Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie Plant ser 77_60_5 (20)
Mehr von Wichai Likitponrak (20)
Plant ser 77_60_5
- 6. MORACEAE
- มะเดื่อ Ficus racemosa Linn.
- สาเก Artocarpus altilis
- ขนุน Artocarpus heterophyllus Lam.
- โพธิ์ Ficus religiosa L.
- ยางอินเดีย Ficus elastica Roxb. Ex Hornem
- ไกร Ficus subpisocarpa Gagnep.
- ปอสา Broussonetia papyrifera
- ข่อย Streblus asper Lour
- จำปาดะ Artocarpus integer
- ผักเลือด Ficus anastomosans Wall.
- พญารากเหลือง Parartocarpus venenosus
- แกแล Maclura cochinchinensis
- 7. ชื่อสามัญ : Fig, Common Fig
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus racemosa Linn.
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ชื่ออื่น : เดื่อเกลี้ยง, เดื่อน้ำ, มะเดื่ออุทุมพร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีน้ำยางขาว
ใบเดี่ยว เรียงสลับ
ดอกช่อเกิดภายในฐานรองดอก ออกที่ลำต้นและกิ่ง แยก
เพศอยู่ในช่อเดียวกัน
ผลเป็นผลสด เมื่อสุกสีแดงแกมชมพู
มะเดื่อ
ประโยชน์
ราก – มีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้อาการร้อนใน ช่วย
กล่อมเสมหะและโลหิต
เปลือก – ช่วยแก้อาเจียน แก้อาการท้องร่วง ช่วยห้าม
เลือด แก้ประดงเม็ดผื่นคัน
ผลดิบ – ช่วยแก้โรคเบาหวาน
ผลสุก – ช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ผู้รับผิดชอบ น.ส. จินต์จุฑา เจนกิตติวงศ์ เลขที่2
- 8. ชื่อสามัญ : Breadfruit, Bread fruit tree, Bread nut tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus altilis
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ชื่ออื่น : ขนุนสำปะลอ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นสูง ไม่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านทรงพุ่มแผ่กว้าง เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับ ใบเว้าเป็นแฉกลึกเกือบ
ถึงเส้นกลางใบ ดอกเป็นดอกช่อ แยกเป็นช่อดอกตัวผู้และช่อดอกตัวเมีย ผลเป็นผลรวม มีรูปทรงรูปไข่หรือเกือบกลม
ภายในมีเนื้อไม่มีเมล็ด
ประโยชน์
ผล - ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ความจำเสื่อม และโรคกระดูกผุในผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน
เปลือกต้น - ใช้เป็นยาปรับประสาททำให้ผ่อนคลายความตึงเครียด
ราก - ใช้เป็นยารักษากามโรค
ยาง - ใช้ในการรักษา หิด กลาก เกลื้อน
สาเก
ผู้รับผิดชอบ น.ส. จินต์จุฑา เจนกิตติวงศ์ เลขที่2
- 9. ขนุน
• ชื่อสามัญ : Jackfruit, Jakfruit
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus heterophyllus Lam.
