Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie ทุกศาสนา (20)
Mehr von Muttakeen Che-leah (16)
ทุกศาสนา
- 2. ·Ø¡ÈÒʹÒÊ͹ãËŒ¤¹à»š¹¤¹´Õ¨ÃÔ§ËÃ×Í?
¼ÙŒà¢Õ¹ : ªÒÃÕ¿ ǧÈàʧÕèÂÁ
ÃÙ»àÅ‹Á : «ÍÅ´Õé ËÁѹ¡ÒÃ
¾ÔÊÙ¨¹ÍÑ¡Éà : «Í¿‚¹ÐÎÚ ºÔ¹µÔ ¡Íà«çÁ
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 2 : ÁԶعÒ¹ 2555
Êӹѡ¾ÔÁ¾ : «ÒºÔ¡Ù¹ 42/2 Á.2 µ.ÊÐ൧¹Í¡ Í.àÁ×ͧ ¨.ÂÐÅÒ 96130
âç¾ÔÁ¾ : Rabbitprint 491, 1493-1495 ¶¹¹¾ÃÐÃÒÁ 4 á¢Ç§ÇѧãËÁ‹ ࢵ»·ØÁÇѹ
¡ÃØ§à·¾Ï 10330 E-mail: info@rabbit4print.com
Website: www.rabbit4print.com â·Ã. 0-2215-3999
á¿¡«. 0-2215-3999 #33
ÊÑ觫×éÍ˹ѧÊ×Íä´Œ·Õè : Ìҹ˹ѧÊ×Í ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ (Assabikoon Trade)
http://www.facebook.com/AssabikoonTrade
µÔ´µ‹Í ¤Ø³ÁصµÒ¦Õ¹ à¨ÐáÅÐ â·Ã : 0879680862
àÇçºä«µ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ : www.ÍÔÊÅÒÁ.net
ISBN 978-616-7707-64-8
“à¾×è;ÃÐͧ¤¨Ð·Ã§ãËŒÊÔ觷Õè໚¹¨ÃÔ§ ä´Œ»ÃШѡÉ໚¹¤ÇÒÁ¨ÃÔ§
áÅÐãËŒÊÔè§à·ç¨ ä´Œ»ÃШѡÉ໚¹ÊÔè§à·ç¨
áÅÐáÁŒÇ‹ÒºÃôҤ¹ªÑèǪŒÒ¨ÐäÁ‹¾Í㨡çµÒÁ”
(ÍÑÅ-Íѹ¿ÒÅ 8 : 8)
- 4. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
“แท้ จริงบรรดาผู้ศรัทธาและกระทาความดีทงหลาย
ั้
เราจะไม่ ให้ การตอบแทนของผู้กระทาความดีสูญ
หายอย่ างแน่ นอน”
(คัมภีร์ อัล-กุรอาน บทที่ 18 โองการที่ 30)
1
- 6. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
คานา
เราไม่อาจที่จะปฏิเสธหรื อหลอกตัวเองได้ วา การ
่
แสวงหาสัจธรรมความจริ งนัน เป็ นส่วนหนึ่งของชีวิต
้
มนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่ องราวต่างๆในทางโลกหรื อ
ในเรื่ องความเชื่อในทางศาสนาก็ตาม โดยพื ้นฐานแล้ ว
มนุษย์ เรานัน ต้ องการที่ จะรู้ ให้ ได้ ว่าอะไรคือความจริ ง
้
โดยเฉพาะถ้ าความจริ งในเรื่ องนันๆที่ตนเองจะต้ องรู้ ให้
้
ได้ เกี่ยวข้ องและจะส่งผลต่อตนเองโดยตรง เช่น สมมุติ
ว่าเรา มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หน้ าซีด กินอาหารไม่
ค่อยได้ และมีคนหลายคนทักเราว่า อาการอย่างนี ้น่าจะ
เป็ นอาการของคนที่ เ ป็ นโรคมะเร็ ง ในระยะเริ่ ม ต้ น
แน่ น อนที่ สุ ด เราจะไม่ นิ่ ง อยู่ เ ฉยๆอย่ า งแน่ น อน แต่
จะต้ องรู้ ความจริ งให้ ได้ ว่า ความจริ งเป็ นเช่นไร เพราะสิ่ง
นี ้เกี่ยวข้ องและส่งผลต่อตัวเราเองโดยตรง หรื อ สมมุติมี
คนกล่าวอ้ างว่า คนที่ เรารั ก ห่วงใยและปรารถนาที่ จะ
แต่ ง งานด้ วยนั น คิ ด ไม่ ซื่ อ กั บ เรา แน่ น อนเราจะไม่
้
สามารถอยู่นิ่ งได้ และจะอยู่ในสภาพเดือดเนื อร้ อนใจ ้
และต้ องการที่จะรู้ความจริ งให้ ได้ ว่า สิ่งนันเป็ นความจริ ง
้
หรื อไม่
3
- 7. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
คนเรานันหลายต่อหลายครังด้ วยกันที่จะต้ อง
้ ้
ยอมที่ จ ะเสี ย อะไรบางอย่ า งไป ไม่ ใ ช่ เ พื่ อ ใครแต่ เ พื่ อ
ประโยชน์ของตัวเขาเอง เหมือนตัวอย่างในข้ างต้ นเรื่ อง
มะเร็ ง ถ้ าเรารู้ ความจริ ง แล้ วว่ า เรานั น กํ า ลั ง เป็ น
้
โรคมะเร็ ง อยู่ แน่ น อนที่ สุ ด เราอาจจะต้ อ งยอมที่ จ ะ
สูญเสีย เงิ น ที่ เ ราจะหาได้ ในแต่ล ะวัน ในธุ รกิ จของเรา
อาจจะมากหรื อ น้ อยก็ แ ล้ ว แต่ ยอมที่ จ ะละทิ ง ความ ้
สนุกสนานไม่ว่ากับเพื่อนฝูง หรื อความสนุกสนานอื่นๆ
หรื อความสุขที่ได้ อยู่กับคนที่เรารัก หรื อ ยอมที่จะละทิ ้ง
ความสบายต่ า งๆไป หรื อ ยอมที่ จ ะละทิ ง สิ่ ง อื่ น ๆไป
้
เพื่อที่ตวเองจะได้ เข้ ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อ
ั
โรคร้ ายที่เรากําลังเป็ นอยู่ ถึงแม้ ว่าจะต้ องใช้ เวลาในการ
รักษาเป็ นแรมเดือนก็ตาม
แน่นอนที่ สุดสําหรั บผู้ที่มีเหตุผล ใช้ สติปัญญา
ใคร่ ครวญอย่างรอบคอบอีกทังไม่หลอกตัวเองแล้ ว เขา
้
จะไม่ ม องเลยว่ า ผลที่ จ ะเกิ ด ขึ น กั บ ตั ว เขานั น (อั น
้ ้
เนื่องจากที่ไม่สนใจ หรื อเมินเฉยในการที่จะรู้ความจริงให้
ได้ ) จะเกิดขึ ้นกับตัวเขาโดยทันทีหรื อไม่ ซึงเปรี ยบได้ กบ
่ ั
ผู้ที่หมอตรวจพบมะเร็ งในระยะเริ่ มแรก ทังๆที่เขาผู้นนก็
้ ั้
ไม่ร้ ู สกว่ามีอะไรผิดปรกติในร่างกายของเขา แถมยังรู้ สก
ึ ึ
4
- 8. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
แข็งแรง และมีความสุขกับชีวิตอีกต่างหาก แต่ถึงแม้ ว่า
ผลจากการเกิดโรคมะเร็ งจะยังไม่เกิดขึ ้นกับเขาโดยตรง
ในตอนนัน โดยทันทีก็ตาม แต่มนจะเกิดขึ ้นในอนาคต
้ ั
อย่างแน่นอน แน่นอนที่สดเขาย่อมไม่นําเอา ผลที่ยงไม่
ุ ั
เกิ ด ขึ น กั บ เขาโดยตรง ในตอนนัน โดยทัน ที มาเป็ น
้ ้
เหตุผลที่จะยังไม่เข้ ารับการรักษาตัวก่อน อย่างแน่นอน
แต่ในทางตรงกันข้ ามเขาย่อมที่จะตระหนักและรี บเร่ งใน
การที่จะรักษาโรคมะเร็ง เพื่อที่จะได้ ไม่สายเกินแก้
เรื่ อ งที่ ย กตั ว อย่ า งไปข้ างต้ นนั น เป็ นเรื่ อ งที่
้
เกี่ ย วกับ ชี วิ ต ความเป็ นอยู่ใ นโลกนี เ้ พี ย งเท่ า นัน และ
้
มันใจได้ เลยว่า สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องนรก และสวรรค์
่
อย่างแท้ จริ ง แล้ ว คงไม่เห็ น เรื่ องความเป็ นอยู่ท างโลก
สําคัญและมี ผ ลมากไปกว่า เรื่ องสวรรค์ และนรกอย่า ง
แน่ น อน เพราะสวรรค์ นั น คื อ ความสุ ข ที่ สุ ข ยิ่ ง กว่ า
้
ความสุขบนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้ และ นรกก็เป็ นความ
ทุกข์ที่ทุกข์ยิ่งกว่า ความทุกข์บนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้
เช่นกัน แต่สําหรับผู้ที่ยงข้ องใจเรื่ องการมีจริ งของพระผู้
ั
เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งนัน แนะนําให้ อ่านหนังสือของผู้เขียนที่
้
ชื่อ ‚ ข้ อพิสูจน์ ต่อการมีอยู่ของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง ‛
5
- 9. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
โดยอ่านอย่างผู้มีเหตุผล อ่านอย่างผู้ไม่หลอกตัวเอง และ
อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง
หนั ง สื อ เล่ ม นี จ ะเป็ นการวิ เ คราะห์ อย่ า ง
้
ตรงไปตรงมา อย่างไม่หลอกตัวเอง ถึงวิธีการแสวงหา
