services
HFA/
PHC
policy
UCS
NHSO
Department of
Public Health,
MoI
1918 1968
1942 07/08/09
1978 2001
1975
Scaling up
District
Health
System
(DH + HC)
Low
Income
Scheme
1980s
CSMBS 1980
Health Card 1983
SSS 1990
1990s
1992
A decade of
health center
development
1997 Constitution
Economic crisis
NHCO
1992
HSRI
ThaiHealth
LGs
HIA
EMIT
1946
First MoPH
nursing
college
1999
Local
Health
Funds
2006
Health Posts
Health centre CUP FCT
2014
49
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada
Patakatha thada

Weitere ähnliche Inhalte

Mehr von Pattie Pattie

การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีการประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีPattie Pattie
 
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Pattie Pattie
 
ResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfPattie Pattie
 
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPattie Pattie
 
KrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxKrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxPattie Pattie
 
จาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxจาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxPattie Pattie
 
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdfPattie Pattie
 
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdfPattie Pattie
 
LifeLongLearner.pptx
LifeLongLearner.pptxLifeLongLearner.pptx
LifeLongLearner.pptxPattie Pattie
 
High-education-vicharn.pptx
High-education-vicharn.pptxHigh-education-vicharn.pptx
High-education-vicharn.pptxPattie Pattie
 

Mehr von Pattie Pattie (20)

การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีการประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
 
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
 
ResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdf
 
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
 
670111_PDF.pdf
670111_PDF.pdf670111_PDF.pdf
670111_PDF.pdf
 
NoteMemoCare.pdf
NoteMemoCare.pdfNoteMemoCare.pdf
NoteMemoCare.pdf
 
KrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxKrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptx
 
จาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxจาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptx
 
Udom_Pdf.pdf
Udom_Pdf.pdfUdom_Pdf.pdf
Udom_Pdf.pdf
 
Kregrit_Pdf.pdf
Kregrit_Pdf.pdfKregrit_Pdf.pdf
Kregrit_Pdf.pdf
 
Phuket_sandbox.pdf
Phuket_sandbox.pdfPhuket_sandbox.pdf
Phuket_sandbox.pdf
 
Surin_ppt.pptx
Surin_ppt.pptxSurin_ppt.pptx
Surin_ppt.pptx
 
Nakornsawan.pdf
Nakornsawan.pdfNakornsawan.pdf
Nakornsawan.pdf
 
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf
20230119-ar-พุทธวิธีตอนที่11.pdf
 
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf
๓๖ ปี แพทย์ศิรราช ๗๑.pdf
 
LifeLongLearner.pptx
LifeLongLearner.pptxLifeLongLearner.pptx
LifeLongLearner.pptx
 
Ravivan.pdf
Ravivan.pdfRavivan.pdf
Ravivan.pdf
 
Siriraj71.pdf
Siriraj71.pdfSiriraj71.pdf
Siriraj71.pdf
 
37Years_Sampran.pdf
37Years_Sampran.pdf37Years_Sampran.pdf
37Years_Sampran.pdf
 
High-education-vicharn.pptx
High-education-vicharn.pptxHigh-education-vicharn.pptx
High-education-vicharn.pptx
 

