Weitere ähnliche Inhalte Ähnlich wie Active Learning kttpud_2018 (20) Mehr von Kittipun Udomseth (13) Active Learning kttpud_20189. “Active learning is a teaching method
focused on the classroom practices”
“เป็นวิธีการสอนที่เน้นการปฏิบัติในชั้นเรียน”
10. “students doing things and thinking about
the things they are doing”
“ผู้เรียนลงมือทาและคิดในสิ่งที่เขากาลังทา”
(Bonwell, 2000)
11. “A method of learning allows students to use
many skills such as analysis, synthesis and
evaluation of what they are learning to achieve
effective learning outcomes”
“เป็นวิธีการสอนที่ทาให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะการคิดที่หลากหลาย
เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินในสิ่งที่กาลังเรียน
เพื่อบรรลุผลของการเรียนรู้ตามเป้าหมายที่กาหนด”
17. 1. วจนสัญลักษณ์
2. ภาพสัญลักษณ์
3. เสียง
4. ภาพนิ่ง
5. ภาพเคลื่อนไหว
6. โทรทัศน์รายการสด
7. นิทรรศการ
8. ทัศนศึกษา
9. การสาธิต
10. การแสดง
11. การฝึกประสบการณ์
12. การปฏิบัติจริง
แหล่งประสบการณ์การเรียนรู้
Edgar Dale (1969)
รับรู้/
ตีความ
(นามธรรม)
สังเกต
/รับรู้
(รูปธรรม)
ปฏิบัติ
20. คำสั่งประมวลผล
Encoding
ทฤษฎีการประมวลสารสนเทศ (Information Processing theory)
เป็นแนวคิดที่มำจำกกำรทำงำนของสมอง เพื่อให้รู้จักและเข้ำใจกำรทำงำนของสมองใน
กำรจัดกำรข้อมูล สำมำรถควบคุมอัตรำควำมเร็วของกำรเรียนรู้ จัดระบบข้อมูล และเรียกใช้ข้อมูลได้
Working
(Short term)
memory
Sensory
memory
Long term
memory
กระบวนการประมวลผลข้อมูล
Sensory
input Output
Retrieval
Attention
ประสำทสัมผัส
ควำมจำระยะสั้น
ควำมจำระยะยำว
หน่วยควำมจำทำงำน
กำรรับรู้
กำรเข้ำรหัส กำรเรียกทวน
ข้อมูลส่งออก
½ วินำทีสำหรับกำรเห็น
3 วินำที สำหรับกำรได้ยิน
15-30 วินำที - ไม่เกิน 20 นำที
จำได้ครั้งละ 7+ 2 อย่ำง
Sensory register
กำรท่องจำ
กำรบันทึก
กำรจัดระบบ
กำรฝึกฝน
กำรถ่ำยโยง
ฯลฯ
ข้อมูลนำเข้ำ
กำรรับรู้
กำรอ่ำน
กำรฟัง
กำรสังเกต
กำรสัมผัส
กำรพูด
กำรเขียน
กำรกระทำ
กำรนำเสนอ
พฤติกรรม
อุปนิสัย
Kittipun Udomseth, 2018
22. การเรียนรู้ เป็นกระบวนการสร้างมากกว่าการรับ
ความรู้ ดังนั้น เป้าหมายของการจัดการเรียนการ
สอนจะสนับสนุนการสร้างมากกว่าความพยายามใน
การถ่ายทอดความรู้ โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ใหม่
อย่างเหมาะสมของแต่ละบุคคล และเชื่อว่า
สิ่งแวดล้อมมีความสาคัญในการสร้างความหมาย
ตามความเป็นจริง
(Duffy and Cunningham, 1996)
Constructivism
“วิธีการจัดการเรียนการสอน มีหลักสาคัญคือ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนลงมือกระทาเพื่อสร้างความรู้แบบ
Actively construct มิใช่ Passive receive ที่เป็นการรับข้อมูลหรือสารสนเทศและพยายามจดจา
เท่านั้น”
24. B. J. Zimmermann (2000)
การกากับตนเองมีการปฏิบัติอย่างเป็นวงจร เนื่องจากมีการให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) จากการ
ปฏิบัติก่อนหน้าและนาไปใช้ในการปรับปรุงระหว่างความพยายามในการปฏิบัติครั้งต่อไป ปัจจัยสาคัญ 3
ประการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในระหว่างการเรียนรู้และการกระทา คือ พฤติกรรม (Behavioral) บุคคล
(Person) และสิ่งแวดล้อม (Environment)
25. Self-Regulation
การกากับตนเอง (Self-Regulation) เป็นภาวะที่ผู้เรียนสามารถกาหนดกฎเกณฑ์ และกลยุทธ์ในการเรียนรู้ของตนเองได้ โดยมี
ความตระหนักในความสามารถของตนเองสูง เป็นผู้ริเริ่มกระบวนการเรียนรู้ มีกลยุทธ์ในการเรียนรู้ที่สามารถวางแผนตรวจสอบ
และประเมินการเรียนรู้เพื่อการปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตนเอง เป็นผู้ตระหนักรู้ว่าตนเองรู้และมีทักษะในเรื่องหนึ่งๆ เพียงใด และรู้
