Weitere ähnliche Inhalte
Mehr von สุรพล ศรีบุญทรง (20)
06 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย ทรงศึกษาที่ harvard
- 1. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๒ --
เริ่มการศึกษาในสหรัฐอเมริกา
เมื่อถึงเมืองบอสตัน ทรงเสด็จไปประทับสถานทูตสยามเมืองคลอสเตอร์เป็นเวลา ๑ เดือน ก่อนจะ
สมัคร เข้าเรียนหลักสูตรสาธารณสุข (Public Health) ในโรงเรียนสาธารณสุข (School of Health
Officer) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีมติให้รับพระองค์เข้าเรียนในวันที่ ๒๗ กันยายน
พ.ศ. ๒๔๕๙ ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ในวันที่ ๒๐ กันยายน
พ.ศ. ๒๔๕๙ ความตอนหนึ่งว่า
"...หม่อมฉันมาถึงอะเมริกาด้วยความศุขสบายแล้ว หม่อมฉันขอให้เสดจลุงทรงช่วยอธิบายถึง
การเล่าเรียนของหม่อมฉันถวาย
สมเดจแม่ด้วย เพราะหม่อมฉันจะ
เขียนจะทูลเข้าไปก็จะอธิบายไม่ได้
ซึมทราบเหมือนเสดจลุงจะทูล
อธิบายได้เปนข้อละเอียด สมเดจ
แม่ก็คงอยากทรงทราบเป็นแน่
ในขั้นต้นนี้ พระยา
ประภาได้จัดการพูดกับพระยา
กัลยาให้จัดการ แลวันที่มาถึง
บอสตันวันแรก ก็ได้พบพระยา
กัลยาที่สถานี แลได้รับคําแนะนํา
ทันที
หม่อมฉันได้มีโทรเลข
มาถึงพระยากัลยาล่วงน่ามาแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงได้ลงมือสืบหาที่
เรียนไว้ให้เสรจได้ พระยากัลยาแนะนําให้เรียนที่ฮารวาร์ด เพราะที่นี่เขาสอนศุขาภิบาลอย่างใหม่ แลไม่
สู้จะสูงนักเหมือนยวนฮอบคินส์ ซึ่งเปนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดสําหรับหมอ แต่ถ้าไปเรียนที่นั้นกลัวว่าจะ
แคบไป คือจะรู้แต่วิชาหมออย่างดี แต่จะไม่รู้การปกครอง เพราะฉนั้นจึงเห็นด้วยในการเข้าเรียน
โรงเรียนหมอของมหาวิทยาลัยฮารวาร์ดที่เมืองเคมบริช
ในชั้นต้นนี้ต้องเรียนวิชา Biology Physiology Chemistry Anatomy Statistics
Canalization Engineering แลวิชาสามัญต่างๆ เพื่อจะได้เข้าเรียนวิชาหมอที่โรงเรียนหมอ การเตรียม
นี้จะกินเวลาสักปีหนึ่ง เพราะในโรงเรียนหมอเขาจําเป็นที่จะต้องสอนเร็วมาก เพราะกําหนดเขามีไว้
เพียงสี่ปีเท่านั้น แต่เขาแนะนําให้เข้าทํางานในกรมศุขาภิบาลอะเมริกันอีกปีหนึ่ง รวมเปนหกปี แต่ใน
- 2. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๓ --
ระหว่างนี้เขามีการอยุดเรียนถึงปีละสี่เดือน เพราะฉะนั้นคงจะมีช่องที่จะเข้ามาเยี่ยมเมืองไทยเปนแน่
ในปลายปีที่หกหม่อมฉันคิดจะอาษาเขามาอยู่ที่เกาะฟิลิไปน์ซึ่งจะทําให้ใกล้เมืองไทยอีก
ส่วนการที่จะเรียนในโรงเรียนแพทย์เองนั้นดังนี้ การออกลูก การเลี้ยงแลประสมอาหารเด็ก
อ่อน การรักษาแลป้องกันโรคเด็ก โรคในเมืองร้อนต่างๆ ป้องกันแลห้ามโรคติดกัน การตรวจแลระวัง
รักษาอาหาร การระวังรักษาน้ําดื่มน้ําใช้ ที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยอาหาร หรือด้วยเครื่องดื่มเปนต้นว่า
Alcohol การป้องกันแลรักษา ที่ติดต่อกันชั่วคนสืบตระกูล เปนต้นว่าโรคฝีในท้อง หรือโรค Syphilis
การป้องกันแลเหตุของ Physical degeneration Hyginic Economy วิธีจัดการทําลายหรือใช้ของ
โสโครกเปนประโยชน์ การจัดการศุขาภิบาลของประเทศอะเมริกา แล Nourishment Chemistry
วิชาทุกอย่างสําคัญมาก แต่จะไม่มีเวลาที่จะเรียนได้อย่างละเอียด แต่ก็หวังอยู่บ้างว่าหากมีผู้ช่วยที่เปน
ผู้มีความรู้โดยเฉพาะในทุกทาง ก็คงจะช่วยเมืองไทยได้มาก
