SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 18
Downloaden Sie, um offline zu lesen
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรวิทย์ จันทร์สุวรรณ
ของเหลว (Liquid)
http://web.rmutp.ac.th/woravith
woravith
woravith.c@rmutp.ac.th
Chemographics
แผนการสอนและประเมินผลการเรียนรู้
▪ สมบัติของเหลว
▪ แผนผังวัฏภาค
ของเหลว
สมบัติ
ทั่วไป
ของ
ของเหลว
▪ โมเลกุลเคลื่อนที่อย่างไม่เป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา ทาให้
เกิดการชนกันหลายสิบล้านครั้ง/วินาที
▪ ของเหลวมีความหนาแน่นมากกว่าแก๊สประมาณ 106 เท่า
▪ มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลมากกว่าแก๊ส ความดันและ
อุณหภูมิมีผลน้อยมากต่อปริมาตรของเหลว
▪ ของเหลวสามารถไหลได้ แพร่ได้ (โมเลกุลของของเหลว
เคลื่อนที่ได้)
▪ ของเหลวมีรูปร่างไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะ
แรงดึงดูดของโมเลกุลของเหลวแต่ละ
โมเลกุลที่กรพทาต่อโมเลกุลอื่น ๆ
การเคลื่อนที่ของแต่ละโมเลกุลอยู่ภายใต้
อิทธิพลของโมเลกุลอื่นที่อยู่ล้อมรอบ ระหว่าง
พื้นที่ผิวของแต่ละโมเลกุลที่ติดกันของ
ของเหลวเกิดเป็นแรงดึง
ความตึงผิว (surface tension)
สมบั
ต
ิ
ข
องเหลว
▪ แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล
แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลมาก โมเลกุลที่
ผิวหน้าจะถูกดึงเข้าภายในอย่างแรง งานที่
ใช้ในการขยายพื้นที่ผิวของของเหลวจะ
มากตามไปด้วย ความตึงผิวจะมาก หรือ
กล่าวอีกอย่างคือ ยิ่งของเหลวมีความ
หนืดมาก ความตึงผิวจะยิ่งมีค่าสูงมาก
▪ อุณหภูมิ
ถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นพลังงานจลน์ของแต่ละ
โมเลกุลเพิ่มขึ้น แต่แรงดึงดูดระหว่าง
โมเลกุลลดลง ทาให้ความตึงผิวลดลง
ปัจจัยที่มีผลต่อความตึงผิว
ปรากฏการณ์ที่โมเลกุลหลุดออกมาจากผิว
ของเหลวกลายสถานะเป็นไอ
โมเลกุลของเหลวเคลื่อนที่่ตลอดเวลา
แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
โมเลกุลจึงชนกันอยู่ตลอดเวลาและมีการ
แลกเปลี่ยนพลังงานจากการชนกัน ทาให้
โมเลกุลหนึ่งๆ อาจได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นและ
บางโมเลกุลสูญเสียพลังงานลง
การระเหย (evaporation)
สมบั
ต
ิ
ข
องเหลว
▪ การเพิ่มอุณหภูมิทาให้โมเลกุลมีพลังงานจลน์สูงขึ้น
โอกาสที่จะชนะแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลมีมากขึ้น
▪ พื้นที่ผิวของของเหลว ทาให้โมเลกุลที่มีพลังงานจลน์สูง
อยู่ที่ผิวมากขึ้นมีโอกาสหลุดออกจากแรงดึงดูดระหว่าง
โมเลกุลได้มากขึ้น
▪ การที่ของเหลวอยู่ในระบบเปิด เป็นการป้องกันมิให้มี
โอกาสกลับมาควบแน่นได้อีกและไม่ให้มีความดันไอ
ต่อต้านโมเลกุลที่จะระเหยออกไปอีก
▪ ความดันบรรยากาศเหนือของเหลว ถ้ามีความดัน
บรรยากาศต่าของเหลวย่อมระเหยได้ดีขึ้น
▪ การถ่ายเทของอากาศเหนือของเหลวและการกวน
ของเหลวมีผลให้การระเหยดีขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อการระเหย
สมบั
ต
ิ
ข
องเหลว
การเดือด (boiling)
