SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 8
Downloaden Sie, um offline zu lesen
Present Simple Tense
                               Present Simple Tense

โครงสราง : Subject + Verb 1 + (Object)

หลักการใช

1. ใชกับเหตุการณที่เปนจริงเสมอ หรือเหตุการณที่เปนไปตามธรรมชาติ เชน

The sun rises in the east. (พระอาทิตยขึ้นทางทิศตะวันออก)

The cat has four legs. (แมวมีสี่ขา)

2. ใชแสดงถึงการกระทําที่เปนปรกตินิสัย หรือการกระทํานั้นเกิดขึ้นเปนประจํา มี Adverb
of Frequency แสดง

I have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเชาทุกวัน)

Everybody wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว)

We go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย)

3. ใชแสดงถึงการกระทําที่เกิดขึ้นในปจจุบัน หรือสภาพที่เปนปจจุบัน เชน

She understands what you say. (เธอเขาใจที่คุณพูด)

I have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เลมอยูในกระเปา)

4. ใชแสดงถึงการกระทําในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแนนอนแลววาจะปฏิบัติ

The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตยจึงจะเปดเทอมหนา)

He sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร)

หมายเหตุ* อยาลืมนะวาถาประธานเปนเอกพจน กริยาตองเติม S หามลืมกฎขอนี้
เด็ดขาดนะ!!!
Present Continuous Tense
โครงสราง: Subject + is, am, are + Verb -ing + ( Object )

หลักการใช

1. เมื่อการกระทําดําเนินอยูในปจจุบัน (ขณะพูด) และตอเนืองมาถึงบัดนั้น และจบใน
                                                         ่
อนาคต เชน

My uncle is listening to the radio.(ลุงของผมกําลังฟงวิทยุ)

What is he doing? (เขากําลังทําอะไรเหรอ?)

2. การกระทําที่เกิดขึ้น ตองเกิดขึ้นขณะนั้นจริง เชน

More and more people are using Internet. (ผูคนเริ่มเลนอินเทอรเน็ตมากขึ้นทุกที)

Accidents are happening more and more frequently. (อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากและบอยขึ้น)

3. แสดงเหตุการณในอนาคต เกิดขึ้นแนนอน เชน

We are planning to go to the beach next week. (พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวทะเล
อาทิตยหนา)

She is going abroad next Tuesday. (หลอนจะไปตางประเทศวันอังคารหนา)

4. ถาประโยคเชื่อมดวย and ( 2 ประโยค) ใหตัด Verb to be ที่อยูหลัง and ออก เชน

My father is smoking a cigarette and watching television. (คุณพอของฉันกําลังสูบบุหรี่
และดูโทรทัศน)

*กริยาที่นํามาใชใน Tense นี้ไมได!!!*

1. กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งหา เชน

I see the beautiful mountain.(ฉันดูภูเขาอันงดงาม) ไมใช I am seeing the beautiful
mountain.

2. กริยาที่แสดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรูสึก, ความผูกพัน ไมนิยมนํามาใช เชน

I know him very well (ผมรูจักเขาดี) อยาใช : I am knowing him very well.

He believes that taxes are too high.(เขาเชื่อวาภาษีแพงเกินไป) อยาใช : He is
believing that taxes are too high.

หลักการเติม -ing

1). กริยาที่ลงทายดวย E ใหตัด E ทิ้ง แลวเติม -ing
2). กริยาที่ลงทายดวย EE ใหเติม -ing ไดเลย

3). กริยาที่ลงทายดวย IE ใหเปลี่ยนเปน Y กอน แลวเติม -ing

4). กริยาที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว พยางคเดียว เพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง แลวเติม
-ing

5). กริยาที่มี 2 พยางคออกเสียงหนักที่พยางคหลัง มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิ่ม
ตัวสะกด แลวเติม -ing

6). กริยา 2 พยางคตอไปนี้ เพิ่มตัวสะกดเขามาแลวเติม -ing หรือไมก็ได

[แบบอเมริกัน] : travel => traveling, quarrel => quarreling

[แบบอังกฤษ] : travel => travelling, quarrel => quarrelling




     Present Perfect Tense Subject
โครงสราง: Subject + Verb to have + Verb ชอง 3

หลักการใช

1. การกระทําที่เกิดขึ้นในอดีต ดําเนินเรื่อยมาจนปจจุบัน เชน

I have lived in Chiang Mai since 1979.(ฉันอาศัยอยูในเชียงใหมตั้งป ค.ศ. 1979)

