Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (20)
Mehr von Sarocha Makranit (20)
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
- 2. ความหมายและลักษณะของโปรแกรม
คอมพิวเตอร์
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Program Computer) คือ ชุดคำสังทีใ่ ช้สำหรับแสดง
่
และสือสำรกับคอมพิวเตอร์ เพือให้คอมพิวเตอร์ทำงำนตำมลำดับขันตอนทีเ่ ขียนไว้ใน
่ ่ ้
ชุดคำสังนันๆ คำสังเหล่ำนีนกพัฒนำโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer) จะ
่ ้ ่ ้ ั
เขียนขึนด้วยภำษำคอมพิวเตอร์ตำมลำดับขันตอนของกำรพัฒนำโปรแกรม ดังนี้
้ ้
- 3. วิเคราะห์ ปัญหา
กำรวิเครำะห์ปญหำ ประกอบด้วยขันตอนต่ำงๆ ดังนี้
ั ้
กำหนดวัตถุประสงค์ของงำน เพือพิจำรณำว่ำโปรแกรมต้องทำกำรประมวลผลอะไรบ้ำง
่
พิจำรณำข้อมูลนำเข้ำ เพือให้ทรำบว่ำจะต้องนำข้อมูลอะไรเข้ำคอมพิวเตอร์
่ ข้อมูลมี
คุณสมบัตเิ ป็ นอย่ำงไร ตลอดจนถึงลักษณะและรูปแบบของข้อมูลทีจะนำเข้ำ
่
พิจำรณำกำรประมวลผล เพือให้ทรำบว่ำโปรแกรมมีขนตอนกำรประมวลผลอย่ำงไรและมีเงือนไป
่ ั้ ่
กำรประมวลผลอะไรบ้ำง
พิจำรณำข้อสนเทศนำออก เพือให้ทรำบว่ำมีขอสนเทศอะไรทีจะแสดง ตลอดจนรูปแบบและสือที่
่ ้ ่ ่
จะใช้ในกำรแสดงผล
- 4. ออกแบบวิธีการแก้ ปัญหา
กำรออกแบบขันตอนกำรทำงำนของโปรแกรมเป็ นขันตอนทีใ่ ช้เป็ นแนวทำงในกำรลง
้ ้
รหัสโปรแกรม ผู ออกแบบขันตอนกำรทำงำนของโปรแกรมอำจใช้เครืองมือต่ำงๆ ช่วยใน
้ ้ ่
กำรออกแบบ อำทิเช่น คำสังลำลอง (Pseudocode) หรือ ผังงำน (Flow chart)
่
กำรออกแบบโปรแกรมนันไม่ต้องพะวงกับรูปแบบคำสังภำษำคอมพิวเตอร์ แต่ให้มุ่งควำม
้ ่
สนใจไปทีลำดับขันตอนในกำรประมวลผลของโปรแกรมเท่ำนัน
่ ้ ้
- 5. การเขียนโปรแกรม
กำรเขียนโปรแกรมเป็ นกำรนำเอำผลลัพธ์ของกำรออกแบบโปรแกรมมำเปลียนเป็ น
่
โปรแกรมภำษำคอมพิวเตอร์ภำษำใดภำษำหนึง ผู เ้ ขียนโปรแกรมจะต้องให้ควำมสนใจต่อ
่
รูปแบบคำสังและกฎเกณฑ์ของภำษำทีใ่ ช้เพือให้กำรประมวลผลเป็ นไปตำมผลลัพธ์ทไี่ ด้
่ ่
ออกแบบไว้ นอกจำกนันผู เ้ ขียนโปรแกรมควรแทรกคำอธิบำยกำรทำงำนต่ำง ลงใน
้
โปรแกรมเพือให้โปรแกรมนันมีควำมกระจ่ำงชัดและง่ำยต่อกำรตรวจสอบและโปรแกรมนียง
่ ้ ้ ั
ใช้เป็ นส่วนหนึงของเอกสำรประกอบ
่
- 6. ทดสอบและแก้ ไขโปรแกรม
กำรทดสอบโปรแกรมเป็ นกำรนำโปรแกรมทีลงรหัสแล้วเข้ำคอมพิวเตอร์
่
เพือตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภำษำ และผลกำรทำงำนของโปรแกรมนัน ถ้ำ
่ ้
พบว่ำยังไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป ขันตอนกำรทดสอบและแก้ไขโปรแกรม อำจแบ่งได้เป็ น