กระบวนการที่โมเลกุลของเหลวได้รับ
พลังงานความร้อนมากพอจนกลายเป็นไอ
ได้อย่างรวดเร็ว
โมเลกุลของเหลวทั่วทุกบริเวณในภาชนะ
สามารถที่จะหลุดจากแรงดึงดูดระหว่าง
โมเลกุลได้อย่างรวดเร็ว
การบอกจุดเดือดของของเหลวชนิด
หนึ่งๆ จะต้องบอกความดันของ
บรรยากาศด้วย เช่น จุดเดือดของ
น้าเท่ากับ 100C ที่ความดัน 1
บรรยากาศ เรียกว่า จุดเดือดปกติ
(normal boiling point)
“
การเดือดของของเหลวจะเกิดขึ้นที่อุณหภูมิหนึ่ง
เรียกว่า จุดเดือด (boiling point)
ความดันไอของของเหลวขณะเดือดจะมีค่าเท่ากับ
หรือมากกว่า ความดันบรรยากาศ
โดยความดันบรรยากาศมีผลต่อจุดเดือดของ
ของเหลว
สมบั
ต
ิ
ข
องเหลว
ความดันไอ (vapor pressure)
ความดันที่อยู่เหนือของเหลว ณ
ภาวะสมดุลในระบบปิด
“
รูป a โมเลกุลจะเริ่ม
ระเหยกลายเป็นไอ
รูป c โมเลกุลของ
ของเหลวระเหยมาก แต่ก็มี
โมเลกุลของเหลวบางส่วนที่
สามารถควบแน่นกลับมา
เป็นของเหลวได้
รูป b การระเหยจะ
มากขึ้น
ถ้าอัตราการระเหยเท่ากับอัตราการควบแน่น
จะเรียกว่า ของเหลวอยู่ในภาวะสมดุลกับไอ
ของเหลวแต่ละชนิดจะมีความดันไอไม่เท่ากัน
โดยทั่วไปพบว่า
ถ้าแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลน้อย ความดันไอของ
ของเหลวจะมีค่าสูง เพราะโมเลกุลของของเหลวสามารถ
ระเหยได้ง่าย
ถ้าของเหลวมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลมาก ความดันไอ
ของของเหลวก็จะมีค่าน้อย
สมบั
ต
ิ
ข
องเหลว
การแพร่ (diffusion)
การเคลื่อนที่ของอนุภาคจากบริเวณที่มี
ความหนาแน่นสูงไปยังบริเวณที่มีความ
หนาแน่นต่าโดยอาศัยพลังงานจลน์
ของสารเอง
“
ถ้านาของเหลวสองชนิดที่สามารถละลายในกัน
และกันมาผสมกัน โมเลกุลของเหลวชนิดหนึ่งจะ
แพร่กระจายไปทั่วโมเลกุลของเหลวอีกชนิดหนึ่ง
แผนผังที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
สถานะของสสารทั้ง 3 สถานะที่
อุณหภูมิและความดันต่าง ๆ
แผนผังวัฏภาค
(phase diagram)
กราฟสองมิติประกอบด้วยแกน
อุณหภูมิและความดัน ซึ่งมีเส้นกราฟที่
สาคัญ 3 เส้นโดยแต่ละเส้นแสดงวัฏ
ภาคของสสารตามเงื่อนไขอุณหภูมิ
และความดัน ที่อยู่ ณ ภาวะสมดุล
“
เส้น CA เส้นสมดุลวัฏภาคระหว่างของแข็งกับแก๊ส
เส้น AD เส้นสมดุลวัฏภาคระหว่างของแข็งกับของเหลว
เส้น AB เส้นสมดุลวัฏภาคระหว่างของเหลวกับแก๊ส
วัฏภาคแก๊ส
วัฏภาคของแข็ง วัฏภาคของเหลว
จุดร่วมสามคืออุณหภูมิและความดันที่ทา
ให้ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส อยู่ร่วม
ในภาวะสมดุลกันที่จุดเดียวกัน
Critical Point
(จุดวิกฤติ)
Triple point
(จุดร่วมสาม)
จุดสุดท้ายที่
สามารถแบ่ง
และเห็น
ขอบเขต
สมดุล
ระหว่าง
ของเหลวกับ
แก๊ส
แผนผังวัฏภาคของน้า
▪ จุดหลอมเหลว คือ จุดที่ทาให้น้าเปลี่ยนจากสถานะ
ของแข็งกลายเป็นของเหลว ที่อุณหภูมิ 0C
▪ น้าเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่ผ่าน
สถานะของเหลว โดยการลดความดันลงเรื่อย ๆ
จนความดันต่ากว่า 0.00603 atm (4.58 ทอร์)
ซึ่งในที่สุดจะได้ไอน้า (แก๊ส) โดยไม่ผ่านสถานะที่เป็น
ของเหลว
▪ จุดเดือด คือ จุดที่ทาให้น้าเปลี่ยนจากสถานะ
ของเหลวกลายเป็นแก๊ส ที่อุณหภูมิ 100C
