SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 48
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
4 พฤษภาคม 2565
Dr. Frank Luntz
- Publication date 2007
- Publisher Hyperion
Words That Work outlines the importance of using the right words and the appropriate body language in a given situation to
make yourself understood properly and get the most out of the dialogue, while also teaching you some tips-and-tricks on how to
win arguments, tame conflicts, and get your point across using a wise selection of words.
เกริ่นนา
 เหตุใดบางคนจึงทาได้ดีกว่าคนอื่นในการพูดเรื่องงานหรือเรื่องปัญหา? อะไรทาให้
โฆษณาอยู่ในความทรงจาที่แออัดของเรา? อะไรอยู่เบื้องหลังคาขวัญของการหาเสียง
และความผิดพลาดทางการเมือง? เหตุใดสุนทรพจน์บางคาจึงดังก้องและยืนยง ในขณะ
ที่บางคาพูดถูกลืมหลังจากนั้นไม่นาน?
 คาตอบอยู่ที่วิธีการใช้คาพูดเพื่อโน้มน้าวและจูงใจ และวิธีที่พวกเขาใช้เชื่อมโยงกับ
ความคิดและอารมณ์
Dr. Frank Luntz
 Luntz ดึงประสบการณ์ทางการเมืองมาใช้ และเขามีบทบาทในการอธิบายประเด็นต่างๆ
ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น เป็นผู้เปลี่ยนคาว่า "ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (estate tax)" ในส่วน
ที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้รับมรดก เป็น "ภาษีผู้ถึงแก่กรรม (death tax)" ซึ่งดูเป็นทาง
การเมืองมากกว่า เพื่อยกเลิกการเก็บภาษีนี้ จากทายาท (กรณีที่ผู้ตายไม่ได้จ้างทนาย
ราคาแพงเขียนพินัยกรรมเพื่อรับการยกเว้นตามกฎหมาย) นอกจากนี้ เขายังเปลี่ยนคา
"การขุดเจาะน้ามัน" เป็น "การสารวจพลังงาน"
 ในหนังสือของเขา Luntz อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการใช้คาเหล่านี้
หมายถึงความแตกต่างระหว่างความสาเร็จและความล้มเหลวได้อย่างไร
มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...
 คุณสามารถมีข้อความที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่คนที่อยู่ปลายทางจะเข้าใจข้อความนั้น ผ่าน
ปริซึมของอารมณ์ ความรู้สึก อคติ มายา และความเชื่อที่มีอยู่ก่อนเสมอ
 คาที่ถูกต้อง มีเหตุผล หรือแม้แต่ดูฉลาด จึงยังไม่พอเพียง
มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...(ต่อ)
 กุญแจสู่การสื่อสารที่ประสบความสาเร็จคือ การใช้จินตนาการให้ตัวเองเป็นผู้ฟัง เพื่อให้
รู้ว่าพวกเขากาลังคิดและรู้สึกอย่างไร ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจและหัวใจของพวกเขา
 ซึ่งทาให้คุณรับรู้สิ่งที่คุณพูดในเป็นความจริงมากกว่า อย่างน้อยก็ในทางปฏิบัติ
 เมื่อคาพูดออกจากปากของคุณ คาพูดเหล่านั้นจะเป็นนายของคุณ (Once the words leave
your lips, they no longer belong to you.)
มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...(ต่อ)
 เมื่อเราอ้าปากพูด เรากาลังแบ่งปันกับคนทั้งโลก และโลกก็ตีความความหมายของเรา
ซึ่งบางครั้งอาจเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 ภารกิจที่สาคัญคือ การไปให้ไกลกว่าความเข้าใจ และมองโลกจากมุมมองของผู้ฟัง ซึ่ง
โดยพื้นฐานแล้ว การรับรู้ ของพวกเขาสาคัญกว่า "วัตถุประสงค์" ของคาหรือวลีที่กาหนด
 สิ่งที่สาคัญไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด แต่คือสิ่งที่ผู้คนได้ยิน (What matters isn’t what you say, it’s
what people hear.)
กฎ 10 ข้อ ของภาษาที่มีประสิทธิภาพ
 กฎเกณฑ์ทางภาษามีความสาคัญเป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาจากจานวนการสื่อสารที่คน
ทั่วไปต้องเผชิญ
 เราถูกจู่โจมทางประสาทสัมผัสอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อก้าวออกจากบ้านทุกเช้า จากโฆษณา
และความบันเทิง เนื้ อเพลง โทรศัพท์เชิงพาณิชย์ คลิปเสียงสนทนา และอีเมลแบบย่อ
 เสียงรบกวนจานวนมากยังมาจากภายในบ้านของเรา ตั้งแต่โทรทัศน์ ระบบเครื่องเสียง
ไปจนถึงคอมพิวเตอร์และ iPod ของเรา
 คุณจะทาให้คนอื่นได้ยินคาพูดของคุณ ท่ามกลางบทสนทนาทั้งหมดนี้ ได้อย่างไร?
กฎข้อที่ 1. ความเรียบง่าย: ใช้คาเล็ก ๆ (Simplicity: Use Small Words)
 หลีกเลี่ยงคาที่อาจบังคับให้ใครบางคนต้องเอื้อมมือไปหาพจนานุกรม เพราะคนอเมริกัน
ส่วนใหญ่ไม่ทาแบบนั้น
 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัย และไม่เข้าใจความแตกต่าง
ระหว่าง ผลกระทบและการมีผลต่อ (effect and affect)
กฎข้อที่ 2. ความกะทัดรัด: ใช้ประโยคสั้น ๆ (Brevity: Use Short Sentences)
 จากัดคาให้สั้นที่สุด
 อย่าใช้ประโยคในเมื่อวลีใช้ได้ผล และอย่าใช้ถึงสี่คาในเมื่อสามคาก็สามารถใช้ได้แล้ว
กฎข้อที่ 3. ความน่าเชื่อถือมีความสาคัญพอ ๆ กับปรัชญา (Credibility Is as Important as
Philosophy)
 คนต้องเชื่อจึงซื้ อ
 หากคาพูดของคุณขาดความจริงใจหรือหากขัดแย้งกับข้อเท็จจริง สถานการณ์ หรือการ
รับรู้ที่ยอมรับ คาพูดเหล่านั้นก็จะขาดผลกระทบ
กฎข้อที่ 4. ความสม่าเสมอ (Consistency Matters)
 การกระทาซ้า ทาซ้า และทาซ้า
 ภาษาที่ดีก็เหมือน Energizer Bunny มันดาเนินต่อไป … ต่อไป … และต่อไป
กฎข้อที่ 5. ความแปลกใหม่: เสนอสิ่งใหม่ (Novelty: Offer Something New)
 ในภาษาอังกฤษ คาที่ใช้ได้ผลมักเกี่ยวข้องกับคาจากัดความใหม่ของแนวคิดเก่า
 ในช่วงเวลาที่รถยนต์และการส่งเสริมการขายมีการขยายขนาด โฟล์คสวาเก้นใช้แนวทาง
ตรงกันข้ามทั้งในด้านการออกแบบและในข้อความที่ชื่อว่า คิดเล็ก (Think Small)
 สั้นและเรียบง่าย แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนแต่ทรงอิทธิพลในวิธีการขาย
ผลิตภัณฑ์ มันได้ผลเพราะมันทาให้ผู้คนคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่
กฎข้อที่ 6. เสียงและการจัดองค์ประกอบของคา (Sound and Texture Matter)
 เสียงและการจัดองค์ประกอบของคา เป็นที่น่าจดจาพอๆ กับคาพูด
 คาที่มีตัวอักษรตัวแรกเหมือนกัน เสียงเดียวกัน หรือจังหวะพยางค์เหมือนกันนั้น น่า