Patakatha thada

  • 1. ผมขอขอบพระ คุ ณคณะแพทยศาสต ร์ มหา วิ ทยา ลั ย สงชลสนค ริ นท ร์ ที่ ใ ห้ เ กี ยร ติ ผมเ ป็ นอง ค์ ปาฐก ธาดา ยิ บ อิ นซอยในค รั้ ง นี้ พ ร้ อม กั บ ตั้ ง หั ว ข้ อ ซึ่ งผมเ ชื่ อ ว่ า ถ้ า ท่ านอาจาร ย์ ธาดาไ ด้ ทราบ อาจจะ ชื่ นชม ผู้ จั ด ว่ า ผู้ จั ดคง รู้ จั กความสนใจห รื อ วิ ธี คิ ดของ ท่ านอาจาร ย์ ใน มุ มห นึ่ ง ที่ สำ คั ญมาก แ ต่ ในขณะเ ดี ยว กั น ท่ านอาจาร ย์ ธาดา ก็ จะไ ม่ ยิ น ดี ที่ ไ ด้ มี การ จั ดปาฐกถาในนามของ ท่ าน พวกเรา ที่ ไ ด้ มี โอกาส ทำ งาน ห รื อ รู้ จั ก ท่ าน อจ ธาดา คงทราบ ดี ว่ า อาจาร ย์ เ ป็ นคนห นึ่ ง ซึ่ งไ ม่ เคยอยากออก ห น้ าห รื อไ ด้ ห น้ า ห รื ออยาก มี คนมายก ย่ อง ห รื อ พู ด ถึ งเ รื่ อง ดี ดี ที่ ท่ านไ ด้ ท ทั้ ง ทั้ ง ที่ ใน ชี วิ ตของ อาจาร ย์ ท เ รื่ อง ดี ดี ไ ว้ มากมาย อาจาร ย์ เคย พู ดประโยคห นึ่ ง ซึ่ งผมเ ชื่ อ ว่ าหลาย ท่ าน ก็ อาจจะเคยไ ด้ ยิ นเห มื อนผม คื อ มั ก จะ มี คนบอก ว่ า ท่ านเ สี ยสละมากมายในการ ทำ งาน ตั้ งแ ต่ การก ลั บจาก ต่ างประเทศมาอ ยู่ ในเ มื องไทย ซึ่ ง มี ข้ อ จำ กั ดในการ ทำ งานมากก ว่ าเ มื่ ออ ยู่ ต่ างประเทศมากมาย นั ก และ ยั ง ทำ งานหาม รุ่ งหาม ค่ำ ตื่ นแ ต่ เ ช้ านอน ดึ ก ทำ ทุ กอ ย่ าง ที่ ทำ ไ ด้ ดู คนไ ข้ อ ย่ าง ตั้ งใจใ ห้ เบอ ร์ โทร ศั พ ท์ กั บคนไ ข้ เ พื่ อใ ห้ คำ ป รึ กษาเ มื่ อคนไ ข้ ต้ องการห รื อ อื่ นๆ อี กมากมาย ซึ่ งหลาย ท่ านคงจะทราบ ดี ก ว่ าผม และ ก็ คงเคยไ ด้ ยิ น อาจาร ย์ บอก ว่ า ถ้ าจะ ทำ อะไร ต้ อง ทำ โดยบอก ตั วเอง ใ ห้ ไ ด้ ว่ าไ ม่ ไ ด้ กำ ลั งเ สี ยสละเพราะการ ทำ งานโดยบอก ว่ า ตั วเอง กำ ลั งเ สี ยสละจะ ทำ ใ ห้ ทำ ไ ด้ ไ ม่ ดี และไ ม่ นาน คง มี อี กหลายเ รื่ อง ซึ่ ง น่ าจะ พู ด ถึ ง ที่ ท่ าน อาจาร ย์ ธาดา ไ ด้ ทำ ไ ว้ แ ต่ ผม ก็ จะ ยึ ดแนว คิ ด ที่ ท่ านอาจาร ย์ อยากใ ห้ เ ป็ น ก็ คื อไ ม่ พู ด ถึ ง คุ ณงามความ ดี ห รื อ สิ่ ง ที่ ท่ านอาจาร ย์ ไ ด้ ท แ ต่ จะขอ พู ด ถึ ง ท่ าน ใน ส่ วน ที่ เ ป็ น หั ว ข้ อของ การปาฐกถาใน วั น นี้ เพราะ ต้ องยอม รั บ ว่ า เ มื่ อผมเ ห็ น หั ว ข้ อ ที่ กำ หนดไ ว้ และเ ห็ น ว่ า เ ป็ นการ พู ดปาฐกถาใน นามอาจาร ย์ ผม ก็ รี บ รั บ ทั น ที แ ม้ รู้ ว่ าไ ม่ ใ ช่ choice แรก ที่ ทางคณะอยากใ ห้ เ ป็ น เพราะเ รื่ อง interconnectedness น่ าจะ ทำ ใ ห้ ผมไ ด้ ถื อเ ป็ นโอกาส คุ ย กั บ อาจาร ย์ ธาดา พ ร้ อม กั บ คุ ย กั บ ทุ ก ท่ าน ใน สิ่ ง ที่ ผมเ ชื่ อ ว่ า เ ป็ นแนว คิ ด สำ คั ญ ที่ ท่ านอาจาร ย์ ไ ด้ เคย พู ดไ ว้ ในหลายกรรมหลายวาระแ ต่ อาจจะ ด้ วยการใ ช้ คำ ที่ แตก ต่ าง กั น Chaos fractals interconnectedness and complex systems ผู้ จั ดเ ลื อกใ ช้ คำ ว่ าinterconnectedness ซึ่ งผม รู้ สึ ก ว่ าเ ป็ นการเ ลื อกใ ช้ คำ ที่ น่ าสนใจเพราะผม ดู จาก โปรแกรมเ ดิ ม ก็ เ ห็ นใ ช้ คำ นี้ แ ต่ ใ ห้ พู ด ถึ งในบ ริ บท ที่ เ รี ยก ว่ า happy workplace สำ ห รั บผม ผู้ จั ด ตั้ ง หั ว ข้ อเ ป็ น interconnectedness ในระบบบ ริ การ สุ ขภาพ ผม อ้ าง อิ ง ถึ ง ท่ าน อจ เพราะ ว่ า อาจาร ย์ ธาดาเคย พู ด ถึ งค ณิ ต ศาส ซึ่ งเ ป็ น พื้ นฐานของการ พู ด ถึ ง interconnectedness นั่ น ก็ คื อ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า chaos และfractals Chaos ในภาษา อั งกฤษ ทั่ วไป แปล ว่ า วุ่ นวายแ ต่ ในความหมายทาง วิ ทยาศาสต ร์ เวลา พู ด ถึ ง chaos จะ หมาย ถึ งธรรมชา ติ ของระบบ ส่ วนให ญ่ ใน ชี วิ ตจ ริ ง ซึ่ งมอง ทั่ วไป ก็ เห มื อน chaotic เห มื อนคาดเดาไ ม่ ไ ด้ เพราะ มั นเ ป็ นระบบ ซั บ ซ้ อน ( ตั วอ ย่ าง ที่ พู ด ถึ ง บ่ อยๆ คื อ พยากร ณ์ อากาศ) ห รื อ อี ก นั ยห นึ่ ง chaos คื อ คุ ณสม บั ติ ของระบบ ซั บ ซ้ อน ที่ ภาษา อั งกฤษใ ช้ คำ ว่ า complex systems คน ที่ ศึ กษาห รื อ อ้ าง ถึ งการ คิ ดเ ชิ งระบบ (systems thinking) คงทราบ ดี ว่ า สิ่ ง ที่ เ รี ยก กั น ว่ า systems ถู ก นำ มาแยก ย่ อยเ ป็ นระบบสามแบบตาม ความ ซั บ ซ้ อน คื อ simple systems หมาย ถึ งระบบ ที่ อง ค์ ประกอบ ย่ อยในระบบ มี ความ สั ม พั น ธ์ ที่ ชั ดเจนและ เ กิ ดผล ที่ ตาดเดาไ ด้ ไ ม่ ย่ ก , comlicated systems ก็ ค ล้ าย simple systems แ ต่ ผล ที่ เ กิ ดคาดเดาไ ด้ ยากก ว่ า ต้ องอา ศั ยการ คำ นวณ ที่ ยุ่ งยาก ขึ้ น เพราะความ สั ม พั น ะ์ ขององ ค์ ประกอบ ย่ อย ไ ม่ ไ ด้ ตรงไปตรงมา ใ ห้ นึ ก ถึ ง เวลาออกแบบcell บาง cell ใน spreadsheet ก็ น่ าจะพอ นึ กออก complex systems s หมาย ถึ งระบบ ที่ ความ สั ม พั น ธ์ ขององ ค์ ประกอบ ย่ อยในระบบ ซั บ ซ้ อนมาก จนยาก ที่ จะคาดเดาผล สุ ด ท้ ายไ ด้ ง่ ายๆ แ ต่ นั ก
  • 2. วิ ทยาศาสต ร์ ก็ เ ชื่ อ ว่ า พอ ทำ นายไ ด้ แ ต่ ก็ ต้ อง ทำ ใจ ว่ า อาจไ ม่ เ ป็ นไปตาม ที่ ทำ นาย เพราะ คุ ณสม บั ติ สำ คั ญ ของระบบ ซั บ ซ้ อน คื อ unintended consequences และ emerging phenomenon อั นเ นื่ องมาจากความ ซั บ ซ้ อนของความ สั ม พั น ธ์ ขององ ค์ ประกอบ ย่ อย และผล ที่ เ กิ ด ขึ้ นจากป ฎิ สั ม พั น ธ์ ย่ อยๆ ที่ มี อ ยู่ มากมาย บาง คน ก็ อาจจะเ ข้ าใจ ห รื อ รู้ จั ก มั น ผ่ าน คำ เป รี ยบเปรย ว่ า ผี เ สื้ อกระ พื อ ปี ก (butte fl y e ff ects) และเห ตุ ผล ที่ complex systems มี ธรรมชา ติ ที่ เ รี ยก ว่ า chaos คื อออกไปใน ข้ าง ที่ เห มื อน ยุ่ งยากและ วุ่ นวาย ก็ เพราะ interconnectedness นั่ นเอง อ ย่ าง ที่ ผมไ ด้ เก ริ่ นไ ว้ ท่ านอาจาร ย์ ธาดา อาจจะไ ม่ เคยใ ช้ คำ ว่ า interconnectedness แ ต่ ท่ าน พู ด ถึ ง chaos และ complex systems อ ยู่ บ่ อยๆ ผม จำ ไ ด้ ว่ า ฉั นเคย ส่ งบทความ สั้ น สั้ น ที่ พู ด ถึ งการ คำ นวน ดี ก รี ความ ซั บ ซ้ อนของระบบ ซึ่ งเ ป็ น ตั วหาร ของสอง ตั วแปร คื อ จำ นวนอง ค์ ประกอบในระบบและ จำ นวนความ สั ม พั น ธ์ ของแ ต่ ละอง ค์ ประกอบ ในระบบ นั้ น นั้ น ถ้ าผล ที่ ออกมามากก ว่ า 1 ก็ แปล ว่ า มี ความ ซั บ ซ้ อนมาก อาจจะเ ขี ยนเ ป็ น สู ตรไ ด้ ว่ า Complexity = number of linkages between each component (l) / number of subcomponents (c) หากเป รี ยบเ ที ยบ ง่ าย ง่ าย ก็ ลอง นึ ก ถึ งความ สั ม พั น ธ์ ของคน ระบบ ที่ มี คนแ ค่ สองคน มี ลิ ง ก์ ห นึ่ ง ลิ้ ง ค์ ห รื อ มี ความ สั ม พั น ธ์ แบบเ ดี ยว ก็ จะ มี ความ ซั บ ซ้ อน น้ อยก ว่ า ระบบ ที่ มี คนสามคนและ มี ลิ้ ง ค์ อ ย่ าง น้ อยสอง ลิ ง ค์ นี้ ไ ม่ นั บ ว่ าความ สั ม พั น ธ์ ระห ว่ างคนสองคน ว่ าไปแ ล้ ว ก็ มี ความ สั ม พั น ธ์ หลายแบบ เพราะฉะ นั้ นแ ม้ มี แ ค่ สององ ค์ ประกอบ ย่ อย ก็ อาจ มี ลั กษณะความ สั ม พั น ธ์ ที่ มากก ว่ าแ ค่ ห นึ่ งลอง จิ นตนาการ ดู นะค รั บ ว่ า ความ ซั บ ซ้ อนของคน แ ค่ สองคน ที่ มี ความ สั ม พั น ธ์ กั นจะสามารถ ยุ่ งยาก วุ่ นวายไ ด้ ขนาดไหน นี่ ไ ม่ ต้ อง พู ด ถึ งคนสามคนห รื อคน 70,000,000 คน ยั งประเทศไทยใน ปั จ จุ บั น