Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie Projectcom608029
Ähnlich wie Projectcom608029 (20)
Projectcom608029
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน การนั่งสมาธิฝึกจิตฝึกใจ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นาย ศรัณย์ภัทร สุนันตา เลขที่ 29 ชั้น ม.6 ห้อง 8
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.นาย ศรัณย์ภัทร สุนันตา เลขที่ 29
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
การนั่งสมาธิฝึกจิตฝึกใจ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Meditation and mental
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ศรัณย์ภัทร สุนันตา
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน เดือนกันยายน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในยุคปัจจุบันของเราในวันนี้ผู้คนส่วนมากมักจะทางานหนักนอนดึกกันเป็นจานวนมากซึ่งก็จะตามมีถึงการ
ขาดสติสมาธิในการทางานหรือใช้ชีวิตประจาวันและอาจส่งผลถึงอาการในกลุ่มของคนสมาธิสั้นด้วย การนั่งสมาธิฝึก
จิตใจให้มีความสงบนิ่งก็เป็นการช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ไม่น้อยรวมถึงการได้เรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนาหลักธรรม
เพื่อที่จะนามาปรับใช้กับกับการใช้ชีวิตในสังคมในรูปแบบปัจจุบันได้ดี รวมทั้งการนั่งสมาธินั้นยังจะช่วยทาให้คนเรา
สามารถจัดการกับปัญหาและหาทางออกได้เป็นขั้นตอน ดังนั้นผู้จัดทาเห็นว่าการนั่งสมาธิสามารถลดปัญหา
ความเครียดต่างๆได้ดีและยังเป็นการฝึกทาให้เรามีสมาธิในการทางานการเรียนได้ดี ซึ่งก็จะสอดคล้องกับงานวิจัยและ
ผลสารวจของสถานปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ว่าผู้ที่นั่งสมาธินอกจากจะบริหารจิตแล้วยังช่วยรักษาสมดุลของร่างกายของ
มนุษย์ได้ดีและช่วยในการรักษาโรคต่างๆผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่งสมาธิจะมีปัญญาในการคิดแก้ปัญหาและเป็นผู้ที่มีความคิด
ก้าวหน้า
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาแนวทางในการนั่งสมาธิให้ได้ผลส้มฤทธิ์ที่ดี
2.เพื่อศึกษาการนั่งสมาธิอย่างถูกวิธี
3.เพื่อศึกษาว่าการนั่งสมาธิช่วยทาให้มีสติและลดภาวะสมาธิสั้น
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
โครงงานเรื่องนี้จะช่วยเหลือแก่บุคคลที่สนใจอยากจะฝึกสมาธิเพื่อในการบริหารจิตให้แจ่มใสโดยผู้ที่จะปฏิบัติ
นั้นจะต้องค่อนข้างทีเวลาว่างอย่างน้อยวันละประมาณ30-90นาที
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ในการจัดทาโครงงาศึกษาในครั้งนี้ทางผู้จัดทาได้ศึกษาเอกสารจากเว็บไซด์ดังนี้
1.วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้นจากธดุงคสถานล้านนา
สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากาหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดารงชีวิตประจาวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไป
ด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ดังวิธีปฏิบัติที่พระเดชพระคุณ
หลวงปู่วัดปากน้า ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้เมตตาสั่งสอนไว้ ดังนี้
1.กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวลไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานศีลห้า
หรือศีลแปด เพื่อย้าความมั่นคงในคุณธรรมของตนเอง
2.คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความดีที่ได้กระทาไว้ดีแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่จะตั้งใจ