ว่าการได้มาซึ่งความรู้เป็นระบบและกระบวนการที่สามารถควบคุมได้ ประกอบด้วยลักษณะสาคัญ 3 ประการ (Bandura, 1986)
คือ 1) การสังเกตตนเอง (self-observation) 2) การตัดสินตนเอง (Self-judgment) และ 3) การให้ผลป้อนกลับแก่ตนเอง
(self-reaction) โดยมีวงจรการเรียนรู้คือ การวางแผน การตรวจสอบ และการประเมิน
(ใจทิพย์ ณ สงขลา 2550 : 157)
การกากับตนเอง
Self-judgment
self-observation
self-reaction
28. Co-Operative Learning & Collaborative Learning
การเรียนแบบร่วมมือ และ การเรียนรู้ร่วมกัน
การเรียนแบบร่วมมือ
(Cooperative Learning)
การเรียนรู้ร่วมกัน
(Collaborative Learning)
วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนทางาน
ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยทั่วไปมีสมาชิกกลุ่มละ
4-6 คน สมาชิกกลุ่มมีความสามารถในการเรียน
ต่างกัน สมาชิกในกลุ่มจะรับผิดชอบในสิ่งที่ได้รับการ
มอบหมายและช่วยเพื่อนสมาชิกให้เกิดการเรียนรู้
มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป้าหมายในการ
ทางานของกลุ่มคือ ผลงาน/ชิ้นงานที่เกิดจากความ
ร่วมมือในการทางานของและคน
วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
ร่วมกันเป็นกลุ่ม เพื่อศึกษาในสิ่งที่ตนเองชอบและ
สนใจ โดยใชความรู้และประสบการณของผู้เรียนแต่
ละคนและนาเสนอผลงานเพื่อศึกษาร่วมกันและเกิด
ความรู้ไปด้วยกัน เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม
ผู้เรียน มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และ
ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป้าหมายของ
กลุ่มคือ ความรู้ของสมาชิกแต่ละคน
(บุบผชาติ ทัฬหิกรณ์, 2543)
29. Cooperative Learning & Collaborative Learning
การเรียนแบบร่วมมือ และ การเรียนรู้ร่วมกัน
การเรียนแบบร่วมมือ
(Cooperative Learning)
การเรียนรู้ร่วมกัน
(Collaborative Learning)
1. การเรียนแบบกล่มเล็ก
2. การปฏิบัติงานกลุ่ม
3. การค้นพบความรู้
4. การแลกเปลี่ยนความรู้
5. ความรู้ในระดับพื้นฐาน
6. ค่อนข้างผู้สอนเป็นศูนย์กลาง
7. เป็นการเรียนค่อนข้างมีขอบเขต
8. เน้นผลงานที่เป็นชิ้นงาน
9. กระบวนการเรียนมีโครงสร้างเป็นระบบ
10. ผู้เรียนไม่จาเป็นต้องมีประสบการณ์
11. พัฒนาความรู้ความสามารถของตัวผู้เรียน
ในระดับหนึ่ง
1. การเรียนแบบกล่มเล็ก
2. การปฏิบัติงานกลุ่ม
3. การค้นพบความรู้
4. การแลกเปลี่ยนความรู้
5. การสร้างความรู้จากสังคม
6. ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
7. เป็นการเรียนแบบเปิดกว้าง
8. เน้นกระบวนการมีปฏิสัมพันธ์
9. กระบวนการเรียนเป็นธรรมชาติ
10. ผู้เรียนต้องมีประสบการณ์
11. พัฒนาความรู้ความสามารถของตัวผู้เรียน
อย่างเต็มที่
(พิชัย ทองดีเลิศ, 2548)
30. กิจกรรม 1 : สรุปลักษณะสาคัญของการเรียนรู้แบบเชิงรุก
1. ...............................................................................................
2. ................................................................................................
3. ................................................................................................
4. ................................................................................................
5. ................................................................................................
6. ................................................................................................
7. ................................................................................................
8. ................................................................................................
