SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 91
Downloaden Sie, um offline zu lesen
·Ø¡ÈÒʹÒÊ͹ãËŒ¤¹à»š¹¤¹´Õ¨ÃÔ§ËÃ×Í?
¼ÙŒà¢Õ¹ : ªÒÃÕ¿ ǧȏàʧÕèÂÁ
ÃÙ»àÅ‹Á : «ÍÅ´Õé ËÁѹ¡ÒÃ
¾ÔÊÙ¨¹ÍÑ¡Éà : «Í¿‚¹ÐÎÚ ºÔ¹µÔ ¡Íà«çÁ
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 2 : ÁԶعÒ¹ 2555
Êӹѡ¾ÔÁ¾ : «ÒºÔ¡Ù¹ 42/2 Á.2 µ.ÊÐ൧¹Í¡ Í.àÁ×ͧ ¨.ÂÐÅÒ 96130
âç¾ÔÁ¾ : Rabbitprint 491, 1493-1495 ¶¹¹¾ÃÐÃÒÁ 4 á¢Ç§ÇѧãËÁ‹ ࢵ»·ØÁÇѹ
              ¡ÃØ§à·¾Ï 10330 E-mail: info@rabbit4print.com
              Website: www.rabbit4print.com â·Ã. 0-2215-3999
              á¿¡«. 0-2215-3999 #33
ÊÑ觫×éÍ˹ѧÊ×Íä´Œ·Õè : Ìҹ˹ѧÊ×Í ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ (Assabikoon Trade)
                        http://www.facebook.com/AssabikoonTrade
                        µÔ´µ‹Í ¤Ø³ÁصµÒ¦Õ¹ ਍ÐáÅÐ â·Ã : 0879680862
àÇçºä«µ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ : www.ÍÔÊÅÒÁ.net

ISBN 978-616-7707-64-8




              “à¾×è;ÃÐͧ¤¨Ð·Ã§ãËŒÊÔ觷Õè໚¹¨ÃÔ§ ä´Œ»ÃШѡɏ໚¹¤ÇÒÁ¨ÃÔ§
                         áÅÐãËŒÊÔè§à·ç¨ ä´Œ»ÃШѡɏ໚¹ÊÔè§à·ç¨
                       áÅÐáÁŒÇ‹ÒºÃôҤ¹ªÑèǪŒÒ¨ÐäÁ‹¾Í㨡çµÒÁ”
                                   (ÍÑÅ-Íѹ¿ÒÅ 8 : 8)
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?




“แท้ จริงบรรดาผู้ศรัทธาและกระทาความดีทงหลาย
                                      ั้
เราจะไม่ ให้ การตอบแทนของผู้กระทาความดีสูญ
หายอย่ างแน่ นอน”

(คัมภีร์ อัล-กุรอาน บทที่ 18 โองการที่ 30)




                               1
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?




ทุกศาสนา
สอนให้ คนเป็ นคนดี....
จริงหรื อ?




                        2
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?


                                    คานา

             เราไม่อาจที่จะปฏิเสธหรื อหลอกตัวเองได้ วา การ
                                                        ่
แสวงหาสัจธรรมความจริ งนัน เป็ นส่วนหนึ่งของชีวิต
                                  ้
มนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่ องราวต่างๆในทางโลกหรื อ
ในเรื่ องความเชื่อในทางศาสนาก็ตาม โดยพื ้นฐานแล้ ว
มนุษย์ เรานัน ต้ องการที่ จะรู้ ให้ ได้ ว่าอะไรคือความจริ ง
                 ้
โดยเฉพาะถ้ าความจริ งในเรื่ องนันๆที่ตนเองจะต้ องรู้ ให้
                                        ้
ได้ เกี่ยวข้ องและจะส่งผลต่อตนเองโดยตรง เช่น สมมุติ
ว่าเรา มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หน้ าซีด กินอาหารไม่
ค่อยได้ และมีคนหลายคนทักเราว่า อาการอย่างนี ้น่าจะ
เป็ นอาการของคนที่ เ ป็ นโรคมะเร็ ง ในระยะเริ่ ม ต้ น
แน่ น อนที่ สุ ด เราจะไม่ นิ่ ง อยู่ เ ฉยๆอย่ า งแน่ น อน แต่
จะต้ องรู้ ความจริ งให้ ได้ ว่า ความจริ งเป็ นเช่นไร เพราะสิ่ง
นี ้เกี่ยวข้ องและส่งผลต่อตัวเราเองโดยตรง หรื อ สมมุติมี
คนกล่าวอ้ างว่า คนที่ เรารั ก ห่วงใยและปรารถนาที่ จะ
แต่ ง งานด้ วยนั น คิ ด ไม่ ซื่ อ กั บ เรา แน่ น อนเราจะไม่
                     ้
สามารถอยู่นิ่ งได้ และจะอยู่ในสภาพเดือดเนื อร้ อนใจ   ้
และต้ องการที่จะรู้ความจริ งให้ ได้ ว่า สิ่งนันเป็ นความจริ ง
                                               ้
หรื อไม่

                                3
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



             คนเรานันหลายต่อหลายครังด้ วยกันที่จะต้ อง
                      ้                      ้
ยอมที่ จ ะเสี ย อะไรบางอย่ า งไป ไม่ ใ ช่ เ พื่ อ ใครแต่ เ พื่ อ
ประโยชน์ของตัวเขาเอง เหมือนตัวอย่างในข้ างต้ นเรื่ อง
มะเร็ ง ถ้ าเรารู้ ความจริ ง แล้ วว่ า เรานั น กํ า ลั ง เป็ น
                                                     ้
โรคมะเร็ ง อยู่ แน่ น อนที่ สุ ด เราอาจจะต้ อ งยอมที่ จ ะ
สูญเสีย เงิ น ที่ เ ราจะหาได้ ในแต่ล ะวัน ในธุ รกิ จของเรา
อาจจะมากหรื อ น้ อยก็ แ ล้ ว แต่ ยอมที่ จ ะละทิ ง ความ   ้
สนุกสนานไม่ว่ากับเพื่อนฝูง หรื อความสนุกสนานอื่นๆ
หรื อความสุขที่ได้ อยู่กับคนที่เรารัก หรื อ ยอมที่จะละทิ ้ง
ความสบายต่ า งๆไป หรื อ ยอมที่ จ ะละทิ ง สิ่ ง อื่ น ๆไป
                                                       ้
เพื่อที่ตวเองจะได้ เข้ ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อ
           ั
โรคร้ ายที่เรากําลังเป็ นอยู่ ถึงแม้ ว่าจะต้ องใช้ เวลาในการ
รักษาเป็ นแรมเดือนก็ตาม
             แน่นอนที่ สุดสําหรั บผู้ที่มีเหตุผล ใช้ สติปัญญา
ใคร่ ครวญอย่างรอบคอบอีกทังไม่หลอกตัวเองแล้ ว เขา
                                     ้
จะไม่ ม องเลยว่ า ผลที่ จ ะเกิ ด ขึ น กั บ ตั ว เขานั น (อั น
                                          ้                ้
เนื่องจากที่ไม่สนใจ หรื อเมินเฉยในการที่จะรู้ความจริงให้
ได้ ) จะเกิดขึ ้นกับตัวเขาโดยทันทีหรื อไม่ ซึงเปรี ยบได้ กบ
                                                   ่            ั
ผู้ที่หมอตรวจพบมะเร็ งในระยะเริ่ มแรก ทังๆที่เขาผู้นนก็
                                                 ้           ั้
ไม่ร้ ู สกว่ามีอะไรผิดปรกติในร่างกายของเขา แถมยังรู้ สก
         ึ                                                        ึ

                                 4
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



แข็งแรง และมีความสุขกับชีวิตอีกต่างหาก แต่ถึงแม้ ว่า
ผลจากการเกิดโรคมะเร็ งจะยังไม่เกิดขึ ้นกับเขาโดยตรง
ในตอนนัน โดยทันทีก็ตาม แต่มนจะเกิดขึ ้นในอนาคต
               ้                           ั
อย่างแน่นอน แน่นอนที่สดเขาย่อมไม่นําเอา ผลที่ยงไม่
                                 ุ                               ั
เกิ ด ขึ น กั บ เขาโดยตรง ในตอนนัน โดยทัน ที มาเป็ น
         ้                                   ้
เหตุผลที่จะยังไม่เข้ ารับการรักษาตัวก่อน อย่างแน่นอน
แต่ในทางตรงกันข้ ามเขาย่อมที่จะตระหนักและรี บเร่ งใน
การที่จะรักษาโรคมะเร็ง เพื่อที่จะได้ ไม่สายเกินแก้
           เรื่ อ งที่ ย กตั ว อย่ า งไปข้ างต้ นนั น เป็ นเรื่ อ งที่
                                                    ้
เกี่ ย วกับ ชี วิ ต ความเป็ นอยู่ใ นโลกนี เ้ พี ย งเท่ า นัน และ
                                                           ้
มันใจได้ เลยว่า สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องนรก และสวรรค์
   ่
อย่างแท้ จริ ง แล้ ว คงไม่เห็ น เรื่ องความเป็ นอยู่ท างโลก
สําคัญและมี ผ ลมากไปกว่า เรื่ องสวรรค์ และนรกอย่า ง
แน่ น อน เพราะสวรรค์ นั น คื อ ความสุ ข ที่ สุ ข ยิ่ ง กว่ า
                                    ้
ความสุขบนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้ และ นรกก็เป็ นความ
ทุกข์ที่ทุกข์ยิ่งกว่า ความทุกข์บนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้
เช่นกัน แต่สําหรับผู้ที่ยงข้ องใจเรื่ องการมีจริ งของพระผู้
                               ั
เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งนัน แนะนําให้ อ่านหนังสือของผู้เขียนที่
                          ้
ชื่อ ‚ ข้ อพิสูจน์ ต่อการมีอยู่ของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง ‛


                                  5
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



โดยอ่านอย่างผู้มีเหตุผล อ่านอย่างผู้ไม่หลอกตัวเอง และ
อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง
           หนั ง สื อ เล่ ม นี จ ะเป็ นการวิ เ คราะห์ อย่ า ง
                               ้
ตรงไปตรงมา อย่างไม่หลอกตัวเอง ถึงวิธีการแสวงหา
และ พิสจน์ สัจธรรมความจริ ง สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องการ
         ู
ตอบแทนไม่ว่าจะเป็ นความดี หรื อ ความชัว เพื่อที่จะได้ ร้ ู
                                                       ่
ว่ า ศาสนา หรื อ แนวทางไหนที่ จ ะเป็ นแนวทาง หรื อ
ศาสนาที่ แ ท้ จริ ง และทํ า ไมจึ ง ต้ องเป็ นเช่ น นั น และ ้
เป็ นไปได้ ไหมที่ทกศาสนาหรื อแนวทางจะถูกต้ องทังหมด
                     ุ                                        ้
อีกทังจะบอกให้ ร้ ู ถึงการแยกแยะระหว่าง สิ่งที่เป็ นแก่น
      ้
หรื อหัวใจของศาสนา ที่ถ้าสิ่งนันถูกหักล้ าง หรื อ พิสจน์
                                      ้                          ู
ว่าผิดแล้ ว ศาสนาหรื อ แนวทางนันๆก็จะต้ องล้ มสลายลง
                                          ้
และอยู่ไ ม่ ไ ด้ ใ นที่ สุด และ สิ่ ง ที่ เ ป็ นเรื่ อ งรายละเอี ย ด
ปลีกย่อยในศาสนา ที่ไม่มีผลแต่อย่างใดในการแสวงหา
สั จ ธรรมความจริ ง ขอให้ ท่ า นผู้ อ่ า นได้ อ่ า นอย่ า ง
ใคร่ ค รวญ อ่ า นอย่า งผู้มี เ หตุผ ล อ่า นอย่า งผู้ไ ม่ห ลอก
ตัวเอง และ อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง

                                             อ. ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม
                                                       29/12/53

                                  6
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?




                   7
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?


      ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี....จริงหรือ?

                    โดย อ. ชะรี ฟ วงศ์เสงี่ยม

          บทความนี ้ถูกเขียนขึ ้นมา สําหรับผู้ที่มีความเชื่อ
ในศาสนาหนึ่งศาสนาใด หรื อลัทธิ หนึ่งลัทธิ ใด รวมทัง                     ้
เชื่อถึงการมีอยูจริงของ สวรรค์ และนรก เชื่อในเรื่ อง บาป
                    ่
บุญ อีกทังจะเป็ นการวิเคราะห์ถึงคําพูดที่เรามักได้ ยินกัน
           ้
เป็ นประจํา นันก็คือคําพูดที่ว่า ‚ทุกศาสนาสอนให้ เป็ น
                  ้
คนดี‛
          โดยปรกติแล้ วผู้ที่พูดคําพูดเช่นนีออกมามักจะ ้
ไม่วิเคราะห์ ให้ ดีเสียก่อน เพราะถ้ าเราวิเคราะห์ คําพูด
ดัง กล่า วดูใ ห้ ดี แ ล้ ว เราก็ จ ะเห็ น ได้ ว่ า คํ า พูด ที่ ว่ า ‚ทุก
ศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ เป็ นคําพูดที่ไม่ถูกต้ องเสียสัก
เท่าไหร่ ต่อไปนี ้เราจะมาวิเคราะห์กนถึงคําพูดนี ้กัน
                                           ั
          ถ้ าเราจะตังเป็ นคําถามว่า ทุกศาสนามีอะไรเป็ น
                         ้
สิงที่เหมือนๆกัน คําตอบที่จะได้ รับก็คือ ศาสนาส่วนใหญ่
   ่
หรื อทุกศาสนาเลยก็ว่าได้ มีหลักข้ อใช้ ให้ ปฏิบติ และ ข้ อ ั
ห้ ามมิให้ ปฏิบตินนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่ทําแล้ ว
                 ั ั่
จะเกิดเป็ นผลบุญขึ ้นมา และสิ่งที่ทําแล้ วจะเกิดเป็ นบาป

                                   8
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ขึนมา ทุกศาสนาจะต้ องมีสองสิ่งนี ้ เพราะฉะนัน จาก
  ้                                                  ้
คําพูดที่ว่า ‚ ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี ‛ ทําเข้ าใจ
ได้ โดยปริ ยายว่า หลักคําสอนทังข้ อใช้ และข้ อห้ ามของ
                                   ้
ทุกศาสนานันสอนให้ คนเป็ นคนดี ผู้ที่พูดคําพูดเช่นนี ้
                ้
ออกมานัน ต้ อ งการจะสื่ อ ให้ รู้ ว่ า ไม่ ว่ า เราจะนับ ถื อ
            ้
ศาสนาไหนก็ ถูกต้ องทังหมด เป็ นความดีทังหมด ไม่มี
                          ้                       ้
ความจํ า เป็ นที่ จ ะต้ องไปเปลี่ ย นศาสนาแต่ อ ย่ า งใด
ตอนนี เ้ ราจะมาวิ เ คราะห์ สิ่ ง หรื อ คํ า สอนบางอย่ า งที่
ศาสนาแต่ละศาสนาได้ สอน เพื่อที่เราจะได้ ร้ ู ว่า คําพูด
ดังกล่าวนันเป็ นจริงหรื อไม่อย่างไร
              ้

         ถ้ าเราศึกษาหลักคําสอนของศาสนาพุทธดู เรา
จะพบหลักคําสอนข้ อหนึ่งที่ ว่า ใครก็แล้ วแต่ที่ฆ่าสัตว์
โดยเจตนา ไม่วาจะฆ่าโดยมีจดมุ่งหมายใดก็แล้ วแต่ เช่น
                ่           ุ
ฆ่าสัตว์เพื่อนํามาเป็ นอาหาร ถือว่าคนๆนันทําสิ่งที่เป็ น
                                             ้
บาปกรรม ต้ องตกนรกหมกไหม้ ( ‚ หม่อมฉันนัน ตัด      ้
ศีรษะแม่แพะตัวเดี ยว ไหม้ในนรก ด้วยเศษผลแห่ง
กรรม จึ งได้ถูกตัดศีรษะด้วยการนับขนแม่แพะนัน‛ พระ     ้
สุตตันตปิ ฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒
ตอน ๒ - หน้ า ที่ 172 / ‚        ดู ก่ อ นภิ ก ษุ ท ั้ง หลาย

                                9
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ปาณาติ บาตอันบุคคลเสพแล้ว เจริ ญแล้ว กระทาให้มาก
แล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็ นไปในนรก ในกาเนิ ดสัตว์ดิรัจฉาน
ในเปรตวิ สั ย วิ บากแห่ งปาณาติ บาตอย่ างเบา
ที สด ย่อมยังความเป็ นผูมีอายุน้อยให้เป็ นไปแก่ผูมา
   ่ ุ                       ้                              ้
เกิ ดเป็ นมนุษย์ ‛ พระสุตตันตปิ ฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-
อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม 4 – หน้ าที่ 495, 10 สัพ
พลหุสสุตร ) แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ าเรามาดูในหลักคํา
สอนของศาสนาอิสลาม เราพบว่า การฆ่าสัตว์เพื่อนํามา
ปรุ งเป็ นอาหารนัน นอกจากจะไม่เป็ นบาปกรรมแล้ วยัง
                    ้
จะถือว่าเป็ นผลบุญเสียด้ วยซํ ้าไป เมื่อเป็ นเช่นนี ้คําถาม
ที่จะต้ องถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหม ที่ คําสอนของทังสอง   ้
ศาสนานี ้จะถูกต้ องและเป็ นจริ งทังคู่ .... แน่นอนคําสอน
                                       ้
ของทังสองศาสนานี ้ไม่มีทางที่จะถูกต้ องทังคู่ได้ ทันทีที่
         ้                                      ้
มุส ลิม คนหนึ่ง คนใดฆ่า สัตว์ เพื่ อ นํ า มาปรุ ง เป็ นอาหาร
แน่นอนตามหลักคําสอนของศาสนาพุทธแล้ ว มุสลิมคน
นี ้ถือว่ากําลังทําบาปกรรมอยู่ และเขาผู้นี ้ไม่ถือว่าเป็ นคน
ดีด้วย แต่เป็ นคนบาป เพราะฉะนันถ้ าเราวิเคราะห์ดด้วย
                                     ้                    ู
ใจที่เป็ นกลาง และใฝ่ หาสัจธรรม เราก็จะเห็นได้ ว่า ใน
สายตาของศาสนาพุทธนัน ศาสนาอิสลามกําลังสอนให้
                           ้
คนทํ าบาปกรรม และชาวพุท ธที่ ยึดมั่นในหลักคําสอน

                               10
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ของศาสนาพุทธก็ไม่เห็นด้ วย และเกลียดการกระทํา
เช่นนี ้ของมุสลิม


