SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 56
Psychology of Learning
 1. ครูจ ะต้อ งมีค วามรู้เ กีย ว
                              ่
  กับ ลัก ษณะทัว ไปของ
                  ่
 นัก เรีย นที่ต นสอน
 2. หน้า ที่ค รู คือ การช่ว ย
  นัก เรีย นให้พ ฒ นาทัง
                    ั   ้
 ทางร่า งกาย สติป ญ ญาั
  บุค ลิก ภาพ อารมณ์แ ละ
 1. จิต วิท ยาบุค ลิก ภาพ        ( Psychology
 of Personality)
 2. จิต วิท ยา การ เรีย นรู้      (Psychology
 of Learning)
 3. จิต วิท ยาเกี่ย วกับ ความคิด หรือ ความรู้
 ความเข้า ใจ
           (Psychology of Thinking or Cognition)
 4. จิต วิท ยาพัฒ นาการ
 (Developmental Psychology)
 5. จิต วิท ยาว่า ด้ว ยความแตกต่า ง
จิต วิท ยาพัฒ นาการ

 การศึก ษาถึง
 พัฒ นาการในวัย ต่า งๆ
 มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ การ
 จัด การเรีย นการสอน
 ในขั้น ของพัฒ นาการ
 นั้น เพื่อ ให้เ ด็ก เป็น
 การเป็น สมาชิก ที่ด ีข องสัง คม
 (Socialization)
  มีผ ลต่อ พัฒ นาการอย่า งยิ่ง
 เพราะพฤติก รรมของคนจะ
 สามารถปรับ ให้ด ีข ึ้น หรือ เลว
 ลงในช่ว งใดก็ไ ด้ ถ้า สภาพ
 การณ์ใ นชีว ิต ของคนผู้น ั้น
Socialization มีอ ิท ธิพ ลต่อ พัฒ นาการ
        Anderson มองเกี่ย วกับ
  พัฒ นาการว่า
  พัฒ นาการคือ ความสามารถที่
  คนจะพึ่ง ตนเองและควบคุม
  ตนเองได้
     Havighurst มองเกี่ย วกับ
  พัฒ นาการว่า
  กระบวนการพัฒ นาการใน
การทำา ความเข้า ใจเรื่อ ง
                 พัฒ นาการ
 ในการทำา ความเข้า ใจเกี่ย วกับ
 พัฒ นาการของมนุษ ย์ เป็น ความ
 จำา เป็น ที่จ ะต้อ งทำา ความเข้า ใจทั้ง
 ทางด้า นร่า งกาย ชีว วิท ยา
 สติป ัญ ญา สัง คม อารมณ์ และ
 รูป แบบต่า งๆของพฤติก รรม
 พฤติก รรมแต่ล ะอย่า งจะ
 เปลี่ย นแปลงเมื่อ เด็ก พัฒ นาขึ้น
สรุป พัฒ นาการทาง
                ร่า งกาย
 นับ ตั้ง แต่แ รกเกิด ถึง วัย ชรา
  ร่า งกายจะพัฒ นาอย่า งเป็น ระบบ
  และต่อ เนื่อ ง ผมจะยาวขึ้น ทุก ๆนาที
   และสีข องผมจะแสดงความชราคือ
  ผมหงอก เว้น แต่บ างรายที่ผ มหงอก
  ก่อ นวัย ฟัน จะขึน และหลุด ไปตาม
                    ้
  วัย ตาจะดีใ นระยะแรกๆ เมื่อ ถึง
  วัย ชราจะเห็น ไม่ช ัด ส่ว นใหญ่จ ะ
  เป็น สายตายาว จึง ต้อ งสวมแว่น ตา
  หูใ นระยะวัย เด็ก ประสาทหูจ ะไว
สรุป พัฒ นาการทางสติ
                ปัญ ญา
 แรกเกิด ในวัย ทารกสมองจะเจริญ
  ขึน เรื่อ ยๆ
     ้             สัม ผัส และรับ รู้ใ นสิ่ง
  แวดล้อ มต่า งๆ
 วัย เด็ก เกิด อัต มโนทัศ น์ว ่า ตนเอง
  สำา คัญ สนใจแต่ต นเอง           ช่ว ง
  ความสนใจสัน ไม่ร ับ รู้เ หตุผ ล อยาก
                ้
  รู้อ ยากเห็น
 วัย เด็ก ตอนปลาย รู้จ ัก ใช้เ หตุผ ล
  รู้ค ด สร้า งความคิด รวบยอดได้
       ิ
สรุป พัฒ นาการทาง
                  สัง คม
 ระยะแรกเกิด          จะยึด ตนเองเป็น
  ศูน ย์ก ลาง คือ รู้จ ัก ตนเองและกระทำา
                     เพื่อ ตนเอง
 วัย รุ่น จะยึด เพื่อ นเป็น ศูน ย์ก ลาง มี
  ความรู้ส ก ที่ต ้อ งพึ่ง พาอาศัย เพื่อ น
             ึ
   รู้จ ัก คบเพื่อ นต่า งเพศ รู้จ ัก เลือ กคู่
  ครองเพื่อ เตรีย มใช้ช ีว ิต คู่
 วัย ผู้ใ หญ่ เริ่ม ใช้ช ีว ิต คูแ ละสร้า ง
                                  ่
  ครอบครัว มีบ ต รไว้ส บ สกุล
                   ุ        ื
สรุป พัฒ นาการทาง
              อารมณ์
 ระยะแรกเกิด ถึง วัย เด็ก    เด็ก จะมี
  อารมณ์ต ื่น เต้น พอใจ -ไม่พ อใจ
                  กลัว โกรธ เกลีย ด
  ยิน ดี รัก อิจ ฉาและร่า เริง
 วัย รุ่น    จะพัฒ นาอารมณ์ร ัก เป็น
  รัก เพศตรงข้า ม อารมณ์ว ิต กกัง วล
  อารมณ์ร ่ว ม อารมณ์ช ั่ว แล่น
  อารมณ์ส น ทรีย ภาพ อารมณ์ท ี่เ กิด
            ุ
  จากการสัม ผัส โดยตรง (อยากรู้
  อยากเห็น ขยะแขยง) และอารมณ์
ประโยชน์ข องการ
      ศึก ษาจิต วิท ยา
 มนุษ ย์ฒนแต่ล ะวัย จะมีค วาม
      พั ใ นาการ
  แตกต่า งกัน ทั้ง ร่า งกาย สติ
  ปัญ ญา อารมณ์ และสัง คม
 การจัด กิจ กรรมการเรีย นการ
  สอน ควรจัด ให้ส อดคล้อ งกับ
  พัฒ นาการของผู้เ รีย นในแต่ล ะ
  วัย
 ครูส ามารถกำา หนดเนื้อ หาและ
การทำา ความเข้า ใจเรื่อ ง
 พัฒ นาการกับ การจัด การศึก ษา
 เพราะเหตุใ ด แนวความคิด
 ในการจัด การศึก ษา
 นัก การศึก ษาบางกลุ่ม จึง
 เน้น บทบาทของครูเ ป็น
   สำา คัญ
 หรือ บางกลุ่ม เน้น บทบาท
การทำา ความเข้า ใจ
      เรื่อ งพัฒ นาการ
 พัฒ นาการเป็น ผลเนื่อ งมา
 จาก
 Maturation วุฒ ภ าวะ
                 ิ
 Learning การเรีย นรู้
 การเรีย นรู้
องค์ป ระกอบ
        ของพัฒ นาการ
 1. วุฒ ิภ าวะ     ( maturation)
  หมายถึง การเปลี่ย นแปลง
 ซึ่ง เนื่อ งมาจากความเจริญ
 งอกงามทางด้า นร่า งกาย
 ซึ่ง จะรวมถึง สิ่ง ที่ไ ด้ร ับ
 ถ่า ยทอดทางพัน ธุก รรมด้ว ย
 โดยมีส ิ่ง แวดล้อ มเป็น ตัว
องค์ป ระกอบ
       ของพัฒ นาการ
 2.   การเรีย นรู้ (Learning)