้
3 ขัน
้
- 7. 1 สร้ำงแฟมเก็บโปรแกรมซึงส่วนใหญ่นยมนำโปรแกรมเข้ำผ่ำนทำงแป้ นพิมพ์โดยใช้
้ ่ ิ
โปรแกรมประมวลคำddd
2 ใช้ตวแปลภำษำคอมพิวเตอร์แปลโปรแกรมทีสร้ำงขึนเป็ นภำษำเครือง โดยระหว่ำง
ั ่ ้ ่
กำรแปลจะมีกำรตรวจสอบควำมถูกต้องของรูปแบบและกฎเกณฑ์ในกำรใช้ภำษำ ถ้ำคำสัง ่
ใดมีรูปแบบไม่ถูกต้องก็จะแสดงข้อผิดพลำดออกมำเพือให้ผูเ้ ขียนนำไปแก้ไขต่อไป ถ้ำไม่ม ี
่
ข้อผิดพลำด เรำจะได้โปรแกรมภำษำเครืองทีสำมำรถให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้
่ ่
3 ตรวจสอบควำมถูกต้องของกำรประมวลผลของโปรแกรม โปรแกรมทีถูกต้องตำม ่
รูปแบบและกฎเกณฑ์ของภำษำ แต่อำจให้ผลลัพธ์ของกำรประมวลผลไม่ถูกต้องก็ได้
ดังนันผู เ้ ขียนโปรแกรมจำเป็ นต้องตรวจสอบว่ำโปรแกรมประมวลผลถูกต้องตำมต้องกำร
้
หรือไม่
- 8. จัดทาเอกสารประกอบ
กำรทำเอกสำรประกอบโปรแกรมเป็ นงำนทีสำคัญของกำรพัฒนำโปรแกรม
่
เอกสำรประกอบโปรแกรมช่วยให้ผูใ้ ช้โปรแกรมเข้ำใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลทีจะต้องใช้กบ
่ ั
โปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ ทจะได้จำกโปรแกรม กำรทำโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้อง
ี่
ทำเอกสำรกำกับ เพือใช้สำหรับกำรอ้ำงอิงเมือจะใช้งำนโปรแกรมและเมือต้องกำรแก้ไข
่ ่ ่
ปรับปรุงโปรแกรม เอกสำรประกอบโปรแกรมทีจดทำ ควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
่ั
- 10. บารุ งรักษาโปรแกรม
เมีอโปรแกรมผ่ำนกำรตรวจสอบตำมขันตอนเรียบร้อยแล้ว และถูกนำมำให้ผูใ้ ช้
่ ้
ได้ใช้งำน ในช่วงแรกผู ใ้ ช้อำจจะยังไม่คุ้นเคยก็อำจทำให้เกิดปัญหำขึนมำบ้ำง ดังนันจึง
้ ้
ต้องมีผูคอยควบคุมดูแลและคอยตรวจสอบกำรทำงำน กำรบำรุงรักษำโปรแกรมจึง
้
เป็ นขันตอนทีผูเ้ ขียนโปรแกรมต้องคอยเฝ้ ำดูและหำข้อผิดพลำดของโปรแกรมใน
้ ่
ระหว่ำงทีผูใ้ ช้ใช้งำนโปรแกรม และปรับปรุงโปรแกรมเมือเกิดข้อผิดพลำดขึน หรือใน
่ ่ ้
กำรใช้งำนโปรแกรมไปนำนๆ ผู ใ้ ช้อำจต้องกำรเปลียนแปลงกำรทำงำนของระบบงำน
่
เดิมเพือให้เหมำะกับเหตุ-กำรณ์ นักเขียนโปรแกรมก็จะต้องคอยปรับปรุงแก้ไขโปรแกรม
่
ตำมควำมต้องกำรของผู ใ้ ช้ทเี่ ปลียนแปลงไปนันเอง
่ ่
- 11. ภาษาคอมพิวเตอร์
ภำคอมพิวเตอร์หรือภำษำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer Programming
Language) มีพนฐำนมำจำกกำรเปิ ดและปิ ดกระแสไฟฟำ หรือระบบเลขฐำนสอง คือ 0
้ื ้
และ 1 เรียงต่อกัน เพือแทนควำมหมำยต่ำงๆ ในคอมพิวเตอร์
่