▪ จุดร่วมสามของน้า อยู่ที่ความดัน 0.00603 atm
(4.58 ทอร์) อุณหภูมิ 0.0098C
▪ จุดวิกฤตของน้า อยู่ที่ความดัน 217.7 atm
อุณหภูมิ 374.4C
0 100 374.4
217.7
1.0
0.06 A
B
D
0.0098
อุณหภูมิ (C)
ความดั
น
(atm)
วัฏภาคของเหลว
(น้า)
วัฏภาคของแข็ง
(น้าแข็ง)
วัฏภาคของแก๊ส
(ไอน้า)
จุดหลอมเหลวปกติ
จุดเดือดปกติ
จุดร่วมสาม
จุดวิกฤติ
แผนผังวัฏภาคของ CO2
-78.5 -56.4 31.1
73.8
5.11
1.0
A
B
D
อุณหภูมิ (C)
ความดั
น
(atm)
วัฏภาคของเหลว
วัฏภาคของแข็ง
วัฏภาคของแก๊ส
จุดร่วมสาม
จุดวิกฤติ
▪ จุดร่วมสามของ CO2 อยู่ที่ T=-56.4C
และ P= 5.11 atm
▪ สถานะของเหลวจะอยู่เหนือความดัน
บรรยากาศ ดังนั้นจึงไม่สามารถทาให้ CO2
(ของแข็ง) หลอมเหลวที่ P=1 atm แต่ถ้า
ให้ความร้อนแก่ CO2 (ของแข็ง) ที่ -78C
และที่ P=1 atm สาร CO2 (ของแข็ง) จะ
ระเหิด
#อุณหภูมิวิกฤตและความดันวิกฤต
▪ อุณหภูมิวิกฤต (critical temperature) หมายถึง อุณหภูมิสูงสุดที่สารสามารถอยู่ได้ในสถานะของเหลว
ที่อุณหภูมิสูงกว่านี้ แก๊สจะไม่สามารถควบแน่นเป็นของเหลวได้ ไม่ว่าจะใช้ความดันสูงเท่าใดกระทาต่อแก๊ส
▪ ความดันวิกฤต (critical pressure) คือความดันต่าสุดที่ต้องใช้ในการควบแน่นของแก๊สเป็นของเหลวที่
อุณหภูมิวิกฤต
#พลังงานของการเปลี่ยนวัฏภาค
การเปลี่ยนวัฏภาค คือการเปลี่ยนสถานะของสสาร
▪ ของแข็งเปลี่ยนเป็นของเหลว
▪ ของเหลวเปลี่ยนเป็นไอ
▪ การที่ไอเปลี่ยนเป็นของเหลว
▪ ของเหลวเปลี่ยนเป็นของแข็ง
▪ การหลอมเหลว (melting) คือของแข็ง (solid) เปลี่ยนเป็นของเหลว (liquid)
▪ การระเหย (vaporization) คือของเหลว (liquid) เปลี่ยนเป็นไอ (gas)
▪ การระเหิด (sublimation) คือของแข็ง (solid) เปลี่ยนเป็นไอ (gas)
▪ การเยือกแข็ง (freezing) คือของเหลว (liquid) เปลี่ยนเป็นของแข็ง (solid)
▪ การควบแน่น (condensation) คือไอ (gas) เปลี่ยนเป็นของเหลว (liquid)
▪ การควบแข็ง (deposition) คือไอ (gas) เปลี่ยนเป็นของแข็ง (solid)
16
ปริมาณความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะเรียกว่า
ความร้อนแฝงจาเพาะ
▪ ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว (latent
heat of fusion) หมายถึง ปริมาณความร้อนที่
ต้องใช้ในการเปลี่ยนสถานะของแข็งให้กลายเป็น
ของเหลว ณ จุดหลอมเหลวของสาร (ช่วง B
ถึง C)
▪ ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ (latent
heat of vaporization) ปริมาณความร้อนที่
ต้องใช้ในการเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลายเป็น
ไอ ณ จุดเดือดของของเหลวนั้น (ช่วง D ถึง E)
Brown et al. Chemistry. 2009.
#กิจกรรม work@class
แบ่งกลุ่มทากิจกรรม 2.1
มอบหมายโจทย์ให้แต่ละกลุ่ม
ระดมสมองแก้ไขโดยวิธีการ
ร่วมแสดงความคิดเห็น
ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอ วิธีการแก้ไขโจทย์ปัญหา
1) หลักการสาคัญหรือหลักพื้นฐานที่ถูกต้อง
2) วิธีการคานวณค่าที่ถูกต้อง
3) วิธีอธิบายเชิงพฤติกรรม (วิธีปฏิบัติ) ที่ถูกต้อง
โดยให้กลุ่มอื่น ๆ รับฟัง และซักถามในข้อที่สงสัย