• ชื่อวงศ์ : MORACEAE
• ชื่ออื่น : ขะเนอ, ขนู,นากอ, มะยวยซะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
• ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ทรงพุ่มรูปทรงกระบอก มีน้ำ
ยางสีขาวข้น
• ใบเรียงสลับ ใบเดี่ยว รูปรี ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม
เป็นมัน
• ดอกช่อแบบช่อเชิงลด ดอกแยกเพศอยู่บนต้น
เดียวกัน ดอกเพศผู้ออกตามปลายกิ่ง ดอกเพศเมีย
จะออกตามกิ่งใหญ่และตามลำต้น ยอดเกสรเพศเมีย
เป็นหนามแหลม
• ผลรวมมีขนาดใหญ่ เนื้อที่รับประทานเจริญมาจาก
กลีบดอก ส่วนซังคือกลีบเลี้ยง
ประโยชน์
ใบ – ช่วยในการบำรุงโลหิต ช่วยขับพยาธิ แก้อาการท้องเสีย
ยาง – ช่วยแก้อาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบ แผลมีหนองอักเสบเรื้อรัง
เยื่อหุ้มเมล็ดสุก – ช่วยสำหรับบำรุงกำลัง และเป็นยาระบายอ่อนๆ
เนื้อในเมล็ด – ช่วยในการบำรุงกำลัง ขับน้ำนม บำรุงน้ำนม ผู้รับผิดชอบ น.ส. จินต์จุฑา เจนกิตติวงศ์ เลขที่2
- 10. โพธิ์
ชื่อสามัญ : Sacred tree, Sacred fig, Sacred
fig Tree, The peepal tree, Peepul tree,
Peepul of India, Pipal tree, Pipal of
India, Bo tree, Bodhi Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus religiosa L.
ชื่ออื่น : สลี (ภาคเหนือ), สี สะหลี (ภาคตะวันตก
เฉียงเหนือ), โพ โพธิ โพศรีมหาโพ (ภาค
กลาง), ย่อง (แม่ฮ่องสอน), ปู (เขมร), โพธิใบ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มตรงส่วนยอดของลำต้น ปลายกิ่งลู่ลง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ตามกิ่งมี
รากอากาศห้อยลงมาบ้าง ลำต้นมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร มีน้ำยางสีขาว
ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปใจ ปลายใบแหลมและมีติ่งหรือหางยาว (ปลายติ่งบางใบมีความยาว
มากกว่าครึ่งหนึ่งของใบ) โคนใบมนเว้าเข้าหาก้านใบเป็นรูปหัวใจ
ผู้รับผิดชอบ น.ส. เบญญากร ศิริรจนากร เลขที่9
- 11. โพธิ์(ต่อ) ออกดอกเป็นช่อกลม ๆ รวมกันเป็นกระจุกภายในฐานรองดอกรูป
คล้ายผล โดยจะออกที่ตอนปลายของกิ่ง ดอกย่อยเป็นแบบแยก
เพศ ไม่มีก้าน ผลเป็ นผลรวม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม
ขนาดเล็ก ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูม่วง
สีแดงคล้ำ หรือม่วงดำและร่วงหล่นลงมา
ประโยชน์
ใบอ่อนใช้รับประทานเป็นอาหาร ใช้เลี้ยงหนอนไหม
นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งสามารถนำ
มาใช้ในสูตรอาหารในการทำปศุสัตว์ได้ และยังพบ
ด้วยว่าใบมีปริมาณของโปรตีนและธาตุหินปูนสูงผล
อ่อนใช้รับประทานเป็นอาหารได้ใช้ปลูกเป็นไม้
ประดับตามวัดวาอาราม ปลูกเลี้ยงไว้เป็นไม้แคระ
แกร็นได้ หรือปลูกตามคบไม้หรือปลูกเกาะหิน
ผู้รับผิดชอบ น.ส. เบญญากร ศิริรจนากร เลขที่9
- 12. ยางอินเดีย
ชื่อสามัญ : Decora tree, Indian rubber tree,
Rubber plant
ชื่อท้องถิ่น : ยางลบ (ภาคกลาง) ลุง (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus elastica Roxb. Ex
Hornem
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 10 – 20 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือน
ยอด ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวคล้ายน้ำนม มีรากอากาศ
ห้อยระย้า ใบอ่อนมีหูใบสีชมพู หรือสีแดง รูปร่าง
แคบยาวคล้ายกรวยหุ้ม
ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ หรือรูปขอบขนานแกมรี กว้าง 4
– 8 เซนติเมตร ยาว 10 – 12 เซนติเมตร โคนสอบ
เรียว ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม แผ่นใบหนาคล้าย
แผ่นหนัง เกลี้ยงเป็นมัน ส้นกลางใบ และก้านใบของ
ใบอ่อนสีแดง
ดอกแยกเพศ มีขนาดเล็ก จำนวนมาก ติดอยู่ภายในฐานรองดอก
ที่มีรูปร่างคล้ายผล
ผลมีเนื้อ รูปร่างกลมรี หรือขอบขนาน กว้างประมาณ 1
เซนติเมตร ยาว 1 – 5 เซนติเมตร ผลสุกมีสีเหลือง
การกระจายพันธุ์มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและเอเชียใต้ พบ
ปลูกเลี้ยงทั่วไป เนื่องจากขึ้นได้ในดินทุกประเภท
ผู้รับผิดชอบ น.ส. เบญญากร ศิริรจนากร เลขที่9
- 14. ไกร
ชื่อสามัญ : Sea Fig, Deciduous Fig
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus subpisocarpa Gagnep.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Ficus superba var. japonica Miq
ชื่ออื่น : ฮ่าง (ลำปาง), โพไทร (นครราชสีมา), เลียบ ไกร (กรุงเทพฯ), ไทรเลียบ (ประจวบคีรีขันธ์)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
มีความสูงประมาณ 8-10 เมตร ทรงพุ่ม
เป็นรูปไข่ มียางสีขาว มีรากอากาศรัดพัน
เล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียน
สลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี ดอกเป็นสี
เขียวอมเหลือง ผลเป็นผลสดแบบมะเดื่อ
สีขาวอมชมพู เป็นรูปกลมแกมรูปไข่กลับ
กลมแป้น หรือเป็นรูปหัวใจกลับ ออก
เป็นคู่ที่กิ่งเหนือรอยแผลของใบ
มีเขตการกระจายพันธุ์ในภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาค
มาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่ว
ทุกภาคของประเทศ โดยจะขึ้นอยู่บนพื้นที่ตั้งแต่
ระดับน้ำทะเลจนถึง ที่ความสูงประมาณ 150 เมตร
ประโยชน์
ผลสุกใช้รับประทานได้ และเป็นอาหารของนกและสัตว์
ต่างๆ
ใบอ่อนสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้
ใช้ปลูกเป็นไม้แคระประดับ
- 15. ปอสา
ชื่อสามัญ : Paper Mulberry
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Broussonetia papyrifera
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ชื่ออื่น ๆ : ฉำฉา ชำสา (นครสวรรค์), ปอกะสา (ภาคตะวันตก
เฉียงเหนือ), หมอมี หมูพี (ภาคกลาง), ปอฝ้าย (ภาคใต้),
ส่าแหล่เจ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เซงซะ (กะเหรี่ยง-
กาญจนบุรี), ชะดะโค ชะตาโค (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร),
สายแล (เงี้ยว-ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นขนาดกลางแตกกิ่งก้านโปร่ง เปลือกต้นสีน้ำตาล ใบเดี่ยว
ด้านหลังใบหยาบ ด้านท้องใบมีขนสีเทาปกคลุมดอกแยกเพศแยก
ต้นกลีบดอกเป็นสีขาว ผลกลมสีแดงอมส้ม ภายในมีเมล็ดสีแดง
ประโยชน์
เปลือกลำต้นใช้ทำกระดาษสา เส้นใยจากเปลือกใช้ทำ
ผ้าตาปา เนื้อไม้ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์รากใช้ทำเชือกเปลือก
และผลใช้เป็นยาระบาย ลดไข้ในปากีสถาน
ผู้รับผิดชอบ น.ส. อิสรีย์ ไพพินิจ เลขที่21