           นอกจากนี ้ ศาสนาพุ ท ธยั ง มี ห ลั ก คํ า สอนที่
สําคัญอย่างมากๆอีกข้ อหนึ่งก็คือ เรื่ องการเวียนว่ายตาย
เกิด โดยสอนเอาไว้ ว่า ไม่ว่าคนๆนันจะอยู่ในศาสนาไหน
                                           ้
เป็ นใครมาจากไหน จะรวย หรื อจะจน เมื่อตายไปแล้ ว
ถ้ า ยัง ไม่ห มดกรรม ทุก คนก็ จ ะต้ อ งอยู่ใ นห่ ว งแห่ ง การ
เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงหรื อหนีพ้นได้
แต่ในขณะเดียวกัน ศาสนาอิสลามและคริ สต์ก็สอนในสิ่ง
ที่ ตรงกันข้ ามว่า เมื่อตายไปแล้ ว จะไม่มีการเวียนว่าย
ตายเกิดอย่างแน่นอน ไม่วาเขาผู้นนจะนับถือศาสนาไหน
                              ่         ั้
เป็ นใครมาจากไหนก็ แ ล้ วแต่ หากแต่ ม นุ ษ ย์ ทุ ก คน
จะต้ องไปหยุดอยู่ที่สองสถานที่ นันก็คือ ไม่ไปนรก ก็ขึ ้น
                                         ้
สวรรค์ ไม่ มี ก ารกลับ มาเกิ ด เป็ นอะไรใหม่ ทัง สิ น ....
                                                         ้ ้
คําถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหมที่หลักคําสอนและหลักความ
เชื่อที่ตรงกันข้ ามกันทังคูนี ้ จะถูกต้ องทังคู่ ... เป็ นไปไม่ได้
                        ้ ่                  ้
อย่างแน่นอน



                                11
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



           ถ้ าเรามาวิเคราะห์ดในคําสอนของศาสนาคริ สต์
                                 ู
เราจะพบว่าศาสนาคริ สต์สอนว่า ถ้ าใครไม่เชื่ อว่าพระ
เยซูเป็ นพระเจ้ าทังๆที่มีคนมาสอนเขาแล้ ว ไม่ว่าเขาผู้นน
                     ้                                       ั้
จะเป็ นใครก็ แ ล้ วแต่ เขาผู้ นั น จะต้ องตกนรก แต่ ใ น
                                      ้
ขณะเดียวกันศาสนาอิสลามก็สอนว่า ใครก็แล้ ว แต่ที่เชื่อ
ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ าเขาผู้นนจะต้ องตกนรก เพราะ
                                   ั้
พระเยซูนนเป็ นเพียง มนุษย์คนหนึงเท่านัน เพียงแต่ได้ รับ
            ั้                          ่    ้
การแต่งตังจากพระผู้เป็ นเจ้ าให้ เป็ นศาสดา เพราะฉะนัน
                 ้                                              ้
ถ้ าเราวิ เ คราะห์ ด้ วยใจที่ เ ป็ นกลาง เราจะพบว่ า ใน
สายตาของ คริสต์นน ชาวมุสลิมและชาวพุทธ รวมทังคน
                          ั้                             ้
อื่นๆที่มิใช่คริ สต์นน ถือว่าเป็ นคนที่กําลังทําบาป เป็ นคน
                       ั้
ชัว ไม่ได้ เป็ นคนดี เพราะไม่ยอมเชื่อว่า พระเยซูเป็ นพระ
   ่
เจ้ า และมีความเสี่ยงที่จะต้ องตกนรก แต่ในสายตาของ
อิสลามนัน จะเห็นได้ ว่า ชาวคริ สต์ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็ น
             ้
พระเจ้ านัน ถือว่าเป็ นคนบาป คนชัว ไม่ได้ เป็ นคนดีและ
               ้                          ่
เสี่ยงที่จะต้ องตกนรก เพราะเชื่อว่าพระเยซูเป็ นพระเจ้ า
ซึ่ ง ในความเป็ นจริ งแล้ วพระเยซู มิ ไ ด้ เป็ นพระเจ้ า
คําถามที่ตามมาก็คือ จะเป็ นไปได้ อย่างไร ที่คําสอนของ
ศาสนาอิสลาม และ ศาสนาคริสต์ จะถูกต้ องด้ วยกันทังคู่       ้
เพราะฉะนัน ถ้ า เราวิ เคราะห์ ด้ว ยใจที่ เป็ นกลางถึ ง คํ า
                   ้

                                12
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



สอนหลักๆของแต่ละศาสนาแล้ ว เราจะพบว่า ในสายตา
ของทุกศาสนา หรื อถ้ าพูดอีก อย่า งก็ คือ ถ้ ามองไปยัง
ศาสนาอื่นโดยใช้ ศาสนาของตนเองที่แต่ละคนเชื่อว่าเป็ น
สัจ ธรรมที่ แ ท้ จ ริ ง มาเป็ นมาตรฐานตัด สิ น แล้ ว เราจะ
พบว่า ทุกศาสนาไม่ได้ กําลังสอนให้ มนุษย์เป็ นคนดี
         และถ้ าเราวิเคราะห์ ดูอีก เราก็จะพบว่า ถ้ าทุก
ศาสนาสอนคนให้ เป็ นคนดีจริ งแล้ ว ถ้ าเช่นนัน คําถามก็
                                                ้
คือ คนที่อยู่ในศาสนาพุทธ จะยอมหรื อไม่ที่จะเปลี่ยน
จากศาสนาของตัวเอง แล้ วมานับถือศาสนาอิสลามเป็ น
ระยะเวลา 1ปี และชาวคริ ส ต์ จ ะยอมหรื อ ไม่ ที่ จ ะ
เปลี่ยนจากศาสนาตัวเองแล้ วมานับถือศาสนาพุทธเป็ น
ระยะเวลา 1 ปี และ มุสลิมจะยอมเปลี่ยนจากอิสลาม
ไปเป็ น พุทธหรื อคริ สต์ไหม??? แน่นอน ไม่มีใครยอมทิ ้ง
หรื อเปลี่ยนจากศาสนาตัวเอง เพื่อไปรั บศาสนาอื่นมา
อย่างแน่นอน เพราะ ต่างก็เชื่อว่า ศาสนาของตัวเองนัน       ้
ถูกต้ องที่สด และศาสนาอื่นนันผิดและ หลงทาง .... นี ้คือ
            ุ                    ้
ความเป็ นจริ งที่มิอาจที่จะปฏิเสธได้ สําหรับผู้ที่ไม่หลอก
ตัวเอง และแสวงหา ใฝ่ หาสัจธรรม
         เมื่อมาถึงตรงนีก็อาจจะมีบางคนแย้ งขึนมาใน
                              ้                     ้
ทํานองที่ว่า ‚ ทุกศาสนาก็มีหลักจริ ยธรรม เช่น สอนให้

                              13
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ทําดีตอพ่อ แม่ ให้ ทําดีตอเพื่อนบ้ าน ห้ ามมิให้ สร้ างความ
        ่                  ่
เดือดร้ อนต่อ ผู้อื่น ห้ ามดื่ม สุรา ห้ า มพูดโกหก และอี ก
หลายๆเรื่ อง ในเรื่ องจริ ยธรรม เพราะฉะนันตรงนี ้นี่แหละ
                                              ้
ที่บงบอกว่า ทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ แต่ถ้าเราจะ
     ่
ตอบคํ า ถามนี ้ เราก็ อ าจจะตอบกลับ ไปในรู ป การตัง           ้
คําถามว่า ‚ ทุกศาสนาสอนเรื่ อง สวรรค์ และนรกใช่ไหม
หรื อ ถ้ าเป็ นศาสนาพุ ท ธ ศาสนาพุ ท ธสอนเรื่ อง
เปาหมายสูงสุดใช่ไหม นันคือ นิพพาน ? ‛ คําตอบก็คือ
   ้                         ่
ใช่ และ คําถามต่อไปก็คือ ‚ ถ้ าทุกศาสนาต่างก็ปฏิบติ         ั
หลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนาใครศาสนามัน ตามที่ได้
ยกตัวอย่างมาให้ ดูบางอย่างข้ างต้ นนัน แล้ วทุกคนใน
                                           ้
แต่ละศาสนาจะได้ เข้ าสวรรค์ตามมาตรฐานของศาสนา
อื่นที่ไม่ใช่ศาสนาตัวเองไหม? ‛ คําตอบ ที่ตอบอย่างไม่
สามารถหลอกตัวเองได้ ก็คือ ก็ไม่ได้ เข้ า ยกตัวอย่างเช่น
ถ้ าศาสนา พุ ท ธปฏิ บัติ ต ามหลั ก จริ ย ธรรมที่ มี อ ยู่ ใ น
ศาสนาตัวเอง เช่น ทําความดีตอพ่อแม่ ไม่พดโกหก และ
                                   ่            ู
ถ้ าใช้ มาตรฐานตามศาสนาคริ สต์ตดสิน ถามว่าชาวพุทธ
                                      ั
จะเข้ าสวรรค์ หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่
จะต้ อ งตอบว่ า ไม่ ไ ด้ เ ข้ า เพราะตราบใดที่ ยัง ไม่ ไ ด้
ศรัทธาในพระเยซูว่าเป็ นพระเจ้ า หรื อยังไม่เชื่อว่าพระ

                               14
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



เยซูตายเพื่อไถ่บาป ก็ไม่มีสทธิที่จะเข้ าสวรรค์ได้ ถึงแม้ ว่า
                                    ิ
จะพยายามปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมมากแค่ไหนก็ตาม
                          ั
สุด ท้ า ยก็ ไ ม่ ไ ด้ เ ข้ า สวรรค์ ... และเช่ น กัน ถ้ า มุส ลิ ม
ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่ มีอยู่ในศาสนาอิสลาม ( ซึง ก็
       ั                                                       ่
มีอยูในศาสนาพุทธและคริสต์ด้วย ) และ ถ้ าใช้ มาตรฐาน
     ่
ตามศาสนาพุทธตัดสิน ถามว่ามุสลิมจะได้ เข้ า นิพพาน
หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่จะต้ องตอบว่า
ไม่ได้ เข้ า นิพพานแน่นอน เพราะมุสลิมยังทําสิ่งที่เป็ น
บาปกรรมที่ จะต้ องไปชดใช้ ในนรกตามมาตรฐานของ
ศาสนาพุทธอยู่ เช่น การฆ่าสัตว์ และ อื่นๆ และเช่นกัน
ถ้ าชาวคริ สต์ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนา
                            ั
ตัวเองอย่างสุดความสามารถ ( ซึ่งก็มีอยู่ในศาสนาพุทธ
และอิ ส ลามด้ ว ยเช่ น กัน ) และ ถ้ า ใช้ ม าตรฐานตาม
ศาสนาอิสลามตัดสิน ถามว่า ชาวคริ สต์จะได้ เข้ าสวรรค์
หรื อไม่ ? คําตอบก็คือ ไม่ได้ อย่างแน่นอน เพราะชาว
คริ สต์ โดยรวมเชื่ อว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า ( ซึ่ง อิสลาม
ห้ ามเด็ดขาดที่จะเชื่อว่าใครเป็ นพระเจ้ าที่แท้ จริงนอกจาก
พระผู้เป็ นเจ้ า ที่ แท้ จริ ง องค์ เดีย วเท่ า นัน คือ อัลลอฮฺ
                                                  ้
และพระเยซูก็เป็ นเพียง ศาสนฑูตท่านหนึ่งของพระองค์


                                15
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



เท่านัน ) อีกทังชาว คริ สต์ยงปฏิเสธ ท่านนบีมฮมหมัดใน
       ้           ้            ั                  ุั
ฐานะที่เป็ นศาสนฑูตท่านสุดท้ ายของพระองค์อลลอฮฺ         ั
              เพราะฉะนันเราได้ รับบทเรี ยนแล้ วว่า ประเด็นที่
                       ้
ส าคั ญ ที่ สุ ด ไม่ ได้ อยู่ ตรงที่ ก ารปฏิ บั ติ ต ามหลั ก
จริ ยธรรม แล้ วก็อ้างว่ าทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี
เพราะนันเป็ นอะไรที่ผิวเผิน แต่ประเด็นที่เป็ นแก่นสําคัญ
            ่
ก็คือ เรื่ องของการไปถึงเปาหมายสูงสุดของแต่ละศาสนา
                              ้
นันก็คือ สวรรค์ สําหรับศาสนา อิสลาม และ คริ สต์ และ
   ่
นิพพานสําหรับศาสนาพุทธ ซึงถึงแม้ จะพยายามปฏิบติ
                                   ่                       ั
ตามหลักจริ ยธรรมให้ ดีแค่ไหนก็ตาม แต่กระนันคนที่อยู่  ้
ในแต่ละศาสนาก็ ไม่สามารถเข้ าถึงเปาหมายสูงสุดได้
                                           ้
ถ้ าจะใช้ มาตรฐานของศาสนาหนึ่งไปตัดสินอีกศาสนา
หนึง ่

        ถ้ า เราวิ เคราะห์ หลัก คํา สอนของศาสนาแต่ละ
ศาสนาดู เราก็จะพบว่า แต่ละศาสนานันมีหลักคําสอนที่
                                          ้
แตกต่างกัน และตรงกันข้ ามกัน ฉันใด ที่ 1+1=2 , 1+1
=3, 1+1=4 และ 1+1= 5 เป็ นไปไม่ได้ ที่ทงหมดจะ    ั้
ถูกต้ อง ฉันนัน ก็เป็ นไปไม่ได้ เช่นกันที่หลักคําสอนของ
                ้
แต่ ล ะศาสนาที่ ต รงกั น ข้ ามกั น และแตกต่ า งกั น จะ

                               16
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ถูกต้ องทังหมดได้ เมื่อเป็ นเช่นนีแล้ ว ผู้ที่ใฝ่ หาสัจธรรม
          ้                             ้
จริ งๆ จะอยู่นิ่งไม่ได้ แต่จะต้ องตังคําถามขึ ้นมาว่า แต่ละ
                                      ้
ศาสนาที่ อ้ า งว่า ศาสนาตัว เองเป็ นแนวทางเดี ย ว เป็ น
ศาสนาเดียวที่ถกต้ องเท่านัน มีหลักฐาน และข้ อพิสจน์
                  ู              ้                            ู
อะไร ที่คนทั่วไปที่มีสติปัญญาที่ปรกติ สามารถเข้ าไป
พิสจน์ข้อเท็จจริงได้ บ้าง มีอะไรที่เป็ นความจริ งสากล ให้
     ู
ชาวโลกได้ เ ข้ า มาพิ สูจ น์ บ้ า ง อัน เป็ นความจริ ง ที่ ไ ม่ใ ช่
ประสบการณ์ ส่ ว นตัว หรื อ ประสบการณ์ ที่ สัม ผัส ได้
เฉพาะกลุ่ม หากแต่ต้องเป็ นความจริ งที่ทุกคนสามารถ
พิสจน์ได้ เช่น ความจริ งที่ว่า คัมภีร์อล -กุรอานไม่เคยถูก
       ู                                    ั
เปลี่ยนแปลง แก้ ไข ความจริ งที่ว่ า คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ ถูก
เปลี่ ย นแปลงแก้ ไข จึ ง ทํ า ให้ มี ห ลากหลาย เวอร์ ชั่น (
versions) ที่ไม่เหมือนกัน และ ความจริงสากลอื่นๆ

ความเชื่อที่แท้ จริ งจะต้ องอยู่บนหลักฐานข้ อยืนยัน
ที่พสูจน์ ได้
    ิ

         สัจธรรมความจริ ง ที่แท้ จริ งก็คือ สิ่งที่ไม่ใช่เป็ น
สัจธรรมความจริงของเฉพาะคนหนึงคนใด หรื อ คนกลุม
                                   ่                         ่
หรื อกลุมใด โดยมีพื ้นฐานมาจากความรู้สกเป็ นส่วนใหญ่
       ่                                   ึ

                                17
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ที่ใช้ ในการตัดสิน แต่สจธรรมความจริ งที่แท้ จริ งก็คือ สิ่ง
                          ั
ที่สามารถพิสจน์ ให้ ผ้ คนทังหลายได้ เห็นอย่างชัดแจ้ งได้
                 ู       ู ้
ว่า สิ่งนีคือความจริ ง เช่นคนส่วนใหญ่ในอดีต มีความ
             ้
เชื่ อ ว่ า โลก แบน โดยใช้ ค วามรู้ สึก ตัด สิ น เพราะไม่ มี
หลักฐานอะไรมายืนยันความถูกต้ องของความเชื่อนันได้      ้
นอกจากความรู้สกของคนกลุมหนึงเท่านันเอง แต่พออยู่
                    ึ          ่ ่           ้
ต่อมา มนุษย์ส่วนใหญ่ ร้ อยเปอร์ เซ็นเลยก็ว่าได้ เชื่อว่า
โลกมี รูปทรงกลม อัน เนื่ องจากมี ห ลักฐาน ข้ อพิสูจน์ ที่
สามารถยืนยันความจริ งข้ อนี ้ได้ และความเชื่อนี ้ ถือเป็ น
ความเชื่อที่ มิได้ วางอยู่บนความรู้ สึก แต่สามารถพิสจน์  ู
ให้ คนทุกคนที่มีเหตุผลและ ยอมรับความจริ งให้ ร้ ูได้ และ
ถ้ าจะมี ค นหนึ่ ง คนใดที่ อ อกมาปฏิ เ สธว่ า โลกไม่ ไ ด้ มี
รู ปทรงกลม ก็ จะถื อว่าคนๆนัน เป็ นคนที่ ไร้ เหตุผลและ
                                ้
หลอกตั ว เอง และวางความเชื่ อ ของตั ว เองอยู่ บ น
ความรู้ สึก ถึ ง แม้ สัจ ธรรมความจริ ง จะตรงกัน ข้ า มกับ
ความรู้สกของตนเองก็ตาม
               ึ




                               18
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?