I have studied English for ten years.(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเปนเวลา 10 ป)

2. เหตุการณเพิ่งสิ้นสุดลง มีคําวา just, already, yet เชน

I have already finished my homework. (ผมเพิ่งทําการบานของผมเสร็จ)

He has not read that book yet.(เขายังไมไดอานหนังสือเลมนั้นเลย)

3. เหตุการณที่เกิดในอดีต และสิ้นสุดแลว แตผลของเหตุการณก็ยังมีมาจนปจจุบันใน
เชน

I have read them before.(ฉันเคยอานเรื่องนี้มากอน)

The servant has cooked her dinner.(คนรับใชทําอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบรอยแลว)

4. การกระทําซึ่งเริ่มตน และสิ้นสุดในอดีต แตอาจเกิดไดอีก มี Adverb of Frequency
ดวย เชน
I have visited Los Angeles twice.(ผมไปเที่ยวลอสแองเจลลิสมา 2 ครั้ง)

หลักการใช Yet, Just, และ Already

Yet (ยัง) ใชในประโยคปฏิเสธเสมอ วางไวทายประโยค

Just (เพิ่งจะ) Already (เรียบรอยแลว) ใชในประโยคบอกเลา วางไวหนากริยาหลัก

                   *อยาลืม!!! ตองแมนในการผันกริยาชองที่ 3*




                                 Past Simple Tense

โครงสราง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object )

หลักการใช

1. เหตุการณที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแลว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกํากับดวย เชน

She saw you yesterday. (หลอนเห็นคุณเมื่อวานนี้)

I went to Berline last year. (ผมไปเบอรลินเมื่อปที่แลว)

2. เหตุการณหนึ่งกระทําเปนประจําในอดีต แตบดนี้ไมไดทําอีก เชน
                                            ั

When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเปนคนที่ฉลาดมาก)

I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเชาตรู ( ปจจุบันไมไดตื่นเชา
แลว )

3. เหตุการณที่เกิดขึ้นในชัวระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นไดลวงเลยมาแลว
                           ่
เชน

They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยูที่นั่นในชวงฤดูใบไมผลิที่แลว)

I heard the blacksmith working all day long.(ฉันไดยินชางตีเหล็กทํางานตลอดทั้งวัน)

4. ใชแสดงถึงการสมมุติหรือขอแม ในปจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคําวา If, Unless,
Wish เชน

If I were you I would love her. (ถาผมเปนคุณ ผมจะรักเธอ)
Past Continuous Tense

โครงสราง: Subject + was, were + V-ing + Object

หลักการใช

1. ใชในเหตุการณที่แสดงอาการกําลังกระทําในอดีต เชน

They were speaking in the bookstore.(พวกเขากําลังพูดอยูในรานขายหนังสือ)

She was going to post office.(หลอนกําลังจะไปที่ทาการไปรษณีย)
                                                 ํ

2. ใชแสดงถึงการกระทําที่ตอเนื่องกันในอดีต เชน

What were you doing all last summer? (เธอทําอะไรตลอดฤดูรอนที่แลวเหรอ?)

I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)

3. เหตุการณเกิด 2 เหตุการณ ขณะที่เหตุการณหนึ่งดําเนินกอน และเหตุการณที่สองมา
แทรก

มีหลักการ คือ เหตุการณที่ดําเนินอยูใช Past Con เหตุการณหลังใช Past Sim เชน

When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบาน เธอเลนปงปอง
อย)ู

4. เหตุการณ 2 อยางที่เกิดขึ้นพรอมกันในอดีต ตองใช Past Con ทั้งคู มีคําวา while หรือ
as มาเชื่อม เชน

I was playing while you were studying. (ฉันกําลังเลนในขณะที่เธอกําลังเรียน)

5. เหตุการณที่ดําเนินอยู ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไวชัดเจน เชน

They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทําความสะอาดหอง
8 โมงเมื่อวาน)

6. ใชในการสมมุติ เปนขอแม การคาดคะเน แสดงถึงการกระทําที่ตอเนื่อง เชน
                                                            

What would you do if it was raining? (คุณจะทําอยางไรถาฝนกําลังตก?)

