SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 10
Downloaden Sie, um offline zu lesen
วตสนเกดในป
       วัตสันเกิดในป 1878 ในครอบครัวยากจนที่ชนบทของ เซาธ
                           ในครอบครวยากจนทชนบทของ เซาธ
แคโรลินา (South Carolina). แมของเขาเปนผูนับถือศาสนาคริสต
นิิกายโปรแตสแตนตที่เครงครัด สวนพอของเขาทิิ้งครอบครััวไปใน
       โป                     ั                              ไปใ
ป 1891) เขาเรียนตอดานปรัชญาที่มหาวิทยาลัยแหงชิคาโก
(University of Chicago). แตความผิดหวังในการสอนของจอหน ดิว
อี้ (John Dewey) ทําใหเขาหันมาทํางานดานจิตวิทยาสัตว และไดรับ
    (          y)
ปริญญาเอกในป 1903. วัตสันทํางานเปนอาจารยที่มหาวิทยาลัย
จอหนส ฮอปกนส
จอหนส ฮอปกินส (Johns Hopkins University) ระหวางป 1908 ถึง
                                               ระหวางป         ถง
1920
กอนที่จะถูกไลออกเพราะไปมีความสัมพันธกบลูกศิษยที่ชื่อ
                                              ั
โรสารี เรยเนอร (Rosalie Rayner) เขาหยากับภรรยาและแตงงานกับ
 โรสาร และประสบความสาเรจจากงานดานการโฆษณาในป
 โรสารี และประสบความสําเร็จจากงานดานการโฆษณาในป 1957
 เขาไดรับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (ซึ่งในป
 1915 เขาไดเ ปนประธานสมาคมที่อายุนอยที่สุด) วััตสัันเสีียชีีวิตใน
          ไ ป                      ี        ี                      ใ
 ป 1958 ผลงานของวัตสันไดรับความนิยมแพรหลายจนไดรับการ
 ยกยองวาเปน“บิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม” ทฤษฎีของเขามี
 ลักษณะในการอธิบายเรื่องการเกิดอารมณจากการวางเงื่อนไข
วัตสันไดทําการทดลองเกี่ยวกับการเรียนรูของคน โดยใช
เด็็กชาย Albert อายุประมาณ 2 ขวบ โ ่เี ขาใหขอสัังเกตวา โดย
                                          โดยที ใ         โ
ธรรมชาติแลวเด็กๆจะกลัวเสียงที่ดังขึ้นมาอยางกะทันหัน
จุดประสงคของการทดลองคือการให Albert กลัวหนูขาว ในชวง
ของการทดลองเขาปลอยให Albert เลนกับหนููขาว ขณะที่ Albert
เอื้อมมือจะจับหนู Watson ใชคอนตีเหล็กเสียงดังสนั่น เด็กแสดง
อาการตกใจกลว หลงจากนน เดกแสดงอาการกลวหนู ถงแมจะ
อาการตกใจกลัว หลังจากนั้น เด็กแสดงอาการกลัวหน ถึงแมจะ
ไมไดยินเสียงคอนตีดังๆ ก็ตาม ในสถานการณเชนนี้เด็กเกิดการ
เรีียนรูชนิดเชืื่อมโยงระหวางเสีียงดััง
            ิ       โ
ซึ่งทําใหเด็กเกิดความกลัวขึ้นตามธรรมชาติกับหนูู จากการทดลอง
ของวัตสันปรากฏวา Albert มิไดกลัวแตเพียงหนูเทานั้น แตจะกลัว
สัตวมีขนทุกชนิด รวมทั้งเสื่อที่มีขนดวย ความสําเร็จครั้งนี้ของวัต
             ุ
สัน ทําใหเขาคิดวาเขาจะสามารถควบคุมพฤติกรรมทุกชนิดของ
คนได สามารถที่จะใหใคร เปนอะไรก็ไดทั้งนั้นโดยมิตองคํานึงถึง
สติปญญา และความสามารถ Watsonไดแกความกลัวของอัลเบิรต
โดยไดใหมารดาของหนููนอยอัลเบิรตอุุมในขณะนักจิตวิทยานําหนูู
ขาวมาใหอัลเบิรตจับ ตอนแรกอัลเบิรตจะรองไหเพราะความกลัว
                                     