ตั้งแต่มาถึงเมืองอะเมริกาแล้วสบายขึ้นมาก ไม่ใช่แต่สบายกาย สบายใจด้วย เพราะคนที่นี้
เห่อมาก ที่มีเจ้านายมาเรียนที่เมืองเขา พวกหนังสือพิมพ์ก็มาขออินเตอรวิวใหญ่ แต่ยกให้เสียพอใจ
เปนนับว่าเป็นการเรียบร้อยได้ในทางนี้ ฝ่ายพวกครูที่ในมหาวิทยาลัยนั้นเลยเหนกิจของหม่อมฉันเป็น
กุศล เขาอนุโมทนาด้วยอย่างเต็มใจ แลตั้งใจจะช่วยทุกอย่าง ที่จริงในเมืองนี้ดูชอบคนไทยแลจีนมาก
แต่ไม่ชอบพวกญี่ปุ่น ยิ่งทางตะวันตกยิ่งแสดงให้เหนอย่างชัดมาก แลทางตะวันออกนี้เข้าข้างอังกฤษ
เกลียดเยอรมันทั้งนั้น
พระยากัลยาได้ช่วยอย่างแขงแรงมาก แลดูมีอํานาจมากในหมู่ครู เพราะไปขอให้จัดการ
อย่างไรดูได้หมด
การอยู่กินแพงมาก ทุกอย่างแพงกว่ากรุงเทพฯ สามเท่า แต่ก็ไม่น่าเสียดาย เพราะอยู่ไปก็
เหมือนได้วิชามากขึ้นทุกที การอยู่กันที่นี้เค่มงวดมาก ไม่มีการฉําแฉะเลย เพราะฉะนั้นมาอยู่เมืองนี้
เรียนไลฟ์ ดีที่สุด ....
ทรงพระประชวรด้วยโรคทัยฟอยด์
อย่างไรก็ตาม แค่ไม่ถึงสองสัปดาห์ถัดมาจากการเข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็ทรง
ประชวรไข้ทัยฟอยด์ ปวดพระนาภีเป็นกําลัง ทั้งยังทรงมีอาการปวดฝีที่พระชงด้านขวา ถึงขนาดต้องรับการ
ผ่าตัดที่โรงพยาบาลสติลแมน (Stillman Infirmary) ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ดังปรากฏในหนังสือ
รายงานที่พระยาชนินทรภักดีส่งเข้าไปกราบทูลสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวง
การต่างประเทศในวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ๓๐
ความว่า
๓๐
หลังจากที่ทรงเสด็จไปพักฟื้นพระวรกายหลังการผ่าตัดที่กรุงวอชิงตัน พระยาชนินทรภักดีได้มีหนังสือรายงานถึงพระ
อาการที่ดีขึ้นมากกราบทูลสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๓๐
- 3. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๔ --
----------------------------------------------------------------------------------------------------
๔๘ Brattle Street
Cambridge Mass.
วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙
ขอพระราชทานกราบทูล พระเจาบรมวงษเธอ กรมพระเทวะวงษวโรประการ ทราบใตฝาพระบาท
ตั้งแตสมเดจพระเจานองยาเธอ เจาฟากรมขุนสงขลานครินทร เสดจถึงประเทศอเมริกาแลว พระ
ยาประภากรวงษเชิญเสดจไปประทับเมืองคลอสเตอร ริมชายทะเล โดยเวลานั้นโรงเรียนยังไมถึงเวลาเปด
วันที่ ๑๓ กันยายน ถึงวันกําหนดเปดโรงเรียนฮารวาด (Harvard) วิทยาลัย จึงไดเสดจไป
ประทับยังสํานักที่จัดเตรียมไว ก็ทรงสําราญเปนปรกติตลอดมา
ครั้นวันที่ ๑๓ ตุลาคม มีเหตุไมทรงสบาย คือ เวลา ๑๑ ทุม ๓๐ นาที ตื่นบรรทมขึ้นโดยปวดพระ
นาพีเปนกําลัง แลอวกมีแตลมๆ ไมมีอะไรนอกจากเขละเหนียวๆ กับชวนอาเจียนเสมอๆ รับสั่งวาปวดที่
ทองนอยมากเปนกําลัง ทันใดนั้นจึงไปเชิญแพทย (Dr. W.S. Whittemore) มาตรวจพระอาการรักษา
ตอไป หมอวิตติมอรเหนอาการปวดมาก จึงไดฉีดยาถวายแกปวดในทันที ประมาณใน ๒๐ นาที ก็ทุเลา
ปวดแลบรรทมหลับไปไดจนถึง ๒ โมงเชา หมอไดมาตรวจพระอาการอีกก็ยังมีปวดอยูแตไมสูแรงนักพอทนได
แตยังจับไมไดวาเปนโดยเหตุใดไดถวายพระโอสถพอประทังปวดเปนพักๆ ตอมาอีก ๒ เวลา หมอวิตติมอร
จึงไดเชิญแพทยผูชํานาญ (specialist) อีกนายหนึ่งชื่อเคบอต (Dr. Hugh Cabot) มาเปน
ที่ปฤกษาชวยตรวจพระอาการ ก็ยังไมปรากฏแนวาจะเปนโดยเหตุใด จนวันที่ ๖ หมอเคบอตมาตรวจอีก