*หมายเหตุ :กรุณากลับไปอาน Present Continuous เรื่องกริยาที่นํามาใชใน
Tense ไมไดดวยนะ*
Future Simple Tense

หลักการใช

การกระทําในอนาคต เชน He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยว
สิงคโปรปหนา)

หลักการใช (be) going to แทน will หรือ shall

1. ใช (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ shall เชน

She is going to buy a car next month.(หลอนจะซือรถยนตเดือนหนา)
                                               ้

2. ใช (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เชน

I think it is going to rain.(ฉันคิดวาฝนจะตองตก)

3. ใช (be) going to + V1 แสดงขอความซึ่งเชื่อวาเปนจริงโดยไมสงสัย แทน will และ
shall เชน

His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแลว)

หามใช (be) going to + V1 ในกรณีตอไปนี้

1. เหตุการณที่เปนอนาคตอันแทจริง ตองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เชน

I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปหนา (หามใช :I am going to be
twenty-one next year.)

2. ในประโยคที่เชื่อมดวย If ใชไดเฉพาะ will และ shall เทานั้น

John will be successful if he tries hard.(หามใช :John is going to be successful if he
tries hard.)

3. กริยาที่แสดงการรับรู เชน

I will remember this experience forever.(หามใช :I am going to remember this
experience forever.)

I wish you would love me one day. (ฉันหวังวาเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
Future Simple Tense

หลักการใช

การกระทําในอนาคต เชน He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยว
สิงคโปรปหนา)

หลักการใช (be) going to แทน will หรือ shall

1. ใช (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ shall เชน

She is going to buy a car next month.(หลอนจะซือรถยนตเดือนหนา)
                                               ้

2. ใช (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เชน

I think it is going to rain.(ฉันคิดวาฝนจะตองตก)

3. ใช (be) going to + V1 แสดงขอความซึ่งเชื่อวาเปนจริงโดยไมสงสัย แทน will และ
shall เชน

His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแลว)

หามใช (be) going to + V1 ในกรณีตอไปนี้

1. เหตุการณที่เปนอนาคตอันแทจริง ตองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เชน

I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปหนา (หามใช :I am going to be
twenty-one next year.)

2. ในประโยคที่เชื่อมดวย If ใชไดเฉพาะ will และ shall เทานั้น

John will be successful if he tries hard.(หามใช :John is going to be successful if he
tries hard.)

3. กริยาที่แสดงการรับรู เชน

I will remember this experience forever.(หามใช :I am going to remember this
experience forever.)

I wish you would love me one day. (ฉันหวังวาเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
Question Tag

Question Tag คือ การตั้งคําถามทายประโยคบอกเลาหรือประโยคปฏิเสธ

หลักการตั้งประโยคคําถาม

1. ถาประโยคหนาเปนบอกเลา Tag ตองเปนปฏิเสธ

2. ถาประโยคหนาเปนปฎิเสธ Tag ตองเปนบอกเลา

3. ตองใส Comma คั่นระหวางประโยคหลักกับ Tag เสมอ

4. ตัว Tag ตองเปนกริยาชวยเสมอ

5. หากไมมีกริยาชวยในประโยคหลัก ใช V. to do มาชวย

6. กริยาชวยตรง Tag ตองใชรูปยอเสมอ ไมมีรูป amn't I ใช aren't I แทน

7. กริยาชวย ตองเปลี่ยนตาม Tense ที่ประโยคหลัก

8. ประโยคคําสั่ง ขอรอง เชื้อเชิญ ตรง Tag เติม คําวา will you ไดเลย

ขอควรจําในการทํา Question Tag .

1. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย That is, This is สวน Tag ใช isn't it? หรือ is it

2. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย There is/ are/ was/ were สวน Tag ใช V. to be ตาม
ประธานและ Tense + there

3. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย These/ Those are สวน Tag ใช aren't they หรือ are they
แลวแตกรณี

4. ถาประโยคหนาเปนประโยคความซอน สวน Tag ใหเอากริยาในประโยคหลักนะ

5. ถาประโยคหนามีคําที่ใหความหมายเชิงปฏิเสธ สวน Tag นั้น ตองเปนบอกเลา เชน
Nothing is interesting, is it?