Active Learning
33. PART II
- กิจกรรมการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
- ลักษณะของกิจกรรม – Receive – Response – Practices – Share - Check
- ลักษณะของกิจกรรมแบ่งตามผู้เรียน – Individual – Group – Class
- อุปสรรค/ความท้าทาย/ความเสี่ยง
- บทบาทของผู้เรียน
- บทบาทครูผู้สอน / ก่อนการสอน / ระหว่างการสอน / หลังการสอน
- การเตรียมความพร้อมการจัดการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
Active Learning
36. 1. การฟัง (Listening) เป็นการให้ผู้เรียนได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ในประเด็นที่ครูผู้สอนกาหนด
2. การดู (Watching) เป็นการให้ผู้เรียนได้ดูเรื่องราวต่าง ๆ ในประเด็นที่ครูผู้สอนกาหนด
3. การพูด (Talking) เป็นการให้ผู้เรียนได้พูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในประเด็นที่ครูผู้สอนกาหนด
4. การอ่าน (Reading) เป็นการให้ผู้เรียนได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ในประเด็นที่ครูผู้สอนกาหนด
5. การเขียน (Writing) เป็นการให้ผู้เรียนได้เขียนเรื่องราวต่าง ๆ ในประเด็นที่ครูผู้สอนกาหนด
6. การสะท้อนคิด (Reflect & Feedback) เป็นการให้ผู้เรียนได้สะท้อนความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ
เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งการพูดหรือการเขียน
Kittipun Udomseth, 2018
37. 7. การปฏิบัติ (Practices) เป็นการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติงานหรือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครูผู้สอน
กาหนดทั้งภายในและภายนอกชั้นเรียน ได้แก่
7.1 การถามคาถามและการตอบคาถาม
7.2 การจดบันทึกหรือการสรุปรวบรวมเนื้อหาที่เรียนในรูปแบบต่าง ๆ
7.3 การทาแบบฝึก/แบบฝึกหัด/แบบวัด/แบบทดสอบ/แบบประเมิน ฯลฯ
7.4 การฝึกปฏิบัติ/การทดลอง/การสร้างสรรค์ผลงานหรือชิ้นงาน
7.5 การสารวจ/การเก็บรวบรวมข้อมูล/การสืบค้นข้อมูล/การวิเคราะห์ข้อมูล/การสรุปข้อมูล
7.6 การอภิปราย/การแสดงความคิดเห็น/การระดมสมอง/การวิพากษ์/การวิจารณ์
7.7 การวิเคราะห์งานและการวางแผนการทางาน
7.8 การนาเสนอผลงานในชั้นเรียน
7.9 ฯลฯ
Kittipun Udomseth, 2018
38. 8. การแบ่งปันและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing) เป็นการให้ผู้เรียนได้แบ่งปันความรู้หรือแลกเปลี่ยน
ข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น
9. การตรวจสอบข้อมูล (Checking) เป็นการให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจหรือตรวจสอบผลงาน
ของเพื่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือได้ผลงานที่คุณภาพมากขึ้น
10. การแข่งขันและเกม (Competition & Game) เป็นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมการ
แข่งขันในลักษณะต่าง ๆ ในชั้นเรียนโดยอาจนากิจกรรมเกมมาใช้เพื่อจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียน
Kittipun Udomseth, 2018
44. Receive
Response/Feedback
Practices Share
Check
การฟัง / การอ่าน
การเรียนรู้ผ่านสื่อ
การสาธิต
การทัศนศึกษา
การสืบค้นข้อมูล
ศูนย์การเรียน
การชมภาพยนตร์
สถานการณ์จาลอง
การสะท้อนความคิดเห็น
การสะท้อนการปฏิบัติ
การตั้งคาถาม/ตอบคาถาม
การอภิปรายกลุ่ม
เกม
การเขียนกระดาน
ฯลฯ
Peer Review
Pair – Share
Active Review
การสอนเพื่อน
การนาเสนองาน
การแบ่งปันข้อมูลบันทึก
จับคู่ถาม-ตอบ
ฯลฯ
การทาแบบฝึกหัด
การทดสอบ
เกม
การตอบคาถาม
การประเมินตนเอง
การประเมินผลงานของเพื่อน
ฯลฯ
การพูด / การเขียน
การระดมสอง
บันทึกรายวัน
การทาแบบฝึก/แบบฝึกหัด
การวางแผนปฏิบัติงาน
กรณีศึกษา
การตั้งคาถาม/ตอบคาถาม
การเขียนกระดาน
การทาผังความคิด
บทบาทสมมุติ
การทดลอง
การโต้วาที
การทาโครงงาน
เกม
การทางานเดี่ยว/คู่/กลุ่ม
การฝึกปฏิบัติ
การนาเสนองาน
สมุดจดปฏิชสัมพันธ์
การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ฯลฯ
Kittipun Udomseth, 2018
46. Interactive Lecture
1. ขั้นเตรียมการบรรยาย
1. กาหนดเป้าหมายและหัวข้อที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
2. ตรวจสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียน
3. ศึกษาเนื้อหาสาระที่จะบรรยาย