ทรงรับสั่งอาการที่ปวดวา รูสึกปวดที่ตรงกระดูกตอตนพระชงขวา กับปวดเสนตรงนาขาลงไปเชนปวดฝฤา
คลายๆ เปนฝ ในระหวาง ๖ วันหมอเคบอตมาตรวจสองครั้ง (โรคชนิดนี้เคยเปนหางๆ ไมสูชุมนัก) เมื่อ
โลหิตเดินไมไดแลวจึงทําใหปวด ถาทิ้งไวกวาจะหายนานวันมาก แมหายแลวก็จะกลับเปนอีก แลตรงที่เสน
พิการนั้น เนื้อก็เสียใชไมไดแลว ภายหลังจะบวมขึ้นฤาจะเกิดเปนฝ (abscess) ขึ้นก็เปนได และตาม
อาการที่ปวดอยูเดี๋ยวนี้ ก็แสดงวาจะตั้งตนเปนฝแลว ถาจะใหหายเรวก็ผาออกเสีย อาทิตยเดียวก็หายแลจะไม
เปนตอไปอีก
ตามพระอาการที่ประชวรนั้น ก็ปรากฏวาปวดมาก บางเวลาก็ลุกขึ้นไมได แตหากหมอถวายพระ
โอสถพอประทังอยูบาง จึงมีเวลาพักผอนได
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๙ ซึ่งขอละไม่นํามาเสนอไว้ในที่นี้ เนื่องจากมิได้มีประเด็นสําคัญเช่น บันทึกจดหมายฉบับวันที่ ๓๐
ตุลาคม ๒๔๕๙
- 4. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๕ --
ในการที่จะผานี้หมอไดชี้แจงหารือพระยากัลยาณไมตรี แลทั้งไดกราบทูลชี้แจงทรงทราบตลอดดีแลว
รับสั่งวาพรอมแลวที่จะใหผา เพราะทนปวดมาหลายเวลาแลว ทั้งทรงพระวิตกถึงการขาดเวลาทรงเลาเรียนดวย
อยางยิ่ง จึงทําใหกระวนกระวายมาก
ขาพระพุทธเจาไดขอใหหมอสงรายงานความเหนของหมอในการประชวรครั้งนี้ ไดสอดเขามา
ทูลเกลาฯ ถวายในผนึกนี้แลว
ครั้นวันที่ ๒๒ เวลาบาย ๔ โมง หมอไดเชิญเสดจไปประทับที่สตลแมนอินเฟอรมรี (Stillman
infirmary) เปนโรงพยาบาลจําเพาะนักเรียนฮารวาดวิทยาลัย (ไมรับคนนอกที่ไมไดเปนนักเรียน)
รุงขึ้นวันที่ ๒๓ ตุลาคม เวลาเชาสามโมง หมอเคบอตพรอมดวยหมอวิตติมอร (หมอเคบอตเปนผูตัด
ผา เพราะเปนผูชํานาญการตัดผา) ตั้งแตตนลงมือจนตลอดการเยบบาดแผลเสรจ ทําสําเรจใน ๑๐ นาที
เทานั้น การไดเปนไปโดยสําเรจเรียบรอยอยางดีที่สุดทุกประการ พระยากัลยาณไมตรีไดเฝาอยูดวยตลอดเวลา
จนเสรจเรียบรอยแลว จึงไดทูลลากลับบาน
ตั้งแตวันที่ ๒๓ ถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม แผลที่ผาหายทรงพระดําเนินได แลหมอรับวาพนอันตรายแลว
แมแตตนมือก็ไมมีเหตุที่จะนาวิตกเลย แตเวลานี้หมอเห็นวาพึ่งทรงหายใหมๆ ยังไมมีพระกําลังพอจะทนความ
เลาเรียนได จะตั้งตนในเวลานี้ยังไมอนุญาตใหทรงกอน จึงไดหารือพระยากัลยาณไมตรีเหนพรอมกันวา ควร
เชิญเสดจไปเปลี่ยนอากาศสัก ๗ ฤา ๑๐ วันกอน พอใหบํารุงรางกายแลกําลังใหปรกติกอนแลวจึงเสดจกลับ
เขาทรงเลาเรียนตามเดิม แลหมอยังมีความเหนตอไปวา เมื่อทรงเปนไขทัยฟอยหนักมาแลวพึ่งหายเชนนี้ ยัง
ไมควรใหเลาเรียนมากนัก เพราะไขทัยฟอย กวาจะหายขาดเปนปรกติก็ตั้งป แลกําลังที่จะทําการหนักในการ
เลาเรียนนั้นอาจทําใหเสนประสาทพิกาลไปก็เปนได เพราะฉะนั้นจึงผอนไมใครบรรทุกหนักเรวนัก การที่จะ
ทรงเลาเรียนตอไปพระยากัลยาณดําริหการผอนปรนอยู
พระอาการประชวรนั้นนับไดวาทรงหายแลว มีอยูก็จะบํารุงใหทรงแขงแรงปรกติตามเดิมเทานั้น
กําหนดที่จะเชิญเสดจไปในตําบลใดตําบลหนึ่งนั้น หมอเปนผูแนะนําพรอมดวยพระยากัลยาณไมตรีแลจะได
เสดจในวันที่ ๒ เดือนพฤศจิกายนนานี้
ในการที่ทรงประชวรถึงแกตองผาตัดครั้งนี้ ซึ่งนาจะเหนวาเปนการสําคัญที่สุด แตความสามารถ
โดยมั่นใจของแพทยทั้งสองที่ไมมีความประมาทเลยเหนวาเปนของธรรมดายังไมเคยพลั้งพลาดเลย แลถาจะ
กราบทูลเขามากอนก็คงเปนเครื่องใหทรงพระวิตกเทานั้น แลหมอเคบอตผูนี้ก็มีชื่อเสียงมากวาเปนผูชํานาญการ