จดจามากกว่ามีการออกเสียงแบบสุ่ม
กฎข้อที่ 7. พูดอย่างทะเยอทะยาน (Speak Aspirationally)
 พูดข้อความ ในสิ่งที่ผู้คนต้องการได้ยิน
 กุญแจสู่ความสาเร็จของภาษา ที่สร้างแรงบันดาลใจสาหรับผลิตภัณฑ์หรือการเมืองคือ
การปรับแต่งข้อความให้เป็นส่วนตัวและมีความเป็นมนุษย์ เพื่อกระตุ้นความทรงจาทาง
อารมณ์
กฎข้อที่ 8. เห็นภาพ (Visualize)
 วาดภาพให้สดใส
 ตั้งแต่เพลง "Melts in your mouth, not in your hand" ของ M&M เพลง "When it rains it
pours" ของ Morton Salt’s ไปจนถึง "Must See TV" ของ NBC เป็นสโลแกนที่เราจาได้มา
ตลอดชีวิต มักจะมีองค์ประกอบภาพที่ชัดเจน ซึ่งเราสามารถเห็นได้ และแทบจะรู้สึก
ตามไปด้วย
กฎข้อที่ 9. ถามคาถาม (Ask a Question)
 Got Milk? อาจเป็นแคมเปญโฆษณาสิ่งพิมพ์ที่น่าจดจาที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา
 ถ้อยแถลง เมื่อใส่ในรูปแบบของคาถามเชิงโวหาร อาจมีผลกระทบมากกว่าการยืนยัน
ธรรมดามาก
กฎข้อที่ 10. ระบุบริบทและอธิบายความเกี่ยวข้อง (Provide Context and Explain
Relevance)
 คุณต้องให้ "เหตุผล" ของข้อความแก่ผู้คน ก่อนที่คุณจะบอกพวกเขาว่า "ดังนั้น" และ
"อย่างนั้น"
 หากไม่มีบริบท คุณจะไม่สามารถสร้างคุณค่าของข้อความ ผลกระทบ หรือที่สาคัญที่สุด
คือความเกี่ยวข้องของข้อความ
การป้องกันข้อผิดพลาดของข้อความ
 อย่าละสายตาว่าคุณกาลังพูดกับใคร – และใครกาลังฟังอยู่
 จาไว้ว่า ความหมายของคาพูดของคุณมักจะผันแปร มากกว่าที่จะได้รับการเข้าใจ
 คาพูดของคุณนั้นได้รับอิทธิพลอย่างมาก จากประสบการณ์และอคติของผู้ฟัง
คุณถูกกาหนดด้วยวิธีการรับรู้
 ให้วางตาแหน่งแนวคิดของภาษาศาสตร์ในบริบทของผู้ฟัง ซึ่งจะหมายถึงความแตกต่าง
ระหว่างความสาเร็จและความล้มเหลวของแนวคิดนั้น
 ตัวอย่างเช่น 42 เปอร์เซ็นต์ชาวอเมริกันกล่าวว่า พวกเขาจ่าย เงินสวัสดิการ (welfare)
มากเกินไป ขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์คิดว่าน้อยเกินไป ทว่าชาวอเมริกันจานวน 68
เปอร์เซ็นต์คิดว่าพวกเขาใช้ เงินช่วยเหลือคนยากจน (assistance to the poor) น้อย
เกินไป เทียบกับเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าพวกเขาใช้จ่ายมากเกินไป
 ลองคิดดู: การช่วยเหลือคนยากจนคืออะไร? สวัสดิการ!
คาเก่าความหมายใหม่
 คาจากัดความของคาเปลี่ยนไปตามยุค
สมัย
 ในการสร้างคาที่ใช้งานได้ คุณต้องใส่ใจ
กับความมีชีวิตของภาษา
 คุณต้องเข้าใจวิธีที่ผู้คนใช้คาในปัจจุบัน
และความหมายของคาเหล่านั้น
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
 การได้มาซึ่งภาษาที่ดีที่สุดไม่เพียงพอในตัวของมันเอง การสื่อสารของมนุษย์ส่วนใหญ่
เป็นอวจนะ (ภาษาท่าทาง) ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และจินตภาพเท่านั้น แต่
ยังรวมถึงทัศนคติและบรรยากาศด้วย
 ข้อความที่ทรงอิทธิพลที่สุดจะไม่ได้รับความสนใจ หากไม่ได้พูดโดยผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือ
 แต่ความน่าเชื่อถือและความเป็นจริงไม่ได้เกิดขึ้นเอง คุณต้องสร้างมันขึ้นมา (But
credibility and authenticity don’t just happen. They are earned.)
คุณคือข้อความ
 ความเป็นจริงคือสิ่งสาคัญ ไม่ว่าเวทีของคุณจะเป็นธุรกิจหรือการเมือง คุณต้องเป็นตัว
ของตัวเอง
 บางสิ่งในโลกนี้ ที่เจ็บปวดคือ นักการเมืองหรือซีอีโอที่พยายามทาตัวให้ดูดี ซึ่งพนักงาน
และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจมองเห็นความเป็นจริงที่ไม่สุจริตดังกล่าวในสักวัน
 จงแสดงออกมาให้เห็น เปิดเผยบุคลิกภาพของคุณ เพราะมันเป็นข้อความเกินกว่าที่จะ
บรรยาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เป็นของแท้
คาที่เราจาได้
 ข้อความที่ประสบความสาเร็จและมีประสิทธิภาพ คือ คาและภาษาที่นาเสนอในบริบทที่
เหมาะสม ซึ่งล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน พวกมันติดอยู่ในสมองของเราและไม่เคยจาก
ไป เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน หรือผูกเชือกรองเท้า
 คาเหล่านั้นไม่เพียงแต่สื่อสาร ให้ความรู้ และแบ่งปันความคิดเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อน
ผู้คนให้ลงมือทาด้วย
 คาพูดที่ได้ผลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา กระตุ้นให้เราลุกจากโซฟา ออกจากบ้าน ไปทาอะไร
บางอย่าง
21 คาและวลีสาหรับศตวรรษที่ 21
 คาต่อไปนี้ ไม่เป็นเพียงแค่ผิวเผิน ทันเวลา หรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์ชั่วคราวในขณะนั้น
 คาเหล่านี้ คัดมาจากหัวใจของความเชื่อพื้นฐานของชาวอเมริกัน และตรงกับค่านิยมหลัก
ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
1. จินตนาการ (Imagine)
 คานี้ ทาให้เกิดบางสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับแต่ละคนที่ได้ยิน
 ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทคุณจะเป็นอย่างไร คาว่า "จินตนาการ (imagine)"
มีศักยภาพในการสร้างและปรับแต่งความน่าดึงดูดใจ ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ตาม
ความฝันและความต้องการของผู้ที่ได้ยินหรืออ่าน
2. ไม่ยุ่งยาก (Hassle-free)
 เมื่อพูดถึงวิธีที่เราโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์ บริการ และผู้คน "ไม่ยุ่งยาก" ถือเป็นสิ่งสาคัญ
ที่สุด
3. ไลฟ์ สไตล์ (Lifestyle)
 คานี้ ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะเป็นการกาหนดตัวเองและความทะเยอทะยานใน
ขณะเดียวกัน เพราะทุกคนอยากกาหนดและปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของ
ตนเอง
4. ความรับผิดชอบ (Accountability)
 ชาวอเมริกันโดยทั่วไป ต้องการให้บริษัทต่างๆ "รับผิดชอบ" สาหรับการกระทาและ
ผลิตภัณฑ์ของตน และวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น
5. ผลลัพธ์ และจิตวิญญาณการทาได้ (Results and the Can-do spirit)
 เมื่อเราซื้ อของบางอย่าง เราต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นจะให้ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็น
