เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประวัติที่แน่นอนไม่มีการบัน
- 1. เปตองเปนกีฬากลางแจงประเภทหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแตดกดําบรรพ ประวัติที่แนนอนไมมการบันทึกไว แตมีหลักฐานจากการ
ึ ี
เลาสืบตอๆ กันมาวา กําเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ เมื่อประมาณ 2,000 ปกอนคริสตกาล โดยเก็บกอนหินที่เปนทรง
กลมจากภูเขาและใตทะเลมาเลนกัน ตอมากีฬาประเภทนี้ไดแพรหลายเขามาในทวีปยุโรป เมื่ออาณาจักรโรมันครอง
อํานาจและเขายึดครองดินแดนของชนชาวกรีกไดสําเร็จ ชาวโรมันไดใชการกีฬาประเภทนี้เปนเครื่องทดสอบกําลังขอมือ
และกําลังกายของผูชายในสมัยนัน
้
ตอมาเมื่ออาณาจักรโรมันเขายึดครองดินแดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่เศสในปจจุบัน ชาวโรมันก็ไดนําเอาการเลนลูกบูล
ประเภทนี้เขาไปเผยแพรทางตอนใตของประเทศฝรั่งเศส การเลนลูกบูลจึงไดพัฒนาขึ้นโดยเปลี่ยนมาใชไมเนื้อแข็งถากเปน
รูปทรงกลมแลวใชตะปูตอกรอบๆ เพื่อเพิ่มน้ําหนักของลูกใหเหมาะกับมือ
ในยุคกลางประมาณ ค.ศ. 400-1000 การเลนลูกบูลนี้จึงเปนที่นยมเลนกันแพรหลายในประเทศฝรั่งเศษ ครั้นพอสมัยของ
ิ
พระเจาหลุยสที่ 14 พระองคไดทรงประกาศสงวนกีฬาการเลนลูกบูลนี้ไวสําหรับผูสูงเกียรติ และใหเลนไดเฉพาะ
พระราชสํานักเทานั้น
ตอมาในสมัยพระเจานโปเลียนมหาราชขึ้นครองอํานาจพระองคไดทรงประกาศใหม ใหการเลนลูกบูลนี้เปนกีฬาประจําชาติ
ของฝรั่งเศสและเปดโอกาสใหประชาชนทัวๆ ไป ไดเลนกันอยางเสมอภาคทุกคน การเลนลูกบูลนี้จงไดมีการพัฒนาขึ้น
่ ึ
เรื่อยๆ ตลอดมา เชน โดยการนําเอาลูกปนใหญทใชแลวมาเลนกันบางอยางสนุกสนามและเพลิดเพลิน จนมีการตังชื่อ
ี่ ้
เกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเลนอยางมากมายตางๆ กัน เชน บูลเบร-รอตรอง, บูลลิโยเนส, บูลเจอร เดอรลอง และบลู-โปรวัง
ซาล เปนตน
ในปลายศตวรรษที่ 19 ประเทศฝรั่งเศสก็ไดเปนประเทศแรกของโลกที่ไดออกกฎเกณฑขอบังคับกติกาการเลนกีฬาลูกบูล
โปรวังซาลขึ้น โดยใหวง 3 กาวกอนโยนลูกบูล การเลนกีฬาประเภทนี้จึงเปนที่นิยมเลนกันอยางแพรหลายทั่วไปในประเทศ
ิ่
ฝรั่งเศส และมีการแขงขันชิงแชมปกันขึ้นโดยทั่วไป
จนถึงตนศตวรรษที่ 20 ในป ค.ศ. 1910 ตําบลซิโอตาท เมืองทามารแชรด ซึงอยูทางตอนใตของฝรังเศส การเลนกีฬาลูก
่ ่
บูล-โปรวังซาลไดมีการเปลี่ยนแปลงกติกาการเลนขึ้นใหม โดยนายจูลร-เลอนัวร ซึ่งเปนผูมีฝมือในการเลนกีฬาลูกบูล-โปร
วังซาลเกงกาจที่สุดในขณะนั้น และไดเปนแชมปโปรวังซาลในยุคนั้นดวยแตไดประสบอุบัติเหตุอยางรายแรงจนขาทังสอง
้
- 2. ขางพิการเดินไมไดไมสามารถจะเลนกีฬาโปรวังซาลเหมือนเดิมได ตองนั่งรถเข็นดูเพื่อนๆ เลนกันอยางสนุกสนาน โดยที่
ตนเองไมมีโอกาสไดรวมเลนเลย
วันหนึ่งขณะที่นายจูลร เลอนัวร ไดนั่งรถเข็นมองดูเพื่อนๆ เลนเกมโปรวังซาลอยางสนุกสนานอยูนั้น นองชายเห็นวาพี่ชายมี