4. เลือกใช้เทคนิคและสื่อประกอบการบรรยาย
2. ขั้นบรรยาย
2.1 นาเข้าสู่บทเรียน
2.2 บรรยายเนื้อหาโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการนาเสนอเนื้อหา
และมีสื่อประกอบการบรรยาย
3. สรุปการบรรยาย
3.1 สรุปสาระสาคัญ/ย้าในประเด็นที่สาคัญ
3.2 ตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน
“การบรรยายแบบมีปฏิสัมพันธ์”
Kittipun Udomseth, 2018
47. Interactive Lecture
ขั้นบรรยาย
2.1 นาเข้าสู่บทเรียน อาจเป็นการทบทวนความรู้เดิม หรือนาเสนอความเป็นมา/
ความสาคัญของเรื่องที่จะบรรยาย
2.2 การบรรยาย
2.2.1 นาเสนออย่างเป็นลาดับขั้นตอน
2.2.2 เนื้อหาไม่มากและไม่น้อยเกินไป
2.2.3 ไม่พูดช้าหรือเร็วเกินไป
2.2.4 มีการเน้นในส่วนที่สาคัญและแนวคิดหลักให้ชัดเจน
2.2.5 อธิบายคาเฉพาะใหม่ให้ชัดเจน บางครั้งอาจต้องอธิบายซ้าในเนื้อหาที่เป็น
นามธรรมเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจและไม่สับสน
2.2.6 มีการเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาที่บรรยาย
2.2.7 ใช้สื่อประกอบการที่เหมาะสม
2.2.8 ตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน
2.2.9 ตรวจสอบความสนใจของผู้เรียน
2.2.10 สร้างบรรยากาศที่ดีในชั้นเรียนระหว่างการบรรยาย
Kittipun Udomseth, 2018
49. Interactive Lecture
ขั้นสรุป
1. ผู้สอนสรุปสาระสาคัญที่ผู้สอนนาเสนอไปแล้ว
2. ย้าในประเด็นที่เป็นการเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิมของผู้เรียน
3. ดูการสะท้อนความคิดของผู้เรียนเพื่อการตรวจสอบความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
4. แก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้เรียน
5. สรุปสารสาคัญทั้งหมดที่ผู้สอนนาเสนอไป โดยอาจใช้คาถามหรือตั้งประเด็นเพื่อ
ตรวจสอบการนาสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้และเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น
หรือการเรียนในครั้งต่อไป
Kittipun Udomseth, 2018
50. ผังกราฟิก (Graphic Organizer)
คือ ภาพกราฟิกที่นามาใช้เพื่อจัดระบบข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน
ให้เป็นระบบ ง่ายต่อการทาความเข้าใจ สามารถใช้ในการทบทวนความรู้และ
การนาเสนอความรู้ โดยทั่วไปประกอบด้วยภาพ สัญลักษณ์ และข้อความ
- ผังความคิด (Mind Map)
- ผังสัมพันธ์ความหมาย (Semantic Map)
- ผังความคิดรวบยอด (Concept Map)
- แผนที่ (Map)
- แผนภูมิ (Graph/Chart)
- แผนภาพ (Diagram)
- ผังแมงมุม (Web)
- แบบจาลอง (Model)
- Infographic ฯลฯ
Kittipun Udomseth, 2018
51. TimeLine Road Map
Flow Chart Number Porn
Comparison Structure
การใช้ผังกราฟิก
Graphic Organizer
Kittipun Udomseth, 2018
ภาพจาก Infographic Thailand
57. อุปสรรคของการจัดการเรียนการสอน
แบบการเรียนรู้เชิงรุก
วิธีการแก้ปัญหา
1. ครูไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ครอบคลุมเนื้อหา
หลักสูตรได้มากพอในเวลาที่มี
1. หาวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่ครบถ้วนตามหลักสูตร เช่น การ
อ่าน การเขียน ฯลฯ ผ่านการทาแบบฝึกหัดในชั้นเรียน
2. การออกแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิง
รุกต้องมีการเตรียมล่วงหน้าค่อนข้างมาก
2. การปรับปรุงเนื้อหาและการนาเสนอข้อมูลจากงานบรรยายเก่า ๆ ที่ไม่
จาเป็นต้องใช้เวลามากนัก
3. ชั้นเรียนขนาดใหญ่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการ
สอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
3. ชั้นเรียนขนาดใหญ่อาจแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ บางกิจกรรมเช่น การอ่าน
การเขียน การสนทนา ผู้เรียนสามารถดาเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ครูผู้สอน
4. ครูส่วนใหญ่คิดว่าตนเองบรรยายเก่ง 4. แม้ว่าการบรรรยายจะมีความสาคัญและครูคิดว่าตนเองบรรยายได้ดี แต่ครูไม่
สามารถควบคุมความสม่าเสมอหรือเท่าเทียมของการบรรยายในแต่ละครั้ง สิ่งที่
บอกได้ชัดเจนว่าเราเป็นครูที่สอนดีอยู่ที่สิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยดูจากผลการ
ทดสอบความรู้ของผู้เรียน
5. ขาดวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จาเป็นที่สนับสนุนแนวทางการ
จัดการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
5. เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกจานวนมากไม่จาเป็นต้องต้องใช้อุปกรณ์
ใด ๆ ถ้าครูขาดอุปกรณ์ก็ควรเลือกวิธีการที่ไม่จาเป็นต้องใช้อุปกรณ์
6. นักเรียนไม่ชอบการเรียนการสอนที่ครูไม่บรรยาย 6. เป็นเพราะความเคยชินของผู้เรียนที่เรียนโดยการนั่งฟังเฉย ๆ ดังนั้น การจัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุกที่น่าสนใจและท้าทาย จะช่วยเปลี่ยนความคิดของ
ผู้เรียนไปสู่การจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ที่มีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม
(Bonwell, 2000)
อุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก
58. ความเสี่ยง (Risks)
ด้านผู้เรียน ด้านผู้สอน
1. ผู้เรียนไม่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่ 1. ไม่สามารถควบคุมและการจัดการชั้นเรียน
ได้ดีพอ
2. ผู้เรียนไม่ได้เรียนรู้เนื้อหาตามหลักสูตร
อย่างเพียงพอ
2. ขาดความมั่นใจในการจัดการเรียนการ
สอนแบบเชิงรุก
3. ไม่สามารถพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง 3. ขาดทักษะที่จาเป็นในการจัดการเรียนการ
สอน
4. ผู้เรียนไม่รู้สึกยินดีกับการเข้าร่วมกิจกรรม 4. ถูกมองว่าจัดกิจกรรมที่ต่างออกไปจากครู
คนอื่น ๆ
ความเสี่ยง (Risks) ของการจัดการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
(Bonwell, 2000)
59. ระดมความคิดเห็น
เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก
กิจกรรม 2 : ปัญหาและอุปสรรค
1. ...............................................................................................
2. ................................................................................................
3. ................................................................................................
4. ................................................................................................
5. ................................................................................................
6. ................................................................................................
7. ................................................................................................
8. ................................................................................................
61. มิติของการสอน ความเสี่ยงต่า ความเสี่ยงสูง
เวลาที่ใช้สอน ใช้เวลาค่อนข้างน้อย ใช้เวลาค่อนข้างนาน
ระดับการวางแผน วางแผนอย่างรอบคอบ ตามธรรมชาติ
เนื้อหา รูปธรรม นามธรรม
ศักยภาพในการโต้เถียงขัดแย้ง น้อย มาก
การชี้แจง มีการชี้แจงมาก มีการชี้แจงน้อย
ประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน วิธีการที่คุ้นเคย วิธีการที่ไม่คุ้นเคย
ประสบการณ์การสอนของครู มาก น้อย
รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ครูกับนักเรียน ระหว่างนักเรียน
กลยุทธ์การสอนที่มีความเสี่ยงต่าและความเสี่ยงสูง
ในการจัดการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
(Bonwell, 2000)
62. 1. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนมากกว่านั่งฟังอยู่เฉย ๆ
2. ผู้เรียนเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครูจัดขึ้นในชั้นเรียน
(เช่น การอ่าน การเขียน การอภิปราย ฯลฯ)
3. ให้ความสาคัญกับการพัฒนาทักษะของผู้เรียนมากกว่า
การนาเสนอเนื้อหาข้อมูล
4. ให้ความสาคัญกับกิจกรรมที่ส่งเสริมหรือตรวจสอบ
เจตคติและค่านิยมของผู้เรียน
5. เพิ่มความกระตือรือร้นและแรงจูงในในการเรียน
6. ผู้เรียนได้รับการตอบสนองทันทีจากครูผู้สอน
7. ผู้เรียนมีส่วนร่วมและได้รับการพัฒนาการคิดระดับสูง
(เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และ การประเมิน)
บทบาทของผู้เรียนในการเรียนรู้แบบเชิงรุก
(Bonwell, 2000)
63. 1. เป็นนักแก้ปัญหา
2. ค้นพบตัวเอง
2. พัฒนาสติปัญญา
3. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
4. เห็นความผิดพลาดเป็นโอกาสของการเรียนรู้