สิ่งที่เราสามารถมองเห็น ได้ยิน รู้สึก หรือหาปริมาณได้
 และหากผลลัพธ์คือเป้าหมาย "จิตวิญญาณการทาได้" ก็คือความพยายาม
6. นวัตกรรม (Innovation)
 คานี้ ทาให้นึกถึงภาพแห่งอนาคตทันที ซึ่งมันนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เล็กกว่า เบากว่า เร็วกว่า
ถูกกว่า ใหญ่กว่า ยืดหยุ่นกว่า แข็งแกร่งกว่า และใช้งานได้ยาวนานกว่า
7. นากลับมาใช้ใหม่ (Renew, Revitalize, Rejuvenate, Restore, Rekindle, Reinvent)
 เหล่านี้ เป็นคาที่เรียกว่า "re" และมีพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะนาองค์ประกอบหรือ
แนวคิดที่ดีที่สุดจากอดีต มาประยุกต์ใช้กับปัจจุบันและอนาคต
8. ประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ (Efficient and Efficiency)
 ในสภาพแวดล้อมของการต่อรองเรื่องราคา ประสิทธิภาพถือเป็นข้อได้เปรียบที่สาคัญ
ของผลิตภัณฑ์
9. สิทธิในการ … (The right to … )
 ชาวอเมริกันยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสิทธิมาโดยตลอด
10. ผู้ป่ วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-centered)
 แนวคิดนี้ อธิบายสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจากการดูแลสุขภาพ เป็นคาศัพท์ครอบคลุมที่
มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับดูแลรักษามนุษย์
11. การลงทุน (Investment)
 การใช้จ่าย (Spending) บ่งบอกถึงขยะ การลงทุน (Investment) แสดงให้เห็นถึงการ
จัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ
12. ความสง่างามแบบสบาย ๆ (Casual elegance)
 สานวนนี้ กาหนดได้ดีที่สุดว่า คนอเมริกันต้องการอะไรเมื่อเดินทาง มากกว่าคุณลักษณะ
อื่นๆ
13. อิสระ (Independent)
 คานี้ หมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกรัด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีอะไรต้อง
ปิดบัง
14. ความสงบของจิตใจ (Peace of mind)
 คานี้ เป็นการแสดงออกถึง "ความปลอดภัย" ที่อ่อนโยนกว่า นุ่มนวลกว่า เป็นการเมือง
น้อยกว่า เอื้ออาทรมากกว่า และครอบคลุมทุกด้าน
15. ได้รับการรับรอง (Certified)
 เราต้องการข้อตกลงที่รัดกุมว่า สิ่งที่เราซื้ อจะไม่ล้มเหลวหลังจากการซื้อเป็นเวลาหลาย
เดือนหรือหลายวัน
16. ชาตินิยมอเมริกัน (All-American)
 ในอเมริกา มีสองเรื่องคือ ความก้าวหน้าและนวัตกรรม ที่ผู้จัดจาหน่ายเซมิคอนดักเตอร์
รายใหญ่อันดับสามและผู้จัดจาหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 10 อันดับแรก ใช้
ภาพลักษณ์ชาตินิยมคือ All American เพื่อเอาชนะในการแข่งขัน และกลายเป็นผู้นาใน
อุตสาหกรรม
17. ความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity)
 คานี้ ครอบคลุมแนวคิดเรื่องมีงานมากขึ้น อาชีพที่ดีขึ้น ความมั่นคงในการจ้างงาน
ค่าตอบแทนที่มากขึ้น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และโอกาสที่ขยายออกไป
18. จิตวิญญาณ (Spirituality)
 เพื่อดึงดูดผู้ฟังในวงกว้าง การปลุกระดมของ "จิตวิญญาณ" จะครอบคลุมมากกว่า และมี
ผลทางการเมืองมากกว่าการอ้างอิงทั่วไปถึง "ศาสนา" หรือแม้แต่ "ศรัทธา"
19. ความมั่นคงทางการเงิน (Financial security)
 น่าเศร้าที่ อิสระภาพทางการเงิน (financial freedom) เป็นสิ่งที่เกินกว่าที่พวกเราส่วนใหญ่
คาดหวังไว้ในขณะนี้ แต่ความมั่นคงทางการเงินยังคงเป็นเรื่องที่บรรลุได้อยู่
20. แนวทางที่สมดุล (Balanced approach)
 การแสดงตนเป็นเอกเทศจากพรรคพวกและอุดมการณ์ จะทาให้คุณได้รับคะแนนความ
น่าเชื่อถือจากสาธารณชน เช่นเดียวกับการโต้เถียงเพื่อหาแนวทางที่สมดุลสาหรับปัญหา
ของประเทศ
21. วัฒนธรรมของ … (A culture of … )
 โดยการกาหนดปัญหาหรือกลุ่มปัญหา ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเชิงเปรียบเทียบ
คุณสามารถให้น้าหนักและความจริงจังใหม่ๆ แก่มันได้
 ปัญหาสังคมถูกแทนที่ด้วยประเด็นทางวัฒนธรรม ซึ่งฟังดูเป็นการคุกคามและตัดสิน
น้อยกว่า
สิ่งที่คุณได้ยิน
 สาหรับคนส่วนใหญ่ ภาษานั้นมีประโยชน์ในการใช้สอยมากกว่าจะเป็นจุดหมาย
ปลายทาง ผู้คนคือจุดปลายทาง ภาษาเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าถึง เป็นหนทางไปสู่
จุดหมายปลายทาง
 แต่แค่ยืนเฉยๆ และประหลาดใจกับความงามของเครื่องมือนั้นไม่เพียงพอ คุณต้อง
ตระหนักว่า มันเหมือนกับไฟ และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ส่องทางหรือทาลาย
 การจะประสบความสาเร็จกับคาศัพท์ที่ใช้ได้ผลในศตวรรษที่ 21 คุณจะต้องคุ้นเคยกับ
คาเหล่านั้น คุณต้องดาเนินชีวิตตามคาพูด เพราะมันจะกลายเป็นคุณ
3 บทเรียนจากหนังสือ
 1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ฟัง และใช้วลีที่เป็น
ระเบียบและชัดเจน (Effective communication is tailored to the audience and uses
organized and clear phrases)
 2. นักสื่อสารที่ประสบความสาเร็จจะพูดถึงความรู้สึกของผู้คน และถ่ายทอดคาพูดที่สื่อ
ถึงอารมณ์ (A successful communicator addresses people’s feelings and conveys words
that carry emotions)
 3. การพูดให้ถูกต้องกับผู้ฟังจะช่วยคุณทั้งในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต และใน
ชีวิตประจาวัน (Addressing your audience right will help you both in life-changing
situations and on a day-to-day basis)
บทเรียนที่ 1: ผู้สื่อสารที่ดีจะถ่ายทอดข้อความด้วยวิธีที่ชัดเจน รัดกุม โดยเน้นที่ผู้ฟังที่กาลัง
พูดถึง
 ผู้ฟังแต่ละคนไม่เหมือนกัน และผู้สื่อสารที่ดีย่อมรู้ดี
 ในการถ่ายทอดข้อความอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องพิจารณาว่าคุณกาลังพูดถึงใคร
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแวดวงคนธรรมดาๆ ในชีวิตประจาวัน เพื่อนและครอบครัวของคุณ
หรือกลุ่มบุคคลที่เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ ภาษาของคุณจะต้องแตกต่างกันออกไป
 อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผู้ชมที่คุณกาลังพูดถึงเท่านั้น