 คือ การเปลี่ย นแปลง
 พฤติก รรมที่ค ่อ นข้า งถาวร
 อัน เป็น ผลมาจากการฝึก หัด
 และการได้ร ับ ประสบการณ์
 ต่า งๆ
ข้อ สัง เกต


      คำา ว่า maturation

    maturity

    readiness
คำา ว่า   maturation

     เป็น กระบวนการ
    เปลี่ย นแปลงซึง จะนำา ไปสู่
                  ่

     maturity เป็น การ
    เปลี่ย นแปลงทางด้า น
     ร่า งกาย ทางกรรมพัน ธุ์
คำา ว่า   maturity

 เป็น สภาวะที่เ ต็ม สมบูร ณ์
 หรือ หมายถึง สภาพความ
 เป็น ผู้ใ หญ่ท ก ๆส่ว นของ
                ุ
 ร่า งกายพร้อ มที่จ ะทำา งาน
 ได้อ ย่า งเต็ม ที่ต ามวัย
คำา ว่า readiness



 หมายถึง ความพร้อ มทาง
 ด้า นการเรีย น ซึง ต้อ งสืบ
                   ่
 เนื่อ งมาจากร่า งกายมีว ุฒ ิ
 ภาวะเสีย ก่อ น
 ในช่ว งของการพัฒ นาการจะมี
 จุด สูง สุด ที่จ ะสอนสิ่ง ต่า งๆให้ก ับ
 เด็ก       เด็ก จะเรีย นทัก ษะใด
 ทัก ษะหนึ่ง ได้อ ย่า งรวดเร็ว และ
 บัง เกิด ผลดี จุด ๆนั้น เราเรีย กว่า
  “ ความพร้อ ม ”            ซึ่ง เป็น จุด
 เริ่ม ต้น ของ “Critical period”
 หรือ “sensitive period” เป็น
 “sensitive period ” (Critical
 period) เป็น ระยะที่ไ วต่อ
 การเรีย นรู้ ประสบการณ์
 หรือ เหตุก ารณ์ใ ดๆที่เ กิด ขึ้น
 ในช่ว งนี้จ ะมีผ ลต่อ
 พัฒ นาการในระยะหลัง ๆ
 ถ้า เด็ก พลาดโอกาสที่จ ะได้
 เรีย นหรือ ได้ก ระทำา ในช่ว ง
ความพร้อ ม กับ แนวคิด การ
       จัด การศึก ษา
 สิง ที่ค รูต ้อ งทำา ความ
    ่
 เข้า ใจ คือ ความพร้อ ม
 ซึง ถือ ว่า เป็น องค์ป ระกอบ
     ่
 ทีส ำา คัญ ในการจัด การ
   ่
 เรีย นการสอน
 ความเห็น ที่แ ตกต่า งของ
 นัก การศึก ษา
ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก
              จิต วิท ยา
      กลุม ที่ 1. ควรรอให้เ ด็ก พร้อ ม
           ่
    เสีย ก่อ น “Natural ”
             Readiness Approach


       กลุม ที่ 2. ความพร้อ มเป็น สิ่ง ที่
           ่
    เร่ง ให้เ กิด เร็ว ขึ้น ได้
            “Guided - experience” Approach
ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก
           จิต วิท ยา
  - ควรรอให้เ ด็ก พร้อ มเสีย
  ก่อ น
 กลุ่ม ที่ 1 “Natural” Readiness
 Approach
  เห็น ว่า ความพร้อ มเป็น
 เรื่อ งของธรรมชาติ เด็ก จะ
 ไปโรงเรีย นต้อ งมีค วาม
ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก
               จิต วิท ยา
   - ความพร้อ มสามารถเร่ง ให้
 เกิด ขึ้น ได้
 กลุ่ม ที่ 2 “Guided-experience”
 Approach
 เห็น ว่า ความพร้อ มจะ
 สามารถเร่ง ให้เ กิด ขึ้น ได้โ ดย
 การจัด ประสบการณ์ใ ห้ไ ม่
การช่ว ยให้เ ด็ก มีค วามพร้อ มเร็ว
ขึ้น โรงเรีย นทีด ีค วรทำา อย่า งไร
                ่

 จะต้อ งสนับ สนุน กิจ กรรมของ
  เด็ก อย่า งหลากหลาย
 มีก ารสำา รวจและให้เ ด็ก ได้
  ลงมือ กระทำา ด้ว ยตนเอง
 ครูต อ งไม่พ ยายามใช้ว ิธ ีล ัด
       ้
  โดยวิธ ีบ อก หรือ ป้อ นความรู้
การจัด กิจ กรรมใน
           ห้อ งเรีย น

 กิจ กรรมต่า งๆที่ค รูจ ัด ขึ้น ใน
  ห้อ งเรีย น จะต้อ งยั่ว ยุใ ห้เ ด็ก
  ได้ใ ช้ค วามสามารถที่ม ีใ นตัว
  ให้เ กิด การเรีย นรู้ และทำา ให้
  เด็ก ได้ม ีค วามเข้า ใจโลกรอบๆ
  ตัว เขาอย่า งค่อ ยเป็น ค่อ ยไป
 งานที่ส ำา คัญ ของครูก ็ค ือ
หลัก ทั่ว ไปของ
            พัฒ นาการ
 - พัฒ นาการของเด็ก โดยทั่ว ไป จะ
 มีบ างส่ว นเหมือ นกัน
 - ยีน ส์แ ละสิ่ง แวดล้อ มเป็น ตัว กำา หนด
 ความแตกต่า ง ทำา ให้
    เด็ก แต่ล ะคนมีค วามแตกต่า งๆ
 - ในระยะแรกๆของชีว ิต
 พัฒ นาการเป็น ผลรวมของ
   maturation เป็น ส่ว นใหญ่ เป็น
 พฤติก รรมที่ท ำา นายได้
ทฤษฎีท ี่เ กีย วข้อ งกับ การ
                 ่
      พัฒ นาการมนุษ ย์
    1. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ
  ทางบุค ลิก ภาพ
    2. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ
  ทางสติป ัญ ญา
    3. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ
  ทางจริย ธรรม
ทฤษฎีท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ การ
  พัฒ นาการมนุษ ย์
 2. ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ
  ปัญ ญา
 2.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ
  ปัญ ญา “Piaget”
 2.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ
  ปัญ ญา “Bruner”
 3. ทฤษฎีพ ฒ นาการทาง
            ั
  จริย ธรรม
 3.1 ทฤษฎีพ ฒ นาการทาง
                ั
  จริย ธรรมของ
        “Kolberg ”
1.1 ทฤษฎีจ ิต วิเ คราะห์ข องฟรอย
                  ด์
 Freud เจ้า ของทฤษฎี Psychoanalytic
  Theory
 “ ประสบการณ์แ ต่เ ยาว์ว ัย จะมีอ ิท ธิพ ล
  ต่อ พฤติก รรมของบุค คลในระยะเวลา
  ต่อ มา (บุค ลิก ภาพ) โดยเฉพาะ
  ประสบการณ์ช นิด รุน แรง
   ( traumatic experience)
 ระยะ critical period ของคนจะอยู่ใ น
  ระหว่า งวัย 6 ปีแ รกของชีว ิต ซึง แบ่ง
                                    ่
  ออกเป็น 3 ระยะด้ว ยกัน คือ
           ระยะที่ 1 Oral stage อายุ 1 -
สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง
   ่           ่
  แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร
 Hebb (1949)กล่า วว่า การจัด สิง
                                ่
 แวดล้อ มที่ด ีใ นช่ว งแรกของชีว ิต จะ
 เป็น เสมือ นพื้น ฐานสำา หรับ
 พัฒ นาการทางด้า นสติป ญ ญาต่อ
                           ั
 ไป

