Weitere ähnliche Inhalte
Mehr von Ministry of Science and Technology (17)
รายงานประจำปี 2558 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Annual report 2015
- 3. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
2
สาร
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี........................................................................................4
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี........................5
รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี....................................6
“สร้างอนาคตประเทศไทยด้วยนวัตกรรม”
โดย ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.............8
วิสัยทัศน์
กรมวิทยาศาสตร์บริการ.............................................................................................................................16
ส�ำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ........................................................................................................................17
ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ....................................................................19
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ.......................................................................................................................21
ส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ............22
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ...........................................................................................23
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย...............................................................24
ส�ำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)..............................26
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)................................................................27
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)..............................................................................28
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน�้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)...........................................29
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)......................................................................30
ส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)..............................................................................32
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน)...........................................................33
CONTENTSANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
- 4. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3
ผลงานเด่นในรอบปี 2558
ส�ำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี......................................................................36
กรมวิทยาศาสตร์บริการ.............................................................................................................................60
ส�ำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ........................................................................................................................68
ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ....................................................................75
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ.......................................................................................................................82
ส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ............87
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย...............................................................94
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ........................................................................................100
ส�ำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)...........................104
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน).............................................................109
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)...........................................................................112
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน).................................................................116
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน�้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)........................................123
ส�ำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)...........................................................................130
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน)........................................................136
- 5. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
4
ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความส�ำคัญต่อการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์ ในการอ�ำนวย
ความสะดวกในการใช้ชีวิตประจ�ำวันและการประกอบธุรกิจทั้งด้านการติดต่อสื่อสารด้านการแพทย์
ด้านโภชนาการและด้านอุตสาหกรรมเป็นต้นรัฐบาลจึงมีนโยบายในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา
นวัตกรรม เพื่อยกระดับประเทศไทยให้มีความสามารถทางการแข่งขันและก้าวหน้าทัดเทียมกับ
นานาประเทศ
การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความรู้
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นภารกิจที่ส�ำคัญของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในการขับเคลื่อนแผนนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในการร่วมลงทุนงานวิจัยและพัฒนา การขึ้นบัญชีนวัตกรรม
และการพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตลอดจน
การถ่ายทอดเทคโนโลยี สู่ระดับชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ พร้อมทั้งผลักดันงานวิจัยไปสู่การ
ใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ในโอกาสนี้ ผมขอเป็นก�ำลังใจให้บุคลากรและเจ้าหน้าที่ทุกคนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี มุ่งมั่นพัฒนาผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา
เพื่อน�ำประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นผู้น�ำในการผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับสังคม และยกระดับ
ความสามารถของประเทศให้มีความพร้อมในการแข่งขันทั้งในระดับอาเซียนและในระดับเวทีโลก
ต่อไป
เนื่องในโอกาสจัดท�ำหนังสือรายงานประจ�ำปี 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาร
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
พลเอก
(ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
นายกรัฐมนตรี
- 6. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5
ในรอบปีที่ผ่านมา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด�ำเนินการขับเคลื่อนงานด้านการปฏิรูป เพื่อเปลี่ยนผ่านจาก
ประเทศที่ขับเคลื่อนโดยประสิทธิภาพ เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งจ�ำเป็นจะต้องสร้างกลไกขับเคลื่อนการ
เติบโตใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ท�ำให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางภายในปี 2569 เพื่อเร่งพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมาย
ดังกล่าวกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจึงเร่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม(วทน.)ตามนโยบาย
รัฐบาลในการบูรณาการเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนภาคการผลิตและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านคณะท�ำงาน
5กลุ่มประกอบด้วยกลุ่มวิจัยเชิงพาณิชย์และSMEsกลุ่มวิจัยเชิงสังคมและชุมชนกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและการบริการด้าน
วทน.กลุ่มพัฒนาก�ำลังคนและความตระหนักและกลุ่มวทน.เพื่อทรัพยากรซึ่งจากการแบ่งการท�ำงานดังกล่าวส่งผลให้เกิด
โครงการที่ประสบความส�ำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการ Talent Mobility ปลดล็อคเงื่อนไขให้นักวิจัยภาครัฐ
สามารถไปท�ำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ภาคเอกชนได้ โครงการพัฒนาก�ำลังคน
เพื่อเปลี่ยนจากประเทศที่ใช้แรงงานเข้มข้น ไปสู่ประเทศที่ใช้ความรู้เข้มข้นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โครงการ
มาตรการลดหย่อนภาษีด้านการวิจัยและพัฒนาจาก 200% เป็น 300% โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนา
ขีดความสามารถของSMEsโครงการจัดท�ำโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐานและคุณภาพของประเทศที่ส�ำคัญในการผลักดัน
ให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เรียกว่า MSTQ แบ่งเป็น 4 หมวดหลัก ได้แก่ ระบบมาตรวิทยา (Metrology)
การก�ำหนดมาตรฐาน (Standardization) การทดสอบ (Testing) และการรับรองคุณภาพ (Quality Assurance) โครงการ
จัดท�ำบัญชีนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมในการน�ำผลการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศและสามารถผลิตสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างมาตรฐานโครงการกระจายความเจริญไปสู่
ชุมชนท้องถิ่นผ่านเครือข่ายกลไกและอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเช่นการจัดให้มีที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์ประจ�ำจังหวัดให้การ
สนับสนุน SMEs ในท้องถิ่น การพัฒนาโมเดลบริหารจัดการน�้ำชุมชน การสร้างแก้มลิงกักเก็บน�้ำ การจัดสรรที่ดินแบบ
เศรษฐกิจพอเพียงโดยให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมโครงการมอบกล้องโทรทรรศน์และสื่อการเรียนรู้ดาราศาสตร์แก่โรงเรียนกว่า
300 โรงเรียน ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงโครงการเชื่อมโยงความร่วมมือด้าน วทน. กับต่างประเทศและประชาคม
อาเซียน เป็นต้น
จากผลการด�ำเนินงานที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นถึงความส�ำคัญในการใช้ประโยชน์จากวทน.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ของประเทศ ในการสร้างสังคมนวัตกรรมทางเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์ รัฐบาลจึงได้จัดกลุ่มการท�ำงานใหม่ โดยให้กระทรวง
วิทยาศาสตร์ฯ อยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจ เพื่อร่วมบูรณาการกับกระทรวงสายเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น นับเป็นสัญญาณและโอกาสที่ดี
ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในการที่จะขับเคลื่อนงานด้านการปฏิรูป วทน. เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นกลุ่มประเทศ
รายได้สูงและยกฐานะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณผู้บริหารข้าราชการพนักงานและเจ้าหน้าที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯทุกท่านและขอเป็นก�ำลังใจ
ให้ท่านได้ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนการปฏิรูปและการใช้ วทน. เพื่อเป็นข้อต่อที่ส�ำคัญในการวางรากฐานประเทศไปสู่การ
สร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
(ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาร
ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- 7. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
6
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นปัจจัยส�ำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม
ฐานความรู้และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
โดยผ่านกระบวนการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนให้คิดอย่างมีตรรกะ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันตนเอง
และมีการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนมีความรู้ความสามารถพึ่งพาตนเองได้
ในปีงบประมาณ2558กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านการพัฒนา
และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมภายใต้วิสัยทัศน์
ของรัฐบาล “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยผ่านการขับเคลื่อนการด�ำเนินงานที่ส�ำคัญ ได้แก่
1.เพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเพื่อขยายผลและต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาสู่การใช้
ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหน่วยงานวิจัยของภาครัฐและเอกชน
เช่น ใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยาง ใช้แสงซินโครตรอนเพิ่มมูลค่าอัญมณีและ
เครื่องประดับวิจัยสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพรและผลิตภัณฑ์
อาหารเสริมและเวชส�ำอาง เป็นต้น
2. เสริมสร้างสังคมนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ โดยสนับสนุนพัฒนาก�ำลังคน
ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งจ�ำเป็นต้องมีบุคลากร
ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง
กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เช่น จัดตั้งศูนย์อ�ำนวยความสะดวก Talent Mobility ในส่วนกลางและ
ภูมิภาค รวม 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ภาคเหนือ (มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(มหาวิทยาลัยขอนแก่น)และภาคใต้(มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)เพื่อ
ประสานงานความต้องการบุคลากรวิจัยของสถานประกอบการกับหน่วยงานต้นสังกัด สนับสนุนการจัดท�ำ/
ปรับปรุงกฎระเบียบในการส่งเสริมนักวิจัยไปปฏิบัติงานในสถานประกอบการ นอกจากนี้ ได้เล็งเห็นถึง
ความส�ำคัญในการขยายโอกาสทางการศึกษาเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ให้ทั่วถึงทุกจังหวัด และจัดกิจกรรม
นิทรรศการ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ กระตุ้นความสนใจ สร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักให้แก่เยาวชน
และประชาชน เป็นต้น
3. ปฏิรูประบบการให้สิ่งจูงใจ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศควบคู่กับ
การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการน�ำพาประเทศไทยไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country)
สาร
รศ.ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ
ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- 8. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7
โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มการลงทุนวิจัยและพัฒนาไม่ต�่ำกว่าร้อยละ 1 ของรายได้ประชาชาติ ภาครัฐและ
ภาคเอกชนลงทุนในสัดส่วน 30:70 กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงเร่งด�ำเนินการผลักดันมาตรการต่างๆ
เพื่อเป็นกลไกในการสนับสนุนภาคการผลิตให้มีความเข้มแข็งขึ้น เช่น มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ส�ำหรับค่าใช้จ่ายการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก200%เป็น300% มาตรการทางภาษีส�ำหรับ
เงินบริจาคเพื่อการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความ
สามารถของ SMEs รวมถึงจัดท�ำบัญชีนวัตกรรมไทยและบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย เป็นต้น
4. ส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม
ตามความเหมาะสม โดยก�ำหนดเงื่อนไขให้มีการลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมส�ำหรับ
การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่(MegaProjects)ช่วยลดการน�ำเข้าเทคโนโลยีพึ่งพาเทคโนโลยีของตนเอง
มากขึ้น เปิดโอกาสให้ภาคการผลิตเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการลงทุนขนาดใหญ่มากขึ้น
เช่น การสนับสนุนก�ำลังคนและเทคโนโลยีด้านระบบขนส่งทางราง และการน�ำเทคโนโลยีการส�ำรวจ