บทเรียนที่ 1 (ต่อ)
 คาคล้ายกัน สามารถกระตุ้นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันในผู้คน
 การศึกษาแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันเมื่อถูกถามว่าพวกเขาคิดว่าควรจัดสรรเพิ่มเติม
ให้เงินทุนสวัสดิการ หรือควรเพิ่มเงินช่วยเหลือคนยากจน มีผู้รับตอบรับเชิงบวกแนวคิด
หลังมากกว่าถึงสามเท่า ความจริงสองแนวคิดมีความหมายเหมือนกัน แต่การช่วยเหลือ
คนยากจนเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ในทางกลับกัน สวัสดิการมีความหมายทาง
การเมืองและเป็นช่องทางการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล
 โดยสรุป นั่นคือเป็นพลังของคาพูด และบุคคลที่มีอิทธิพลทุกคนก็รู้ดี!
บทเรียนที่ 1 (ต่อ)
 อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรจาไว้ หากคุณกาลังพยายามสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคือ ทาให้
ภาษาของคุณเรียบง่ายและรัดกุมที่สุด
 ผู้สมัครชิงตาแหน่งประธานาธิบดีและบุคคลสาคัญทางการเมืองทั่วโลก สูญเสียตาแหน่ง
ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะพวกเขาใช้คาพูดที่ซับซ้อนเกินไปสาหรับผู้ฟัง
 เมื่อคุณพูดกับผู้ฟังทั่วไปในวงกว้าง คุณควรทาให้มันเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทาได้ ตาม
หลักการทั่วไป วลีสั้นๆ และคาง่ายๆ เหมาะที่สุดสาหรับการถ่ายทอดข้อมูลไปยังผู้ฟัง
บทเรียนที่ 2: ใช้รูปแบบส่วนตัวและความเป็นมนุษย์เพื่อดึงดูดผู้ฟัง
 เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสาคัญของการกาหนดเป้าหมายผู้ชมอย่างถูกต้อง และใช้คาที่
เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
 ถึงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่ส่วนอารมณ์ของการสื่อสาร อริสโตเติล พูดถึงเรื่องนี้ ในงาน
ประพันธ์ของเขา โดยเขาแนะนาให้นักปราศรัยกาหนดเป้าหมายไม่เพียงแต่เหตุผลใน
สุนทรพจน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าสงสารหรือด้านอารมณ์ด้วย
บทเรียนที่ 2 (ต่อ)
 คุณจะเพิ่มอารมณ์ให้กับคาพูดของคุณได้อย่างไร? มีสองวิธี!
 คุณสามารถค้นหาคาที่ใช้กับสถานการณ์ที่ทุกคนคุ้นเคยหรือที่เรียกว่าความเป็นมนุษย์
หรือลงรายละเอียดและเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาให้เป็นเรื่องส่วนตัว
โดยเทคนิคของคุณ
 สาหรับผู้ฟังกลุ่มใหญ่ที่คุณต้องการรวบรวมผู้คนสู่เป้าหมายร่วมกัน ควรสร้างความ
แตกแยกน้อยลงและอย่าปล่อยให้ผู้ฟังรู้สึกว่าถูกกีดกัน คุณจะต้องใช้พลังของความเป็น
มนุษย์และความเป็นส่วนตัวในแบบของคุณ
บทเรียนที่ 2 (ต่อ)
 ผู้นาการเคลื่อนไหว บุคคลทางการเมือง ผู้ให้การสนับสนุนสันติภาพ ผู้แทน และ
ผู้บริหารทั่วโลกใช้เทคนิคเหล่านี้
 คุณสามารถเชื่อมโยงข้อความและถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิคการโน้มน้าวใจที่ดี โดยถามคาถามและข้อกังวลของ
พวกเขา ที่นาพวกเขาไปสู่ข้อสรุปด้วยตนเอง
 Ronald Reagan ใช้มันในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของ
เขา เขาถามผู้ฟังว่า วันนี้ คุณดีขึ้นกว่าเมื่อสี่ปีก่อนหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ผู้ฟังได้ข้อสรุป
เองว่า Reagan พูดถูก ทาให้เขาชนะ!
บทเรียนที่ 3: การรู้จักผู้ฟังของคุณจะช่วยให้คุณโน้มน้าวใจผู้คนได้ดีขึ้ นแม้ใน
ชีวิตประจาวันของคุณ
 คุณคิดว่า การเรียนรู้เคล็ดลับเบื้องหลังการใช้คาพูดที่ถูกต้อง และวิธีที่ผู้นาระดับโลก
เอาชนะใจผู้ฟังโดยใช้เทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นสิ่งที่คุณจะใช้เฉพาะเมื่อ
คุณกลายเป็นผู้นา นักพูดในที่สาธารณะ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลสูงเท่านั้นหรือไม่?
 คิดดูอีกครั้ง! การสร้างทักษะทางสังคม คือสิ่งที่จะทาให้ชีวิตประจาวันของคุณง่ายขึ้น
มาก ในขณะที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
บทเรียนที่ 3 (ต่อ)
 ไม่ว่าคุณจะถูกตารวจหยุดเพราะขับรถเร็วเกินไป คุณมาประชุมสาย หรือลืมสิ่งสาคัญไว้
ที่บ้าน การรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์ จะทาให้ทุกอย่างราบรื่น
 สาหรับการเริ่มต้น ให้แสดงความซาบซึ้ งใจ กล่าวคาขอความกรุณา และขอบคุณ
 จากนั้น สิ่งสาคัญคือต้องรู้ว่าคุณกาลังพูดกับใคร ใช้ความเห็นอกเห็นใจเพื่อเชื่อมโยงกับ
พวกเขา เข้าใจความยุ่งยากใจของพวกเขา และใช้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภูมิหลังของพวก
เขา ทั้งในเชิงวัฒนธรรมหรือทางอาชีพ
บทเรียนที่ 3 (ต่อ)
 อย่าลืมนาเสนอตัวเองว่าเป็นคนไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ และทาให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์
ของคุณด้วย
 หากคุณต้องการขอความช่วยเหลือ คุณต้องเปิดใจ เป็นกันเอง และเห็นคุณค่า ให้พวก
เขารู้ว่า คุณรับทราบว่าพวกเขาต้องใช้เวลาและพลังงานเพื่อช่วยเหลือคุณ และคุณรู้สึก
ขอบคุณอย่างสูงสาหรับสิ่งนั้น
 ในท้ายที่สุด การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือการเคารพอีกฝ่ ายหนึ่ง เข้าใจสถานการณ์ของ
พวกเขาและซาบซึ้ งในความพยายามของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ก็แสดงความเห็นอก
เห็นใจ ในสถานการณ์ที่คุณเป็นคนช่วยเหลือ
สรุป
 Words That Work สารวจศิลปะแห่งการสื่อสารและวิธีสร้างทักษะทางสังคม ซึ่งจะช่วยให้
คุณประสบความสาเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพ
 แนวทางปฏิบัติเพียงไม่กี่อย่าง เช่น สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคู่สนทนา การรู้จักผู้ฟังของคุณ หรือ
การใช้คาศัพท์ที่สั้นและกระชับ จะทาให้คุณสามารถเอาชนะฝูงชน และผู้คนในชีวิตของ
คุณได้ในชั่วพริบตา
 หนังสือเล่มนี้ เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับเทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิผล
คุณจะได้เรียนรู้ เข้าใจประเด็น และวิธีกระชับความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น
- Epictetus