 Hunt (1961) กล่า วว่า ถ้า เราจัด สิ่ง
 แวดล้อ มที่ด ีใ ห้ก ับ เด็ก ในช่ว ง 6 ปี
สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง
   ่           ่
  แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร
 Bruner (1960) กล่า วว่า เราสามารถ
  จัด สิง แวดล้อ ม ประสบการณ์เ พื่อ
        ่
  ช่ว ยให้เ ด็ก เกิด การเรีย นรู้ข ึ้น ได้
  แต่ต ้อ งสอดคล้อ งกับ คุณ ลัก ษณะ
  ของเด็ก ในขัน พัฒ นาการนั้น ด้ว ย
                 ้

 “ Any subject can be taught effectively
  honest form to any child at any stage
  of development ” (1960, p. 33)
สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง
   ่           ่
  แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร
 Bloom (1964)   กล่า วว่า 8 ปีแ รกของ
 ชีว ิต เป็น ช่ว งที่ม ีค วามสำา คัญ มาก
 ฉะนั้น ถ้า จัด ประสบการณ์ใ นช่ว งนี้
 ให้ด ี      จะช่ว ยเพิ่ม I.Q. เพราะ
 I.Q. ของผู้ใ หญ่ 50% ได้ม าในช่ว ง
 อายุ 4 ขวบ และ 80 % ได้ม าเมื่อ
 อายุ 8 ขวบ

  การศึก ษาในระดับ อนุบ าล
   
1.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสัง คม
        ของอีร ิค สัน
 Erikson   เจ้า ของทฤษฎี          “Erikson’ s
  Theory of Development ” มีแ นวคิด ว่า
  การอบรมเลี้ย งดูเ ด็ก ในแต่ล ะขั้น
  ถ้า เหมาะสมก็จ ะส่ง เสริม ให้เ ด็ก
  เป็น ผู้ท ี่ม ีส ข ภาพจิต ดี มีช ีว ิต ที่ม ี
                   ุ
  ความสุข แต่ถ ้า ไม่เ หมาะสม
  เด็ก ก็จ ะมีป ญ หาการปรับ ตัว
                     ั
 เน้น สัม พัน ธภาพระหว่า งบุค คลและ
  สัง คม               ที่จ ะมีผ ลต่อ การพัฒ นา
  บุค ลิก ภาพ
อิร ิค สัน แบ่ง ขั้น การพัฒ นาการออกเป็น 8
                            ขั้น

 ขั้น ที่ 1 ความไว้ว างใจ / ไม่ไ ว้ว างใจ ( 0 – 1
    ปี )
   ขั้น ที่ 2 ความเป็น ตัว ของตัว เอง / ความไม่
    มั่น ใจในตนเอง ( 1 – 2 ปี )
   ขั้น ที่ 3 ความคิด ริเ ริ่ม / ความรู้ส ึก ผิด ( 3 – 4
    ปี )
   ขั้น ที่ 4 ความขยัน หมั่น เพีย ร / ความรู้ส ึก
    ตำ่า ต้อ ย ( 5 – 11 ปี )
   ขั้น ที่ 5 ความเป็น เอกลัก ษณ์ / ความสับ สนใน
    บทบาท ( 12 – 18 ปี )
แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ
                 การศึก ษา
 ระดับ อนุบ าล - เป็น วัย ที่ก ล้า ม
  เนื้อ ต่า งๆกำา ลัง พัฒ นา
             - เป็น วัย ที่พ ร้อ มจะเรีย นรู้
  สิง ต่า งๆเร็ว มาก
    ่
   บทบาทครู            ควรเปิด โอกาสให้
  เด็ก ได้ท ดลองทำา สิ่ง ต่า งๆอย่า ง
  อิส ระคอยช่ว ยเหลือ แนะนำา อยู่
  ห่า งๆ กระตุ้น ให้เ กิด ความคิด ริเ ริ่ม
แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ
          การศึก ษา
ระดับ ประถม - เด็ก ต้อ งการเป็น ที่
 ยอมรับ ของครูแ ละเพื่อ น
         - ต้อ งการความสำา เร็จ จาก
 การทำา งานสูง

 บทบาทของครู             ควรสอนให้
 เด็ก เกิด ความพึง พอใจกับ การ
 ทำา งานให้เ สร็จ สมบูร ณ์ โดยมี
 ความตั้ง ใจและความขยัน ขัน แข็ง
 ต้อ งระวัง อย่า ให้พ ัฒ นาความรู้ส ึก
แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ
           การศึก ษา
 ระดับ มัธ ยม    - ช่ว งวัย รุ่น เป็น วัย ที่
 กำา ลัง แสวงหาเอกลัก ษณ์ข อง
                  ตนเอง
           - มีค วามเป็น ตัว ของตัว เอง /
 ไม่ม ีจ ุด ยืน ของตนเอง
  บทบาทของครู สิง ที่จ ะต้อ งทำา คือ
                         ่
 สัม พัน ธภาพระหว่า งครู-นัก เรีย น
                  ความเมตตา ความ
 เข้า ใจ และความสนใจในตัว
1.3 งานตามขั้น พัฒ นาการของ
        ฮาวิก เฮอร์ส ท
 Havighurst   “ ในแต่ล ะช่ว งวัย ของ
 ชีว ิต นั้น จะมีง านประจำา วัย ซึ่ง เป็น
 งานที่เ ด็ก แต่ล ะคนควรจะทำา ได้ใ น
 ช่ว งวัย นั้น ๆ เป็น งานของชีว ิต ที่
 ต้อ งทำา ให้ไ ด้ใ นช่ว งวัย นั้น ๆ   ถ้า
 บุค คลไม่ป ระสบผลสำา เร็จ ในงาน
 นั้น ๆก็จ ะมีผ ลต่อ การปรับ ตัว
 มีป ระโยชน์ต ่อ การจัด การศึก ษา อยู่
   2 ประการ
 1. ช่ว ยให้ส ามารถตั้ง วัต ถุป ระสงค์
  ในการจัด การเรีย นการสอนใน
  โรงเรีย น ทำา อย่า งไรโรงเรีย นจึง จะ
  สามารถช่ว ยให้น ัก เรีย นแต่ล ะคน
  บรรลุ “งาน ” ในแต่ล ะวัย ได้

 2. ช่ว ยให้จ ัด การเรีย นการสอนได้
2.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ
          ปัญ ญา “Piaget”
 Piaget เจ้า ของ     ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง
 ด้า นสติป ญ ญาและความคิด กล่า วว่า
               ั
 การเจริญ เติบ โตทางสมองของเด็ก
 ส่ว นหนึ่ง เป็น ผลมาจากวุฒ ิภ าวะและ
 การปฏิส ม พัน ธ์อ ย่า งต่อ เนื่อ งกับ สิง
             ั                           ่
 แวดล้อ มภายนอก
 ทำา ให้เ ด็ก ได้ด ูด ซึม ประสบการณ์
 ใหม่ๆ           ให้ร วมอยูใ นโครงสร้า งของ
                           ่
 เชาวน์ป ญ ญา และปรับ ตัว กับ สิง
           ั                         ่
 - Organization
      เป็น การจัด ภายในโดยวิธ ี รวม
    กระบวนการต่า งๆเข้า เป็น ระบบ
     อย่า งติด ต่อ กัน เป็น เรื่อ งเป็น ราว
    เช่น เด็ก เล็ก เห็น ของแล้ว คว้า
     การที่เ ด็ก ทำา กิจ กรรม 2 อย่า งได้
    ในเวลาเดีย วกัน เรีย กว่า
     เป็น การรวมกระบวนการเข้า เป็น
    ระบบ
    - Adaptation
เพีย เจท์ แบ่ง ขั้น การพัฒ นาการทาง
        สติป ัญ ญา ออกเป็น 4 ขัน้