ระยะไกลและภูมิสารสนเทศมาประยุกต์ใช้กับภารกิจด้านรถไฟได้แก่การท�ำแผนที่ตามแนวเส้นทางออกแบบ
และก่อสร้าง บ�ำรุงรักษาเส้นทาง และบริหารจัดการที่ดิน เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
5.ปรับปรุงและจัดเตรียมให้มีโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาที่ส�ำคัญในการต่อยอดสู่การใช้เชิงพาณิชย์ของภาคอุตสาหกรรมให้มี
ความพร้อม ทันสมัย และมีการกระจายในพื้นที่ต่างๆ เช่น ส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ใน 3 ภูมิภาค
(ภาคเหนือ : จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ : จังหวัดสงขลา)
การใช้ดาวเทียมบริหารจัดการไฟป่าและติดตามภัยแล้ง พัฒนาระบบศูนย์คลังข้อมูลน�้ำและภูมิอากาศ
แห่งชาติ จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน�้ำระดับจังหวัด เป็นต้น
การด�ำเนินการของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดปี 2558 ส�ำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือ
ร่วมใจของผู้บริหารและบุคลากรของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รวมทั้งเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการผลักดันและขับเคลื่อนการด�ำเนินงานต่างๆ ให้เกิดผลส�ำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด
ต่อประเทศชาติและประชาชน จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
(รศ.ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ)
ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- 9. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
8
โดย ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประเทศที่สามารถหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ต่างใช้การลงทุนด้าน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่
ประเทศรายได้สูงและยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรให้ดีทั้งสิ้นส�ำหรับประเทศไทยรัฐบาลมีการ
ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนประเทศโดยภายในปี2559นี้รัฐบาลคาดหวังให้ประเทศไทย
มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาไม่ต�่ำกว่าร้อยละ1ของGDPและเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ2ของGDP
ภายในปี2564โดยมุ่งหวังให้สัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาในปี2564ร้อยละ70เป็นการลงทุน
โดยภาคเอกชน ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องปรับเปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้อ�ำนวยความสะดวก และสร้าง
สภาพแวดล้อมในการท�ำนวัตกรรม ให้ภาคเอกชนสามารถใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อยอด
สู่การท�ำนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ตั้งเป้าหมายให้ภายในปี 2564 ประเทศไทยจะมี
บุคลากรวิจัยและพัฒนาไม่ต�่ำกว่า25คนต่อประชากร10,000คนเพื่อรองรับการขยายการลงทุน
ด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศที่มีภาคเอกชนเป็นผู้น�ำ
นอกจากนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการโดยเฉพาะ การเข้า
สู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2568 และจากสถานะที่ประเทศไทยมีบทบาทเป็นผู้น�ำ
ในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ในปัจจุบัน หากสามารถสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์และบริการ
สาธารณสุขส�ำหรับผู้สูงอายุจะเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะเป็นผู้น�ำในตลาดการบริการสุขภาพ
ส�ำหรับผู้สูงอายุของโลกขณะเดียวกัน การรวมตัวของประชาคมอาเซียน ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและ
ความท้าทายของประเทศไทย จากตลาดภายในที่มีประชากร 67 ล้านคน กลุ่มประเทศอาเซียน
จะมีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน สินค้าและบริการจากประเทศไทยจึงจะมีโอกาส
เข้าถึงกลุ่มตลาดที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สังคมโลก
ที่เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต�่ำ วทน. จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์
“ สร้างอนาคตประเทศไทย
ด้วยนวัตกรรม”
ประเทศไทยก�ำลังก้าวสู่ยุคการเปลี่ยนผ่านที่ส�ำคัญจากประเทศที่ขับเคลื่อน
เศรษฐกิจด้วยประสิทธิภาพการผลิต ไปสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ด้วยนวัตกรรม จากรายงานดัชนีนวัตกรรมโลก ที่จัดท�ำโดยองค์กรทรัพย์สินทาง
ปัญญาโลก (WIPO) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม
ประเทศที่ก�ำลังเรียนรู้และมีศักยภาพที่จะยกระดับประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม
และสังคมแห่งความรู้การวางเป้าหมายอนาคตของประเทศที่ชัดเจนที่จะมุ่งพัฒนา
ประเทศไปในทิศทางดังกล่าวจึงเป็นเรื่องส�ำคัญ
- 10. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9
ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคงสถานะประเทศที่
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออกไว้ได้
ปัญหาความเหลื่อมล�้ำและการมีส่วนร่วมของ
ชุมชน การน�ำ วทน. ไปใช้เพื่อต่อยอดภูมิปัญญา
ท้องถิ่น จะส่งผลให้ชุมชนต่าง ๆ สามารถพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดการยกระดับ
รายได้ของประชาชนในท้องถิ่นและมีการกระจาย
รายได้ที่เป็นธรรม ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลง
ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประเทศจ�ำเป็นต้อง
ยกระดับการสนับสนุนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม
ทั้งต่อยอดให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
“จากความท้าทายหลายๆอย่างเห็นได้ชัดเจน
ว่าประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะใช้วทน.เป็น
ตัวขับเคลื่อนอนาคต ประเทศไทยได้ก้าวสู่ยุคที่ต้อง
แข่งขันกับประเทศอื่น ๆ บนฐานความรู้ การสร้าง
มูลค่าเพิ่มของผลผลิตของประเทศด้วยนวัตกรรมถือ
เป็นหัวใจที่จะท�ำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับ
จากประเทศรายได้ปานกลาง แต่การจะก้าวไปสู่
จุดที่ประเทศจะสามารถขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
บทบาทภาครัฐที่ส�ำคัญคือ การลงทุนพัฒนาสภาพ
แวดล้อมทางนวัตกรรมที่เหมาะสมดังนั้นจึงถึงเวลาที่
ประเทศจ�ำเป็นต้องมีการปฏิรูปวทน.เพื่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม”
เพื่อให้ประเทศไทยเกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่
ประเทศไทยจ�ำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยต้อง
เปลี่ยนผ่านจากการเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนโดย
ประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) เป็นประเทศที่
ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม (Innovation-driven) ซึ่งจ�ำเป็นต้องสร้าง
กลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ที่สามารถสร้างขีดความสามารถใน
การแข่งขัน (Productive Growth) ท�ำให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึง
(Inclusive Growth) และต้องเป็นการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(Green Growth) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจาก
กับดักรายได้ปานกลางภายในปี 2569 เพื่อเร่งพัฒนาให้ประเทศไทย
ไปสู่เป้าหมายดังกล่าว วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.)
จะเป็นกลไกหลักกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนจาก
ประเทศที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปสู่ประเทศที่ใช้ความรู้เข้มข้นในการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคม เพื่อสามารถก้าวสู่การเป็นกลุ่มประเทศรายได้สูง
และยกฐานะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ในปี2557กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับมอบหมาย
จากรัฐบาล ให้จัดท�ำข้อเสนอการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ
นวัตกรรม และได้มีการจัดเวทีปฏิรูป วทน. ครั้งที่ 1 ขึ้นทั้งในส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาคโดยมีประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียจากทุกภาคส่วนใน
สังคมร่วมก�ำหนดแนวทางและมีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูป วทน.