และ พิสจน์ สัจธรรมความจริ ง สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องการ
ู
ตอบแทนไม่ว่าจะเป็ นความดี หรื อ ความชัว เพื่อที่จะได้ ร้ ู
่
ว่ า ศาสนา หรื อ แนวทางไหนที่ จ ะเป็ นแนวทาง หรื อ
ศาสนาที่ แ ท้ จริ ง และทํ า ไมจึ ง ต้ องเป็ นเช่ น นั น และ ้
เป็ นไปได้ ไหมที่ทกศาสนาหรื อแนวทางจะถูกต้ องทังหมด
ุ ้
อีกทังจะบอกให้ ร้ ู ถึงการแยกแยะระหว่าง สิ่งที่เป็ นแก่น
้
หรื อหัวใจของศาสนา ที่ถ้าสิ่งนันถูกหักล้ าง หรื อ พิสจน์
้ ู
ว่าผิดแล้ ว ศาสนาหรื อ แนวทางนันๆก็จะต้ องล้ มสลายลง
้
และอยู่ไ ม่ ไ ด้ ใ นที่ สุด และ สิ่ ง ที่ เ ป็ นเรื่ อ งรายละเอี ย ด
ปลีกย่อยในศาสนา ที่ไม่มีผลแต่อย่างใดในการแสวงหา
สั จ ธรรมความจริ ง ขอให้ ท่ า นผู้ อ่ า นได้ อ่ า นอย่ า ง
ใคร่ ค รวญ อ่ า นอย่า งผู้มี เ หตุผ ล อ่า นอย่า งผู้ไ ม่ห ลอก
ตัวเอง และ อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง
อ. ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม
29/12/53
6
- 11. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี....จริงหรือ?
โดย อ. ชะรี ฟ วงศ์เสงี่ยม
บทความนี ้ถูกเขียนขึ ้นมา สําหรับผู้ที่มีความเชื่อ
ในศาสนาหนึ่งศาสนาใด หรื อลัทธิ หนึ่งลัทธิ ใด รวมทัง ้
เชื่อถึงการมีอยูจริงของ สวรรค์ และนรก เชื่อในเรื่ อง บาป
่
บุญ อีกทังจะเป็ นการวิเคราะห์ถึงคําพูดที่เรามักได้ ยินกัน
้
เป็ นประจํา นันก็คือคําพูดที่ว่า ‚ทุกศาสนาสอนให้ เป็ น
้
คนดี‛
โดยปรกติแล้ วผู้ที่พูดคําพูดเช่นนีออกมามักจะ ้
ไม่วิเคราะห์ ให้ ดีเสียก่อน เพราะถ้ าเราวิเคราะห์ คําพูด
ดัง กล่า วดูใ ห้ ดี แ ล้ ว เราก็ จ ะเห็ น ได้ ว่ า คํ า พูด ที่ ว่ า ‚ทุก
ศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ เป็ นคําพูดที่ไม่ถูกต้ องเสียสัก
เท่าไหร่ ต่อไปนี ้เราจะมาวิเคราะห์กนถึงคําพูดนี ้กัน
ั
ถ้ าเราจะตังเป็ นคําถามว่า ทุกศาสนามีอะไรเป็ น
้
สิงที่เหมือนๆกัน คําตอบที่จะได้ รับก็คือ ศาสนาส่วนใหญ่
่
หรื อทุกศาสนาเลยก็ว่าได้ มีหลักข้ อใช้ ให้ ปฏิบติ และ ข้ อ ั
ห้ ามมิให้ ปฏิบตินนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่ทําแล้ ว
ั ั่
จะเกิดเป็ นผลบุญขึ ้นมา และสิ่งที่ทําแล้ วจะเกิดเป็ นบาป
8
- 12. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ขึนมา ทุกศาสนาจะต้ องมีสองสิ่งนี ้ เพราะฉะนัน จาก
้ ้
คําพูดที่ว่า ‚ ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี ‛ ทําเข้ าใจ
ได้ โดยปริ ยายว่า หลักคําสอนทังข้ อใช้ และข้ อห้ ามของ
้
ทุกศาสนานันสอนให้ คนเป็ นคนดี ผู้ที่พูดคําพูดเช่นนี ้
้
ออกมานัน ต้ อ งการจะสื่ อ ให้ รู้ ว่ า ไม่ ว่ า เราจะนับ ถื อ
้
ศาสนาไหนก็ ถูกต้ องทังหมด เป็ นความดีทังหมด ไม่มี
้ ้
ความจํ า เป็ นที่ จ ะต้ องไปเปลี่ ย นศาสนาแต่ อ ย่ า งใด
ตอนนี เ้ ราจะมาวิ เ คราะห์ สิ่ ง หรื อ คํ า สอนบางอย่ า งที่
ศาสนาแต่ละศาสนาได้ สอน เพื่อที่เราจะได้ ร้ ู ว่า คําพูด
ดังกล่าวนันเป็ นจริงหรื อไม่อย่างไร
้
ถ้ าเราศึกษาหลักคําสอนของศาสนาพุทธดู เรา
จะพบหลักคําสอนข้ อหนึ่งที่ ว่า ใครก็แล้ วแต่ที่ฆ่าสัตว์
โดยเจตนา ไม่วาจะฆ่าโดยมีจดมุ่งหมายใดก็แล้ วแต่ เช่น
่ ุ
ฆ่าสัตว์เพื่อนํามาเป็ นอาหาร ถือว่าคนๆนันทําสิ่งที่เป็ น
้
บาปกรรม ต้ องตกนรกหมกไหม้ ( ‚ หม่อมฉันนัน ตัด ้
ศีรษะแม่แพะตัวเดี ยว ไหม้ในนรก ด้วยเศษผลแห่ง
กรรม จึ งได้ถูกตัดศีรษะด้วยการนับขนแม่แพะนัน‛ พระ ้
สุตตันตปิ ฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒
ตอน ๒ - หน้ า ที่ 172 / ‚ ดู ก่ อ นภิ ก ษุ ท ั้ง หลาย
9
- 13. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ปาณาติ บาตอันบุคคลเสพแล้ว เจริ ญแล้ว กระทาให้มาก
แล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็ นไปในนรก ในกาเนิ ดสัตว์ดิรัจฉาน
ในเปรตวิ สั ย วิ บากแห่ งปาณาติ บาตอย่ างเบา
ที สด ย่อมยังความเป็ นผูมีอายุน้อยให้เป็ นไปแก่ผูมา
่ ุ ้ ้
เกิ ดเป็ นมนุษย์ ‛ พระสุตตันตปิ ฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-
อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม 4 – หน้ าที่ 495, 10 สัพ
พลหุสสุตร ) แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ าเรามาดูในหลักคํา
สอนของศาสนาอิสลาม เราพบว่า การฆ่าสัตว์เพื่อนํามา
ปรุ งเป็ นอาหารนัน นอกจากจะไม่เป็ นบาปกรรมแล้ วยัง
้
จะถือว่าเป็ นผลบุญเสียด้ วยซํ ้าไป เมื่อเป็ นเช่นนี ้คําถาม
ที่จะต้ องถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหม ที่ คําสอนของทังสอง ้
ศาสนานี ้จะถูกต้ องและเป็ นจริ งทังคู่ .... แน่นอนคําสอน
้
ของทังสองศาสนานี ้ไม่มีทางที่จะถูกต้ องทังคู่ได้ ทันทีที่
้ ้
มุส ลิม คนหนึ่ง คนใดฆ่า สัตว์ เพื่ อ นํ า มาปรุ ง เป็ นอาหาร
แน่นอนตามหลักคําสอนของศาสนาพุทธแล้ ว มุสลิมคน
นี ้ถือว่ากําลังทําบาปกรรมอยู่ และเขาผู้นี ้ไม่ถือว่าเป็ นคน
ดีด้วย แต่เป็ นคนบาป เพราะฉะนันถ้ าเราวิเคราะห์ดด้วย
้ ู
ใจที่เป็ นกลาง และใฝ่ หาสัจธรรม เราก็จะเห็นได้ ว่า ใน
สายตาของศาสนาพุทธนัน ศาสนาอิสลามกําลังสอนให้
้
คนทํ าบาปกรรม และชาวพุท ธที่ ยึดมั่นในหลักคําสอน
10
- 14. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ของศาสนาพุทธก็ไม่เห็นด้ วย และเกลียดการกระทํา
เช่นนี ้ของมุสลิม
นอกจากนี ้ ศาสนาพุ ท ธยั ง มี ห ลั ก คํ า สอนที่
สําคัญอย่างมากๆอีกข้ อหนึ่งก็คือ เรื่ องการเวียนว่ายตาย
เกิด โดยสอนเอาไว้ ว่า ไม่ว่าคนๆนันจะอยู่ในศาสนาไหน
้
เป็ นใครมาจากไหน จะรวย หรื อจะจน เมื่อตายไปแล้ ว
ถ้ า ยัง ไม่ห มดกรรม ทุก คนก็ จ ะต้ อ งอยู่ใ นห่ ว งแห่ ง การ
เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงหรื อหนีพ้นได้
แต่ในขณะเดียวกัน ศาสนาอิสลามและคริ สต์ก็สอนในสิ่ง
ที่ ตรงกันข้ ามว่า เมื่อตายไปแล้ ว จะไม่มีการเวียนว่าย
ตายเกิดอย่างแน่นอน ไม่วาเขาผู้นนจะนับถือศาสนาไหน
่ ั้
เป็ นใครมาจากไหนก็ แ ล้ วแต่ หากแต่ ม นุ ษ ย์ ทุ ก คน
จะต้ องไปหยุดอยู่ที่สองสถานที่ นันก็คือ ไม่ไปนรก ก็ขึ ้น
้
สวรรค์ ไม่ มี ก ารกลับ มาเกิ ด เป็ นอะไรใหม่ ทัง สิ น ....