 ขั้น ที่ 1 การรับ รู้ด ้ว ยประสาทสัม ผัส
  และการเคลื่อ นไหว ( 0 – 2 ปี )
 ขั้น ที่ 2 การคิด ก่อ นมีเ หตุผ ล ( 2 – 7 ปี
  )
 ขั้น ที่ 3 การคิด แบบมีเ หตุผ ลเชิง รูป
  ธรรม ( 7 – 11 ปี )
 ขั้น ที่ 4 การคิด แบบมีเ หตุผ ลเชิง
แนวคิด ของเพีย เจท์ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ
              การศึก ษา
 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางด้า นสติป ัญ ญา
  และความคิด ของเพีย เจท์ม ีอ ิท ธิพ ล
  เป็น อย่า งมากต่อ การจัด การศึก ษา
  โดย นัก การศึก ษาได้น ำา มาใช้ใ นการ
  พัฒ นาหลัก สูต รให้ม ีค วามยากง่า ย
  เหมาะกับ ระดับ ของเด็ก
 การจัด ให้ม ีศ ูน ย์ก ิจ กรรมต่า งๆเพื่อ ให้
  เด็ก ได้เ ลือ กประสบการณ์ก ารเรีย น
  เอง
 เด็ก ควรได้ร ับ การส่ง เสริม การพูด
2.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ
          ปัญ ญา “Bruner”
 Bruner มีค วามเห็น ว่า  ความพร้อ ม
 เป็น สิ่ง ที่ส ามารถสอนให้เ กิด เร็ว ขึ้น ได้
       โดยการจัด สิ่ง แวดล้อ มให้
 สอดคล้อ งกับ ขัน พัฒ นาการ
                    ้

 การจัด การเรีย นการสอน  ครู
 สามารถช่ว ยจัด ประสบการณ์เ พือ ช่ว ย
                              ่
 ให้เ กิด ความพร้อ มได้  โดยไม่ต ้อ ง
 รอให้เ กิด ความพร้อ มตามธรรมชาติ
 “ any subject can be taught effectively
 in some intellectually honest form to any
 child at any stage of development ”

 …one teaches readiness or provides
 opportunities for its nurture; one does not
 simply wait for it. Readiness , in these
 terms, consists of mastery of those simple
  skills that permit one to reach higher skills
 ”
บรูเ นอร์ แบ่ง พัฒ นาการทางความรู้ ความ
     เข้า ใจของมนุษ ย์ เป็น 3 ลัก ษณะ


     ลัก ษณะที่ 1 การกระทำา ( อายุ 2 –
    7 ปี )
            Enactive representation
    ลัก ษณะที่ 2 การสร้า งภาพในใจ (
    อายุ 7 – 11 ปี )
           Iconic representation
      ลัก ษณะที่ 3 การใช้ส ัญ ลัก ษณ์
    ( อายุ 11 – 15 ปี )
ความคิด เห็น ของ บรูเ นอร์ ทีม ี ่
 1. ทำา ให้ต ระหนัการศึก ษา วัส ดุ
            ผลต่อ ก ถึง การจัด
  อุป กรณ์ท ี่เ หมาะสมในการสอนให้ก ับ
  เด็ก เล็ก ๆ เพื่อ กระตุ้น การกระทำา ให้
  เกิด การรับ รู้ง ่า ย
 2. เน้น ความสำา คัญ ของผู้เ รีย น มี
  บทบาทและคิด ค้น กระทำา สิ่ง ต่า งๆด้ว ย
  ตนเอง ส่ง เสริม ให้เ กิด การเรีย นรู้
  แบบ discovery learning
 3. เราสามารถจัด การสอนเนื้อ หาวิช า
  ใดๆ ให้ก ับ เด็ก ในช่ว งใดของชีว ิต
3.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง
    จริย ธรรมของ “Kolberg ”

 เป็น ทฤษฎีท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ การให้
  เหตุผ ลทางจริย ธรรม โดยศึก ษา
  แนวทางจากงานวิจ ัย ของเพีย เจท์
 เมื่อ เด็ก โตขึ้น จะเลือ กกระทำา
  พฤติก รรมโดยคำา นึง ถึง ส่ว นรวม
  หรือ ชุม ชนมากขึ้น และลดการกระ
  ทำา เพือ ตนเองลง
          ่
ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง
          จริย ธรรม 3 ระดับ
 ระดับ ที่ 1 ระดับ ก่อ นเกณฑ์ (อายุ 2-10
    ปี)
      เหตุผ ลทางจริย ธรรม ความคาด
  หวัง ในรางวัล หรือ การถูก ลงโทษ
             ขั้น ที่ 1 หลัก การหลีก เลี่ย งมิ
  ให้ถ ูก ลงโทษ (อายุ 2-7 ปี)
                        เด็ก เชือ กฎเกณฑ์เ พื่อ
                                 ่
  ไม่ใ ห้ถ ูก ลงโทษ
             ขั้น ที่ 2 หลัก การได้ร ับ รางวัล
  (อายุ 7-10 ปี)
ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง
               จริย ธรรม 3 ระดับ
 ระดับ ที่ 2 ระดับ ตามกฎเกณฑ์ (อายุ 10-16
    ปี)
     เหตุผ ลทางจริย ธรรม มีพ ื้น ฐานอยู่บ น
    การคล้อ ยตามบุค คลอืน        ่
     และมาตรฐานทางสัง คม
              ขั้น ที่ 3 หลัก การทำา ตามความเห็น
    ของผู้อ น (อายุ 10-13 ปี)
               ื่
                         จะทำา ในสิง ที่ผ อ ื่น เห็น ว่า ดี
                                    ่      ู้
    ให้ผ อ น ยอมรับ ในตัว เขา
         ู้ ื่
              ขั้น ที่ 4 หลัก การทำา ตามหน้า ที่ (อายุ
ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง
             จริย ธรรมอ กฎเกณฑ์
    ระดับ ที่ 3 ระดับ เหนื
                           3 ระดับ (อายุ
    16 ปีข ึ้น ไป)
       เป็น ระดับ สูง สุด ของการให้เ หตุผ ลทาง
    จริย ธรรม พื้น ฐานการกระทำา อยู่บ น
    มาตรฐานและความเชือ ส่ว นบุค คล
                                ่
             ขั้น ที่ 5 หลัก การมีเ หตุผ ลและ
    เคารพตนเอง
                        ยอมรับ กฎเกณฑ์แ บบ
    ประชาธิป ไตย ควบคุม ตนเองให้อ ยู่
                        ในกรอบไม่ท ำา อะไรที่จ ะไป
    กระทบสิท ธิข องผูอ ื่น ้


Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมNaracha Nong
 
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55Decode Ac
 
ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์shedah6381
 
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาitedu355
 
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1NusaiMath
 
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Presentบทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา PresentKobchai Khamboonruang
 
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์7roommate
 
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์Habsoh Noitabtim
 
เพียเจต์
เพียเจต์เพียเจต์
เพียเจต์fateemeenorm
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1Sareenakache
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1rorsed
 

Was ist angesagt? (14)

กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
 
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55
บทที่ 7 พัฒนาการเด็ก และความต้องการของเด็ก 55
 
ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์
 
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษาความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
 
บรู
บรูบรู
บรู
 
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1
ทฤษฎีของเฟียเจท์ 1
 
Original kohlberg
Original kohlbergOriginal kohlberg
Original kohlberg
 
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Presentบทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
 
Original b.
Original b.Original b.
Original b.
 