อาการหงอยเหงาเปนอยางมาก นองชายของเขาจึงไดคิดดดแปลงแกไขกตกาการเลนขึ้นใหม โดยการขัดวงกลมลงบนพื้น
ั ิ
แลวใหผูเลนเขาไปยืนในวงกลม ใหขาทังสองยืนชิดติดกัน ไมตองวิ่งเหมือนกีฬาโปรวังซาล ทั้งนี้โดยมีเพื่อนๆ และญาติของ
้
นาย จูลร เลอนัวร ใหการสนับสนุนอยางเต็มที่ นายจูลร เลอนัวร จึงไดมีโอกาสรวมเลนกีฬาบูล-โปรวังซาล ที่ดัดแปลงขึ้น
ใหมนี้อยางสนุกสนามและเพลิดเพลินเหมือนเดิม
เกมกีฬาบูล-โปรวังซาล ที่ดัดแปลงขึ้นใหมนี้ไดกําหนดขึ้นโดยมีสมาชิกครั้งแรกประมาณ 50 คน พวกเขาพยายาม
ประชาสัมพันธเพื่อเผยแพรเกมใหมเปนเวลาถึง 30 ป จึงไดมีสมาชิกเพิมขึ้นเปนลําดับ หลังจากนั้นก็ไดแพรหลายเขาสู
่
นักกีฬา นักการเมือง และขาราชการประจําในราชสํานัก จนในที่สดก็ไดมีการกอตั้ง "สหพันธ เปตองและโปรวังซาล" ขึ้นใน
ุ
ป ค.ศ.- 1938 จากนั้นจํานวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแสนๆ คน มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ ทุกวัยเขาเปนสมาชิก ลูกบูลที่ใชเลน
ก็มีการคิดคนทําเปนลูกโลหะผสมเหล็กกลา ขางในกลวง การเลนจึงมีความสนุกสนานเราใจยิงขึ้นกวาเดิม
่
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในป ค.ศ. 1945 การเลนกีฬาลกบูล-โปรวังซาลที่ไดดัดแปลงแกไขใหมนี้ไดรับความนิยมเลนมาก
ู
ขึ้น และไดแพรหลายไปตามหัวเมืองตางๆ อยางรวดเร็วทัวประเทศฝรั่งเศส ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรังเศสอีก
่ ่
ดวย การเลนกีฬาลูกบูลนี้ไดแบงแยกการเลนออกไดเปน 3 ประเภทคือ
1. ลิโยเนล
2. โปรวังชาล (วิ่ง 3 กาวแลวโยน)
3. เปตอง (ที่นิยมเลนในปจจุบัน)
กีฬาเปตองจัดแขงขันชนะเลิศแหงโลกขึ้นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.-1959 ที่เมืองสปา ประเทศเบลเยียม นักเปตองจากประเทศ
ฝรั่งเศสไดครองตําแหนงชนะเลิศ
- 3. ปจจุบันกีฬาเปตองเปนที่นิยมเลนกันอยางแพรหลายเกือบทุกประเทศในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย สําหรับในประเทศ
ในทวีปเอเชีย ประเทศไทยนับเปนประเทศหนึ่งที่มีผูนิยมเลนกันอยางแพรหลายและกวางขวางมากในปจจุบัน
วิธีการเลน
ขอ 1.
เปตองเปนกีฬาทีเ่ ลนไดกับสนามทุกสภาพ ยกเวนพื้นคอนกรีตพื้นไม และพื้นดินที่มีหญาขึ้นสูง โดยมีคณะกรรมการจัดการ
แขงขันหรือผูตัดสินเปนผูกาหนด ผูเลนทุกทีมตองเลนในสนามที่กาหนดใหสาหรับการแขงขันชิงชนะเลิศระดับชาติและ
ํ ํ ํ
นานาชาติสนามตองมีขนาดกวาง 4 เมตร ยาว 15 เมตร เปนอยางนอย
1.1 สวนการแขงขันอื่น ๆ สมาคมฯ อาจอนุโลมใหเปลี่ยนแปลงขนาดของสนามไดตามความจําเปนและความเหมาะสม
แตตองมีขนาดกวาง 3.50 เมตร และยาว 13 เมตร เปนอยางนอย
1.2 เกมหนึ่งกําหนดใหใช 13 คะแนน สําหรับการแขงขันในรอบแรกและรอบตอ ๆ ไป (จะใชเพียง 11 คะแนนก็ได)
สําหรับชิงชนะเลิศในระดับนานาชาติหรือแหงชาติใหใช 15 คะแนน
