Weitere ähnliche Inhalte
Mehr von Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
Mehr von Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
เมียนม่าร์
- 2. สาเหตุ
ประเด็นแรก: ก่อนพม่าจะตกเป็ นอาณานิคมของอังกฤษอย่างสมบูรณ์
ในปี ค.ศ.1886 อังกฤษได้ผนวกพม่าและดินแดนของชนกลุ่มน้อยต่างๆ
เข้าเป็ นมณฑลหนึ่งของอินเดีย ซึ่งอังกฤษเป็ นเจ้าอาณานิคมในขณะนั้น
รัฐบาลอังกฤษซึ่งเข้ามาปกครองพม่าโดยใช้นโยบาย “แบ่งแยกและ
ปกครอง” (divide and rule) เพราะอังกฤษได้แบ่งแยกรัฐของกลุ่มน้อย
ออกจากรัฐของชาวพม่า และใช้ระบบการปกครองที่ต่างกันออกเป็ น 2
ส่ วนคือ “พม่าแท้” (Burma proper) กับ “เขตชายแดน” (Frontier Areas)
- 3. - อังกฤษถอนตัว ออกจากพม่าอย่างกะทันหัน พร้ อมกับทิ้ งปั ญหา
ความขัดแย้งของกลุ่มชาติพนธุ์ไว้ให้รัฐบาลกลางของพม่าซึ่ งเข้ามารับ
ั
ภาระหน้าที่แทนผูนารัฐบาลพม่าในช่วงที่ได้รับอิสรภาพแล้ว
้
- นับตั้งแต่นายพลออง ซาน อู นุ และนายพลเนวิน ต่างก็มีทศนคติ ั
ต่อการรวมชาติและความเป็ นเอกภาพในบริ บทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติ
พันธุ์ต่างๆ ในพม่าที่แตกต่างกันออกไป
- สงครามกลางเมืองที่ได้เริ่ มก่อตัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 จนถึงช่ วง
วิกฤตในทศวรรษที่ 1960
- นับแต่น้ นมา พม่าก็ได้กลายเป็ นดินแดนแห่งการสู ้รบระหว่าง
ั
รัฐบาลกลางกับกองกาลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ จนถึงปั จจุบน ั
- 4. - ประเด็นต่ อมา จากสภาพภูมิประเทศซึ่งแยกชุมชนของกลุ่มชาติ
พันธุ์ออกจากกัน ด้วยเทือกเขาสูง ป่ าทึบและแม่น้ า
- อีกทั้งยังส่ งเสริ มให้เกิดความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและภาษา
ของกลุ่มชาติพนธุ์โดยการคงเอกลักษณ์เด่นของตนไว้ ไม่มีการ
ั
ผสมผสานเพื่อก่อให้เกิดการเรี ยนรู ้และการยอมรับซึ่งกันและกัน
- 6. การเมืองภายในระหว่ างรัฐบาลพม่ ากับชนกลุ่มน้ อย
1.) ประเทศสหภาพพม่าเป็ นประเทศที่มีปัญหาหารเมืองภายใน
โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งกับกองกาลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ความ
ขัดแย้งนี้เกิดขึ้นมาเป็ นเวลานานนับตั้งแต่สมัยหลังอาณานิคม (ปี 1948)
และดาเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบน ผลพวงของความขัดแย้งคือ
ั
สงครามกลางเมืองที่นาไปสู่ ความอ่อนแอทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง
และสังคม โดยรวมของประเทศพม่า
- 7. 2.)ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพม่าและกองกาลังชนกลุ่ม
น้อย ได้กลายสภาพเป็ นปัญหาที่บนทอนความมันคงและเอกภาพของรัฐ
ั่ ่