ตัดผา ตามพระยากัลยาณไมตรีไดทราบมา จึงตกลงเหนพรอมดวยหมอ แตที่ไมไดกราบทูลมาโดยทางโทร
เลขใหทรงทราบกอนนั้น พระอาญาไมพนเกลาฯ
ควรมิควรสุดแลวแตจะโปรดเกลาฯ
- 5. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๖ --
(ลงนาม) ขาพระพุทธเจา พระยาชนินทรภักดี
--------------------------------------------------------------
หลังจากผ่านการศึกษาด้านสาธารณสุขมาได้หนึ่งปี ก็ทรงสมัครเข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งใน
วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๐ ดังปรากฏในบันทึกของ นายแพทย์ อี ซี คอร์ท ว่า “ในชั้นแรก ทรง
ศึกษาการชางสุขาภิบาล ที่มหาวิทยาลัยแมสสาซูเซต อินสติติวหออฟเทคโนโลยี (MIT) ตอมาจึงทรง
ศึกษาในมหาวิทยาลัยฮารวาด ในวิชาแพทย…” โดยทรงเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ที่เลขที่ ๑๑ ถนนสตอเร่ย์
เมืองแคมบริดจ์ มลรัฐแมสสาซูเซต โดยทรงระบุเพียงชื่อ Mr. Mahidol Songkla ซึ่งไม่แสดงฐานะตําแหน่ง
เจ้านายชั้นสูง อันแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่ปรารถนาในสิทธิพิเศษใดๆ ที่เหนือไปกว่าสามัญชน โดยทรงให้
เหตุผลแก่สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงษ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศว่า "...หวังใจว่าจะไม่ผิด
แก่ความตั้งใจของเมืองสยาม ในการที่หม่อมฉันเรียกตัวว่า มิสเตอร์... จําได้ว่ากิงเอดเวอร์ด เมื่อเสด็จมาเมืองนี้ ก็
เรียกพระองค์ว่า Lord เท่านั้น..."
พระราชดําริมอบทุนการศึกษาต่างประเทศ
น้ําพระทัยที่ทรงเมตตากรุณาต่อบรรดาประชาราษฎร์ และไม่ทรงถือพระองค์ของสมเด็จพระบรม
ราชชนกนั้นปรากฏมาแต่ยังทรงพระเยาว์ ดังเคยทรงปลอมพระองค์เป็นสามัญชนตามเสด็จบิณฑบาตสมเด็จ
เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธระหว่างทรงผนวช และเมื่อทรงมารับผิดชอบบริหารศิริราชพยาบาล ก็ทรงมุ่งที่จะ
ปรับปรุงแพทย์และโรงเรียนแพทย์ให้มีคุณภาพดี๓๑
ทรงพระราชทุนส่วนพระองค์จํานวนมากให้แก่นักเรียน
แพทย์ที่ประสงค์จะไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา๓๒
โดยในปีแรกนั้น (๒๔๖๐) มีนักเรียนทุน ๔ ท่าน เป็น
นักเรียนแพทย์ ๒ คน นักเรียนพยาบาล ๒ คน ได้แก่ นางสาวสังวาลย์ ตะละภัฎ (สมเด็จพระศรีนครินทราบ
รมราชชนนี) นายนิตย์ เปาเวทย์ (หลวงนิตย์เวชชวิศิษฐ์) นายลิ ศรีพยัตต์ (หลวงลิปิธรรมศรีพยัตต์) และ
นางสาวอุบล ปาลกะวงศ์ (นางลิปิธรรมศรีพยัตต์) ๓๓
๓๑
ทรงเน้นเรื่องคุณภาพ และความเป็นเลิศทางวิชาการของอุดมศึกษา ไม่ทรงเห็นด้วยกับความคิดที่มีผู้เสนอว่าให้จัดการ
สอนแพทย์ระดับประกาศนียบัตร โดยให้เรียนน้อยกว่า ๔ ปี และให้รับนักเรียนมัธยมเข้าศึกษาโดยไม่ต้องผ่านการศึกษา
วิทยาศาสตร์พื้นฐานในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งยังทรงเห็นความสําคัญและความจําเป็นในการส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยให้
เจริญก้าวหน้า
๓๒
ขบวนนักเรียนทุนสหรัฐอเมริกาชุดดังกล่าวมีมากถึงเกือบ ๒๐ คน เนื่องด้วยเป็นระยะเวลาของสงครามโลกครั้งที่ ๑
(พ.ศ. ๒๔๕๗ – ๒๔๖๑) ไม่สะดวกที่จะส่งนักเรียนทุนไปเรียนในประเทศอังกฤษ หรือในยุโรป
๓๓
นักเรียนทุนชุดแรกนี้ เป็นนักเรียนทุนภายใต้การอุปถัมภ์ของสมเด็จพระราชมารดา สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระ
บรมราชเทวี (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) เนื่องจากสมเด็จฯ พระบรมราชชนกฯ ยังคง
ศึกษาวิชาแพทย์ปีที่ ๑ อยู่ในมหาวิทยลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงประสงค์มหาดเล็กมารับใช้ และจะให้เรียน
หนังสือด้วย ทรงแจ้งพระประสงค์มายังพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ฯ จึงเป็นที่มาของทุนการศึกษาที่จัด
ให้กับนักเรียนทุนทั้ง ๔ คน นี้
- 6. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๗ --
นักเรียนทุนสหรัฐฯ ชุดแรกของพระองค์ท่านนั้นต้องใช้เวลาเดินทางข้ามน้ําข้ามทะเลนานถึง ๔๔
วัน กว่าจะถึงเมืองเบิร์คเล่ย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยท่านเจ้าคุณชนินทร์ภักดี๓๔
ได้จัดให้นักเรียนพยาบาลทั้ง
๒ คน พักอยู่กับครอบครัวอดัมเสน (Adamsen) เพื่อจะ
ได้เรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนอิมเมอร์สันก่อนเป็นเวลา
๑ ปี มีเพียงนักเรียนแพทย์ทั้งสองเท่านั้นที่โดยสารรถไฟ
ต่อไปจนถึงเมืองบอสตัน ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกทรง
อุตส่าห์เสด็จมารับนักเรียนทั้งสองด้วยพระองค์เอง ทรง
ดูแลเอาใจใส่นักเรียนของพระองค์อย่างใกล้ชิด โปรดให้
พักร่วมในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับพระองค์ ทรงแนะนํา
วิธีการดําเนินชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีของ
ต่างประเทศ ทรงกําหนดให้นักเรียนไปดูพิพิธภัณฑ์แล้ว
จะต้องกลับมารายงานถวาย ๓๕
ทรงดํารงพระชีพด้วยความพอเพียง
ความไม่ถือองค์ของสมเด็จพระบรมราชชนก นั้นเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในหมู่ลูกศิษย์และนักเรียน
ทุน สมัยทรงประทับอยู่ในประเทศเยอรมันนั้น เมื่อมีนักเรียนใหม่มาพบมักถวายคํานับแล้วก้มลงกราบตาม
ธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยทําอยู่ในสยาม ทรงกระโดดเข้าจับตัวไม่ยอมให้กราบพร้อมตรัสว่า “เราเลิกธรรมเนียมนี้
กันเสียที” ส่วนเวลาที่ทรงเสด็จมาประทับอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะทรงจ่ายตลาดเอง ในการ
พระราชทานเลี้ยงแก่บรรดานักเรียนนั้นก็โปรดที่จะเก็บล้างทําความสะอาดภาชนะเสวยของพระองค์เอง แม้
จะมีนักเรียนหลายคนแสดงความจํานงเข้าไปรับใช้จัดทําให้ก็เพียงรับสั่งสั้นๆ ว่า “ฉันทําเอง” บางครั้ง
กระทั่งถ้วยชามที่ต่างคนต่างกินแล้วทิ้ง ก็ทรงก้มพระพักตร์เก็บล้างจนสิ้นด้วยพระองค์เอง
พระจริยาวัตรที่ได้สอนให้เห็นด้วยการประพฤติปฏิบัติให้เห็นจริงนั้น ทําให้มีผู้นําไปกล่าวขานกัน
ต่อว่าพระองค์ท่านไม่โปรดคนฉลาด แต่ไม่ซื่อ และไม่โปรดผู้ที่จะเข้ามาประจบประแจงพระองค์๓๖
เวลาที่
ทรงศึกษาก็ทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เองทุกอย่าง ไม่โปรดให้ผู้ใดมาอาสากระทําแทน หากพิจารณาจากสมุด
๓๔
ผู้ปกครองนักเรียนไทยในสหรัฐฯ
๓๕
มีเรื่องเล่าในเชิงขําขันว่า สมเด็จฯ พระบรมราชชนกทรงนําหม่อมเจ้าทองทูลถวาย ทองใหญ่ นักเรียนทุนส่วนพระองค์
เที่ยวชมเมืองนิวยอร์ก เมื่อกลับมาทรงไล่ภูมิว่าได้ไปเห็นอะไรมาบ้าง หม่อมเจ้าทองทูลถวาย ทองใหญ่ ตอบไม่ได้ ทรงไล่
ให้กลับไปตามทางเดิมที่ผ่านมา แล้วกลับมาทูลเล่าให้ถูกต้อง
๓๖
ดังคําบอกเล่าของ นพ. จํารัส ศิริสัมพันธ์ นักเรียนทุนพระราชทาน ถึงคราวเข้าเฝ้ารับเสด็จในวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.