ขอ 2
ผูเลนทุกคนตองลงสูสนามแขงขันตามเวลาทีกําหนดใหและทําการเสี่ยงวาฝายใดจะเปนฝายโยนลูกเปา
่
2.1 ผูเลนคนหนึ่งคนใดในทีมซึงเปนฝายชนะในการเสี่ยงเปนผูโยนลูกเปาเมื่อเลือกจุกเริ่มแลวใหเขียนวงกลมบนพื้นมี
่
ขนาดพอที่เทาทั้งสองขางเขาไปยืนอยูได (เสนผาศูนยกลาง ระหวาง 0.35-0.50 เมตร) วงกลมนั้นจะตองหางจากสิ่งกีด
ขวางตาง ๆ และเสนสนามไมนอยกวา 1 เมตร สําหรับการแขงขันในสภาพสนามที่ไมมีขอบเขตของสนามใหเขียนวงกลม
หางจากวงกลมของสนามอื่นไมนอยกวา 2 เมตร
2.2 ผูที่เตรียมเลนจะตองอยูภายในวงกลมหามเหยียบเสนรอบวง หามยกเทาพนพื้น และหามออกจากวงกลมกอนที่
ลูกเปตองจะตกลงพื้นสวนอื่นรางกายจะถูกพื้นนอกวงกลมไมไดเวนแตคนขาพิการซึ่งไดรับอนุญาตเปนกรณีพิเศษใหวาง
เทาขางเดียวในวงกลมได สวนนักกีฬาพิการที่ตองนั่งรถเข็นใหขีดวงกลมรอบลอรถเข็นไดและที่วางเทาของรถเข็นตองให
อยูสูงเหนือขอบวงกลม
2.3 ผูเลนคนหนึ่งคนใดในทีมซึงเปนผูโยนลูกเปา ไมบังคับวาจะตองเปนผูโยนลูกเปตองลูกแรกเสมอไป
่
2.4 ในกรณีที่สนามไมดี (ชํารุด) หามผูเลนตกลงกันเองแขงขันสนามอื่นโดยไมไดรับอนุญาตจากผูตัดสิน
- 4. ขอ 3.
ลูกเปาที่โยนไปแลวถือวาดีตองมีกฎเกณฑ ดังนี้
3.1 มีระยะหางระหวางขอบวงกลมดานใกลที่สุดถึงลูกเปา
ก. ไมนอยกวา 4 เมตร และไมเกน 8 เมตร สําหรับเด็กเล็ก (อายุไมเกิน 12 ป)
ิ
ข. ไมนอยกวา 5 เมตร และไมเกน 9 เมตร สําหรับเด็กเล็ก (อายุไมเกิน 13- 14 ป)
ิ
ค. ไมนอยกวา 6 เมตร และไมเกน 10 เมตร สําหรับเยาวชน (อายุไมเกิน 15- 17 ป)
ิ
ง. ไมนอยกวา 6 เมตร และไมเกน 10 เมตร สําหรับผูใหญ (ไมจากัดอายุ)
ิ ํ
3.2 วงกลมตองอยูหางจากสิงกีดขวางตาง ๆ และเสนเขตสนามหรือเสนฟาลวไมนอยกวา 1 เมตร
่
3.3 ตําแหนงลูกเปาตองอยูหางจากสิ่งกีดขวางตาง ๆ และเสนเขตสนามไมนอยกวา 1 เมตร
3.4 ลูกเปาจะตองอยูในตําแหนงที่มองเห็นไดอยางชัดเจน ขณะยืนตัวตรงอยูในวงกลม (ถามีการโตแยงในกรณีนี้ใหผู
ตัดสินเปนผูชี้ขาด)
3.5 การโยนลูกเปาในเที่ยวตอ ๆ ไป ใหเขียนวงกลมรอบตําแหนงลูกเปาที่อยูในเที่ยวที่แลวเวนแตกรณีดังนี้
ก. วงกลมมีระยะหางจากสิงกีดขวางและเสนสนามนอยกวา 1 เมตร ในกรณีนี้ ผูเลนตองเขียนวงกลมใหหางจากสิ่งกีด
่
ขวางและเสนเขตสนามทีกติกาไดกําหนดไว
่
ข. โยนลูกเปาไมไดระยะตามทีกติกากําหนดไว แมจะโยนไปในทิศทางใดก็ตาม กรณีนี้ผูเลนสามารถถอยหลังไดตามแนว
่
ตรง (ตงฉาก) จากตําแหนงเดิมของลูกเปาในเทียวที่แลว แตทั้งนีวงกลมนั้นจะถอยหลังไดไมเกินระยะการโยน ตามที่กติกา
ั้ ่ ้
กําหนดไวโดยใหนับจากเสนฟาลว (Dead Bal Line) ดานบนจนถึงเสนขอบวงกลมดานใกลสุด
- (ถาไมมีเสนฟาลว ใหนับจากเสนสนามดานบนจนถึงขอบวงกลม ไมเกิน 11 เมตร)
ค. ลูกเปาที่อยูในระยะการโยนหรือเลนได แตผูเลนฝายที่มีสิทธิ์โยนลูกเปาไมประสงคจะเลนในระยะนั้น ๆ กรณีนี้ผูเลน
สามารถถอยหลังตามแนวตรง (ตั้งฉาก) จากตําแหนงจากเดิมของลูกเปาในเทียวที่แลวไดตามความพอใจ แตทั้งนี้วงกลม