ทาต่อไปในอนาคต จนราวกับว่าร่างกายทั้งหมดประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความดีล้วนๆ
3.นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
นั่งให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกินไป ไม่ถึงกับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบายคล้าย
กับกาลังพักผ่อน ไม่บีบกล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้ง
กายและใจว่า กาลังเข้าไปสู่สภาวะแห่งความสงบ สบายอย่างยิ่ง
4.นึกกาหนดนิมิต เป็นดวงกลมใส ขนาดเท่าแก้วตาดา ใสบริสุทธิ์ ปราศจากรอยตาหนิใดๆ ขาวใส
เย็นตา เย็นใจ ดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้เรียกว่า "บริกรรมนิมิต" นึกสบายๆ นึกเหมือนดวง
แก้วนั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวล เป็นพุทธานุสติว่า “สัมมา อะ
ระหัง” หรือค่อยๆน้อมนึกดวงแก้วกลมใสให้ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่
ฐานที่หนึ่งเป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆกับคาภาวนา
2.บทสวดมนต์ขณะนั่งสมาธิจากบันทึกของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ
ปริณายก
คานมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบหนหนึ่ง)
สะวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบหนหนึ่ง)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบหนหนึ่ง)
คานอบน้อมพระพุทธเจ้าและระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ หน)
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
- 4. 4
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สา
วะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะ
คะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิ กะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
(กราบสามหน)
ไหว้พระสวดมนต์จบแล้ว นั่งราบ ตั้งใจอธิษฐานเบญจศีล (ศีลห้า) เพื่อให้เกิดศีลขึ้นในจิตใจอันจะเป็นพื้นฐานสาคัญ
ของการปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน โดยการตั้งจิตอธิษฐานงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดเว้นจากการลักขโมย งดเว้น
จากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดมุสา งดเว้นจากการดื่มและเสพสุราของมึนเมาทุกชนิดอันจะเป็นที่ตั้ง
ของความประมาท จากนั้น จึงเริ่มการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไปตามวิธีอันเป็นที่สบายของตน
บทสวดหลังการปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน
หลังการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานแล้ว ควรฝึกพิจารณาข้ออันควรพิจารณาเนือง ๆ (อภิณหปัจจเวกขณะ) พร้อม
ทั้งหัดแผ่พรหมวิหาร คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และแผ่ส่วนกุศลที่ตนได้กระทาแล้วแก่สรรพสัตว์ เป็นการ
เสริมจิตใจให้มีสติไม่ประมาทมัวเมาต่อชีวิต และมีความอ่อนโยนง่ายต่อการที่จะฝึกปฏิบัติในธรรมต่อ ๆ ไปด้วยบท
สวดดังต่อไปนี้
อภิณหปัจจเวกขณะ
พรหมวิหารภาวนา
สัพพปัตติทานคาถา
3.ประโยชน์การนั่งสมาธิจากเพจสาระเพื่อสุขภาพ
1.ช่วยให้จิตใจผ่องใส อ่อนโยน
การทาสมาธิจะช่วยให้จิตใจเรานิ่งสงบ ท่ามกลางจิตที่กาหนดภายใต้ลมหายใจเข้าออก เราจะรู้ตัวตลอดเวลา สามารถ
ตามทันทุกอารมณ์ ยิ่งเรากาหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ลึกๆ ด้วยแล้ว มันจะยิ่งช่วยกล่อมเกลาจิตใจเราในตัว
ทาให้เราเป็นคนสุขุมนุ่มลึก ใจเย็น อ่อนโยนและมองโลกรอบตัวในแง่ดีงามมากขึ้น อารมณ์ก็จะแจ่มใส และยังส่งผลให้
