13. 3. การเคลื่อนที่ของแสง ตามแนวคิดของ Alexander มหาราช
พระองค์ทรงสังเกตว่า มุมสะท้อนของแสงนั้น จะเท่ากับมุมตกทบ
ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ สามารถอธิบายโดยหลักการที่ว่า การที่
แสงเดินทางจาก A ไป B โดยผ่านกระจกนั้น มันจะเลือก “เส้นทาง
ที่สั้นที่สุด” เสมอ
เมื่อกาหนดให้กระจกวางในแนวแกน x ดังภาพ สมมุติว่าแสงเริ่ม
เดินทางออกจากจุด A กระทบกับกระจกที่จุด C และพุ่งมายังจุด B
ตามลาดับ ดังนั้น ระยะทางทั้งหมดที่แสงจะต้องเดินทางนั้น มีค่า
เป็น
𝑆 = 𝑎2 + 𝑥2 + 𝑏2 + 𝑑 − 𝑥 2
𝑏
𝑎
A
B
𝜃 𝑟
𝜃𝑖
b
a
d
d-xx
C
C
C
y
x
สมการ (3.1)
14. 3. การเคลื่อนที่ของแสง ตามแนวคิดของ Alexander มหาราช
ทั้งนี้ พิสูจน์ได้ว่า ระยะทาง S จะมีค่าน้อยที่สุด ก็ต่อเมื่อ 𝑑𝑆
𝑑𝑥
= 0
สรุปได้ว่า ระยะทางที่แสงเดินทางจาก A B “เป็นระยะทางสั้น
ที่สุด” เมื่อ มุมตกกระทบ(𝜽𝒊) เท่ากับ มุมสะท้อน(𝜽 𝒓)
𝑑𝑆
𝑑𝑥
=
𝑑
𝑑𝑥
𝑎2 + 𝑥2 + 𝑏2 + 𝑑 − 𝑥 2A
B
y
x
𝜃 𝑟
𝜃𝑖
b
a
d
d-xx
C
C
C
ดังนั้น
𝑥
𝑎2+𝑥2
=
(𝑑−𝑥)
𝑏2+ 𝑑−𝑥 2
0 =
1
2
2𝑥
𝑎2 + 𝑥2
+
1
2
2(𝑑 − 𝑥)(−1)
𝑏2 + 𝑑 − 𝑥 2
กล่าวคือ sin 𝜃𝑖 = sin 𝜃𝑟 หรือได้ว่า 𝜃𝑖 = 𝜃𝑟
ตามแนวคิดของ Alexander แสงเลือกที่จะเดินตามเส้นทางดังกล่าวนี้ ก็เพราะเป็น ระยะทางที่สั้นที่สุด นั่นเอง
สมการ (3.4)
สมการ (3.3)
สมการ (3.2)
15. 4. การเคลื่อนที่ของแสง ตามแนวคิดของ Fermat
B
𝜃2𝑛2
อย่างไรก็ตาม หลักการของ Alexander นั้น ไม่สามารถอธิบาย
การหักเหของแสงได้ ดังจะเห็นในภาพ ถึงแม้ว่า เส้นทางที่สั้น
ที่สุดจากจุด A ไปยัง B นั้น ก็คือเส้นตรงสีฟ้า
แต่ในความเป็นจริงตามธรรมชาติแล้ว แสงจะมีการหักเหเมื่อมัน
เดินทางผ่านรอยต่อของวัสดุต่างชนิดกัน กล่าวคือ แสงจะ
เดินทางตามเส้นทางสีเขียวนั่นเอง
Fermat มีแนวความคิดที่แตกต่างออกไป จาก Alexander กล่าวคือ Fermat คิดว่าแสงจะเลือก
เดินทางจากจุด A ไปยังจุด B โดยเลือก “เส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุด”
ถ้าสมมุติว่า ดัชนีหักเหของแสงในตัวกลางทั้งสองมีค่าเป็น 𝑛1 และ 𝑛1 ดังที่เห็นในภาพ เมื่อนา
หลักการของ Fermat พิสูจน์ให้เห็นจริงว่า
𝑛1 sin 𝜃1 = 𝑛2 sin 𝜃2
A
𝑛1
𝜃1
ซึ่งสมการข้างต้นนี้ เป็น สมการการหักเหของแสงตามกฏของ Snell’s นั่นเอง
สมการ (4.1)