Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie ระดับครูผู้ช่วย
Ähnlich wie ระดับครูผู้ช่วย (20)
ระดับครูผู้ช่วย
- 4. ครู บุญมี
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญมี คือ การ
ออกแบบการสอนที่เน้ นผู้เรียนเป็ นสาคัญ ใส่ใจในกระบวกการเรี ยนรู ้ของ
นักเรี ยน ตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของการเรี ยนรู ้ที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ น
สาคัญได้แก่
- 5. • ลงมือปฏิบัตด้วยตนเอง : การจดบันทึก การท่องซ้ าในส่วนที่สาคัญ
ิ
• เรียนอย่ างมีความสุ ข: ใช้สื่อประกอบการสอนเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อ
หน่าย เป็ น เป็ นการกระตุนการเรี ยนรู ้
้
• ได้ แลกเปลียนเรียนรู้ร่วมกับผู้อน : การท่องศัพท์ โดยอาจจะเปลี่ยนกัน
่ ื่
ท่องกันจา เพื่อให้เกิดความแม่นยา
• มีโอกาสใช้ กระบวนการคิด : เมื่อเรี ยนจบแต่ละบทครู บุญมีก็จะทาการ
สอบเก็บคะแนน เพื่อวัดความรู ความเข้าใจ และทบทวนความรู ้
• ได้ ใช้ สื่อต่ างๆเพือการเรียนรู้ : ใช้บทเรี ยนโปรแกรม/ ชุดการสอน
่
เพื่อให้ผเู ้ รี ยนเข้าใจได้ดียงขึ้น และส่งเสริ มการเรี ยนรู ้
ิ่
- 6. กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครูบญมี มี ุ
พื ้นฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวพฤติกรรมนิยม โดย
จะสังเกตได้ จากวิธีการสอนของครูบญมีที่จะสอนแบบบรรยาย เน้ น
ุ
การท่องจา ท่องซ ้าๆให้ จาได้ การฝึ กคัดลายมือ ซึงตรงตามทฤษฎี
่
การเรี ยนรู้ของแนวพฤติกรรมนิยมที่เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนจดจาความรู้ให้ ได้
ปริ มาณมากที่สด ครูเป็ นเพียงผู้เสนอข้ อมูล สารสนเทศ เช่น ตารา
ุ
เรี ยน การบรรยาย โดยที่นกเรียนไม่ได้ มีสวนร่วมในกิจกรรมการ
ั ่
เรี ยนเลย
- 7. ครู บุญช่ วย
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญช่วย คือ การ
ออกแบบการสอนที่ เน้ นผู้เรียนเป็ นสาคัญ ครู บุญช่วยจะใส่ใจถึงความคิด
ความต้องการการเรี ยนรู ้ของเด็ก โดยจะสังเกตได้จากก่อนจะเริ่ มเข้าสู่
บทเรี ยนครู ได้มีการหยิบยกเอาเรื่ องราวในชีวตประจาวันหรื อข่าวสาร
ิ
ต่างๆมาเชื่อมโยงความรู ้ของนักเรี ยนเป็ นการผ่อนคลายและกระตุนให้
้
ผูเ้ รี ยนพร้อมต่อการเรี ยนรู ้ที่กาลังจะเกิดขึ้น
- 8. ในส่วนของกิจกรรมในชันเรี ยน ครูบญช่วยได้ สร้ างสถานการณ์ปัญหา
้ ุ