Weitere ähnliche Inhalte

Ähnlich wie 1234 (20)

Tense
TenseTense
Tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Unit 5
Unit 5Unit 5
Unit 5
 
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่องโครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
 
Project english
Project englishProject english
Project english
 
Grammar
GrammarGrammar
Grammar
 
Tense
Tense Tense
Tense
 
Tenses
TensesTenses
Tenses
 
หลักการใช้ Tense ทั้ง 12
หลักการใช้ Tense ทั้ง 12หลักการใช้ Tense ทั้ง 12
หลักการใช้ Tense ทั้ง 12
 
สรุปภาษาอังกฤษ
สรุปภาษาอังกฤษสรุปภาษาอังกฤษ
สรุปภาษาอังกฤษ
 
Grammar123
Grammar123Grammar123
Grammar123
 
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
 
Project english
Project englishProject english
Project english
 
Number 3
Number 3Number 3
Number 3
 
9.tense
9.tense9.tense
9.tense
 
If
IfIf
If
 
Unit 6
Unit 6Unit 6
Unit 6
 
Sentence pattern
Sentence patternSentence pattern
Sentence pattern
 
Conditional clauses
Conditional clausesConditional clauses
Conditional clauses
 

1234

  • 1. Present Simple Tense Present Simple Tense โครงสราง : Subject + Verb 1 + (Object) หลักการใช 1. ใชกับเหตุการณที่เปนจริงเสมอ หรือเหตุการณที่เปนไปตามธรรมชาติ เชน The sun rises in the east. (พระอาทิตยขึ้นทางทิศตะวันออก) The cat has four legs. (แมวมีสี่ขา) 2. ใชแสดงถึงการกระทําที่เปนปรกตินิสัย หรือการกระทํานั้นเกิดขึ้นเปนประจํา มี Adverb of Frequency แสดง I have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเชาทุกวัน) Everybody wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว) We go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย) 3. ใชแสดงถึงการกระทําที่เกิดขึ้นในปจจุบัน หรือสภาพที่เปนปจจุบัน เชน She understands what you say. (เธอเขาใจที่คุณพูด) I have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เลมอยูในกระเปา) 4. ใชแสดงถึงการกระทําในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแนนอนแลววาจะปฏิบัติ The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตยจึงจะเปดเทอมหนา) He sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร) หมายเหตุ* อยาลืมนะวาถาประธานเปนเอกพจน กริยาตองเติม S หามลืมกฎขอนี้ เด็ดขาดนะ!!!
  • 2. Present Continuous Tense โครงสราง: Subject + is, am, are + Verb -ing + ( Object ) หลักการใช 1. เมื่อการกระทําดําเนินอยูในปจจุบัน (ขณะพูด) และตอเนืองมาถึงบัดนั้น และจบใน ่ อนาคต เชน My uncle is listening to the radio.(ลุงของผมกําลังฟงวิทยุ) What is he doing? (เขากําลังทําอะไรเหรอ?) 2. การกระทําที่เกิดขึ้น ตองเกิดขึ้นขณะนั้นจริง เชน More and more people are using Internet. (ผูคนเริ่มเลนอินเทอรเน็ตมากขึ้นทุกที) Accidents are happening more and more frequently. (อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากและบอยขึ้น) 3. แสดงเหตุการณในอนาคต เกิดขึ้นแนนอน เชน We are planning to go to the beach next week. (พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวทะเล อาทิตยหนา) She is going abroad next Tuesday. (หลอนจะไปตางประเทศวันอังคารหนา) 4. ถาประโยคเชื่อมดวย and ( 2 ประโยค) ใหตัด Verb to be ที่อยูหลัง and ออก เชน My father is smoking a cigarette and watching television. (คุณพอของฉันกําลังสูบบุหรี่ และดูโทรทัศน) *กริยาที่นํามาใชใน Tense นี้ไมได!!!* 1. กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งหา เชน I see the beautiful mountain.(ฉันดูภูเขาอันงดงาม) ไมใช I am seeing the beautiful mountain. 2. กริยาที่แสดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรูสึก, ความผูกพัน ไมนิยมนํามาใช เชน I know him very well (ผมรูจักเขาดี) อยาใช : I am knowing him very well. He believes that taxes are too high.(เขาเชื่อวาภาษีแพงเกินไป) อยาใช : He is believing that taxes are too high. หลักการเติม -ing 1). กริยาที่ลงทายดวย E ใหตัด E ทิ้ง แลวเติม -ing
