Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie การค้นคว้าอิสระเรื่อง การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการบริหารสถานศึกษา ในโรงเรียนขยายโอก (20)
การค้นคว้าอิสระเรื่อง การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการบริหารสถานศึกษา ในโรงเรียนขยายโอก
- 2. บทที่ 1 บทนา
ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กาหนดให้
กระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษาให้โรงเรียนทั้งในด้าน
วิชาการ งบประมาณ การบริหารบุคคล และการบริหารทั่วไป ซึ่งผู้บริหาร
โรงเรียนจะมีบทบาทสาคัญในกระบวนการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการ
สถานศึกษา ครู นักเรียนและผู้ปกครอง ชุมชน ในการตัดสินใจบริหารและ
จัดการศึกษา และในการบริหารสถานศึกษาแบบกระจายอานาจนั้น
ผู้บริหารต้องให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
เพราะว่าการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วมเป็นองค์ประกอบในการบริหาร
การศึกษาที่สาคัญประการหนึ่ง
- 3. บทที่ 1 บทนา
ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา (ต่อ)
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษามีจานวนบุคลากรที่มากกว่า
โรงเรียนประถมศึกษาโดยทั่วไปและมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน จะทา
ให้การบริหารเป็นไปอย่างมีระบบและสามารถกระจายอานาจหน้าที่ไปยัง
บุคลากรอย่างทั่วถึง ซึ่งก่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมีส่วนร่วมในทุก
ภาคส่วนของสถานศึกษา แต่ข้อสาคัญประการหนึ่งที่ควรศึกษาคือ
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่มีขนาดไม่เท่ากัน จะทาให้ครูใน
โรงเรียนจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนอยู่ใน
ระดับที่เท่าเทียมกันหรือไม่
- 4. บทที่ 1 บทนา
ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา (ต่อ)
ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการ
บริหารโรงเรียนของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท โดยจะศึกษาตาม
ภารกิจการบริหารโรงเรียนทั้ง 4งานคือ งานวิชาการ งานบุคลากร งาน
งบประมาณ และงานบริหารทั่วไป ทั้งนี้เพื่อนาผลการวิจัยไปใช้เป็น
ข้อเสนอแนะและแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาการบริหารโรงเรียนขยาย
โอกาสทางการศึกษาให้เท่าเทียมกัน อันจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
- 5. บทที่ 1 บทนา
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการบริหารโรงเรียนของ
ครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาชัยนาท
2. เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการบริหารโรงเรียน
ของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท โดยจาแนกตามขนาดโรงเรียน
- 6. บทที่ 1 บทนา
สมมุติฐานของการวิจัย
การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการบริหารโรงเรียนของครูในโรงเรียน
ขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ชัยนาท ที่มีขนาดสถานศึกษาต่างกันมีความแตกต่างกัน
- 7. บทที่ 1 บทนา
กรอบแนวคิดในการวิจัย
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมุ่งที่จะศึกษาการมีส่วนร่วมในการ
ตัดสินใจการบริหารโรงเรียนของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท ซึ่งผู้วิจัยอาศัยกรอบ
แนวคิดของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องขอบข่ายและภารกิจการบริหารและ
จัดการสถานศึกษาที่เป็ นนิติบุคคล ได้แบ่งขอบข่ายและภารกิจของ
สถานศึกษาเป็น
4 งานหลักคือ
1. งานบริหารงานวิชาการ
2. งานบริหารงานงบประมาณ
3. งานบริหารงานบุคคล
4. งานบริหารทั่วไป
- 8. บทที่ 1 บทนา
ขอบเขตของการวิจัย
1. ขอบเขตด้านเนื้อหา การวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมในการ
ตัดสินใจการบริหารโรงเรียนของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทาง
การศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท
โดยมีแนวคิดกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องขอบข่ายและภารกิจการ
บริหารและจัดการสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล
- 9. บทที่ 1 บทนา
ขอบเขตของการวิจัย
2. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย
2.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ครูที่ปฏิบัติงาน
ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาชัยนาท ปีการศึกษา 2555 จานวน 56โรงเรียน รวม 834 คน
2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูที่
ปฏิบัติงานในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ปีการศึกษา 2555 โดยใช้
ตารางเครจซี่และมอร์แกน ได้จานวน 263 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น
(Stratified random sampling) ตามขนาดของโรงเรียน
- 10. บทที่ 1 บทนา
ขอบเขตของการวิจัย
3. ตัวแปรที่ศึกษา ประกอบด้วย
3.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ ขนาดของโรงเรียน แบ่งเป็น ขนาดเล็ก ขนาดกลางและ
ขนาดใหญ่
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการบริหารโรงเรียนของ
ครู
ตามภารกิจการบริหารโรงเรียน 4 งาน คือ
3.2.1 งานบริหารวิชาการ
3.2.2 งานบริหารงบประมาณ
3.2.3 งานบริหารบุคคล
3.2.4 งานบริหารทั่วไป
- 11. บทที่ 1 บทนา
ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย
ผู้วิจัยมุ่งหวังประโยชน์ที่จะได้รับจากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ดังนี้
1. เป็นข้อมูลสารสนเทศในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการ
บริหารโรงเรียนของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท
2. ผลที่ได้จากการศึกษานาไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง
การบริหารโรงเรียน และพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารแบบมีส่วนร่วม
ในการตัดสินใจของครูในการบริหารโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท
3. เป็นข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนการพัฒนาคุณภาพการ
บริหารของโรงเรียนให้มีมาตรฐานการศึกษา เพื่อรองรับการประเมิน
ภายในและภายนอกองค์กรต่อไป
- 13. บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2. การมีส่วนร่วมในการบริหาร
2.1 ความหมายของการมีส่วนร่วม
2.2 ความสาคัญของการมีส่วนร่วม
2.3 แนวคิดทฤษฎีการมีส่วนร่วม
2.4 รูปแบบการมีส่วนร่วม
3. การตัดสินใจ
3.1 ความหมายของการตัดสินใจ
3.2 ความสาคัญของการตัดสินใจ
3.3 กระบวนการตัดสินใจ
3.4 แนวคิดทฤษฎีการตัดสินใจ
- 14. บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
4. บริบทของสถานศึกษาในสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท
4.1 สภาพทั่วไป โครงสร้างและภารกิจ
4.2 จานวนครูแยกตามขนาดโรงเรียน
4.3 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
5.1 งานวิจัยในประเทศ
5.2 งานวิจัยต่างประเทศ
6. สรุปกรอบแนวคิดในการวิจัย
- 15. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูที่ปฏิบัติงานใน
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท ปีการศึกษา 2555 รวม 56 โรงเรียน
จานวน 834 คน
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ ครูที่ปฏิบัติงานใน
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาชัยนาท ปีการศึกษา 2555 จานวน 263 คน จาก
ประชากรข้างต้น ซึ่งการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง
เครจซี่และมอร์แกน ที่ระดับค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ได้กลุ่มตัวอย่าง
263 คน
- 16. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
ขนาดสถานศึกษา จานวน จานวนกลุ่ม
สถานศึกษาขนาดเล็ก 159 50
สถานศึกษาขนาดกลาง 562 177
สถานศึกษาขนาดใหญ่ 113 36
รวมทั้งสิ้น 834 263
ตารางที่ 3.1 แสดงจานวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามขนาดโรงเรียน
- 17. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม โดยแบ่งออกเป็น
2 ตอน ได้แก่
ตอนที่ 1 เป็ นแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ (checklist)
เกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามแบบเลือกตอบ จานวน 4 ข้อ
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (rating
scale) ชนิด 5 ระดับ จานวน 45 ข้อ เกี่ยวกับสภาพการมีส่วนร่วมในการ
ตัดสินใจบริหารโรงเรียนประถมศึกษาซึ่งมี 4 ด้าน ดังนี้
ด้านที่ 1 งานวิชาการ จานวน 11 ข้อ
ด้านที่ 2 งานบริหารงบประมาณ จานวน 10 ข้อ
ด้านที่ 3 งานบริหารบุคคล จานวน 11 ข้อ
ด้านที่ 4 งานบริหารทั่วไป จานวน 13 ข้อ
- 18. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ผู้วิจัยได้ดาเนินการสร้างเครื่องมือตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ศึกษาเอกสาร ตารา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