เนื่องจากกองกาลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ มีอาณาบริ เวณและมวลชนที่
สนับสนุนตนเอง นอกจากนี้ยงมีทรัพยากรธรรมชาติ และช่องทางในการ
ั
แสวงหาผงประโยชน์ในเชิงงบประมาณ มาสนับสนุนกองกาลังและ
มวลชนของตนในอดีตกองกาลังชนกลุ่มต่างๆ เหล่านี้มีอาณาเขต
ปกครองของตนเอง ดังนั้นความปรารถนาที่จะแยกเป็ นรัฐอิสระไม่อยู่
ภายใต้การปกครองของรัฐบาลกลางพม่ายังคงสื บสานมาจนถึงปัจจุบน ั
เป็ นความจาเป็ นของรัฐบาลพม่าในการที่จะธารงไว้ซ่ ึงความเป็ นเอกภาพ
ของรัฐด้วยการทาสงครามสยบกองกาลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เหล่านี้
และได้กลายเป็ นภารกิจความสาคัญอย่างยิงยวดในเชิงนโยบายเป็ น
่
สาคัญอันดับแรกของประเทศ
- 8. 3.)การจัดลาดับความสาคัญของพื้นที่ในการปราบปรามกองกาลัง
ชนกลุ่มน้อยเรี ยงลาดับตามความสาคัญเร่ งด่วนเนื่องจากรัฐบาลพม่ามี
ความขัดแย้งกับกองกาลังชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม เช่น คะฉิ่น ฉาน(ไทย
ใหญ่) โกกั้ง กะเหรี่ ยง คะยาห์ มอญ และยังมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาล เช่น
พรรคคอมมิวนิสต์พม่า และกองกาลังต่างชาติ เช่น ก๊กมินตั้งการจะ
ปราบปรามกองกาลังชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มในเวลาเดียวกันเป็ นสิ่ งที่
เป็ นไปไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลพม่าจึงเลือกลาดับความสาคัญในการ
ปราบปรามเป็ นพื้นที่ไป ในขณะที่ปราบปรามพื้นที่หนึ่ง อีกพื้นที่หนึ่งจึง
มีโอกาสสร้างเสริ มความเข้มแข็งในขณะที่ปลอดภารกิจด้านสงคราม ใน
กรณี น้ ีเกิดขึ้นกับชนกลุ่มน้อยบริ เวณชายแดนไทย ซึ่งปลอดสงคราม กับ
พม่าในช่วงปี 1962-1989 เนื่องจากรัฐบาลพม่าหันไปทุ่มเทกาลังต่อสู ้
ให้กบรัฐฉาน กลุ่มพรรคมอญใหม่ของมอญ และกลุ่มสหภาพแห่งชาติ
ั
กะเหรี่ ยง จึงสมารถพัฒนากองกาลังของตนเองจนเข้มแข็ง
- 9. 4.)การเสริ มสร้างความเข้มแข็งของกาลังกลุ่มพรรคมอญใหม่และ
สภาพกะเหรี่ ยง กระทาโดยใช้โอกาสจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิด
พรมแดนไทย และการถมช่องว่างของตลาดมืดของพม่า อันเกิดจาก
สภาวะขาดแคลนสิ นค้าประเภทอุปโภคบริ โภคด้วยขบวนการลักลอบ
ค้าขายกองกาลังชนกลุ่มน้อยสามารถสร้างเครื อข่ายทางด้านการค้ากับ
พ่อค้าไทยในฝั่งไทย และพ่อค้าจากฝั่งพม่าที่ตองผ่านเข้า – ออกอาณา
้
บริ เวณของตน สามารถสร้างความร่ ารวยให้กองกาลังของตนจาก
ขบวนการค้านอกกฎหมายนี้ เครื อข่ายอันแน่นเหนียวและเต็มไปด้วย
่
ผลประโยชน์น้ ียากต่อการทาลาย ถึงแม้วารัฐบาลพม่าจะเจรจาสงบศึกกับ
กลุ่มมอญและสยบอิทธิพลของกลุ่มกะเหรี่ ยงได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่