แตหลงจากแมพยายามปลอบวาไมนากลวอะไรพรอมเอามอจบหนู
แตหลังจากแมพยายามปลอบวาไมนากลัวอะไรพรอมเอามือจับหน
ขาวลูบตัวหนูขาวอยูจนกระทั่งในที่สุดอัลเบิรตหายกลัวหนูขาว
สามารถเอามอแตะหนูขาวได หลกการอนนเรยกวา
สามารถเอามือแตะหนขาวได หลักการอันนี้เรียกวา Counter
Conditioning
1. พฤตกรรมเปนสงทสามารถควบคุมใหเกดขนได โดยการควบคุม
1 พฤติกรรมเปนสิ่งที่สามารถควบคมใหเกิดขึ้นได โดยการควบคม
   สิ่งเรา ที่วางเงื่อนไขใหสัมพันธกบสิ่งเราตามธรรมชาติและการ
                                      ั
   เรีียนรูจะคงทนถาวร หากมีีการใหสิ่งเราทีี่สัมพัันธกันนัั้นควบคู
                                    ใ
   กันไปอยางสม่ําเสมอ
2. เมื่อสามารถทําใหเกิดพฤติกรรมใดๆไดก็สามารถลดพฤติกรรม
   นนใหหายไปได
   นั้นใหหายไปได
ตวอยาง การประยุกตใชในดานการเรยนการสอน
ตัวอยาง การประยกตใชในดานการเรียนการสอน
1.ในแงของความแตกตางระหวางบุคคล ความแตกตางทางดาน
   อารมณมแบบแผนการตอบสนองไดไมเทากน จาเปนตอง
            ี                         ไ    ั ํ ป
   คํานึงถึงสภาพทางอารมณผูเรียนวาเหมาะสมที่จะสอนเนื้อหา
   อะไรไ
2.การวางเงื่อนไข เปนเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมทางดานอารมณดวย
   โดยปกติผูสอนสามารถทําใหผูเรียนรูสึกชอบหรือไมชอบเนื้อหา
   ที่เรียนหรือสิ่งแวดลอมในการเรียน
3. การลบพฤติกรรมที่วางเงื่อนไข ผูเรียนที่ถกวางเงื่อนไขใหกลัว
                                                ู
   ผูสอน เราอาจชวยไดโดยปองกันไมใหผูสอนทําโทษเขา
4. การสรปความเหมือนและการแยกความแตกตาง เชน การอาน
   การสรุปความเหมอนและการแยกความแตกตาง เชน การอาน
   และการสะกดคํา ผูเรียนที่สามารถสะกดคําวา "round" เขาก็ควร
   จะเรยนคาทุกคาทออกเสยง
   จะเรียนคําทกคําที่ออกเสียง o-u-n-d ไปในขณะเดียวกันได เชนคํา
                                       d ไปในขณะเดยวกนได เชนคา
   วา found, bound, sound, ground, แตคําวา wound (บาดแผล) นั้น
   ไม
   ไ ควรเอาเขามารวมกัับคํําทีี่ออกเสีียง o - u - n - d และควรฝกใ 
                                                                ฝ ให
   รูจักแยกคํานี้ออกจากกลุม
ทฤษฎการเรยนรู ารวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกเปนการ
       ทฤษฎีการเรียนรการวางเงอนไขแบบคลาสสกเปนการ
เชื่อมโยงสิ่งเราที่ไมไดถูกวางเงื่อนไขเขากับสิ่งเราที่ถกวาง
                                                           ู
เงืื่อนไข ผลก็คือเกิดการตอบสนองตอสิ่ิงเราที่ถูกวางเงืื่อนไข
       ไ      ็ ิ                               ี             ไ
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคลาสสิค

Weitere ähnliche Inhalte

Andere mochten auch

ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสัน
ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสันทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสัน
ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสันearlychildhood024057
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2New Born
 
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟนพณัฐ อินทร์จันทร์
 
อีริคสัน 
อีริคสัน อีริคสัน 
อีริคสัน nimaskah
 
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์hoossanee
 
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’s
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’sทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’s
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’sWuttipong Tubkrathok
 
ทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสันทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสันhoossanee
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราRoiyan111
 
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์Pop Punkum
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้Supeii Akw
 
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์monnareerat
 
ทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสันทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสัน7roommate
 
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้สรุปทฤษฎีการเรียนรู้
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้Mod DW
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์Roiyan111
 
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนTupPee Zhouyongfang
 

Andere mochten auch (16)

ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสัน
ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสันทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสัน
ทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสัน
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
 
อีริคสัน 
อีริคสัน อีริคสัน 
อีริคสัน 
 
Cognitivism
CognitivismCognitivism
Cognitivism
 
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
 
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’s
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’sทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’s
ทฤษฏีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์(Thorndike’s
 
ทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสันทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสัน
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
 
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้
 
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์ดไดค์
 
ทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสันทฤษฎีของอิริคสัน
ทฤษฎีของอิริคสัน
 