้ ้
คําถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหมที่หลักคําสอนและหลักความ
เชื่อที่ตรงกันข้ ามกันทังคูนี ้ จะถูกต้ องทังคู่ ... เป็ นไปไม่ได้
้ ่ ้
อย่างแน่นอน
11
- 15. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ถ้ าเรามาวิเคราะห์ดในคําสอนของศาสนาคริ สต์
ู
เราจะพบว่าศาสนาคริ สต์สอนว่า ถ้ าใครไม่เชื่ อว่าพระ
เยซูเป็ นพระเจ้ าทังๆที่มีคนมาสอนเขาแล้ ว ไม่ว่าเขาผู้นน
้ ั้
จะเป็ นใครก็ แ ล้ วแต่ เขาผู้ นั น จะต้ องตกนรก แต่ ใ น
้
ขณะเดียวกันศาสนาอิสลามก็สอนว่า ใครก็แล้ ว แต่ที่เชื่อ
ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ าเขาผู้นนจะต้ องตกนรก เพราะ
ั้
พระเยซูนนเป็ นเพียง มนุษย์คนหนึงเท่านัน เพียงแต่ได้ รับ
ั้ ่ ้
การแต่งตังจากพระผู้เป็ นเจ้ าให้ เป็ นศาสดา เพราะฉะนัน
้ ้
ถ้ าเราวิ เ คราะห์ ด้ วยใจที่ เ ป็ นกลาง เราจะพบว่ า ใน
สายตาของ คริสต์นน ชาวมุสลิมและชาวพุทธ รวมทังคน
ั้ ้
อื่นๆที่มิใช่คริ สต์นน ถือว่าเป็ นคนที่กําลังทําบาป เป็ นคน
ั้
ชัว ไม่ได้ เป็ นคนดี เพราะไม่ยอมเชื่อว่า พระเยซูเป็ นพระ
่
เจ้ า และมีความเสี่ยงที่จะต้ องตกนรก แต่ในสายตาของ
อิสลามนัน จะเห็นได้ ว่า ชาวคริ สต์ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็ น
้
พระเจ้ านัน ถือว่าเป็ นคนบาป คนชัว ไม่ได้ เป็ นคนดีและ
้ ่
เสี่ยงที่จะต้ องตกนรก เพราะเชื่อว่าพระเยซูเป็ นพระเจ้ า
ซึ่ ง ในความเป็ นจริ งแล้ วพระเยซู มิ ไ ด้ เป็ นพระเจ้ า
คําถามที่ตามมาก็คือ จะเป็ นไปได้ อย่างไร ที่คําสอนของ
ศาสนาอิสลาม และ ศาสนาคริสต์ จะถูกต้ องด้ วยกันทังคู่ ้
เพราะฉะนัน ถ้ า เราวิ เคราะห์ ด้ว ยใจที่ เป็ นกลางถึ ง คํ า
้
12
- 16. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
สอนหลักๆของแต่ละศาสนาแล้ ว เราจะพบว่า ในสายตา
ของทุกศาสนา หรื อถ้ าพูดอีก อย่า งก็ คือ ถ้ ามองไปยัง
ศาสนาอื่นโดยใช้ ศาสนาของตนเองที่แต่ละคนเชื่อว่าเป็ น
สัจ ธรรมที่ แ ท้ จ ริ ง มาเป็ นมาตรฐานตัด สิ น แล้ ว เราจะ
พบว่า ทุกศาสนาไม่ได้ กําลังสอนให้ มนุษย์เป็ นคนดี
และถ้ าเราวิเคราะห์ ดูอีก เราก็จะพบว่า ถ้ าทุก
ศาสนาสอนคนให้ เป็ นคนดีจริ งแล้ ว ถ้ าเช่นนัน คําถามก็
้
คือ คนที่อยู่ในศาสนาพุทธ จะยอมหรื อไม่ที่จะเปลี่ยน
จากศาสนาของตัวเอง แล้ วมานับถือศาสนาอิสลามเป็ น
ระยะเวลา 1ปี และชาวคริ ส ต์ จ ะยอมหรื อ ไม่ ที่ จ ะ
เปลี่ยนจากศาสนาตัวเองแล้ วมานับถือศาสนาพุทธเป็ น
ระยะเวลา 1 ปี และ มุสลิมจะยอมเปลี่ยนจากอิสลาม
ไปเป็ น พุทธหรื อคริ สต์ไหม??? แน่นอน ไม่มีใครยอมทิ ้ง
หรื อเปลี่ยนจากศาสนาตัวเอง เพื่อไปรั บศาสนาอื่นมา
อย่างแน่นอน เพราะ ต่างก็เชื่อว่า ศาสนาของตัวเองนัน ้
ถูกต้ องที่สด และศาสนาอื่นนันผิดและ หลงทาง .... นี ้คือ
ุ ้
ความเป็ นจริ งที่มิอาจที่จะปฏิเสธได้ สําหรับผู้ที่ไม่หลอก
ตัวเอง และแสวงหา ใฝ่ หาสัจธรรม
เมื่อมาถึงตรงนีก็อาจจะมีบางคนแย้ งขึนมาใน
้ ้
ทํานองที่ว่า ‚ ทุกศาสนาก็มีหลักจริ ยธรรม เช่น สอนให้
13
- 17. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ทําดีตอพ่อ แม่ ให้ ทําดีตอเพื่อนบ้ าน ห้ ามมิให้ สร้ างความ
่ ่
เดือดร้ อนต่อ ผู้อื่น ห้ ามดื่ม สุรา ห้ า มพูดโกหก และอี ก
หลายๆเรื่ อง ในเรื่ องจริ ยธรรม เพราะฉะนันตรงนี ้นี่แหละ
้
ที่บงบอกว่า ทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ แต่ถ้าเราจะ
่
ตอบคํ า ถามนี ้ เราก็ อ าจจะตอบกลับ ไปในรู ป การตัง ้
คําถามว่า ‚ ทุกศาสนาสอนเรื่ อง สวรรค์ และนรกใช่ไหม
หรื อ ถ้ าเป็ นศาสนาพุ ท ธ ศาสนาพุ ท ธสอนเรื่ อง
เปาหมายสูงสุดใช่ไหม นันคือ นิพพาน ? ‛ คําตอบก็คือ
้ ่
ใช่ และ คําถามต่อไปก็คือ ‚ ถ้ าทุกศาสนาต่างก็ปฏิบติ ั
หลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนาใครศาสนามัน ตามที่ได้
ยกตัวอย่างมาให้ ดูบางอย่างข้ างต้ นนัน แล้ วทุกคนใน
้
แต่ละศาสนาจะได้ เข้ าสวรรค์ตามมาตรฐานของศาสนา
อื่นที่ไม่ใช่ศาสนาตัวเองไหม? ‛ คําตอบ ที่ตอบอย่างไม่
สามารถหลอกตัวเองได้ ก็คือ ก็ไม่ได้ เข้ า ยกตัวอย่างเช่น
ถ้ าศาสนา พุ ท ธปฏิ บัติ ต ามหลั ก จริ ย ธรรมที่ มี อ ยู่ ใ น
ศาสนาตัวเอง เช่น ทําความดีตอพ่อแม่ ไม่พดโกหก และ
่ ู
ถ้ าใช้ มาตรฐานตามศาสนาคริ สต์ตดสิน ถามว่าชาวพุทธ
ั
จะเข้ าสวรรค์ หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่
จะต้ อ งตอบว่ า ไม่ ไ ด้ เ ข้ า เพราะตราบใดที่ ยัง ไม่ ไ ด้
ศรัทธาในพระเยซูว่าเป็ นพระเจ้ า หรื อยังไม่เชื่อว่าพระ
14
- 18. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เยซูตายเพื่อไถ่บาป ก็ไม่มีสทธิที่จะเข้ าสวรรค์ได้ ถึงแม้ ว่า
ิ
จะพยายามปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมมากแค่ไหนก็ตาม
ั
สุด ท้ า ยก็ ไ ม่ ไ ด้ เ ข้ า สวรรค์ ... และเช่ น กัน ถ้ า มุส ลิ ม
ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่ มีอยู่ในศาสนาอิสลาม ( ซึง ก็
ั ่
มีอยูในศาสนาพุทธและคริสต์ด้วย ) และ ถ้ าใช้ มาตรฐาน
่
ตามศาสนาพุทธตัดสิน ถามว่ามุสลิมจะได้ เข้ า นิพพาน
หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่จะต้ องตอบว่า
ไม่ได้ เข้ า นิพพานแน่นอน เพราะมุสลิมยังทําสิ่งที่เป็ น
บาปกรรมที่ จะต้ องไปชดใช้ ในนรกตามมาตรฐานของ