มากกว่า 1,800 คน และได้ประเด็นยุทธศาสตร์การปฏิรูป วทน. ทั้ง
เชิงโครงสร้างและกลไก ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การปฏิรูปเชิงโครงสร้างประกอบด้วย
1) ก�ำหนดให้นวัตกรรมเป็นฐานหลัก (Platform) ของการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะในแผนพัฒนาที่ส�ำคัญของประเทศ
ทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนพัฒนารายสาขา
ที่เกี่ยวข้อง
2) ปรับระบบก�ำกับและบริหารจัดการ วทน. ของประเทศ โดยให้
ผู้บริหารสูงสุดของประเทศได้รับข้อมูลเชิงลึกและค�ำปรึกษาที่มีการ
กลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิ โดยเฉพาะจากภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ
• แผนภาพที่ 1 ทิศทางการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย
- 11. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
10
มีหลักและเป้าหมายชัดเจน ซึ่งอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความ
ได้เปรียบเชิงแข่งขัน
• การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (Mega-Projects) ซึ่งก�ำหนด
เงื่อนไขให้มีการลงทุนใน วทน. เพื่อสนับสนุนโครงการ ก่อให้เกิดการ
จ้างงาน ช่วยลดการน�ำเข้าเทคโนโลยี พึ่งพาเทคโนโลยีของตนเอง
มากขึ้นซึ่งจะเปิดโอกาสให้ภาคการผลิตของไทยเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
• การลงทุนและท�ำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
(Public-Private Partnership) ซึ่งจะท�ำให้มีพลังในการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจสูงสุดเนื่องจากมีการแบ่งหน้าที่(DivisionofLabor)กันอย่าง
ชัดเจน ท�ำให้เกิดผลิตภาพ (Productivity) ประสิทธิภาพ (Efficiency)
ผลสัมฤทธิ์ (Effectiveness) ทางเศรษฐกิจที่มีปัญหาคอขวดอยู่ใน
ปัจจุบัน
2.ยุทธศาสตร์การปฏิรูปเชิงกลไก
เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนวทน.ของประเทศให้ถึงร้อยละ1
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP)ภายในปี2559โดยก�ำหนด
จุดเน้นที่จะเป็นยุทธศาสตร์และทิศทางขับเคลื่อนการลงทุนวทน.จากทั้ง
ภาครัฐและเอกชน ได้แก่ การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทาง วทน.
การก�ำหนดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ การก�ำหนดให้โครงการลงทุน
ขนาดใหญ่มีเงื่อนไขในการลงทุนด้าน วทน. การพัฒนาผู้ประกอบการ
ฐานนวัตกรรม และที่ส�ำคัญคือ การพัฒนาบุคลากร วทน. เพื่อรองรับ
การวิจัยและพัฒนา วทน. ในสาขายุทธศาสตร์ ทั้งนี้ การด�ำเนินการให้
ส�ำเร็จตามยุทธศาสตร์ข้างต้น ต้องอาศัยกลไกที่ช่วยน�ำไปสู่การปฏิบัติ
ที่เป็นรูปธรรมได้ เช่น กลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
การบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
แผนภาพที่ 2 ยุทธศาสตร์การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อ
อภิวัฒน์ประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูงและประเทศ
พัฒนาแล้ว
แผนภาพที่ 3 ยุทธศาสตร์การปฏิรูปเชิงกลไกเพื่อขับเคลื่อนการลงทุน วทน. ของประเทศให้ถึง 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ภายในปี 2559
3) ปรับระบบงบประมาณด้าน วทน. ให้เอื้อต่อ
การลงทุนที่มีความต่อเนื่องทั้งระยะสั้นและระยะยาว
และการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบการบูรณาการ
ตามยุทธศาสตร์ (Agenda-based Budgeting) เพื่อ
ให้การลงทุนด้าน วทน. เกิดผลลัพธ์ต่อเศรษฐกิจและ
สังคมอย่างเป็นรูปธรรม
อนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างยุทธศาสตร์การปฏิรูป
หลักทั้ง3ประการยังน�ำไปสู่การวางนโยบายอีก3ด้าน
คือ
• การก�ำหนดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ระดับ
ชาติ (Strategic Industries) เพื่อให้การพัฒนา วทน.
แผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ 12:
นวัตกรรมแห่งชาติ
ระบบก�ำกับ
และบริหารจัดการ
วทน. ของประเทศ
ระบบ
งบประมาณ วทน.
ของประเทศ
รัฐร่วมเอกชน
โครงการขนาดใหญ่อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ผลิตภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศ
11,000,000 ล้านบาท
การลงทุน วทน.
110,000 ล้านบาท
40% 60%
การลงทุนจากภาครัฐ
44,000 ล้านบาท
วิจัยและพัฒนา
25,000 ล้านบาท
การใช้ประโยชน์
เชิงพาณิชย์
4,000 ล้านบาท
โครงสร้าง
พื้นฐาน
10,000 ล้านบาท
การลงทุนของภาครัฐเป็นการชักน�ำ
ให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่ม
ก�ำลังคน วทน.