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา จอห์น เพียเจท์
 
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์
 
เพียเจต์
เพียเจต์เพียเจต์
เพียเจต์
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 

Andere mochten auch

ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์New Born
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurstNew Born
 
Original kohlberg
Original kohlbergOriginal kohlberg
Original kohlbergNew Born
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1New Born
 
Original thorndike
Original thorndikeOriginal thorndike
Original thorndikeNew Born
 
Forever done xoxo
Forever done xoxoForever done xoxo
Forever done xoxocbslideshow
 
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...comller
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2New Born
 
Marionette structure with modules
Marionette structure with modulesMarionette structure with modules
Marionette structure with modulesmatt-briggs
 
Marionette - TorontoJS
Marionette - TorontoJSMarionette - TorontoJS
Marionette - TorontoJSmatt-briggs
 
Backbone/Marionette introduction
Backbone/Marionette introductionBackbone/Marionette introduction
Backbone/Marionette introductionmatt-briggs
 
Teaching speaking- Communicative competence
Teaching speaking- Communicative competence  Teaching speaking- Communicative competence
Teaching speaking- Communicative competence Bui Hong Minh
 
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventRèglement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventPartenariatDeezer
 
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventRèglement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventPartenariatDeezer
 

Andere mochten auch (17)

ฟรอยด์
ฟรอยด์ฟรอยด์
ฟรอยด์
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurst
 
บรู
บรูบรู
บรู
 
Evolutionary theory
Evolutionary theoryEvolutionary theory
Evolutionary theory
 
Original kohlberg
Original kohlbergOriginal kohlberg
Original kohlberg
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
Original thorndike
Original thorndikeOriginal thorndike
Original thorndike
 
Forever done xoxo
Forever done xoxoForever done xoxo
Forever done xoxo
 
kimia-teori atom
kimia-teori atomkimia-teori atom
kimia-teori atom
 
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...
Ambient Air Quality in China - The Impact of Particulate and Gaseous Pollutan...
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 
Marionette structure with modules
Marionette structure with modulesMarionette structure with modules
Marionette structure with modules
 
Marionette - TorontoJS
Marionette - TorontoJSMarionette - TorontoJS
Marionette - TorontoJS
 
Backbone/Marionette introduction
Backbone/Marionette introductionBackbone/Marionette introduction
Backbone/Marionette introduction
 
Teaching speaking- Communicative competence
Teaching speaking- Communicative competence  Teaching speaking- Communicative competence
Teaching speaking- Communicative competence
 
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventRèglement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
 
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma eventRèglement anglais appli mobile blindtest ma ma event
Règlement anglais appli mobile blindtest ma ma event
 

Ähnlich wie Psychology1

นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.PdfAwantee
 
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิดทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิดNote Na-ngam
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1supap6259
 
Original b.
Original b.Original b.
Original b.ya035
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการขวัญ ฤทัย
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการขวัญ ฤทัย
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์sofia-m15
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์nurul027
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์saleehah053
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
งานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่องานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่อMicKy Mesprasart
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 2
สุขฯ ม.2 หน่วย 2สุขฯ ม.2 หน่วย 2
สุขฯ ม.2 หน่วย 2supap6259
 
พัฒนาการของมนุษย์
พัฒนาการของมนุษย์พัฒนาการของมนุษย์
พัฒนาการของมนุษย์khuwawa2513
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาDekDoy Khonderm
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2pattamasatun
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2ya035
 

Ähnlich wie Psychology1 (20)

นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.Pdf
 
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิดทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
 
Original b.
Original b.Original b.
Original b.
 
Original b.
Original b.Original b.
Original b.
 
Original b.
Original b.Original b.
Original b.
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการ
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการ
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
งานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่องานออกแบบสื่อ
งานออกแบบสื่อ
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 2
สุขฯ ม.2 หน่วย 2สุขฯ ม.2 หน่วย 2
สุขฯ ม.2 หน่วย 2
 
พัฒนาการของมนุษย์
พัฒนาการของมนุษย์พัฒนาการของมนุษย์
พัฒนาการของมนุษย์
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 
Original erikson 2
Original erikson 2Original erikson 2
Original erikson 2
 