ศาสนาพุทธอยู่ เช่น การฆ่าสัตว์ และ อื่นๆ และเช่นกัน
ถ้ าชาวคริ สต์ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนา
ั
ตัวเองอย่างสุดความสามารถ ( ซึ่งก็มีอยู่ในศาสนาพุทธ
และอิ ส ลามด้ ว ยเช่ น กัน ) และ ถ้ า ใช้ ม าตรฐานตาม
ศาสนาอิสลามตัดสิน ถามว่า ชาวคริ สต์จะได้ เข้ าสวรรค์
หรื อไม่ ? คําตอบก็คือ ไม่ได้ อย่างแน่นอน เพราะชาว
คริ สต์ โดยรวมเชื่ อว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า ( ซึ่ง อิสลาม
ห้ ามเด็ดขาดที่จะเชื่อว่าใครเป็ นพระเจ้ าที่แท้ จริงนอกจาก
พระผู้เป็ นเจ้ า ที่ แท้ จริ ง องค์ เดีย วเท่ า นัน คือ อัลลอฮฺ
้
และพระเยซูก็เป็ นเพียง ศาสนฑูตท่านหนึ่งของพระองค์
15
- 19. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เท่านัน ) อีกทังชาว คริ สต์ยงปฏิเสธ ท่านนบีมฮมหมัดใน
้ ้ ั ุั
ฐานะที่เป็ นศาสนฑูตท่านสุดท้ ายของพระองค์อลลอฮฺ ั
เพราะฉะนันเราได้ รับบทเรี ยนแล้ วว่า ประเด็นที่
้
ส าคั ญ ที่ สุ ด ไม่ ได้ อยู่ ตรงที่ ก ารปฏิ บั ติ ต ามหลั ก
จริ ยธรรม แล้ วก็อ้างว่ าทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี
เพราะนันเป็ นอะไรที่ผิวเผิน แต่ประเด็นที่เป็ นแก่นสําคัญ
่
ก็คือ เรื่ องของการไปถึงเปาหมายสูงสุดของแต่ละศาสนา
้
นันก็คือ สวรรค์ สําหรับศาสนา อิสลาม และ คริ สต์ และ
่
นิพพานสําหรับศาสนาพุทธ ซึงถึงแม้ จะพยายามปฏิบติ
่ ั
ตามหลักจริ ยธรรมให้ ดีแค่ไหนก็ตาม แต่กระนันคนที่อยู่ ้
ในแต่ละศาสนาก็ ไม่สามารถเข้ าถึงเปาหมายสูงสุดได้
้
ถ้ าจะใช้ มาตรฐานของศาสนาหนึ่งไปตัดสินอีกศาสนา
หนึง ่
ถ้ า เราวิ เคราะห์ หลัก คํา สอนของศาสนาแต่ละ
ศาสนาดู เราก็จะพบว่า แต่ละศาสนานันมีหลักคําสอนที่
้
แตกต่างกัน และตรงกันข้ ามกัน ฉันใด ที่ 1+1=2 , 1+1
=3, 1+1=4 และ 1+1= 5 เป็ นไปไม่ได้ ที่ทงหมดจะ ั้
ถูกต้ อง ฉันนัน ก็เป็ นไปไม่ได้ เช่นกันที่หลักคําสอนของ
้
แต่ ล ะศาสนาที่ ต รงกั น ข้ ามกั น และแตกต่ า งกั น จะ
16
- 20. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ถูกต้ องทังหมดได้ เมื่อเป็ นเช่นนีแล้ ว ผู้ที่ใฝ่ หาสัจธรรม
้ ้
จริ งๆ จะอยู่นิ่งไม่ได้ แต่จะต้ องตังคําถามขึ ้นมาว่า แต่ละ
้
ศาสนาที่ อ้ า งว่า ศาสนาตัว เองเป็ นแนวทางเดี ย ว เป็ น
ศาสนาเดียวที่ถกต้ องเท่านัน มีหลักฐาน และข้ อพิสจน์
ู ้ ู
อะไร ที่คนทั่วไปที่มีสติปัญญาที่ปรกติ สามารถเข้ าไป
พิสจน์ข้อเท็จจริงได้ บ้าง มีอะไรที่เป็ นความจริ งสากล ให้
ู
ชาวโลกได้ เ ข้ า มาพิ สูจ น์ บ้ า ง อัน เป็ นความจริ ง ที่ ไ ม่ใ ช่
ประสบการณ์ ส่ ว นตัว หรื อ ประสบการณ์ ที่ สัม ผัส ได้
เฉพาะกลุ่ม หากแต่ต้องเป็ นความจริ งที่ทุกคนสามารถ
พิสจน์ได้ เช่น ความจริ งที่ว่า คัมภีร์อล -กุรอานไม่เคยถูก
ู ั
เปลี่ยนแปลง แก้ ไข ความจริ งที่ว่ า คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ ถูก
เปลี่ ย นแปลงแก้ ไข จึ ง ทํ า ให้ มี ห ลากหลาย เวอร์ ชั่น (
versions) ที่ไม่เหมือนกัน และ ความจริงสากลอื่นๆ
ความเชื่อที่แท้ จริ งจะต้ องอยู่บนหลักฐานข้ อยืนยัน
ที่พสูจน์ ได้
ิ
สัจธรรมความจริ ง ที่แท้ จริ งก็คือ สิ่งที่ไม่ใช่เป็ น
สัจธรรมความจริงของเฉพาะคนหนึงคนใด หรื อ คนกลุม
่ ่
หรื อกลุมใด โดยมีพื ้นฐานมาจากความรู้สกเป็ นส่วนใหญ่
่ ึ
17
- 21. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ที่ใช้ ในการตัดสิน แต่สจธรรมความจริ งที่แท้ จริ งก็คือ สิ่ง
ั
ที่สามารถพิสจน์ ให้ ผ้ คนทังหลายได้ เห็นอย่างชัดแจ้ งได้
ู ู ้
ว่า สิ่งนีคือความจริ ง เช่นคนส่วนใหญ่ในอดีต มีความ
้
เชื่ อ ว่ า โลก แบน โดยใช้ ค วามรู้ สึก ตัด สิ น เพราะไม่ มี
หลักฐานอะไรมายืนยันความถูกต้ องของความเชื่อนันได้ ้
นอกจากความรู้สกของคนกลุมหนึงเท่านันเอง แต่พออยู่
ึ ่ ่ ้
ต่อมา มนุษย์ส่วนใหญ่ ร้ อยเปอร์ เซ็นเลยก็ว่าได้ เชื่อว่า
โลกมี รูปทรงกลม อัน เนื่ องจากมี ห ลักฐาน ข้ อพิสูจน์ ที่
สามารถยืนยันความจริ งข้ อนี ้ได้ และความเชื่อนี ้ ถือเป็ น
ความเชื่อที่ มิได้ วางอยู่บนความรู้ สึก แต่สามารถพิสจน์ ู
ให้ คนทุกคนที่มีเหตุผลและ ยอมรับความจริ งให้ ร้ ูได้ และ
ถ้ าจะมี ค นหนึ่ ง คนใดที่ อ อกมาปฏิ เ สธว่ า โลกไม่ ไ ด้ มี
รู ปทรงกลม ก็ จะถื อว่าคนๆนัน เป็ นคนที่ ไร้ เหตุผลและ
้
หลอกตั ว เอง และวางความเชื่ อ ของตั ว เองอยู่ บ น
ความรู้ สึก ถึ ง แม้ สัจ ธรรมความจริ ง จะตรงกัน ข้ า มกับ
ความรู้สกของตนเองก็ตาม
ึ
18
- 22. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ความเชื่ อ สามารถแบ่ ง ออกเป็ นประเภทต่ างๆได้
ดังต่ อไปนี ้ :
1. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่าเป็ นจริ ง หรื อ เป็ นเท็จ
ู
เช่น ความเชื่อที่ว่า โลกกลม หรื อ โลกแบน โลกโคจร
รอบดวงอาทิตย์ และอื่นๆ
2. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่า เป็ นจริ ง หรื อเป็ นเท็จ
ู
โดยมีข้อแม้ ว่า จะต้ องศึกษาความเชื่อนันๆดูให้ ละเอียด
้
เสียก่อน และตังคําถามหลายๆคําถาม เกี่ ยวกับความ
้
เชื่อนัน หรื อ หาสิงที่ตรงกันข้ ามกับความเชื่อนัน เพื่อที่จะ
้ ่ ้
พิสูจน์ ว่า ความเชื่ อนัน ผิด และไม่เป็ นจริ ง ยกตัวอย่าง
้
เช่น คริ สต์ เชื่ อว่า คัมภี ร์ไบเบิลทังหมดมาจากพระเจ้ า
้ ้