2. วิเคราะห์ข้อมูลในการสร้างเครื่องมือเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการ
ตัดสินใจการบริหารโรงเรียน มี 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารวิชาการ ด้านการ
บริหารงบประมาณ ด้านการบริหารบุคคล และด้านการบริหารทั่วไป
3. นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้ามาสร้างเครื่องมือ ตามคานิยาม
ของกระทรวงศึกษาธิการและวัตถุประสงค์เป็นหลัก จานวน 1 ชุด ประกอบด้วย
2 ตอน
4. นาเครื่องมือที่สร้างขึ้นเสนออาจารย์ที่ปรึกษาภาคนิพนธ์เพื่อ
ตรวจสอบ ความชัดเจนของคาถาม เพื่อให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไขใน
ข้อบกพร่อง
- 19. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
5. นาเครื่องมือที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 ท่าน
ตรวจสอบความเที่ยงตรง (validity) เพื่อหาความสอดคล้องในด้านโครงสร้าง
ความเที่ยงตรงในด้านเนื้อหา ความเหมาะสม ความชัดเจนและความถูกต้อง
ของการใช้ภาษาแล้วนามาหาค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ (index
of item objective congruence: IOC) โดยพิจารณาความเที่ยงตรงจากดัชนี
ความสอดคล้อง คือ เกณฑ์ค่าดัชนีความสอดคล้องมีค่าเท่ากับหรือมากกว่า
0.50 ขึ้นไป จึงถือว่าข้อคาถามนั้นมีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา พบว่าได้ค่า
ดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1 จานวน 43 ข้อ และค่าดัชนีความสอดคล้องกับ
เท่ากับ 0.67 จานวน 2 ข้อ
- 20. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
6. นาเครื่องมือที่ได้ปรับปรุงจากคาแนะนาของผู้ทรงคุณวุฒิและ
อาจารย์ที่ปรึกษา แล้วไปทดลองใช้ (tryout) กับครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียน
ขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สุพรรณบุรี เขต 3 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 30 คน แล้วนาข้อมูลมา
วิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม (reliability) วิเคราะห์หาค่า
สัมประสิทธิ์แอลฟา (α- coefficient) ของครอนบัค (Cronbach) ได้ค่าความ
เชื่อมั่นที่ระดับ 0.98
7. นาผลที่ได้มาพิจารณาปรับปรุง ขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษาภาค
นิพนธ์และจัดทาแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์
- 21. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยดาเนินการรวบรวมข้อมูลตามลาดับดังนี้
1. นาหนังสือขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จากสานักงาน
บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีถึงสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาชัยนาทเพื่อให้ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูล
2. ผู้วิจัยดาเนินการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์และประสานงานทาง
โทรศัพท์ในการติดตามเก็บแบบสอบถามจากโรงเรียนโดยตนเอง โดยผู้วิจัยส่ง
แบบสอบถามไปยังโรงเรียนเพื่อแจกให้กับครูที่ปฏิบัติการสอนในโรงเรียนที่เป็นกลุ่ม
ตัวอย่าง จานวน 263 ชุด โดยกาหนดเวลาในการตอบแบบสอบถามและกลับคืนให้ผู้วิจัย
ภายใน 7-15 วัน ทางไปรษณีย์และผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลเอง
- 23. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
การวิเคราะห์ข้อมูล
3. วิเคราะห์เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจบริหาร
โรงเรียนของครูในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท จาแนกตามขนาดโรงเรียนโดยการ
วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และเมื่อพบความ
แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ จึงทาการเปรียบเทียบเป็นรายคู่โดย
วิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffé)
- 25. บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
2. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
2.1 ค่าความเที่ยงตรงของเนื้อหา โดยคานวณค่าดัชนี
ความสอดคล้อง
2.2 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ โดย
คานวณค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบัค
3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ การวิเคราะห์ความ
แปรปรวนทางเดียว และทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของ
เชฟเฟ่