ให้ เด็กได้ ร่วมกันศึกษาการแก้ ปัญหา มีการเตรียมแหล่งการเรี ยนรู้
เพื่อให้ นกเรี ยนได้ ใช้ ศกษา ค้ นคว้ าในการทากิจกรรม ครูเป็ นแค่ผ้ ู
ั ึ
แนะนา ผู้เรี ยนได้ ลงมือทดลอง/แก้ ปัญหาได้ ด้วนตนเอง สุดท้ าย
นักเรี ยนก็จะนาเอาความคิดของกลุมตนมานาเสนอเพื่อให้ เกิดการ
่
เรี ยนรู้และความเข้ าใจร่วมกัน
- 9. กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครูบญช่วย มีพื ้นฐาน
ุ
มาจากการเรียนรู้ตามแนวคอนสรัคติวิสต์
บทบาทของผู้เรียน คือ ลงมือกระทาการเรี ยนรู้ สร้ างความรู้
ตนเองผ่านประสบการณ์ โดยครูบญช่วยให้ สถานการณ์ปัญหามาแล้ ว
ุ
แบ่งกลุมให้ เด็กได้ แก้ ปัญหา เด็กจะเกิดกระบวนการคิดแก้ ปัญหาอาจจะ
่
มาจากประสบการณ์เดิมของตน ของเพื่อนหรื อได้ ใช้ แหล่งเรี ยนรู้ทครูได้ ี่
จัดไว้ ให้ เช่น หนังสือ วีดิทศน์ เป็ นต้ น เด็กได้ ลงมือศึกษาแก้ ปัญหาด้ วย
ั
ตนเอง มีการระดมความคิดกับเพื่อน สร้ างวิธีการแก้ ปัญหาขึ ้นมา
นาเสนอวิธีการกลุมตนกับเพื่อนกลุมอื่นเป็ นการแลกเปลียนแนวความคิด
่ ่ ่
- 10. บทบาทของผู้สอน จะเป็ นผู้แนะแนวทาง เป็ นโค้ ช หรื อผู้ที่
ร่วมแก้ ปัญหาไปพร้ อมกับผู้เรียน โดยก่อนเรี ยนครูบญช่วยไดุ้
นาเข้ าสูบทเรี ยนโดยการ ใช้ เรื่ องราวที่เกิดขึ ้นในชีวิตประจาวัน
่
ข่าวสารต่างๆมาเป็ นตัวกระตุ้น เป็ นการสอนให้ เด็กได้ ใช้ การ
เชื่อมโยงสิงต่างๆเข้ าสู้บทเรี ยนได้ และการจัดสถานการณ์ปัญหา
่
ขึ ้นมาให้ แต่ละกลุมได้ ศกษานันก็เพื่อส่งเสริ มให้ เด็กได้ เกิด
่ ึ ้
กระบวนการเรี ยนรู้จากการทากิจกรรมกลุมร่วมกัน ให้ เด็กได้ ใช้
่
ความคิด การเชื่อมโยงความรู้เก่ามาใช้ มีการจดความคิดอย่างเป็ น
ระบบ เมื่อผู้เรียนออกนอกเส้ นทางครูก็จะดึงกลับมาและกระตุ้นให้
สนใจกิจกรรม
- 11. ครู บุญชู
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญชู คือ การ
ออกแบบการสอนที่เน้ นครู เป็ นสาคัญ เนื่องจากครู บุญชูเน้นเนื้อหาที่
จะสอนและการจดจาของผูเ้ รี ยนเป็ นหลัก เช่นการใช้ คาคล้องจอง การ
แต่งเพลงร้องสร้างความจา การใช้แผนภูมิ รู ปภาพประกอบ เป็ นต้น
โดยครู เน้นให้เด็กท่องจา ทาซ้ าๆจนจนได้ แม้จะมีการเชื่อมโยงความรู ้
เก่ามาใช้แต่เป็ นการใช้เพียงเพื่อการจดจาให้ข้ ึนใจเท่านั้นไม่ได้เน้นให้
เด็กเกิดกระบวนการคิดขณะเรี ยนแต่อย่างใด
- 12. กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครูบญชู มี ุ
พื ้นฐานมาจากแนวคิดพฤติกรรมนิยม โดยเน้ นความสัมพันธ์