และพระเจ้ าทรงสร้ างทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าทรงรอบรู้
ในทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าไม่มีทางที่จะผิดพลาดได้ แต่
กระนันก็ตาม เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิ ้ล เรากลับพบคัมภีร์
้
ไบเบิ ้ล บอกเอาไว้ ว่า โลกนันมีรูปทรงแบน ไม่ใช่มีรูปทรง
้
กลม ( โยบ 38:13, อิสยาห์ 11:12 ) และ โลกมีเสา (
โยบ 9:6 ) เช่นนี ้ก็ทําให้ ร้ ู ได้ ทนทีว่า ไม่ใช่คมภีร์ไบเบิ ้ล
ั ั
ทังหมด จะมาจากพระเจ้ า หรื อ ชาวพุทธอาจจะเชื่อว่า
้
การเวียนว่ายตายเกิดเป็ นสัจธรรมความจริ ง ทุกสิ่งที่มี
19
- 23. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ชีวิต เกิดมาได้ เพราะมีกรรมที่ทําเอาไว้ ในชาติที่แล้ วส่งให้
มาเกิ ด เป็ นสิ่ง มี ชีวิ ตประเภทต่า งๆ เช่ น เป็ น เสื อ เป็ น
แมว เป็ น มด และสิ่ ง มี ชี วิ ต อื่ น ๆอี ก มากมาย แต่เ รา
สามารถตังเป็ นคําถามเพื่อพิสจน์ความจริ งในเรื่ องความ
้ ู
เชื่อนี ้ได้ โดยการถามว่า ‚ การเวียนว่ายตายเกิดนัน มีมา ้
เพื่อให้ ความเป็ นธรรม และความยุติธรรมกับทุกสรรพสิ่ง
ที่มีชีวิตใช่หรื อไม่ กล่าวคือ ใครทําอะไรเอาไว้ ก็จะได้ รับ
การตอบแทนตามกรรมที่ ทํ า เอาไว้ อย่า งครบถ้ ว น‛ ...
คําตอบที่ได้ เราได้ รับคือ ใช่ ถ้ าเราถามคําถามต่อไปว่า ‚
เดิมๆทีนน กรรมกับมนุษย์ อย่างไหนเกิดขึ ้นมาก่อนกัน ‛
ั้
บางคนอาจจะตอบว่า ‚ มนุษย์เกิดก่อนซิ แล้ วมนุษย์ก็ทํา
กรรมดี หรื อกรรมชัว จึงไปเกิดเป็ นสิ่งนันสิ่งนี ‛้
่ ้ แต่
คําถามที่จะต้ องถามกลับก็คือ ‚ มนุษย์จะเกิดมา
ก่อนกรรมได้ อย่า งไร ก็ ในเมื่ อมนุษ ย์ จะเกิ ดขึน มาเป็ น
้
มนุษย์ ได้ ก็จะต้ องอาศัย กรรมเก่ า ที่ ทําเอาไว้ มิใช่ห รื อ ‛
เมื่อถูกถามกลับเช่นนี ้ บางคนก็อาจจะเปลี่ยนคําพูด และ
บอกว่า ‚ จริ งๆแล้ วกรรมเกิดมาก่อนมนุษย์ ‛ แต่ก็ต้อง
ถามกลับเช่นเดียวกันว่า ‚ แล้ วถ้ าเช่นนัน กรรมนันเป็ น
้ ้
กรรมของใครที่ ทําเอาไว้ กัน ล่ะ แล้ ว มัน จะยุติธรรมได้
อย่างไร ที่มนุษย์คนหนึ่งต้ องเกิดขึ ้นมาจากกรรมของใคร
20
- 24. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ก็ไม่ร้ ู ที่ทําเอาไว้ หรื อว่า เดิมๆทีแล้ วมีกรรมล่องลอยอยู่
เต็มไปหมด แล้ วมนุษย์ แต่ละคนก็ เกิ ดขึนมาเพื่อมารั บ ้
กรรมนัน ถ้ า เป็ นเช่ น นี แ ล้ ว จะยุติ ธ รรมได้ อ ย่ า งไร ที่
้ ้
มนุษย์ต้องมารับกรรมที่ตวเองมิได้ ทําเอาไว้ ‛ เราจะเห็น
ั
ได้ ว่า ไม่ว่า จะบอกว่า มนุษย์ เกิดขึนมาก่อนกรรม หรื อ
้
กรรมเกิดขึ ้นมาก่อนมนุษย์ ก็เข้ าสูทางตันทังคู่ เพราะเกิด
่ ้
ความขัดแย้ งกันที่ไม่สามารถหาทางออกได้
บางคนอ้ างว่าเป็ นเรื่ องอจินไตย แต่เราขอชี ้แจง
ให้ รับรู้ว่า สวรรค์ หรื อ นรก คือ สิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง ่
และเช่นเดียวกัน สภาพของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งเป็ น
เช่นไรนัน สติปัญญาหยังไม่ถึง แต่กระนัน สิ่งเหล่านี ้ไม่มี
้ ่ ้
สิงที่ขดแย้ งกันในตัวเอง เพราะฉะนัน การที่สิ่งหนี่งมีสิ่งที่
่ ั ้
ขัดแย้ งกันอย่างเห็นได้ ชด เช่นเรื่ องการเวี่ยนว่ายตายเกิด
ั
ตามที่ได้ ยกมาให้ ดู แล้ วจะมาอ้ างในลักษณะ ‘เนียน’ ว่า
เป็ นสิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง เพราะ เป็ นเรื่ องอจินไตย
่
ถื อ ว่ า เป็ นคํ า อ้ างที่ ไ ร้ เหตุ ผ ล ฟั งไม่ ขึ น ไม่ มี นํ า หนั ก
้ ้
เปรี ยบเสมือนที่เราไปที่บ้านเพื่อนเรา และถามเพื่อนว่า
บ้ า นหลัง นี ใ ครเป็ นคนสร้ าง และสร้ างขึ น มากี่ ปี แล้ ว
้ ้
เพื่อนเราก็ตอบว่า ‚ ผมเป็ นคนสร้ างบ้ านหลังนี ้เอง และ
สร้ างมา 50 ปี แล้ ว ‛ ทังๆที่เพื่อนเราอายุเพียงแค่ 30 ปี
้
21
- 25. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เอง เราจึงถามเพื่อนกลับไปว่า ‚ จะเป็ นไปได้ อย่างไรที่
คุณจะสร้ างบ้ างหลังนี ้ขึ ้นมา ‛ เพื่อนจึงกล่าวตอบว่า
อย่ า ไปสนใจเลย คิ ด มากไปเดี๋ ย วจะบ้ า มัน เป็ นสิ่ ง ที่
สติปัญญาของมนุษย์หยังไมถึง มันเป็ นเรื่ องอจินไตย ‛
่
ตามหลัก ความเชื่ อของพุท ธนัน ความเป็ นอยู่
้
ของมนุษย์แต่ละคน หรื อ สิ่งต่างๆที่ประสบกับมนุษย์แต่
ละคนในชาตินี ้ ( เช่น เด็กชาย ก. พิการตังแต่เกิด ) เป็ น
้
เพราะผลกรรมที่ทํามาจากชาติที่แล้ ว หรื อ ชาติก่อนหน้ า
นี ้ ชาติปัจจุบนของเด็กชาย ก. ที่เกิ ดมาพิการ จะเกิด
ั
หรื อ มี ขึนไม่ได้ เด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจาก
้
ชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนหน้ านีที่เด็กชาย ก.ได้ ทําเอาไว้
้
เมื่อเป็ นเช่นนี ้ เราจึงสรุปได้ อย่างชัดเจนว่า ชาติหนึ่งชาติ
ใดจะมีขึ ้นหรื อเกิดขึ ้นมาได้ ก็จะต้ องอาศัยกรรม (ไม่ว่า
จะกรรมดีหรื อกรรมชั่ว) จากชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนๆ
หน้ านัน ส่งผลทําให้ เกิดชาติปัจจุบนนันๆ และสมมุติว่า
้ ั ้
ชาติ ปั จจุ บั น นี ข องมนุ ษ ย์ เ ราทุ ก คนเป็ นชาติ ที่ 100
้
แน่นอนที่สดชาติที่ 100 ย่อมไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึ ้นมา
ุ
ได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจากชาติที่ 99
หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านันส่งผลมา และ ชาติที่ 99 ก็เช่นกัน