๒๔๗๑ ว่าทรงตรัสถึงเหตุผลในการเลือกนักเรียนทุนว่า “ไม่ต้องการคนฉลาด แต่ต้องการคนขยันหมั่นเพียร คนฉลาดมักขี้เกียจ
ชอบเขียนแต่คําสั่ง” และ “คนไม่ฉลาดนั่นแหล่ะดี มั่นใจได้ว่าไม่โกง”
- 7. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๘ --
ทรงงานระหว่างการเรียน (lecture) ก็จะพบว่าทรงมีลายพระหัตถ์ที่สวยงามเรียบร้อย ทรงวาด
ภาพประกอบที่ทําให้ผู้สนใจศึกษาสามารถนําไปใช้ค้นคว้าเพิ่มเติมได้
ทรงให้ความสําคัญกับการรู้จักพอประมาณ ทรงอบรมนักเรียนทุนไม่ให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทรงเตือนสติ
ว่า "เงินที่ฉันได้ใช้ออกมาเรียน หรือให้พวกเธอออกมาเรียนนี้ ไม่ใช่เงินของฉัน แต่เป็นเงินของราษฎรเขาจ้างให้ฉัน
ออกมาเรียน ฉะนั้นเธอต้องตั้งใจเรียนให้ดี ให้สําเร็จ เพื่อจะได้กลับไปทําประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและขอให้
ประหยัดใช้เงิน เพื่อฉันจะได้มีเงินเหลือไว้ช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป” และได้บําเพ็ญพระองค์ให้เห็นเป็นตัวอย่าง ดัง
หลวงนิตย์เวชชวิศิษฐ์ได้เล่าไว้ว่า
“พระองค์มิได้ถือพระองค์ว่าเป็นเจ้า คงเรียกพระองค์เองว่า มิสเตอร์มหิดล สงขลา ทรงซ่อมถุงพระบาท
และชักเงารองพระบาทเอง ทรงมีรถบูอิคตอนเดียว หลังคาปิดเปิดได้ เวลาสกปรก ทรงล้างรถด้วยพระองค์เอง ทั้ง
ทรงทําอาหารเช้าด้วยพระองค์เอง เวลาเย็นเสด็จกลับจากโรงเรียนแพทย์ถึงพระตําหนัก ๑๘.๐๐ น. ทุกวัน เสด็จ
ไปเสวยที่แคเฟตตอเรีย อาหารดี ราคาไม่แพง” และที่หลวงนิตย์เวชชวิศิษฐ์จําได้สนิทใจคือประโยคคําสอนที่ว่า
“เงินที่ใช้ให้แกออกมาเรียน ไม่ใช่เงินของฉัน แต่เป็นเงินของตามา ตาสี ตาสา เขาให้ฉัน ฉันจึงมีเงินมาให้พวกแกได้
เรียน เพราะฉะนั้น จงตั้งใจเรียนเพื่อกลับไปช่วยบ้านเมือง และจงประพฤติตัวอย่าให้เสียชื่อเสียง”
ทรงไม่โปรดผู้ที่ใช้จ่ายแต่งกายเกินฐานะ ถึงขนาดว่าบรรดานักเรียนไทยที่จะไปเข้าเฝ้าต้อง
ระมัดระวัง พยายามสวมชุดเก่าๆ เพื่อให้ทรงพอพระทัย บางครั้งก็ทรงทดสอบดูเหมือนกันว่าในบรรดา
นักเรียนทุนมีใครใช้จ่ายไปในทางฟุ่มเฟือยบ้าง โดยทรงตรัสขึ้นลอยๆ ว่า “เออ วันนี้หนังโรงไหนมีเรื่องสนุกบ้าง”
หากเป็นคนหน้าใหม่ไม่รู้ความนัย ก็จะเผลอตอบออกมาว่าที่นั้นดี ที่นี้ดี ก็จะทรงจับได้ ทรงกระทําทุกวิถี
เพื่อให้นักเรียนทุนได้ตระหนักถึงคุณค่าของเงินทุนพระราชทาน ด้วยทรงพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
หากผู้ใดมีผู้ปกครองยังพอช่วยเหลือได้ก็จะประทานให้เพียงครึ่งเดียว ทรงเอาใจใส่ดูแลนักเรียนทุนอย่าง
ใกล้ชิด วางแผนการศึกษาให้กับนักเรียนทุนที่ทรงรับผิดชอบอย่างละเอียดเป็นรายคนไป
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์นั้นมิได้มีแต่กับคน
ไทยเท่านั้น ทรงเผื่อแผ่ไปถึงชาวต่างชาติอย่างเช่น Mr.