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้สรุปทฤษฎีการเรียนรู้
สรุปทฤษฎีการเรียนรู้
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์
ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์
 
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน
 

Ähnlich wie ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคลาสสิค

นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.PdfAwantee
 
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวม
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวมวิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวม
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวมPrachoom Rangkasikorn
 
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงาน
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงานการพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงาน
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงานteacherhistory
 
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันการเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันJiraprapa Suwannajak
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1New Born
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตorawan chaiyakhan
 
การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์teacherhistory
 
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาitedu355
 
กลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมกลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมniralai
 
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทาน
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทานแบบฝึกอ่านคิดจากนิทาน
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทานPrasong Somarat
 
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรSasithon Charoenchai
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตMam Chongruk
 

Ähnlich wie ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคลาสสิค (20)

นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.Pdf
 
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวม
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวมวิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวม
วิทยาศาสตร์ศึกษาแบบองค์รวม
 
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงาน
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงานการพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงาน
การพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ โครงงาน
 
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันการเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
 
Intro sciproject
Intro sciprojectIntro sciproject
Intro sciproject
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกต
 
Me and demon
Me and demonMe and demon
Me and demon
 
การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์
 
การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์
 
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
 
กลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมกลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคม
 
P73240631522
P73240631522P73240631522
P73240631522
 
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทาน
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทานแบบฝึกอ่านคิดจากนิทาน
แบบฝึกอ่านคิดจากนิทาน
 