่
นั้นจะถอยหลังไดไมเกินระยะการโยน ตามที่กตกากําหนดไวโดยใหนับจากเสนฟาวล (Dead Bal Line) ดานบนจนถึงเสน
ิ
ขอบวงกลมดานใกลสุด
- (ถาไมมีเสนฟาลว ใหนับจากเสนสนามดานบนจนถึงขอบวงกลม ไมเกิน 11 เมตร)
- 5. ง. ผูเลนฝายเดียวกันโยนลูกเปาไปแลว 3 ครั้ง ยังไมไดดีตามกติกากําหนดจะตองเปลียนใหผูเลนฝายตรงกันขามเปนผูโยน
่
ซึ่งมีสิทธิ์โยนได 3 ครั้ง เชนเดียวกัน และอาจยายวงกลมถอยหลังไดตามแนวตรง (ตังฉาก) แตทั้งนีวงกลมนั้นจะถอยหลัง
้ ้
ไดไมเกินระยะการโยน ตามที่กตกากาหนดไวโดยใหนับจากเสนฟาลว (Dead Bal Line) ดานบนจนถึงเสนขอบวงกลม
ิ ํ
ดานใกลสุด (ถาไมมเี สนฟาลวใหนับจากเสนสนามดานบนจนถึงขอบวงกลม ไมเกิน 11 เมตร) วงกลมที่เขียนขึ้นใหมนั้นจะ
เปลี่ยนแปลงอีกไมได แมวาผูเ ลนของทีมหลังนี้จะโยนลูกเปาไมดีทง 3 ครั้ง ก็ตาม
ั้
จ. ถึงแมทมที่โยนลูกเปา 3 ครั้งแรกโยนไดไมดีตามที่กตกากําหนดก็ตาม แตทีมที่โยนลูกเปาครั้งแรกนั้นยังมีสิทธิเ์ ปนฝาย
ี ิ
โยนลูกเปตองลูกแรกอยู
ขอ 4.
ลูกเปาที่โยนไปแลวถูกผูตัดสิน ผูเลน ผูดู สัตวหรือสิ่งที่เคลื่อนที่อื่น ๆ แลวหยุด ใหนํามาโยนใหมโดยไมนับรวมอยูในการ
โยน 3 ครั้งที่ไดกาหนดไว
ํ
4.1 หลังจากการโยนลูกเปาและลูกเปตองลูกแรกไปแลวฝายตรงกันขามยังมีสิทธิ์ประทวงวาดวยตําแหนงของลูกเปานั้น
ได ใหเริ่มโยนและลูกเปตองใหม
4.2 ถาฝายตรงกันขามไดโยนลูกเปตองไปดวยแลว 1 ลูก ใหถือวาตําแหนงลูกเปานั้นดี และไมมีสิทธิ์ประทวงใด ๆ ทั้งสิ้น
ขอ 5.
ลูกเปาที่โยนไปแลวถือวาฟาลว มี 5 กรณีดังนี้
5.1 เมื่อลูกเปาที่โยนไปแลวไมไดตําแหนงทีถูกตองตามที่กาหนดไวในขอ 7
่ ํ
5.2 เมื่อลูกเปาเคลื่อนที่ออกนอกเสนฟาลว แตลูกเปาคาบเสนยังถือวาดี ลูกเปาทีถือวาฟาลว คือลูกเปาที่ออกเสนฟาลว
่
เทานั้น
5.3 เมื่อลูกเปาเคลื่อนที่ไปแลว ผูเลนไมสามารถมองเห็นจากวงกลมตามที่กําหนดไวในขอ 7.4 แตถาลูกเปาถูกลูกเป
ตองบังอยูไมถือวาฟาลว ทั้งผูตัดสินมีสิทธิ์ที่จะยกลูกเปตองที่บงอยูออกชัวคราวเพื่อตรวจสอบวา ลูกเปานั้นมองเห็นได
ั ่
ชัดเจนหรือไม
5.4 เมื่อลูกเปาเคลื่อนที่ไป มีระยะหางจากวงกลมเกินกวา 20 เมตร หรือนอยกวา 3 เมตร
5.5 เมื่อลูกเปาเคลื่อนที่ไปแลว หาไมพบภายใน 5 นาที
ขอ 6.
- 6. กอนหรือหลังการโยนลูกเปา หามผูเลนปรับพื้นที่หรือเคลื่อนยายสิ่งตาง ๆ เชน กรวด หิน ดิน ทราย ใบไม ฯลฯ ในบริเวณ
สนามแขงขันโดยเด็ดขาด เวนแตผูเตรียมตัวจะลงเลนเทานั้นที่มีสทธิ์ปรับสนามที่มีหลุมซึงเกิดจากการโยนลูกเปตองของผู
ิ ่
เลนคนที่แลว และอาจใชลกเปตองปรับหลุมนั้นไดไมเกิน 3 ครั้ง ผูเลนที่ฝาฝนกฎตองลงโทษดังนี้
ู
6.1 ถูกเตือน
6.2 ปรับลูกที่เลนไปแลวหรือลูกที่กําลังจะเลนเปนลูกฟาลว
6.3 ปรับเฉพาะผูกระทําผิด ใหงดเลน 1 เที่ยว
6.4 ปรับเปนแพทั้งทีม
6.5 ปรับใหแพทั้ง 2 ทีม ถากระทําผิดเหมือนกัน หรือสมรูรวมคิดกัน
ขอ 7.