นี้ ก่ อนจะไป พู ด ถึ งเ รื่ องinterconnectedness ในระบบ สุ ขภาพ ซึ่ งเ ป็ น ที่ มาของความ ซั บ ซ้ อนของระบบ สุ ขภาพ ไ ม่ ว่ าในประเทศใด ก็ แ ล้ วแ ต่ ขออ นุ ญาตแวะ พู ด ถึ ง คำ ว่ า factals สั ก นิ ด นึ งเ ท่ า ที่ ผมเ ข้ าใจในฐานะคน ที่ ไ ม่ ใ ช่ นั กค ณิ ตศาสต ร์ พู ด ถึ งค ณิ ตศาสต ร์ หลาย ท่ าน ที่ รู้ จั กอาจาร ย์ ธาดาเ ป็ นอ ย่ าง ดี คงทราบ ดี ว่ านอกจาก ท่ านจะ เ ป็ นแพท ย์ แ ล้ ว ท่ าน ก็ เ ป็ นคน ที่ มี ความ รู้ ค ณิ ตศาสต ร์ ที่ ลึ ก ซึ้ งมากงาน วิ จั ยของ ท่ าน ว่ า ด้ วยเ รื่ อง cardiodynamics พยายาม ทำ นาย การไหลเ วี ยนของเ ลื อดใน ร่ างกาย ที่ แปร ผั นตามความสามารถของ หั วใจ ที่ ซึ่ งในทางทฤษ ฎี ก็ คื อการพยายาม ทำ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า systems modelling ผมเ ข้ าใจ ว่ า นั กค ณิ ตศาสต ร์ จำ นวนห นึ่ ง มี ความเ ชื่ อ ว่ า สิ่ ง ที่ เราเ ห็ น ว่ า ซั บ ซ้ อน นั้ นอาจจะสามารถ วิ เคราะ ห์ เจาะ ลึ กลงไปจนเ ห็ น สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า ห น่ วย ย่ อย ที่ สุ ด พู ด ง่ าย ง่ าย ก็ คื อระบบ ซั บ ซ้ อนเ ป็ นผลจากการขยาย ตั วใน มิ ติ และ ทิ ศทาง ที่ แตก ต่ าง กั นของ ห น่ วย ย่ อย และ นั ก วิ ทยาศาสต ร์ เ รี ยก ห น่ วย ย่ อย นี้ ว่ า fractals ในทางป ฏิ บั ติ นั ก วิ ทยาศาสต ร์ ห รื อ นั กค ณิ ตศาสต ร์ อาจจะพยายามหา fractals และพฤ ติ กรรมของ มั น ใน complex systems เ พื่ อ predict ว่ าผล ที่ จะเ กิ ด ขึ้ นในเวลาห นึ่ งๆของ complex systems จะ มี ห น้ าตา ต่ างๆ ไ ด้ อ ย่ างไร ในทางป ฏิ บั ติ ของการ ท systems prediction ผม ก็ ไ ม่ แ น่ ใจ ว่ า factals ถู กเอามาใ ช้ มาก น้ อย แ ค่ ไหนเ พี ยงใด อาจาร ย์ ธาดา เคยชวนใ ห้ รวม ตั ว นั ก วิ ชาการ ห รื อ คน ทำ งาน ที่ สนใจ ทำ รู ปแบบการ ทำ นาน (prediction model) มา คุ ย กั น โดยเอาเ รื่ องโรคระบาด มาเ ป็ น ตั วอ ย่ าง ตอน นั้ น ก็ึ ก ถึ งเ รื่ อง ไ ข้ เ ลื อดออก เพราะ มี คนพยายาม ทำ กั นแยะ และ ซั บ ซ้ อนจ ริ ง ต่ อมา เ มื่ อ มี emerging diseases เ กิ ด ขึ้ น ทาง สวทช ก็ ไ ด้ ส่ งเส ริ มใ ห้ มี การ ท outbreak prediction modelling คุ ณหมอโสภณ ที่ ตอน นี้ เ ป็ นรองอ ธิ บ ดี สู้ โค วิ ด ก็ เ ป็ น คนห นึ่ ง ที่ สนใจ และ ทำ เ รื่ อง นี้ มา แ ต่ ก็ คง ต้ องอา ศั ย นั ก วิ ชาการ ที่ จะ มี เวลาไปลง ลึ ก มากก ว่ า คน ที่ มี ห น้ า ที่ รั บ
  • 3. ผิ ดชอวการควบ คุ มโรคโดยตรง เ ท่ า ที่ ทราบในทางเทค นิ ค ก็ มี คนส ร้ าง prediction model หลายแบบ แ ม้ ในวงการควบ คุ มโรค จะ มี model พื้ นฐาน ที่ เ รี ยก ว่ า SEIR model พอเจอโค วิ ด และ ศึ กษาธรรมชา ติ การ แร พ่ กระจายมาก ขึ้ น ก็ ต้ องไปป รั บ รายละเ อี ยด กั น อี กมา อ ย่ างการ ทำ นาย จำ นวน ผู้ ติ ดเ ชื้ อ จะ ทำ นายการเ พิ่ ม โดยใ ช้ สมการแบบไหน ก็ เป ลี่ ยนไปแยะ เ มื่ อพบ ว่ า ผู้ ติ ดเ ชื้ อ ส่ วนให ญ่ เ กิ ดจาก superdpreading events/ setting ( สิ่ งแวด ล้ อม) ซึ่ งอาจจะไ ม่ ใ ช่ แ ค่ มี superspreader (คนแพ ร่ เ ชื้ อเ ก่ ง) ผมไ ม่ ไ ด้ เ รี ยนค ณิ ตศาสต ร์ ยากๆ เลยใน ชั้ น มั ธยม ไ ม่ ว่ า ต้ นห รื อปลาย (เ พื่ อนๆหลายคน ที่ อ ยู่ โรงเ รี ยน ดั งๆ ไ ด้ เ รี ยนมากก ว่ าผมมาก) พอมาเ ข้ ามหา วิ ทยา ลั ย เขา ก็ บอก ว่ า วิ ชา วิ ทยาศาสต ร์ พื้ นฐานเ รี ยน น้ อยๆ เพราะไ ม่ เ กี่ ยว กั บการเ ป็ นแพท ย์ มาก นั ก เพราะฉะ นั้ น ที่ พู ดมาอาจไ ม่ ถู ก ต้ องอ ยู่ บ้ าง และ ถ้ า ท่ าน อาจาร ย์ ธาดา นั่ ง ฟั ง อ ยู่ ด้ วย ก็ อาจจะ ลุ ก ขึ้ นมา ช่ วยแ ก็ จุ ด ที่ ผมป ล่ อยไ ก่ ไปมากมาย แ ต่ สำ ห รั บการ ทำ งานในระยะ ต่ อไป ก็ ขอใ ห้ ท่ านอาจาร ย์ ที่ เ ป็ น นั กค ณิ ตศาสต ร์ มา ช่ วย กั นรวม ตั ว ทำ กั นนะค รั บ ผมจะขออ นุ ญาตก ลั บไป พู ด ถึ งเ รื่ องระบบ สาธารณ สุ ข และความ ซั บ ซ้ อนของระบบสาธารณ สุ ขห รื อขอใ ช้ คำ ว่ าระบบ สุ ขภาพอาจจะ ดี ก ว่ า เ พื่ อใ ห้ เ ห็ น รู ปธรรม อี กอ ย่ าง ของ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า interconnectedness ขององ ค์ ประกอบ ต่ างๆในระบบ ซั บ ซ้ อน แนว คิ ดห นึ่ ง ที่ สำ คั ญ คื อ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า systems archetypes ที่ พู ด ถึ ง ความ สั ม พั น ธ์ เ ชิ งระบบ ที่ พึ งตระห นั ก ว่ า มั นอาจจะเ กิ ด ขึ้ นไ ด้ บ่ อยๆ และ มั ก ทำ ใ ห้ เราแปลกใจ เพราะ มั นไ ม่ ไ ด้ ตรงไปตรงมา จากการมองห รื อ คิ ดโดย ใ ช้ ตรรกะ ทั่ วไป คน ที่ เคย อ่ านห นั ง สื อ the fi fth disciplins ของ Peter Senge คงเคยเ ห็ นและเ ข้ าใจ ความจ ริ ง senge ก็ เ ป็ น นั ก คิ ดเ ชิ งระบบ รุ่ นเ ดี ยว กั บ J Forrester ที่ ไปเอา ดี ทาง systems dynamics แ ต่ Senge ออกมาทางเ ชิ ง คุ ณภาพ และพยายามส ร้ างความเ ข้ าใจเ รื่ องความ ซั บ ซ้ อน อั นเ ป็ นผลมาจาก interconnecteness มากก ว่ า พยายามส ร้ างสมการ ทำ นาย และป ล่ อยใ ห้ คนงงๆ ว่ า อะไร คื อ สม มุ ติ ฐานเ บื้ องห ลั งการ ทำ นาย มี คนส รุ ปไ ว้ ว่ า systems archetypes สำ คั ญๆ มี อ ยู่ ราว 10 แบบ ซึ่ งคน ที่ สนใจอาจไป อ่ านละเ อี ยดไ ด้ จาก ห นั ง สื อ ที่ ว่ า
  • 5. ระบบ สุ ขภาพ กั บความ ซั บ ซ้ อน ขออ นุ ญาตเ ริ่ ม ด้ วย สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าระบบ สุ ขภาพภาพรวม ซึ่ งโดยความหมาย ก็ คื อการพยายามจะบอก ว่ า ถ้ าเรา อยากจะใ ห้ สุ ขภาพของ ผู้ คนใน สั งคมห นึ่ งห นึ่ งอาจจะหมาย ถึ ง ชุ มชนประเทศ ภู มิ ภาคห รื อแ ม้ แ ต่ ในโลก ถ้ าเรา อยากใ ห้ สุ ขภาพของคน ที่ อ ยู่ ในเ ซ็ ต ติ้ งเห ล่ า นี้ ดี เรา จำ เ ป็ นจะ ต้ องไป ทำ ใ ห้ เ กิ ดอง ค์ ประกอบเยอะ ย่ อย ที่ มี คุ ณสม บั ติ และความ สั ม พั น ธ์ กั นอ ย่ างไร ถ้ าลอง นึ กเ ร็ วเ ร็ ว ว่ าอง ค์ ประกอบ ย่ อยของระบบ สุ ขภาพ มี กี่ อง ค์ ประกอบและความ สั ม พั น ธ์ ที่ น่ าจะเ ป็ นไปของ อง ค์ ประกอบให ญ่ ให ญ่ ในระบบ สุ ขภาพ มั น มี ไ ด้ กี่ คำ กี่ รู ปแบบ จะพอมองเ ห็ นความ ซั บ ซ้ อนของ มั น แ ต่ เวลา เรา นำ มาเ ขี ยนเ ป็ นไดอะแกรม ก็ จะ มี แนวโ น้ ม ที่ จะ ทำ ใ ห้ มั น ดู ง่ าย ทำ ใ ห้ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ ารายละเ อี ยดความ สั ม พั น ธ์ รวม ทั้ งอง ค์ ประกอบ ย่ อยๆหายไป เราจะเ ห็ นแ ต่ ความ สั ม พั น ธ์ ของก ลุ่ มให ญ่ ให ญ่ และเรา ก็ มั กจะแทนความ สั ม พั น ธ์ ของก ลุ่ มให ญ่ ๆ ด้ วยเ ส้ นเ ส้ นเ ดี ยว เห มื อน ตั วอ ย่ างของไดอาแกร ห์ ม ที่ พยายามจะ พู ด ถึ งระบบ สุ ขภาพ และอง ค์ ประกอบ ที่ กำ หนดภาวะ สุ ขภาพ หลายหลาย ตั วอ ย่ าง ที่ ผมยกมาใ ห้ ดู เ ป็ น ตั วอ ย่ าง ข้ าง ล่ าง