Weitere ähnliche Inhalte

Ähnlich wie Words That Work คำพูดที่ได้ผล.pptx

เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษsakaratyo
 
9789740335733
97897403357339789740335733
9789740335733CUPress
 
Ebook การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.
Ebook  การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.Ebook  การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.
Ebook การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.peter dontoom
 
ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)Taraya Srivilas
 
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องบทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องAj.Mallika Phongphaew
 
การออกแบบและการนำเสนอ
การออกแบบและการนำเสนอการออกแบบและการนำเสนอ
การออกแบบและการนำเสนอWichit Chawaha
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2krubuatoom
 
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่านบทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่านKanjana Pothinam
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2krubuatoom
 
บทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาบทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาAj.Mallika Phongphaew
 
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
Chapter 2   การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...Chapter 2   การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...aphithak
 
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูดถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูดpyopyo
 

Ähnlich wie Words That Work คำพูดที่ได้ผล.pptx (20)

00412442041
0041244204100412442041
00412442041
 
12
1212
12
 
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
 
Context clues
Context cluesContext clues
Context clues
 
บทที่ ๒.๒
บทที่ ๒.๒บทที่ ๒.๒
บทที่ ๒.๒
 
การพูดประเภทต่าง ๆ
การพูดประเภทต่าง ๆการพูดประเภทต่าง ๆ
การพูดประเภทต่าง ๆ
 
Chapter9
Chapter9Chapter9
Chapter9
 
9789740335733
97897403357339789740335733
9789740335733
 
Ebook การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.
Ebook  การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.Ebook  การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.
Ebook การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กศน.
 
ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)
 
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องบทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
 
การออกแบบและการนำเสนอ
การออกแบบและการนำเสนอการออกแบบและการนำเสนอ
การออกแบบและการนำเสนอ
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2
 
Mainidea
MainideaMainidea
Mainidea
 
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่านบทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2
 
News
NewsNews
News
 
บทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาบทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนา
 
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
Chapter 2   การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...Chapter 2   การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
Chapter 2 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย...
 
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูดถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
 

Mehr von maruay songtanin

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 

Mehr von maruay songtanin (20)