ในระหวางการเลนแตละเที่ยว หากมีใบไม กระดาษหรือสิ่งอื่น ๆ มาบังลูกเปาโดยบังเอิญใหเอาออกได
7.1 เมื่อลูกเปาหยุดนิ่งแลวและเคลื่อนที่ไปใหมโดยแรงลมพัดหรือจากการลาดเอียงของพื้นสนาม จะตองนํากลับมาวาง
ที่ตําแหนงเดิม
7.2 เมื่อลูกเปาเคลื่อนที่โดยอุบติเหตุอันเกิดขึ้นจากผูตัดสิน ผูดู สัตว สิ่งเคลื่อนที่อื่น ๆ รวมทังลูกเปาหรือลูกเปตองที่
ั ้
เคลื่อนที่มาจากสนามอื่นใหนําลูกเปานั้นมาวางที่ตําแหนงเดิม ทั้งนี้ตองเครื่องหมายกําหนดจุดเดิมของลูกเปา
7.3 เพื่อหลีกเลี่ยงการประทวงทั้งปวง ผูเลนควรทําเครื่องหมายบนพื้นสนามตามตําแหนงของลูกเปาหรือลูกเปตองไว
มิฉะนั้นจะไมมีสิทธิ์ประทวงใด ๆ ทั้งสิ้น
7.4 ลูกเปาที่อยูบนพื้นสนามซึงมีน้ําขังอยูถือวาดี หากลูกเปานันยังไมลอยน้ํา
่ ้
ขอ 8.
ในระหวางการเลนแตละเที่ยวหากลูกเปาเคลื่อนที่ไปอยูอีกสนามหนึ่ง ใหถือวาลูกเปานั้นยังดีอยู
8.1 ถาสนามนั้นมีการแขงขันอยู ฝายที่ตองใชลกเปานั้นจะตองหยุดรอเพื่อคอยใหผูเลนที่กาลังเลนอยูในสนามนั้นเลน
ู ํ
จบกอน
8.2 ผูเลนที่มีปญหาตามขอ 12.1 จะตองแสดงออกถึงความมีน้ําใจ ความอดทน และความเอื้ออารีตอกัน
ขอ 9.
- 7. ในระหวางการเลนแตละเที่ยว ถาลูกเปาเกิดฟาลวใหปฏิบัตตามกฎขอยอยดังนี้
ิ
9.1 ถาผูเลนทั้งสองฝายมีลูกเปตองเหลืออยู การเลนเทียวนั้นถือวาโมฆะ ตองเริมเลนใหมที่ดานตรงขาม
่ ่
9.2 ถาฝายหนึ่งฝายใดมีลูกเปตองเหลืออยูเพียงฝายเดียวฝายนั้นจะไดคะแนนเทากับจํานวนลูกเปตองที่เหลืออยูโดยไม
ตองเลนและจะเริ่มเลนใหมทดานตรงขาม
ี่
9.3 ถาทั้งสองฝายหมดลูกเปตองเหมือนกัน ใหเริ่มเลนใหมทดานตรงขามโดยใหทีมที่คะแนนเที่ยวที่เปนฝายโยนลูกเปา
ี่
ขอ 10.
ลูกเปาที่ถกยิงแลวเคลื่อนที่ไปจากตําแหนงเดิม
ู
10.1 ถาลูกเปาที่ยงแลวเคลื่อนที่ไปถูกผูดูหรือผูตัดสินแลวหยุด ใหลูกเปานั้นอยูในตําแหนงใหม
ิ
10.2 ถาลูกเปาที่ยงแลวเคลื่อนที่ไปถูกผูเลนคนหนึ่งคนใดแลวหยุด ฝายตรงขามที่ทําใหลูกเปาหยุด มีสิทธิ์เลือกปฏิบัติ
ิ
ตามกฎขอยอยดงนี้
ั
ก. ใหลูกเปาอยูในตําแหนงใหม
ข. นําลูกเปามาวางที่ตําแหนงเดิม
ค. วางลูกเปาตามแนวยาวระหวางตําแหนงเดิมกับตําแหนงใหมแตตองอยูใหมแต ตองอยูในพื้นทีที่กําหนดไวในกติกาแลว
่
เริ่มเลนตอไปตามปกติ
10.3 กรณีตามขอ 14.2 (ข) และ (ค) จะกระทําไดตอเมื่อผูเลนไดทําเครื่องหมายที่ตาแหนงลูกเปาไวเทานั้น มิฉะนั้น
ํ
จะตองใหลูกเปาอยูในตําแหนงใหม
ขอ 11.