้
ไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึนมาได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ น
้
22
- 26. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เพราะผลกรรมจากชาติที่ 98 หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านัน ้
ส่งผลมา และ ถ้ าเราย้ อนหลังไปเรื่ อยๆเราจะไปเจอชาติ
ที่ 1 คําถามที่จะต้ องถามอย่างไม่หลอกตัวเอง และอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ แล้ วชาติที่ 1 เกิดขึ ้นมาได้ อย่างไร
สมมุติ ว่า คุณ และครอบครั ว ของคุณ กํ า ลัง นั่ง
อย่างมีความสุขอยู่ในบ้ าน จากนันก็มีตํารวจบุกเข้ ามา
้
ในบ้ าน มาจับตัวคุณและคนในครอบครัว คําถามก็คือ
ถ้ าเป็ นคุณๆจะพูดอะไรกับตํารวจ? แน่นอนคุณก็จะต้ อง
ถามเขาว่า ‘ มาจับผมทําไม ผมทําอะไรผิด’ และถ้ า
ตํารวจบังคับคุณและจับคุณและคนในครอบครัวคุณเข้ า
คุกโดยไม่ตอบให้ คณได้ ร้ ู เลยว่าคุณทําผิดอะไร แน่นอน
ุ
ที่สุดคุณและครอบครัวคุณจะต้ อง ด่า สาปแช่ง ตํารวจ
นัน ที่ทําสิงที่ไร้ เหตุผล ไร้ ความยุติธรรม
้ ่
เรารู้ กั น ดี ว่ า เด็ ก ที่ เ กิ ด มาพิ ก าร หรื อ คนที่
ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก คนที่ตกทุกข์ได้ ยาก ถ้ า
ตามความเชื่อของพุทธแล้ ว ถือว่าสิ่งเหล่าที่เกิดขึ ้นเป็ น
เพราะผลกรรมที่เขาทํามาจากชาติก่อนๆส่งผลมายังชาติ
นี ้ แต่คําถามก็คือ คนที่ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก
คนที่ตกทุกข์ได้ ยากเหล่านัน เขาต้ องการจะรู้ ว่าเขาได้ ทํา
้
กรรมอะไรเขาถึงต้ องมาทุกข์ทรมานเช่นนี ้ในชาตินี ้ เพื่อที่
23
- 27. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เขาจะได้ ไม่ทําความผิดนี ้อีก เพื่อเขาจะได้ ไม่ต้องมาตก
อยู่ในความทุกข์ เช่นนีอีกในชาติถัดไป... แต่ทําไมพวก
้
เขาเหล่า นัน จึง ไม่สามารถนึก ได้ เลยว่า พวกเขาไปทํ า
้
กรรมอะไรเอาไว้ ซึ่ ง ถ้ าเป็ นอย่ า งนี ก็ ไ ม่ ต่ า งอะไรกั บ
้
ตัวอย่างข้ างต้ น และถ้ าเป็ นเช่นนี ้แล้ ว การเวียนว่ายตาย
เกิดก็เท่ากับฆ่าตัวเอง เพราะกฎการเวียนว่ายตายเกิดมี
อยู่เพื่อความยุติธ รรม แต่เมื่ อวิ เคราะห์ แล้ ว กฏนี กลับ
้
ขัดแย้ งกันในตัวเอง แถมยังไม่มีความยุติธรรมอีกด้ วย
สมมุติว่า นาย ก.เป็ นทหารและกําลังจะยิงปื น
แต่น าย ก. จะยัง ยิ ง กระสุน ออกจากปากกระบอกปื น
ไม่ได้ ก่อน จนกว่าจะได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนที่
่
อยู่ข้างหลังเขา และนายทหารที่อยู่ข้างหลังนาย ก. ก็ไม่
อาจที่ จ ะสั่ง ให้ น าย ก. ยิ ง ปื นได้ เ ช่ น กัน นอกจากเขา
จะต้ องได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนหนึ่งเช่ นกัน ถาม
่
ว่าถ้ ามีการย้ อนหลังรับคําสังกันอยู่เช่นนี อย่ างไม่ มีวัน
่ ้
จบสิน (infinite regress) นาย ก. จะมีวนยิงลูกกระสุน
้ ั
ออกจากปากกระบอกปื นได้ หรื อไม่ ... คําตอบก็คือ นาย
ก. ไม่มีวนเลยที่จะยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื นได้
ั
อย่างแน่นอน แต่ถ้าสมมุติว่า ลูกกระสุนถูกยิงออกไป
จากปากกระบอกปื นแล้ ว นั่น บ่ง ให้ ร้ ู ว่าอะไร ...นั่น
24
- 28. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
หมายความว่าอย่างไร? คําตอบก็คือ คําสังได้ ไปหยุดลง ่
อยู่ที่หนึ่งที่ใดแล้ ว และ ตรงนันเองที่เป็ นที่มาของคําสัง
้ ่
ทังหลายที่ให้ นาย ก. ยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื น
้
ได้
บางคนอ้ างว่า การเวียนว่ายตายเกิดนันเราไม่ ้
สามารถนับชาติได้ ว่าเป็ นชาติที่เท่าไหร่ แต่เราขอตอบ
ว่ า การนั บ ชาติ ไ ม่ ไ ด้ ว่ า เป็ นชาติ ที่ เ ท่ า ไหร่ นั น ไม่ ใ ช่
้
ประเด็นสําคัญ แต่ประเด็นสําคัญก็คือชาตินนมีที่สิ ้นสุด ั้
หรื อไม่ ถ้ าย้ อนหลังกลับไป ถ้ าตอบว่า ชาตินนย้ อนหลัง ั้
กลับไปอย่างไม่มีวนสิ ้นสุด ถ้ าเป็ นเช่นนัน ก็หมายความ
ั ้
ว่า มนุ ษย์ จะต้ องยังไม่ เกิด สัตว์ ทังหลายจะต้ องยัง
้
ไม่ เกิดขึนมาบนโลกนี ้ เหมือนกับลูกกระสุนที่ยงไม่ถูก
้ ั
ยิงออกจากปากประบอกปื น แต่ความจริ งก็คือว่า มนุษย์
เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว สัตว์เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว มัน
ก็เหมือนกับที่ลกกระสุนได้ ถกยิงออกไปจากปากกระบอก
ู ู
ปื นแล้ ว นันก็พิสจน์ว่าการเวียนว่ายตายเกิดนันจะต้ องมี
่ ู ้
จุด เริ่ ม ต้ น จะย้ อ นหลัง กลับ ไปไกลแค่ ไ หนก็ แ ล้ ว แต่ ๆ
สุดท้ ายก็ต้องไปเจอกับชาติที่ 1 อยู่ดี เพราะฉะนันการ ้
อ้ างว่า ‘การเวียนว่ายตายเกิดนัน ย้ อนหลังกลับไปอย่าง
้
ไม่มีวนสิ ้นสุด’ จึงเป็ นสิ่งที่ฟังไม่ขึ ้น ไม่มีนํ ้าหนัก เพราะ
ั
25
- 29. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
ขัดแย้ ง กับความเป็ นจริ ง ตามที่ ไ ด้ วิ เคราะห์ ไปข้ างต้ น
ด้ วยการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ เห็นภาพชัด
ทังหมดเหล่านี คือ การวิเคราะห์ กันใน
้ ้
บางประเด็นที่เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็เป็ นที่
ชัดเจนที่จะยืนยันได้ แล้ วว่า ความเชื่อเรื่ องการเวียนว่าย
ตายเกิดนัน เป็ นสิงที่ไม่เป็ นความจริ ง และเป็ นหน้ าที่ของ
้ ่
ผู้ที่ แ สวงหาสัจ ธรรมความจริ ง และไม่ ห ลอกตัว เองที่