สามารถทาลายล้างเครื อข่ายของธุรกิจนอกกฎหมายนี้ได้ และเครื อข่ายนี้
พร้อมที่จะกลับมามีบทบาทได้หากสถานการณ์อานวย
- 10. 5.)รัฐบาลพม่าได้พยายามเข้ามาจัดระเบียบชายแดนใหม่ดวยการ ้
่
พัฒนาทางด้านกายภาพของเมืองหน้าด่านที่อยูประชิดชายแดนไทย
พร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงระเบียบด้านการการค้าชายแดนให้เข้าระบบ
มากขึ้น หลังจากสามารถจัดการปัญหากับชนกลุ่มน้อยได้แล้วในระดับ
หนึ่งแต่ในภาคปฏิบติรัฐบาลพม่าไม่สามารถทาลายอิทธิพลด้านการเมือง
ั
ของกองกาลังชนกลุ่มน้อยได้โดยเด็ดขาด เพราะกองกาลังชนกลุ่มน้อย
ได้ทาหน้าที่เป็ นผูคุมครองและจัดสรรผลประโยชน์ให้กบชุมชนใน
้้ ั
ท้องถิ่นของตนเป็ นเวลาช้านาน ประกอบกับการที่เห็นเพื่อร่ วมเผ่าพันธุ์
ต้องเผชิญชะตากรรมจากการปราบอันโหดร้อยของทหารพม่า ทาให้เกิด
ความเห็นอกเห็นใจ และความภัคดีในองค์กรและกองกาลังที่คุมครองอยู่ ้
ในบริ เวณนั้นความจริ งข้อนี้เป็ นสิ่ งที่รัฐบาลพม่าไม่อาจปฏิเสธ ประเด็น
สาคัญจึงอยูท่ีรัฐบาลพม่าจะปฏิบติต่อองค์กรกองกาลังชนกลุ่มน้อย
่ ั
อย่างไร เพื่อให้เกิดความสมดุลทางอานาจ แทนการกาจัดให้หมดสิ้ นไป
- 11. 6.)รัฐบาลพม่าได้ปฏิรูปโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจ โดย
มีการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เคร่ งครัดลง และเปิ ดโอกาสให้เอกชนเข้ามา
มีส่วนร่ วมในการค้าการลงทุนมากยิงขึ้น หลังจากที่ปิดโอกาสมากว่า 26
่
ปี ของระบบสังคมนิยมวิถีพม่า แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังคงรักษา
ระบบการปกครองระบอบเผด็จการทหารอย่างเคร่ งครัดนโยบายที่ผอน ่
คลายกฎเกณฑ์ทางด้านเศรษฐกิจมิใช่นโยบายหลัก หากเป็ นนโยบายรอง
ั
ที่ตองหลีกทางให้กบนโยบายทางการเมือง ซึ่งหมายความว่า หากรัฐบาล
้
พม่าเห็นว่าการเปิ ดเสรี ทางการค้าและการลงทุนจะทาให้สูญเสี ยอธิปไตย
ทางการปกครอง หรื อมีนยที่จะบันทอนความมันคงของชาติ รัฐบาลพม่า
ั ่ ่
ย่อมเลือกการรักษาความมันคงของชาติเป็ นสาคัญเสมอ
่
- 12. ผลกระทบ
การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บริ เวณชายแดนไทย-พม่า ในช่วงปี
1988-1997 จะเห็นได้ชดว่ามีการเปลี่ยนแปลงใน 2 ประเด็นหลัก คือ
ั
ประเด็นทางด้านการเมือง และประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ
1.ด้ านการเมือง
กองกาลังชนกลุ่มน้อยบริ เวณชายแดนไทยถูกลดบทบาทลงในกรณี
นี้ ได้แก่กองกาลังของกะเหรี่ ยงในบริ เวณจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามอาเภอ
แม่สอดของไทย และกองกาลังของมอญในบริ เวณรัฐมอญตรงข้าม
อาเภอสังขละบุรีถูกแทนที่โดยกองกาลังทหารพม่า
- 13. ดังนั้น อานาจในการตัดสิ นใจต่อกรณี เหตุการณ์ต่างๆ ในบริ เวณดังกล่าว