ในระหวางการเลนแตละเที่ยวหากลูกเปาเคลื่อนที่ไปอยูในสนามอืนถือวายังดีอยู ในเที่ยวตอไปจะตองมาเลนที่สนามเดิม
่
ดานตรงกันขาม แตตองเปนไปตามที่กาหนดไวในกติกาขอ 7
ํ
การวัดระยะและการวัดคะแนน
ขอ 1.
- 8. ในการวัดคะแนนอนุญาตใหโยกยายลูกเปตองที่เกียวของไดแตตองทําเครื่องหมายทีมีตําแหนงสิ่งนั้น ๆ ไวกอนโยกยาย
่ ่
เมื่อการวัดคะแนนเสร็จสิ้นลง ใหนําทุกสิ่งที่โยกยายไปนั้นกลับมาวางที่ตําแหนงเดิมทั้งหมดถาสิ่งกีดขวางที่มีปญหานั้นไม
อาจโยกยายไดใหใชวงเวียนทาการวัด
ํ
ขอ 2.
ในการวัดคะแนนระหวางลูกเปตอง 2 ลูก ซึ่งอยูใกลเคียงกันมาก ผูเลนคนหนึ่งไดวัดไปแลว และบอกวาตนได ผูเลนฝาย
ตรงกันขามมีสิทธิ์ทจะวัดใหม เพือความแนใจและถูกตอง (สวนอุปกรณการวัดที่ตองเปนอุปกรณที่ไดมาตรฐาน หามวัด
ี่ ่
โดยการนับระยะเทา ) เมื่อทังสองฝายไดคะแนนแลวหลายครั้งยังตกลงกันไมไดตองใหผูตัดสินเปนผูวัดเพื่อตัดสิน และผล
้
การตัดสินถือเปนที่สิ้นสุด และหากผูเลนเปนฝายฝาฝนกติกาขอนี้ใหผูตัดสินตักเตือน 1 ครั้ง หากยังฝาฝนอีกใหปรับเปน
แพ
ขอ 3.
เมื่อเสร็จสิ้นการแขงขันแตละเทียวลูกเปตองทุกลูกทีถูกนําออกกอนการวัดคะแนน ใหถือวาเปนลูกฟาลวและไมมีสิทธิ์
่ ่
โตแยงใด ๆ ทั้งสิ้น
ขอ 4.
ถาผูเลนฝายหนึงฝายใดทําการวัดคะแนนแลว ไปทําใหลูกเปาหรือเปตองทีมีปญหานั้นเคลื่อนที่ จะตองเปนฝายเสีย
่ ่
คะแนนนั้นและในการวัดแตละครั้งตองใหผูเลนของทีมที่ทําใหลูกเปตองเกิดปญหาทําการวัดทุกครัง ในการวัดคะแนนแต
้
ละครั้ง กอนทําการวัดผูตัดสินตองทําการคาดคะเนเสียกอนวาลูกใดเปรียบและถาไดวดไปแลว บังเอิญผูตัดสินไปทําใหเป
ั
ตองหรือลูกเปาเคลื่อนที่ผูตัดสินจะตองทําการวัดใหม และภายหลังการวัดปรากฏวาลูกเปตองที่คาดคะเนวาชนะยังคงชนะ
อยูใหกรรมการตัดสินตามความเปนจริงถาการวัดครั้งใหมแลวปรากฏวาลูกเปตองที่คาดคะเนวาจะชนะกลับแพ ใหผูตัดสิน
ตัดสินดวยความเที่ยงธรรม
ขอ 5.
ในกรณีที่ลูกเปตองของทั้งสองฝายมีระยะหางจากลูกเปาเทากันหรือติดกับลูกเปาทั้ง 2 ลูกใหปฏิบัติตามกฎขอยอย ดังนี้
5.1 ถาทั้งสองฝายหมดลูกเปตองเลนแลว การเลนเที่ยวนั้นถือวาเปนโมฆะ จะตองเริ่มเลนใหมดานตรงขาม โดยผูเลน
ฝายที่ไดคะแนนในเที่ยวที่แลว เปนผูโยนลูกเปา
5.2 ถาฝายหนึ่งฝายใดมีลูกเปตองเหลือเลนอยูเพียงฝายเดียว ฝายนั้นจะตองเลนจนหมดลูกเปตองเพื่อทําคะแนน
เพิ่มเติมตามจํานวนลูกเปตองที่อยูใกลเปามากที่สุด
- 9. 5.3 ถาทั้งสองฝายยังมีลูกเปตองเหลืออยู ฝายที่โยนลูกเปตองทีหลังจะตองเปนฝายเลนลูกตอไป ถาลูกเปตองทั้งสอง
ฝายยังเสมอกันอยูตองเปลี่ยนใหอีกฝายหนึ่งเปนผูเลนและตองสลับกันโยนฝายละ 1 ลูก จนกวาฝายหนึ่งฝายใดจะได
คะแนนแลวเลนตอไปตามปกติ
ขอ 6.