จะต้ องเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นเท็จ หรื อผิดพลาด และเชื่อใน
สิ่งที่ถกต้ อง เปรี ยบได้ กบที่คนในอดีตเชื่อว่าโลกแบน แต่
ู ั
เมื่อหลักฐานข้ อพิสูจน์ ยืนยันแล้ วว่าโลกนันกลม ผู้ที่ไม่
้
หลอกตัวเองก็จะต้ องมาเชื่อในสิ่งที่เป็ นความจริ ง และ
เลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นความเท็จ เช่นนี ้เป็ นตัวอย่างการตัง้
คําถามเพื่อนําไปสูความจริง
่
3. ความเชื่อที่ไม่สามารถพิสจน์ได้ ร้อย เปอร์ เซ็นว่า ถูก
ู
หรื อ ผิด เป็ นจริ ง หรื อเท็ จ ความเชื่ อในประเภทนี ต้อง ้
แขวน หรื อ พัก เอาไว้ ก่ อ น แต่ ใ ห้ ไ ปพิ สูจ น์ ค วามเชื่ อ
หลัก ๆที่ ส ามารถพิ สูจ น์ ไ ด้ ก่ อ น เช่ น แต่ ล ะศาสนาไม่
สามารถพิ สูจ น์ ใ ห้ คนที่ อ ยู่ ใ นอี ก ศาสนาอื่ น เชื่ อ ได้ ว่ า
ปาฏิหาริ ย์ที่ศาสดาของศาสนานันๆได้ แสดงอะไรเอาไว้
้
นันเกิ ดขึนจริ งหรื อไม่ เพราะคนๆนันไม่สามารถย้ อน
้ ้ ้
26
- 30. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
อดีตกลับไปได้ เช่น คริ สต์ เชื่อว่า พระเยซูนันได้ แสดง ้
ปาฏิหาริย์ โดยการทําให้ นํ ้าให้ กลายเป็ นไวน์ ( John 2:1-
11 ) ซึ่งโดยทัวไปแล้ วก็ไม่สามารถพิสจน์ได้ ว่า สิ่งนี ้เป็ น
่ ู
จริง หรื อเป็ นเท็จ อาจจะเป็ นจริ ง หรื ออาจจะเป็ นเท็จก็ได้
ซึ่งถ้ าหากว่าเป็ นเท็จ นันก็ หมายความว่า คําสอนหรื อ
้
ความเชื่ อ ข้ อ นี ที่ มี ก ล่า วเอาไว้ ใ นคัม ภี ร์ ไ บเบิล ป็ นสิ่ง ที่
้ ้
มนุ ษ ย์ ไ ด้ แ ต่ ง กั น ขึ น มาเองแล้ วเอาไปใส่ ไ ว้ ใ นคัม ภี ร์
้
เพื่อให้ คนหลงเชื่อว่ามาจากพระเจ้ า เพราะฉะนันความ ้
เชื่อในประเภทนี ้ให้ พกเอาไว้ ก่อนั
4. ความเชื่อที่ตวเองสัมผัสหรื อรู้ ได้ ด้วยตัวเองว่าเป็ นจริ ง
ั
หรื อ สิ่ ง ที่ พิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า เป็ นจริ ง แต่ ก ระนั น ความเชื่ อ
้
ประเภทนี ้ก็ไม่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง
ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นการพูดว่า ‚ การนังสมาธิทําให้ ่
จิ ต ใจสงบ เพราะฉะนัน ศาสนาพุท ธจึ ง เป็ นศาสนาที่
้
ถูกต้ อง เพราะศาสนาพุทธสอนให้ นงสมาธิ ‛ สิ่งนี ้ไม่ได้
ั่
เป็ นเงื่อนไขซึงกันและกันเลย เพราะการนังสมาธิและทํา
่ ่
ให้ จิตสงบนันไม่ใช่จะเป็ นสิ่งที่สามารถมีได้ แต่เฉพาะใน
้
ศาสนาพุทธเท่านัน ศาสนาอื่นๆเขาก็มีวิธีทําให้ จิตสงบ
้
ได้ เหมือนกัน หรื อการ พูดว่า ‚ พระเกจิอาจารย์ใน
ศาสนาพุทธหลายท่าน ตายแล้ วศพไม่เน่า เพราะฉะนัน ้
27
- 31. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
สิ่งนี จึงบ่งบอกว่าศาสนาพุทธคือศาสนาที่ แท้ จริ ง ‛ จะ
้
เห็นได้ ว่าถึงแม้ ว่าสิ่งนี ้เป็ นจริ งเกิดขึ ้นจริ ง แต่ก็มิได้ เป็ น
เงื่อนไขซึ่งกันและกัน ที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันว่าศาสนา
พุทธนันเป็ นศาสนาที่แท้ จริ ง เพราะในศาสนาคริ สต์เขา
้
ก็มีเช่นนี ้ ในศาสนาอิสลามก็มีเช่นนี ้ หรื อเมื่อชาวคริ สต์
พิสูจน์ แล้ วว่า พระผู้เป็ นเจ้ าที่ แท้ จริ งนันมีอยู่จริ ง นันก็
้ ้
มิได้ เป็ นเงื่อนไขว่า ศาสนาคริ สต์จะเป็ นสัจธรรม ความ
จริ ง หรื อ เป็ นศาสนาที่ ถูก ต้ อ ง ทัง นี ก็ เ พราะ ศาสนา
้ ้
หลายๆศาสนาเขาก็เชื่อ และศรัทธาในพระเจ้ าเหมือนกัน
และมี อี ก หลายสิ่ ง หลายอย่ า ง ที่ ผ้ ูค นที่ อ ยู่ใ นศาสนา
ทังหลายต่างเชื่อว่าสิ่งเหล่านี เ้ ป็ นเงื่ อนไขเพื่อยืนยันว่า
้
ศาสนาของตนเป็ นศาสนาที่แท้ จริง เพราะมีสงนันสิงนี ้อยู่ิ่ ้ ่
แต่ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่ หลังจากที่ได้
้
วิเคราะห์และพิสจน์ดแล้ ว เช่นคริ สต์บางคนอ้ างว่า พระ
ู ู
วิ ญ ญาณบริ สุท ธิ์ ไ ด้ ล งมาหาตนเอง และทํ า อย่ า งนัน ้
อย่างนี ้กับตนเอง จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อว่าศาสนาคริ สต์
ั้
คือศาสนาที่แท้ จริ ง เช่นกัน ชาวพุท ธบางคน นั่งสมาธิ
และเห็นว่าตัวเอง เคยเกิดชาติที่แล้ วเป็ นอะไร หรื อชาติ
ก่อนหน้ านันเคยเกิดเป็ นอะไร หรื อ นังสมาธิจนสามารถ
้ ่
เห็นได้ ว่าสวรรค์นรกเป็ นอย่างไร จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อ ั้
28
- 32. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
และสรุ ป เอาเองว่ า ศาสนาพุท ธนี่ แ หละคื อ ศาสนาที่
แท้ จริ ง มุสลิมบางจําคนก็เช่นกัน นังระลึกถึงพระผู้เป็ น
่
เจ้ าจนกระทังสามารถถอดจิตขึ ้นไปสนทนากับพระผู้เป็ น
้
เจ้ าได้ และยังมีสงอื่นๆอีกมากมาย ที่คนที่อยู่ในศาสนา
ิ่
นัน ๆคิ ด ว่ า สิ่ ง เหล่ า นี ที่ มี อ ยู่ศ าสนาตัว เองคื อ เงื่ อ นไข
้ ้
สําคัญที่จะยืนยันว่าศาสนาตัวเองคือศาสนาที่แท้ จริง ซึง ่
ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่ ้
5. ความเชื่อที่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง
ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นพูดว่า ‚ คัมภีร์ อัล- กุรอาน
พิ สู จ น์ ตั ว มั น แล้ วว่ า มาจากพระผู้ เป็ นเจ้ าที่ แ ท้ จริ ง
เพราะฉะนันศาสนาอิสลามจึงเป็ นศาสนาที่ถกต้ อง ‛
้ ู
สิ่งนี ้ถือเป็ นเงื่อนไขซึงกันและกัน ทังนี ้ก็เพราะ คัมภีร์อล -
่ ้ ั
กุรอานก็กล่าวยืนยันเอาไว้ ว่า ศาสนาอิสลามเป็ นศาสนา
เดียวเท่านันที่ พระผู้เป็ นเจ้ าให้ การยอมรั บ และรั บรอง