ระหว่างสิงเร้ าและการตอบสนอง เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนสามารถจดจา
่
ความรู้ให้ ได้ ปริ มาณมากที่สดโดยไม่ได้ สนใจกระบวนการภายใน
ุ
ตัวของผู้เรี ยน เช่น ในวิชาภาษาอังกฤษของ ครูบญชูได้ ใช้ คา
ุ
คล้ องจอง หรื อแต่งเพลงให้ ผ้ เู รี ยนได้ ฝึกร้ องเพื่อให้ เกิดความจา
แต่ผ้ เู รี ยนก็ไม่ได้ ใช้ กระบวนการคิดในขณะทีเ่ รี ยนรู้จงไม่ทาให้
ึ
ผู้เรี ยนเกิดการพัฒนา
- 14. ครู บุญมี
ข้ อดี ข้ อเสีย
1.ใช้สื่อการสอน เช่น บทเรี ยน 1.นักเรี ยนไม่มีส่วนร่ วมในการเรี ยนรู ้
โปรแกรม และชุดการสอน มีแต่รอรับความรู ้จากครู ฝ่ายเดียว
2. เมื่อเรี ยนจบแต่ละบทจะมีการ 2. นักเรี ยนคิดและแก้ปัญหาไม่เป็ น
สอบเก็บคะแนน ซึ่งเป็ นวิธีการ 3.นักเรี ยนไม่สามารถเชื่อมโยง
เสริ มแรง เพื่อประเมินความรู ้นกเรี ยน
ั ความรู ้เก่ากับความรู ้ใหม่ได้
และกระตุนให้นกเรี ยนมีพฒนาการใน
้ ั ั 4. นักเรี ยนไม่สามารถเรี ยกความรู้ที่มี
การเรี ยนดีข้ ึน กลับมาใช้ ได้ เมื่อต้ องการ
เนื่องจากเป็ นการจดจาระยะสัน ้
- 15. ข้ อดี ข้ อเสีย
3.การสอนแต่ละชัวโมงจะ
่ 5. นักเรี ยนไม่ได้ ทางานเป็ น
เน้ นการบรรยาย กลุม และไม่ได้ แลกเปลียน
่ ่
4. เน้ นย ้าจุดสาคัญให้ ความคิดกับเพื่อน
นักเรี ยนจดบันทึก และ 6.นักเรี ยนไม่สามารถคิดรวบ
ท่องจาหลายๆๆครัง ้ ยอดหรื อคิดแบบองค์รวมได้
5. ให้ นกเรี ยนท่องคาศัพท์วน
ั ั
ละ5คาทุกวัน และ ให้
คัดลายมือมาส่ง
- 16. ครู บุญช่วย
ข้ อดี ข้ อเสีย
1.เตรี ยมแหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสื อ วีดี 1.การแบ่งนักเรี ยนให้ทางานร่ วมกันเป็ นกลุ่ม
ทัศน์ ฯลฯเพื่อให้ผเู้ รี ยนค้นหาคาตอบ และร่ วมมือ เด็กบางคนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น บางกลุ่ม
กันเรี ยนรู้หรื อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีคนทางาน1-2คน เพื่อนที่เหลือนังดู นังเล่น
่ ่
2.ครู เป็ นผูให้คาแนะนา หากพบว่ามีผเู้ รี ยนคนใด
้ กัน หรื อคุยกันเรื่ องต่างๆๆขณะที่เพื่อนทางาน
หรื อกลุ่มใดเข้าคลาดเคลื่อน 2. นักเรี ยนบางคนคิดนอกกรอบไม่เป็ น เพราะ
ครู ก็จะเข้าไปอธิบายและกระตุนให้คิด
้ ยึดติดกับการเรี ยนการสอนแบบเดิมๆๆที่อิง
3.กระตุนให้ผเู้ รี ยนแสวงหาความรู้และมีทกษะใน
้ ั ตารา
การสร้างความรู้ดวยตัวเอง หรื อการเน้นผูเ้ รี ยน
้ 3.ความคิดเห็นไม่ตรงกันภายในกลุ่ม