ความเชื่ อ สามารถแบ่ ง ออกเป็ นประเภทต่ างๆได้
ดังต่ อไปนี ้ :

1. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่าเป็ นจริ ง หรื อ เป็ นเท็จ
                                ู
เช่น ความเชื่อที่ว่า โลกกลม หรื อ โลกแบน โลกโคจร
รอบดวงอาทิตย์ และอื่นๆ
2. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่า เป็ นจริ ง หรื อเป็ นเท็จ
                                  ู
โดยมีข้อแม้ ว่า จะต้ องศึกษาความเชื่อนันๆดูให้ ละเอียด
                                              ้
เสียก่อน และตังคําถามหลายๆคําถาม เกี่ ยวกับความ
                    ้
เชื่อนัน หรื อ หาสิงที่ตรงกันข้ ามกับความเชื่อนัน เพื่อที่จะ
       ้              ่                              ้
พิสูจน์ ว่า ความเชื่ อนัน ผิด และไม่เป็ นจริ ง ยกตัวอย่าง
                          ้
เช่น คริ สต์ เชื่ อว่า คัมภี ร์ไบเบิลทังหมดมาจากพระเจ้ า
                                      ้ ้
และพระเจ้ าทรงสร้ างทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าทรงรอบรู้
ในทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าไม่มีทางที่จะผิดพลาดได้ แต่
กระนันก็ตาม เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิ ้ล เรากลับพบคัมภีร์
         ้
ไบเบิ ้ล บอกเอาไว้ ว่า โลกนันมีรูปทรงแบน ไม่ใช่มีรูปทรง
                                    ้
กลม ( โยบ 38:13, อิสยาห์ 11:12 ) และ โลกมีเสา (
โยบ 9:6 ) เช่นนี ้ก็ทําให้ ร้ ู ได้ ทนทีว่า ไม่ใช่คมภีร์ไบเบิ ้ล
                                       ั           ั
ทังหมด จะมาจากพระเจ้ า หรื อ ชาวพุทธอาจจะเชื่อว่า
  ้
การเวียนว่ายตายเกิดเป็ นสัจธรรมความจริ ง ทุกสิ่งที่มี

                                19
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ชีวิต เกิดมาได้ เพราะมีกรรมที่ทําเอาไว้ ในชาติที่แล้ วส่งให้
มาเกิ ด เป็ นสิ่ง มี ชีวิ ตประเภทต่า งๆ เช่ น เป็ น เสื อ เป็ น
แมว เป็ น มด และสิ่ ง มี ชี วิ ต อื่ น ๆอี ก มากมาย แต่เ รา
สามารถตังเป็ นคําถามเพื่อพิสจน์ความจริ งในเรื่ องความ
                ้                 ู
เชื่อนี ้ได้ โดยการถามว่า ‚ การเวียนว่ายตายเกิดนัน มีมา ้
เพื่อให้ ความเป็ นธรรม และความยุติธรรมกับทุกสรรพสิ่ง
ที่มีชีวิตใช่หรื อไม่ กล่าวคือ ใครทําอะไรเอาไว้ ก็จะได้ รับ
การตอบแทนตามกรรมที่ ทํ า เอาไว้ อย่า งครบถ้ ว น‛ ...
คําตอบที่ได้ เราได้ รับคือ ใช่ ถ้ าเราถามคําถามต่อไปว่า ‚
เดิมๆทีนน กรรมกับมนุษย์ อย่างไหนเกิดขึ ้นมาก่อนกัน ‛
             ั้
บางคนอาจจะตอบว่า ‚ มนุษย์เกิดก่อนซิ แล้ วมนุษย์ก็ทํา
กรรมดี หรื อกรรมชัว จึงไปเกิดเป็ นสิ่งนันสิ่งนี ‛้
                        ่                      ้            แต่
คําถามที่จะต้ องถามกลับก็คือ                 ‚ มนุษย์จะเกิดมา
ก่อนกรรมได้ อย่า งไร ก็ ในเมื่ อมนุษ ย์ จะเกิ ดขึน มาเป็ น
                                                     ้
มนุษย์ ได้ ก็จะต้ องอาศัย กรรมเก่ า ที่ ทําเอาไว้ มิใช่ห รื อ ‛
เมื่อถูกถามกลับเช่นนี ้ บางคนก็อาจจะเปลี่ยนคําพูด และ
บอกว่า ‚ จริ งๆแล้ วกรรมเกิดมาก่อนมนุษย์ ‛ แต่ก็ต้อง
ถามกลับเช่นเดียวกันว่า ‚ แล้ วถ้ าเช่นนัน กรรมนันเป็ น
                                                 ้        ้
กรรมของใครที่ ทําเอาไว้ กัน ล่ะ แล้ ว มัน จะยุติธรรมได้
อย่างไร ที่มนุษย์คนหนึ่งต้ องเกิดขึ ้นมาจากกรรมของใคร

                               20
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ก็ไม่ร้ ู ที่ทําเอาไว้ หรื อว่า เดิมๆทีแล้ วมีกรรมล่องลอยอยู่
เต็มไปหมด แล้ วมนุษย์ แต่ละคนก็ เกิ ดขึนมาเพื่อมารั บ     ้
กรรมนัน ถ้ า เป็ นเช่ น นี แ ล้ ว จะยุติ ธ รรมได้ อ ย่ า งไร ที่
              ้                           ้
มนุษย์ต้องมารับกรรมที่ตวเองมิได้ ทําเอาไว้ ‛ เราจะเห็น
                                            ั
ได้ ว่า ไม่ว่า จะบอกว่า มนุษย์ เกิดขึนมาก่อนกรรม หรื อ
                                                  ้
กรรมเกิดขึ ้นมาก่อนมนุษย์ ก็เข้ าสูทางตันทังคู่ เพราะเกิด
                                              ่             ้
ความขัดแย้ งกันที่ไม่สามารถหาทางออกได้
                  บางคนอ้ างว่าเป็ นเรื่ องอจินไตย แต่เราขอชี ้แจง
ให้ รับรู้ว่า สวรรค์ หรื อ นรก คือ สิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง      ่
และเช่นเดียวกัน สภาพของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งเป็ น
เช่นไรนัน สติปัญญาหยังไม่ถึง แต่กระนัน สิ่งเหล่านี ้ไม่มี
                ้                     ่               ้
สิงที่ขดแย้ งกันในตัวเอง เพราะฉะนัน การที่สิ่งหนี่งมีสิ่งที่
  ่ ั                                           ้
ขัดแย้ งกันอย่างเห็นได้ ชด เช่นเรื่ องการเวี่ยนว่ายตายเกิด
                                    ั
ตามที่ได้ ยกมาให้ ดู แล้ วจะมาอ้ างในลักษณะ ‘เนียน’ ว่า
เป็ นสิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง เพราะ เป็ นเรื่ องอจินไตย
                                  ่
ถื อ ว่ า เป็ นคํ า อ้ างที่ ไ ร้ เหตุ ผ ล ฟั งไม่ ขึ น ไม่ มี นํ า หนั ก
                                                        ้           ้
เปรี ยบเสมือนที่เราไปที่บ้านเพื่อนเรา และถามเพื่อนว่า
บ้ า นหลัง นี ใ ครเป็ นคนสร้ าง และสร้ างขึ น มากี่ ปี แล้ ว
                    ้                                         ้
เพื่อนเราก็ตอบว่า ‚ ผมเป็ นคนสร้ างบ้ านหลังนี ้เอง และ
สร้ างมา 50 ปี แล้ ว ‛ ทังๆที่เพื่อนเราอายุเพียงแค่ 30 ปี
                                        ้

                                  21
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



เอง เราจึงถามเพื่อนกลับไปว่า ‚ จะเป็ นไปได้ อย่างไรที่
คุณจะสร้ างบ้ างหลังนี ้ขึ ้นมา ‛ เพื่อนจึงกล่าวตอบว่า
อย่ า ไปสนใจเลย คิ ด มากไปเดี๋ ย วจะบ้ า มัน เป็ นสิ่ ง ที่
สติปัญญาของมนุษย์หยังไมถึง มันเป็ นเรื่ องอจินไตย ‛
                               ่
           ตามหลัก ความเชื่ อของพุท ธนัน ความเป็ นอยู่
                                             ้
ของมนุษย์แต่ละคน หรื อ สิ่งต่างๆที่ประสบกับมนุษย์แต่
ละคนในชาตินี ้ ( เช่น เด็กชาย ก. พิการตังแต่เกิด ) เป็ น
                                                ้
เพราะผลกรรมที่ทํามาจากชาติที่แล้ ว หรื อ ชาติก่อนหน้ า
นี ้ ชาติปัจจุบนของเด็กชาย ก. ที่เกิ ดมาพิการ จะเกิด
                    ั
หรื อ มี ขึนไม่ได้ เด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจาก
           ้
ชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนหน้ านีที่เด็กชาย ก.ได้ ทําเอาไว้
                                     ้
เมื่อเป็ นเช่นนี ้ เราจึงสรุปได้ อย่างชัดเจนว่า ชาติหนึ่งชาติ
ใดจะมีขึ ้นหรื อเกิดขึ ้นมาได้ ก็จะต้ องอาศัยกรรม (ไม่ว่า
จะกรรมดีหรื อกรรมชั่ว) จากชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนๆ
หน้ านัน ส่งผลทําให้ เกิดชาติปัจจุบนนันๆ และสมมุติว่า
         ้                              ั ้
ชาติ ปั จจุ บั น นี ข องมนุ ษ ย์ เ ราทุ ก คนเป็ นชาติ ที่ 100
                      ้
แน่นอนที่สดชาติที่ 100 ย่อมไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึ ้นมา
             ุ
ได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจากชาติที่ 99
หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านันส่งผลมา และ ชาติที่ 99 ก็เช่นกัน
                          ้
ไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึนมาได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ น
                             ้

                               22
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



เพราะผลกรรมจากชาติที่ 98 หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านัน                  ้
ส่งผลมา และ ถ้ าเราย้ อนหลังไปเรื่ อยๆเราจะไปเจอชาติ
ที่ 1 คําถามที่จะต้ องถามอย่างไม่หลอกตัวเอง และอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ แล้ วชาติที่ 1 เกิดขึ ้นมาได้ อย่างไร
           สมมุติ ว่า คุณ และครอบครั ว ของคุณ กํ า ลัง นั่ง
อย่างมีความสุขอยู่ในบ้ าน จากนันก็มีตํารวจบุกเข้ ามา
                                                ้
ในบ้ าน มาจับตัวคุณและคนในครอบครัว คําถามก็คือ
ถ้ าเป็ นคุณๆจะพูดอะไรกับตํารวจ? แน่นอนคุณก็จะต้ อง
ถามเขาว่า ‘ มาจับผมทําไม ผมทําอะไรผิด’ และถ้ า
ตํารวจบังคับคุณและจับคุณและคนในครอบครัวคุณเข้ า
คุกโดยไม่ตอบให้ คณได้ ร้ ู เลยว่าคุณทําผิดอะไร แน่นอน
                          ุ
ที่สุดคุณและครอบครัวคุณจะต้ อง ด่า สาปแช่ง ตํารวจ
นัน ที่ทําสิงที่ไร้ เหตุผล ไร้ ความยุติธรรม
    ้       ่
           เรารู้ กั น ดี ว่ า เด็ ก ที่ เ กิ ด มาพิ ก าร หรื อ คนที่
ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก คนที่ตกทุกข์ได้ ยาก ถ้ า
ตามความเชื่อของพุทธแล้ ว ถือว่าสิ่งเหล่าที่เกิดขึ ้นเป็ น
เพราะผลกรรมที่เขาทํามาจากชาติก่อนๆส่งผลมายังชาติ
นี ้ แต่คําถามก็คือ คนที่ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก
คนที่ตกทุกข์ได้ ยากเหล่านัน เขาต้ องการจะรู้ ว่าเขาได้ ทํา
                                    ้
กรรมอะไรเขาถึงต้ องมาทุกข์ทรมานเช่นนี ้ในชาตินี ้ เพื่อที่

                                 23
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



เขาจะได้ ไม่ทําความผิดนี ้อีก เพื่อเขาจะได้ ไม่ต้องมาตก
อยู่ในความทุกข์ เช่นนีอีกในชาติถัดไป... แต่ทําไมพวก
                         ้
เขาเหล่า นัน จึง ไม่สามารถนึก ได้ เลยว่า พวกเขาไปทํ า
             ้
กรรมอะไรเอาไว้ ซึ่ ง ถ้ าเป็ นอย่ า งนี ก็ ไ ม่ ต่ า งอะไรกั บ
                                              ้
ตัวอย่างข้ างต้ น และถ้ าเป็ นเช่นนี ้แล้ ว การเวียนว่ายตาย
เกิดก็เท่ากับฆ่าตัวเอง เพราะกฎการเวียนว่ายตายเกิดมี
อยู่เพื่อความยุติธ รรม แต่เมื่ อวิ เคราะห์ แล้ ว กฏนี กลับ
                                                         ้
ขัดแย้ งกันในตัวเอง แถมยังไม่มีความยุติธรรมอีกด้ วย
          สมมุติว่า นาย ก.เป็ นทหารและกําลังจะยิงปื น
แต่น าย ก. จะยัง ยิ ง กระสุน ออกจากปากกระบอกปื น
ไม่ได้ ก่อน จนกว่าจะได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนที่
                                     ่
อยู่ข้างหลังเขา และนายทหารที่อยู่ข้างหลังนาย ก. ก็ไม่
อาจที่ จ ะสั่ง ให้ น าย ก. ยิ ง ปื นได้ เ ช่ น กัน นอกจากเขา
จะต้ องได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนหนึ่งเช่ นกัน ถาม
                    ่
ว่าถ้ ามีการย้ อนหลังรับคําสังกันอยู่เช่นนี อย่ างไม่ มีวัน
                                 ่                  ้
จบสิน (infinite regress) นาย ก. จะมีวนยิงลูกกระสุน
       ้                                          ั
ออกจากปากกระบอกปื นได้ หรื อไม่ ... คําตอบก็คือ นาย
ก. ไม่มีวนเลยที่จะยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื นได้
          ั
อย่างแน่นอน แต่ถ้าสมมุติว่า ลูกกระสุนถูกยิงออกไป
จากปากกระบอกปื นแล้ ว นั่น บ่ง ให้ ร้ ู ว่าอะไร ...นั่น

                               24
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



หมายความว่าอย่างไร? คําตอบก็คือ คําสังได้ ไปหยุดลง    ่
อยู่ที่หนึ่งที่ใดแล้ ว และ ตรงนันเองที่เป็ นที่มาของคําสัง
                                      ้                                 ่
ทังหลายที่ให้ นาย ก. ยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื น
   ้
ได้
            บางคนอ้ างว่า การเวียนว่ายตายเกิดนันเราไม่          ้
สามารถนับชาติได้ ว่าเป็ นชาติที่เท่าไหร่ แต่เราขอตอบ
ว่ า การนั บ ชาติ ไ ม่ ไ ด้ ว่ า เป็ นชาติ ที่ เ ท่ า ไหร่ นั น ไม่ ใ ช่
                                                                  ้
ประเด็นสําคัญ แต่ประเด็นสําคัญก็คือชาตินนมีที่สิ ้นสุด  ั้
หรื อไม่ ถ้ าย้ อนหลังกลับไป ถ้ าตอบว่า ชาตินนย้ อนหลัง    ั้
กลับไปอย่างไม่มีวนสิ ้นสุด ถ้ าเป็ นเช่นนัน ก็หมายความ
                       ั                            ้
ว่า มนุ ษย์ จะต้ องยังไม่ เกิด สัตว์ ทังหลายจะต้ องยัง
                                            ้
ไม่ เกิดขึนมาบนโลกนี ้ เหมือนกับลูกกระสุนที่ยงไม่ถูก
              ้                                                     ั
ยิงออกจากปากประบอกปื น แต่ความจริ งก็คือว่า มนุษย์
เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว สัตว์เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว มัน
ก็เหมือนกับที่ลกกระสุนได้ ถกยิงออกไปจากปากกระบอก
                  ู               ู
ปื นแล้ ว นันก็พิสจน์ว่าการเวียนว่ายตายเกิดนันจะต้ องมี
                ่    ู                                        ้
จุด เริ่ ม ต้ น จะย้ อ นหลัง กลับ ไปไกลแค่ ไ หนก็ แ ล้ ว แต่ ๆ
สุดท้ ายก็ต้องไปเจอกับชาติที่ 1 อยู่ดี เพราะฉะนันการ                  ้
อ้ างว่า ‘การเวียนว่ายตายเกิดนัน ย้ อนหลังกลับไปอย่าง
                                        ้
ไม่มีวนสิ ้นสุด’ จึงเป็ นสิ่งที่ฟังไม่ขึ ้น ไม่มีนํ ้าหนัก เพราะ
         ั

                                  25
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



ขัดแย้ ง กับความเป็ นจริ ง ตามที่ ไ ด้ วิ เคราะห์ ไปข้ างต้ น
ด้ วยการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ เห็นภาพชัด
                      ทังหมดเหล่านี คือ การวิเคราะห์ กันใน
                          ้          ้
บางประเด็นที่เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็เป็ นที่
ชัดเจนที่จะยืนยันได้ แล้ วว่า ความเชื่อเรื่ องการเวียนว่าย
ตายเกิดนัน เป็ นสิงที่ไม่เป็ นความจริ ง และเป็ นหน้ าที่ของ
              ้       ่
ผู้ที่ แ สวงหาสัจ ธรรมความจริ ง และไม่ ห ลอกตัว เองที่
จะต้ องเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นเท็จ หรื อผิดพลาด และเชื่อใน
สิ่งที่ถกต้ อง เปรี ยบได้ กบที่คนในอดีตเชื่อว่าโลกแบน แต่
          ู                 ั
เมื่อหลักฐานข้ อพิสูจน์ ยืนยันแล้ วว่าโลกนันกลม ผู้ที่ไม่
                                                  ้
หลอกตัวเองก็จะต้ องมาเชื่อในสิ่งที่เป็ นความจริ ง และ
เลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นความเท็จ เช่นนี ้เป็ นตัวอย่างการตัง้
คําถามเพื่อนําไปสูความจริง
                        ่
3. ความเชื่อที่ไม่สามารถพิสจน์ได้ ร้อย เปอร์ เซ็นว่า ถูก
                                   ู
หรื อ ผิด เป็ นจริ ง หรื อเท็ จ ความเชื่ อในประเภทนี ต้อง   ้
แขวน หรื อ พัก เอาไว้ ก่ อ น แต่ ใ ห้ ไ ปพิ สูจ น์ ค วามเชื่ อ
หลัก ๆที่ ส ามารถพิ สูจ น์ ไ ด้ ก่ อ น เช่ น แต่ ล ะศาสนาไม่
สามารถพิ สูจ น์ ใ ห้ คนที่ อ ยู่ ใ นอี ก ศาสนาอื่ น เชื่ อ ได้ ว่ า
ปาฏิหาริ ย์ที่ศาสดาของศาสนานันๆได้ แสดงอะไรเอาไว้
                                        ้
นันเกิ ดขึนจริ งหรื อไม่ เพราะคนๆนันไม่สามารถย้ อน
   ้        ้                               ้