5. มีการจัดการที่ดี
6. เรียนรู้ที่จะทดลอง
7. พัฒนาการคิดแบบวนซ้า
7. คิดนอกกรอบ
8. เป็นนักสารวจ
9. คิดอย่างเป็นระบบ
10. มีความพร้อมในโลกยุคใหม่
11. สามารถชี้นาตนเอง
คุณลักษณะของผู้เรียนที่จะเกิดขึ้นจาก
การเรียนการสอนแบบเชิงรุก
64. 1. เข้าใจผู้เรียนและวิธีการเรียน
2. กาหนดจุดประสงค์ให้สอดคล้อง
กับวิธีการวัด
3. ออกแบบการประเมินการเรียนรู้
4. ให้ข้อมูลย้อนกลับ
5. ผสมผสานกิจกรรมก่อน-หลัง
เรียนผ่านระบบออนไลน์
6. ใช้กลยุทธ์การเรียนรู้แบบเชิงรุก
เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ
เรียน
7. ประเมิน สะท้อนผลและปรับปรุง
การสอน
8. เป็นนักวิชาการและเข้าใจ
บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
https://www.monash.edu/learning-teaching/development/ceed/foundations-for-effective-teaching
คุณลักษณะของครูผู้สอน
67. ชี้แจง มอบหมายงาน/กิจกรรม แจกสื่อ-วัสดุ-อุปกรณ์ และอานวยความสะดวกในการเรียนรู้
ของผู้เรียนในชั้นเรียน
ใช้คาถามและกิจกรรมที่กระตุ้นและพัฒนาทักษะการคิดระดับสูงของผู้เรียน
กากับ ดูแลให้ผู้เรียนทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน และช่วยเหลือผู้เรียนที่ต้องการ
ความช่วยเหลือทุกคนอย่างทั่วถึง
ตรวจสอบความถูกต้องและให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้เรียนได้ในทันที
สรุปสาระสาคัญของบทเรียนร่วมกับผู้เรียนได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม (ท้ายชั่วโมง)
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพจริงของผู้เรียน
มีการจูงใจ กระตุ้น เสริมแรง แนะนา ตักเตือน ฯลฯ ตามที่เห็นสมควร
ชี้แจงหรือมอบหมายกิจกรรมล่วงหน้าสาหรับการเรียนการสอนครั้งต่อไป
ภารกิจของผู้สอนในชั้นเรียน
Kittipun Udomseth, 2018
68. ในกรณีที่สิ้นสุดการเรียนการสอนตามหน่วยการเรียนรู้ ครูมีหน้าที่ประเมินผลงาน (ชิ้นงาน)
ผลการปฏิบัติงาน (ภาระงาน) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนในหน่วยการเรียนรู้/
แผนการเรียนรู้นั้น ๆ
ในกรณีที่ยังไม่สิ้นสุดหน่วยการเรียนรู้ และยังมีการมอบหมายงานต่อเนื่อง ครูอาจต้องให้คา
ชี้แนะ แนะนา หรือตรวจสอบเบื้องต้นให้กับผู้เรียนโดยการติดต่อสื่อสารทางระบบออนไลน์
ครูจึงต้องเข้าตรวจสอบข้อมูลที่ผู้เรียนส่งมาให้ทางระบบออนไลน์อย่างสม่าเสมอ
บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ลงในบันทึกหลังสอนของครู ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงการ
สอนและการวิจัยปฏิบัติในชั้นเรียนและใช้ประเมินสมรรถนะในการจัดการเรียนการสอนของ
ครูได้
ภารกิจของผู้สอนหลังการเรียนในชั้นเรียน
Kittipun Udomseth, 2018
70. 1. ด้านผู้เรียน ครูควรทาการชี้แจงให้ผู้เรียนทราบเกี่ยวกับ
- วิธีการสอน
- บทบาทของผู้เรียน
- ปรับกระบวนทัศน์จากการเรียนรู้แบบรับ (Passive) เป็นการเรียนรู้เชิงรุก (Active)
- ทาข้อตกลงต่าง ๆ กับผู้เรียน (ถ้ามี)
การจัดสภาพแวดล้อมของการจัดการเรียนกาสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก
Kittipun Udomseth, 2018
71. 2. ด้านสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของชั้นเรียน ครูควรจัดเตรียมสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้แก่
ห้องเรียน ห้องประกอบหรือห้องปฏิบัติงาน (ถ้ามี) ให้พร้อมใช้งาน เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ปลอดภัยไร้
สิ่งรบกวนเช่น เสียง แสง ฝุ่นละออง ฯลฯ โดยประสานกับผู้รับผิดชอบช่วยดูแล นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบวัสดุ-
อุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องเรียนให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ปลอดภัยและเพียงพอกับจานวนของผู้เรียน
Kittipun Udomseth, 2018
72. 3. ด้านสื่อ-วัสดุการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ ครูควรจัดหา จัดทา จัดเตรียมสื่อและวัสดุการเรียนรู้ให้
พร้อมก่อนทาการสอน มีการทดสอบการใช้งาน มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อจานวนนักเรียน จัดเตรียมแหล่งเรียนรู้
ที่สาคัญและจาเป็นสาหรับผู้เรียนในการศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ ไว้ก่อนล่วงหน้าและสอดคล้องกับกิจกรรมการ
