Praajarn suchart
- 4. พระอรหันต์บางรูป เช่น หลวงปู่มั่นนี้ ท่านก็มีเทวดามาฟังเทศน์ฟังธรรมกับท่าน
ท่านสามารถติดต่อกับเทวดาได้ แต่พระอรหันต์ไม่ทุกรูปที่มีพลังจิตสามารถติดต่อกับกายทิพย์ได้
แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นเพื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์
เพราะการจะบรรลุหลุดพ้นให้เป็นพระอรหันต์นี้ไม่จาเป็นที่จะต้องมีพลังจิต ติดต่อกับกายทิพย์ได้
เพียงแต่มีพลังที่จะหยุดความอยากได้เท่านั้นเอง
ทาให้จิตรวมเป็นอุเบกขาได้เท่านั้นก็พอ
- 6. ร่างกายของเราก็เป็นการรวมตัวของธาตุทั้ง ๔ คือดิน น้้า ลม ไฟ
แล้ววันหนึ่งร่างกายนี้ก็จะละลายไปเหมือนน้้าแข็ง..
เราจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งเหล่านี้ว่า เป็นตัวเราเป็นของเรา
เพราะถ้าเรายึดแล้ว มันจะท้าให้เราอยากให้มันอยู่กับเรา
แล้วพอเราอยากแล้ว มันจะท้าให้เราทุกข์..ร่างกายคนอื่นจะตาย เราทุกข์หรือเปล่า..
ตายก็ตายไปสิเรื่องของเขา ใช่ไหม ร่างกายที่เราคิดว่าเป็นตัวเราของเรา
ก็เหมือนกันกับร่างกายของคนอื่น ไม่ได้เป็นของเรา แต่เราไม่มีปัญญา มองไม่เห็น เราเลยหลงกัน
ไปยึดไปติดกับร่างกาย แล้วก็อยากให้มันไม่ตาย ก็เลยทุกข์กัน
- 9. ชนะผู้อื่น เขาก็คับแค้นใจ เราก็ไม่สบายใจ
ผู้อื่นชนะเรา เราก็คับแค้นใจ เขาก็ไม่สบายใจ
แต่ถ้า “ชนะใจ” ได้แล้ว ทุกคนสบาย
เขาก็สบาย เราก็สบาย
นี่แหละคือวิถีของนักปราชญ์เป็นอย่างนี้
พวกเราส่วนใหญ่ที่ยังเป็นนักปราชญ์กันไม่ได้
เพราะเราต่อสู้กับอารมณ์ของเราไม่ได้
อารมณ์ของเรามักจะมีอ้านาจครอบง้าใจเรา
- 10. นักปราชญ์เขาไม่ได้ดีใจกับ “วันเกิด” นะ
เขาดีใจกับวันตาย คือเขาให้ความส้าคัญกับวันตายมากกว่าวันเกิด
เพราะวันเกิดมันผ่านมาแล้ว
มันเป็นอดีตไปแล้ว มันไม่มีความหมายอะไร
ตัวที่จะมีความหมายก็คือ “วันตาย”
เป็นวันทดสอบจิตใจว่าจะสอบตกหรือจะสอบผ่าน
อันนี้ต่างหากที่เราต้องให้ความส้าคัญ
เราต้องเตรียมตัวท้าข้อสอบกัน
- 17. ถ้าเห็นด้วยปัญญาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็นทุกข์เป็นทุกข์ เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา ว่าไม่ใช่เป็นของเรา
ถ้าเห็นตามความจริง ก็จะไม่มีความอยากให้อยู่กับเราไปนานๆ หรืออยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ...
เพราะเรารู้ว่าเราไม่สามารถที่จะไปควบคุมบังคับสิ่งต่างๆให้เป็นไปตามความอยากของเราได้
นี่คือปัญญาที่จะถอนรากของกิเลสตัณหาต่างๆ คือความหลง ความไม่รู้ความจริงนี้ให้หมดไป
ผู้ที่ต้องการที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างถาวร จ้าเป็นที่จะต้องเจริญปัญญาเพื่อให้เห็นความจริงของสิ่งต่างๆ