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

Words That Work คำพูดที่ได้ผล.pptx

  • 2. Dr. Frank Luntz - Publication date 2007 - Publisher Hyperion Words That Work outlines the importance of using the right words and the appropriate body language in a given situation to make yourself understood properly and get the most out of the dialogue, while also teaching you some tips-and-tricks on how to win arguments, tame conflicts, and get your point across using a wise selection of words.
  • 3. เกริ่นนา  เหตุใดบางคนจึงทาได้ดีกว่าคนอื่นในการพูดเรื่องงานหรือเรื่องปัญหา? อะไรทาให้ โฆษณาอยู่ในความทรงจาที่แออัดของเรา? อะไรอยู่เบื้องหลังคาขวัญของการหาเสียง และความผิดพลาดทางการเมือง? เหตุใดสุนทรพจน์บางคาจึงดังก้องและยืนยง ในขณะ ที่บางคาพูดถูกลืมหลังจากนั้นไม่นาน?  คาตอบอยู่ที่วิธีการใช้คาพูดเพื่อโน้มน้าวและจูงใจ และวิธีที่พวกเขาใช้เชื่อมโยงกับ ความคิดและอารมณ์
  • 4. Dr. Frank Luntz  Luntz ดึงประสบการณ์ทางการเมืองมาใช้ และเขามีบทบาทในการอธิบายประเด็นต่างๆ ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น เป็นผู้เปลี่ยนคาว่า "ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (estate tax)" ในส่วน ที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้รับมรดก เป็น "ภาษีผู้ถึงแก่กรรม (death tax)" ซึ่งดูเป็นทาง การเมืองมากกว่า เพื่อยกเลิกการเก็บภาษีนี้ จากทายาท (กรณีที่ผู้ตายไม่ได้จ้างทนาย ราคาแพงเขียนพินัยกรรมเพื่อรับการยกเว้นตามกฎหมาย) นอกจากนี้ เขายังเปลี่ยนคา "การขุดเจาะน้ามัน" เป็น "การสารวจพลังงาน"  ในหนังสือของเขา Luntz อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการใช้คาเหล่านี้ หมายถึงความแตกต่างระหว่างความสาเร็จและความล้มเหลวได้อย่างไร
  • 5. มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...  คุณสามารถมีข้อความที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่คนที่อยู่ปลายทางจะเข้าใจข้อความนั้น ผ่าน ปริซึมของอารมณ์ ความรู้สึก อคติ มายา และความเชื่อที่มีอยู่ก่อนเสมอ  คาที่ถูกต้อง มีเหตุผล หรือแม้แต่ดูฉลาด จึงยังไม่พอเพียง
  • 6. มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...(ต่อ)  กุญแจสู่การสื่อสารที่ประสบความสาเร็จคือ การใช้จินตนาการให้ตัวเองเป็นผู้ฟัง เพื่อให้ รู้ว่าพวกเขากาลังคิดและรู้สึกอย่างไร ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจและหัวใจของพวกเขา  ซึ่งทาให้คุณรับรู้สิ่งที่คุณพูดในเป็นความจริงมากกว่า อย่างน้อยก็ในทางปฏิบัติ  เมื่อคาพูดออกจากปากของคุณ คาพูดเหล่านั้นจะเป็นนายของคุณ (Once the words leave your lips, they no longer belong to you.)
  • 7. มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...(ต่อ)  เมื่อเราอ้าปากพูด เรากาลังแบ่งปันกับคนทั้งโลก และโลกก็ตีความความหมายของเรา ซึ่งบางครั้งอาจเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ภารกิจที่สาคัญคือ การไปให้ไกลกว่าความเข้าใจ และมองโลกจากมุมมองของผู้ฟัง ซึ่ง โดยพื้นฐานแล้ว การรับรู้ ของพวกเขาสาคัญกว่า "วัตถุประสงค์" ของคาหรือวลีที่กาหนด  สิ่งที่สาคัญไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด แต่คือสิ่งที่ผู้คนได้ยิน (What matters isn’t what you say, it’s what people hear.)
  • 8. กฎ 10 ข้อ ของภาษาที่มีประสิทธิภาพ  กฎเกณฑ์ทางภาษามีความสาคัญเป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาจากจานวนการสื่อสารที่คน ทั่วไปต้องเผชิญ  เราถูกจู่โจมทางประสาทสัมผัสอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อก้าวออกจากบ้านทุกเช้า จากโฆษณา และความบันเทิง เนื้ อเพลง โทรศัพท์เชิงพาณิชย์ คลิปเสียงสนทนา และอีเมลแบบย่อ  เสียงรบกวนจานวนมากยังมาจากภายในบ้านของเรา ตั้งแต่โทรทัศน์ ระบบเครื่องเสียง ไปจนถึงคอมพิวเตอร์และ iPod ของเรา  คุณจะทาให้คนอื่นได้ยินคาพูดของคุณ ท่ามกลางบทสนทนาทั้งหมดนี้ ได้อย่างไร?
  • 9. กฎข้อที่ 1. ความเรียบง่าย: ใช้คาเล็ก ๆ (Simplicity: Use Small Words)  หลีกเลี่ยงคาที่อาจบังคับให้ใครบางคนต้องเอื้อมมือไปหาพจนานุกรม เพราะคนอเมริกัน ส่วนใหญ่ไม่ทาแบบนั้น  คนอเมริกันโดยเฉลี่ยไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัย และไม่เข้าใจความแตกต่าง ระหว่าง ผลกระทบและการมีผลต่อ (effect and affect)
  • 10. กฎข้อที่ 2. ความกะทัดรัด: ใช้ประโยคสั้น ๆ (Brevity: Use Short Sentences)  จากัดคาให้สั้นที่สุด  อย่าใช้ประโยคในเมื่อวลีใช้ได้ผล และอย่าใช้ถึงสี่คาในเมื่อสามคาก็สามารถใช้ได้แล้ว
  • 11. กฎข้อที่ 3. ความน่าเชื่อถือมีความสาคัญพอ ๆ กับปรัชญา (Credibility Is as Important as Philosophy)  คนต้องเชื่อจึงซื้ อ  หากคาพูดของคุณขาดความจริงใจหรือหากขัดแย้งกับข้อเท็จจริง สถานการณ์ หรือการ รับรู้ที่ยอมรับ คาพูดเหล่านั้นก็จะขาดผลกระทบ
  • 12. กฎข้อที่ 4. ความสม่าเสมอ (Consistency Matters)  การกระทาซ้า ทาซ้า และทาซ้า  ภาษาที่ดีก็เหมือน Energizer Bunny มันดาเนินต่อไป … ต่อไป … และต่อไป
  • 13. กฎข้อที่ 5. ความแปลกใหม่: เสนอสิ่งใหม่ (Novelty: Offer Something New)  ในภาษาอังกฤษ คาที่ใช้ได้ผลมักเกี่ยวข้องกับคาจากัดความใหม่ของแนวคิดเก่า  ในช่วงเวลาที่รถยนต์และการส่งเสริมการขายมีการขยายขนาด โฟล์คสวาเก้นใช้แนวทาง ตรงกันข้ามทั้งในด้านการออกแบบและในข้อความที่ชื่อว่า คิดเล็ก (Think Small)  สั้นและเรียบง่าย แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนแต่ทรงอิทธิพลในวิธีการขาย ผลิตภัณฑ์ มันได้ผลเพราะมันทาให้ผู้คนคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่
  • 14. กฎข้อที่ 6. เสียงและการจัดองค์ประกอบของคา (Sound and Texture Matter)  เสียงและการจัดองค์ประกอบของคา เป็นที่น่าจดจาพอๆ กับคาพูด  คาที่มีตัวอักษรตัวแรกเหมือนกัน เสียงเดียวกัน หรือจังหวะพยางค์เหมือนกันนั้น น่า จดจามากกว่ามีการออกเสียงแบบสุ่ม
  • 15. กฎข้อที่ 7. พูดอย่างทะเยอทะยาน (Speak Aspirationally)  พูดข้อความ ในสิ่งที่ผู้คนต้องการได้ยิน  กุญแจสู่ความสาเร็จของภาษา ที่สร้างแรงบันดาลใจสาหรับผลิตภัณฑ์หรือการเมืองคือ การปรับแต่งข้อความให้เป็นส่วนตัวและมีความเป็นมนุษย์ เพื่อกระตุ้นความทรงจาทาง อารมณ์
  • 16. กฎข้อที่ 8. เห็นภาพ (Visualize)  วาดภาพให้สดใส  ตั้งแต่เพลง "Melts in your mouth, not in your hand" ของ M&M เพลง "When it rains it pours" ของ Morton Salt’s ไปจนถึง "Must See TV" ของ NBC เป็นสโลแกนที่เราจาได้มา ตลอดชีวิต มักจะมีองค์ประกอบภาพที่ชัดเจน ซึ่งเราสามารถเห็นได้ และแทบจะรู้สึก ตามไปด้วย
  • 17. กฎข้อที่ 9. ถามคาถาม (Ask a Question)  Got Milk? อาจเป็นแคมเปญโฆษณาสิ่งพิมพ์ที่น่าจดจาที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา  ถ้อยแถลง เมื่อใส่ในรูปแบบของคาถามเชิงโวหาร อาจมีผลกระทบมากกว่าการยืนยัน ธรรมดามาก