  • 6. ผมเองโดย ส่ วน ตั วเ ชื่ อ ว่ า สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าอง ค์ ประกอบ ย่ อยๆในระบบ สุ ขภาพจะประกอบ ด้ วยอะไร บ้ างและความ สั ม พั น ธ์ ของ มั นเ ป็ นอ ย่ างไรห รื อควรเ ป็ นอ ย่ างไรเ ป็ นผลมาจากความพยายามในการ ที่ จะ ทำ ความเ ข้ าใจเ กี่ ยว กั บ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า สุ ขภาพ และไ ด้ ป รั บเป ลี่ ยนมาเ ป็ นระยะ ตามความ รู้ และประสบการ ณ์ ของ สั งคม และ วิ ชา ชี พ ถ้ า ย้ อนก ลั บไปในประ วั ติ ศาสต ร์ เรา น่ าจะ เ ริ่ ม ต้ นจาก สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า “การเ ป็ นโรคและการหายจากโรค” แ ต่ ถ้ ากระโดดมา ที่ อง ค์ การอนา มั ยโลก ที่ ไ ด้ กำ หนดไ ว้ ใน ธรรม นู ญขององ ค์ การอนา มั ยโลกมาก ว่ า 50 ปี ก็ ไ ด้ พู ด ถึ งประเ ด็ น นี้ ไ ว้ อ ย่ าง ชั ดเจน ว่ า สุ ขภาพ ดี ไ ม่ ไ ด้ หมาย ถึ งการไ ม่ เ ป็ นโรคเ ท่ า นั้ น แ ต่ หมาย ถึ งสภาวะ ที่ ดี ของ สาม มิ ติ เ ป็ นอ ย่ าง น้ อย คื อ ร่ างกาย จิ ตใจและ สถานะใน สั งคมของคนคนห นึ่ ง ความจ ริ ง มี มิ ติ ที่ สี่ คื อสภาวะ ทาง จิ ต วิ ญญาณ ซึ่ งเ ท่ า ที่ ผมทราบ ไ ด้ เคย มี การพยายาม ที่ จะ นำ เสนออง ค์ การอนา มั ยโลกในส มั ย ที่ ดร มา ห์ เลอ ร์ เ ป็ น ผู้ อำ นวยการให ญ่ อง ค์ การอนา มั ยโลก (ใก ล้ กั บ ช่ วง ที่ มี นโยบาย สุ ขภาพ ดี ถ้ วนห น้ า) แ ต่ เ นื่ องจาก การแ ข่ ง ขั นทางการเ มื องและความเ ชื่ อทางศาสนา ทำ ใ ห้ มิ ติ เ รื่ อง จิ ต วิ ญญาณ ถู กมอง ว่ าเ ป็ นเ รื่ องของความ พยายามในการ ที่ จะเอาศาสนาเ ข้ ามาเ กี่ ยว ข้ อง ขอก ลั บมา ที่ ประเ ด็ น ว่ าความเ ข้ าใจห รื อรายละเ อี ยดของ สิ่ ง ที่ ระบบ สุ ขภาพ ที่ เรา พู ด ถึ ง กั นใน ปั จ จุ บั น นี้ เ ป็ นผล จากความ รู้ ที่ เ พิ่ ม ขึ้ นเ รื่ อยขออ นุ ญาตใใ ช้ ไดอะแกรม ที่ ผมเองส รุ ป ขึ้ นมาจาก พั ฒนาการของ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าการ รั กษาโรคและการ ดู แล สุ ขภาพ ซึ่ งผมไ ด้ แ บ่ งแบบ ง่ าย ง่ ายเ ป็ น 10 ขั้ นตอนห รื อ 10 ช่ วงในประ วั ติ ศาสของ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า สุ ขภาพ
  • 7. ถ้ าเราเ ริ่ มจากใน ยุ คแรกแรก ซึ่ งการเ จ็ บไ ข้ ไ ด้ ป่ วยเ ป็ น ปั ญหา สำ คั ญ ที่ จะ ต้ องไ ด้ รั บการแ ก้ ไขเ พื่ อจะไ ด้ ก ลั บไป มี ชี วิ ตตามปก ติ ไ ม่ ต้ องตายไป ก็ จะเ ห็ น ชั ด ว่ า คำ ว่ า สุ ขภาพหมาย ถึ งการไ ม่ ป่ วยห รื อการรอดจากความเ จ็ บ ป่ วย แ ต่ คำ ว่ า “การไ ม่ ป่ วย” แปล ว่ าอะไรไ ม่ มี ใครไปใ ห้ ความ สำ คั ญมาก ต่ อมา ก็ มี ผู้ มา นำ เสนอ ว่ าการ ที่ เราจะไ ม่ ป่ วยอาจจะ มี สิ่ ง ที่ ทำ ไ ด้ ที่ สำ คั ญ ก็ คื อเ รื่ อง สุ ขา ภิ บาลและ สิ่ งแวด ล้ อม ห รื อความสะอาดความจ ริ งแนว คิ ดเ รื่ องความสะอาดเ ช่ นการ ล้ าง มื อห รื อแ ม้ กระ ทั่ งการ ทำ ระบบ น้ำ สะอาดห รื อ ระบบการ สุ ขา ภิ บาลเ พื่ อไ ม่ ใ ห้ เ กิ ด น้ำ ขั ง มี มา ก่ อนความ รู้ ว่ า ด้ วยเ รื่ องเ ชื้ อโรคเ สี ย อี ก พู ด ง่ าย ง่ าย คื อม นุ ษ ย์ รู้ จั ก ปั จ จั ย ที่ ทำ ใ ห้ เรา ป่ วย ที่ ไ ม่ ใ ช่ ปั จ จั ยเ รื่ องเ ชื้ อโรค แ ต่ อาจ สั ม พั น ธ์ กั บ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าเ ชื้ อโรค ก่ อน ที่ จะ รู้ จั ก ตั ว เ ชื้ อโรคเ สี ย อี ก แ น่ นอน ว่ าห ลั งจาก นั้ นม นุ ษ ย์ ก็ รู้ จั กเ ชื้ อโรคและพยายามจะ พู ด ถึ งเ รื่ องการไ ม่ ป่ วย ว่ า สั ม พั น ธ์ กั บการ ทำ ใ ห้ ไ ม่ ติ ดเ ชื้ อโรคและเ มื่ อเทคโนโล ยี ในเ รื่ องการ ฆ่ าเ ชื้ อเ พิ่ ม ขึ้ นเรา ก็ ไปใ ห้ ความสนใจ กั บเ รื่ องเ ชื้ อโรคแทน ที่ จะใ ห้ ความสนใจ กั บเ รื่ อง สิ่ งแวด ล้ อมและ สุ ขา ภิ บาล ซึ่ งอาจจะเ ป็ นสาเห ตุ ของการ ที่ จะ ทำ ใ ห้ เ ชื้ อโรค ที่ ไ ม่ เ ป็ น มิ ตร เจ ริ ญเ ติ บโต แ ต่ ก็ ใ ช่ ว่ าความพยายาม ที่ จะมองใ ห้ ทะ ลุ ว่ า ทำ อ ย่ างไร คน จึ งจะ มี สุ ขภาพ ดี จะ ถู กหลง ลื มไป แ ล้ วพา กั น หั น ไป พั ฒนาแ ต่ ระบบบ ริ การ รั กษาโรค เพราะห ลั งจาก มี การ พู ด ถึ ง ปั จ จั ยทาง สิ่ งแวด ล้ อมแ ล้ ว ก็ ยั ง มี การ นำ เสนอ ว่ า มั น มี ปั จ จั ยเ กี่ ยว กั บเ รื่ อง อาหารการ กิ นห รื อแ ม่ กระ ทั่ งเศรษฐฐานะ ที่ จะ ทำ ใ ห้ คนเ จ็ บ ป่ วยห รื อแ ม้ กระ ทั่ ง หายจากความเ จ็ บ ป่ วยไ ม่ ใ ช่ เ รื่ องของระบบการ รั กษาพยาบาลห รื อเทคโนโล ยี เ พื่ อใ ห้ หายจากโรคเ ท่ า นั้ น คน สำ คั ญ ที่ นำ เสนอแนว คิ ด นี้ ก็ คื อMckeown ซึ่ งจน ถึ ง ทุ ก วั น นี้ ข้ อเสนอของเ ค้ า ที่ เ กิ ดจากการ วิ เคราะ ห์ ข้ อ มู ล คนไ ข้ ที่ ป่ วยเ ป็ น วั ณโรค ก็ ยั งเ ป็ น ข้ อ ถู กเ ถี ยง กั น ว่ าเ ป็ น ข้ อส รุ ป ที่ มี พื้ น ฐานทาง วิ ทยาศาสต ร์ มั่ นคงมาก น้ อย เ พี ยงใดแ ต่ ก็ ต้ องยอม รั บ ว่ าเขาเ ป็ น ผู้ ที่ เ ปิ ด มิ ติ ใ ห้ เ ห็ นเ กี่ ยว กั บเ รื่ องเศรษฐ กิ จและ สั งคมไ ม่ ใ ช่ สิ่ งแวด ล้ อมทาง กายภาพ ที่ พู ด ถึ งเ รื่ องความสะอาดห รื อความไ ม่ สะอาดเ ท่ า นั้ น แ น่ นอน ว่ าเ มื่ อเราเ ข้ าใจมาก ขึ้ นเ กี่ ยว กั บ ปั จ จั ย ที่ ช่ วย ทำ ใ ห้ เราไ ม่ ป่ วย ก็ มี ความพยายามมาก ขึ้ น ที่ จะ ทำ ความ เ ข้ าใจใ ห้ ลึ ก ซึ้ ง ขึ้ น ว่ าการ มี สุ ขภาพ ที่ ดี ต้ อง ช่ วย กั น ทำ อะไร บ้ าง จน นำ ไป สู่ แนว คิ ดเ รื่ องการส ร้ างเส ริ ม สุ ข ภาพในการประ ชุ ม ที่ ออตตาวาประเทศแคนาดา ที่ กลายเ ป็ น ottawa charter หลายคน ถึ ง กั บเ รี ยก ว่ ากรอบ แนว คิ ด สำ ห รั บการสาธารณ สุ ข ยุ คให ม่ new public health เพราะไ ม่ ไ ด้ พู ด ถึ งเฉพาะ เ รื่ องแผนงาน โครงการ ที่ ต้ อง ท จากภาค ส่ วนสาธารณ สุ ข เ พื่ อ ทำ ใ ห้ สุ ขภาพของประชาชน ดี ขึ้ น เ ท่ า นั้ น ไ ม่ ว่ าจะเ ป็ น เ รื่ องอนา มั ยแ ม่ และเ ด็ กเ รื่ องโภชนาการห รื อเ รื่ องการควบ คุ มโรค สำ คั ญๆ อ ย่ าง วั ณโรค มาเลเ รี ยแ ต่ พู ด ว่ า มั น มี อง ค์ ประกอบอ ย่ าง น้ อย ห้ าอง ค์ ประกอบ และ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าแผนงานโครงการห รื อมาตรการ ที่ ทำ ผ่ าน ระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ก็ เ ป็ นเ พี ยงห นึ่ งใน ห้ าอง ค์ ประกอบ นั้ น ยั ง มี อง ค์ ประกอบ อื่ นๆ อี ก 4 อง ค์ ประกอบ ที่ ต้ อง ทำ อ ย่ างจ ริ ง จั ง หาก ต้ องการใ ห้ ประชาชน ส่ วนให ญ่ มี สุ ขภาพ ที่ ดี ไ ด้ แ ก่ ความเ ข้ มแ ข็ งของ ชุ มชน เ รื่ อง ของ สิ่ งแวด ล้ อม ที่ ส่ งเส ริ ม สุ ขภาพ เ รื่ องของนโยบายสาธารณะ และเ รื่ องของการ ติ ดอา วุ ธเส ริ ม ศั กยภาพ ประชาชน ซึ่ งประเ ด็ น สุ ด ท้ ายเ นี่ ย มั กจะ ถู ก นำ มา พู ด สั้ น สั้ นเ พี ยงแ ค่ ว่ าเ ป็ นการใ ห้ ความ รู้ ประชาชนห รื อ ปั จ จุ บั น ก็ จะใ ช้ คำ ว่ าhealth literacy ซึ่ ง มี นั ยยะ ว่ า ประชาชนไ ม่ มี ความ รู้ สุ ขภาพเลยไ ม่ ดี แ ต่ ถ้ าเรา ทำ ความเ ข้ าใจให ม่ ว่ าเรา ต้ อง “เส ริ ม ศั กยภาพประชาชน” และใ ช้ คำ ว่ า “เส ริ ม” เพราะ ว่ าไปแ ล้ ว ศั กยภาพ ประชาชนในการ ดู แล ตั วเอง ดี อ ยู่ แ ต่ อาจจะ ถู ก ทำ ใ ห้ หายไปจากความ ก้ าวห น้ าของ วิ ชาการทาง ด้ าน วิ ทยาศาสต ร์ การแพท ย์ รวม ทั้ งเทคโนโล ยี ต่ างๆ ที่ ทำ ใ ห้ เ ชื่ อ ว่ าจะ ทำ ใ ห้ สุ ขภาพของเรา ดี นี่ ไ ม่ ต้ อง พู ด ถึ ง