Psychology1

  • 2.  1. ครูจ ะต้อ งมีค วามรู้เ กีย ว ่ กับ ลัก ษณะทัว ไปของ ่ นัก เรีย นที่ต นสอน  2. หน้า ที่ค รู คือ การช่ว ย นัก เรีย นให้พ ฒ นาทัง ั ้ ทางร่า งกาย สติป ญ ญาั บุค ลิก ภาพ อารมณ์แ ละ
  • 3.  1. จิต วิท ยาบุค ลิก ภาพ ( Psychology of Personality)  2. จิต วิท ยา การ เรีย นรู้ (Psychology of Learning)  3. จิต วิท ยาเกี่ย วกับ ความคิด หรือ ความรู้ ความเข้า ใจ (Psychology of Thinking or Cognition)  4. จิต วิท ยาพัฒ นาการ (Developmental Psychology)  5. จิต วิท ยาว่า ด้ว ยความแตกต่า ง
  • 4. จิต วิท ยาพัฒ นาการ  การศึก ษาถึง พัฒ นาการในวัย ต่า งๆ มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ การ จัด การเรีย นการสอน ในขั้น ของพัฒ นาการ นั้น เพื่อ ให้เ ด็ก เป็น
  • 5.  การเป็น สมาชิก ที่ด ีข องสัง คม (Socialization) มีผ ลต่อ พัฒ นาการอย่า งยิ่ง เพราะพฤติก รรมของคนจะ สามารถปรับ ให้ด ีข ึ้น หรือ เลว ลงในช่ว งใดก็ไ ด้ ถ้า สภาพ การณ์ใ นชีว ิต ของคนผู้น ั้น
  • 6. Socialization มีอ ิท ธิพ ลต่อ พัฒ นาการ  Anderson มองเกี่ย วกับ พัฒ นาการว่า พัฒ นาการคือ ความสามารถที่ คนจะพึ่ง ตนเองและควบคุม ตนเองได้  Havighurst มองเกี่ย วกับ พัฒ นาการว่า กระบวนการพัฒ นาการใน
  • 7. การทำา ความเข้า ใจเรื่อ ง พัฒ นาการ  ในการทำา ความเข้า ใจเกี่ย วกับ พัฒ นาการของมนุษ ย์ เป็น ความ  จำา เป็น ที่จ ะต้อ งทำา ความเข้า ใจทั้ง ทางด้า นร่า งกาย ชีว วิท ยา  สติป ัญ ญา สัง คม อารมณ์ และ รูป แบบต่า งๆของพฤติก รรม  พฤติก รรมแต่ล ะอย่า งจะ เปลี่ย นแปลงเมื่อ เด็ก พัฒ นาขึ้น
  • 8. สรุป พัฒ นาการทาง ร่า งกาย  นับ ตั้ง แต่แ รกเกิด ถึง วัย ชรา ร่า งกายจะพัฒ นาอย่า งเป็น ระบบ และต่อ เนื่อ ง ผมจะยาวขึ้น ทุก ๆนาที และสีข องผมจะแสดงความชราคือ ผมหงอก เว้น แต่บ างรายที่ผ มหงอก ก่อ นวัย ฟัน จะขึน และหลุด ไปตาม ้ วัย ตาจะดีใ นระยะแรกๆ เมื่อ ถึง วัย ชราจะเห็น ไม่ช ัด ส่ว นใหญ่จ ะ เป็น สายตายาว จึง ต้อ งสวมแว่น ตา หูใ นระยะวัย เด็ก ประสาทหูจ ะไว
  • 9. สรุป พัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา  แรกเกิด ในวัย ทารกสมองจะเจริญ ขึน เรื่อ ยๆ ้ สัม ผัส และรับ รู้ใ นสิ่ง แวดล้อ มต่า งๆ  วัย เด็ก เกิด อัต มโนทัศ น์ว ่า ตนเอง สำา คัญ สนใจแต่ต นเอง ช่ว ง ความสนใจสัน ไม่ร ับ รู้เ หตุผ ล อยาก ้ รู้อ ยากเห็น  วัย เด็ก ตอนปลาย รู้จ ัก ใช้เ หตุผ ล รู้ค ด สร้า งความคิด รวบยอดได้ ิ
  • 10. สรุป พัฒ นาการทาง สัง คม  ระยะแรกเกิด จะยึด ตนเองเป็น ศูน ย์ก ลาง คือ รู้จ ัก ตนเองและกระทำา เพื่อ ตนเอง  วัย รุ่น จะยึด เพื่อ นเป็น ศูน ย์ก ลาง มี ความรู้ส ก ที่ต ้อ งพึ่ง พาอาศัย เพื่อ น ึ รู้จ ัก คบเพื่อ นต่า งเพศ รู้จ ัก เลือ กคู่ ครองเพื่อ เตรีย มใช้ช ีว ิต คู่  วัย ผู้ใ หญ่ เริ่ม ใช้ช ีว ิต คูแ ละสร้า ง ่ ครอบครัว มีบ ต รไว้ส บ สกุล ุ ื
  • 11. สรุป พัฒ นาการทาง อารมณ์  ระยะแรกเกิด ถึง วัย เด็ก เด็ก จะมี อารมณ์ต ื่น เต้น พอใจ -ไม่พ อใจ กลัว โกรธ เกลีย ด ยิน ดี รัก อิจ ฉาและร่า เริง  วัย รุ่น จะพัฒ นาอารมณ์ร ัก เป็น รัก เพศตรงข้า ม อารมณ์ว ิต กกัง วล อารมณ์ร ่ว ม อารมณ์ช ั่ว แล่น อารมณ์ส น ทรีย ภาพ อารมณ์ท ี่เ กิด ุ จากการสัม ผัส โดยตรง (อยากรู้ อยากเห็น ขยะแขยง) และอารมณ์
  • 12. ประโยชน์ข องการ ศึก ษาจิต วิท ยา  มนุษ ย์ฒนแต่ล ะวัย จะมีค วาม พั ใ นาการ แตกต่า งกัน ทั้ง ร่า งกาย สติ ปัญ ญา อารมณ์ และสัง คม  การจัด กิจ กรรมการเรีย นการ สอน ควรจัด ให้ส อดคล้อ งกับ พัฒ นาการของผู้เ รีย นในแต่ล ะ วัย  ครูส ามารถกำา หนดเนื้อ หาและ
  • 13. การทำา ความเข้า ใจเรื่อ ง พัฒ นาการกับ การจัด การศึก ษา  เพราะเหตุใ ด แนวความคิด ในการจัด การศึก ษา  นัก การศึก ษาบางกลุ่ม จึง เน้น บทบาทของครูเ ป็น สำา คัญ  หรือ บางกลุ่ม เน้น บทบาท
  • 14. การทำา ความเข้า ใจ เรื่อ งพัฒ นาการ  พัฒ นาการเป็น ผลเนื่อ งมา จาก  Maturation วุฒ ภ าวะ ิ  Learning การเรีย นรู้ การเรีย นรู้
  • 15. องค์ป ระกอบ ของพัฒ นาการ  1. วุฒ ิภ าวะ ( maturation) หมายถึง การเปลี่ย นแปลง ซึ่ง เนื่อ งมาจากความเจริญ งอกงามทางด้า นร่า งกาย ซึ่ง จะรวมถึง สิ่ง ที่ไ ด้ร ับ ถ่า ยทอดทางพัน ธุก รรมด้ว ย โดยมีส ิ่ง แวดล้อ มเป็น ตัว
  • 16. องค์ป ระกอบ ของพัฒ นาการ  2. การเรีย นรู้ (Learning) คือ การเปลี่ย นแปลง พฤติก รรมที่ค ่อ นข้า งถาวร อัน เป็น ผลมาจากการฝึก หัด และการได้ร ับ ประสบการณ์ ต่า งๆ
  • 17. ข้อ สัง เกต   คำา ว่า maturation  maturity  readiness
  • 18. คำา ว่า maturation  เป็น กระบวนการ เปลี่ย นแปลงซึง จะนำา ไปสู่ ่ maturity เป็น การ เปลี่ย นแปลงทางด้า น ร่า งกาย ทางกรรมพัน ธุ์
  • 19. คำา ว่า maturity  เป็น สภาวะที่เ ต็ม สมบูร ณ์ หรือ หมายถึง สภาพความ เป็น ผู้ใ หญ่ท ก ๆส่ว นของ ุ ร่า งกายพร้อ มที่จ ะทำา งาน ได้อ ย่า งเต็ม ที่ต ามวัย
  • 20. คำา ว่า readiness  หมายถึง ความพร้อ มทาง ด้า นการเรีย น ซึง ต้อ งสืบ ่ เนื่อ งมาจากร่า งกายมีว ุฒ ิ ภาวะเสีย ก่อ น
  • 21.  ในช่ว งของการพัฒ นาการจะมี จุด สูง สุด ที่จ ะสอนสิ่ง ต่า งๆให้ก ับ เด็ก เด็ก จะเรีย นทัก ษะใด ทัก ษะหนึ่ง ได้อ ย่า งรวดเร็ว และ บัง เกิด ผลดี จุด ๆนั้น เราเรีย กว่า “ ความพร้อ ม ” ซึ่ง เป็น จุด เริ่ม ต้น ของ “Critical period” หรือ “sensitive period” เป็น
  • 22.  “sensitive period ” (Critical period) เป็น ระยะที่ไ วต่อ การเรีย นรู้ ประสบการณ์ หรือ เหตุก ารณ์ใ ดๆที่เ กิด ขึ้น ในช่ว งนี้จ ะมีผ ลต่อ พัฒ นาการในระยะหลัง ๆ  ถ้า เด็ก พลาดโอกาสที่จ ะได้ เรีย นหรือ ได้ก ระทำา ในช่ว ง
  • 23. ความพร้อ ม กับ แนวคิด การ จัด การศึก ษา  สิง ที่ค รูต ้อ งทำา ความ ่ เข้า ใจ คือ ความพร้อ ม ซึง ถือ ว่า เป็น องค์ป ระกอบ ่ ทีส ำา คัญ ในการจัด การ ่ เรีย นการสอน  ความเห็น ที่แ ตกต่า งของ นัก การศึก ษา