สุขภาพดีตามมาอีกด้วย
2.ช่วยผ่อนคลายความเครียด
การทาสมาธิเมื่อจิตใจเรานิ่งมากๆ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจแล้ว สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลออกมาจน
แผ่ซ่านความเย็นไปทั่วสรรพางค์กายอย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียวค่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อย่าง
ปลิดทิ้งทันตาและยังทาให้เรามีจิตใจสงบเยือกเย็น และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่นอน
3.ลดอารมณ์โกรธหรือโมโหร้ายได้
การหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ จะทาให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองได้ดี เพราะจิตเราจะอยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เราจะ
รู้ทุกการเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่คิด พูดและทาจะมาพร้อมสติอยู่เสมอ เมื่อไรที่เราเริ่มโกรธใครหรือกาลังโมโหร้ายหงุดหงิด
เชื่อไหมว่าจิตเบื้องลึกที่ผ่านการทาสมาธิมาแล้วอย่างดีจะสอนเตือนตัวมันเอง ทาให้เราดึงอารมณ์ให้กลับมาอยู่กับ
ปัจจุบันขณะ อยู่กับลมหายใจ และหากเราทาได้เช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเปลี่ยนจากคนที่มักมีอารมณ์ร้าย เกรี้ยวกราดง่าย
มาเป็นคนที่ใจเย็นลงได้มากขึ้นแน่นอน
ดังนั้น ประโยชน์จากการทาสมาธินี่แหละค่ะที่จะช่วยระงับความโกรธแค้นชิงชัง ทาให้จิตใจเรานึกไปถึงการ
เมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสามารถอโหสิกรรมให้เพื่อนมนุษย์ที่ทาให้เราโกรธเคืองลงได้ เพราะฉะนั้น ทราบกันเช่นนี้
แล้ว จะต้องหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ กันแล้วนะคะ
4.ช่วยให้ความจาดีและสมองทางานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สาหรับนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่คนวัยทางานที่จะต้องใช้สมองในการคิด วางแผนและใช้ไอเดียมากๆ นั้น การหมั่น
ทาสมาธิบ่อยๆ ย่อมช่วยเสริมสร้างทั้งความจาดี ช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิ ทาให้สมองทางานอย่างมีประสิทธิภาพมาก
ขึ้นได้ เพราะจิตที่ผ่านการฝึกมาจนเกิดสมาธิจะทาให้ความคิดของเราที่คิดและทา กลั่นออกมาจากลมหายใจอัน
- 5. 5
ประณีต สติจะสอนสั่งให้เราดาเนินชีวิตอย่างละเมียดละไมมากขึ้น ดังนั้นแล้ว หากใครอยากให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทุก
ด้าน ให้การทางานของศักยภาพสมองเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ฝึกสมาธิบ่อยๆ สิคะ ..ช่วยได้แน่นอน
5.ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ผ่องใส ดูเด็กกว่าวัย
เวลาที่เราฝึกสมาธิ เราจะต้องกาหนดลมหายใจเข้าออก โดยสูดหายใจเข้าไปให้เต็มท้องลึกๆ ช้าๆ และปล่อยลมหายใจ
ออกมายาวๆ เมื่อทาแบบนี้สม่าเสมอ ก็ย่อมช่วยให้ออกซิเจนเข้ามาฟอกเลือดภายในร่างกายได้ เป็นการดีท็อกซ์
สารพิษในตัว ส่งผลให้สมองไบรท์ คิดอะไรก็ลื่นไหลและสารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาก็ทาให้เรามีความสุข บาบัด
ทุกข์ ผ่อนคลายความเครียดได้ผล แน่นอนค่ะว่านี่คือ ยาอายุวัฒนะของจริงแถมยังส่งผลให้ผิวพรรณสะอาด ผ่องใส
เลือดลมไหลเวียนดี ผิวเต่งตึงจนอ่อนเยาว์กว่าวัยในที่สุด
6.ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้สง่าผ่าเผย
คนที่ทาสมาธิบ่อยๆ บุคลิกภาพย่อมดีแน่นอน เพราะสมาธินั้นจะทาให้เขามีสติกับตัวอยู่ตลอดเวลา และด้วยความที่
สมาธิทาให้เราใจเย็นและรอบคอบมากขึ้น บุคลิกท่าทางของเราที่แสดงออกผ่านการคิด พูดและทา รวมถึงอากัปกิริยา