- 13. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
่
ภำษำเครือง (Machine Language)
ก่อนปี ค.ศ. 1952 มีภำษำคอมพิวเตอร์เพียงภำษำเดียวเท่ำนันคือ ภำษำเครือง
้ ่
(Machine Language) ซึงเป็ นภำษำระดับต่ ำทีสุด เพรำะใช้เลขฐำนสองแทนข้อมูล และ
่ ่
คำสังต่ำง ๆ ทังหมดจะเป็ นภำษำทีขนอยู่กบชนิดของเครืองคอมพิวเตอร์ หรือหน่วย
่ ้ ่ ้ึ ั ่
ประมวลผลทีใ่ ช้ นันคือปต่ละเครืองก็จะมีรูปแบบของคำสังเฉพำะของตนเอง ซึงนักคำนวณ
่ ่ ่ ่
และนักเขียนโปรแกรมในสมัยก่อนต้องรู้จกวิธทจะรวมตัวเลขเพือแทนคำสังต่ำ ๆ ทำให้กำร
ั ี ี่ ่ ่
เขียนโปรแกรมยุ่งยำกมำก นักคอมพิวเตอร์จงได้พฒนำภำษำแอสเซมบลีขนมำเพือให้
ึ ั ้ึ ่
สำมำรถเขียนโปรแกรมได้ง่ำยขึน ้
- 14. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำแอสเซมบลี (Assembly Language)
ต่อมำในปี ค.ศ. 1952 ได้มกำรพัฒนำโปรแกรมภำษำระดับต่ ำตัวใหม่ ชือ
ี ่
ภำษำแอสเซมบลี (Assembly Language) โดยทีภำษำแอสเซมบลีใช้รหัสเป็ นคำแทน
่
คำสังภำษำเครือง ทำให้นกเขียนโปรแกรมสำมำรถเขียนโปรแกรมได้ง่ำยขึน ถึงแม้ว่ำกำร
่ ่ ั ้
เขียนโปรแกรมจะยังไม่สะดวกเท่ำกับกำรเขียนโปรแกรมภำษำอืน ๆ ในสมัยนี้ แต่ถ้ำ
่
เปรียบเทียบในสมัยนันก็ถอว่ำเป็ นกำรพัฒนำไปสู่ยุคของกำรเขียนโปรแกรมแบบใหม่ คือใช้
้ ื
สัญลักษณ์แทนเลข 0 และ 1 ของภำษำเครือง ซึงสัญลักษณ์ทใี่ ช้จะเป็ นคำสังสัน ๆ ทีจะได้
่ ่ ่ ้ ่
ง่ำย เรียกว่ำ นิมอนิกโคด (mnemonic code)
- 15. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำระดับสูง (High Level Language)
ในปี ค.ศ. 1960 ได้มกำรพ ัฒนำ ภำษำระดับสูง (High Level Language) ขึน ภำษำระดับสูงจะ
ี ้
ใช้คำในภำษำอังกฤษแทนคำสังต่ำง ๆ รวมทังสำมำรถใช้นพจน์ทำงคณิตศำสตร์ได้ด้วย ทำให้นกเขียน
่ ้ ิ ั
โปรแกรมสำมำรถใช้เวลำมุ่งไปในกำรศึกษำถึงทำงแก้ปญหำเท่ำนัน ไม่ต้องเป็ นกังวลว่ำคอมพิวเตอร์จะ
ั ้
ทำงำนอย่ำงไรอีกต่อไป
ภำษำระดับสูงนีถอว่ำเป็ น ภำษำยุคทีสำม (third-generation language) ซึงทำให้เกิดกำร
้ื ่ ่
ประมวลผลข้อมูลเพิมมำกขึนอย่ำงมหำศำลระหว่ำงปี ค.ศ. 1960 ถึง ค.ศ. 1970 และมีผูหนมำใช้
่ ้ ้ั
คอมพิวเตอร์กนมำกขึน โดยสังเกตได้จำมเครืองเมนเฟรมจำกจำนวนร้อยเครืองเพิมขึนเป็ นหมืนเครือง
ั ้ ่ ่ ่ ้ ่ ่
อย่ำงไรก็ตำม ภำษำระดับสูงก็ยงคงต้องกำรตัวแปลภำษำให้เป็ นภำษำเครืองเพือสังให้เครืองทำงำนต่อไป
ั ่ ่ ่ ่
ตัวแปลภำษำทีนยมใช้งำนกันโดยทัวไปจะเป็ นแบบคอมไพเลอร์ ซึงแต่ละภำษำก็มคอมไพเลอร์ไม่เหมือนกัน
่ิ ่ ่ ี