  • 8. สาร พั ดอาหารเส ริ ม ซึ่ งกลายเ ป็ นแนวโ น้ มใน ช่ วงห ลั งๆ พู ด ง่ าย ง่ าย ก็ คื อชาว บ้ าน ถู ก ทำ ใ ห้ เ ชื่ อมาก ขึ้ นมาก ขึ้ น ว่ า สุ ขภาพจะ ดี ไ ด้ ต้ องอา ศั ย ปั จ จั ยภายนอกไ ม่ ไ ด้ เ กิ ดจาก ศั กยภาพของตนเอง ที่ จะ ทำ ใ ห้ ดี ขึ้ นไ ด้ ส รุ ป สั้ นๆ ว่ า สุ ขภาพ ที่ ดี เ ป็ นผลจาก ความ สั ม พั น ธ์ ชอง ปั จ จั ย ต่ างๆมากมาย ไ ม่ ใ ช่ แ ค่ การไ ด้ รั บการ ดู แล เวลาเ จ็ บไ ข้ ไ ด้ ป่ วยเ ท่ า นั้ น เ มื่ อเรามองเ ห็ นความเ ชื่ อมโยงของ ปั จ จั ยเห ล่ า นี้ ก็ ต้ องมา ช่ วย กั น ทำ ใ ห้ ความ สั ม พั น ธ์ ขององ ค์ ประกอบ และสถา บั น ต่ างๆ ที่ เ กี่ ยว ข้ อง ทำ งานเ ชื่ อมโยง กั นไป สู่ การส ร้ า งุ ขภาพ ที่ ดี เพราะ หากเราไ ม่ เ ข้ าใจ ห รื อมองไ ม้ ออก ห รื อมองออกแ ต่ ส ร้ างความเ ชื่ อมโยง ที่ ดี ไ ม่ ไ ด้ สิ่ ง ที่ เ ป็ น default ก็ จะเ ป็ น ความเ ชื่ อมโยง ที่ นำ ไป สู่ ผล ที่ ไ ม่ พึ งประสง ค์ เพราะเห ตุ จู งใจ ห รื อ พฤ ติ กรรมขององ ค์ กร ห รื อสถา บั น ต่ างๆ ใน สั งคม ก็ อาจมองเ พี ยงเ ป้ าหมายของตนเอง ที่ อาจ ส่ งผลลบ ต่ อการ มี สุ ขภาพ ดี โดยไ ม่ รู้ ว่ า การ ทำ ใ ห้ ระบบบ ริ การ สุ ขภาพ เ ป็ นระบบ ที่ เ ชื่ อมโยง และ มี ความสามารถในการส ร้ างความ เ ชื่ อมโยง แ น่ นอน ว่ าความเ ข้ าใจ และการมองเ ห็ นความเ ชื้ อมโยงของ factors and actors ต่ างๆ ควร นำ ไป สู่ การ ส ร้ างความ สั ม พั น ธ์ ให ม่ ของ factors and actors เห ล่ า นั้ น ในขณะเ ดี ยว กั น ถ้ าเจาะเฉพาะเ รื่ อง ระบบ บ ริ การสาธารณ สุ ข ก็ ต้ องเ กิ ดความพยายาม ที่ จะ ต้ องออกแบบระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข โดยมองบทบาท ของเ จ้ าห น้ า ที่ สาธารณ สุ ขและระบบบ ริ การใ ห้ ก ว้ างขวางก ว่ า แ ค่ การร รั กษาคน ที่ เ จ็ บ ป่ วยเ ท่ า นั้ น ถ้ าจะ ดู ใน ประ วั ติ ศาส ก็ จะ มี ตั้ งแ ต่ แนว คิ ดเ รื่ องการสาธารณ สุ ข มู ลฐาน ซึ่ งเ ชื่ อ ว่ าประชาชน มี ศั กยภาพ ที่ จะ ดู แล สุ ขภาพ ตนเองไ ด้ และจะ ต้ องเ ป็ นการ ทำ งาน ร่ วม กั นระห ว่ างประชาชน กั บระบบบ ริ การสาธารณ สุ ขไ ม่ ใ ช่ การใ ห้ แ ต่ ความ รู้ และป ล่ อยใ ห้ ประชาชนไป ดู แล ตั วเอง เ จ็ บ ป่ วยเ มื่ อไร ก็ ค่ อยมาขอ รั บบ ริ การ ในขณะเ ดี ยว กั นแนว คิ ด ว่ า ด้ วยเ รื่ องการออกแบบระบบสาธารณ สุ ข ก็ ซั บ ซ้ อนมาก ขึ้ น อั นเ นื่ องมาจาก ปั ญหาเ รื่ องของโรคเ รื อ รั ง ที่ เ พิ่ ม มาก ขึ้ น และ ชี้ ใ ห้ เ ห็ น ว่ าระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ที่ ดี จะ ต้ อง มี การออกแบบใ ห้ มี หลายระ ดั บ ที่ ทำ งานเ ชื่ อมโยง กั น ที่ เรา มั กจะ รู้ จั ก กั น ดี ว่ าเ ป็ น primary secondary และ tertiary care แนว คิ ดเ รื่ อง ความ สำ คั ญของการ มี ส่ วน ร่ วมของภาคประชาชน กั บแนว คิ ด ที่ ว่ าระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ที่ ดี จะ ต้ อง มี หลายระ ดั บและเ ชื่ อมโยง กั น นำ ไป สู่ การพยายามออกแบบระบบ รวมไป ถึ งการ จั ดการเ รี ยนการ สอนห รื อการส ร้ าง ศั กยภาพของ บุ คลากรสาธารณ สุ ข ที่ แตก ต่ างไปจากเ ดิ ม ล่ า สุ ด ที่ ชั ดเจนมาก ก็ คื อการ ที่ มี รายงาน ที่ เ รี ยก กั นโดย ทั่ วไป ว่ า second fl exner report ที่ เ รี ยกเ ช่ น นี้ เพราะ ว่ า มั น ถู ก นำ เสนอ 100 ปี ห ลั ง จากรายงานฉ บั บแรก ที่ abraham fl exner นำ เสนอไ ว้ ใน ปี 1910 ในรายงานฉ บั บแรก ชี้ ใ ห้ เ ห็ น ว่ าการ พั ฒนา บุ คลากรสาธารณ สุ ข จำ เ ป็ น ต้ องเ พิ่ มความเ ข้ มแ ข็ งและ คุ ณภาพของการเ รี ยน รู้ ทาง ด้ าน วิ ทยาศาสต ร์ แ ล้ ว ก็ เ ป็ น จุ ดเ ริ่ ม ต้ น ทำ ใ ห้ แพท ย์ ที่ จบออกมา มี ความ รู้ ทาง ด้ าน วิ ทยาศาสต ร์ ที่ ลึ ก ซึ้ งและสามารถใ ช้ เทคโนโล ยี ที่ มี อ ยู่ ใน การ รั กษา ผู้ ป่ วยใ ห้ หายจากโรคไ ด้ เ ป็ นอ ย่ าง ดี ผ่ านไปไ ม่ ถึ ง 100 ปี ก็ ชั ดเจน ว่ าการ ที่ มี ความ รู้ ทาง ด้ าน วิ ทยาศาสต ร์ อ ย่ าง ลึ ก ซึ้ งและเ ชื่ อ มั่ นในเทคโนโล ยี นำ ไป สู่ สภาวะของการใ ช้ เทคโนโล ยี ที่ อาจจะเ รี ยก ว่ า สู ญ เป ล่ า ห รื อแ ม้ กระ ทั่ งการใ ช้ ที่ นำ ไป สู่ อั นตราย ต่ อ สุ ขภาพ ไ ม่ นั บ ว่ าโอกาสในการเ ข้ า ถึ งเทคโนโล ยี และ บ ริ การ ก็ ไ ม่ ไ ด้ รั บการ ดู แลเ ท่ า ที่ ควร กลายเ ป็ น ปั ญหาความเห ลื่ อม ล้ำ ใน สั งคม และ ที่ สำ คั ญก ว่ า นั้ น คื อ ใน การ ทำ งานของ บุ คลากรสาธารณ สุ ขแ ล้ ว ความ รู้ สึ กและ คุ ณภาพ ชี วิ ตของประชาชนกลายเ ป็ นประเ ด็ นรอง ก ว่ าการหาทาง รั กษาโรค เห มื อน ที่ ท่ านอาจาร ย์ ประเวศไ ด้ เสนอประโยคทอง ที่ ผมเ ชื่ อ ว่ าหลายคน ที่ เ ป็ น อาจาร ย์ ห รื อ มี อา ยุ เ ท่ าๆผมใน วั น นี้ คงเคยไ ด้ ยิ นและอาจจะไ ด้ พยายาม นำ มาเ ป็ นแนว คิ ด สำ คั ญในการป ฎิ บั ติ ห น้ า ที่ ในฐานะแพท ย์ ก็ คื อการ ที่ จะพยายาม “ รั กษาคนไ ม่ ใ ช่ รั กษาโรค” เพราะโดย พื้ นฐานการเ รี ยน รู้ ที่ เ น้ น
  • 9. วิ ทยาศาสต ร์ เราจะมองหาโรค จน บ่ อยค รั้ งเรา ลื มจะมองหาความ ต้ องการ ห รื อ รั บ รู้ ความ รู้ สึ กของคนไ ข้ ห รื อ แ ม้ กระ ทั่ งญา ติ คนไ ข้ 2nd fl exner report ชี้ ใ ห้ เ ห็ น ว่ าการ จั ดการเ รี ยนการสอนห ลั งจาก ผ่ านมา 100 ปี ที่ เ น้ นเ รื่ อง วิ ทยาศาสต ร์ อาจ จะ จำ เ ป็ น ต้ องเ พิ่ มใ ห้ เ ห็ นความเ ชื่ อมโยง กั บ มุ มมองเ ชิ งระบบใ ห้ กั บ นั ก ศึ กษา เ พื่ อจะไ ด้ ทำ ห น้ า ที ไ ด้ อ ย่ าง เหมาะสม กั บบ ริ บทและลดโอกาสในการส ร้ างความยาก ลำ บากห รื อ ทำ อั นตรายใ ห้ กั บ ผู้ ป่ วย รวม ทั้ งเ ปิ ด โอกาสในการ มี ส่ วน ร่ วมของ ฝ่ าย ต่ างๆ ในการ ช่ วย กั นหา วิ ธี การ ที่ ทำ ใ ห้ ประชาชน มี สุ ขภาพ ที่ ดี ไ ม่ ใ ช่ เ ป็ น เ พี ยงการใ ช้ เทคโนโล ยี การเ พิ่ ม มุ มมองเ ชิ งระบบ อาจจะเ ป็ นทางรอด สำ คั ญ ที่ จะ ทำ ใ ห้ ระบบ สุ ขภาพไ ม่ สิ้ น เป ลื องและอ ยู่ ใน วิ สั ย ที่ จะ มี ค่ าใ ช้ จ่ ายห รื อ มี การลง ทุ นใ ห้ เ กิ ดผล ลั พ ธ์ ทาง สุ ขภาพ ที่ คุ้ ม ค่ ามากก ว่ า ที่ เ ป็ นอ ยู่ หลาย ท่ าน ที่ สนใจคงการจะเคยเ ห็ นแ ล้ วเ นื่ องจากรายงานฉ บั บ นี้ ตี พิ ม พ์ เ ป็ นบทความอ ยู่ ใน นิ ตยสารlancet ที่ อาจจะ ร่ าสนใจมากก ว่ า บทความใน Lancet เ ป็ นห นั ง สื อ ที่ ผ ลิ ตโดยสมาคมแพท ย์ อเม ริ กั น ที่ พู ด ถึ งเ รื่ อง health systems sciences และเสนอ ว่ าการ จั ดการเ รี ยนการสอนควรจะประกอบ ด้ วยการ คิ ด ถึ งศาสต ร์ สาม ด้ าน คื อ วิ ทยาศาสต ร์ พื้ นฐานทาง ด้ าน ชี วะ ห รื อ ที่ เ รี ยก ว่ าbiomedical sciences อั น ที่ สอง คื อ วิ ทยาศาสต ร์ ทาง ด้ านค ลิ นิ ก (clinical sciences) ส่ วน ที่ สาม คื อ ศาสต ร์ ว่ า ด้ วยระบบ สุ ขภาพ(health systems scienes) เพราะฉะ นั้ นจะเ ห็ นไ ด้ ว่ า สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า ความ รู้ ว่ า ด้ วย สุ ขภาพห รื อแ ม้ กระ ทั่ ง การ จั ดการเ รี ยนการสอนห รื อการ ผ ลิ ต บุ คลากรทาง ด้ าน สุ ขภาพ ก็ มี ความ ซั บ ซ้ อนเ พิ่ ม ขึ้ นและเ ป็ นความ ซั บ ซ้ อน ที่ ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าความ สั ม พั น ธ์ เ ชื่ อมโยงระห ว่ างอง ค์ ประกอบ ย่ อย ย่ อย ที่ ทำ ใ ห้ เรา มี สุ ข ภาวะ ที่ ดี ห รื อไ ม่ ดี ไ ด้ ชั ดเจนมาก ขึ้ น เ รื่ อยๆ และ ก็ คงจะ ชั ดมาก ขึ้ นห รื อ เป ลี่ ยนแปลงไปมาก ขึ้ น อี กตามความ รู้ ที่ จะตามมาในภายห ลั ง ออกแบบอ ย่ างไร ใ ห้ ระบบ ริ การ สุ ขภาพส ร้ างความเ ชื่ อม โยง แนว คิ ดเ รื่ องความเ ชื่ อมโยงของระบบ สุ ขภาพจะ มี ความหมายมากมาย ต่ อการออกแบบการใ ห้ ความ รู้ และการผ ลิ ต บุ คลากรสาธารณ สุ ข แ ต่ ที่ ผม อยากจะขออ นุ ญาต นำ มาเ น้ นใน ลำ ดั บ ต่ อไป ก็ คื อเ รื่ องความ สำ คั ญของการออกแบบระบบบ ริ การ สุ ขภาพ (systems design) ใ ห้ เ กิ ดความเ ชื่ อมโยง ถ้ า พู ดในภาพก ว้ าง คื อออกแบบระบบบ ริ การ สุ ขภาพ ที่ เ ชื่ อม