เป็ นศูนย์กลาง 4. นักเรี ยนทุกคนมีพ้ืนฐานการรับรู้ไม่เท่ากัน
4.ครู สร้างสถานการณ์การเรี ยนรู้ให้แก่ผเู้ รี ยนและ ั ่
ทาให้คิดตามเพื่อนไม่ทน ไม่รู้วาเพื่อนคิดอะไร
คอยกระตุนให้ผเู้ รี ยนเกิดศักยภาพทางความคิด
้ อยู่
- 17. ข้ อดี ข้ อเสีย
5.ครู จะนาเข้าสู่บทเรี ยนโดยเชื่อมโยงเนื้อหาที่
เรี ยนกับประสบการณ์เดิมของผูเ้ รี ยน เช่นการ
ใช้คาถาม
6.แบ่งนักเรี ยนออกเป็ นกลุ่มแล้วมอบ
สถานการณ์ปัญหาให้ผเู ้ รี ยนทุก ๆ กลุ่ม
7. ส่งเสริ มการมีกิจกรรมร่ วมกันระหว่างผูเ้ รี ยน
8. เปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนวางแผน ดาเนินการ
และการประเมินด้วยตนเอง
9.หลังจากได้คาตอบแล้ว
ทุกกลุ่มก็จะนาเสนอแนวคิดความ และร่ วมกับ
สรุ ปบทเรี ยนเป็ นความเข้าใจของตนเอง
- 18. ครู บุญชู
ข้ อดี ข้ อเสีย
1.สอนเทคนิคให้นกเรี ยนจาคาศัพท์
ั 1. นักเรี ยนไม่เกิดกระบวนการเรี ยนรู ้
ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ลืม เช่น การแต่ง ด้วยตัวเอง
เป็ นบทเพลง การใช้คาคล้องจอง การใช้ 2. นักเรี ยนคิดนอกกรอบไม่เป็ น
แผนภูมิรูปภาพประกอบเนื้อหาที่ตองการ ้ 3. นักเรี ยนไม่มีส่วนร่ วมในการเรี ยนรู ้
ให้ผเู ้ รี ยนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 4.นักเรี ยนไม่สามารถคิดรวบยอดหรื อคิด
องค์ประกอบ แบบองค์รวมได้
2. นักเรี ยนสามารถเชื่อมโยงความรู ้เดิม 5.นักเรี ยนยังไม่สามารถคิดแบบอิสระ
มาช่วยในการจดจาคาศัพท์ และสร้างความรู ้ดวยตัวเองได้
้
3.สื่ อในการเรี ยนรู ้สอดคล้องกับวิธีการ 6.นักเรี ยนไม่ได้เรี ยนรู ้จากการลงมือ
สอน ปฏิบติหรื อคิดด้วยตนเอง
ั
- 19. ข้ อดี ข้ อเสีย
4.นักเรี ยนเรี ยบเรี ยงความรู ้อย่างเป็ นระบบ 7. นักเรี ยนไม่ได้ทางานเป็ นกลุ่ม และไม่ได้
และสามารถเรี ยกกลับมาใช้ได้เมื่อต้องการ แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อน
5.การให้ผเู ้ รี ยนจาคาศัพท์
โดยใช้การออกเสี ยงภาษาอังกฤษที่
เหมือนกับภาษาไทย เช่น
pic กับ พริ ก และ bear กับ แบมือ พร้อมมี
รู ปประกอบซึ่งเป็ นการ
- 21. ซึ่งผูสอนใช้สื่อการเรี ยนรู ้ เป็ นเครื่ องมือที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู ้
้
ความเข้าใจความรู ้สึก เพิมพูนทักษะและประสบการณ์ สร้างสถานการณ์การ
่
เรี ยนรู ้กระตุนให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางความคิดและมุ่งเน้นการส่งเสริ ม