หากมีสิ่งหนึงสิ่งใดเกาะติดกับลูกเปตองหรือลูกเปาจะตองเอาสิ่งนันออกกอนการวัดคะแนนทุกครัง
่ ้ ้
ขอ 7.
การเสนอขอประทวงตอผูตดสินจะกระทําไดในระหวางการแขงขันแตละเกมเทานั้น เมื่อเกมการแขงขันเทานั้น เมื่อเกมการ
ั
แขงขันนั้น ๆ ไดสิ้นสุดลงจะไมมประทวงใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อประโยชนของฝายตน ผูเลนทุกคนตองคอยระมัดระวังการละเมิด
ี
กติกาของฝายตรงขามบัตรประจําตัวนักกีฬา-รุนของผูเลนสนามแขงขัน มาตรฐานของลูกเปตอง เปนตน
ขอ 8.
ในขณะทําการจับสลากและการประกาศผลการจับสลาก ผูเลนทุกคนตองอยูพรอมกันที่โตะอํานวยการ หลังจากการ
ประกาศผลไปแลว 15 นาที ทีมทีไมลงสนามแขงขันจะถูกปรับเสียคะแนนใหแกฝายตรงขาม 1 คะแนน
่
8.1 หากเกินกําหนดเวลา 15 นาทีไปแลว การปรับคะแนนจะทวีเพิ่มขึ้น 1 คะแนน ทุก ๆ 5 นาที
8.2 บทลงโทษตามขอ 32 จะมีผลบังคับหลังจากการประกาศใหเริ่มการแขงขันทุกครั้ง
8.3 หลังจากการประกาศการแขงขันไดผานพนไปแลว 1 ชั่วโมงทีมที่ยังไมไดลงทําการแขงขันจะถูกปรับใหเปนผูแพใน
เกมนั้น
8.4 ทีมที่มีผูเลนไมครบจํานวน ตองลงทําการแขงขันตามเวลาทีกําหนดโดยไมอนุญาตใหรอผูรวมทีมที่มาลาชาและจะ
่
เลนลูกเปตองไดตามจํานวนที่ผูเลนมีสิทธิเทานั้น (ตามประเภทที่แขงขัน)
ขอ 9.
เมื่อมีการแขงขันในเที่ยวนั้นไดเริมเลนไปแลว ผูเลนที่มาลาชาไมมสิทธิ์ลงเลนในเที่ยวนั้น แตอนุญาตใหลงเลนในเที่ยว
่ ี
ตอไปได
9.1 เมื่อการแขงขันในเกมนั้นไดดําเนินไปแลว 1 ชั่วโมง ผูเลนทีมาลาชาหมดสิทธิ์ลงทําการแขงขันในเกมนั้น
่
9.2 ถาการแขงขันนั้นแบงเปนสาย จะอนุญาตใหผเลนที่มาลาชาลงแขงขันในเกมที่ 2 ได ไมวาผลการแขงขันในเกมแรก
ู
จะแพหรือชนะก็ตาม
- 10. 9.3 หากทีมที่มีผูเลนไมครบจํานวนสามารถชนะการแขงขันในเกมนั้นจะอนุญาตใหผูเลนที่มาเลนชาลงแขงขันในเกม
ตอไปได แตตองเปนผูเลนของทีมนั้น และตองมีชื่อถูกตองในในสมัครดวย
9.4 การแขงขันแตละเที่ยวจะถือวาเริ่มขึ้นแลวก็ตอเมื่อลูกเปาที่โยนไปในสนามนั้น ไดตาแหนงถูกตองตามกติกา
ํ
ขอ 10.
การเปลี่ยนตัวผูเลนจะอนุญาตใหกระทําไดกอนจับสลากการแขงขันเทานั้น และตองเปนผูเลนที่ไมมีรายชื่ออยูในทีมอื่น
ของการแขงขันเดียวกัน
ขอ 11.
ในระหวางการแขงขันหากมีฝนตก ใหแขงขันตอไปจนจบเที่ยวเวนแตมีเหตุผลสุดวิสัย ไมสามารถแขงขันตอไปได ผูตัดสิน
และผูชี้ขาดเทานั้นที่มีอานาจใหหยุดการพักการแขงขันชั่วคราวหรือยกเลิกการแขงขัน
ํ
11.1 หลังจากการประกาศเพื่อเริ่มตนการแขงขันในรอบใหมแลว รอบสองหรือรอบตอ ๆ ไป หากยังมีบางทีมและบาง
สนามยังแขงขันไมเสร็จ ผูตัดสินอาจดําเนินการอยางหนึงอยางใดตามทีดีตนเห็นสมควร ดวยความเห็นชอบคณะกรรมการ
่ ่
จัดการแขงขันเพื่อใหการแขงขันนั้นดําเนินไปดวยดี
11.2 ในระหวางการแขงขัน ผูเลนทุกคนจะออกไปจากสนามตองไดรับอนุญาตจากผูตัดสินเสียกอน มิฉะนั้นจะถูก
ลงโทษตามที่กําหนดไวในขอ 32. และ 33.