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
 
ภาษาไทย สำนวนไทย
ภาษาไทย สำนวนไทยภาษาไทย สำนวนไทย
ภาษาไทย สำนวนไทย
 

ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคลาสสิค

  • 1.
  • 2. วตสนเกดในป วัตสันเกิดในป 1878 ในครอบครัวยากจนที่ชนบทของ เซาธ ในครอบครวยากจนทชนบทของ เซาธ แคโรลินา (South Carolina). แมของเขาเปนผูนับถือศาสนาคริสต นิิกายโปรแตสแตนตที่เครงครัด สวนพอของเขาทิิ้งครอบครััวไปใน โป ั ไปใ ป 1891) เขาเรียนตอดานปรัชญาที่มหาวิทยาลัยแหงชิคาโก (University of Chicago). แตความผิดหวังในการสอนของจอหน ดิว อี้ (John Dewey) ทําใหเขาหันมาทํางานดานจิตวิทยาสัตว และไดรับ ( y) ปริญญาเอกในป 1903. วัตสันทํางานเปนอาจารยที่มหาวิทยาลัย จอหนส ฮอปกนส จอหนส ฮอปกินส (Johns Hopkins University) ระหวางป 1908 ถึง ระหวางป ถง 1920
  • 3. กอนที่จะถูกไลออกเพราะไปมีความสัมพันธกบลูกศิษยที่ชื่อ ั โรสารี เรยเนอร (Rosalie Rayner) เขาหยากับภรรยาและแตงงานกับ โรสาร และประสบความสาเรจจากงานดานการโฆษณาในป โรสารี และประสบความสําเร็จจากงานดานการโฆษณาในป 1957 เขาไดรับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (ซึ่งในป 1915 เขาไดเ ปนประธานสมาคมที่อายุนอยที่สุด) วััตสัันเสีียชีีวิตใน ไ ป ี ี ใ ป 1958 ผลงานของวัตสันไดรับความนิยมแพรหลายจนไดรับการ ยกยองวาเปน“บิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม” ทฤษฎีของเขามี ลักษณะในการอธิบายเรื่องการเกิดอารมณจากการวางเงื่อนไข
  • 4. วัตสันไดทําการทดลองเกี่ยวกับการเรียนรูของคน โดยใช เด็็กชาย Albert อายุประมาณ 2 ขวบ โ ่เี ขาใหขอสัังเกตวา โดย โดยที ใ  โ ธรรมชาติแลวเด็กๆจะกลัวเสียงที่ดังขึ้นมาอยางกะทันหัน จุดประสงคของการทดลองคือการให Albert กลัวหนูขาว ในชวง ของการทดลองเขาปลอยให Albert เลนกับหนููขาว ขณะที่ Albert เอื้อมมือจะจับหนู Watson ใชคอนตีเหล็กเสียงดังสนั่น เด็กแสดง อาการตกใจกลว หลงจากนน เดกแสดงอาการกลวหนู ถงแมจะ อาการตกใจกลัว หลังจากนั้น เด็กแสดงอาการกลัวหน ถึงแมจะ ไมไดยินเสียงคอนตีดังๆ ก็ตาม ในสถานการณเชนนี้เด็กเกิดการ เรีียนรูชนิดเชืื่อมโยงระหวางเสีียงดััง ิ โ
  • 5. ซึ่งทําใหเด็กเกิดความกลัวขึ้นตามธรรมชาติกับหนูู จากการทดลอง ของวัตสันปรากฏวา Albert มิไดกลัวแตเพียงหนูเทานั้น แตจะกลัว สัตวมีขนทุกชนิด รวมทั้งเสื่อที่มีขนดวย ความสําเร็จครั้งนี้ของวัต ุ สัน ทําใหเขาคิดวาเขาจะสามารถควบคุมพฤติกรรมทุกชนิดของ คนได สามารถที่จะใหใคร เปนอะไรก็ไดทั้งนั้นโดยมิตองคํานึงถึง สติปญญา และความสามารถ Watsonไดแกความกลัวของอัลเบิรต โดยไดใหมารดาของหนููนอยอัลเบิรตอุุมในขณะนักจิตวิทยานําหนูู ขาวมาใหอัลเบิรตจับ ตอนแรกอัลเบิรตจะรองไหเพราะความกลัว  แตหลงจากแมพยายามปลอบวาไมนากลวอะไรพรอมเอามอจบหนู แตหลังจากแมพยายามปลอบวาไมนากลัวอะไรพรอมเอามือจับหน ขาวลูบตัวหนูขาวอยูจนกระทั่งในที่สุดอัลเบิรตหายกลัวหนูขาว สามารถเอามอแตะหนูขาวได หลกการอนนเรยกวา สามารถเอามือแตะหนขาวได หลักการอันนี้เรียกวา Counter Conditioning
  • 6. 1. พฤตกรรมเปนสงทสามารถควบคุมใหเกดขนได โดยการควบคุม 1 พฤติกรรมเปนสิ่งที่สามารถควบคมใหเกิดขึ้นได โดยการควบคม สิ่งเรา ที่วางเงื่อนไขใหสัมพันธกบสิ่งเราตามธรรมชาติและการ ั เรีียนรูจะคงทนถาวร หากมีีการใหสิ่งเราทีี่สัมพัันธกันนัั้นควบคู ใ กันไปอยางสม่ําเสมอ 2. เมื่อสามารถทําใหเกิดพฤติกรรมใดๆไดก็สามารถลดพฤติกรรม นนใหหายไปได นั้นใหหายไปได
  • 7. ตวอยาง การประยุกตใชในดานการเรยนการสอน ตัวอยาง การประยกตใชในดานการเรียนการสอน 1.ในแงของความแตกตางระหวางบุคคล ความแตกตางทางดาน อารมณมแบบแผนการตอบสนองไดไมเทากน จาเปนตอง  ี ไ    ั ํ ป คํานึงถึงสภาพทางอารมณผูเรียนวาเหมาะสมที่จะสอนเนื้อหา อะไรไ 2.การวางเงื่อนไข เปนเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมทางดานอารมณดวย โดยปกติผูสอนสามารถทําใหผูเรียนรูสึกชอบหรือไมชอบเนื้อหา ที่เรียนหรือสิ่งแวดลอมในการเรียน
  • 8. 3. การลบพฤติกรรมที่วางเงื่อนไข ผูเรียนที่ถกวางเงื่อนไขใหกลัว ู ผูสอน เราอาจชวยไดโดยปองกันไมใหผูสอนทําโทษเขา 4. การสรปความเหมือนและการแยกความแตกตาง เชน การอาน การสรุปความเหมอนและการแยกความแตกตาง เชน การอาน และการสะกดคํา ผูเรียนที่สามารถสะกดคําวา "round" เขาก็ควร จะเรยนคาทุกคาทออกเสยง จะเรียนคําทกคําที่ออกเสียง o-u-n-d ไปในขณะเดียวกันได เชนคํา d ไปในขณะเดยวกนได เชนคา วา found, bound, sound, ground, แตคําวา wound (บาดแผล) นั้น ไม ไ ควรเอาเขามารวมกัับคํําทีี่ออกเสีียง o - u - n - d และควรฝกใ  ฝ ให รูจักแยกคํานี้ออกจากกลุม
  • 9. ทฤษฎการเรยนรู ารวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกเปนการ ทฤษฎีการเรียนรการวางเงอนไขแบบคลาสสกเปนการ เชื่อมโยงสิ่งเราที่ไมไดถูกวางเงื่อนไขเขากับสิ่งเราที่ถกวาง ู เงืื่อนไข ผลก็คือเกิดการตอบสนองตอสิ่ิงเราที่ถูกวางเงืื่อนไข ไ ็ ิ ี ไ