  • 10. โยง ทั้ งภายในห น่ วยบ ริ การสาธารณ สุ ขและ กั บภา คี ภายนอกระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ภา คี ภายนอก ที่ ว่ า นี้ ให ญ่ ๆ ประกอบ ด้ วย ชุ มชน ท้ อง ถิ่ น ครอบค รั วและ ผู้ เ ล่ น อื่ นๆ ที่ มี บทบาทในการ ทำ ใ ห้ ปั จ จั ยทางเศรษฐ กิ จ สั งคม ส่ งผลกระทบ ต่ อ สุ ขภาพของประชาชน ซึ่ งผมอยากจะแยกเ ป็ นแ ค่ สองก ลุ่ ม คื อก ลุ่ ม ที่ เ รี ยก ว่ า ผู้ มี อำ นาจ เ ชิ งนโยบาย ซึ่ งประกอบ ด้ วย ฝ่ ายการเ มื อง กั บ ฝ่ าย ข้ าราชการประ จ อี กก ลุ่ มห นึ่ ง ก็ คื อภาค ธุ ร กิ จเอกชน จึ งเ ป็ น ที่ ทราบ กั น ดี อ ยู่ ว่ าเ ป็ น ผู้ ผ ลิ ตผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ห รื อบ ริ การมากมายและเ ป็ น ส่ วน สำ คั ญของการ พั ฒนาประเทศ และ สั งคมโดยรวมของม นุ ษยชา ติ โดยตลอด แ ต่ ก็ จะเ ริ่ ม มี ข้ อ มู ลเ พิ่ ม ขึ้ น ว่ าอาจจะ มี ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ห รื อบ ริ การ จำ นวนไ ม่ น้ อย ที่ ส่ งผลกระทบในทางลบ ต่ อ สุ ขภาพและอาจจะ จำ เ ป็ น ต้ อง มี การควบ คุ ม กำ กั บ ไ ม่ ว่ าจะเ ป็ น เ รื่ อง ธุ ร กิ จ ที่ ทำ ลาย สิ่ งแวด ล้ อม ห รื อ อาหาร ที่ ทำ ใ ห้ เ กิ ดโรคเ รื้ อ รั ง ห รื อเ ป็ น อั นตราย ต่ อ สุ ขภาพ ก่ อนห น้ า นี้ ก็ จะ มี เ รื่ อง บุ ห รี่ และเห ล้ าเ ป็ น ต้ น ห รื อไ ม่ กระ ทั่ ง กิ จกรรมทาง อุ ตสาหกรรม ซึ่ ง ส่ งผลกระทบ ต่ อ สิ่ งแวด ล้ อม ทำ ใ ห้ อากาศใน น้ำ และใน ดิ น ส่ งผลกระทบ ทั้ ง ต่ อสภาวะแวด ล้ อม ที่ เ รี ยก ว่ าภาวะโลก ร้ อนห รื อแ ม้ กระ ทั่ งเ กิ ดสาร พิ ษ สะสมห รื อ ส่ ง ต่ อ ผ่ านอาหารห รื อผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ต่ างๆ ผมจะไ ม่ ใ ช้ เวลาในค รั้ ง นี้ พู ด ถึ งเ รื่ องความ สั ม พั น ธ์ ห รื อการออกแบบความ สั ม พั น ธ์ กั บ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า ผู้ เ ล่ น ภายนอกระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ทั้ ง ที่ ว่ าไปแ ล้ ว ก็ จะ มี ความ สำ คั ญเ ป็ น อั น ดั บ ต้ น แ ต่ อยากจะ พู ด ถึ งเ รื่ อง การออกแบบเ พื่ อใ ห้ ผู้ เ ล่ นในระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข ซึ่ งผม คิ ด ว่ าเ ป็ นประเ ด็ น สำ คั ญ ที่ ไ ด้ มี โอกาสมา พู ด กั บ ท่ านอาจาร ย์ ทั้ งหลายในมหา วิ ทยา ลั ย ซึ่ งโดยสถานะ ก็ ถื อเ ป็ นคน ที่ ทำ งานอ ยู่ ใน ส่ วนห นึ่ งของระบบ บ ริ การสาธารณ สุ ข ที่ มี ความ สำ คั ญเ ป็ นอ ย่ าง ยิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าระ ดั บต ติ ย ภู มิ ในขณะเ ดี ยว กั น ก็ มี บทบาท สำ คั ญใน การ ที่ จะผ ลิ ต บุ คลากรสาธารณ สุ ขในอนาคต เ ป็ น บุ คลากรสา สุ ข ซึ่ ง มี ฐานะเ ป็ น ผู้ นำ ใน สั งคม และจะ มี อิ ท ธิ พลอ ย่ าง ยิ่ ง ต่ อ สุ ขภาพของประชาชน ทั้ ง อา ชี พ แพท ย์ พยาบาล เภ สั ช และ อื่ นๆ อี กมากมาย ไ ม่ ว่ า ท่ านจะอยาก มี อิ ท ธิ พล ห รื อมอง ว่ า ตั วเอง มี อิ ท ธิ พล ห รื อไ ม่ ก็ ตาม ผมอยากจะใ ช้ วิ ธี เ ล่ าเ รื่ อง มากก ว่ าส รุ ป ว่ าระบบบ ริ การ ที่ เ ชื่ อมโยง กั น มี ความ สำ คั ญอ ย่ างไรและอาจจะ มี ตั วอ ย่ างออกมาใน รู ปแบบ ทำ นองไหน ขอเ ริ่ มจาก ตั วอ ย่ างใก ล้ ตั ว ที่ สุ ด ที่ ผมเ ชื่ อ ว่ า ทุ ก ท่ าน น่ าจะเ ห็ นความ จำ เ ป็ นของการออกแบบเ พื่ อ ทำ ใ ห้ ระบบ การ ดู แล ผู้ ป่ วยเ กิ ดความประสานเ ชื่ อมโยง กั นในระห ว่ างระ ดั บ ต่ างๆ กั น ตั้ งแ ต่ ครอบค รั ว ชุ มชน ห น่ วยบ ริ การ สาธารณ สุ ขระ ดั บ ต้ นไปจน ถึ งห น่ วยบ ริ การระ ดั บต ติ ย ภู มิ (ขออ นุ ญาตใ ห้ ต ติ ย ภู มิ ระ ดั บ สู ง สุ ดในเ ชิ งนามธรรม ไป ก่ อน ก็ แ ล้ ว กั นนะค รั บบางคนอาจจะบอก ว่ า มี super tertiary ด้ วย ก็ ก็ แ ล้ วแ ต่ ) ตั วอ ย่ าง ที่ ว่ า ก็ คื อการ ดู แล ผู้ ป่ วย ที่ ติ ดเ ชื้ อ โค วิ ด-19 จะเ ห็ น ว่ าประเทศไทยออกแบบระบบ ที่ พยายามจะ ระดม ศั กยภาพ ตั้ งแ ต่ ระ ดั บ ปั จเจกครอบค รั ว ชุ มชนไปจน ถึ งระบบบ ริ การสาธารณะ ดั บ ต้ นและ ถึ งต ติ ย ภู มิ เ ข้ ามา ทำ งาน ร่ วม กั นผมขอ ย้ำ คำ ว่ า ร่ วม กั นแ ม้ ผมจะทราบ ดี ว่ าในทางป ฏิ บั ติ การ ทำ งาน ร่ วม กั น ก็ ยั งเ ป็ นประเ ด็ น ที่ ถู ก วิ พาก ษ์ วิ จาร ณ์ ว่ า ร่ วม กั นจ ริ งห รื อและ ร่ วม กั นไ ด้ มาก น้ อยขนาดไหน แ ต่ ในเ ชิ งการออกแบบ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จะ ด้ วย ความเ ข้ าใจและมองเ ห็ น ล่ วงห น้ า ห รื อจะเ ป็ น ด้ วยความ จำ เ ป็ น ที่ ขณะ นี้ ห น่ วยบ ริ การ ทั้ งระบบ รั บไ ม่ ไหวแ ล้ ว ก็ ตาม ที ขณะ นี้ ระบบการ ดู แล ผู้ ป่ วย โค วิ ด-19 ไ ด้ นำ เอา ทุ กระ ดั บ ที่ สำ คั ญในการ ดู แล สุ ขภาพเ ข้ ามา ทำ งาน ร่ วม กั น ถ้ าจะมองไป ที่ คำ ว่ า “ ร่ วม กั น” ซิ่ ง น่ าจะ มี รายละเ อี ยด แตก ต่ าง กั น แ ต่ ถ้ าหาก จะเอาความหมายโดยใ ช้ ค ว่ าinterconnectedness เ ป็ น คำ สำ คั ญ ก็ คงเ ห็ น ชั ด ว่ าแ ม้ จะ “ระดม” ทุ กระ ดั บมา ทำ งาน ร่ วม กั นไ ด้ แ ล้ ว แ ต่ การ มี interconnectedness ก็ ยั งเ ป็ นประเ ด็ น สำ คั ญ ที่ ท้ าทาย ว่ าเ กิ ด ขึ้ นจ ริ ง ห รื อห รื อจะ ทำ ใ ห้ เ กิ ด ขึ้ นมาไ ด้ ยั ง