้
ผูเ้ รี ยนทางด้านการแสวงหาความรู ้ดวยตัวเองเช่น ในการสอนแต่ละครังครูบญ
้ ้ ุ
ช่วยจะนาเข้ าสูบทเรี ยนโดยเชื่อมโยงเนื ้อหาที่เรี ยนกับประสบการณ์เดิมของ
่
ผู้เรี ยน นอกจากนี ้ครูบญช่วยยังได้ เตรี ยมแหล่งการเรี ยนรู้ตาง ๆ เช่น หนังสือ
ุ ่
วีดีทศน์ เว็บไซต์ทเี่ กี่ยวข้ องฯลฯให้ แก่ผ้ เู รี ยน เพื่อให้ ผ้ เู รี ยนค้ นหาคาตอบ
ั
และร่วมมือกันเรี ยนรู้หรื อแลกเปลียนประสบการณ์ มีวิธีการคือ แบ่ง
่
นักเรี ยนออกเป็ นกลุมแล้ วมอบสถานการณ์ปัญหาให้ ผ้ เู รี ยนทุก ๆ กลุม
่ ่
- 22. วิธีการจัดการเรี ยนรู ้ของครู บุญช่วยสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒ มากที่สุด
เพราะผูสอนมุ่งเน้นที่การพัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ โดยเฉพาะ
้
อย่างยิงการสร้างความรู ้ และ การพัฒนากระบวนการคิด ทั้งนี้การจัดการศึกษาต้อง
่
ยึดหลักการว่าผูเ้ รี ยนทุกคนมีความสามารถเรี ยนรู ้ และพัฒนาตนเอง ได้ และถือว่า
ผูเ้ รี ยนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริ มให้ผเู ้ รี ยนสามารถ
พัฒนาตาม ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
- 23. เพื่อเปิ ดโอกาสให้ ผ้ เู รี ยนวางแผน ดาเนินการ และการประเมิน
ด้ วยตนเอง ครูเป็ นผู้ให้ คาแนะนา หากพบว่ามีผ้ เู รี ยนคนใดหรื อกลุมใด ่
เข้ าคลาดเคลือน ครูก็จะเข้ าไปอธิบายและกระตุ้นให้ คด หรื อ กระตุ้น
่ ิ
ให้ ผ้ เู รี ยนแสวงหาความรู้และมีทกษะในการสร้ างความรู้ด้วยตัวเอง ซึง
ั ่
เรี ยกว่า การเน้ นผู้เรี ยนเป็ นศูนย์กลาง หลังจากได้ คาตอบแล้ ว ทุกกลุมก็ ่
จะนาเสนอแนวคิดความ และร่วมกับสรุปบทเรี ยนเป็ นความเข้ าใจของ
ตนเอง
- 26. จากหลักสู ตรแกนกลาง
1.รู ปแบบหลักสูตรยากเกินไป เนื้อหาเยอะ เพราะเน้นการ(ฝึ ก-ทา-
ย้า-ทวน) หรื อเน้นการท่องจามากกว่าการคิดเป็ นแก้ปัญหาเป็ น
2.ไม่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ เพราะนักเรี ยนยังรอรับความรู ้จาก
ครู ผสอน โดยไม่ศึกษาความรู ้ดวยตัวเอง
ู้ ้
- 27. 3.ไม่มีการปรับปรุ งกระบวนการเรี ยนการสอนให้คนไทยมีทกษะ ั
กระบวนการและเจตคติที่ดีทางคณิ ตศาสตร์ เพื่อมีความคิดสร้างสรรค์
4.การนา หลักสูตรไปใช้ยงไม่สามารถสร้างพื้นฐานในการคิด สร้างวิธีการ
ั
เรี ยนรู ้ให้คนไทยมีทกษะในการจัดการและทักษะในการบูรณาการเข้ากับ
ั
การดาเนินชีวตเพื่อพัฒนาคนให้มีความ
ิ