                                26
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



อดีตกลับไปได้ เช่น คริ สต์ เชื่อว่า พระเยซูนันได้ แสดง         ้
ปาฏิหาริย์ โดยการทําให้ นํ ้าให้ กลายเป็ นไวน์ ( John 2:1-
11 ) ซึ่งโดยทัวไปแล้ วก็ไม่สามารถพิสจน์ได้ ว่า สิ่งนี ้เป็ น
                       ่                               ู
จริง หรื อเป็ นเท็จ อาจจะเป็ นจริ ง หรื ออาจจะเป็ นเท็จก็ได้
ซึ่งถ้ าหากว่าเป็ นเท็จ นันก็ หมายความว่า คําสอนหรื อ
                                        ้
ความเชื่ อ ข้ อ นี ที่ มี ก ล่า วเอาไว้ ใ นคัม ภี ร์ ไ บเบิล ป็ นสิ่ง ที่
                         ้                                       ้
มนุ ษ ย์ ไ ด้ แ ต่ ง กั น ขึ น มาเองแล้ วเอาไปใส่ ไ ว้ ใ นคัม ภี ร์
                                ้
เพื่อให้ คนหลงเชื่อว่ามาจากพระเจ้ า เพราะฉะนันความ                 ้
เชื่อในประเภทนี ้ให้ พกเอาไว้ ก่อนั
4. ความเชื่อที่ตวเองสัมผัสหรื อรู้ ได้ ด้วยตัวเองว่าเป็ นจริ ง
                           ั
หรื อ สิ่ ง ที่ พิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า เป็ นจริ ง แต่ ก ระนั น ความเชื่ อ
                                                             ้
ประเภทนี ้ก็ไม่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง
ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นการพูดว่า ‚ การนังสมาธิทําให้       ่
จิ ต ใจสงบ เพราะฉะนัน ศาสนาพุท ธจึ ง เป็ นศาสนาที่
                                      ้
ถูกต้ อง เพราะศาสนาพุทธสอนให้ นงสมาธิ ‛ สิ่งนี ้ไม่ได้
                                                    ั่
เป็ นเงื่อนไขซึงกันและกันเลย เพราะการนังสมาธิและทํา
                     ่                                   ่
ให้ จิตสงบนันไม่ใช่จะเป็ นสิ่งที่สามารถมีได้ แต่เฉพาะใน
                   ้
ศาสนาพุทธเท่านัน ศาสนาอื่นๆเขาก็มีวิธีทําให้ จิตสงบ
                             ้
ได้ เหมือนกัน หรื อการ พูดว่า ‚ พระเกจิอาจารย์ใน
ศาสนาพุทธหลายท่าน ตายแล้ วศพไม่เน่า เพราะฉะนัน                        ้

                                  27
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



สิ่งนี จึงบ่งบอกว่าศาสนาพุทธคือศาสนาที่ แท้ จริ ง ‛ จะ
       ้
เห็นได้ ว่าถึงแม้ ว่าสิ่งนี ้เป็ นจริ งเกิดขึ ้นจริ ง แต่ก็มิได้ เป็ น
เงื่อนไขซึ่งกันและกัน ที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันว่าศาสนา
พุทธนันเป็ นศาสนาที่แท้ จริ ง เพราะในศาสนาคริ สต์เขา
          ้
ก็มีเช่นนี ้ ในศาสนาอิสลามก็มีเช่นนี ้ หรื อเมื่อชาวคริ สต์
พิสูจน์ แล้ วว่า พระผู้เป็ นเจ้ าที่ แท้ จริ งนันมีอยู่จริ ง นันก็
                                                    ้             ้
มิได้ เป็ นเงื่อนไขว่า ศาสนาคริ สต์จะเป็ นสัจธรรม ความ
จริ ง หรื อ เป็ นศาสนาที่ ถูก ต้ อ ง ทัง นี ก็ เ พราะ ศาสนา
                                              ้ ้
หลายๆศาสนาเขาก็เชื่อ และศรัทธาในพระเจ้ าเหมือนกัน
และมี อี ก หลายสิ่ ง หลายอย่ า ง ที่ ผ้ ูค นที่ อ ยู่ใ นศาสนา
ทังหลายต่างเชื่อว่าสิ่งเหล่านี เ้ ป็ นเงื่ อนไขเพื่อยืนยันว่า
    ้
ศาสนาของตนเป็ นศาสนาที่แท้ จริง เพราะมีสงนันสิงนี ้อยู่ิ่ ้ ่
แต่ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่ หลังจากที่ได้
                                                  ้
วิเคราะห์และพิสจน์ดแล้ ว เช่นคริ สต์บางคนอ้ างว่า พระ
                   ู ู
วิ ญ ญาณบริ สุท ธิ์ ไ ด้ ล งมาหาตนเอง และทํ า อย่ า งนัน             ้
อย่างนี ้กับตนเอง จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อว่าศาสนาคริ สต์
                                           ั้
คือศาสนาที่แท้ จริ ง เช่นกัน ชาวพุท ธบางคน นั่งสมาธิ
และเห็นว่าตัวเอง เคยเกิดชาติที่แล้ วเป็ นอะไร หรื อชาติ
ก่อนหน้ านันเคยเกิดเป็ นอะไร หรื อ นังสมาธิจนสามารถ
               ้                                ่
เห็นได้ ว่าสวรรค์นรกเป็ นอย่างไร จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อ      ั้

                                 28
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



และสรุ ป เอาเองว่ า ศาสนาพุท ธนี่ แ หละคื อ ศาสนาที่
แท้ จริ ง มุสลิมบางจําคนก็เช่นกัน นังระลึกถึงพระผู้เป็ น
                                                    ่
เจ้ าจนกระทังสามารถถอดจิตขึ ้นไปสนทนากับพระผู้เป็ น
                         ้
เจ้ าได้ และยังมีสงอื่นๆอีกมากมาย ที่คนที่อยู่ในศาสนา
                           ิ่
นัน ๆคิ ด ว่ า สิ่ ง เหล่ า นี ที่ มี อ ยู่ศ าสนาตัว เองคื อ เงื่ อ นไข
   ้                            ้
สําคัญที่จะยืนยันว่าศาสนาตัวเองคือศาสนาที่แท้ จริง ซึง                 ่
ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่         ้
5. ความเชื่อที่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง
ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นพูดว่า                     ‚ คัมภีร์ อัล- กุรอาน
พิ สู จ น์ ตั ว มั น แล้ วว่ า มาจากพระผู้ เป็ นเจ้ าที่ แ ท้ จริ ง
เพราะฉะนันศาสนาอิสลามจึงเป็ นศาสนาที่ถกต้ อง ‛
                 ้                                           ู
สิ่งนี ้ถือเป็ นเงื่อนไขซึงกันและกัน ทังนี ้ก็เพราะ คัมภีร์อล -
                              ่                 ้                    ั
กุรอานก็กล่าวยืนยันเอาไว้ ว่า ศาสนาอิสลามเป็ นศาสนา
เดียวเท่านันที่ พระผู้เป็ นเจ้ าให้ การยอมรั บ และรั บรอง
                   ้
และสมมุติวา คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ รับการพิสจน์แล้ วว่ามาจาก
                     ่                                ู
พระเจ้ า จริ ง แต่มัน ก็ จ ะถื อ ว่า เป็ นการผิ ด พลาด ที่ จ ะ
กล่าวสรุ ปว่า ‚ เพราะฉะนัน พระเยซูจึงเป็ นพระเจ้ าที่
                                        ้
แท้ จริ ง‛ ทังนี ้ก็เพราะคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ ยืนยันเอาไว้ เลย
                       ้
ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า


                                  29
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



              เช่นเดียวกันคําพูดต่อไปนี ้ ถือเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน
และกัน ‚ คัม ภี ร์ อัล -กุร อานนัน มี ต้ น ฉบับ ที่ เ ป็ นภาษา
                                           ้
อาหรับอายุมากกว่าหนึงพันปี และคัมภีร์อล-กุรอานที่มี
                                ่                     ั
ในปั จจุบนเหมือนกันกับต้ นฉบับที่มีอายุมากกว่าพันปี ทุก
               ั
ตัวอักษร เพราะฉะนันคัมภีร์อัล -กุรอานจึงไม่เคยผ่าน
                             ้
การถูกเปลี่ยนแปลงแก้ ไขเลยตลอด หนึ่งพันกว่าปี ที่ผ่าน
มา‛
                 คําพูดต่อไปนี ้ก็เช่นกัน ถือว่าเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน
และกัน ‚ คัมภีร์ไบเบิ ้ลทังหมดมาจากพระเจ้ า พระเจ้ า
                                    ้
เป็ นผู้ที่ทรงสร้ างทุกสิ่ง และทรงรู้ ถึงทุกสิ่ง ‛ แต่กระนัน           ้
ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลกลับบอกว่า ‚ โลกนันมีเสาคํ ้ายันอยู่ ‛ (1
                                             ้
ซามูเอล 2:8, โยบ 9:6, เพลงสดุดี 75:3) ( ซึงค้ านกับ        ่
ความเป็ นจริ งทางวิทยาศาสตร์ ที่ได้ รับการยืนยันแล้ วว่า
โลกนันไม่มีเสาใดๆมาคํ ้ายันทังสิ ้นเช่นเดียวกับฟากฟา
        ้                                ้                         ้
เพราะทังหมดลอยอยู่ในอวกาศ) เพราะฉะนัน จึงพิสจน์
            ้                                            ้       ู
ได้ ว่าคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ มาจากพระเจ้ าทังหมด แต่มีส่วน
                                                   ้
ที่ มนุษย์ เขี ย นขึน มาเองด้ ว ย เพราะพระเจ้ าสร้ างโลก
                        ้
และพระองค์ก็ย่อมรู้ดีด้วยว่า โลกที่พระองค์ทรงสร้ างนัน               ้
เป็ นอย่างไร


                                  30
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



6. ความเชื่อที่ ได้ รับการพิสจน์ และยืนยันแล้ วว่าถูกต้ อง
                                   ู
เป็ นจริ ง และเป็ นความเชื่อที่ศาสนาอื่นหรื อลัทธิอื่นไม่มี
ความเชื่อเช่นนี ้ และมีผลที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันถึงสิ่ง
อื่นๆในศาสนานันด้ วยว่าถูกต้ อง เช่นถ้ าคริ สต์สามารถ
                     ้
พิสจน์ได้ ว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลมาจากพระเจ้ าจริ ง เช่นนี ้ก็ถือ
      ู
เป็ นเงื่อนไขว่า ข้ อมูล หรื อคําสังสอนที่มีในคัมภีร์ไบเบิ ้ลก็
                                      ่
ถือว่าเป็ นสัจธรรมความจริ ง แต่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่ง
พิสจน์ได้ ตามหลักวิชาการว่า มีหลายๆส่วนของคัมภีร์ไบ
        ู
เบิ ้ลที่มีข้อผิดพลาด ขัดกับความเป็ นจริ ง เช่นนี ้ก็จะทําให้
ข้ อความทังหมดที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ นที่ต้องสงสัย
                ้
ว่ามันเป็ นสิงที่มาจากพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริงๆหรื อไม่
                  ่
             และอิสลามมีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นถือว่า
อยู่ในแนวทางที่ผิดทังหมด ในเมื่อพิสูจน์ แล้ วว่า คัมภีร์
                         ้
อัล-กุรอานนีเ้ ป็ นคัมภีร์ที่มาจาก พระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง
เช่นเดียวกัน คริ สต์ก็มีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นนันผิด    ้
หมด ถ้ าได้ มีการพิสจน์ ชดเจนแล้ วว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ น
                        ู ั
คัมภีร์ที่มาจากพระเจ้ าจริ ง โดยไม่ถือเป็ นการเห็นแก่ตว          ั
เหมือนกับที่ เราเชื่อว่าโลกนี ้ กลม ก็เท่ากับว่าเรากล่าวว่า
ผู้ที่ยังเชื่ อว่าโลกแบนนัน เป็ นผู้ที่ผิดพลาด แต่คําถาม
                             ้
จะต้ อ งถูก ถามแก่ ผ้ ูที่ ยัง เชื่ อ อยู่ว่ า โลกแบน ว่ า ทัง ๆที่
                                                               ้

                                31
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ?



หลักฐานประจักษ์ ชดแล้ ว ทําไมถึงยังเชื่ออยู่ว่าโลกแบน
                         ั
เช่นกัน สมมุติว่า ชายคนหนึ่ง เกิดติดโรค คนกลุ่มหนึ่ง
สันนิษฐานว่า เป็ นโรคตับอักเสบ อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรค
                                                  ่
ความดันตํ่า อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรคติดเชื ้อในปอด เมื่อ
                       ่
พิ สู จ น์ แ ล้ วปรากฏว่ า ชายคนนี เ้ ป็ น โรคตั บ อั ก เสบ
แน่นอน กลุ่มที่วินิจฉัยโรคได้ ถกต้ อง มีสิทธิอย่างเต็มที่ๆ
                                       ู
จะบอกว่ากลุมอื่นๆนันผิดทังหมด
                  ่        ้         ้
            มาถึ ง ตรงนี ้ ขอถามคํ า ถามผู้อ่า นอี ก สัก ข้ อ ว่ า
ถ้ าคุณเกิดเจ็บป่ วยหนัก แต่ไม่ร้ ู ว่าเป็ นโรคอะไร คนกลุ่ม
หนึงก็บอกเป็ นโรคหัวใจ คนอีกกลุมบอกว่าเป็ นความดัน
    ่                                      ่
สูง ในขณะที่คนอีกกลุ่มบอกว่าเป็ นโรคมะเร็ ง ถามว่า
คุณจะรี บแสวงหาสาเหตุที่แท้ จริงของอาการป่ วยของคุณ
ไหม ถ้ าคุ ณ เป็ นผู้ ที่ รั ก ตัว เอง... แน่ น อนคุ ณ จะต้ อง
พยายามหาความจริ ง ให้ ได้ ว่ า อาการป่ วยของคุณ ที่
เกิดขึ ้นนัน เกิดมาจากโรคอะไร เพราะถ้ าคุณไม่รีบ มันก็
             ้
อาจจะสายเกินแก้ ก็เป็ นไปได้ โดยที่คุณจะต้ องพิสูจน์
ตรวจดูใ ห้ รู้ ชัด เพื่ อ ที่ จ ะยื น ยัน ได้ ว่ า โรคที่ คุณ กํ า ลัง
เป็ นอยู่นนคือโรคอะไร และขอถามอีกว่าคุณจะกล่าว
             ั้
อย่างไรกับผู้ที่ ไม่สนใจที่จะแสวงหา พยายามรู้ความจริ ง
ให้ ได้ ว่า โรคที่เขาเป็ นอยู่นนคือโรคอะไร แต่ได้ แต่พูดว่า
                                  ั้

                                 32
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา
ทุกศาสนา

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญาสุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
pentanino
 
ศาสนาสากล โดย ครูอัมพร
ศาสนาสากล                โดย ครูอัมพรศาสนาสากล                โดย ครูอัมพร
ศาสนาสากล โดย ครูอัมพร
ampy48
 
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
pentanino
 
ติวศาสนา55
ติวศาสนา55ติวศาสนา55
ติวศาสนา55
Kwandjit Boonmak
 
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญาปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
pentanino
 

Was ist angesagt? (20)

สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญาสุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
 
กลุ่มปลาUse --ตายแล้วเกิดอีกกี่ครั้งก็ยังเป็นสุข
กลุ่มปลาUse --ตายแล้วเกิดอีกกี่ครั้งก็ยังเป็นสุขกลุ่มปลาUse --ตายแล้วเกิดอีกกี่ครั้งก็ยังเป็นสุข
กลุ่มปลาUse --ตายแล้วเกิดอีกกี่ครั้งก็ยังเป็นสุข
 
ศาสนาสากล โดย ครูอัมพร
ศาสนาสากล                โดย ครูอัมพรศาสนาสากล                โดย ครูอัมพร
ศาสนาสากล โดย ครูอัมพร
 
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
 
ติวศาสนา55
ติวศาสนา55ติวศาสนา55
ติวศาสนา55
 
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาเป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
 
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาเป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
เป้าหมายของชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
 
Luangpor intawai 18
Luangpor intawai 18Luangpor intawai 18
Luangpor intawai 18
 
TAEM10:Avoiding_prosecution
TAEM10:Avoiding_prosecutionTAEM10:Avoiding_prosecution
TAEM10:Avoiding_prosecution
 
ครูพัชราภรณ์ เหมือนรุ่ง
ครูพัชราภรณ์    เหมือนรุ่งครูพัชราภรณ์    เหมือนรุ่ง
ครูพัชราภรณ์ เหมือนรุ่ง
 
คำมั่นสัญญาพุทธบุตร
คำมั่นสัญญาพุทธบุตรคำมั่นสัญญาพุทธบุตร
คำมั่นสัญญาพุทธบุตร
 
อีดตรงกับวันศุกร์ (ภาษาไทย)
อีดตรงกับวันศุกร์ (ภาษาไทย)อีดตรงกับวันศุกร์ (ภาษาไทย)
อีดตรงกับวันศุกร์ (ภาษาไทย)
 
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญาปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
 
ความรู้เรื่องศาสนาแผ่นพับ
ความรู้เรื่องศาสนาแผ่นพับความรู้เรื่องศาสนาแผ่นพับ
ความรู้เรื่องศาสนาแผ่นพับ
 
ศาสนาซิกส์
ศาสนาซิกส์ศาสนาซิกส์
ศาสนาซิกส์
 
คนบ้าคนเมา
คนบ้าคนเมาคนบ้าคนเมา
คนบ้าคนเมา
 
วิธีอัญเชิญพระธาตุ
วิธีอัญเชิญพระธาตุวิธีอัญเชิญพระธาตุ
วิธีอัญเชิญพระธาตุ
 
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
กลุ่ม  Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1กลุ่ม  Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
 
สาระสำคัญของศาสนา
สาระสำคัญของศาสนา สาระสำคัญของศาสนา
สาระสำคัญของศาสนา
 
ปัญหาของการฆ่าตัวตาย
ปัญหาของการฆ่าตัวตายปัญหาของการฆ่าตัวตาย
ปัญหาของการฆ่าตัวตาย
 

Andere mochten auch

มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
Muttakeen Che-leah
 
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษแนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
Muttakeen Che-leah
 
แผนที่ตรรกะ
แผนที่ตรรกะแผนที่ตรรกะ
แผนที่ตรรกะ
Muttakeen Che-leah
 
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรมตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
Muttakeen Che-leah
 
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัยลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
Muttakeen Che-leah
 
เล่ห์ชัยฏอน
เล่ห์ชัยฏอนเล่ห์ชัยฏอน
เล่ห์ชัยฏอน
Muttakeen Che-leah
 
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
 เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc  เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
Muttakeen Che-leah
 
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกดวิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
Muttakeen Che-leah
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษ
Muttakeen Che-leah
 
ถลกหนังไซออนนีส
ถลกหนังไซออนนีสถลกหนังไซออนนีส
ถลกหนังไซออนนีส
Muttakeen Che-leah
 

Andere mochten auch (18)

มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
มาตรวจสอบอารมณ์กันก่อนที่จะวิเคราะห์
 
Names list of_logical_fallacy
Names list of_logical_fallacyNames list of_logical_fallacy
Names list of_logical_fallacy
 
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษแนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
แนวทางของนักปราชญ์ในการพิจารณาตัวบทฮะดีษ
 
แผนที่ตรรกะ
แผนที่ตรรกะแผนที่ตรรกะ
แผนที่ตรรกะ
 
New patani by anond.
New patani by anond.New patani by anond.
New patani by anond.
 