Weitere ähnliche Inhalte

Mehr von Dr.Woravith Chansuvarn

เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)
เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)
เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)Dr.Woravith Chansuvarn
 
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)Dr.Woravith Chansuvarn
 
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)Dr.Woravith Chansuvarn
 
เทอร์โมเคมี (ThermoChemistry)
เทอร์โมเคมี  (ThermoChemistry)เทอร์โมเคมี  (ThermoChemistry)
เทอร์โมเคมี (ThermoChemistry)Dr.Woravith Chansuvarn
 
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)Dr.Woravith Chansuvarn
 
Petroleum : ปิโตรเลียม
Petroleum : ปิโตรเลียมPetroleum : ปิโตรเลียม
Petroleum : ปิโตรเลียมDr.Woravith Chansuvarn
 

Mehr von Dr.Woravith Chansuvarn (20)

Periodic Table
Periodic TablePeriodic Table
Periodic Table
 
เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)
เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)
เคมีนิวเคลียร์ (Nuclear Chemistry)
 
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
เคมีไฟฟ้า (Electrochemistry)
 
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)
กฎทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic Laws)
 
เทอร์โมเคมี (ThermoChemistry)
เทอร์โมเคมี  (ThermoChemistry)เทอร์โมเคมี  (ThermoChemistry)
เทอร์โมเคมี (ThermoChemistry)
 
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)
จลนศาสตร์เคมี (Kinetics Chemistry)
 
สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)
 
ของแข็ง (Solid)
ของแข็ง (Solid)ของแข็ง (Solid)
ของแข็ง (Solid)
 
แก๊ส (Gases)
แก๊ส (Gases)แก๊ส (Gases)
แก๊ส (Gases)
 
AnalChem: UV-Vis
AnalChem: UV-VisAnalChem: UV-Vis
AnalChem: UV-Vis
 
AnalChem: Complexometric titration
AnalChem: Complexometric titrationAnalChem: Complexometric titration
AnalChem: Complexometric titration
 
AnalChem : Basic of Spectroscopy
AnalChem : Basic of SpectroscopyAnalChem : Basic of Spectroscopy
AnalChem : Basic of Spectroscopy
 
AnalChem : Basic of Electrochemistry
AnalChem : Basic of ElectrochemistryAnalChem : Basic of Electrochemistry
AnalChem : Basic of Electrochemistry
 
AnalChem : Volumetric Method
AnalChem : Volumetric MethodAnalChem : Volumetric Method
AnalChem : Volumetric Method
 
AnalChem : Concentration
AnalChem : ConcentrationAnalChem : Concentration
AnalChem : Concentration
 
AnalChem : Overview
AnalChem : OverviewAnalChem : Overview
AnalChem : Overview
 
Petroleum : ปิโตรเลียม
Petroleum : ปิโตรเลียมPetroleum : ปิโตรเลียม
Petroleum : ปิโตรเลียม
 
Rubber : ยาง
Rubber : ยางRubber : ยาง
Rubber : ยาง
 
Plastic : พลาสติก
Plastic : พลาสติกPlastic : พลาสติก
Plastic : พลาสติก
 
Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์
 

ของเหลว (Liquid)