5.ไม่ส่งเสริ มให้ผเู ้ รี ยนได้เรี ยนรู ้จากประสบการณ์จริ ง ฝึ กการปฏิบติให้ทา
ั
ได้คิดเป็ น ทาเป็ น รักการอ่านและเกิดการใฝ่ รู ้อย่างต่อเนื่องผสมผสาน
สาระทางคณิ ตศาสตร์และความรู ้ดานต่างๆได้อย่างสมดุลกัน
้
- 28. จากตัวครู
1.ครู สอนนักเรี ยนโดยอาศัยการท่องจา (ฝึ ก- ทา – ย้า – ทวน ) มากกว่าการทา
ความเข้าใจ
2. ครู เน้นคาตอบที่ถูกต้องมากกว่ากระบวนการคิดของนักเรี ยนทาให้เด็กคิด
ไม่เป็ น เด็กจึงอาศัยหลักการจาในการทาข้อสอบเพื่อให้ได้คาตอบที่ถูกต้อง
เพียงคาตอบเดียว เมื่อสอบเส็จนักเรี ยนก็จะลืม เนื่องจากความรู ้ที่ได้เป็ นการ
จดจาระยะสั้น
- 29. 3.ครู ไม่สอนให้นกเรี ยนเห็นว่าวิชาคณิ ตศาสตร์มีความสาคัญกับการใช้
ั
ชีวตประจาวันอย่างไร
ิ
4.ครู ไม่มีเทคนิคหรื อวิธีการต่างๆๆที่เป็ นสิ่ งดึงดูดใจให้ผเู ้ รี ยนไม่น่าเบื่อเมื่อ
เรี ยนวิชาคณิ ตศาสตร์
5.ครู ผสอนไม่มีการดึงดูดความสนใจผูเ้ รี ยนเข้าสู่การเรี ยน
ู้
ซึ่งอาจทาได้โดยการถาม การเล่าเรื่ องที่น่าสนใจเพื่อเข้าสู่บทเรี ยน
6.ครู ผสอนไม่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง ซึ่งไม่เปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้ฝึก
ู้ ั
กระบวนการคิด การแก้ปัญหาและให้ผเู ้ รี ยนลงมือปฎิบติดวยตนเอง
ั ้
- 30. จากตัวนักเรี ยน
1.นักเรี ยนมีอคติที่ไม่ดีต่อรายวิชาคณิ ตศาสตร์เพราะคิดว่าเป็ นวิชาที่เรี ยนยากและ
ไม่สามารถนาความรู ้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวตประจาวันได้ได้ เช่น การดิฟ กับ
ิ
อินทิเกรต
2.นักเรี ยนไม่เห็นประโยชน์หรื อคุณค่าของวิชาคณิ ตศาสตร์ซ่ ึงเป็ นพื้นฐานของทุก
อย่าง
3.เมื่อนักเรี ยนเรี ยนวิชาคณิ ตศาสตร์แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริ งจาก
สถานการณ์จริ งเนื่องจากรอรับความรู ้จากครู อย่างเดียวจึงทาให้เกิดความเบื่อหน่าย
ส่งผลให้ศกยภาพทางคณิ ตศาสตร์ลดลง
ั
4. ไม่มีแรงจูงใจหรื อสิ่ งกระตุนให้ผเู ้ รี ยนอยากเรี ยนคณิ ตศาสตร์และนักเรี ยนขาด
้
ความตั้งใจในการเรี ยน
- 32. ทฤษฎีการเรี ยนรู ้ที่สามารถแก้ปัญหาได้ คือ ทฤษฎีการเรียนรู้ ตามแนวคอนสตรัคติวสต์ ิ
• ผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลางการเรี ยนรู ้ ได้ลงมือกระทาการเรี ยนรู ้เอง สร้างความรู ้อย่างตื่นตัว
ด้วยตนเอง โดยพยายามสร้างความเข้าใจนอกเหนือเนื้อหาความรู ้ที่ได้รับโดยการสร้าง
สิ่ งแทนความรู ้