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรมตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
ตรรกเอาความเป็นรูปธรรม
 
Poverty
PovertyPoverty
Poverty
 
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัยลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
ลัทธิภาคีนิยมในรั้วมหาวิทยาลัย
 
หนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺหนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺ
 
THE SUN CITY MINH SƠN, QUẬN 9
THE SUN CITY MINH SƠN, QUẬN 9THE SUN CITY MINH SƠN, QUẬN 9
THE SUN CITY MINH SƠN, QUẬN 9
 
Book wahabi
Book wahabiBook wahabi
Book wahabi
 
Al kafi
Al kafiAl kafi
Al kafi
 
เล่ห์ชัยฏอน
เล่ห์ชัยฏอนเล่ห์ชัยฏอน
เล่ห์ชัยฏอน
 
Pramote tarorveah
Pramote tarorveahPramote tarorveah
Pramote tarorveah
 
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
 เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc  เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม.Doc
 
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกดวิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
วิจารณ์เวียนว่ายตายเิกด
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษ
 
ถลกหนังไซออนนีส
ถลกหนังไซออนนีสถลกหนังไซออนนีส
ถลกหนังไซออนนีส
 

Ähnlich wie ทุกศาสนา

หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสารหลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
guestf16531
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้
Phairot Odthon
 
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาทศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
pentanino
 
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
Tongsamut vorasan
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
Tongsamut vorasan
 

Ähnlich wie ทุกศาสนา (20)

หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสารหลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๓
 
เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้
 
คำนำทำ1
คำนำทำ1คำนำทำ1
คำนำทำ1
 
ธรรมดาของตาเห็นธรรม
ธรรมดาของตาเห็นธรรมธรรมดาของตาเห็นธรรม
ธรรมดาของตาเห็นธรรม
 
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาทศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
 
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
 
Kamnamtham 5
Kamnamtham 5Kamnamtham 5
Kamnamtham 5
 
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๑
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
 
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
 
วารสารธรรมรัตน์ ฉบับที่ 14 - Dhammaratana journal Vol.14
วารสารธรรมรัตน์ ฉบับที่ 14 - Dhammaratana journal Vol.14 วารสารธรรมรัตน์ ฉบับที่ 14 - Dhammaratana journal Vol.14
วารสารธรรมรัตน์ ฉบับที่ 14 - Dhammaratana journal Vol.14
 
Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010
 
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
 
The good buddhist
The good buddhistThe good buddhist
The good buddhist
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
 
ถามให้คิดสะกิดใจ Complete
ถามให้คิดสะกิดใจ Completeถามให้คิดสะกิดใจ Complete
ถามให้คิดสะกิดใจ Complete
 

Mehr von Muttakeen Che-leah

เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผยเหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
Muttakeen Che-leah
 
วิเคราะห์ความโอ้อวด
วิเคราะห์ความโอ้อวดวิเคราะห์ความโอ้อวด
วิเคราะห์ความโอ้อวด
Muttakeen Che-leah
 
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็นพระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
Muttakeen Che-leah
 
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
Muttakeen Che-leah
 
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
Muttakeen Che-leah
 
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริงแนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
Muttakeen Che-leah
 
ตรรก และ เหตุผลวิบัติ
ตรรก และ เหตุผลวิบัติตรรก และ เหตุผลวิบัติ
ตรรก และ เหตุผลวิบัติ
Muttakeen Che-leah
 
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอมเดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
Muttakeen Che-leah
 
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลามการทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
Muttakeen Che-leah
 
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
Muttakeen Che-leah
 

Mehr von Muttakeen Che-leah (16)

Bidah
BidahBidah
Bidah
 
ค็อฏฏ๊อบ.Doc
 ค็อฏฏ๊อบ.Doc  ค็อฏฏ๊อบ.Doc
ค็อฏฏ๊อบ.Doc
 
เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผยเหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
เหตุผลหรือข้ออ้างลับที่ไม่ถูกเปิดเผย
 
วิเคราะห์ความโอ้อวด
วิเคราะห์ความโอ้อวดวิเคราะห์ความโอ้อวด
วิเคราะห์ความโอ้อวด
 
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็นพระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
พระเยซูเป็นพระเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขบังคับและเงื่อนไขจำเป็น
 
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
บันทึกย่อที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
 
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
ในการสนทนากับชาวต่างศาสนิกนั้น มีหลายครั้งด้วยกันที่อีกฝ่ายจะยกข้อความมายาว ซ...
 
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริงแนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
แนวทางศึกษาอิสลามให้ได้ซึ่งคำสอนที่แท้จริง
 
ตรรก และ เหตุผลวิบัติ
ตรรก และ เหตุผลวิบัติตรรก และ เหตุผลวิบัติ
ตรรก และ เหตุผลวิบัติ
 
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอมเดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
เดินทางโดยไม่มีมะฮฺรอม
 
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลามการทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
การทำงานศาสนาด้านต่างๆ ในแง่ของการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอิสลาม
 
Guide of association
Guide of associationGuide of association
Guide of association
 
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
ผู้ก่อการร้ายจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้นหรือ
 