รวมทังคอมไพเลอร์แต่ละตัวก็จะต่ำงกันไปบนเครืองแต่ละชนิดด้วย
้ ่
- 16. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำระดั บสูงมำก (Very high-level Language)
เป็ นภำษำยุคที่ 4 (fourth-generation language) หรือ 4GLs จะเป็ นภำษำทีใ่ ช้เขียนโปรแกรมได้สน ั้
กว่ำภำษำในยุ คก่อน ๆ กำรทำงำนบำงอย่ำงสำมำรถใช้เพียง 5 ถึง 10 บรรทัดเท่ำนัน ในขณะทีถำเขียนด้วย
้ ่้
ภำษำ อำจต้องใช้ถง 100 บรรทัด โดยพืนฐำนแล้ว ภำษำในยุคที่ 4 นีมคุณสมบัตทแยกจำกภำษำใยุคก่อน ๆ
ึ ้ ้ี ิ ี่
อย่ำงชัดเจน กล่ำวคือภำษำในยุ คก่อนนันใช้หลักกำรของ กำรเขียนโปรแกรมแบบโพรซีเยอร์ (procedurl
้
language) ในขณะทีภำษำในยุคที่ 4 จะเป็ นแบบ ไม่ใช้โพรซีเยอร์ (nonprocedurl language) ผู เ้ ขียน
่
โปรแกรมเพียงแต่กำหนดว่ำต้องกำรให้โปรแกรมทำอะไรบ้ำงก็สำมำรถเขียนโปรแกรมได้ทนที โดยไม่ต้องทรำบว่ำ
ั
ทำได้อย่ำงไร ทำให้กำรเขียนโปรแกรมสำมำรถทำได้ง่ำยและรวดเร็ว
มีนกเขียโปรแกรมกล่ำวว่ำ ถ้ำใช้ภำษำในยุคที่ 4 นีเ้ ขียนโปรแกรมจะทำให้ได้งำนทีเ่ พิมขึนถึงสิบเท่ำตัว
ั ่ ้
ตัวอย่ำงเช่น ถ้ำต้องกำรพิมพ์รำยงำนแสดงจำนวนรำยกำรสินต้ำทีขำยให้ลูกค้ำแต่ละคนในหนึงเดือน โดยให้
่ ่
แสดงยอดรวมของลูกค้ำแต่ละคน และให้ขนหน้ำใหม่สำหรับกำรพิมพ์รำยงำนลูกค้ำแต่ละคน จะเขียนโดยใช้ภำษำ
้ึ
ในยุคที่ 4
- 17. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำธรรมชำติ (Nature Language)
เป็ น ภำษำยุคที่ 5 (fifth generation language) หรือ 5GLs ธรรมชำติหมำยถึง
ธรรมชำติของมนุษย์ คือไม่ต้องสนใจถึงคำสังหรือลำดับของข้อมูลทีถูกต้อง ผู ใ้ ช้เพียงแต่พมพ์
่ ่ ิ
สิงทีต้องกำรลงในเครืองคอมพิวเตอร์เป็ นคำหรือประโยคตำมทีผูใ้ ช้เข้ำใจ ซึงจะทำให้มรูปแบบ
่ ่ ่ ่ ่ ี
ของคำสังหรือประโยคทีแตกต่ำงกันออกไปได้มำกมำย เพรำะผู ใ้ ช้แต่ละคนอำจจะใช้ประโยค
่ ่
ต่ำงกัน ใช้คำศัพท์ต่ำงกัน หรือแม้กระทังบำงคนอำจจะใช้ศพท์แสลงก็ได้ คอมพิวเตอร์จะ
่ ั
พยำยำมแปลคำหรือประโยคเหล่ำนันตำมคำสัง แต่ถำไม่สำมำรถแปลให้เข้ำใจได้ ก็จะมีคำถำม
้ ่ ้
กลับมำถำมผู ใ้ ช้เพือยืนยันควำมถูกต้อง ภำษำธรรมชำติจะใช้ ระบบฐำนควำมรู้ (knowledge
่
base system) ช่วยในกำรแปลควำมหมำยของคำสังต่ำง ๆ ่
- 19. ตัวอย่ างภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำ BASIC
เป็ นภำษำทีใ่ ช้ง่ำย และติดตังอยู่บนเครืองไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนมำก ใช้สำหรับผู ้
้ ่
เริมต้นศึกษำกำรเขียนโปรแกรมและผู ทเี่ ขียนโปรแกรมเป็ นงำนอดิเรก นิยมใช้ในกำรเขียน
่ ้