  • 3. 2). กริยาที่ลงทายดวย EE ใหเติม -ing ไดเลย 3). กริยาที่ลงทายดวย IE ใหเปลี่ยนเปน Y กอน แลวเติม -ing 4). กริยาที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว พยางคเดียว เพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง แลวเติม -ing 5). กริยาที่มี 2 พยางคออกเสียงหนักที่พยางคหลัง มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิ่ม ตัวสะกด แลวเติม -ing 6). กริยา 2 พยางคตอไปนี้ เพิ่มตัวสะกดเขามาแลวเติม -ing หรือไมก็ได [แบบอเมริกัน] : travel => traveling, quarrel => quarreling [แบบอังกฤษ] : travel => travelling, quarrel => quarrelling Present Perfect Tense Subject โครงสราง: Subject + Verb to have + Verb ชอง 3 หลักการใช 1. การกระทําที่เกิดขึ้นในอดีต ดําเนินเรื่อยมาจนปจจุบัน เชน I have lived in Chiang Mai since 1979.(ฉันอาศัยอยูในเชียงใหมตั้งป ค.ศ. 1979) I have studied English for ten years.(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเปนเวลา 10 ป) 2. เหตุการณเพิ่งสิ้นสุดลง มีคําวา just, already, yet เชน I have already finished my homework. (ผมเพิ่งทําการบานของผมเสร็จ) He has not read that book yet.(เขายังไมไดอานหนังสือเลมนั้นเลย) 3. เหตุการณที่เกิดในอดีต และสิ้นสุดแลว แตผลของเหตุการณก็ยังมีมาจนปจจุบันใน เชน I have read them before.(ฉันเคยอานเรื่องนี้มากอน) The servant has cooked her dinner.(คนรับใชทําอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบรอยแลว) 4. การกระทําซึ่งเริ่มตน และสิ้นสุดในอดีต แตอาจเกิดไดอีก มี Adverb of Frequency ดวย เชน
  • 4. I have visited Los Angeles twice.(ผมไปเที่ยวลอสแองเจลลิสมา 2 ครั้ง) หลักการใช Yet, Just, และ Already Yet (ยัง) ใชในประโยคปฏิเสธเสมอ วางไวทายประโยค Just (เพิ่งจะ) Already (เรียบรอยแลว) ใชในประโยคบอกเลา วางไวหนากริยาหลัก *อยาลืม!!! ตองแมนในการผันกริยาชองที่ 3* Past Simple Tense โครงสราง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object ) หลักการใช 1. เหตุการณที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแลว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกํากับดวย เชน She saw you yesterday. (หลอนเห็นคุณเมื่อวานนี้) I went to Berline last year. (ผมไปเบอรลินเมื่อปที่แลว) 2. เหตุการณหนึ่งกระทําเปนประจําในอดีต แตบดนี้ไมไดทําอีก เชน ั When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเปนคนที่ฉลาดมาก) I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเชาตรู ( ปจจุบันไมไดตื่นเชา แลว ) 3. เหตุการณที่เกิดขึ้นในชัวระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นไดลวงเลยมาแลว ่ เชน They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยูที่นั่นในชวงฤดูใบไมผลิที่แลว) I heard the blacksmith working all day long.(ฉันไดยินชางตีเหล็กทํางานตลอดทั้งวัน) 4. ใชแสดงถึงการสมมุติหรือขอแม ในปจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคําวา If, Unless, Wish เชน If I were you I would love her. (ถาผมเปนคุณ ผมจะรักเธอ)
  • 5. Past Continuous Tense โครงสราง: Subject + was, were + V-ing + Object หลักการใช 1. ใชในเหตุการณที่แสดงอาการกําลังกระทําในอดีต เชน They were speaking in the bookstore.(พวกเขากําลังพูดอยูในรานขายหนังสือ) She was going to post office.(หลอนกําลังจะไปที่ทาการไปรษณีย) ํ 2. ใชแสดงถึงการกระทําที่ตอเนื่องกันในอดีต เชน What were you doing all last summer? (เธอทําอะไรตลอดฤดูรอนที่แลวเหรอ?) I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล) 3. เหตุการณเกิด 2 เหตุการณ ขณะที่เหตุการณหนึ่งดําเนินกอน และเหตุการณที่สองมา แทรก มีหลักการ คือ เหตุการณที่ดําเนินอยูใช Past Con เหตุการณหลังใช Past Sim เชน When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบาน เธอเลนปงปอง อย)ู 4. เหตุการณ 2 อยางที่เกิดขึ้นพรอมกันในอดีต ตองใช Past Con ทั้งคู มีคําวา while หรือ as มาเชื่อม เชน I was playing while you were studying. (ฉันกําลังเลนในขณะที่เธอกําลังเรียน) 5. เหตุการณที่ดําเนินอยู ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไวชัดเจน เชน They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทําความสะอาดหอง 8 โมงเมื่อวาน) 6. ใชในการสมมุติ เปนขอแม การคาดคะเน แสดงถึงการกระทําที่ตอเนื่อง เชน  What would you do if it was raining? (คุณจะทําอยางไรถาฝนกําลังตก?) *หมายเหตุ :กรุณากลับไปอาน Present Continuous เรื่องกริยาที่นํามาใชใน Tense ไมไดดวยนะ*