  • 11. ไง เพราะ ปั จ จั ย สำ คั ญของการส ร้ างinterconnectedness ก็ ในความเ ห็ นของผม มี อ ยู่ 2 อ ย่ าง คื อการ สื่ อสาร กั บ คน ที่ สามารถเ ข้ าใจ และ ทำ ใ ห้ ระบบ respond ต่ อสาร ที่ ไ ด้ รั บ และเค รื่ อง มื อ สำ คั ญของการ สื่ อสาร ที่ ดี ก็ คื อระบบ ข้ อ มู ล ที่ ไหลเ วี ยนไ ด้ อ ย่ างรวดเ ร็ วและ มี ความหมาย ระบบ ข้ อ มู ล ที่ ไ ม่ ไหลเ วี ยนห รื อไหลเ วี ยนไ ด้ ช้ า ห รื อไหลเ วี ยนไ ด้ เ ร็ วแ ต่ ไ ม่ ถู กเอาไปใ ช้ ประโยช น์ โดยคน (ห รื อ หุ่ นยน ต์ ก็ ไ ด้ ถ้ าเรา มี ) คงไ ม่ เ ป็ นระบบ ข้ อ มู ล ที่ ส ร้ างinterconnectedness ไ ด้ อ ย่ างเ พี ยงพอ ในขณะ เ ดี ยว กั นการ สื่ อสารเ พื่ อส ร้ างinterconectedness อาจจะไ ม่ จำ เ ป็ น ต้ องรอระบบ ข้ อ มู ลเ ท่ า นั้ นแ ต่ อาจจะ ต้ อง อ ยู่ บนฐานของความ รู้ ความเ ข้ าใจ ทั้ งในแ ง่ ของเทค นิ คและในแ ง่ ของความ รู้ สึ กของ ผู้ ที่ จะ ต้ องมา สื่ อสาร ด้ วย กั น ซึ่ ง ก็ ชั ดเจน ว่ า ดู เฉพาะเ รื่ อง การ ดู แล ผู้ ป่ วยในตอน นี้ ใ ห้ เ ป็ นการ ดู แล “ ร่ วม กั น” ก็ ยั ง มี เ รื่ อง ต้ อง ทำ อี ก มากมาย ถ้ าไป ดู เ รื่ องระบบ ข้ อ มู ลและการ สื่ อสารในการบ ริ หารนโยบายภาพรวมการควบ คุ มโค วิ ด คง เ ห็ น disconnection อี กแยะ ซึ่ งผมจะขออ นุ ญาต ข้ ามไปไ ม่ พู ด ถึ งใน ที่ นี้ เ นื่ องจากเกรงจะ ถู กมอง ว่ าเ ป็ นการ ส ร้ างความไ ม่ สงบ เ ป็ น ภั ย จ่ อความ มั่ นคง ทั้ ง ทั้ ง ที่ ความจ ริ งแ ล้ ว จุ ด อ่ อน ที่ จะ ต้ อง พั ฒนาในเ รื่ องการใ ช้ ข้ อ มู ล ใ ช้ ข้ อเ ท็ จจ ริ งรวม ทั้ งการ สื่ อสารเ ป็ นอง ค์ ประกอบ สำ คั ญ อั นห นึ่ ง นี่ ไ ม่ ต้ อง พู ด ถึ งเ รื่ องคน ที่ มี ความ สำ คั ญใน การบ ริ หาร จั ดการในเ รื่ องสามเ รื่ องในการควบ คุ มโค วิ ดใ ห้ เ ป็ นไป ด้ วย ดี และ สั ม พั น ธ์ เ ชื่ อมโยง กั น คื อเ รื่ อง การควบ คุ มการแพ ร่ ระบาด เ รื่ องการ รั กษา ผู้ ที่ ติ ดเ ชื้ อแ ล้ ว ตั้ งแ ต่ เ ริ่ ม ต้ น ไมใ ห้ กลายไปเ ป็ น รุ นแรง เพราะ รั กษา ช้ า กั บเ รื่ อง การ ฉี ด วั ค ซี น ที่ ยากก ว่ าปก ติ เพราะ ต้ องป รั บเป ลี่ ยน priority ในสถานการ ณ์ ที่ มี sluggish supplies 3x3 in the control of COVID19
  • 12. ถ้ าเรา ดู จากpain points ของ ผู้ ป่ วยและ ผู้ ใ ห้ บ ริ การ ที่ เผ ชิ ญในการ ดู แล ผู้ ป่ วยโค วิ ดในตอน นี้ ก็ น่ าจะ ทำ ใ ห้ เ ห็ น ถึ งความ จำ เ ป็ นในการส ร้ างinterconnectedness ใ ห้ ดี ก ว่ า ที่ เ ป็ นอ ยู่ ใน ปั จ จุ บั นหลาย ท่ านคงเ ห็ น มากมาย แ ต่ จะขอยก ตั วอ ย่ าง ต่ อไป นี้ ขอเ ริ่ มจาก ผู้ ติ ดเ ชื้ อ จะเ ห็ น ชั ด ว่ า นั บ ถึ ง วั น นี้ มี ผู้ ที่ พบ ว่ าตนเอง ติ ดเ ชื้ อไ ม่ น้ อย ที่ ยั งอ ยู่ ในเ มื องของเค รื อ ข่ าย อาสาอาสาส มั คร แปล ว่ าคนเห ล่ า นี้ ก็ ยั งไ ม่ ไ ด้ ถู กลงทะเ บี ยนในระบบโรงพยาบาล ซึ่ งแปล ต่ อไป ว่ า ถ้ าเ ค้ า เ จ็ บ ป่ วย รุ นแรงเป ลี่ ยนจาก ติ ดเ ชื้ อธรรมดาไปเ ป็ น มี อาการ ห รื อ มี อาการ รุ นแรง ขึ้ น ก็ จะเ รี ยก ว่ าแทบไ ม่ มี โอกาสเ ข้ า รั บการ รั กษา ดู แลโดย บุ คลากรสาธารณ สุ ขไ ด้ เลย หลายคนอาจจะบอก ว่ า เ ป็ นเ รื่ อง lack of resources แ ต่ ผมเ ชื่ อ ว่ า ถ้ าเ พิ่ ม interconnectedness ระห ว่ างเค รื อ ข่ ายอาสา กั บ รพ จะเ พิ่ ม e ffi ciency ซึ่ งแปล ว่ า ลดการตาย และเ พิ่ มความสามารถ ของ รพ ที่ จะ ดู คนไ ข้ ห นั ก ไ ด้ ดี ขึ้ น มา ที่ ผู้ ติ ดเ ชื้ อ ที่ มี อาการไ ม่ รุ นแรงแ ต่ ว่ าอ ยู่ ในเค รื อ ข่ ายของโรงพยาบาล ก็ อาจจะประสบชะตากรรมไ ม่ ต่ าง กั น ก็ คื ออาจจะ ต้ องอ ยู่ ที่ เ ดิ มไปเ รื่ อยเ รื่ อยแ ม้ อาการจะเป ลี่ ยนแปลงและ ต้ องการการ ดู แล ที่ จะเ ข้ ม ข้ นมาก ขึ้ น มา ดู ที่ ก ลุ่ ม ผู้ ติ ดเ ชื้ อ ที่ มี อาการ รุ นแรงและไ ด้ รั บการ รั กษาจน ดี ขึ้ นเ ค้ า จำ เ ป็ นจะ ต้ อง ถู กใ ห้ ออกจากโรงพยาบาล ห รื อป ล่ อยใ ห้ เ ตี ยง รั บคน ที่ อาการห นั กก ว่ าแ ต่ คนเห ล่ า นี้ ก็ ไ ม่ ไ ด้ แปล ว่ าจะหาย ดี จนก ลั บ บ้ านไ ด้ เราจะ ท อ ย่ างไร กั บคนเห ล่ า นี้ เ พื่ อใ ห้ ห น่ วยบ ริ การ ที่ ดู แล ผู้ ป่ วย รุ นแรงสามารถ ที่ จะ รั บคนไ ข้ ที่ มี ความ จำ เ ป็ นไ ด้ มาก ขึ้ น เ ชื่ อ ว่ า หลาย รพ เ ห็ นประเ ด็ น นี้ และไ ด้ ลง มื อ ทำ แ ล้ ว ถ้ าระบบ มี interconnectedness ที่ ดี ซึ่ งอาจจะ ดี มา ก่ อน ห รื อ มาส ร้ างให ม่ เฉพาะห น้ า ก็ ไ ด้ ถ้ าความเ ชื่ อมโยง กั บ ห น่ วยบ ริ การระ ดั บปฐม ภู มิ ห รื อ เค รื อ ข่ าย ปชช ไ ม่ ไ ด้ ทำ ไ ว้ ก่ อน แ ต่ ก็ จะ ชี้ ใ ห่้ เ ห็ น ว่ า การส ร้ าง connectivity ที่ สำ คั ญ ต้ องอา ศั ย คน ที่ มี ทั ศนค ติ และ ทั กษะะ บาง ที มี ความ สั ม พั น ธ์ เ ชิ งโครงส ร้ าง น่ าจะเอามาใ ช้ ไ ด้ แ ต่ ก็ ไป ติ ด ที่ คน ทำ งาน ที่ ไ ม่ พ ร้ อม ห รื อไ ม่ ชำ นาญ (เ รื่ องการ ทำ งาน ร่ วม กั น) ขอก ลั บไป ที่ ห น่ วย ที่ เ รี ยก ว่ าโhome isolation ห รื อ community isolation ห น่ วยเห ล่ า นี้ ในทางป ฏิ บั ติ ก็ จะ มี ผู้ ดู แล ผู้ ติ ดเ ชื้ อ ที่ ไ ม่ ใ ช่ บุ คลากรทาง ด้ านสาธารณ สุ ขเ นื่ องจากสภาวะความ จำ เ ป็ น บั ง คั บ แ ต่ ต้ องไ ด้ รั บการ ส นั บส นุ นห รื อเ รี ยก ว่ า นิ เทศห รื อใ ห้ คำ แนะ นำ อ ย่ างใก ล้ ชิ ดจาก บุ คลากรสาธารณ สุ ข ในทางป ฏิ บั ติ หลาย แ ห่ ง ก็ พยายามจะ ทำ ระบบการ ติ ดตาม ผู้ ป่ วยโดยใ ช้ เค รื่ อง มื อเ ท่ า ที่ จะเ ป็ นไปไ ด้ เ พื่ อจะไ ด้ มั่ นใจ ว่ าจะไ ม่ เ กิ ด ตกห ล่ นไปเ นื่ องจากความไ ม่ ชำ นาญห รื อความ รู้ ที่ ยั ง มี ไ ม่ มากพอของ บุ คลากร ที่ ไ ม่ ใ ช่ ระ ดั บ วิ ชา ชี พ นี่ ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า แ บ่ งงาน กั น ท แ ต่ การส ร้ างความเ ชื่ อมโยงระห ว่ าง บุ คลากร ที่ ไ ม่ ใ ช่ วิ ชา ชี พ กั บก ลุ่ ม วิ ชา ชี พ ต้ องไป ถึ ง จุ ด ที่ ทำ ใ ห้ ทั้ งสอง ฝ่ าย มั่ นใจใน กั นและ กั น ว่ า คุ ณภาพการ ดู แลจะ ดี แ ต่ คง มี คำ ถามเ ช่ นเ ดี ยว กั น ว่ าระบบ ข้ อ มู ล ที่ ทำ อ ยู่ นี้ ไ ด้ ถู ก นำ ไปใ ช้ อ ย่ างรวดเ ร็ วไ ด้ มาก น้ อยแ ค่ ไหนเ พี ยงใด และ ถู ก นำ ไปใ ช้ ส ร้ าง interconnectedness ห รื อ disconnect ด้ วยการป ฎิ เสธ ว่ าไ ม่ ต้ องมา ทำ อะไรไ ม่ ไ ด้ เพราะตอน นี้ ก็ แ ย่ แ ล้ ว อ ย่ าง ที่ ก ล่ าวในตอน ต้ น หลายคนอาจจะบอก ว่ า ที่ พู ดมา ทั้ งหมดไ ม่ ใ ช่ ปั ญหาเ รื่ องของการ ขาดinterconnectedness แ ต่ เ ป็ น ปั ญหาเ รื่ องของการขาดท รั พยากร เ ป็ น ข้ อ จำ กั ดของเ ตี ยงและ บุ คลากร เพราะระบบของประเทศเรา มี interconnectedness ค่ อน ข้ างจะ ดี อ ยู่ แ ล้ ว และเรา ก็ ท คู่ มื อ คำ แนะ น รวม ถึ งห ลั กเกณ ฑ์ ต่ างๆไ ว้ ชั ดเจนแ ล้ ว เ พื่ อใ ห้ “ ช่ วย กั น” ดู แลคนไ ข้ ใ ห้ ไ ด้ ดี ที่ สุ ด เรา ทำ สื่ อสาร พั ด รู ปแบบ อ ธิ บาย ลงไปในรายละเ อี ยดอ ยู่ มากพอสมควร ว่ าเ มื่ อไห ร่ ควรจะอ ยู่ บ้ านเ มื่ อไห ร่ ควรจะ ส่ ง ต่ อแ ล้ วเ มื่ อไห ร่ คุ วร จะโรงพยาบาลให ญ่ ฯลฯ