โปรแกรมสัน ๆ ้
ภำษำ BASIC รุ่นแรกใช้ interpreter เป็ นตัวแปลภำษำ ทำให้เขียนโปรแกรม
ทดสอบ และแก้ไขโปรแกรมได้อย่ำงง่ำยดำย แต่กทำงำนได้ชำ ทำให้ผูทเี่ ขียนโปรแกรม
็ ้ ้
เชียวชำญแล้วไม่นยมใช้งำน แต่ปจจุบนนีมภำษำ BASIC รุ่นใหม่ออกมำซึงใช้ conplier
่ ิ ั ั ้ี ่
เป็ นตัวแปลภำษำ ทำให้ทำงำนได้คล่อ่งตัวขึน เช่น Microsoft's Quick BASIC และ
้
Visual Basic เป็ นต้น
- 20. ตัวอย่ างภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำ COBOL
เป็ นภำษำระดับสูงทีออกแบบมำตังแต่ปีค.ศ. 1960 นิยมใช้สำหรับกำรแก้ปญหำทำงด้ำน
่ ้ ั
ธุรกิจ เช่น กำรจัดเก็บ เรียกใช้ และประมวลผลทำงด้ำนบัญชี ตลอดจนทำงำนด้ำนกำรควบคุม
สินค้ำคงคลัง กำรรับและจ่ำยเงิน เป็ นต้น
คำสังของภำษำ COBOL จะคล้ำยกับภำษำอังกฤษทำให้สำมำรถอ่ำนและเขียนโปรแกรม
่
ได้ไม่ยำกนัก ในยุคแรก ๆ ภำษำ COBOL จะได้รบควำมนิยมบนเครืองระดับเมนเฟรม แต่
ั ่
ปัจจุบนนีจะมีตวแปลภำษำ COBOL ทีใ่ ช้บนเครืองไมโครคอมพิวเตอร์ด้วย รวมทังมีภำษำ
ั ้ ั ่ ้
COBOL ทีไ่ ด้รบกำรออกแบบตำมแนวทำงเชิงวัตถุ (Object Oriented) เรียกว่ำ Visual
ั
COBOLซึงช่วยให้โปรแกรมสำมำรถทำได้ง่ำยขึน และสำมำรถนำโปรแกรมทีเ่ ขียนไว้มำใช้ในกำร
่ ้
พัฒนำงำนอืน ๆ อีก ่
- 21. ตัวอย่ างภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำ Fortran
เป็ นภำษำระดับสูงทีไ่ ด้รบกำรพัฒนำโดยบริษท IBM ตังแต่ปีค.ศ. 1957 ย่อมำ
ั ั ้
จำกคำว่ำ FORmula TRANslator ซึงถือว่ำเป็ นกำรกำเนิดของภำษำระดับสูงภำษำ
่
แรก นิยมใช้สำหรับงำนทีมกำรคำนวณมำก ๆ เช่น งำนทำงด้ำนคณิตศำสตร์
่ี
วิทยำศำสตร์ และวิศวกรรมศำสตร์ เป็ นต้น
- 22. ตัวอย่ างภาษาคอมพิวเตอร์
ภำษำ Pascal
เป็ นภำษำระดับสูงทีเ่ อื้ออำนวยให้ผูเ้ ขียนโปรแกรมเขียนโปรแกรมได้อย่ำงมีโครงสร้ำง
และเขียนโปรแกรมได้ง่ำยกว่ำภำษำอืน นิยมใช้บนเครืองไมโครคอมพิวเตอร์ เป็ นภำษำ
่ ่
สำหรับกำรเรียนกำรสอน และกำรเขียนโปรแกรมประยุกต์ต่ำง ๆ
ภำษำปำสคำลมีตวแปลภำษำทังทีเ่ ป็ น interpreter และ Compiler โดยจะมี
ั ้
โปรแกรมเทอร์โบปำสคำล (Turbo Pascal) ทีไ่ ด้รบควำมนิยมอย่ำงสูงทังในวง
ั ้
กำรศึกษำและธุรกิจ เนืองจำกได้รบกำรปรับปรุงให้ตวข้อเสียของภำษำปำสคำลรุ่นแรก ๆ
่ ั ั
ออก
- 24. จัดทาโดย
1.นำยศิวกร ชำติสงหเดช เลขที่ 6
ิ
2.นำยศุภชีพ กนกพัฒนำกร เลขที่ 7
3.นำยธนนนท์ สงเจริญ เลขที่ 12
4.นำงสำวดลญำ เหลืองทอง เลขที่ 17
5.นำงสำวนพรัตน์ โชติกปฏิพทธ์ เลขที่ 19
ั
6.นำงสำวอัจฉรำวรรณ ฉิมพวัน เลขที่ 25
มัธยมศึกษำปี ท ี่ 5/2