  • 6. Future Simple Tense หลักการใช การกระทําในอนาคต เชน He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยว สิงคโปรปหนา) หลักการใช (be) going to แทน will หรือ shall 1. ใช (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ shall เชน She is going to buy a car next month.(หลอนจะซือรถยนตเดือนหนา) ้ 2. ใช (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เชน I think it is going to rain.(ฉันคิดวาฝนจะตองตก) 3. ใช (be) going to + V1 แสดงขอความซึ่งเชื่อวาเปนจริงโดยไมสงสัย แทน will และ shall เชน His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแลว) หามใช (be) going to + V1 ในกรณีตอไปนี้ 1. เหตุการณที่เปนอนาคตอันแทจริง ตองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เชน I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปหนา (หามใช :I am going to be twenty-one next year.) 2. ในประโยคที่เชื่อมดวย If ใชไดเฉพาะ will และ shall เทานั้น John will be successful if he tries hard.(หามใช :John is going to be successful if he tries hard.) 3. กริยาที่แสดงการรับรู เชน I will remember this experience forever.(หามใช :I am going to remember this experience forever.) I wish you would love me one day. (ฉันหวังวาเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
  • 7. Future Simple Tense หลักการใช การกระทําในอนาคต เชน He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยว สิงคโปรปหนา) หลักการใช (be) going to แทน will หรือ shall 1. ใช (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ shall เชน She is going to buy a car next month.(หลอนจะซือรถยนตเดือนหนา) ้ 2. ใช (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เชน I think it is going to rain.(ฉันคิดวาฝนจะตองตก) 3. ใช (be) going to + V1 แสดงขอความซึ่งเชื่อวาเปนจริงโดยไมสงสัย แทน will และ shall เชน His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแลว) หามใช (be) going to + V1 ในกรณีตอไปนี้ 1. เหตุการณที่เปนอนาคตอันแทจริง ตองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เชน I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปหนา (หามใช :I am going to be twenty-one next year.) 2. ในประโยคที่เชื่อมดวย If ใชไดเฉพาะ will และ shall เทานั้น John will be successful if he tries hard.(หามใช :John is going to be successful if he tries hard.) 3. กริยาที่แสดงการรับรู เชน I will remember this experience forever.(หามใช :I am going to remember this experience forever.) I wish you would love me one day. (ฉันหวังวาเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
  • 8. Question Tag Question Tag คือ การตั้งคําถามทายประโยคบอกเลาหรือประโยคปฏิเสธ หลักการตั้งประโยคคําถาม 1. ถาประโยคหนาเปนบอกเลา Tag ตองเปนปฏิเสธ 2. ถาประโยคหนาเปนปฎิเสธ Tag ตองเปนบอกเลา 3. ตองใส Comma คั่นระหวางประโยคหลักกับ Tag เสมอ 4. ตัว Tag ตองเปนกริยาชวยเสมอ 5. หากไมมีกริยาชวยในประโยคหลัก ใช V. to do มาชวย 6. กริยาชวยตรง Tag ตองใชรูปยอเสมอ ไมมีรูป amn't I ใช aren't I แทน 7. กริยาชวย ตองเปลี่ยนตาม Tense ที่ประโยคหลัก 8. ประโยคคําสั่ง ขอรอง เชื้อเชิญ ตรง Tag เติม คําวา will you ไดเลย ขอควรจําในการทํา Question Tag . 1. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย That is, This is สวน Tag ใช isn't it? หรือ is it 2. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย There is/ are/ was/ were สวน Tag ใช V. to be ตาม ประธานและ Tense + there 3. ถาประโยคหนาขึ้นตนดวย These/ Those are สวน Tag ใช aren't they หรือ are they แลวแตกรณี 4. ถาประโยคหนาเปนประโยคความซอน สวน Tag ใหเอากริยาในประโยคหลักนะ 5. ถาประโยคหนามีคําที่ใหความหมายเชิงปฏิเสธ สวน Tag นั้น ตองเปนบอกเลา เชน Nothing is interesting, is it?