5,000 ล้านบาท
บริษัทไทย
ขนาดใหญ่
26,400 ล้านบาท
บริษัทขนาดกลาง
และเล็ก
6,600 ล้านบาท
บริษัทข้ามชาติ
6,600 ล้านบาท
การลงทุนจากภาคเอกชน
66,000 ล้านบาท
- 12. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 11
การขับเคลื่อนการลงทุนในภาครัฐนั้นสามารถ
จัดสรรใน 4 ประเภทการลงทุนดังนี้
1. การลงทุนในระบบวิจัย 25,000 ล้านบาท
ซึ่งต้องมีเป้าหมายเป็นการวิจัยเชิงประยุกต์ในสาขาที่
สร้างมูลค่ารวมถึงการเกษตรเช่นข้าวมันส�ำปะหลัง
ยางพาราอ้อยข้าวโพดผลไม้ฯลฯภาคอุตสาหกรรม
เช่น อาหาร ปิโตรเคมี ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
ภาคบริการ เช่น ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ สุขภาพ
ไปจนถึงการลงทุนในโอกาสใหม่ๆเช่นชีวเภสัชภัณฑ์
(Bio-pharmaceutical) แฟชั่น เป็นต้น
2. การลงทุนในการสร้างและพัฒนาก�ำลัง
คนทางด้าน วทน. ซึ่งครอบคลุมห่วงโซ่ทรัพยากร
มนุษย์ นับตั้งแต่การปรับระบบการเรียนการสอน
วิทยาศาสตร์ในระดับประถมศึกษาให้เป็น Enquiry-
based Learning การปรับปรุงหลักสูตรระดับ
มัธยมศึกษาและปริญญาตรีให้เป็น Liberal Arts
การจัดท�ำระบบอาชีวศึกษาให้เป็นProblem-based
และ Science-based Technology College
การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่ออาชีพในวิทยาลัยชุมชน
(Community College) การแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย
ออกเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยวิจัย กลุ่มมหาวิทยาลัย
เทคโนโลยี กลุ่มมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น
การพัฒนานักวิจัยและการส่งเสริมการผลิตบัณฑิต
ปริญญาเอกให้เพียงพอต่อความต้องการ และการ
ลงทุนร่วมกับภาคเอกชนเพื่อยกระดับทักษะและ
ความรู้ของแรงงานไปสู่แรงงานความรู้(Knowledge
Workers)ซึ่งรวมถึงการยกระดับแรงงานไร้ทักษะของ
ไทยที่ก�ำลังถูกแรงงานต่างชาติเข้ามาแทนที่ หรือการ
ยกระดับเกษตรกรไทยที่หันมาประกอบอาชีพอื่นอัน
จะท�ำให้สมดุลของแรงงานเกษตรกรกับการสร้าง
มูลค่าเพิ่มในภาคเกษตรดีขึ้น ทั้งหมดนี้ด้วย วทน.
3. รัฐต้องมีกลไกในการสนับสนุนภาคการผลิต
ให้มีความเข้มแข็งขึ้น (Technology Innovation
and Commercialization Support) ซึ่งประกอบ
ด้วยมาตรการสร้างแรงจูงใจทางการเงิน การลงทุน
และภาษี การอ�ำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง
ของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศการอ�ำนวยความสะดวก
จุดเดียว การส่งเสริมให้มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์
ในบริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ การสนับสนุนด้านการคุ้มครอง
ทรัพย์สินทางปัญญา การแก้กฎระเบียบและกฎหมายที่เอื้อต่อการท�ำ
ธุรกิจการส่งเสริมการสร้างนิคมนวัตกรรมของภาคเอกชนการสนับสนุน
การลงทุนที่มีความเสี่ยง(VentureCapital)ตลอดจนการสนับสนุนการ
สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Entrepreneurship Program)
4. รัฐควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน วทน. ซึ่งรวมถึง
อุทยานวิทยาศาสตร์ (Science Park) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
อุทยานนวัตกรรมเฉพาะทาง เช่น Food Innopolis, Space Park
ควรลงทุนในห้องปฏิบัติการทดสอบผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และการออกแบบ
ตลอดจนการลงทุนในเมืองหรือเขตวิทยาศาสตร์ (Science City)
การลงทุนของรัฐทั้งหมดเพื่อเป็นการสนับสนุนให้เอกชนลงทุน
ใน วทน. เพิ่มขึ้นโดยล�ำดับ อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์การลงทุนของ
ภาคเอกชนอาจมีความแตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างบริษัทข้ามชาติ
บริษัทไทยขนาดใหญ่ และบริษัทไทยขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งมี
ความต้องการการสนับสนุนต่างกันในรายละเอียด เป็นที่ประจักษ์ใน
ประเทศที่พัฒนาแล้วว่าเมื่อเอกชนลงทุนใน วทน. แล้ว ปัญหาต่าง ๆ ที่
เคยเกิดขึ้นก็จะได้รับการแก้ไขไปโดยระบบไม่ว่าจะเป็นปัญหาวิจัยขึ้นหิ้ง
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การว่างงาน การกีดกันทางการค้า
ตลอดจนการแข่งขันกับผู้ผลิตที่มีแรงงานราคาถูกเป็นต้นทุน
การลงทุนของรัฐจะต้องเน้นให้เกิดการกระจายความเจริญให้
ประชาชนเกษตรกรและผู้ประกอบการในภูมิภาคได้รับประโยชน์อย่าง
ทั่วถึงด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล�้ำระหว่างเมืองและชนบท ซึ่งเป็น
นโยบายส�ำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการกระจายความเจริญไปสู่จังหวัดที่มีรายได้ (ผลิตภัณฑ์
มวลรวมของจังหวัด) ต่อประชากรยังต�่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ
โดยสรุปกรอบแนวทางการปฏิรูปวทน.สามารถแสดงภาพรวมได้
ดังแผนภาพที่ 4 ซึ่งการปฏิรูป วทน. นั้นเปรียบเสมือนการสร้างความ
แข็งแรงให้บ้าน(ประเทศไทย)เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูง
และประเทศพัฒนาแล้วภายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 (ปี พ.ศ. 2560–2564) โดยมีเป้าหมายเปลี่ยนเศรษฐกิจ
ของประเทศให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม(Innovation-
driven Economy)
ในการด�ำเนินการไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจ�ำเป็นต้องปฏิรูปจัดระบบ
เชิงโครงสร้างที่เป็นเสมือนเสาเข็มของบ้าน (รากฐานหลักของการ
พัฒนายั่งยืน) ทั้ง 3 ด้านดังที่ได้กล่าวข้างต้น คือ
1) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ก�ำหนดให้นวัตกรรมเป็นแรง
ขับเคลื่อนหลักของการพัฒนาประเทศในระยะ 10 ปีข้างหน้า
- 13. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
12
2) ระบบก�ำกับและบริหาร วทน. ของประเทศ
ที่ผู้บริหารสูงสุดของประเทศได้รับข้อมูลเชิงลึกที่
แม่นย�ำทันเหตุการณ์และค�ำปรึกษาที่มีการกลั่นกรอง
โดยผู้ทรงคุณวุฒิอย่างเป็นระบบเพื่อการตัดสินใจและ
ก�ำหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
3) ระบบการจัดสรรงบประมาณด้าน วทน. ที่
สามารถรองรับการแปลงนโยบายและยุทธศาสตร์
ไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งโดยข้อเท็จจริง
การด�ำเนินโครงการด้าน วทน. ให้เกิดผลกระทบ
ต่อการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลา
ด�ำเนินการที่ต่อเนื่องยาวนานกว่า 1 ปี จ�ำเป็นต้อง
มีระบบงบประมาณที่สามารถประกันความต่อเนื่อง
ของการลงทุนหรือการสนับสนุนที่ต่อเนื่องจนเสร็จ
สิ้นโครงการตามที่ได้ก�ำหนดไว้
ควบคู่ไปกับการปฏิรูปจัดระบบเชิงโครงสร้าง
เพื่อความแข็งแรงของรากฐานทั้ง3ด้านดังกล่าวต้อง
ก�ำหนดจุดเน้นที่จะเป็นยุทธศาสตร์และทิศทาง
ขับเคลื่อนการลงทุน วทน. จากทั้งภาครัฐและเอกชน
ให้บรรลุเป้าหมายร้อยละ 1 และร้อยละ 2 ของ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2559
และ 2564 ตามล�ำดับ เพื่อสร้างขีดความสามารถ
วทน. ไปสนับสนุนการเพิ่มความสามารถการแข่งขัน
ของภาคการผลิตและบริการและการพัฒนาเศรษฐกิจ
ในภูมิภาค ท้องถิ่นและชุมชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งการยกระดับคุณภาพ
และความมั่นคงปลอดภัยในสังคมสุขภาพและสวัสดิภาพของประชาชน
การศึกษา สิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางพลังงาน
ยุทธศาสตร์5ด้านเพื่อรองรับการขับเคลื่อนการลงทุนสร้างความ
สามารถทาง วทน. จากทั้งภาครัฐและเอกชนประกอบด้วย
1) ปรับปรุง พัฒนา บริหารจัดการเพื่อยกระดับและใช้ประโยชน์
โครงสร้างพื้นฐาน วทน. สู่ระดับสากล
2) ก�ำหนดอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตเพื่อให้การพัฒนา
วทน. มีหลักและเป้าหมายชัดเจน
3) ก�ำหนดให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่มีเงื่อนไขต้องลงทุนใน
วทน. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี
4) พัฒนาผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมและนวัตกรเพื่อเพิ่มความ
สามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการ
5)พัฒนาบุคลากรด้านวทน.เพื่อรองรับการลงทุนวิจัยและพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
การปฏิรูปเชิงโครงสร้างและด�ำเนินการตามยุทธศาสตร์ทั้ง 5
ให้บรรลุเป้าหมาย จะต้องออกแบบสร้างหรือพัฒนากลไกที่จะน�ำไปสู่
การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม กลไกหลักที่ส�ำคัญประกอบด้วย
แผนภาพที่ 4 กรอบหลักการของการปฏิรูป วทน. ของประเทศไทย
- 14. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 13
1)กลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ที่มีประสิทธิภาพ
2) การบูรณาการด�ำเนินงานระหว่างกระทรวง
ที่เกี่ยวข้อง
3) ระบบแรงจูงใจทางการเงินและภาษีกระตุ้น
การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใน
ภาคเอกชน
4) การพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายและ
กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยมีประสิทธิผลและ
เอื้อต่อการพัฒนา วทน. ของประเทศ
5) การร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อพัฒนาและ
ถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในการขับเคลื่อนการปฏิรูป วทน. เกิดผลเป็น
รูปธรรมตามแนวทางข้างต้น ได้มีการจัดท�ำแผนที่
น�ำทาง(roadmap)ซึ่งมีการก�ำหนดเป้าหมายผลลัพธ์
จากการพัฒนา วทน. และผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทุก 5 ปี
รวมทั้งก�ำหนดมาตรการและแผนงานส�ำคัญที่ต้องเร่งด�ำเนินการเพื่อ
ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคมทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ดังสรุป
ในแผนภาพที่ 5
สืบเนื่องจากการจัดเวทีปฏิรูปวทน.ครั้งที่1กระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีและหน่วยงานพันธมิตรได้ร่วมการด�ำเนินการปฏิรูป
วทน. ในด้านต่าง ๆ มีความก้าวหน้าและเกิดผลส�ำเร็จในบางด้าน และ
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการด�ำเนินงานอีกหลายด้าน อาทิ
1) ด้านการพัฒนาก�ำลังคน
•มาตรการส่งเสริมบุคลกรภาครัฐไปท�ำงานในภาคเอกชน(Talent
Mobility)
• มาตรการการบูรณาการการเรียนการสอนกับการท�ำงาน
(Work-integrated Leaning)
2) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
• มาตรการส่งเสริมพื้นที่นวัตกรรมพิเศษ (Special Area of
Innovation: SAI)
• ศูนย์บริการ “จุดเดียวครบวงจร” ด้านสอบเทียบมาตรวิทยา
มาตรฐาน การทดสอบและรับรองคุณภาพ
แผนภาพที่ 5 แผนที่น�ำทาง มาตรการและแผนงานขับเคลื่อนการปฏิรูป วทน. ของประเทศไทย
มาตรการส�ำคัญ
2555 2557 2559 2564 2569
แผนงานส�ำคัญ
จัดระบบแรงจูงใจทางทรัพย์สินทางปัญญา การเงิน ภาษี และอื่นๆ เพื่อเร่ง
กระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน
สามารถเริ่มได้ภายใน 4 เดือน
สามารถเริ่มได้ภายใน 1 ปี
สามารถเริ่มได้ภายใน 2-3 ปี
แผนงานเร่งการผลิตก�ำลังคน วทน. และการยกระดับคุณภาพ วทวค.