Pramote maolid
Pramote maolidPramote maolid
Pramote maolid
 
Radd qardjed
Radd qardjedRadd qardjed
Radd qardjed
 
รับน้อง
รับน้องรับน้อง
รับน้อง
 

ทุกศาสนา

  • 1.
  • 2. ·Ø¡ÈÒʹÒÊ͹ãËŒ¤¹à»š¹¤¹´Õ¨ÃÔ§ËÃ×Í? ¼ÙŒà¢Õ¹ : ªÒÃÕ¿ ǧȏàʧÕèÂÁ ÃÙ»àÅ‹Á : «ÍÅ´Õé ËÁѹ¡Òà ¾ÔÊÙ¨¹ÍÑ¡Éà : «Í¿‚¹ÐÎÚ ºÔ¹µÔ ¡Íà«çÁ ¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 2 : ÁԶعÒ¹ 2555 Êӹѡ¾ÔÁ¾ : «ÒºÔ¡Ù¹ 42/2 Á.2 µ.ÊÐ൧¹Í¡ Í.àÁ×ͧ ¨.ÂÐÅÒ 96130 âç¾ÔÁ¾ : Rabbitprint 491, 1493-1495 ¶¹¹¾ÃÐÃÒÁ 4 á¢Ç§ÇѧãËÁ‹ ࢵ»·ØÁÇѹ ¡ÃØ§à·¾Ï 10330 E-mail: info@rabbit4print.com Website: www.rabbit4print.com â·Ã. 0-2215-3999 á¿¡«. 0-2215-3999 #33 ÊÑ觫×éÍ˹ѧÊ×Íä´Œ·Õè : Ìҹ˹ѧÊ×Í ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ (Assabikoon Trade) http://www.facebook.com/AssabikoonTrade µÔ´µ‹Í ¤Ø³ÁصµÒ¦Õ¹ ਍ÐáÅÐ â·Ã : 0879680862 àÇçºä«µ¡ÅØ‹ÁÍÑ««ÒºÔ¡Ù¹ : www.ÍÔÊÅÒÁ.net ISBN 978-616-7707-64-8 “à¾×è;ÃÐͧ¤¨Ð·Ã§ãËŒÊÔ觷Õè໚¹¨ÃÔ§ ä´Œ»ÃШѡɏ໚¹¤ÇÒÁ¨ÃÔ§ áÅÐãËŒÊÔè§à·ç¨ ä´Œ»ÃШѡɏ໚¹ÊÔè§à·ç¨ áÅÐáÁŒÇ‹ÒºÃôҤ¹ªÑèǪŒÒ¨ÐäÁ‹¾Í㨡çµÒÁ” (ÍÑÅ-Íѹ¿ÒÅ 8 : 8)
  • 3.
  • 4. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? “แท้ จริงบรรดาผู้ศรัทธาและกระทาความดีทงหลาย ั้ เราจะไม่ ให้ การตอบแทนของผู้กระทาความดีสูญ หายอย่ างแน่ นอน” (คัมภีร์ อัล-กุรอาน บทที่ 18 โองการที่ 30) 1
  • 5. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ทุกศาสนา สอนให้ คนเป็ นคนดี.... จริงหรื อ? 2
  • 6. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? คานา เราไม่อาจที่จะปฏิเสธหรื อหลอกตัวเองได้ วา การ ่ แสวงหาสัจธรรมความจริ งนัน เป็ นส่วนหนึ่งของชีวิต ้ มนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่ องราวต่างๆในทางโลกหรื อ ในเรื่ องความเชื่อในทางศาสนาก็ตาม โดยพื ้นฐานแล้ ว มนุษย์ เรานัน ต้ องการที่ จะรู้ ให้ ได้ ว่าอะไรคือความจริ ง ้ โดยเฉพาะถ้ าความจริ งในเรื่ องนันๆที่ตนเองจะต้ องรู้ ให้ ้ ได้ เกี่ยวข้ องและจะส่งผลต่อตนเองโดยตรง เช่น สมมุติ ว่าเรา มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หน้ าซีด กินอาหารไม่ ค่อยได้ และมีคนหลายคนทักเราว่า อาการอย่างนี ้น่าจะ เป็ นอาการของคนที่ เ ป็ นโรคมะเร็ ง ในระยะเริ่ ม ต้ น แน่ น อนที่ สุ ด เราจะไม่ นิ่ ง อยู่ เ ฉยๆอย่ า งแน่ น อน แต่ จะต้ องรู้ ความจริ งให้ ได้ ว่า ความจริ งเป็ นเช่นไร เพราะสิ่ง นี ้เกี่ยวข้ องและส่งผลต่อตัวเราเองโดยตรง หรื อ สมมุติมี คนกล่าวอ้ างว่า คนที่ เรารั ก ห่วงใยและปรารถนาที่ จะ แต่ ง งานด้ วยนั น คิ ด ไม่ ซื่ อ กั บ เรา แน่ น อนเราจะไม่ ้ สามารถอยู่นิ่ งได้ และจะอยู่ในสภาพเดือดเนื อร้ อนใจ ้ และต้ องการที่จะรู้ความจริ งให้ ได้ ว่า สิ่งนันเป็ นความจริ ง ้ หรื อไม่ 3
  • 7. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? คนเรานันหลายต่อหลายครังด้ วยกันที่จะต้ อง ้ ้ ยอมที่ จ ะเสี ย อะไรบางอย่ า งไป ไม่ ใ ช่ เ พื่ อ ใครแต่ เ พื่ อ ประโยชน์ของตัวเขาเอง เหมือนตัวอย่างในข้ างต้ นเรื่ อง มะเร็ ง ถ้ าเรารู้ ความจริ ง แล้ วว่ า เรานั น กํ า ลั ง เป็ น ้ โรคมะเร็ ง อยู่ แน่ น อนที่ สุ ด เราอาจจะต้ อ งยอมที่ จ ะ สูญเสีย เงิ น ที่ เ ราจะหาได้ ในแต่ล ะวัน ในธุ รกิ จของเรา อาจจะมากหรื อ น้ อยก็ แ ล้ ว แต่ ยอมที่ จ ะละทิ ง ความ ้ สนุกสนานไม่ว่ากับเพื่อนฝูง หรื อความสนุกสนานอื่นๆ หรื อความสุขที่ได้ อยู่กับคนที่เรารัก หรื อ ยอมที่จะละทิ ้ง ความสบายต่ า งๆไป หรื อ ยอมที่ จ ะละทิ ง สิ่ ง อื่ น ๆไป ้ เพื่อที่ตวเองจะได้ เข้ ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อ ั โรคร้ ายที่เรากําลังเป็ นอยู่ ถึงแม้ ว่าจะต้ องใช้ เวลาในการ รักษาเป็ นแรมเดือนก็ตาม แน่นอนที่ สุดสําหรั บผู้ที่มีเหตุผล ใช้ สติปัญญา ใคร่ ครวญอย่างรอบคอบอีกทังไม่หลอกตัวเองแล้ ว เขา ้ จะไม่ ม องเลยว่ า ผลที่ จ ะเกิ ด ขึ น กั บ ตั ว เขานั น (อั น ้ ้ เนื่องจากที่ไม่สนใจ หรื อเมินเฉยในการที่จะรู้ความจริงให้ ได้ ) จะเกิดขึ ้นกับตัวเขาโดยทันทีหรื อไม่ ซึงเปรี ยบได้ กบ ่ ั ผู้ที่หมอตรวจพบมะเร็ งในระยะเริ่ มแรก ทังๆที่เขาผู้นนก็ ้ ั้ ไม่ร้ ู สกว่ามีอะไรผิดปรกติในร่างกายของเขา แถมยังรู้ สก ึ ึ 4
  • 8. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? แข็งแรง และมีความสุขกับชีวิตอีกต่างหาก แต่ถึงแม้ ว่า ผลจากการเกิดโรคมะเร็ งจะยังไม่เกิดขึ ้นกับเขาโดยตรง ในตอนนัน โดยทันทีก็ตาม แต่มนจะเกิดขึ ้นในอนาคต ้ ั อย่างแน่นอน แน่นอนที่สดเขาย่อมไม่นําเอา ผลที่ยงไม่ ุ ั เกิ ด ขึ น กั บ เขาโดยตรง ในตอนนัน โดยทัน ที มาเป็ น ้ ้ เหตุผลที่จะยังไม่เข้ ารับการรักษาตัวก่อน อย่างแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้ ามเขาย่อมที่จะตระหนักและรี บเร่ งใน การที่จะรักษาโรคมะเร็ง เพื่อที่จะได้ ไม่สายเกินแก้ เรื่ อ งที่ ย กตั ว อย่ า งไปข้ างต้ นนั น เป็ นเรื่ อ งที่ ้ เกี่ ย วกับ ชี วิ ต ความเป็ นอยู่ใ นโลกนี เ้ พี ย งเท่ า นัน และ ้ มันใจได้ เลยว่า สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องนรก และสวรรค์ ่ อย่างแท้ จริ ง แล้ ว คงไม่เห็ น เรื่ องความเป็ นอยู่ท างโลก สําคัญและมี ผ ลมากไปกว่า เรื่ องสวรรค์ และนรกอย่า ง แน่ น อน เพราะสวรรค์ นั น คื อ ความสุ ข ที่ สุ ข ยิ่ ง กว่ า ้ ความสุขบนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้ และ นรกก็เป็ นความ ทุกข์ที่ทุกข์ยิ่งกว่า ความทุกข์บนโลกนี ้อย่างเปรี ยบไม่ได้ เช่นกัน แต่สําหรับผู้ที่ยงข้ องใจเรื่ องการมีจริ งของพระผู้ ั เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งนัน แนะนําให้ อ่านหนังสือของผู้เขียนที่ ้ ชื่อ ‚ ข้ อพิสูจน์ ต่อการมีอยู่ของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง ‛ 5
  • 9. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? โดยอ่านอย่างผู้มีเหตุผล อ่านอย่างผู้ไม่หลอกตัวเอง และ อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง หนั ง สื อ เล่ ม นี จ ะเป็ นการวิ เ คราะห์ อย่ า ง ้ ตรงไปตรงมา อย่างไม่หลอกตัวเอง ถึงวิธีการแสวงหา และ พิสจน์ สัจธรรมความจริ ง สําหรับผู้ที่เชื่อในเรื่ องการ ู ตอบแทนไม่ว่าจะเป็ นความดี หรื อ ความชัว เพื่อที่จะได้ ร้ ู ่ ว่ า ศาสนา หรื อ แนวทางไหนที่ จ ะเป็ นแนวทาง หรื อ ศาสนาที่ แ ท้ จริ ง และทํ า ไมจึ ง ต้ องเป็ นเช่ น นั น และ ้ เป็ นไปได้ ไหมที่ทกศาสนาหรื อแนวทางจะถูกต้ องทังหมด ุ ้ อีกทังจะบอกให้ ร้ ู ถึงการแยกแยะระหว่าง สิ่งที่เป็ นแก่น ้ หรื อหัวใจของศาสนา ที่ถ้าสิ่งนันถูกหักล้ าง หรื อ พิสจน์ ้ ู ว่าผิดแล้ ว ศาสนาหรื อ แนวทางนันๆก็จะต้ องล้ มสลายลง ้ และอยู่ไ ม่ ไ ด้ ใ นที่ สุด และ สิ่ ง ที่ เ ป็ นเรื่ อ งรายละเอี ย ด ปลีกย่อยในศาสนา ที่ไม่มีผลแต่อย่างใดในการแสวงหา สั จ ธรรมความจริ ง ขอให้ ท่ า นผู้ อ่ า นได้ อ่ า นอย่ า ง ใคร่ ค รวญ อ่ า นอย่า งผู้มี เ หตุผ ล อ่า นอย่า งผู้ไ ม่ห ลอก ตัวเอง และ อ่านอย่างผู้ที่ไม่ปลอบใจตนเอง อ. ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม 29/12/53 6
  • 11. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี....จริงหรือ? โดย อ. ชะรี ฟ วงศ์เสงี่ยม บทความนี ้ถูกเขียนขึ ้นมา สําหรับผู้ที่มีความเชื่อ ในศาสนาหนึ่งศาสนาใด หรื อลัทธิ หนึ่งลัทธิ ใด รวมทัง ้ เชื่อถึงการมีอยูจริงของ สวรรค์ และนรก เชื่อในเรื่ อง บาป ่ บุญ อีกทังจะเป็ นการวิเคราะห์ถึงคําพูดที่เรามักได้ ยินกัน ้ เป็ นประจํา นันก็คือคําพูดที่ว่า ‚ทุกศาสนาสอนให้ เป็ น ้ คนดี‛ โดยปรกติแล้ วผู้ที่พูดคําพูดเช่นนีออกมามักจะ ้ ไม่วิเคราะห์ ให้ ดีเสียก่อน เพราะถ้ าเราวิเคราะห์ คําพูด ดัง กล่า วดูใ ห้ ดี แ ล้ ว เราก็ จ ะเห็ น ได้ ว่ า คํ า พูด ที่ ว่ า ‚ทุก ศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ เป็ นคําพูดที่ไม่ถูกต้ องเสียสัก เท่าไหร่ ต่อไปนี ้เราจะมาวิเคราะห์กนถึงคําพูดนี ้กัน ั ถ้ าเราจะตังเป็ นคําถามว่า ทุกศาสนามีอะไรเป็ น ้ สิงที่เหมือนๆกัน คําตอบที่จะได้ รับก็คือ ศาสนาส่วนใหญ่ ่ หรื อทุกศาสนาเลยก็ว่าได้ มีหลักข้ อใช้ ให้ ปฏิบติ และ ข้ อ ั ห้ ามมิให้ ปฏิบตินนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่ทําแล้ ว ั ั่ จะเกิดเป็ นผลบุญขึ ้นมา และสิ่งที่ทําแล้ วจะเกิดเป็ นบาป 8
  • 12. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ขึนมา ทุกศาสนาจะต้ องมีสองสิ่งนี ้ เพราะฉะนัน จาก ้ ้ คําพูดที่ว่า ‚ ทุกศาสนาสอนให้ คนเป็ นคนดี ‛ ทําเข้ าใจ ได้ โดยปริ ยายว่า หลักคําสอนทังข้ อใช้ และข้ อห้ ามของ ้ ทุกศาสนานันสอนให้ คนเป็ นคนดี ผู้ที่พูดคําพูดเช่นนี ้ ้ ออกมานัน ต้ อ งการจะสื่ อ ให้ รู้ ว่ า ไม่ ว่ า เราจะนับ ถื อ ้ ศาสนาไหนก็ ถูกต้ องทังหมด เป็ นความดีทังหมด ไม่มี ้ ้ ความจํ า เป็ นที่ จ ะต้ องไปเปลี่ ย นศาสนาแต่ อ ย่ า งใด ตอนนี เ้ ราจะมาวิ เ คราะห์ สิ่ ง หรื อ คํ า สอนบางอย่ า งที่ ศาสนาแต่ละศาสนาได้ สอน เพื่อที่เราจะได้ ร้ ู ว่า คําพูด ดังกล่าวนันเป็ นจริงหรื อไม่อย่างไร ้ ถ้ าเราศึกษาหลักคําสอนของศาสนาพุทธดู เรา จะพบหลักคําสอนข้ อหนึ่งที่ ว่า ใครก็แล้ วแต่ที่ฆ่าสัตว์ โดยเจตนา ไม่วาจะฆ่าโดยมีจดมุ่งหมายใดก็แล้ วแต่ เช่น ่ ุ ฆ่าสัตว์เพื่อนํามาเป็ นอาหาร ถือว่าคนๆนันทําสิ่งที่เป็ น ้ บาปกรรม ต้ องตกนรกหมกไหม้ ( ‚ หม่อมฉันนัน ตัด ้ ศีรษะแม่แพะตัวเดี ยว ไหม้ในนรก ด้วยเศษผลแห่ง กรรม จึ งได้ถูกตัดศีรษะด้วยการนับขนแม่แพะนัน‛ พระ ้ สุตตันตปิ ฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้ า ที่ 172 / ‚ ดู ก่ อ นภิ ก ษุ ท ั้ง หลาย 9
  • 13. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ปาณาติ บาตอันบุคคลเสพแล้ว เจริ ญแล้ว กระทาให้มาก แล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็ นไปในนรก ในกาเนิ ดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิ สั ย วิ บากแห่ งปาณาติ บาตอย่ างเบา ที สด ย่อมยังความเป็ นผูมีอายุน้อยให้เป็ นไปแก่ผูมา ่ ุ ้ ้ เกิ ดเป็ นมนุษย์ ‛ พระสุตตันตปิ ฎก อังคุตรนิกาย สัตตก- อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม 4 – หน้ าที่ 495, 10 สัพ พลหุสสุตร ) แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ าเรามาดูในหลักคํา สอนของศาสนาอิสลาม เราพบว่า การฆ่าสัตว์เพื่อนํามา ปรุ งเป็ นอาหารนัน นอกจากจะไม่เป็ นบาปกรรมแล้ วยัง ้ จะถือว่าเป็ นผลบุญเสียด้ วยซํ ้าไป เมื่อเป็ นเช่นนี ้คําถาม ที่จะต้ องถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหม ที่ คําสอนของทังสอง ้ ศาสนานี ้จะถูกต้ องและเป็ นจริ งทังคู่ .... แน่นอนคําสอน ้ ของทังสองศาสนานี ้ไม่มีทางที่จะถูกต้ องทังคู่ได้ ทันทีที่ ้ ้ มุส ลิม คนหนึ่ง คนใดฆ่า สัตว์ เพื่ อ นํ า มาปรุ ง เป็ นอาหาร แน่นอนตามหลักคําสอนของศาสนาพุทธแล้ ว มุสลิมคน นี ้ถือว่ากําลังทําบาปกรรมอยู่ และเขาผู้นี ้ไม่ถือว่าเป็ นคน ดีด้วย แต่เป็ นคนบาป เพราะฉะนันถ้ าเราวิเคราะห์ดด้วย ้ ู ใจที่เป็ นกลาง และใฝ่ หาสัจธรรม เราก็จะเห็นได้ ว่า ใน สายตาของศาสนาพุทธนัน ศาสนาอิสลามกําลังสอนให้ ้ คนทํ าบาปกรรม และชาวพุท ธที่ ยึดมั่นในหลักคําสอน 10
  • 14. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ของศาสนาพุทธก็ไม่เห็นด้ วย และเกลียดการกระทํา เช่นนี ้ของมุสลิม นอกจากนี ้ ศาสนาพุ ท ธยั ง มี ห ลั ก คํ า สอนที่ สําคัญอย่างมากๆอีกข้ อหนึ่งก็คือ เรื่ องการเวียนว่ายตาย เกิด โดยสอนเอาไว้ ว่า ไม่ว่าคนๆนันจะอยู่ในศาสนาไหน ้ เป็ นใครมาจากไหน จะรวย หรื อจะจน เมื่อตายไปแล้ ว ถ้ า ยัง ไม่ห มดกรรม ทุก คนก็ จ ะต้ อ งอยู่ใ นห่ ว งแห่ ง การ เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงหรื อหนีพ้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน ศาสนาอิสลามและคริ สต์ก็สอนในสิ่ง ที่ ตรงกันข้ ามว่า เมื่อตายไปแล้ ว จะไม่มีการเวียนว่าย ตายเกิดอย่างแน่นอน ไม่วาเขาผู้นนจะนับถือศาสนาไหน ่ ั้ เป็ นใครมาจากไหนก็ แ ล้ วแต่ หากแต่ ม นุ ษ ย์ ทุ ก คน จะต้ องไปหยุดอยู่ที่สองสถานที่ นันก็คือ ไม่ไปนรก ก็ขึ ้น ้ สวรรค์ ไม่ มี ก ารกลับ มาเกิ ด เป็ นอะไรใหม่ ทัง สิ น .... ้ ้ คําถามก็คือ เป็ นไปได้ ไหมที่หลักคําสอนและหลักความ เชื่อที่ตรงกันข้ ามกันทังคูนี ้ จะถูกต้ องทังคู่ ... เป็ นไปไม่ได้ ้ ่ ้ อย่างแน่นอน 11
  • 15. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ถ้ าเรามาวิเคราะห์ดในคําสอนของศาสนาคริ สต์ ู เราจะพบว่าศาสนาคริ สต์สอนว่า ถ้ าใครไม่เชื่ อว่าพระ เยซูเป็ นพระเจ้ าทังๆที่มีคนมาสอนเขาแล้ ว ไม่ว่าเขาผู้นน ้ ั้ จะเป็ นใครก็ แ ล้ วแต่ เขาผู้ นั น จะต้ องตกนรก แต่ ใ น ้ ขณะเดียวกันศาสนาอิสลามก็สอนว่า ใครก็แล้ ว แต่ที่เชื่อ ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ าเขาผู้นนจะต้ องตกนรก เพราะ ั้ พระเยซูนนเป็ นเพียง มนุษย์คนหนึงเท่านัน เพียงแต่ได้ รับ ั้ ่ ้ การแต่งตังจากพระผู้เป็ นเจ้ าให้ เป็ นศาสดา เพราะฉะนัน ้ ้ ถ้ าเราวิ เ คราะห์ ด้ วยใจที่ เ ป็ นกลาง เราจะพบว่ า ใน สายตาของ คริสต์นน ชาวมุสลิมและชาวพุทธ รวมทังคน ั้ ้ อื่นๆที่มิใช่คริ สต์นน ถือว่าเป็ นคนที่กําลังทําบาป เป็ นคน ั้ ชัว ไม่ได้ เป็ นคนดี เพราะไม่ยอมเชื่อว่า พระเยซูเป็ นพระ ่ เจ้ า และมีความเสี่ยงที่จะต้ องตกนรก แต่ในสายตาของ อิสลามนัน จะเห็นได้ ว่า ชาวคริ สต์ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็ น ้ พระเจ้ านัน ถือว่าเป็ นคนบาป คนชัว ไม่ได้ เป็ นคนดีและ ้ ่ เสี่ยงที่จะต้ องตกนรก เพราะเชื่อว่าพระเยซูเป็ นพระเจ้ า ซึ่ ง ในความเป็ นจริ งแล้ วพระเยซู มิ ไ ด้ เป็ นพระเจ้ า คําถามที่ตามมาก็คือ จะเป็ นไปได้ อย่างไร ที่คําสอนของ ศาสนาอิสลาม และ ศาสนาคริสต์ จะถูกต้ องด้ วยกันทังคู่ ้ เพราะฉะนัน ถ้ า เราวิ เคราะห์ ด้ว ยใจที่ เป็ นกลางถึ ง คํ า ้ 12