  • 24. ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก จิต วิท ยา  กลุม ที่ 1. ควรรอให้เ ด็ก พร้อ ม ่ เสีย ก่อ น “Natural ” Readiness Approach  กลุม ที่ 2. ความพร้อ มเป็น สิ่ง ที่ ่ เร่ง ให้เ กิด เร็ว ขึ้น ได้ “Guided - experience” Approach
  • 25. ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก จิต วิท ยา - ควรรอให้เ ด็ก พร้อ มเสีย ก่อ น  กลุ่ม ที่ 1 “Natural” Readiness Approach เห็น ว่า ความพร้อ มเป็น เรื่อ งของธรรมชาติ เด็ก จะ ไปโรงเรีย นต้อ งมีค วาม
  • 26. ความเห็น ที่แ ตกต่า งของนัก จิต วิท ยา - ความพร้อ มสามารถเร่ง ให้ เกิด ขึ้น ได้  กลุ่ม ที่ 2 “Guided-experience” Approach เห็น ว่า ความพร้อ มจะ สามารถเร่ง ให้เ กิด ขึ้น ได้โ ดย การจัด ประสบการณ์ใ ห้ไ ม่
  • 27. การช่ว ยให้เ ด็ก มีค วามพร้อ มเร็ว ขึ้น โรงเรีย นทีด ีค วรทำา อย่า งไร ่  จะต้อ งสนับ สนุน กิจ กรรมของ เด็ก อย่า งหลากหลาย  มีก ารสำา รวจและให้เ ด็ก ได้ ลงมือ กระทำา ด้ว ยตนเอง  ครูต อ งไม่พ ยายามใช้ว ิธ ีล ัด ้ โดยวิธ ีบ อก หรือ ป้อ นความรู้
  • 28. การจัด กิจ กรรมใน ห้อ งเรีย น  กิจ กรรมต่า งๆที่ค รูจ ัด ขึ้น ใน ห้อ งเรีย น จะต้อ งยั่ว ยุใ ห้เ ด็ก ได้ใ ช้ค วามสามารถที่ม ีใ นตัว ให้เ กิด การเรีย นรู้ และทำา ให้ เด็ก ได้ม ีค วามเข้า ใจโลกรอบๆ ตัว เขาอย่า งค่อ ยเป็น ค่อ ยไป  งานที่ส ำา คัญ ของครูก ็ค ือ
  • 29. หลัก ทั่ว ไปของ พัฒ นาการ  - พัฒ นาการของเด็ก โดยทั่ว ไป จะ มีบ างส่ว นเหมือ นกัน  - ยีน ส์แ ละสิ่ง แวดล้อ มเป็น ตัว กำา หนด ความแตกต่า ง ทำา ให้ เด็ก แต่ล ะคนมีค วามแตกต่า งๆ  - ในระยะแรกๆของชีว ิต พัฒ นาการเป็น ผลรวมของ maturation เป็น ส่ว นใหญ่ เป็น พฤติก รรมที่ท ำา นายได้
  • 30. ทฤษฎีท ี่เ กีย วข้อ งกับ การ ่ พัฒ นาการมนุษ ย์  1. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ ทางบุค ลิก ภาพ  2. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ ทางสติป ัญ ญา  3. ทฤษฎีพ ัฒ นาการ ทางจริย ธรรม
  • 31. ทฤษฎีท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ การ พัฒ นาการมนุษ ย์
  • 32.  2. ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา  2.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา “Piaget”  2.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา “Bruner”
  • 33.  3. ทฤษฎีพ ฒ นาการทาง ั จริย ธรรม  3.1 ทฤษฎีพ ฒ นาการทาง ั จริย ธรรมของ “Kolberg ”
  • 34. 1.1 ทฤษฎีจ ิต วิเ คราะห์ข องฟรอย ด์  Freud เจ้า ของทฤษฎี Psychoanalytic Theory  “ ประสบการณ์แ ต่เ ยาว์ว ัย จะมีอ ิท ธิพ ล ต่อ พฤติก รรมของบุค คลในระยะเวลา ต่อ มา (บุค ลิก ภาพ) โดยเฉพาะ ประสบการณ์ช นิด รุน แรง ( traumatic experience)  ระยะ critical period ของคนจะอยู่ใ น ระหว่า งวัย 6 ปีแ รกของชีว ิต ซึง แบ่ง ่ ออกเป็น 3 ระยะด้ว ยกัน คือ  ระยะที่ 1 Oral stage อายุ 1 -
  • 35. สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง ่ ่ แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร  Hebb (1949)กล่า วว่า การจัด สิง ่ แวดล้อ มที่ด ีใ นช่ว งแรกของชีว ิต จะ เป็น เสมือ นพื้น ฐานสำา หรับ พัฒ นาการทางด้า นสติป ญ ญาต่อ ั ไป  Hunt (1961) กล่า วว่า ถ้า เราจัด สิ่ง แวดล้อ มที่ด ีใ ห้ก ับ เด็ก ในช่ว ง 6 ปี
  • 36. สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง ่ ่ แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร  Bruner (1960) กล่า วว่า เราสามารถ จัด สิง แวดล้อ ม ประสบการณ์เ พื่อ ่ ช่ว ยให้เ ด็ก เกิด การเรีย นรู้ข ึ้น ได้ แต่ต ้อ งสอดคล้อ งกับ คุณ ลัก ษณะ ของเด็ก ในขัน พัฒ นาการนั้น ด้ว ย ้ “ Any subject can be taught effectively honest form to any child at any stage of development ” (1960, p. 33)
  • 37. สิง แวดล้อ มทีเ หมาะสม ในช่ว ง ่ ่ แรกของชีว ิต สำา คัญ อย่า งไร  Bloom (1964) กล่า วว่า 8 ปีแ รกของ ชีว ิต เป็น ช่ว งที่ม ีค วามสำา คัญ มาก ฉะนั้น ถ้า จัด ประสบการณ์ใ นช่ว งนี้ ให้ด ี จะช่ว ยเพิ่ม I.Q. เพราะ I.Q. ของผู้ใ หญ่ 50% ได้ม าในช่ว ง อายุ 4 ขวบ และ 80 % ได้ม าเมื่อ อายุ 8 ขวบ   การศึก ษาในระดับ อนุบ าล 
  • 38. 1.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสัง คม ของอีร ิค สัน  Erikson เจ้า ของทฤษฎี “Erikson’ s Theory of Development ” มีแ นวคิด ว่า การอบรมเลี้ย งดูเ ด็ก ในแต่ล ะขั้น ถ้า เหมาะสมก็จ ะส่ง เสริม ให้เ ด็ก เป็น ผู้ท ี่ม ีส ข ภาพจิต ดี มีช ีว ิต ที่ม ี ุ ความสุข แต่ถ ้า ไม่เ หมาะสม เด็ก ก็จ ะมีป ญ หาการปรับ ตัว ั  เน้น สัม พัน ธภาพระหว่า งบุค คลและ สัง คม ที่จ ะมีผ ลต่อ การพัฒ นา บุค ลิก ภาพ
  • 39. อิร ิค สัน แบ่ง ขั้น การพัฒ นาการออกเป็น 8 ขั้น  ขั้น ที่ 1 ความไว้ว างใจ / ไม่ไ ว้ว างใจ ( 0 – 1 ปี )  ขั้น ที่ 2 ความเป็น ตัว ของตัว เอง / ความไม่ มั่น ใจในตนเอง ( 1 – 2 ปี )  ขั้น ที่ 3 ความคิด ริเ ริ่ม / ความรู้ส ึก ผิด ( 3 – 4 ปี )  ขั้น ที่ 4 ความขยัน หมั่น เพีย ร / ความรู้ส ึก ตำ่า ต้อ ย ( 5 – 11 ปี )  ขั้น ที่ 5 ความเป็น เอกลัก ษณ์ / ความสับ สนใน บทบาท ( 12 – 18 ปี )
  • 40. แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ การศึก ษา  ระดับ อนุบ าล - เป็น วัย ที่ก ล้า ม เนื้อ ต่า งๆกำา ลัง พัฒ นา - เป็น วัย ที่พ ร้อ มจะเรีย นรู้ สิง ต่า งๆเร็ว มาก ่ บทบาทครู ควรเปิด โอกาสให้ เด็ก ได้ท ดลองทำา สิ่ง ต่า งๆอย่า ง อิส ระคอยช่ว ยเหลือ แนะนำา อยู่ ห่า งๆ กระตุ้น ให้เ กิด ความคิด ริเ ริ่ม
  • 41. แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ การศึก ษา ระดับ ประถม - เด็ก ต้อ งการเป็น ที่ ยอมรับ ของครูแ ละเพื่อ น - ต้อ งการความสำา เร็จ จาก การทำา งานสูง  บทบาทของครู ควรสอนให้ เด็ก เกิด ความพึง พอใจกับ การ ทำา งานให้เ สร็จ สมบูร ณ์ โดยมี ความตั้ง ใจและความขยัน ขัน แข็ง ต้อ งระวัง อย่า ให้พ ัฒ นาความรู้ส ึก