่
จึงอยูที่ฝ่ายทหารพม่าซึ่งเป็ นตัวแทนของรัฐบาล เท่ากับเป็ นการคืน
ั
อานาจการปกครองในบริ เวณนี้ให้กบฝ่ ายรัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่า
อานาจในท้องถิ่นจะหมดไปโดยสิ้ นเชิง ในทางกลับกัน อาจกล่าวได้วา ่
อานาจและอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยที่มีต่อชุมชนในบริ เวณนั้น ยังคงมี
่
อยูอย่างสมบูรณ์
2. มีการปรับเปลี่ยนกลไกอานาจหน้าที่ และบทบาทขององค์กรทาง
เศรษฐกิจและการค้า จากระบบควบคุมการวางแผนจากส่ วนกลาง และ
กระจายอานาจสู่ระดับท้องถิ่นมากขึ้น
- 14. เนื่องจากรัฐบาลพม่าเป็ นรัฐบาลรวมศูนย์อานาจ รัฐบาลท้องถิ่น
และนายทหารซึ่งควบคุมดูแลในบริ เวณท้องถิ่นไม่มีอานาจเบ็ดเสร็ จใน
การตัดสิ นใจ โดยทางปฏิบติแล้วเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นและภูมิภาค
ั
่ ้
จาเป็ นต้องฟังนโยบายจากรัฐบาลกลางที่ยางกุงเสมอ จึงทาให้เกิดความ
ล่าช้าในการตัดสิ นใจในประเด็นของท้องถิ่น จึงจาเป็ นต้องเสนอเรื่ องต่อ
หน่วยเหนือเพือให้มีการตัดสิ น ทาให้หลายกรณี ที่มีความเกี่ยวข้องกับ
่
ไทยในบริ เวณชายแดนต้องเวลานานในการพิจารณา และในหลายกรณี
เป็ นข้ออ้างสาหรับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นในการพิจารณาตัดสิ น
- 15. 2.)ด้ านเศรษฐกิจ
จากการที่รัฐบาลพม่าใช้มาตรการเข้มงวดปิ ดบริ เวณชายแดนด้วย
การส่ งทหารเข้าประจาทุกจุดที่เข้าข่ายเป็ นเส้นทางลาเลียงสิ นค้าจากไทย
สู่พม่า แต่เนื่องจากความต้องสิ นค้าไทยของชาวพม่ามีค่อนข้างสู ง เมื่อ
พ่อค้าพม่าไม่สามารถนาเข้าสิ นค้าไทยได้ตามวิถีการค้าในระบบ ทาให้
สิ นค้าไทยขาดแคลนและมีความต้องการสภาวะเช่นนี้เป็ นแรงจูงใจให้
เกิดขบวนการลักลอบนาเข้าสิ นค้าไทย กอปรกับชายแดนบางด้านเช่น
จังหวัดเมียวดี ยังคงมีอิทธิพลของกองกาลังกะเหรี่ ยงหลงเหลืออยู่
ั
ขบวนการลักลอบนาเข้าสิ นค้าก็จะต้องไปสานสัมพันธ์กบกองกาลังของ
่
กะเหรี่ ยงเหมือนในอดีตที่ผานมา และหากสถานการณ์ยงคงเป็ นเช่นนี้
ั
ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกระทังกองกาลังกะเหรี่ ยงสามารถฟื้ นฟูองค์กร
่
ของตนด้วยรายได้จากขบวนการลักลอบค้า
- 17. อ้างอิง
• พรพิมล ตรี โชติ . 2541. ปั ญหาชนกลุ่มน้ อยตามชายแดนไทย-
พม่ า : ศึกษาผลกระทบที่มีต่อการค้ า
• ระหว่ างประเทศไทยกับสหภาพพม่ า. กรุงเทพ : สถาบันเอเชีย
ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
• สืบค้ นจาก http://webcache.googleusercontent.com/search?q=.
ออนไลน์ [2-8-2011]
• สืบค้ นจาก http://www.ryt9.com/s/bmnd/1026282.
ออนไลน์ [2-8-2011]
• สืบค้ นจาก http://prachatai.com/journal/2008/04/16490.
ออนไลน์ [2-8-2011]