ต่างๆ ที่เราแสดงออกมันจะมาพร้อมถ่วงจังหวะที่อ่อนโยน สง่า ไม่รีบร้อนหรือแสดงท่าทีแบบคนหุนหันพลันแล่น ซึ่ง
สะท้อนให้เห็นถึงคนที่มีปัญญาและน่าคบหา คนแบบนี้ไปที่ไหนก็ย่อมมีแต่คนอยากพูดคุยด้วยและอยากสร้าง
สัมพันธไมตรีด้วยแน่นอน
4. วิธีสร้างสมาธิในการทางานจาก KEP UP
1. ตั้งมั่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
คาว่า สมาธิ หมายถึงความตั้งมั่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เรากาหนดจะทาให้เสร็จ ดังนั้นถ้าอยากให้งานเสร็จ เรา
ก็ควรมีสมาธิอยู่กับงาน ไม่วอกแวกคิดเรื่องอื่น เพราะนอกจากจะทาให้เสียเวลาในการทางานแล้ว การที่กระแสจิตซัด
ส่ายไปมายังทาให้จิตขาดพลังในการแก้ปัญหาต่าง ๆ อีกด้วย
2. วางแผนความคิด
หากเราลองเปรียบเทียบงานเป็นเหมือนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แน่นอนว่าคงไม่สามารถยกเก้าอี้พร้อมกันได้ทีเดียวทั้งสิบตัว
ฉะนั้นหากเราต้องเผชิญหน้ากับงานหลายอย่าง และไม่สามารถทาทุกอย่างให้เสร็จในเวลาเดียวกันได้ เราจึงควร
จัดลาดับความสาคัญให้งานแต่ละชิ้น โดยเริ่มทางานชิ้นที่เร่งด่วนที่สุดให้เสร็จก่อน แล้วค่อยหันไปหยิบงานชิ้นต่อไป
จะได้ไม่ต้องกังวลว่างานจะเสร็จไม่ทันเวลา
3. เลือกงานหิน
เลือกงานหินขึ้นมาหนึ่งงาน (ควรเป็นงานที่สาคัญที่สุดที่ต้องทาก่อน) แล้วตัดสินใจว่าจะทาให้เสร็จในรวดเดียว
หรือว่าจะจากัดเวลาเป็นเวลาเท่าไหร่ (เช่น ทา 30 นาทีแล้วหยุดพัก)
4. สร้างพื้นที่การทางาน
ก่อนเริ่มงานกาจัดทุกอย่างที่จะดึงความสนใจจากงานตรงหน้าออกให้หมด เช่น ปิดหน้าจอ ปิดมือถือด้วยค่ะ
5. เสียงเตือนตั้งนาฬิกาปลุก
หรือถ้าตั้งใจว่าจะทาไปจนกว่างานนั้นจะเสร็จก็พยายามทาสมาธิอย่าพะวงเรื่องอื่นก่อนถึงกาหนดเวลา
6. งานด่วนเข้าแทรก
เกิดมีงานด่วนกว่าเข้ามาจริง ๆ เลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะพยายามจดโน้ตไว้ว่าขณะนั้นทางานมาถึงไหน ตั้งใจจะทาอะไร
ต่อไปก่อนโดนขัดจังหวะแล้วจัดเก็บโน้ตนั้นกับงานไว้ด้วยกันเมื่อกลับมาเริ่มใหม่ภายหลังจะได้ต่อติด
7. คิดไม่ออกก็หยุดคิด
ในบางครั้งเมื่อสมองต้องคิดอยู่ตลอดก็คงมีช่วงที่มันเหนื่อยและอยากพักบ้าง เพราะฉะนั้นหากใครที่มีปัญหาแล้ว
คิดวิธีแก้ไขไม่ออกก็ควรปล่อยให้สมองได้พักผ่อนด้วยการหยุดคิดบ้าง โดยอาจจะออกไปเดินเล่นหรือนอนหลับสักงีบ
เพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้น แล้วค่อยกลับมานั่งคิดใหม่ รับรองว่าแนวคิดต่าง ๆ จะเกิดขึ้นตามมาเองโดยไม่ต้องฝืนคิด
เลย
- 6. 6
8. ให้รางวัลหลังงานเสร็จ
ให้รางวัลกับตัวเองด้วยการเช็คอีเมลล์หรืออ่านบล็อกที่ชอบ หรืออาจจะทาอะไรที่ทาให้คุณผ่อนคลายและมี
ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะไม่กินเวลาทางานของคุณมากเกินไป เพื่อเป็นพลังให้คุณพร้อมที่จะลุยงานต่อไป
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
-ปรึกษาหาหัวข้อกับครูผู้สอน
-นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน
-ศึกษารวบรวมข้อมูล
-จัดทารายงาน
-นาเสนอครูผู้สอน
-ปรับปรุงแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-โทรศัพท์มือถือ
-อินเทอร์เน็ต
-คอมพิวเตอร์
-หนังสือที่เกี่ยวข้อง
-ลาโพงขยายเสียง
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
คาดว่าผู้ที่ได้เข้าร่วมในการปฏิบัติตามแบบแผนโครงงานจะสามารถเพิ่มระดับสมาธิความตั้งมั่นในการทา
กิจกรรมและงานต่างๆได้ดียิ่งขึ้นและสามารถบาบัดผู้ที่มีอาการในเครือข่ายสมาธิสั้นได้เป็นอย่างมากอีกทั้งยังจะ
สามารถให้ผู้ปฏิบัติสามมารถตัดสินใจทางานต่างๆอย่างรอบครอบ