(STEM) ของนักเรียน นักศึกษาและบุคลากร และ talent mobility รองรับ
อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ
แผนงานเร่งรัดการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานวทน.สู่ระดับสากลและ
จัดระบบบริหารจัดการการใช้ประโยชน์สนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน
ของภาคการผลิตและบริการ
ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มประสิทธิภาพระบบก�ำกับและงบประมาณ
วทน.
แผนงานสนับสนุน วทน. แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ประกอบ
การฐานนวัตกรรม และชุมชนท้องถิ่น
ก�ำหนดให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐมีการลงทุนสร้างความสามารถเพื่อ
การพึ่งพาตนเองทาง วทน.
แผนงานสนับสนุน วทน. ในการขับเคลื่อนภาคการผลิตและบริการสาขา
ยุทธศาสตร์ประเทศ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค
ก�ำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้เป็นเครื่องมือส่งเสริมนวัตกรรม
ในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างส�ำคัญ
แผนงานการทูตวิทยาศาสตร์ (science diplomacy) เพื่อความสามารถใน
การแข่งขันของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
แผนพัฒนาฯฉ.12ก�ำหนดให้นวัตกรรมเป็นระเบียบวาระแห่งชาติขับเคลื่อน
ภาคการผลิตและบริการในสาขายุทธศาสตร์ของประเทศ
1 1
2
2
3
3
4
4
5
5
{
1 2 3 41
2
3 4
5
5
0.37 % จีดีพี
(40,880 ล้านบาท)
50:50
53,120 คน
(9 คนต่อ ปชก.
10,000 คน)
US$ 6,000
(180,000 ล้านบาท)
60:40
1% จีดีพี
(110,000 ล้านบาท
100,000 คน
(15 คนต่อ ปชก.
10,000 คน)
US$ 8,500
(260,000 ล้านบาท)
70:30
2% จีดีพี
(268,000 ล้านบาท
160,800 คน
(25 คนต่อ ปชก.
10,000 คน)
US$ 13,000
(400,000 ล้านบาท)
ประเทศไทย
เป็นประเทศ
พัฒนาแล้ว
(Developed
Country)
รายได้ /
ประชากร / ปี
เป้าหมาย
ลงทุน R&D
สร้างบุคลากร
R&D
ลงทุน R&D
เอกชน : รัฐ
- 15. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
14
แผนภาพที่ 6 การด�ำเนินงานการปฏิรูป วทน.
• การจัดตั้งเครือข่ายพัฒนาวิชาชีพนักจัดการ
นวัตกรรมไทย(AllianceofInnovationManagers:
AIMs–Thailand)
• การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาทาง
เทคโนโลยีส�ำหรับ SMEs
3) ด้านสร้างระบบแรงจูงใจ
• มาตรการส่งเสริมการลงทุนฐานความรู้ BOI
• มาตรการยกเว้นภาษีค่าใช้จ่ายวิจัย พัฒนา
เทคโนโลยีและนวัตกรรม 3 เท่า (RDI Tax ร้อยละ 300)
4) ด้านมาตรการทางการเงินและการสร้างตลาด
• บัญชีความต้องการนวัตกรรมของหน่วยงานภาครัฐ
• (ร่าง) พรบ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. 2558
• ทุนวิจัย (ให้กับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยรัฐ)
• (ร่าง) พรบ. กองทุนส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม พ.ศ. 2558
โดยสามารถแสดงระยะเวลาในการด�ำเนินงานได้ดังแผนภาพที่ 6
- 17. กรมวิทยาศาสตร์บริการ
ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
16
เสริมสร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการในระดับสากล
โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปสู่ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างรากฐาน
ที่มั่นคง พัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดความมั่งคั่ง และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ให้ความส�ำคัญกับการก�ำหนดทิศทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่าน
ประเทศไทยจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงมีความมั่นคงและยั่งยืน สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ภายใต้หลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และตอบสนองตอบต่อการบรรลุซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต
สร้างรายได้ระดับสูงหลุดพ้นจากรายได้ปานกลาง และสร้างความสุขของคนไทย สังคมมีความมั่นคงเสมอภาคและเป็นธรรม
ประเทศสามารถแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจโดยมีการก�ำหนดต�ำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของประเทศให้เป็นประเทศรายได้สูง
ที่มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาคสู่ความเป็นชาติการค้าและบริการ
(Trading and Service Nation) เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรกรรมยั่งยืนแหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และมีนวัตกรรมสูงที่เป็นมิตร
ต่อสิ่งแวดล้อม
กอรปกับนโยบายรัฐบาลให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและ
พัฒนา และนวัตกรรม รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศที่มีบทบาทส�ำคัญอย่างยิ่งในการเป็นหลักประกันคุณภาพ
ให้กับการผลิตและการบริการภายในประเทศในการน�ำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนซึ่งโครงสร้าง
พื้นฐานทางคุณภาพของประเทศประกอบด้วย ระบบมาตรวิทยา (M:Metrology) การก�ำหนดมาตรฐาน (S:Standardization)
การทดสอบ (T:Testing) และการประกันคุณภาพ (Q:Quality Assurance) องค์ประกอบทั้ง 4 นี้จ�ำเป็นต้องมีความเชื่อมโยงซึ่งกัน
และกันและต้องได้รับการพัฒนาให้มีความเข้มแข็งควบคู่กันไปจึงจะสามารถเป็นหลักประกันคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของ
ทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิต การบริการ ส่งผลทั้งต่อเศรษฐกิจของประเทศและคุณภาพชีวิตของคนไทย
ในฐานะของกรมวิทยาศาสตร์บริการที่มีภารกิจการบริการทดสอบสอบเทียบการบริการให้การรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการ
การบริการจัดกิจกรรมทดสอบความช�ำนาญห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ การบริการสารสนเทศด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี การบริการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการและบริการวิจัยพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี
ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศและความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจมีการมุ่งเน้นการด�ำเนินงานและ
ผลักดันงานบริการด้านทดสอบและสอบเทียบเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและยกระดับคุณภาพ
ของสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกรวมถึงมุ่งเน้นให้มีการน�ำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนวัตกรรมและผลงาน
วิจัยไปถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล�้ำของสังคมโดยการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อส่งเสริมให้มีความรู้และ
มีความตระหนักในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค สามารถยื่นขอการรับรองตามมาตรฐานได้ ช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน ประชาชน ผู้ประกอบการ
ในชุมชนได้รับประโยชน์สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและยกระดับคุณภาพชีวิตพร้อมทั้งสร้างจิตส�ำนึกให้
ประชาชนมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเสียสละเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมและปฏิบัติ
ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาอย่างสมดุลมีเสถียรภาพเพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืนโดยค�ำนึงถึงการด�ำเนินงานอย่าง
โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อการวางรากฐานของการพัฒนาประเทศต่อไป
ดร. สุทธิเวช ต.แสงจันทร์
อธิบดี
“กรมวิทยาศาสตร์บริการ
แหล่งรวมความเชี่ยวชาญ
ร่วมสร้างเศรษฐกิจอาเซียน”
- 18. รายงานประจำ�ปี • 2558
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 17
ส�ำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ส�ำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมและเป็นผู้น�ำในการพัฒนา
เครือข่ายด้านการก�ำกับดูแลความปลอดภัยในภูมิภาคอาเซียนนโยบายการบริหารและแนวทาง
การปฏิบัติราชการ
นโยบายที่ 1 ผลักดันนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ฯ
ผลักดันให้มีการก�ำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานปรมาณูของ
ประเทศที่ชัดเจนออกมาเพื่อให้สามารถน�ำไปสู่ภาคปฏิบัติได้ รองรับทิศทางของการใช้ประโยชน์
จากพลังงานปรมาณูของประเทศไทยที่มีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นโยบายที่ 2 พัฒนาปรับปรุงกฎหมายที่ส�ำคัญ
ผลักดันร่างกฎหมายระเบียบและมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องด้านก�ำกับดูแลความปลอดภัย
จากพลังงานปรมาณู เพื่อให้มีความทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ในปัจจุบัน
และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยให้ภารกิจการก�ำกับดูแลการใช้พลังงานปรมาณูภายใน
ประเทศของส�ำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นโยบายที่ 3 เสริมสร้างสมรรถนะ (3S)
• พัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยทางรังสีในสิ่งแวดล้อมของประเทศ ส�ำหรับการเฝ้าระวังภัย
ทางรังสีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย จากกิจกรรมทางด้านรังสีและนิวเคลียร์
ทั้งในและนอกประเทศให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วประเทศไทย
• พัฒนาระบบการก�ำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์
• พิทักษ์และรักษาความมั่นคงปลอดภัยวัสดุนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธ
นิวเคลียร์
นโยบายที่ 4 พัฒนาระบบบริการที่เป็นมาตรฐาน
• ผลักดันโครงการก่อสร้างอาคารมาตรวิทยารังสี ให้สามารถด�ำเนินงานได้ตามก�ำหนด
เพื่อรองรับห้องปฏิบัติการสอบเทียบมาตรฐานทางรังสีที่อยู่กระจัดกระจายในอาคารต่าง ๆ และ
มีขนาดจ�ำกัดมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีด้านการวัดรังสีที่ทันสมัยและ
มีมาตรฐานสูงสุดในระดับนานาชาติและพัฒนาระบบมาตรวิทยารังสีของประเทศให้สอดคล้องตาม
มอก. 17025 และพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านมาตรวิทยารังสีของอาเซียนต่อไป
ดร. อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์
เลขาธิการ
“ปส. มุ่งสร้างความเชื่อมั่น
ในความปลอดภัยในการใช้
พลังงานปรมาณู”
- 19. ANNUAL REPORT • 2015
Ministry of Science and Technology
18
• ส่งเสริมให้น�ำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยในการบริหารจัดการองค์กร บริหาร
จัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ อาทิ ระบบจัดเก็บเอกสารและข้อมูลด้านกฎ ระเบียบ
หรือแนวปฏิบัติ ข้อมูลทางเทคนิคด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ข้อมูลผู้ปฏิบัติงานทางรังสี
ข้อมูลผลงานทางวิชาการภายใต้ความร่วมมือของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศข้อมูลบริหาร
งานทรัพยากรบุคคลเป็นต้นจะเป็นช่องทางการขยายองค์ความรู้ออกสู่ประชาชนทั่วไปสถาบันการศึกษา
หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และรองรับนโยบายภาครัฐในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคม
อาเซียนในปี 2558
นโยบายที่ 5 สร้างเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ
• ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรทั้งทางด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมวิชาการ
นานาชาติและการฝึกอบรมด้านการควบคุมความปลอดภัยจากพลังงานปรมาณูทั้งในและต่างประเทศ
• ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการก�ำกับดูแลความปลอดภัย
จากพลังงานปรมาณูในอาเซียน (ASEANTOM)
• ส่งเสริมการด�ำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพันธกรณีความตกลงระหว่างประเทศด้านพลังงาน
ปรมาณู
นโยบายที่ 6 HRD
• ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน
•จัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และรังสีแห่งชาติเพื่อให้ความรู้แก่บุคลากร
ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรมาณู ให้สามารถน�ำความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดไปใช้
ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และมีศักยภาพในการเรียนรู้ ก้าวทันความก้าวหน้าในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของโลก และวางแผนพัฒนาให้เป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านปลอดภัยนิวเคลียร์
และรังสีแห่งอาเซียนต่อไป
นโยบายที่ 7 R & D
ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยด้านการก�ำกับดูแลความปลอดภัยจากพลังงานปรมาณู เพื่อสร้าง
องค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสร้างนักวิจัยที่มีคุณภาพให้กับประเทศ
ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีการพัฒนามากขึ้น