ขอ 12.
ในการแขงขันรอบชิงชนะเลิศ หรือรอบอื่น ๆ ก็ตาม หามผูเลนทั้งสองฝายสมยอมกันหรือแบงรางวัลกันโดยเด็ดขาด ถาผู
เลนทั้งสองฝายสมยอมกันหรือแบงรางวัลกันโดยเด็ดขาด ถาผูเลนทั้งสองฝายแขงขันกันไมสมศักดิ์ศรี เปนการหลอกลวงผู
ดู ผูควบคุมทีม และผูเลนทั้งสองทีมจะถูกลงโทษใหออกจากการแขงขัน และผลการแขงขันที่ผานมากอนหนานั้นก็ใหถือ
โมฆะดวย นอกจากนั้นแลวผูเลนทั้งสองทีมจะตองถูกพิจารณาลงโทษตามทีกําหนดไวขอ 11. อีกดวย
่
ขอ 13.
ผูเลนที่มีพฤติกรรมอันเปนการผิดมารยาทอยางรุนแรงตอผูควบคุมทีม ผูตัดสิน ผูเลนคน อื่น ๆ หรือผูดู จะถูกลงโทษตาม
สภาพความผิดดงนี้
ั
ก. ใหออกจากการแขงขัน
ข. ถอนใบอนุญาต (บัตรประจําตัวนักกีฬา)
ค. งดใหรางวัลหรือเงินรางวัล
- 11. 13.1 การลงโทษผูเลนที่กระทําผิดอาจมีผลถึงผูรวมทีมดวย
13.2 บทลงโทษ (ก) (ข) เปนอํานาจของผูตัดสิน
13.3 บทลงโทษ (ค) เปนอํานาจของคณะกรรมการจัดการแขงขันที่ทํารายงาน และสงรางวัลที่ยดไวนั้นใหสมาคมฯ
ึ
ทราบภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อพิจารณาตามที่เห็นสมควรตอไป
13.4 การลงโทษทุกกรณี เปนอํานาจของคณะกรรมการบริหารสมาคม ฯ ที่จะพิจารณาเปนขั้นตอนสุดทาย
ขอ 14.
ผูตัดสินทุกคนที่ไดรับการแตงตั้งจากสหพันธฯ เปตองนานาชาติหรือสมาคมเปตองแหงประเทศไทย ฯ มีหนาที่คอย
ควบคุมดูแลใหการแขงขันดําเนินไปอยางมีระเบียบและถูกตองตามกติกาอยางเครงครัด และมีอานาจใหผเู ลนทุกคน หรือ
ํ
ทุกทีมที่ปฏิเสธไมปฏิบัติตามคําตัดสินออกจากการแขงขันได
14.1 หากมีผูซงเปนนักกีฬาในสังกัดสหพันธฯ เปนตนเหตุทําใหเกิดการจลาจลในสนาม แขงขัน ผูตัดสินจะตองรายงาน
ึ่
ใหสหพันธฯ ทราบ ทาสหพันธฯ จะไดเรียกตัวผูกระทําผิดนั้นมาชีแจงตอคณะกรรมการระเบียบวินยเพื่อพิจารณาลงโทษ
้ ั
ตอไป
ขอ 15.
หากกรณีอื่นใดที่มิไดกําหนดไวในกติกาขอนี้เปนหนาที่ของผูตัดสินที่จะตองขอความรวมมือจากคณะกรรมการชี้ขาดการ
แขงขันครังนั้นเพื่อพิจารณาตัดสินผูชี้ขาดตามสมควรแกกรณี (คณะกรรมการชี้ขาดประกอบดวยกรรมการ 3 หรือ 5 คน)
้
15.1 การชี้ขาดของคณะกรรมการ ผูตัดสินชี้ขาดถือเปนการสิ้นสุด ในกรณีมีเสียงเทากันใหประธานกรรมการผูตัดสินชี้
ขาดเปนผูชี้ขาด
15.2 ผูเลนทุกคนจะตองแตงกายใหเรียบรอย การไมสวมเสื้อไมสวมรองเทา ถือวามีความผิด ผูเลนที่ฝาฝนไมปฏิบัติตาม
กฎนี้ ถาผูตัดสินตักเตือน 1 ครั้ง และหากยังเพิกเฉยฝาฝนอีก จะถูกลงโทษใหออกจากการแขงขัน
ขอขอบคุณแหลงขอมูลจาก
http://www.seagames2007.th