Francisco Vella พระสหายชาวเม็กซิกันซึ่งเกิดขาดเงิน
ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ก็ทรงพระราชทานเงินให้เดือนละ ๑๐๐
เหรียญ จนกระทั่งสําเร็จการศึกษา น้ําพระทัยเมตตาที่มีต่อ
มนุษย์โดยทั่วไปนั้นเป็นผลมาจากการที่ทรงประหยัดกระเหม็ด
กระแหม่กับการใช้จ่ายส่วนพระองค์เองเป็นอย่างมาก แม้ถุง
พระบาทขาดก็ทรงปะชุนเอง ทรงซักเสื้อผ้าด้วยพระองค์เอง
ทรงล้างทําความสะอาดรถยนต์บูอิคส่วนพระองค์ด้วยตนเอง โดย
เรื่องความประหยัดมัธยัสถ์ของพระองค์นั้นเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไป แม้ในบันทึกของพระองค์เจ้าจุลจักร
พงษ์ผู้ทรงเกือบจะได้เสวยราชย์เป็นรัชกาลที่ ๘ ของไทยก็ยังมีบันทึกไว้ว่า
“.......ยอมเปนที่ทราบกันอยูโดยมากแลว วาทูลหมอมอาแดงนั้นทรงเปนเจาฟาที่ร่ํารวยมั่งงคั่งมาก
ที่สุดพระองคหนึ่งในบรรดาเจาฟาดวยกัน แตทานทรงระมัดระวังกระเหม็ดกระแหมเปนที่สุดในการใชจาย
- 8. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๒๙ --
แทนที่จะเสด็จไปประทับโฮเต็ลชั้นเอก กลับประทับโฮเต็ลชั้นซอมซอที่สุดใกลๆ สถานทูต อันเปนทําเลที่ไม
หรูหราเสียเลยในกรุงลอนดอน การที่ทรงกระเหม็ดกระแหมเชนนั้นคือความเขาใจผิดในระหวางคนที่ไมรูจัก
ทานดี ไปคิดเสียวาทานเปนคนเหนียวจัด แตหาเปนเชนนั้นไม ทานตองการจะเก็บรายไดของทานไวเปน
สวนมากเพื่อทําการกุศลอยางมากมาย........”
การดํารงพระชนมชีพในสหรัฐอเมริกาของสมเด็จฯ พระบรมราชชนกเปรียบประหนึ่งร่มโพธิ์ใหญ่
ให้ร่มเงาแก่บรรดาสรรพชีวิตที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เพราะนอกจากจะทรงเป็นธุระดูแลนักเรียนทุนส่วน
พระองค์แล้ว พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านยัง
เผื่อแผ่ไปยังนักเรียนทุนรัฐบาลจากกระทรวงต่างๆ
ตลอดจนกระทั่งบรรดานักเรียนทุนส่วนตัวที่บรรดา
ผู้ปกครองได้ฝากฝังไว้จํานวนประมาณ ๕๐ คน ซึ่งส่วน
ใหญ่มักจะไปเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย และเลือกศึกษาอยู่
ทางฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐฯ แถบบอสตัน
นิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย และกรุงวอชิงตัน ฯลฯ ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น วัฒนธรรมและประเพณี
ของคนอเมริกัน ให้ผ่อนคลายจากความอ้างว้างที่ต้องห่างเหินจากบุพการีมายังถิ่นซึ่งมีวัฒนธรรมอันแตกต่าง
ไปจากเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง๓๗
ทรงให้การอุปถัมภ์แม้กระทั่งการวางแผนการศึกษา ออกจดหมายรับรอง และแนะนําการเลือก
โรงเรียน มหาวิทยาลัย ให้แก่บรรดานักเรียนสยามเหล่านั้น อาทิเช่นลายพระหัตถ์ของสมเด็จฯ พระบรมราช
ชนก ลงวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๒ ถึงพระสุทธิอรรถนฤมนตร์ (สุข เลขยานนท์) ๓๘
แสดงพระวินิจฉัย
๓๗
พจน์ สารสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ ๙ เล่าไว้ในหนังสือ “สารสินสวามิภักดิ์” ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับตระกูลสารสินของ
ตนว่าว่า คราวหนึ่ง สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ทรงพานักเรียนไทยไปรับประทานอาหารมีชื่อในเคมบริดจ์ ทรงสั่งอาหารฝรั่ง
ที่เรียกว่า “Pressed duck” มาให้รับประทาน ... ตนเองคอยอยู่นานไม่เห็นมีเป็ดมาเสิร์ฟจึงพูดขึ้นกลางโต๊ะอาหารว่า “ไม่