  • 42. แนวคิด ของอิร ิค สัน ที่ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ การศึก ษา  ระดับ มัธ ยม - ช่ว งวัย รุ่น เป็น วัย ที่ กำา ลัง แสวงหาเอกลัก ษณ์ข อง ตนเอง - มีค วามเป็น ตัว ของตัว เอง / ไม่ม ีจ ุด ยืน ของตนเอง บทบาทของครู สิง ที่จ ะต้อ งทำา คือ ่ สัม พัน ธภาพระหว่า งครู-นัก เรีย น ความเมตตา ความ เข้า ใจ และความสนใจในตัว
  • 43. 1.3 งานตามขั้น พัฒ นาการของ ฮาวิก เฮอร์ส ท  Havighurst “ ในแต่ล ะช่ว งวัย ของ ชีว ิต นั้น จะมีง านประจำา วัย ซึ่ง เป็น งานที่เ ด็ก แต่ล ะคนควรจะทำา ได้ใ น ช่ว งวัย นั้น ๆ เป็น งานของชีว ิต ที่ ต้อ งทำา ให้ไ ด้ใ นช่ว งวัย นั้น ๆ ถ้า บุค คลไม่ป ระสบผลสำา เร็จ ในงาน นั้น ๆก็จ ะมีผ ลต่อ การปรับ ตัว
  • 44.  มีป ระโยชน์ต ่อ การจัด การศึก ษา อยู่ 2 ประการ  1. ช่ว ยให้ส ามารถตั้ง วัต ถุป ระสงค์ ในการจัด การเรีย นการสอนใน โรงเรีย น ทำา อย่า งไรโรงเรีย นจึง จะ สามารถช่ว ยให้น ัก เรีย นแต่ล ะคน บรรลุ “งาน ” ในแต่ล ะวัย ได้  2. ช่ว ยให้จ ัด การเรีย นการสอนได้
  • 45. 2.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา “Piaget”  Piaget เจ้า ของ ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง ด้า นสติป ญ ญาและความคิด กล่า วว่า ั การเจริญ เติบ โตทางสมองของเด็ก ส่ว นหนึ่ง เป็น ผลมาจากวุฒ ิภ าวะและ การปฏิส ม พัน ธ์อ ย่า งต่อ เนื่อ งกับ สิง ั ่ แวดล้อ มภายนอก ทำา ให้เ ด็ก ได้ด ูด ซึม ประสบการณ์ ใหม่ๆ ให้ร วมอยูใ นโครงสร้า งของ ่ เชาวน์ป ญ ญา และปรับ ตัว กับ สิง ั ่
  • 46.  - Organization เป็น การจัด ภายในโดยวิธ ี รวม กระบวนการต่า งๆเข้า เป็น ระบบ อย่า งติด ต่อ กัน เป็น เรื่อ งเป็น ราว เช่น เด็ก เล็ก เห็น ของแล้ว คว้า การที่เ ด็ก ทำา กิจ กรรม 2 อย่า งได้ ในเวลาเดีย วกัน เรีย กว่า เป็น การรวมกระบวนการเข้า เป็น ระบบ  - Adaptation
  • 47. เพีย เจท์ แบ่ง ขั้น การพัฒ นาการทาง สติป ัญ ญา ออกเป็น 4 ขัน้  ขั้น ที่ 1 การรับ รู้ด ้ว ยประสาทสัม ผัส และการเคลื่อ นไหว ( 0 – 2 ปี )  ขั้น ที่ 2 การคิด ก่อ นมีเ หตุผ ล ( 2 – 7 ปี )  ขั้น ที่ 3 การคิด แบบมีเ หตุผ ลเชิง รูป ธรรม ( 7 – 11 ปี )  ขั้น ที่ 4 การคิด แบบมีเ หตุผ ลเชิง
  • 48. แนวคิด ของเพีย เจท์ม ีอ ิท ธิพ ลต่อ การศึก ษา  ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางด้า นสติป ัญ ญา และความคิด ของเพีย เจท์ม ีอ ิท ธิพ ล เป็น อย่า งมากต่อ การจัด การศึก ษา โดย นัก การศึก ษาได้น ำา มาใช้ใ นการ พัฒ นาหลัก สูต รให้ม ีค วามยากง่า ย เหมาะกับ ระดับ ของเด็ก  การจัด ให้ม ีศ ูน ย์ก ิจ กรรมต่า งๆเพื่อ ให้ เด็ก ได้เ ลือ กประสบการณ์ก ารเรีย น เอง  เด็ก ควรได้ร ับ การส่ง เสริม การพูด
  • 49. 2.2 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา “Bruner”  Bruner มีค วามเห็น ว่า ความพร้อ ม เป็น สิ่ง ที่ส ามารถสอนให้เ กิด เร็ว ขึ้น ได้ โดยการจัด สิ่ง แวดล้อ มให้ สอดคล้อ งกับ ขัน พัฒ นาการ ้  การจัด การเรีย นการสอน ครู สามารถช่ว ยจัด ประสบการณ์เ พือ ช่ว ย ่ ให้เ กิด ความพร้อ มได้ โดยไม่ต ้อ ง รอให้เ กิด ความพร้อ มตามธรรมชาติ
  • 50.  “ any subject can be taught effectively in some intellectually honest form to any child at any stage of development ”  …one teaches readiness or provides opportunities for its nurture; one does not simply wait for it. Readiness , in these terms, consists of mastery of those simple skills that permit one to reach higher skills ”
  • 51. บรูเ นอร์ แบ่ง พัฒ นาการทางความรู้ ความ เข้า ใจของมนุษ ย์ เป็น 3 ลัก ษณะ  ลัก ษณะที่ 1 การกระทำา ( อายุ 2 – 7 ปี )  Enactive representation  ลัก ษณะที่ 2 การสร้า งภาพในใจ ( อายุ 7 – 11 ปี )  Iconic representation  ลัก ษณะที่ 3 การใช้ส ัญ ลัก ษณ์ ( อายุ 11 – 15 ปี )
  • 52. ความคิด เห็น ของ บรูเ นอร์ ทีม ี ่  1. ทำา ให้ต ระหนัการศึก ษา วัส ดุ ผลต่อ ก ถึง การจัด อุป กรณ์ท ี่เ หมาะสมในการสอนให้ก ับ เด็ก เล็ก ๆ เพื่อ กระตุ้น การกระทำา ให้ เกิด การรับ รู้ง ่า ย  2. เน้น ความสำา คัญ ของผู้เ รีย น มี บทบาทและคิด ค้น กระทำา สิ่ง ต่า งๆด้ว ย ตนเอง ส่ง เสริม ให้เ กิด การเรีย นรู้ แบบ discovery learning  3. เราสามารถจัด การสอนเนื้อ หาวิช า ใดๆ ให้ก ับ เด็ก ในช่ว งใดของชีว ิต
  • 53. 3.1 ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง จริย ธรรมของ “Kolberg ”  เป็น ทฤษฎีท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ การให้ เหตุผ ลทางจริย ธรรม โดยศึก ษา แนวทางจากงานวิจ ัย ของเพีย เจท์  เมื่อ เด็ก โตขึ้น จะเลือ กกระทำา พฤติก รรมโดยคำา นึง ถึง ส่ว นรวม หรือ ชุม ชนมากขึ้น และลดการกระ ทำา เพือ ตนเองลง ่
  • 54. ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง จริย ธรรม 3 ระดับ  ระดับ ที่ 1 ระดับ ก่อ นเกณฑ์ (อายุ 2-10 ปี)  เหตุผ ลทางจริย ธรรม ความคาด หวัง ในรางวัล หรือ การถูก ลงโทษ  ขั้น ที่ 1 หลัก การหลีก เลี่ย งมิ ให้ถ ูก ลงโทษ (อายุ 2-7 ปี)  เด็ก เชือ กฎเกณฑ์เ พื่อ ่ ไม่ใ ห้ถ ูก ลงโทษ  ขั้น ที่ 2 หลัก การได้ร ับ รางวัล (อายุ 7-10 ปี)
  • 55. ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง จริย ธรรม 3 ระดับ  ระดับ ที่ 2 ระดับ ตามกฎเกณฑ์ (อายุ 10-16 ปี)  เหตุผ ลทางจริย ธรรม มีพ ื้น ฐานอยู่บ น การคล้อ ยตามบุค คลอืน ่  และมาตรฐานทางสัง คม  ขั้น ที่ 3 หลัก การทำา ตามความเห็น ของผู้อ น (อายุ 10-13 ปี) ื่  จะทำา ในสิง ที่ผ อ ื่น เห็น ว่า ดี ่ ู้ ให้ผ อ น ยอมรับ ในตัว เขา ู้ ื่  ขั้น ที่ 4 หลัก การทำา ตามหน้า ที่ (อายุ
  • 56. ระดับ ของการให้เ หตุผ ลทาง  จริย ธรรมอ กฎเกณฑ์ ระดับ ที่ 3 ระดับ เหนื 3 ระดับ (อายุ 16 ปีข ึ้น ไป)  เป็น ระดับ สูง สุด ของการให้เ หตุผ ลทาง จริย ธรรม พื้น ฐานการกระทำา อยู่บ น มาตรฐานและความเชือ ส่ว นบุค คล ่  ขั้น ที่ 5 หลัก การมีเ หตุผ ลและ เคารพตนเอง  ยอมรับ กฎเกณฑ์แ บบ ประชาธิป ไตย ควบคุม ตนเองให้อ ยู่  ในกรอบไม่ท ำา อะไรที่จ ะไป กระทบสิท ธิข องผูอ ื่น ้ 