- 16. ข่อย
ชื่อสามัญ : Siamese rough bush, Tooth brush tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Streblus asper Lour
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ชื่ออื่น : ตองขะแหน่ (กาญจนบุรี) กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ) ส้มพอ (เลย)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ ลำต้นค่อนข้าง
คดงอ แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกสีเทาอ่อน
เปลือกแตกเป็นแผ่นบางๆ มียางสีขาวเหนียวซึม
ออกมา ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับมีขนาดเล็ก รูปใบ
รีแกมรูปไข่กลับผิวสากดอกเป็นช่อสีขาวเหลือง
อ่อนดอกเดี่ยวแต่รวมกันเป็นกระจุก ดอกแยกเพศ
ผลสดกลมแก่จัดจะมีสีเหลือง
ประโยชน์
กิ่งข่อย - ทุบให้อ่อนใช้แทนแปรงสีฟันได้
เปลือก – เมื่อต้มกับเกลือจะได้เป็นยาอมแก้รำมะนาด
แก่น / เนื้อ - คนเชียงใหม่ใช้แก่นข่อยหั่นเป็นฝอยมวนเป็นบุหรี่สูบแก้
ริดสีดวงจมูก
เปลือกและผล - ใช้เป็นยาระบายและลดไข้ในปากีสถาน
ผู้รับผิดชอบ น.ส. อิสรีย์ ไพพินิจ เลขที่21
- 17. จำปาดะ
ชื่อสามัญ : cempedak
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus integer
วงศ์ : Moraceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ยืนต้น มียางสีขาวขุ่น ใบเป็นมัน ผล
คล้ายขนุนแต่เล็กกว่า ออกผลกลุ่มตามต้น
แต่ละต้นจะมีก้านผลร่วมกัน ผลดก
มากกว่าขนุน ผลสุกจะส่งกลิ่นหอมฉุน
เนื่องจากมีสารประกอบพวก อัลดีไฮด์ เนื้อ
ในสีแดงเข้มและสีเหลือง มีรสหวาน เนื้อ
หุ้มเมล็ดค่อนข้างแฉะผลดิบเปลือกแข็ง มี
ยางมาก พอสุกเปลือกนิ่มลง ยางน้อยลง
เนื้อมีกลิ่นหอมและรสหวานจัด
ประโยชน์
ผลใช้ประกอบอาหาร แก่นของต้นจำปาดะนำไปต้มใช้ย้อมสีจีวรพระได้.
ลำต้นสามารถใช้ทำเฟอร์นิเจอร์หรือใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ทำการ
เกษตร ฯลฯ เปลือกไม้ของจำปาดะมีสรรพคุณที่ช่วยป้องกันการเกิดโรค
มะเร็งและช่วยรักษาโรคมาลาเรียได้
ผู้รับผิดชอบ น.ส. อิสรีย์ ไพพินิจ เลขที่21
- 18. ผักเลือด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus virens
ชื่อเรียกอื่น : ผักฮี้ ผักเลือด ผักเลียบ
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ยืนต้น
ขนาดกลางและเป็นไม้ผลัดใบ ลำต้นสูง 8-15
เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยวออกแบบสลับสีเขียว
รูปรีหรือรูปไข่ปนขอบขนาน ปลายใบมนทู่
ขอบใบเรียบ ผิวใบมันกว้าง 6-7 ซม. ยาว
7-18 ซม. มีหูใบขนาดเล็ก ใบอ่อนสีชมพูหรือ
ชมพูอมเขียว ดอก เป็นช่อเส้นผ่าศูนย์กลาง
ของดอก 4-6 มม. ก้านใบสั้นออกจากซอกใบ
ผล ผลอ่อนสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีชมพูแดง
ม่วงหรือดำ เมื่อแก่เต็มที่ เส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 2 ซม.
ประโยชน์ : ผล ยอดและใบอ่อนนำมาประกอบอาหาร เปลือกและ
ลำต้นต้มดื่มแก้ปวดท้อง มีข้อห้ามสำหรับหญิงแม่ลูกอ่อนที่มีอาหารไอ
ห้ามดื่มเพราะจะทำให้อาการกำเริบ
ผู้รับผิดชอบ น.ส. มาริสา ปัญญาวุฒิชัย เลขที่14
- 19. พญารากเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Parartocarpus venenosus (Zoll. & Mor.) Becc.