  • 13. แ ต่ พวกเรา ทุ กคน ที่ ดู แลคนไ ข้ ห รื อไ ด้ ฟั ง ข่ าวทาง สื่ อ ต่ างๆ ก็ คง ต้ องยอม รั บ ว่ า สถานการ ณ์ เป ลี่ ยนแปลงเ ร็ ว มาก จน สิ่ ง ที่ เ ขี ยนไ ว้ ใน ที่ สุ ด กลายเ ป็ น สิ่ ง ที่ ต้ อไปเ กิ ด ที่ บ้ าน ห รื อใน ชุ มชน จนแทบไ ม่ มี โอกาสมา ถึ ง รพ ไ ด้ เลย ถ้ ามองจาก มุ มของ interconnectedness ก็ บอก ว่ า มั นไ ด้ เ กิ ด disconnection ไปแ ล้ ว แ ม้ จะ พยายามออกแบบไ ว้ ใ ห้ ทำ งาน ร่ วม กั น แ ต่ ความจ ริ งแ ล้ ว การส ร้ าง interconnectedness ก็ ยั ง ทำ ไ ด้ อ ยู่ ซึ่ งจะ นำ มา สู่ ประเ ด็ น สำ คั ญของ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า ปั จ จั ย ชี้ ขาดของการ มี interconnectedness ปั จ จั ย ชี้ ขาดของการ มี interconnectedness อ ยู่ ที่ การ สื่ อสารและ ทั ศนค ติ ของ บุ คลากร ซึ่ งรวมหมาย ถึ งคน ที่ เ กี่ ยว ข้ อง ทั้ งหมด ตั้ งแ ต่ ตั ว ผู้ ป่ วยเองครอบค รั ว ชุ มชนห รื ออาสาส มั คร iรวม ถึ ง บุ คลากรในระบบบ ริ การ สาธารณ สุ ข ที่ เ ป็ น บุ คลากร วิ ชา ชี พ ที่ เ พิ่ ม ทั น ที ไ ด้ ยาก การออกแบบใดใด ก็ แ ล้ วแ ต่ จะไ ม่ สามารถส ร้ าง อิ น เตอ ร์ คอนเ น็ ค ตั ดเ น็ ตไ ด้ ถ้ าปราศจากสอง ปั จ จั ย นี้ กร ณี การ ดู แล ผู้ ป่ วยโค วิ ดอาจจะไ ม่ ดี ที่ จะ นำ มาเจาะ ลึ ก วิ เคราะ ห์ ถึ งสอง ปั จ จั ย ที่ วา นี เ นื่ องจาก สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ าภาระ งาน ท่ วม ตั ว ท รั พยากร ที่ จำ กั ด ทำ ใ ห้ โอกาส ที่ ทำ การ สื่ อสาร มี อ ยู่ น้ อย ทำ ใ ห้ สิ่ ง ที่ เ รี ยก ว่ า ทั ศนค ติ อาจ จะไ ม่ ถู ก พู ด ถึ งห รื อไ ม่ ถู กบด บั ง ห รื อเ ก็ บไ ว้ ในซอกห ลื บของการ ตั ด สิ นใจ เพราะ กำ ลั ง สู้ กั บภาวะ วิ กฤต ถ้ า พู ดแบบ นั ก จิ ต วิ ทยา ที่ ไปไ ด้ ราง วั ลโนเบลสาขาเศรษฐศาสต ร์ ก็ จะบอก ว่ า เรา มี โอกาสใ ช้ แ ต่ system 1 thinking ส่ วน systems 2 ก็ แทบไ ม่ มี โอกาสใ ช้ ในทางก ลั บ กั น สภาวะ วิ กฤตอ ย่ างการ สู้ โค วิ ดและงานห นั ก ที่ ทำ ใ ห้ เ ห็ นความยาก ลำ บากของ ผู้ คนมากมาย อาจจะกลายเ ป็ น ตั วกระ ตุ้ น systems 2 ใ ห้ หาทาง ทำ งานแบบให ม่ ๆ และ ทำ ใ ห้ ทั ศนค ติ ที่ ดี ของ บุ คลากร ว่ าจะ ต้ องพยายามส ร้ าง interconnectedness เ พื่ อ สู้ กั บ ภาวะ วิ กฤตและลดความยาก ลำ บากของ ผู้ คน แทน ที่ จะป ล่ อยใ ห้ ทั ศนค ติ ว่ า ด้ วยการ ทำ งาน ร่ วม กั น ไปอ ยู่ ใน dormant state ก่ อนจ ะ่ ผ่ านไป ผมห วั ง ว่ า ทุ ก ท่ าน จะเ ห็ น ชั ดเจน ขึ้ นจากบทเ รี ยนเ ล็ กๆ ในเ รื่ องโค วิ ด ว่ า การส ร้ าง interconnectedness เ ป็ น สิ่ ง ที่ มากก ว่ า การแ บ่ งงาน กั น ท ห รื อ การ ทำ งานเ ป็ น ที ม ที่ พวกเรา คุ้ นเคย กั น ว่ า interprofessional ห รื อ interdisciplinary Interconnectedness ในระบบ สุ ขภาพยามไ ม่ วิ กฤต ผมขอ ข้ ามมา พู ด ถึ งเ รื่ องinterconnectedness ในระบบบ ริ การสาธารณ สุ ขในยามไ ม่ วิ กฤต เพราะยาม วิ กฤ ติ ก็ จะ มี constrints มากมาย ที่ ทำ ใ ห้ เราไ ม่ สามารถจะ วิ เคราะ ห์ ห รื อ ชี้ ชั ด ว่ า การ ท interconnectedness ใ ห้ ดี ขึ้ น จะ ต้ อง ทำ อะไร บ้ าง ทำ อ ย่ างไร เพราะ ข้ อ จำ กั ด ต่ างๆอ ย่ าง ที่ ไ ด้ พู ดมาแ ล้ ว แ ต่ ที่ ผม พู ด ถึ งเ รื่ องโค วิ ดไ ว้ ก่ อนเพราะผมเ ชื่ อ ว่ า ทุ ก ท่ าน ที่ ไ ด้ มี โอกาสเ ข้ าไป รั บ รู้ ห รื อ มี ส่ วน ร่ วมในการ ดู แล ผู้ ติ ดเ ชื้ อไป ถึ ง ผู้ ป่ วย ที่ มี อาการ รุ นแรง คงจะ มี ข้ อส รุ ป ร่ วม กั น ว่ า เราอยากเ ห็ นระบบการ ดู แล สุ ขภาพของ ประเทศเรา มี ความเ ชื่ อมโยงระห ว่ างระ ดั บ ต่ างๆ มากก ว่ า และ ดี ก ว่ า ที่ เ ป็ นอ ยู่ โดยเ ริ่ ม ตั้ งแ ต่ ปั จเจก ครอบค รั ว ชุ มชนอ ย่ าง ที่ ไ ด้ พู ดไปแ ล้ ว ความจ ริ งแ ล้ ว มี อี กประเ ด็ นห นึ่ งในสถานการ ณ์ โค วิ ด ที่ อาจจะ เ ป็ น ตั วอ ย่ างเ ล็ กๆ ก่ อนจะเ ข้ าไปเ รื่ องภาวะไ ม่ วิ กฤต ก็ คื อ สภาวะ ที่ เราเผ ชิ ญ กั บความยาก ลำ บากของ ผู้ ป่ วย โค วิ ด โดยเฉพาะอ ย่ าง ยิ่ งคน ที่ จะ ต้ องตายโดยไ ม่ มี ญา ติ อ ยู่ ใก ล้ ชิ ด ผมเ ชื่ อ ว่ าสภาวะ ดั งก ล่ าวกระ ตุ้ นใ ห้ ธรรมชา ติ ของการอยากส ร้ างความเ ชื่ อมโยงใ ห้ กั บ ตั ว ผู้ ป่ วยและญา ติ รวม ทั้ งใ ห้ กั บ บุ คลากรสาธารณ สุ ข และญา ติ เ กิ ด ขึ้ น ชั ดเจนมาก ซึ่ ง ก็ จะ ค ล้ ายๆ กั บเ รื่ อง อื่ นๆ ที่ ผม ตั้ ง ข้ อ สั งเกต ว่ าโค วิ ด ทำ ใ ห้ ความอยากจะ เ ชื่ อมโยงระห ว่ างอง ค์ ประกอบเยอะแยะ ยิ บ ย่ อย ในระบบบ ริ การสาธารณ สุ ข เ ห็ น ชั ด ขึ้ นแ ต่ หากความ
  • 14. อยากเห ล่ า นั้ นอาจจะไ ม่ ยั่ ง ยื นห รื อไ ม่ ยื ดยาวออกไปในการ ดู แล ผู้ ป่ วยห รื อ ดู แล สุ ขภาพประชาชนเ มื่ อ วิ กฤต ผ่ าน พ้ นไปแ ล้ ว ก็ จะเ ป็ นเ รื่ อง น่ าเ สี ยดายมาก แ ต่ อาจจะ ต้ องยอม รั บ ว่ าเ ป็ นธรรมชา ติ ห รื อเป ล่ า แ ต่ ก่ อน ที่ จะยอม รั บ ว่ า สิ่ งเห ล่ า นี้ เ ป็ นธรรมชา ติ ผมอยากจะชวน ท่ านอาจาร ย์ มา ช่ วย กั นมองหาโอกาสห รื อ ร่ วม กั นออกแบบระบบบ ริ การ สุ ขภาพ ที่ มี interconnectedness อั นจะเ ป็ น ส่ วน สำ คั ญ ที่ จะ ทำ ใ ห้ เรา ดู แล สุ ขภาพ ประชาชนไ ด้ ดี ขึ้ น ใ ช้ ท รั พยากรไ ด้ อ ย่ าง มี ประ สิ ท ธิ ภาพมาก ขึ้ น และลด อั นตราย ต่ อ สุ ขภาพ ลดภาระ กั บ ผู้ ป่ วย ในสภาพ ซึ่ งเทคโนโล ยี ก้ าวห น้ า มาก ขึ้ นเ รื่ อยเ รื่ อย และความเ ชื่ อเ รื่ องความ จำ เ ป็ นในการเ ข้ า ถึ ง ผู้ เ ชี่ ยวชาญ กำ ลั งกลายเ ป็ นมาตรฐานของ สั งคมมาก ขึ้ นเ รื่ อยเ รื่ อย ผมเ ชื่ อ ว่ าระบบบ ริ การ สุ ขภาพ ที่ มี ความเ ชื่ อมโยงมาก ขึ้ น ตั้ งแ ต่ ระ ดั บ ปั จเจกไปจน ถึ งระ ดั บต ติ ย ภู มิ เ ป็ นอนาคตของระบบ สุ ขภาพ ที่ พึ ง ประสง ค์ เ ป็ นความ ต้ องการ ทั่ ว โลก ไ ม่ ใ ช่ เ ป็ นโจท ย์ เฉพาะ ประเทศ ที่ มี รายไ ด้ น้ อย ห รื อปานก ลางง ความจ ริ งแ ล้ ว ยิ่ ง มี เ งิ นมาก ก็ ยิ่ งเ ห็ น ชั ด ว่ า ถ้ าไ ม่ ออกแบบใ ห้ เ ชื่ อมโยง และ มี หลายระ ดั บ แ ต่ ไปอ ยู่ ที่ รพ หมด ก็ อาจจะ ล้ ม ละลายไ ด้ ไ ม่ ยากก มี แนว คิ ดสากล ที่ พู ด ถึ งเ รื่ อง นี้ ที น่ าจะใก ล้ เ คี ยง ที่ สุ ด ที่ อยากจะ อ้ าง ถึ ง คื อ แนว คิ ด ที่ เ รี ยก ว่ า people centered integrated health care system ผมเองมอง พั ฒนาการของระบบบ ริ การ สุ ขภาพไทยไ ว้ ค่ อน ข้ าง ดี โดยเฉพาะอ ย่ าง ยิ่ งในแ ง่ ของความพยายาม ในการส ร้ างระบบบ ริ การ ที่ มี คุ ณสม บั ติ ที่ เ รี ยก ว่ า people centered integrated health care system ถ้ า ลองไ ล่ จากประ วั ติ ศาตของ พั ฒนาการระบบ สุ ขภาพ (10) People Centered Integrated Health Care Evolution of the Thai Health System 49 Key Events On PHC Autonomous public organizations MoPH = Ministry of Public Health, HSRI = Health System Research Institute, LGs = local governments ThaiHealth = Thai Health Promotion Foundation, NHSO = National Health Security Office, NHCO = National Health Commission Office, EMIT = Emergency Medical Institute of Thailand, HAI = Hospital Accreditation Institute, CUP = contracting Unit for primary Care, FCT = Family Care Team 1888 1828 King Rama 3 started the Western medicine Siriraj Hospital established MoPH Mandatory rural services HFA/ PHC policy UCS NHSO Department of Public Health, MoI 1918 1968 1942 07/08/09 1978 2001 1975 Scaling up District Health System (DH + HC) Low Income Scheme 1980s CSMBS 1980 Health Card 1983 SSS 1990 1990s 1992 A decade of health center development 1997 Constitution Economic crisis NHCO 1992 HSRI ThaiHealth LGs HIA EMIT 1946 First MoPH nursing college 1999 Local Health Funds 2006 Health Posts Health centre CUP FCT 2014 49