เรียนการสอนที่กาหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ นอกจากนี้ควรเลือกใช้สื่อและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับสมรรถนะ
ทางเทคโนโลยีของผู้เรียนส่วนใหญ่
Kittipun Udomseth, 2018
73. 4. ด้านเทคโนโลยีที่สนับสนุนการเรียนรู้ จัดเตรียม จัดหาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จัดเตรียมช่องทางสาหรับการนาเสนอสื่อการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนไปศึกษา
เนื้อหาเพิ่มเติมและช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนทางระบบออนไลน์
Kittipun Udomseth, 2018
90. ระบบการจัดการเรียนการสอน (Instructional System)
Input ผู้เรียน (ความพร้อม โอกาส ลักษณะ)
ผู้สอน (ศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนของครู)
หลักสูตร (สาระและมาตรฐานการเรียนรู้) / เป้าหมายการจัดการเรียนการสอน
ทรัพยากร สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ สภาพแวดล้อม เวลา
นโยบายและการสนับสนุน
การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ / กระบวนการคิด / กระบวนการปฏิบัติ
การเลือกใช้กลยุทธ์การเรียนการสอน / การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
การพัฒนาสื่อและแหล่งเรียนรู้
การพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ / การจัดการชั้นเรียน
การวัดประเมินผลการเรียนการสอน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนตามหลักสูตร / เป้าหมายฯ
ความรู้ / ความคิด / ทักษะ / เจตคติ
ผลงานของนักเรียน
ความสามารถในการแข่งขัน
ผลการสอบวัดความรู้ระดับชาติ
Process
Input
สมรรถะสาคัญตาม
หลักสูตรและทักษะสาคัญใน
ศตวรรษที่ 21
93. การพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ
A
D
D
I
E
วิเคราะห์ - หลักสูตร เนื้อหา เป้าหมาย นโยบาย จุดเน้น ความต้องการ ฯลฯ
- ผู้เรียน ผู้สอน บริบทและสภาพแวดล้อม ความพร้อม ฯลฯ
ออกแบบ - กาหนดเป้าหมาย เนื้อหา จุดประสงค์ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัด
- กาหนดกลยุทธ์ / วิธีสอน สื่อ-เทคโนโลยี วิธีการวัดและการประมิน
พัฒนา - เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ฯลฯ
- พัฒนาสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยี พัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผล
- พัฒนาสภาพแวดล้อมของการเรียน แหล่งเรียนรู้
การใช้ - เตรียมความพร้อมก่อนการสอน
- จัดการเรียนการสอน (ในชั้นเรียน - นอกชั้นเรียน)
ประเมิน - วัดและประเมินผลการจัดการเรียนการด้วยวิธีการและเครื่องมือที่กาหนด
- ประเมินความรู้ ความคด ทักษะ เจตคติ
- สรุปผลการประเมิน นาข้อมูลไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาวิธีการสอนและผู้เรียน
97. 1.1 วิเคราะห์เนื้อหา
เนื้อหา (Contents) คือ “เรื่องที่จะสอน” ซึ่งการเลือก “เรื่อง
ที่จะสอน” จะพิจารณาจากหลักสูตรที่ใช้อยู่ในปัจจุบันโดยเลือกดูสาระ
การเรียนรู้ที่เห็นว่า ผู้เรียนสามารถศึกษาเรียนรู้เนื้อหานั้น ๆ ด้วยการ
ปฏิบัติในชั้นเรียน
ทั้งนี้ครูอาจพิจารณาหน่วยการเรียนรู้ที่มีอยู่แล้วในโครงสร้าง
รายวิชา และเสริมกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุกเข้าไปในหน่วยการ
เรียนรู้นั้น ๆ หรือผสมผสานหน่วยการเรียนรู้ที่มีอยู่ให้เป็นหน่วยการ
เรียนรู้ใหม่ก็ได้
98. 1. เนื้อหาที่เป็นการ
อธิบายเพื่อให้เกิด
ความเข้าใจ
2. เนื้อหาที่เป็น
แนวคิด ทฤษฎี
หลักการ
3. เนื้อหาที่เป็น
เรื่องราว เหตุการณ์
หรือสถานการณ์
4. เนื้อหาที่แสดง
วิธีการหรือลาดับขั้นตอน
การปฏิบัติ
5. เนื้อหาที่แสดง
ถึงความสัมพันธ์
ของสิ่งต่าง ๆ
6. เนื้อหาที่ต้อง
อาศัยการคิดระดับสูง
7. เนื้อหาที่เน้น
ความเข้าใจเพื่อ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เนื้อหาสาหรับการ
จัดการเรียนการสอน
แบบเชิงรุก
105. วิธีการวิเคราะห์ผู้เรียน สามารถดาเนินการดังนี้
1. เก็บรวบรวมข้อมูลผู้เรียน โดยใช้แบบสอบถามเพื่อการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคล
โดยออกแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ ทั้ง 4 ประเด็น