เห็นมีเป็ดที่สั่งมาเลย” สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ทรงพระสรวลและรับสั่งว่า “ก็ไอ้ที่แกกินหมดไปแล้วเมื่อตะกี้นี้ไง เขา
เรียกว่า pressed duck” ทําให้เด็กนักเรียนไทยที่ตามเสด็จฯ มีความรู้เรื่องอาหารฝรั่งที่ทําจากเป็ดอีกชนิดหนึ่ง ที่แตกต่างไป
จากเป็ดย่าง หรือเป็ดอบ
๓๘
สุข เลขยานนท์ (เดิมเข้าใจว่าจะใช้วิธีการสะกดชื่อว่า”สุด” ดังปรากฏในลายพระหัตถ์ของสมเด็จฯ พระบรมราชชนก)
กําลังศึกษาวิชากฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัย Grinnel รัฐไอโอวา ในขณะนั้น เป็นญาติสนิทของพระยาสารสินสามิภักดิ์ซึ่ง
เดิมเคยเป็นที่คาดหมายของพระยาสารสินฯ ว่าจะให้ช่วยดูแลลูกชาย คือนายพจน์ สารสิน ระหว่างที่กําลังศึกษาอยู่ใน
สหรัฐอเมริกา ต่อมานายสุข เลขยานนท์ ได้รับราชการจนกระทั่งได้ราชทินนาม พระสุทธิอรรถนฤมนตร์ ดํารงตําแหน่ง
อธิบดีศาลแพ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๙
รัฐบาลคณะราษฎร์ฯ ได้ยื่นฟ้อง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี ให้ชดใช้เงิน
จํานวนกว่า ๖ ล้านบาทให้แก่กระทรวงการคลัง โดยพระสุทธิอรรถนฤมนตร์ อธิบดีศาลแพ่งขณะนั้นมีคําสั่งว่า “ไม่
อนุญาต” จึงถูกสั่งย้ายไปดํารงตําแหน่งในศาลฎีกา ก่อนจะถูกให้ออกจากราชการไม่กี่เดือนถัดมา จนกระทั่งสามารถกลับ
เข้ารับราชการได้อีกครั้งในอีก ๔ ปีถัดมา ในยุคสมัยของรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ และต่อมาได้เข้าดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีใน
- 9. -- พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้า ๓๐ --
เกี่ยวกับการเลือกสถานที่เรียนของนายพจน์ สารสิน บุตรชายของพระยาสารสินสวามิภักดิ์ (นายแพทย์
เทียนฮี้ สารสิน) ไว้ดังนี้
“...ดวยบัดนี้ นายพจน สารสิน มาถึงแลวและสบายดี เวลานี้อยูที่เคมบริดจ ฉันไมทราบวาจะ
จัดการอยางไร และไดยินวานายสุดเปนผูดูแล เพราะฉะนั้นจึงขอรายงานเรื่องเลานี้ นายพจน สารสิน
อายุ ๑๓ ป ตัวเล็กมาก แตแข็งแรง ตัวเขาเองอยากจะไป Military Academy เวลานี้อยูประมาณ
VII Grade มีเงินอยูที่ฉัน ๑,๐๐๐ เหรียญ และยังจะมีเติมอีกเพราะเงินคาเดินทางยังอยูที่อาจารยแพรงลิ
ปอีกบาง เพราะฉะนั้นสําหรับปนี้คงจะมีประมาณ ๑,๒๐๐ เหรียญ ฉันมีความเห็นวา ควรจะหาโรงเรียนให
เสียเร็วๆ จะไดไมเสียเวลามากตอไป
....แตเปนปญหาวาจะใหอยูที่ไหน ตามที่เขาใจกันวาเขาอยากใหอยูใกลนายสุด แตตัวนายพจน
เองนั้นวาอยูที่ไหนก็ได ถานายสุดจะอยู Grinnel นานตอไปแลว ก็ควรใหออกไปอยูทาง West
โรงเรียนทหารทาง South และ West ดีกวาทางนี้ ฉะนั้นก็เปน consideration อันหนึ่ง แต
อยางไรก็ดี ถานายสุดมีความเห็นอยางไร ก็ขอใหบอกมา คือ
๑. จะใหเขาโรงเรียนไหน
๒. นายสุดจะรับดูแลการเงินเองหรือจะใหใครดู นายพจนยังเปนเด็กนัก
๓. ใครจะเปนผูจัดการเรียนและรับผิดชอบ เด็จทัดเปน guardian คงจะตองเปนคนเดียวกับผู
เก็บเงิน
ระหวางนี้ ฉันก็จะใหนายพจนอยูที่นี่กอน เพราะเขาดูแลตัวเองไดเรียบรอย เงินเวลานี้อยูที่ฉัน แต
ฉันไมไดจัดการ banking เลย เพราะไมทราบวาจะตกลงกันอยางไร ฉันจะ advance credit
ของฉันไปกอนจนกวาจะแตกเงินของเขาไดเอง”
ยุคของรัฐบาล มรว. เสนีย์ ปราโมช เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๘ และดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
ต่างประเทศในยุคของรัฐบาล นายควง อภัยวงศ์ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๙