  • 16. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? สอนหลักๆของแต่ละศาสนาแล้ ว เราจะพบว่า ในสายตา ของทุกศาสนา หรื อถ้ าพูดอีก อย่า งก็ คือ ถ้ ามองไปยัง ศาสนาอื่นโดยใช้ ศาสนาของตนเองที่แต่ละคนเชื่อว่าเป็ น สัจ ธรรมที่ แ ท้ จ ริ ง มาเป็ นมาตรฐานตัด สิ น แล้ ว เราจะ พบว่า ทุกศาสนาไม่ได้ กําลังสอนให้ มนุษย์เป็ นคนดี และถ้ าเราวิเคราะห์ ดูอีก เราก็จะพบว่า ถ้ าทุก ศาสนาสอนคนให้ เป็ นคนดีจริ งแล้ ว ถ้ าเช่นนัน คําถามก็ ้ คือ คนที่อยู่ในศาสนาพุทธ จะยอมหรื อไม่ที่จะเปลี่ยน จากศาสนาของตัวเอง แล้ วมานับถือศาสนาอิสลามเป็ น ระยะเวลา 1ปี และชาวคริ ส ต์ จ ะยอมหรื อ ไม่ ที่ จ ะ เปลี่ยนจากศาสนาตัวเองแล้ วมานับถือศาสนาพุทธเป็ น ระยะเวลา 1 ปี และ มุสลิมจะยอมเปลี่ยนจากอิสลาม ไปเป็ น พุทธหรื อคริ สต์ไหม??? แน่นอน ไม่มีใครยอมทิ ้ง หรื อเปลี่ยนจากศาสนาตัวเอง เพื่อไปรั บศาสนาอื่นมา อย่างแน่นอน เพราะ ต่างก็เชื่อว่า ศาสนาของตัวเองนัน ้ ถูกต้ องที่สด และศาสนาอื่นนันผิดและ หลงทาง .... นี ้คือ ุ ้ ความเป็ นจริ งที่มิอาจที่จะปฏิเสธได้ สําหรับผู้ที่ไม่หลอก ตัวเอง และแสวงหา ใฝ่ หาสัจธรรม เมื่อมาถึงตรงนีก็อาจจะมีบางคนแย้ งขึนมาใน ้ ้ ทํานองที่ว่า ‚ ทุกศาสนาก็มีหลักจริ ยธรรม เช่น สอนให้ 13
  • 17. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ทําดีตอพ่อ แม่ ให้ ทําดีตอเพื่อนบ้ าน ห้ ามมิให้ สร้ างความ ่ ่ เดือดร้ อนต่อ ผู้อื่น ห้ ามดื่ม สุรา ห้ า มพูดโกหก และอี ก หลายๆเรื่ อง ในเรื่ องจริ ยธรรม เพราะฉะนันตรงนี ้นี่แหละ ้ ที่บงบอกว่า ทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี ‛ แต่ถ้าเราจะ ่ ตอบคํ า ถามนี ้ เราก็ อ าจจะตอบกลับ ไปในรู ป การตัง ้ คําถามว่า ‚ ทุกศาสนาสอนเรื่ อง สวรรค์ และนรกใช่ไหม หรื อ ถ้ าเป็ นศาสนาพุ ท ธ ศาสนาพุ ท ธสอนเรื่ อง เปาหมายสูงสุดใช่ไหม นันคือ นิพพาน ? ‛ คําตอบก็คือ ้ ่ ใช่ และ คําถามต่อไปก็คือ ‚ ถ้ าทุกศาสนาต่างก็ปฏิบติ ั หลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนาใครศาสนามัน ตามที่ได้ ยกตัวอย่างมาให้ ดูบางอย่างข้ างต้ นนัน แล้ วทุกคนใน ้ แต่ละศาสนาจะได้ เข้ าสวรรค์ตามมาตรฐานของศาสนา อื่นที่ไม่ใช่ศาสนาตัวเองไหม? ‛ คําตอบ ที่ตอบอย่างไม่ สามารถหลอกตัวเองได้ ก็คือ ก็ไม่ได้ เข้ า ยกตัวอย่างเช่น ถ้ าศาสนา พุ ท ธปฏิ บัติ ต ามหลั ก จริ ย ธรรมที่ มี อ ยู่ ใ น ศาสนาตัวเอง เช่น ทําความดีตอพ่อแม่ ไม่พดโกหก และ ่ ู ถ้ าใช้ มาตรฐานตามศาสนาคริ สต์ตดสิน ถามว่าชาวพุทธ ั จะเข้ าสวรรค์ หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่ จะต้ อ งตอบว่ า ไม่ ไ ด้ เ ข้ า เพราะตราบใดที่ ยัง ไม่ ไ ด้ ศรัทธาในพระเยซูว่าเป็ นพระเจ้ า หรื อยังไม่เชื่อว่าพระ 14
  • 18. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เยซูตายเพื่อไถ่บาป ก็ไม่มีสทธิที่จะเข้ าสวรรค์ได้ ถึงแม้ ว่า ิ จะพยายามปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมมากแค่ไหนก็ตาม ั สุด ท้ า ยก็ ไ ม่ ไ ด้ เ ข้ า สวรรค์ ... และเช่ น กัน ถ้ า มุส ลิ ม ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่ มีอยู่ในศาสนาอิสลาม ( ซึง ก็ ั ่ มีอยูในศาสนาพุทธและคริสต์ด้วย ) และ ถ้ าใช้ มาตรฐาน ่ ตามศาสนาพุทธตัดสิน ถามว่ามุสลิมจะได้ เข้ า นิพพาน หรื อไม่ ? แน่นอน เราหลอกตัวเองไม่ได้ ที่จะต้ องตอบว่า ไม่ได้ เข้ า นิพพานแน่นอน เพราะมุสลิมยังทําสิ่งที่เป็ น บาปกรรมที่ จะต้ องไปชดใช้ ในนรกตามมาตรฐานของ ศาสนาพุทธอยู่ เช่น การฆ่าสัตว์ และ อื่นๆ และเช่นกัน ถ้ าชาวคริ สต์ปฏิบติตามหลักจริ ยธรรมที่มีอยู่ในศาสนา ั ตัวเองอย่างสุดความสามารถ ( ซึ่งก็มีอยู่ในศาสนาพุทธ และอิ ส ลามด้ ว ยเช่ น กัน ) และ ถ้ า ใช้ ม าตรฐานตาม ศาสนาอิสลามตัดสิน ถามว่า ชาวคริ สต์จะได้ เข้ าสวรรค์ หรื อไม่ ? คําตอบก็คือ ไม่ได้ อย่างแน่นอน เพราะชาว คริ สต์ โดยรวมเชื่ อว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า ( ซึ่ง อิสลาม ห้ ามเด็ดขาดที่จะเชื่อว่าใครเป็ นพระเจ้ าที่แท้ จริงนอกจาก พระผู้เป็ นเจ้ า ที่ แท้ จริ ง องค์ เดีย วเท่ า นัน คือ อัลลอฮฺ ้ และพระเยซูก็เป็ นเพียง ศาสนฑูตท่านหนึ่งของพระองค์ 15
  • 19. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เท่านัน ) อีกทังชาว คริ สต์ยงปฏิเสธ ท่านนบีมฮมหมัดใน ้ ้ ั ุั ฐานะที่เป็ นศาสนฑูตท่านสุดท้ ายของพระองค์อลลอฮฺ ั เพราะฉะนันเราได้ รับบทเรี ยนแล้ วว่า ประเด็นที่ ้ ส าคั ญ ที่ สุ ด ไม่ ได้ อยู่ ตรงที่ ก ารปฏิ บั ติ ต ามหลั ก จริ ยธรรม แล้ วก็อ้างว่ าทุกศาสนาสอนให้ เป็ นคนดี เพราะนันเป็ นอะไรที่ผิวเผิน แต่ประเด็นที่เป็ นแก่นสําคัญ ่ ก็คือ เรื่ องของการไปถึงเปาหมายสูงสุดของแต่ละศาสนา ้ นันก็คือ สวรรค์ สําหรับศาสนา อิสลาม และ คริ สต์ และ ่ นิพพานสําหรับศาสนาพุทธ ซึงถึงแม้ จะพยายามปฏิบติ ่ ั ตามหลักจริ ยธรรมให้ ดีแค่ไหนก็ตาม แต่กระนันคนที่อยู่ ้ ในแต่ละศาสนาก็ ไม่สามารถเข้ าถึงเปาหมายสูงสุดได้ ้ ถ้ าจะใช้ มาตรฐานของศาสนาหนึ่งไปตัดสินอีกศาสนา หนึง ่ ถ้ า เราวิ เคราะห์ หลัก คํา สอนของศาสนาแต่ละ ศาสนาดู เราก็จะพบว่า แต่ละศาสนานันมีหลักคําสอนที่ ้ แตกต่างกัน และตรงกันข้ ามกัน ฉันใด ที่ 1+1=2 , 1+1 =3, 1+1=4 และ 1+1= 5 เป็ นไปไม่ได้ ที่ทงหมดจะ ั้ ถูกต้ อง ฉันนัน ก็เป็ นไปไม่ได้ เช่นกันที่หลักคําสอนของ ้ แต่ ล ะศาสนาที่ ต รงกั น ข้ ามกั น และแตกต่ า งกั น จะ 16
  • 20. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ถูกต้ องทังหมดได้ เมื่อเป็ นเช่นนีแล้ ว ผู้ที่ใฝ่ หาสัจธรรม ้ ้ จริ งๆ จะอยู่นิ่งไม่ได้ แต่จะต้ องตังคําถามขึ ้นมาว่า แต่ละ ้ ศาสนาที่ อ้ า งว่า ศาสนาตัว เองเป็ นแนวทางเดี ย ว เป็ น ศาสนาเดียวที่ถกต้ องเท่านัน มีหลักฐาน และข้ อพิสจน์ ู ้ ู อะไร ที่คนทั่วไปที่มีสติปัญญาที่ปรกติ สามารถเข้ าไป พิสจน์ข้อเท็จจริงได้ บ้าง มีอะไรที่เป็ นความจริ งสากล ให้ ู ชาวโลกได้ เ ข้ า มาพิ สูจ น์ บ้ า ง อัน เป็ นความจริ ง ที่ ไ ม่ใ ช่ ประสบการณ์ ส่ ว นตัว หรื อ ประสบการณ์ ที่ สัม ผัส ได้ เฉพาะกลุ่ม หากแต่ต้องเป็ นความจริ งที่ทุกคนสามารถ พิสจน์ได้ เช่น ความจริ งที่ว่า คัมภีร์อล -กุรอานไม่เคยถูก ู ั เปลี่ยนแปลง แก้ ไข ความจริ งที่ว่ า คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ ถูก เปลี่ ย นแปลงแก้ ไข จึ ง ทํ า ให้ มี ห ลากหลาย เวอร์ ชั่น ( versions) ที่ไม่เหมือนกัน และ ความจริงสากลอื่นๆ ความเชื่อที่แท้ จริ งจะต้ องอยู่บนหลักฐานข้ อยืนยัน ที่พสูจน์ ได้ ิ สัจธรรมความจริ ง ที่แท้ จริ งก็คือ สิ่งที่ไม่ใช่เป็ น สัจธรรมความจริงของเฉพาะคนหนึงคนใด หรื อ คนกลุม ่ ่ หรื อกลุมใด โดยมีพื ้นฐานมาจากความรู้สกเป็ นส่วนใหญ่ ่ ึ 17
  • 21. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ที่ใช้ ในการตัดสิน แต่สจธรรมความจริ งที่แท้ จริ งก็คือ สิ่ง ั ที่สามารถพิสจน์ ให้ ผ้ คนทังหลายได้ เห็นอย่างชัดแจ้ งได้ ู ู ้ ว่า สิ่งนีคือความจริ ง เช่นคนส่วนใหญ่ในอดีต มีความ ้ เชื่ อ ว่ า โลก แบน โดยใช้ ค วามรู้ สึก ตัด สิ น เพราะไม่ มี หลักฐานอะไรมายืนยันความถูกต้ องของความเชื่อนันได้ ้ นอกจากความรู้สกของคนกลุมหนึงเท่านันเอง แต่พออยู่ ึ ่ ่ ้ ต่อมา มนุษย์ส่วนใหญ่ ร้ อยเปอร์ เซ็นเลยก็ว่าได้ เชื่อว่า โลกมี รูปทรงกลม อัน เนื่ องจากมี ห ลักฐาน ข้ อพิสูจน์ ที่ สามารถยืนยันความจริ งข้ อนี ้ได้ และความเชื่อนี ้ ถือเป็ น ความเชื่อที่ มิได้ วางอยู่บนความรู้ สึก แต่สามารถพิสจน์ ู ให้ คนทุกคนที่มีเหตุผลและ ยอมรับความจริ งให้ ร้ ูได้ และ ถ้ าจะมี ค นหนึ่ ง คนใดที่ อ อกมาปฏิ เ สธว่ า โลกไม่ ไ ด้ มี รู ปทรงกลม ก็ จะถื อว่าคนๆนัน เป็ นคนที่ ไร้ เหตุผลและ ้ หลอกตั ว เอง และวางความเชื่ อ ของตั ว เองอยู่ บ น ความรู้ สึก ถึ ง แม้ สัจ ธรรมความจริ ง จะตรงกัน ข้ า มกับ ความรู้สกของตนเองก็ตาม ึ 18
  • 22. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ความเชื่ อ สามารถแบ่ ง ออกเป็ นประเภทต่ างๆได้ ดังต่ อไปนี ้ : 1. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่าเป็ นจริ ง หรื อ เป็ นเท็จ ู เช่น ความเชื่อที่ว่า โลกกลม หรื อ โลกแบน โลกโคจร รอบดวงอาทิตย์ และอื่นๆ 2. ความเชื่อที่สามารถพิสจน์ได้ ว่า เป็ นจริ ง หรื อเป็ นเท็จ ู โดยมีข้อแม้ ว่า จะต้ องศึกษาความเชื่อนันๆดูให้ ละเอียด ้ เสียก่อน และตังคําถามหลายๆคําถาม เกี่ ยวกับความ ้ เชื่อนัน หรื อ หาสิงที่ตรงกันข้ ามกับความเชื่อนัน เพื่อที่จะ ้ ่ ้ พิสูจน์ ว่า ความเชื่ อนัน ผิด และไม่เป็ นจริ ง ยกตัวอย่าง ้ เช่น คริ สต์ เชื่ อว่า คัมภี ร์ไบเบิลทังหมดมาจากพระเจ้ า ้ ้ และพระเจ้ าทรงสร้ างทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าทรงรอบรู้ ในทุกสรรพสิ่ง และพระเจ้ าไม่มีทางที่จะผิดพลาดได้ แต่ กระนันก็ตาม เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิ ้ล เรากลับพบคัมภีร์ ้ ไบเบิ ้ล บอกเอาไว้ ว่า โลกนันมีรูปทรงแบน ไม่ใช่มีรูปทรง ้ กลม ( โยบ 38:13, อิสยาห์ 11:12 ) และ โลกมีเสา ( โยบ 9:6 ) เช่นนี ้ก็ทําให้ ร้ ู ได้ ทนทีว่า ไม่ใช่คมภีร์ไบเบิ ้ล ั ั ทังหมด จะมาจากพระเจ้ า หรื อ ชาวพุทธอาจจะเชื่อว่า ้ การเวียนว่ายตายเกิดเป็ นสัจธรรมความจริ ง ทุกสิ่งที่มี 19
  • 23. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ชีวิต เกิดมาได้ เพราะมีกรรมที่ทําเอาไว้ ในชาติที่แล้ วส่งให้ มาเกิ ด เป็ นสิ่ง มี ชีวิ ตประเภทต่า งๆ เช่ น เป็ น เสื อ เป็ น แมว เป็ น มด และสิ่ ง มี ชี วิ ต อื่ น ๆอี ก มากมาย แต่เ รา สามารถตังเป็ นคําถามเพื่อพิสจน์ความจริ งในเรื่ องความ ้ ู เชื่อนี ้ได้ โดยการถามว่า ‚ การเวียนว่ายตายเกิดนัน มีมา ้ เพื่อให้ ความเป็ นธรรม และความยุติธรรมกับทุกสรรพสิ่ง ที่มีชีวิตใช่หรื อไม่ กล่าวคือ ใครทําอะไรเอาไว้ ก็จะได้ รับ การตอบแทนตามกรรมที่ ทํ า เอาไว้ อย่า งครบถ้ ว น‛ ... คําตอบที่ได้ เราได้ รับคือ ใช่ ถ้ าเราถามคําถามต่อไปว่า ‚ เดิมๆทีนน กรรมกับมนุษย์ อย่างไหนเกิดขึ ้นมาก่อนกัน ‛ ั้ บางคนอาจจะตอบว่า ‚ มนุษย์เกิดก่อนซิ แล้ วมนุษย์ก็ทํา กรรมดี หรื อกรรมชัว จึงไปเกิดเป็ นสิ่งนันสิ่งนี ‛้ ่ ้ แต่ คําถามที่จะต้ องถามกลับก็คือ ‚ มนุษย์จะเกิดมา ก่อนกรรมได้ อย่า งไร ก็ ในเมื่ อมนุษ ย์ จะเกิ ดขึน มาเป็ น ้ มนุษย์ ได้ ก็จะต้ องอาศัย กรรมเก่ า ที่ ทําเอาไว้ มิใช่ห รื อ ‛ เมื่อถูกถามกลับเช่นนี ้ บางคนก็อาจจะเปลี่ยนคําพูด และ บอกว่า ‚ จริ งๆแล้ วกรรมเกิดมาก่อนมนุษย์ ‛ แต่ก็ต้อง ถามกลับเช่นเดียวกันว่า ‚ แล้ วถ้ าเช่นนัน กรรมนันเป็ น ้ ้ กรรมของใครที่ ทําเอาไว้ กัน ล่ะ แล้ ว มัน จะยุติธรรมได้ อย่างไร ที่มนุษย์คนหนึ่งต้ องเกิดขึ ้นมาจากกรรมของใคร 20
  • 24. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ก็ไม่ร้ ู ที่ทําเอาไว้ หรื อว่า เดิมๆทีแล้ วมีกรรมล่องลอยอยู่ เต็มไปหมด แล้ วมนุษย์ แต่ละคนก็ เกิ ดขึนมาเพื่อมารั บ ้ กรรมนัน ถ้ า เป็ นเช่ น นี แ ล้ ว จะยุติ ธ รรมได้ อ ย่ า งไร ที่ ้ ้ มนุษย์ต้องมารับกรรมที่ตวเองมิได้ ทําเอาไว้ ‛ เราจะเห็น ั ได้ ว่า ไม่ว่า จะบอกว่า มนุษย์ เกิดขึนมาก่อนกรรม หรื อ ้ กรรมเกิดขึ ้นมาก่อนมนุษย์ ก็เข้ าสูทางตันทังคู่ เพราะเกิด ่ ้ ความขัดแย้ งกันที่ไม่สามารถหาทางออกได้ บางคนอ้ างว่าเป็ นเรื่ องอจินไตย แต่เราขอชี ้แจง ให้ รับรู้ว่า สวรรค์ หรื อ นรก คือ สิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง ่ และเช่นเดียวกัน สภาพของพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ งเป็ น เช่นไรนัน สติปัญญาหยังไม่ถึง แต่กระนัน สิ่งเหล่านี ้ไม่มี ้ ่ ้ สิงที่ขดแย้ งกันในตัวเอง เพราะฉะนัน การที่สิ่งหนี่งมีสิ่งที่ ่ ั ้ ขัดแย้ งกันอย่างเห็นได้ ชด เช่นเรื่ องการเวี่ยนว่ายตายเกิด ั ตามที่ได้ ยกมาให้ ดู แล้ วจะมาอ้ างในลักษณะ ‘เนียน’ ว่า เป็ นสิ่งที่สติปัญญาหยังไม่ถึง เพราะ เป็ นเรื่ องอจินไตย ่ ถื อ ว่ า เป็ นคํ า อ้ างที่ ไ ร้ เหตุ ผ ล ฟั งไม่ ขึ น ไม่ มี นํ า หนั ก ้ ้ เปรี ยบเสมือนที่เราไปที่บ้านเพื่อนเรา และถามเพื่อนว่า บ้ า นหลัง นี ใ ครเป็ นคนสร้ าง และสร้ างขึ น มากี่ ปี แล้ ว ้ ้ เพื่อนเราก็ตอบว่า ‚ ผมเป็ นคนสร้ างบ้ านหลังนี ้เอง และ สร้ างมา 50 ปี แล้ ว ‛ ทังๆที่เพื่อนเราอายุเพียงแค่ 30 ปี ้ 21
  • 25. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เอง เราจึงถามเพื่อนกลับไปว่า ‚ จะเป็ นไปได้ อย่างไรที่ คุณจะสร้ างบ้ างหลังนี ้ขึ ้นมา ‛ เพื่อนจึงกล่าวตอบว่า อย่ า ไปสนใจเลย คิ ด มากไปเดี๋ ย วจะบ้ า มัน เป็ นสิ่ ง ที่ สติปัญญาของมนุษย์หยังไมถึง มันเป็ นเรื่ องอจินไตย ‛ ่ ตามหลัก ความเชื่ อของพุท ธนัน ความเป็ นอยู่ ้ ของมนุษย์แต่ละคน หรื อ สิ่งต่างๆที่ประสบกับมนุษย์แต่ ละคนในชาตินี ้ ( เช่น เด็กชาย ก. พิการตังแต่เกิด ) เป็ น ้ เพราะผลกรรมที่ทํามาจากชาติที่แล้ ว หรื อ ชาติก่อนหน้ า นี ้ ชาติปัจจุบนของเด็กชาย ก. ที่เกิ ดมาพิการ จะเกิด ั หรื อ มี ขึนไม่ได้ เด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจาก ้ ชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนหน้ านีที่เด็กชาย ก.ได้ ทําเอาไว้ ้ เมื่อเป็ นเช่นนี ้ เราจึงสรุปได้ อย่างชัดเจนว่า ชาติหนึ่งชาติ ใดจะมีขึ ้นหรื อเกิดขึ ้นมาได้ ก็จะต้ องอาศัยกรรม (ไม่ว่า จะกรรมดีหรื อกรรมชั่ว) จากชาติที่แล้ วหรื อชาติก่อนๆ หน้ านัน ส่งผลทําให้ เกิดชาติปัจจุบนนันๆ และสมมุติว่า ้ ั ้ ชาติ ปั จจุ บั น นี ข องมนุ ษ ย์ เ ราทุ ก คนเป็ นชาติ ที่ 100 ้ แน่นอนที่สดชาติที่ 100 ย่อมไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึ ้นมา ุ ได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ นเพราะผลกรรมจากชาติที่ 99 หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านันส่งผลมา และ ชาติที่ 99 ก็เช่นกัน ้ ไม่อาจที่จะมีหรื อเกิดขึนมาได้ อย่างเด็ดขาด ถ้ าไม่เป็ น ้ 22