  • 18. กฎข้อที่ 10. ระบุบริบทและอธิบายความเกี่ยวข้อง (Provide Context and Explain Relevance)  คุณต้องให้ "เหตุผล" ของข้อความแก่ผู้คน ก่อนที่คุณจะบอกพวกเขาว่า "ดังนั้น" และ "อย่างนั้น"  หากไม่มีบริบท คุณจะไม่สามารถสร้างคุณค่าของข้อความ ผลกระทบ หรือที่สาคัญที่สุด คือความเกี่ยวข้องของข้อความ
  • 19. การป้องกันข้อผิดพลาดของข้อความ  อย่าละสายตาว่าคุณกาลังพูดกับใคร – และใครกาลังฟังอยู่  จาไว้ว่า ความหมายของคาพูดของคุณมักจะผันแปร มากกว่าที่จะได้รับการเข้าใจ  คาพูดของคุณนั้นได้รับอิทธิพลอย่างมาก จากประสบการณ์และอคติของผู้ฟัง
  • 20. คุณถูกกาหนดด้วยวิธีการรับรู้  ให้วางตาแหน่งแนวคิดของภาษาศาสตร์ในบริบทของผู้ฟัง ซึ่งจะหมายถึงความแตกต่าง ระหว่างความสาเร็จและความล้มเหลวของแนวคิดนั้น  ตัวอย่างเช่น 42 เปอร์เซ็นต์ชาวอเมริกันกล่าวว่า พวกเขาจ่าย เงินสวัสดิการ (welfare) มากเกินไป ขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์คิดว่าน้อยเกินไป ทว่าชาวอเมริกันจานวน 68 เปอร์เซ็นต์คิดว่าพวกเขาใช้ เงินช่วยเหลือคนยากจน (assistance to the poor) น้อย เกินไป เทียบกับเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าพวกเขาใช้จ่ายมากเกินไป  ลองคิดดู: การช่วยเหลือคนยากจนคืออะไร? สวัสดิการ!
  • 21. คาเก่าความหมายใหม่  คาจากัดความของคาเปลี่ยนไปตามยุค สมัย  ในการสร้างคาที่ใช้งานได้ คุณต้องใส่ใจ กับความมีชีวิตของภาษา  คุณต้องเข้าใจวิธีที่ผู้คนใช้คาในปัจจุบัน และความหมายของคาเหล่านั้น
  • 22. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ  การได้มาซึ่งภาษาที่ดีที่สุดไม่เพียงพอในตัวของมันเอง การสื่อสารของมนุษย์ส่วนใหญ่ เป็นอวจนะ (ภาษาท่าทาง) ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และจินตภาพเท่านั้น แต่ ยังรวมถึงทัศนคติและบรรยากาศด้วย  ข้อความที่ทรงอิทธิพลที่สุดจะไม่ได้รับความสนใจ หากไม่ได้พูดโดยผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือ  แต่ความน่าเชื่อถือและความเป็นจริงไม่ได้เกิดขึ้นเอง คุณต้องสร้างมันขึ้นมา (But credibility and authenticity don’t just happen. They are earned.)
  • 23. คุณคือข้อความ  ความเป็นจริงคือสิ่งสาคัญ ไม่ว่าเวทีของคุณจะเป็นธุรกิจหรือการเมือง คุณต้องเป็นตัว ของตัวเอง  บางสิ่งในโลกนี้ ที่เจ็บปวดคือ นักการเมืองหรือซีอีโอที่พยายามทาตัวให้ดูดี ซึ่งพนักงาน และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจมองเห็นความเป็นจริงที่ไม่สุจริตดังกล่าวในสักวัน  จงแสดงออกมาให้เห็น เปิดเผยบุคลิกภาพของคุณ เพราะมันเป็นข้อความเกินกว่าที่จะ บรรยาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เป็นของแท้
  • 24. คาที่เราจาได้  ข้อความที่ประสบความสาเร็จและมีประสิทธิภาพ คือ คาและภาษาที่นาเสนอในบริบทที่ เหมาะสม ซึ่งล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน พวกมันติดอยู่ในสมองของเราและไม่เคยจาก ไป เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน หรือผูกเชือกรองเท้า  คาเหล่านั้นไม่เพียงแต่สื่อสาร ให้ความรู้ และแบ่งปันความคิดเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อน ผู้คนให้ลงมือทาด้วย  คาพูดที่ได้ผลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา กระตุ้นให้เราลุกจากโซฟา ออกจากบ้าน ไปทาอะไร บางอย่าง
  • 25. 21 คาและวลีสาหรับศตวรรษที่ 21  คาต่อไปนี้ ไม่เป็นเพียงแค่ผิวเผิน ทันเวลา หรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์ชั่วคราวในขณะนั้น  คาเหล่านี้ คัดมาจากหัวใจของความเชื่อพื้นฐานของชาวอเมริกัน และตรงกับค่านิยมหลัก ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
  • 26. 1. จินตนาการ (Imagine)  คานี้ ทาให้เกิดบางสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับแต่ละคนที่ได้ยิน  ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทคุณจะเป็นอย่างไร คาว่า "จินตนาการ (imagine)" มีศักยภาพในการสร้างและปรับแต่งความน่าดึงดูดใจ ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ตาม ความฝันและความต้องการของผู้ที่ได้ยินหรืออ่าน 2. ไม่ยุ่งยาก (Hassle-free)  เมื่อพูดถึงวิธีที่เราโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์ บริการ และผู้คน "ไม่ยุ่งยาก" ถือเป็นสิ่งสาคัญ ที่สุด
  • 27. 3. ไลฟ์ สไตล์ (Lifestyle)  คานี้ ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะเป็นการกาหนดตัวเองและความทะเยอทะยานใน ขณะเดียวกัน เพราะทุกคนอยากกาหนดและปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของ ตนเอง 4. ความรับผิดชอบ (Accountability)  ชาวอเมริกันโดยทั่วไป ต้องการให้บริษัทต่างๆ "รับผิดชอบ" สาหรับการกระทาและ ผลิตภัณฑ์ของตน และวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น
  • 28. 5. ผลลัพธ์ และจิตวิญญาณการทาได้ (Results and the Can-do spirit)  เมื่อเราซื้ อของบางอย่าง เราต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นจะให้ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็น สิ่งที่เราสามารถมองเห็น ได้ยิน รู้สึก หรือหาปริมาณได้  และหากผลลัพธ์คือเป้าหมาย "จิตวิญญาณการทาได้" ก็คือความพยายาม 6. นวัตกรรม (Innovation)  คานี้ ทาให้นึกถึงภาพแห่งอนาคตทันที ซึ่งมันนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เล็กกว่า เบากว่า เร็วกว่า ถูกกว่า ใหญ่กว่า ยืดหยุ่นกว่า แข็งแกร่งกว่า และใช้งานได้ยาวนานกว่า
  • 29. 7. นากลับมาใช้ใหม่ (Renew, Revitalize, Rejuvenate, Restore, Rekindle, Reinvent)  เหล่านี้ เป็นคาที่เรียกว่า "re" และมีพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะนาองค์ประกอบหรือ แนวคิดที่ดีที่สุดจากอดีต มาประยุกต์ใช้กับปัจจุบันและอนาคต 8. ประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ (Efficient and Efficiency)  ในสภาพแวดล้อมของการต่อรองเรื่องราคา ประสิทธิภาพถือเป็นข้อได้เปรียบที่สาคัญ ของผลิตภัณฑ์ 9. สิทธิในการ … (The right to … )  ชาวอเมริกันยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสิทธิมาโดยตลอด
  • 30. 10. ผู้ป่ วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-centered)  แนวคิดนี้ อธิบายสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจากการดูแลสุขภาพ เป็นคาศัพท์ครอบคลุมที่ มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับดูแลรักษามนุษย์ 11. การลงทุน (Investment)  การใช้จ่าย (Spending) บ่งบอกถึงขยะ การลงทุน (Investment) แสดงให้เห็นถึงการ จัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ 12. ความสง่างามแบบสบาย ๆ (Casual elegance)  สานวนนี้ กาหนดได้ดีที่สุดว่า คนอเมริกันต้องการอะไรเมื่อเดินทาง มากกว่าคุณลักษณะ อื่นๆ
  • 31. 13. อิสระ (Independent)  คานี้ หมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกรัด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีอะไรต้อง ปิดบัง 14. ความสงบของจิตใจ (Peace of mind)  คานี้ เป็นการแสดงออกถึง "ความปลอดภัย" ที่อ่อนโยนกว่า นุ่มนวลกว่า เป็นการเมือง น้อยกว่า เอื้ออาทรมากกว่า และครอบคลุมทุกด้าน 15. ได้รับการรับรอง (Certified)  เราต้องการข้อตกลงที่รัดกุมว่า สิ่งที่เราซื้ อจะไม่ล้มเหลวหลังจากการซื้อเป็นเวลาหลาย เดือนหรือหลายวัน
