สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
- 1. สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ที่มา http://atcloud.com/stories/61863
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรืออาจรู้จักกันในชื่อ สามเหลี่ยมปีศาจ เป็นพื้นที่สมมุติทางตะวันตกของ
มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งมีการอ้างว่าอากาศยานและเรือผิวน้้าจ้านวนหนึ่งหายสาบสูญไปโดยหา
สาเหตุมิได้ในบริเวณดังกล่าว วัฒนธรรมสมัยนิยมได้ให้เหตุผลของการหายสาบสูญว่าเป็นเรื่องของ
ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตนอกโลก หลักฐานซึ่งบันทึกไว้ได้ระบุว่า เหตุการณ์
การหายสาบสูญของอากาศยานและเรือผิวน้้าส่วนใหญ่ได้รับรายงานอย่างไม่ถูกต้องหรือถูกเสริมแต่งโดย
นักประพันธ์ในช่วงหลัง และหน่วยงานของรัฐหลายแห่งได้กล่าวว่า จ้านวนและธรรมชาติของการหาย
สาบสูญไปในพื้นที่ดังกล่าวก็มีลักษณะเช่นเดียวกับการหายสาบสูญไปในมหาสมุทรส่วนอื่น ๆ ของโลก
- 3. เรื่องเล่าขาน
การกล่าวอ้างถึงการหายสาบสูญอย่างผิดปกติในพื้นที่เบอร์มิวดาปรากฏในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1950
ในบทความของแอสโซซิเอด เพลส โดยเอ็ดเวิร์ด ฟาน วินเคิล โจนส์ อีกสองปีต่อมา นิตยสารเฟท ได้ตีพิมพ์
"ความลึกลับที่ประตูหลังของเรา" บทความสั้นโดย จอร์จ แอกซ์. แซนด์ ซึ่งครอบคลุมเครื่องบินและเรือ
จ้านวนมากที่หายสาบสูญไป รวมไปถึงการหายสาบสูญของฝูงบิน 19 ฝูงบินกองทัพเรือสหรัฐซึ่ง
ประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดทีบีเอ็ม อแวงเกอร์ห้าล้า ซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกบิน บทความของแซนด์ได้
เป็นงานเขียนแรก ๆ ซึ่งท้าให้เกิดเป็นแนวคิดอันเป็นที่รู้จักกันดีของพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อันเป็น
สถานที่ที่เกิดการหายสาบสูญอย่างหาสาเหตุไม่ได้ การหายสาบสูญของฝูงบิน 19 ได้ปรากฏในนิตยสาร
อเมริกันลีเจียน ฉบับประจ้าเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 โดยกล่าวอ้างว่าผู้บังคับฝูงบินได้กล่าวว่า "เราก้าลัง
เข้าสู่เขตน้้าขาว ไม่มีอะไรดูปกติเลย เราไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน น้้าทะเลเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีขาว" นอกจากนี้ ยัง
ได้มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่คณะกรรมการสืบสวนของกองทัพเรือยังได้ระบุว่าเครื่องบินทั้งหมดได้ "บินสู่
ดาวอังคาร" บทความของแซนด์เป็นงานเขียนชิ้นแรกซึ่งเสนอว่ามีปัจจัยเหนือธรรมชาติที่มีผลต่อเหตุการณ์
หายสาบสูญของฝูงบิน 19 ในนิตยสารอาร์กอสซี ฉบับประจ้าเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1964 บทความของ
วินเซนต์ เอช. แกดดิส "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาร้ายกาจ" ซึ่งโต้แย้งว่าฝูงบิน 19 และการหายสาบสูญไปอื่น
ๆ เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบของเหตุการณ์ประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ในปีต่อมา แกดดิสได้ขยาย
บทความของเขาไปเป็นหนังสือ ชื่อว่า อินวิสซิเบิลฮอไรซอนส์
http://www.a-burapa.com/article_s1.htm
- 4. ที่มา http://bermu-da.blogspot.com/2012/07/blog-post.html
ถัดมาในปี ค.ศ. 1969 นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนา
นี้โดยเฉพาะออกจ้าหน่ายในชื่อว่า ลิมโบออฟเดอะลอสต์ ถัดจากนั้น ก็มีหนังสือออกจ้าหน่ายตามมาอีก
มากมายเกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งก็มียอดจ้าหน่ายดีแทบทุกเล่ม ที่มีชื่อเสียงเป็น
พิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า เดอะเดวิลส์ไทรแองเกิล ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1974 ซึ่งเป็นเนื้อหาส้าหรับคนที่ชื่น
ชอบความลึกลับเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอันมาก หนังสือแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า
เบื้องหลังของการสูญหายนี้เกิดจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมนุษย์ต่างดาว
หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎีมาถกเถียงกัน และบริเวณ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีอาณาบริเวณที่กว้างมาก ตั้งแต่ ฟลอริด้า-เปอร์โตริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่
ประมาณ 4.4 แสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการค้นหาเพื่อพิสูจน์ในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ก็มีองค์กรของรัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจในการส้ารวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่
น้ามาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้
Invisible Horizons book
http://people.uncw.edu/smithms/Ace_pot_h.html
- 5. จนกระทั่งต่อมาในปี พ.ศ. 2553 โจเซฟ โมนาแกน ได้เสนอว่า สาเหตุที่เรือจมและ
เครื่องบินตก เกิดจากแก๊สมีเทนที่ก่อตัวขึ้น โดยแก๊สดังกล่าวอยู่ใต้ท้องทะเลในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
โดยเมื่อแก๊สเหล่านี้ขึ้นสู่พื้นผิว มันจะทะยานสู่อากาศ และขยายตัวเป็นวงกว้างและก่อตัวเป็นฟองแก๊สขนาด
ใหญ่ เมื่อเรือล้าใดผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น ก็จะเข้าไปสู่ฟองแก๊สมีเทนขนาดยักษ์ จนท้าให้เรือเหล่านี้สูญเสีย
การควบคุม และจมลงในที่สุด
การเกิดแก๊ส http://natzaza.wordpress.com
ที่มาของเนื้อหา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%
B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E
0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2