• ผูเ้ รี ยนสร้างความรู ้ดวยตนเองโดยผ่านประสบการณ์ สามารถเชื่อมโยงความรู ้เก่าสู่
้
ความรู ้ใหม่ และสามารถสร้างองค์ความรู ้ใหม่ได้
• ผูสอนเป็ นผูแนะนา ช่วยให้นกเรี ยนแต่ละเกิดการเรี ยนรู ้จดสิ่ งแวดล้อมทางการเรี ยนรู ้
้ ้ ั ั
ให้ผเู ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้อย่างมีประสิ ทธิภาพ
- 33. การออกแบบการสอนที่สามารถแก้ปัญหาได้ คือ เราจะใช้รูปแบบการ
ออกแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคอนสตรัคติวสต์ ซึ่งจะมีหลักการที่สาคัญดังนี้
ิ
• สถานการณ์ ปัญหา : ผูสอนสร้างสถานการณ์ปัญหาที่เหมาะสมกับสภาพการ
้
เรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน เช่น สร้างสถานการณ์ปัญหาทรงกระบอกมาประกอบการสอน
การเรี ยนเรื่ องการหาพื้นที่
• แหล่ งการเรียนรู้ : ครู ควรให้แหล่งการเรี ยนรู ้ที่เพียงพอและเหมาะสม เช่น หนังสื อ
วีดิทศน์ เว็บ เป็ นต้น
ั
• ฐานการช่ วยเหลือ : เมื่อผูเ้ รี ยนมีปัญหาครู ควรช่วยเหลือโดยการให้คาแนะนาทั้ง
ทางด้านความคิดรวบยอด ความคิด กระบวนการ กลยุทธ์
• การร่ วมมือกันแก้ ปัญหา : ผูสอนจะต้องเป็ นผูแนะนา ร่ วมศึกษาปัญหาต่างๆไป
้ ้
พร้อมกับผูเ้ รี ยนจะส่งผลให้ผเู ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้ได้ดีข้ ึน
• การโค้ ช : ผูสอนจะเป็ นผูแนะนา แนวทางในการแก้ปัญหา ดึงให้ผเู ้ รี ยนกลับมาสน
้ ้
ในกิจกรรมเมื่อผูเ้ รี ยนไขว่เขว่ กระตุนให้ผเู ้ รี ยนคิดแก้ปัญหา
้
- 35. ออกแบบการจัดการเรี ยนรู ้ที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ดังนี้
-เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ โดยเปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษาค้นคว้า ความรู ้ดวยตัวเอง
้
-กระตุนให้ผเู ้ รี ยนแสวงหาความรู ้และมีทกษะในการสร้างความรู ้ได้เอง สามารถ
้ ั
เชื่อมโยงความรู ้และบูรณาการกับชีวตประจาวันได้
ิ
-สามารถสร้างสิ่ งที่แทนความรู ้ และสร้างองค์ความรู ้ใหม่ได้ดวยตนเอง
้
-นักเรี ยนมีอิสระทางความคิด
-ครู เป็ นผูแนะนา แนวแนวทางการเรี ยนรู ้ การแก้ปัญหา
้
-สร้างกิจกรรมที่น่าสนใจ เพื่อส่งเสริ มลักษณะกระบวนการเรี ยนรู ้
-ผูสอนควรให้แหล่งการเรี ยนรู ้ที่เพียงพอและเหมาะสม เช่น หนังสื อ วีดิทศน์ เป็ นต้น
้ ั
-ใช้สื่อการเรี ยนรู ้ให้เหมาะสมกับสภาพของผูเ้ รี ยนเช่น กิจกรรมคณิ ตศาสตร์ เกม
บทเรี ยนโปรแกรม และชุดการสอน เป็ นต้น