  • 26. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เพราะผลกรรมจากชาติที่ 98 หรื อ ชาติก่อนๆหน้ านัน ้ ส่งผลมา และ ถ้ าเราย้ อนหลังไปเรื่ อยๆเราจะไปเจอชาติ ที่ 1 คําถามที่จะต้ องถามอย่างไม่หลอกตัวเอง และอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ แล้ วชาติที่ 1 เกิดขึ ้นมาได้ อย่างไร สมมุติ ว่า คุณ และครอบครั ว ของคุณ กํ า ลัง นั่ง อย่างมีความสุขอยู่ในบ้ าน จากนันก็มีตํารวจบุกเข้ ามา ้ ในบ้ าน มาจับตัวคุณและคนในครอบครัว คําถามก็คือ ถ้ าเป็ นคุณๆจะพูดอะไรกับตํารวจ? แน่นอนคุณก็จะต้ อง ถามเขาว่า ‘ มาจับผมทําไม ผมทําอะไรผิด’ และถ้ า ตํารวจบังคับคุณและจับคุณและคนในครอบครัวคุณเข้ า คุกโดยไม่ตอบให้ คณได้ ร้ ู เลยว่าคุณทําผิดอะไร แน่นอน ุ ที่สุดคุณและครอบครัวคุณจะต้ อง ด่า สาปแช่ง ตํารวจ นัน ที่ทําสิงที่ไร้ เหตุผล ไร้ ความยุติธรรม ้ ่ เรารู้ กั น ดี ว่ า เด็ ก ที่ เ กิ ด มาพิ ก าร หรื อ คนที่ ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก คนที่ตกทุกข์ได้ ยาก ถ้ า ตามความเชื่อของพุทธแล้ ว ถือว่าสิ่งเหล่าที่เกิดขึ ้นเป็ น เพราะผลกรรมที่เขาทํามาจากชาติก่อนๆส่งผลมายังชาติ นี ้ แต่คําถามก็คือ คนที่ยากจน ใช้ ชีวิตอย่างยากลําบาก คนที่ตกทุกข์ได้ ยากเหล่านัน เขาต้ องการจะรู้ ว่าเขาได้ ทํา ้ กรรมอะไรเขาถึงต้ องมาทุกข์ทรมานเช่นนี ้ในชาตินี ้ เพื่อที่ 23
  • 27. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เขาจะได้ ไม่ทําความผิดนี ้อีก เพื่อเขาจะได้ ไม่ต้องมาตก อยู่ในความทุกข์ เช่นนีอีกในชาติถัดไป... แต่ทําไมพวก ้ เขาเหล่า นัน จึง ไม่สามารถนึก ได้ เลยว่า พวกเขาไปทํ า ้ กรรมอะไรเอาไว้ ซึ่ ง ถ้ าเป็ นอย่ า งนี ก็ ไ ม่ ต่ า งอะไรกั บ ้ ตัวอย่างข้ างต้ น และถ้ าเป็ นเช่นนี ้แล้ ว การเวียนว่ายตาย เกิดก็เท่ากับฆ่าตัวเอง เพราะกฎการเวียนว่ายตายเกิดมี อยู่เพื่อความยุติธ รรม แต่เมื่ อวิ เคราะห์ แล้ ว กฏนี กลับ ้ ขัดแย้ งกันในตัวเอง แถมยังไม่มีความยุติธรรมอีกด้ วย สมมุติว่า นาย ก.เป็ นทหารและกําลังจะยิงปื น แต่น าย ก. จะยัง ยิ ง กระสุน ออกจากปากกระบอกปื น ไม่ได้ ก่อน จนกว่าจะได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนที่ ่ อยู่ข้างหลังเขา และนายทหารที่อยู่ข้างหลังนาย ก. ก็ไม่ อาจที่ จ ะสั่ง ให้ น าย ก. ยิ ง ปื นได้ เ ช่ น กัน นอกจากเขา จะต้ องได้ รับคําสังจากนายทหารอีกคนหนึ่งเช่ นกัน ถาม ่ ว่าถ้ ามีการย้ อนหลังรับคําสังกันอยู่เช่นนี อย่ างไม่ มีวัน ่ ้ จบสิน (infinite regress) นาย ก. จะมีวนยิงลูกกระสุน ้ ั ออกจากปากกระบอกปื นได้ หรื อไม่ ... คําตอบก็คือ นาย ก. ไม่มีวนเลยที่จะยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื นได้ ั อย่างแน่นอน แต่ถ้าสมมุติว่า ลูกกระสุนถูกยิงออกไป จากปากกระบอกปื นแล้ ว นั่น บ่ง ให้ ร้ ู ว่าอะไร ...นั่น 24
  • 28. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? หมายความว่าอย่างไร? คําตอบก็คือ คําสังได้ ไปหยุดลง ่ อยู่ที่หนึ่งที่ใดแล้ ว และ ตรงนันเองที่เป็ นที่มาของคําสัง ้ ่ ทังหลายที่ให้ นาย ก. ยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปื น ้ ได้ บางคนอ้ างว่า การเวียนว่ายตายเกิดนันเราไม่ ้ สามารถนับชาติได้ ว่าเป็ นชาติที่เท่าไหร่ แต่เราขอตอบ ว่ า การนั บ ชาติ ไ ม่ ไ ด้ ว่ า เป็ นชาติ ที่ เ ท่ า ไหร่ นั น ไม่ ใ ช่ ้ ประเด็นสําคัญ แต่ประเด็นสําคัญก็คือชาตินนมีที่สิ ้นสุด ั้ หรื อไม่ ถ้ าย้ อนหลังกลับไป ถ้ าตอบว่า ชาตินนย้ อนหลัง ั้ กลับไปอย่างไม่มีวนสิ ้นสุด ถ้ าเป็ นเช่นนัน ก็หมายความ ั ้ ว่า มนุ ษย์ จะต้ องยังไม่ เกิด สัตว์ ทังหลายจะต้ องยัง ้ ไม่ เกิดขึนมาบนโลกนี ้ เหมือนกับลูกกระสุนที่ยงไม่ถูก ้ ั ยิงออกจากปากประบอกปื น แต่ความจริ งก็คือว่า มนุษย์ เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว สัตว์เกิดขึ ้นมาบนโลกนี ้แล้ ว มัน ก็เหมือนกับที่ลกกระสุนได้ ถกยิงออกไปจากปากกระบอก ู ู ปื นแล้ ว นันก็พิสจน์ว่าการเวียนว่ายตายเกิดนันจะต้ องมี ่ ู ้ จุด เริ่ ม ต้ น จะย้ อ นหลัง กลับ ไปไกลแค่ ไ หนก็ แ ล้ ว แต่ ๆ สุดท้ ายก็ต้องไปเจอกับชาติที่ 1 อยู่ดี เพราะฉะนันการ ้ อ้ างว่า ‘การเวียนว่ายตายเกิดนัน ย้ อนหลังกลับไปอย่าง ้ ไม่มีวนสิ ้นสุด’ จึงเป็ นสิ่งที่ฟังไม่ขึ ้น ไม่มีนํ ้าหนัก เพราะ ั 25
  • 29. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? ขัดแย้ ง กับความเป็ นจริ ง ตามที่ ไ ด้ วิ เคราะห์ ไปข้ างต้ น ด้ วยการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ เห็นภาพชัด ทังหมดเหล่านี คือ การวิเคราะห์ กันใน ้ ้ บางประเด็นที่เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็เป็ นที่ ชัดเจนที่จะยืนยันได้ แล้ วว่า ความเชื่อเรื่ องการเวียนว่าย ตายเกิดนัน เป็ นสิงที่ไม่เป็ นความจริ ง และเป็ นหน้ าที่ของ ้ ่ ผู้ที่ แ สวงหาสัจ ธรรมความจริ ง และไม่ ห ลอกตัว เองที่ จะต้ องเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นเท็จ หรื อผิดพลาด และเชื่อใน สิ่งที่ถกต้ อง เปรี ยบได้ กบที่คนในอดีตเชื่อว่าโลกแบน แต่ ู ั เมื่อหลักฐานข้ อพิสูจน์ ยืนยันแล้ วว่าโลกนันกลม ผู้ที่ไม่ ้ หลอกตัวเองก็จะต้ องมาเชื่อในสิ่งที่เป็ นความจริ ง และ เลิกเชื่อในสิ่งที่เป็ นความเท็จ เช่นนี ้เป็ นตัวอย่างการตัง้ คําถามเพื่อนําไปสูความจริง ่ 3. ความเชื่อที่ไม่สามารถพิสจน์ได้ ร้อย เปอร์ เซ็นว่า ถูก ู หรื อ ผิด เป็ นจริ ง หรื อเท็ จ ความเชื่ อในประเภทนี ต้อง ้ แขวน หรื อ พัก เอาไว้ ก่ อ น แต่ ใ ห้ ไ ปพิ สูจ น์ ค วามเชื่ อ หลัก ๆที่ ส ามารถพิ สูจ น์ ไ ด้ ก่ อ น เช่ น แต่ ล ะศาสนาไม่ สามารถพิ สูจ น์ ใ ห้ คนที่ อ ยู่ ใ นอี ก ศาสนาอื่ น เชื่ อ ได้ ว่ า ปาฏิหาริ ย์ที่ศาสดาของศาสนานันๆได้ แสดงอะไรเอาไว้ ้ นันเกิ ดขึนจริ งหรื อไม่ เพราะคนๆนันไม่สามารถย้ อน ้ ้ ้ 26
  • 30. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? อดีตกลับไปได้ เช่น คริ สต์ เชื่อว่า พระเยซูนันได้ แสดง ้ ปาฏิหาริย์ โดยการทําให้ นํ ้าให้ กลายเป็ นไวน์ ( John 2:1- 11 ) ซึ่งโดยทัวไปแล้ วก็ไม่สามารถพิสจน์ได้ ว่า สิ่งนี ้เป็ น ่ ู จริง หรื อเป็ นเท็จ อาจจะเป็ นจริ ง หรื ออาจจะเป็ นเท็จก็ได้ ซึ่งถ้ าหากว่าเป็ นเท็จ นันก็ หมายความว่า คําสอนหรื อ ้ ความเชื่ อ ข้ อ นี ที่ มี ก ล่า วเอาไว้ ใ นคัม ภี ร์ ไ บเบิล ป็ นสิ่ง ที่ ้ ้ มนุ ษ ย์ ไ ด้ แ ต่ ง กั น ขึ น มาเองแล้ วเอาไปใส่ ไ ว้ ใ นคัม ภี ร์ ้ เพื่อให้ คนหลงเชื่อว่ามาจากพระเจ้ า เพราะฉะนันความ ้ เชื่อในประเภทนี ้ให้ พกเอาไว้ ก่อนั 4. ความเชื่อที่ตวเองสัมผัสหรื อรู้ ได้ ด้วยตัวเองว่าเป็ นจริ ง ั หรื อ สิ่ ง ที่ พิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า เป็ นจริ ง แต่ ก ระนั น ความเชื่ อ ้ ประเภทนี ้ก็ไม่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นการพูดว่า ‚ การนังสมาธิทําให้ ่ จิ ต ใจสงบ เพราะฉะนัน ศาสนาพุท ธจึ ง เป็ นศาสนาที่ ้ ถูกต้ อง เพราะศาสนาพุทธสอนให้ นงสมาธิ ‛ สิ่งนี ้ไม่ได้ ั่ เป็ นเงื่อนไขซึงกันและกันเลย เพราะการนังสมาธิและทํา ่ ่ ให้ จิตสงบนันไม่ใช่จะเป็ นสิ่งที่สามารถมีได้ แต่เฉพาะใน ้ ศาสนาพุทธเท่านัน ศาสนาอื่นๆเขาก็มีวิธีทําให้ จิตสงบ ้ ได้ เหมือนกัน หรื อการ พูดว่า ‚ พระเกจิอาจารย์ใน ศาสนาพุทธหลายท่าน ตายแล้ วศพไม่เน่า เพราะฉะนัน ้ 27
  • 31. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? สิ่งนี จึงบ่งบอกว่าศาสนาพุทธคือศาสนาที่ แท้ จริ ง ‛ จะ ้ เห็นได้ ว่าถึงแม้ ว่าสิ่งนี ้เป็ นจริ งเกิดขึ ้นจริ ง แต่ก็มิได้ เป็ น เงื่อนไขซึ่งกันและกัน ที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันว่าศาสนา พุทธนันเป็ นศาสนาที่แท้ จริ ง เพราะในศาสนาคริ สต์เขา ้ ก็มีเช่นนี ้ ในศาสนาอิสลามก็มีเช่นนี ้ หรื อเมื่อชาวคริ สต์ พิสูจน์ แล้ วว่า พระผู้เป็ นเจ้ าที่ แท้ จริ งนันมีอยู่จริ ง นันก็ ้ ้ มิได้ เป็ นเงื่อนไขว่า ศาสนาคริ สต์จะเป็ นสัจธรรม ความ จริ ง หรื อ เป็ นศาสนาที่ ถูก ต้ อ ง ทัง นี ก็ เ พราะ ศาสนา ้ ้ หลายๆศาสนาเขาก็เชื่อ และศรัทธาในพระเจ้ าเหมือนกัน และมี อี ก หลายสิ่ ง หลายอย่ า ง ที่ ผ้ ูค นที่ อ ยู่ใ นศาสนา ทังหลายต่างเชื่อว่าสิ่งเหล่านี เ้ ป็ นเงื่ อนไขเพื่อยืนยันว่า ้ ศาสนาของตนเป็ นศาสนาที่แท้ จริง เพราะมีสงนันสิงนี ้อยู่ิ่ ้ ่ แต่ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่ หลังจากที่ได้ ้ วิเคราะห์และพิสจน์ดแล้ ว เช่นคริ สต์บางคนอ้ างว่า พระ ู ู วิ ญ ญาณบริ สุท ธิ์ ไ ด้ ล งมาหาตนเอง และทํ า อย่ า งนัน ้ อย่างนี ้กับตนเอง จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อว่าศาสนาคริ สต์ ั้ คือศาสนาที่แท้ จริ ง เช่นกัน ชาวพุท ธบางคน นั่งสมาธิ และเห็นว่าตัวเอง เคยเกิดชาติที่แล้ วเป็ นอะไร หรื อชาติ ก่อนหน้ านันเคยเกิดเป็ นอะไร หรื อ นังสมาธิจนสามารถ ้ ่ เห็นได้ ว่าสวรรค์นรกเป็ นอย่างไร จึงทําให้ เขาผู้นนเชื่อ ั้ 28
  • 32. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? และสรุ ป เอาเองว่ า ศาสนาพุท ธนี่ แ หละคื อ ศาสนาที่ แท้ จริ ง มุสลิมบางจําคนก็เช่นกัน นังระลึกถึงพระผู้เป็ น ่ เจ้ าจนกระทังสามารถถอดจิตขึ ้นไปสนทนากับพระผู้เป็ น ้ เจ้ าได้ และยังมีสงอื่นๆอีกมากมาย ที่คนที่อยู่ในศาสนา ิ่ นัน ๆคิ ด ว่ า สิ่ ง เหล่ า นี ที่ มี อ ยู่ศ าสนาตัว เองคื อ เงื่ อ นไข ้ ้ สําคัญที่จะยืนยันว่าศาสนาตัวเองคือศาสนาที่แท้ จริง ซึง ่ ในความเป็ นจริงแล้ วหาได้ เป็ นเช่นนันไม่ ้ 5. ความเชื่อที่สามารถใช้ เป็ นเงื่อนไขยืนยันความถูกต้ อง ของอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่นพูดว่า ‚ คัมภีร์ อัล- กุรอาน พิ สู จ น์ ตั ว มั น แล้ วว่ า มาจากพระผู้ เป็ นเจ้ าที่ แ ท้ จริ ง เพราะฉะนันศาสนาอิสลามจึงเป็ นศาสนาที่ถกต้ อง ‛ ้ ู สิ่งนี ้ถือเป็ นเงื่อนไขซึงกันและกัน ทังนี ้ก็เพราะ คัมภีร์อล - ่ ้ ั กุรอานก็กล่าวยืนยันเอาไว้ ว่า ศาสนาอิสลามเป็ นศาสนา เดียวเท่านันที่ พระผู้เป็ นเจ้ าให้ การยอมรั บ และรั บรอง ้ และสมมุติวา คัมภีร์ไบเบิ ้ลได้ รับการพิสจน์แล้ วว่ามาจาก ่ ู พระเจ้ า จริ ง แต่มัน ก็ จ ะถื อ ว่า เป็ นการผิ ด พลาด ที่ จ ะ กล่าวสรุ ปว่า ‚ เพราะฉะนัน พระเยซูจึงเป็ นพระเจ้ าที่ ้ แท้ จริ ง‛ ทังนี ้ก็เพราะคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ ยืนยันเอาไว้ เลย ้ ว่า พระเยซูเป็ นพระเจ้ า 29
  • 33. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? เช่นเดียวกันคําพูดต่อไปนี ้ ถือเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน และกัน ‚ คัม ภี ร์ อัล -กุร อานนัน มี ต้ น ฉบับ ที่ เ ป็ นภาษา ้ อาหรับอายุมากกว่าหนึงพันปี และคัมภีร์อล-กุรอานที่มี ่ ั ในปั จจุบนเหมือนกันกับต้ นฉบับที่มีอายุมากกว่าพันปี ทุก ั ตัวอักษร เพราะฉะนันคัมภีร์อัล -กุรอานจึงไม่เคยผ่าน ้ การถูกเปลี่ยนแปลงแก้ ไขเลยตลอด หนึ่งพันกว่าปี ที่ผ่าน มา‛ คําพูดต่อไปนี ้ก็เช่นกัน ถือว่าเป็ นเงื่อนไขซึ่งกัน และกัน ‚ คัมภีร์ไบเบิ ้ลทังหมดมาจากพระเจ้ า พระเจ้ า ้ เป็ นผู้ที่ทรงสร้ างทุกสิ่ง และทรงรู้ ถึงทุกสิ่ง ‛ แต่กระนัน ้ ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลกลับบอกว่า ‚ โลกนันมีเสาคํ ้ายันอยู่ ‛ (1 ้ ซามูเอล 2:8, โยบ 9:6, เพลงสดุดี 75:3) ( ซึงค้ านกับ ่ ความเป็ นจริ งทางวิทยาศาสตร์ ที่ได้ รับการยืนยันแล้ วว่า โลกนันไม่มีเสาใดๆมาคํ ้ายันทังสิ ้นเช่นเดียวกับฟากฟา ้ ้ ้ เพราะทังหมดลอยอยู่ในอวกาศ) เพราะฉะนัน จึงพิสจน์ ้ ้ ู ได้ ว่าคัมภีร์ไบเบิ ้ลไม่ได้ มาจากพระเจ้ าทังหมด แต่มีส่วน ้ ที่ มนุษย์ เขี ย นขึน มาเองด้ ว ย เพราะพระเจ้ าสร้ างโลก ้ และพระองค์ก็ย่อมรู้ดีด้วยว่า โลกที่พระองค์ทรงสร้ างนัน ้ เป็ นอย่างไร 30
  • 34. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? 6. ความเชื่อที่ ได้ รับการพิสจน์ และยืนยันแล้ วว่าถูกต้ อง ู เป็ นจริ ง และเป็ นความเชื่อที่ศาสนาอื่นหรื อลัทธิอื่นไม่มี ความเชื่อเช่นนี ้ และมีผลที่จะใช้ เป็ นเครื่ องยืนยันถึงสิ่ง อื่นๆในศาสนานันด้ วยว่าถูกต้ อง เช่นถ้ าคริ สต์สามารถ ้ พิสจน์ได้ ว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลมาจากพระเจ้ าจริ ง เช่นนี ้ก็ถือ ู เป็ นเงื่อนไขว่า ข้ อมูล หรื อคําสังสอนที่มีในคัมภีร์ไบเบิ ้ลก็ ่ ถือว่าเป็ นสัจธรรมความจริ ง แต่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่ง พิสจน์ได้ ตามหลักวิชาการว่า มีหลายๆส่วนของคัมภีร์ไบ ู เบิ ้ลที่มีข้อผิดพลาด ขัดกับความเป็ นจริ ง เช่นนี ้ก็จะทําให้ ข้ อความทังหมดที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ นที่ต้องสงสัย ้ ว่ามันเป็ นสิงที่มาจากพระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริงๆหรื อไม่ ่ และอิสลามมีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นถือว่า อยู่ในแนวทางที่ผิดทังหมด ในเมื่อพิสูจน์ แล้ วว่า คัมภีร์ ้ อัล-กุรอานนีเ้ ป็ นคัมภีร์ที่มาจาก พระผู้เป็ นเจ้ าที่แท้ จริ ง เช่นเดียวกัน คริ สต์ก็มีสิทธิที่จะกล่าวว่าศาสนาอื่นนันผิด ้ หมด ถ้ าได้ มีการพิสจน์ ชดเจนแล้ วว่า คัมภีร์ไบเบิ ้ลเป็ น ู ั คัมภีร์ที่มาจากพระเจ้ าจริ ง โดยไม่ถือเป็ นการเห็นแก่ตว ั เหมือนกับที่ เราเชื่อว่าโลกนี ้ กลม ก็เท่ากับว่าเรากล่าวว่า ผู้ที่ยังเชื่ อว่าโลกแบนนัน เป็ นผู้ที่ผิดพลาด แต่คําถาม ้ จะต้ อ งถูก ถามแก่ ผ้ ูที่ ยัง เชื่ อ อยู่ว่ า โลกแบน ว่ า ทัง ๆที่ ้ 31
  • 35. ทุกศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดี...จริ งหรื อ ? หลักฐานประจักษ์ ชดแล้ ว ทําไมถึงยังเชื่ออยู่ว่าโลกแบน ั เช่นกัน สมมุติว่า ชายคนหนึ่ง เกิดติดโรค คนกลุ่มหนึ่ง สันนิษฐานว่า เป็ นโรคตับอักเสบ อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรค ่ ความดันตํ่า อีกกลุมบอกว่าเป็ น โรคติดเชื ้อในปอด เมื่อ ่ พิ สู จ น์ แ ล้ วปรากฏว่ า ชายคนนี เ้ ป็ น โรคตั บ อั ก เสบ แน่นอน กลุ่มที่วินิจฉัยโรคได้ ถกต้ อง มีสิทธิอย่างเต็มที่ๆ ู จะบอกว่ากลุมอื่นๆนันผิดทังหมด ่ ้ ้ มาถึ ง ตรงนี ้ ขอถามคํ า ถามผู้อ่า นอี ก สัก ข้ อ ว่ า ถ้ าคุณเกิดเจ็บป่ วยหนัก แต่ไม่ร้ ู ว่าเป็ นโรคอะไร คนกลุ่ม หนึงก็บอกเป็ นโรคหัวใจ คนอีกกลุมบอกว่าเป็ นความดัน ่ ่ สูง ในขณะที่คนอีกกลุ่มบอกว่าเป็ นโรคมะเร็ ง ถามว่า คุณจะรี บแสวงหาสาเหตุที่แท้ จริงของอาการป่ วยของคุณ ไหม ถ้ าคุ ณ เป็ นผู้ ที่ รั ก ตัว เอง... แน่ น อนคุ ณ จะต้ อง พยายามหาความจริ ง ให้ ได้ ว่ า อาการป่ วยของคุณ ที่ เกิดขึ ้นนัน เกิดมาจากโรคอะไร เพราะถ้ าคุณไม่รีบ มันก็ ้ อาจจะสายเกินแก้ ก็เป็ นไปได้ โดยที่คุณจะต้ องพิสูจน์ ตรวจดูใ ห้ รู้ ชัด เพื่ อ ที่ จ ะยื น ยัน ได้ ว่ า โรคที่ คุณ กํ า ลัง เป็ นอยู่นนคือโรคอะไร และขอถามอีกว่าคุณจะกล่าว ั้ อย่างไรกับผู้ที่ ไม่สนใจที่จะแสวงหา พยายามรู้ความจริ ง ให้ ได้ ว่า โรคที่เขาเป็ นอยู่นนคือโรคอะไร แต่ได้ แต่พูดว่า ั้ 32