้
และสมมุติวา คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ รับการพิสจน์แล้ วว่ามาจาก
่ ู
พระเจ้ า จริ ง แต่มัน ก็ จ ะถื อ ว่า เป็ นการผิ ด พลาด ที่ จ ะ
กล่าวสรุ ปว่า ‚ เพราะฉะนัน พระเยซูจึงเป็ นพระเจ้ าที่
้
แท้ จริ ง‛ ทังนี ้ก็เพราะคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ ยืนยันเอาไว้ เลย
้
ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า
29
- 33. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
เช่นเดียวกันคําพูดต่อไปนี ้ ถือเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน
และกัน ‚ คัม ภี ร์ อัล -กุร อานนัน มี ต้ น ฉบับ ที่ เ ป็ นภาษา
้
อาหรับอายุมากกว่าหนึงพันปี และคัมภีร์อล-กุรอานที่มี
่ ั
ในปั จจุบนเหมือนกันกับต้ นฉบับที่มีอายุมากกว่าพันปี ทุก
ั
ตัวอักษร เพราะฉะนันคัมภีร์อัล -กุรอานจึงไม่เคยผ่าน
้
การถูกเปลี่ยนแปลงแก้ ไขเลยตลอด หนึ่งพันกว่าปี ที่ผ่าน
มา‛
คําพูดต่อไปนี ้ก็เช่นกัน ถือว่าเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน
และกัน ‚ คัมภีร์ไบเบิ ้ลทังหมดมาจากพระเจ้ า พระเจ้ า
้
เป็ นผู้ที่ทรงสร้ างทุกสิ่ง และทรงรู้ ถึงทุกสิ่ง ‛ แต่กระนัน ้
ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลกลับบอกว่า ‚ โลกนันมีเสาคํ ้ายันอยู่ ‛ (1
้
ซามูเอล 2:8, โยบ 9:6, เพลงสดุดี 75:3) ( ซึงค้ านกับ ่
ความเป็ นจริ งทางวิทยาศาสตร์ ที่ได้ รับการยืนยันแล้ วว่า
โลกนันไม่มีเสาใดๆมาคํ ้ายันทังสิ ้นเช่นเดียวกับฟากฟา
้ ้ ้
เพราะทังหมดลอยอยู่ในอวกาศ) เพราะฉะนัน จึงพิสจน์
้ ้ ู
ได้ ว่าคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ มาจากพระเจ้ าทังหมด แต่มีส่วน
้
ที่ มนุษย์ เขี ย นขึน มาเองด้ ว ย เพราะพระเจ้ าสร้ างโลก
้
และพระองค์ก็ย่อมรู้ดีด้วยว่า โลกที่พระองค์ทรงสร้ างนัน ้
เป็ นอย่างไร
30
- 34. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
6. ความเชื่อที่ ได้ รับการพิสจน์ และยืนยันแล้ วว่าถูกต้ อง
ู
เป็ นจริ ง และเป็ นความเชื่อที่ศาสนาอื่นหรื อลัทธิอื่นไม่มี
ความเชื่อเช่นนี ้ และมีผลที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันถึงสิ่ง
อื่นๆในศาสนานันด้ วยว่าถูกต้ อง เช่นถ้ าคริ สต์สามารถ
้
พิสจน์ได้ ว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลมาจากพระเจ้ าจริ ง เช่นนี ้ก็ถือ
ู
เป็ นเงื่อนไขว่า ข้ อมูล หรื อคําสังสอนที่มีในคัมภีร์ไบเบิ ้ลก็
่
ถือว่าเป็ นสัจธรรมความจริ ง แต่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่ง
พิสจน์ได้ ตามหลักวิชาการว่า มีหลายๆส่วนของคัมภีร์ไบ
ู
เบิ ้ลที่มีข้อผิดพลาด ขัดกับความเป็ นจริ ง เช่นนี ้ก็จะทําให้
ข้ อความทังหมดที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ นที่ต้องสงสัย
้
ว่ามันเป็ นสิงที่มาจากพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริงๆหรื อไม่
่
และอิสลามมีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นถือว่า
อยู่ในแนวทางที่ผิดทังหมด ในเมื่อพิสูจน์ แล้ วว่า คัมภีร์
้
อัล-กุรอานนีเ้ ป็ นคัมภีร์ที่มาจาก พระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง
เช่นเดียวกัน คริ สต์ก็มีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นนันผิด ้
หมด ถ้ าได้ มีการพิสจน์ ชดเจนแล้ วว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ น
ู ั
คัมภีร์ที่มาจากพระเจ้ าจริ ง โดยไม่ถือเป็ นการเห็นแก่ตว ั
เหมือนกับที่ เราเชื่อว่าโลกนี ้ กลม ก็เท่ากับว่าเรากล่าวว่า
ผู้ที่ยังเชื่ อว่าโลกแบนนัน เป็ นผู้ที่ผิดพลาด แต่คําถาม
้
จะต้ อ งถูก ถามแก่ ผ้ ูที่ ยัง เชื่ อ อยู่ว่ า โลกแบน ว่ า ทัง ๆที่
้
31
- 35. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?
หลักฐานประจักษ์ ชดแล้ ว ทําไมถึงยังเชื่ออยู่ว่าโลกแบน
ั
เช่นกัน สมมุติว่า ชายคนหนึ่ง เกิดติดโรค คนกลุ่มหนึ่ง
สันนิษฐานว่า เป็ นโรคตับอักเสบ อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรค
่
ความดันตํ่า อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรคติดเชื ้อในปอด เมื่อ
่
พิ สู จ น์ แ ล้ วปรากฏว่ า ชายคนนี เ้ ป็ น โรคตั บ อั ก เสบ
แน่นอน กลุ่มที่วินิจฉัยโรคได้ ถกต้ อง มีสิทธิอย่างเต็มที่ๆ
ู
จะบอกว่ากลุมอื่นๆนันผิดทังหมด
่ ้ ้
มาถึ ง ตรงนี ้ ขอถามคํ า ถามผู้อ่า นอี ก สัก ข้ อ ว่ า
ถ้ าคุณเกิดเจ็บป่ วยหนัก แต่ไม่ร้ ู ว่าเป็ นโรคอะไร คนกลุ่ม
หนึงก็บอกเป็ นโรคหัวใจ คนอีกกลุมบอกว่าเป็ นความดัน
่ ่
สูง ในขณะที่คนอีกกลุ่มบอกว่าเป็ นโรคมะเร็ ง ถามว่า
คุณจะรี บแสวงหาสาเหตุที่แท้ จริงของอาการป่ วยของคุณ
ไหม ถ้ าคุ ณ เป็ นผู้ ที่ รั ก ตัว เอง... แน่ น อนคุ ณ จะต้ อง
พยายามหาความจริ ง ให้ ได้ ว่ า อาการป่ วยของคุณ ที่
เกิดขึ ้นนัน เกิดมาจากโรคอะไร เพราะถ้ าคุณไม่รีบ มันก็
้
อาจจะสายเกินแก้ ก็เป็ นไปได้ โดยที่คุณจะต้ องพิสูจน์
ตรวจดูใ ห้ รู้ ชัด เพื่ อ ที่ จ ะยื น ยัน ได้ ว่ า โรคที่ คุณ กํ า ลัง
เป็ นอยู่นนคือโรคอะไร และขอถามอีกว่าคุณจะกล่าว
ั้
อย่างไรกับผู้ที่ ไม่สนใจที่จะแสวงหา พยายามรู้ความจริ ง
ให้ ได้ ว่า โรคที่เขาเป็ นอยู่นนคือโรคอะไร แต่ได้ แต่พูดว่า
ั้
32