2. วิเคราะห์ผู้เรียน โดยนาข้อมูลจากแบบสอบถามมาวิเคราะห์ข้อมูลของเป็น
ภาพรวมของทั้งชั้นเรียน
3. ระบุลักษณะผู้เรียน สรุปผลการวิเคราะห์ผู้เรียน ซึ่งจะทาให้ครูผู้สอนทราบว่า
3.1 ผู้เรียนโดยเฉลี่ยมีผลการเรียนในระดับใด เก่ง ปานกลาง อ่อน มีเท่าใด
3.2 ผู้เรียนมีความถนัดในการเรียนรายวิชานี้มากน้อยอย่างไร
3.3 ลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียนมีแบบใดบ้าง มากน้อยอย่างไร
3.4 ผู้เรียนมีทักษะเฉพาะในการเรียนรู้รายวิชาอย่างไร
106. 1.3 วิเคราะห์บริบทและสภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ (Learning Environment)
สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ หมายถึง สภาพการณ์ที่มีผลต่อการเรียนรู้ของ
ผู้เรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน รวมถึงเงื่อนไขและ
สถานการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ทั้งในทางบวกและทางลบต่อผู้เรียน
สภาพแวดล้อมของการเรียนมีทั้งสภาพแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ผู้สอน
ต้องออกแบบการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้สอนสามารถจัดเตรียมและควบคุม
สภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
109. 2.1 กาหนดเนื้อหา 1. เลือกเนื้อหา
2. ปรับปรุง/แก้ไข/เพิ่มเติม
/บูรณาการเนื้อหา
3. จัดลาดับเนื้อหา
4. แบ่งเนื้อหาออกเป็น
บทเรียนย่อย ๆ
+ +
110. 2.2 กาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ (Learning Objectives) เป็นจุดมุ่งหมายของการจัดการเรียนการสอนที่
ระบุพฤติกรรมคาดหวังของผู้เรียนที่จะต้องแสดงออกมาหรือมีการกระทาที่สามารถสังเกตเห็นได้
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมประกอบด้วยข้อความ 3 ส่วน คือ พฤติกรรมที่คาดหวัง สถานการณ์หรือ
เงื่อนไขและเกณฑ์ ดังนี้
1. พฤติกรรมที่คาดหวัง เป็นข้อความที่ระบุถึงความสามารถหรือพฤติกรรมของของ
ผู้เรียนหลังจบบทเรียน
2. สถานการณ์ หรือเงื่อนไข คือการกาหนดเนื้อหาและกิจกรรมที่สอดคล้องกับการ
เรียนการสอน
3. เกณฑ์ หมายถึง ข้อความที่อธิบายให้ทราบว่าผู้เรียนจะต้องปฏิบัติให้ดีเพียงใด
114. 2.3 กาหนดภาระงานและเกณฑ์การประเมิน
ภาระงาน ที่สามารถนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก
ได้แก่ การพูด การรายงานปากเปล่า การอภิปราย การอ่าน การเล่าเรื่อง
การกล่าวรายงาน การโต้วาที ร้องเพลง เล่นดนตรี การเขียน การนาเสนอ
การแสดง การเคลื่อนไหวร่างกาย การเล่นกีฬา การทดสอบสมรรถภาพ
การทาแบบทดสอบ-แบบฝึก-แบบวัดต่าง ๆ การปฏิบัติ การทดลอง
การวางแผนการทางาน การสรุป การทบทวน การสืบค้น การเปรียบเทียบ
การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมิน เป็นต้น
ชิ้นงาน เช่น รายงาน เรียงความ จดหมาย โคลง กลอน
หนังสือเล่มเล็ก ภาพวาด แผนภาพ แผนผัง แผนภูมิ งานประดิษฐ์
นิทรรศการ แบบจาลอง แบบฝึกหัด ใบงาน แฟ้มสะสมงาน ฯลฯ งานที่มี
ลักษณะผสมผสานกันระหว่างชิ้นงานกับภาระงาน เช่น โครงงาน การ
ทดลอง การสาธิต ละคร วีดีทัศน์ แผนงาน โครงการ เป็นต้น
115. 2.4 กาหนดกลยุทธ์การเรียนการสอน
กลยุทธ์การสอน (Instructional Strategy) คือ วิธีการหรือเทคนิคการสอนที่ครูนามาใช้
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่กาหนด สาหรับการ
เรียนรู้เชิงรุกจะเน้นที่กิจกรรมในชั้นเรียน (in-class activities) เป็นหลัก
ขั้นนา ขั้นสอน ขั้นปฏิบัติ ขั้นสรุป ขั้นใช้ความรู้
1. ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม
2. เน้นการพัฒนาการคิดระดับสูง
3. เน้นการเรียนรู้ร่วมกัน/การเรียนแบบร่วมมือ
4. ผู้เรียนดูแลและตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
5. เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติ
6. มีการวัด/ประเมินควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนการสอน
เน้น
116. 1. การฟัง (Listening)
2. การดู (Watching)
3. การพูด (Talking)
4. การอ่าน (Reading)
5. การเขียน (Writing)
6. การสะท้อนคิด (Reflect & Feedback)
7. การปฏิบัติ (Practices)
8. การแบ่งปันและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing)
9. การตรวจสอบข้อมูล (Checking)
10. การแข่งขันและเกม (Competition & Game)