ชื่ออื่น : หลีแคม (สุราษฎร์ธานี) พะยูน ลูกโยน (นราธิวาส) ตาปอเยาะ (มลายู-นราธิวาส)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้น สูง 30-40 เมตร เรือนยอดค่อนข้างกลม
ถึงแผ่กว้าง เปลือกสีน้ำตาลเทา มีตุ่มขรุขระ
หรือล่อนเป็นแผ่นบาง เปลือกชั้นในสีส้ม แผ่น
ใบ รูปขอบขนาน รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ
ถึงรูปขนานแกมรูปหอก กว้าง 3.5-9
เซนติเมตร ยาว 10-17 เซนติเมตร ผิวใบ
เกลี้ยงเป็นมัน ปลายใบแหลม โคนใบสอบถึง
มน เส้นแขนงใบ 9-12 คู่ ก้านใบยาว 3-5
เซนติเมตร ผล รูปไข่กว้าง เป็นพูโหนกนูนไม่
สม่ำเสมอ กว้างยาว 10-18 เซนติเมตร มีตุ่ม
ปลายแหลมสั้น ๆ
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ก่อสร้างภายในอาคารบ้านเรือน เมล็ดเมื่อ
ต้มให้สุกรับประทานได้
ผู้รับผิดชอบ น.ส. มาริสา ปัญญาวุฒิชัย เลขที่14
- 20. แกแล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Maclura cochinchinensis (Lour.) Corner
ชื่ออื่น : แกก้อง, สักขี, เหลือง, แกล, แหร ,เข, ช้างงาต้อก, น้ำเคี่ยวโซ่, หนามแข
ชื่อวงศ์ : MORACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ต้นแกแล เป็นไม้
พุ่ม ตามเถามีหนามตลอดเถา เนื้อไม้สีค่อนข้าง
ขาว มียางขาว เปลือกลำต้นสีเทา แก่ยเป็นสี
เหลือง ใบแกแล ใบเดี่ยว เรี่ยงสลับ เวียนรอบ
กิ่งรูปวงรี กว้าง 1 – 3.5 ซม. ยาว 2 – 9 ซม. มี
หนามแหลมออกตรงซอกใบ 1 อัน ยาว
ประมาณ 1 ซม. ดอกแกแล ดอกช่อ ออกที่
ซอกใบ แยกเพศ อยู่คนละต้น รูปกลม ผล
แกแล เป็นผลรวม ผลแก่ สีเหลืองแล้วเปลี่ยน
เป็นสีส้มแดง เมล็ดกลม สีน้ำตาล
ประโยชน์ : แก่น มีรสขม แก้ไข้รากสาด แก้ท้องร่วง บำรุงน้ำ
เหลืองให้ปกติ บำรุงกำลัง บำรุงเลือด แก้พุพอง เป็นยาขับปัสสาวะ
เป็นยาสำหรับสตรีที่คลอดบุตร แก้มุตกิตระดูขาว
ผู้รับผิดชอบ น.ส. มาริสา ปัญญาวุฒิชัย เลขที่14
- 21. บรรณานุกรม
- http://www.manyum.com/post/detail/136134.html
- https://www.samunpri.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81/
- https://medthai.com/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99/
- http://www.wangtakrai.com/flora/category/
%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0
%B8%B1%E0%B8%9A/197
- https://medthai.com/%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A3/
- https://easyayurveda.com/2017/05/22/banyan-tree-ficus-benghalensis/
- http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=4187
- https://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C/
- http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=1025
- https://medthai.com/หม่อน/
- https://plants.usda.gov/java/ClassificationServlet?source=display&classid=MORU2
- https://en.wikipedia.org/wiki/Morus_alba