  • 32. 16. ชาตินิยมอเมริกัน (All-American)  ในอเมริกา มีสองเรื่องคือ ความก้าวหน้าและนวัตกรรม ที่ผู้จัดจาหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ รายใหญ่อันดับสามและผู้จัดจาหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 10 อันดับแรก ใช้ ภาพลักษณ์ชาตินิยมคือ All American เพื่อเอาชนะในการแข่งขัน และกลายเป็นผู้นาใน อุตสาหกรรม 17. ความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity)  คานี้ ครอบคลุมแนวคิดเรื่องมีงานมากขึ้น อาชีพที่ดีขึ้น ความมั่นคงในการจ้างงาน ค่าตอบแทนที่มากขึ้น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และโอกาสที่ขยายออกไป
  • 33. 18. จิตวิญญาณ (Spirituality)  เพื่อดึงดูดผู้ฟังในวงกว้าง การปลุกระดมของ "จิตวิญญาณ" จะครอบคลุมมากกว่า และมี ผลทางการเมืองมากกว่าการอ้างอิงทั่วไปถึง "ศาสนา" หรือแม้แต่ "ศรัทธา" 19. ความมั่นคงทางการเงิน (Financial security)  น่าเศร้าที่ อิสระภาพทางการเงิน (financial freedom) เป็นสิ่งที่เกินกว่าที่พวกเราส่วนใหญ่ คาดหวังไว้ในขณะนี้ แต่ความมั่นคงทางการเงินยังคงเป็นเรื่องที่บรรลุได้อยู่
  • 34. 20. แนวทางที่สมดุล (Balanced approach)  การแสดงตนเป็นเอกเทศจากพรรคพวกและอุดมการณ์ จะทาให้คุณได้รับคะแนนความ น่าเชื่อถือจากสาธารณชน เช่นเดียวกับการโต้เถียงเพื่อหาแนวทางที่สมดุลสาหรับปัญหา ของประเทศ 21. วัฒนธรรมของ … (A culture of … )  โดยการกาหนดปัญหาหรือกลุ่มปัญหา ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเชิงเปรียบเทียบ คุณสามารถให้น้าหนักและความจริงจังใหม่ๆ แก่มันได้  ปัญหาสังคมถูกแทนที่ด้วยประเด็นทางวัฒนธรรม ซึ่งฟังดูเป็นการคุกคามและตัดสิน น้อยกว่า
  • 35. สิ่งที่คุณได้ยิน  สาหรับคนส่วนใหญ่ ภาษานั้นมีประโยชน์ในการใช้สอยมากกว่าจะเป็นจุดหมาย ปลายทาง ผู้คนคือจุดปลายทาง ภาษาเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าถึง เป็นหนทางไปสู่ จุดหมายปลายทาง  แต่แค่ยืนเฉยๆ และประหลาดใจกับความงามของเครื่องมือนั้นไม่เพียงพอ คุณต้อง ตระหนักว่า มันเหมือนกับไฟ และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ส่องทางหรือทาลาย  การจะประสบความสาเร็จกับคาศัพท์ที่ใช้ได้ผลในศตวรรษที่ 21 คุณจะต้องคุ้นเคยกับ คาเหล่านั้น คุณต้องดาเนินชีวิตตามคาพูด เพราะมันจะกลายเป็นคุณ
  • 36.
  • 37. 3 บทเรียนจากหนังสือ  1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ฟัง และใช้วลีที่เป็น ระเบียบและชัดเจน (Effective communication is tailored to the audience and uses organized and clear phrases)  2. นักสื่อสารที่ประสบความสาเร็จจะพูดถึงความรู้สึกของผู้คน และถ่ายทอดคาพูดที่สื่อ ถึงอารมณ์ (A successful communicator addresses people’s feelings and conveys words that carry emotions)  3. การพูดให้ถูกต้องกับผู้ฟังจะช่วยคุณทั้งในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต และใน ชีวิตประจาวัน (Addressing your audience right will help you both in life-changing situations and on a day-to-day basis)
  • 38. บทเรียนที่ 1: ผู้สื่อสารที่ดีจะถ่ายทอดข้อความด้วยวิธีที่ชัดเจน รัดกุม โดยเน้นที่ผู้ฟังที่กาลัง พูดถึง  ผู้ฟังแต่ละคนไม่เหมือนกัน และผู้สื่อสารที่ดีย่อมรู้ดี  ในการถ่ายทอดข้อความอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องพิจารณาว่าคุณกาลังพูดถึงใคร ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแวดวงคนธรรมดาๆ ในชีวิตประจาวัน เพื่อนและครอบครัวของคุณ หรือกลุ่มบุคคลที่เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ ภาษาของคุณจะต้องแตกต่างกันออกไป  อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผู้ชมที่คุณกาลังพูดถึงเท่านั้น
  • 39. บทเรียนที่ 1 (ต่อ)  คาคล้ายกัน สามารถกระตุ้นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันในผู้คน  การศึกษาแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันเมื่อถูกถามว่าพวกเขาคิดว่าควรจัดสรรเพิ่มเติม ให้เงินทุนสวัสดิการ หรือควรเพิ่มเงินช่วยเหลือคนยากจน มีผู้รับตอบรับเชิงบวกแนวคิด หลังมากกว่าถึงสามเท่า ความจริงสองแนวคิดมีความหมายเหมือนกัน แต่การช่วยเหลือ คนยากจนเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ในทางกลับกัน สวัสดิการมีความหมายทาง การเมืองและเป็นช่องทางการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล  โดยสรุป นั่นคือเป็นพลังของคาพูด และบุคคลที่มีอิทธิพลทุกคนก็รู้ดี!
  • 40. บทเรียนที่ 1 (ต่อ)  อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรจาไว้ หากคุณกาลังพยายามสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคือ ทาให้ ภาษาของคุณเรียบง่ายและรัดกุมที่สุด  ผู้สมัครชิงตาแหน่งประธานาธิบดีและบุคคลสาคัญทางการเมืองทั่วโลก สูญเสียตาแหน่ง ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะพวกเขาใช้คาพูดที่ซับซ้อนเกินไปสาหรับผู้ฟัง  เมื่อคุณพูดกับผู้ฟังทั่วไปในวงกว้าง คุณควรทาให้มันเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทาได้ ตาม หลักการทั่วไป วลีสั้นๆ และคาง่ายๆ เหมาะที่สุดสาหรับการถ่ายทอดข้อมูลไปยังผู้ฟัง
  • 41. บทเรียนที่ 2: ใช้รูปแบบส่วนตัวและความเป็นมนุษย์เพื่อดึงดูดผู้ฟัง  เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสาคัญของการกาหนดเป้าหมายผู้ชมอย่างถูกต้อง และใช้คาที่ เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ  ถึงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่ส่วนอารมณ์ของการสื่อสาร อริสโตเติล พูดถึงเรื่องนี้ ในงาน ประพันธ์ของเขา โดยเขาแนะนาให้นักปราศรัยกาหนดเป้าหมายไม่เพียงแต่เหตุผลใน สุนทรพจน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าสงสารหรือด้านอารมณ์ด้วย
  • 42. บทเรียนที่ 2 (ต่อ)  คุณจะเพิ่มอารมณ์ให้กับคาพูดของคุณได้อย่างไร? มีสองวิธี!  คุณสามารถค้นหาคาที่ใช้กับสถานการณ์ที่ทุกคนคุ้นเคยหรือที่เรียกว่าความเป็นมนุษย์ หรือลงรายละเอียดและเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาให้เป็นเรื่องส่วนตัว โดยเทคนิคของคุณ  สาหรับผู้ฟังกลุ่มใหญ่ที่คุณต้องการรวบรวมผู้คนสู่เป้าหมายร่วมกัน ควรสร้างความ แตกแยกน้อยลงและอย่าปล่อยให้ผู้ฟังรู้สึกว่าถูกกีดกัน คุณจะต้องใช้พลังของความเป็น มนุษย์และความเป็นส่วนตัวในแบบของคุณ
  • 43. บทเรียนที่ 2 (ต่อ)  ผู้นาการเคลื่อนไหว บุคคลทางการเมือง ผู้ให้การสนับสนุนสันติภาพ ผู้แทน และ ผู้บริหารทั่วโลกใช้เทคนิคเหล่านี้  คุณสามารถเชื่อมโยงข้อความและถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิคการโน้มน้าวใจที่ดี โดยถามคาถามและข้อกังวลของ พวกเขา ที่นาพวกเขาไปสู่ข้อสรุปด้วยตนเอง  Ronald Reagan ใช้มันในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของ เขา เขาถามผู้ฟังว่า วันนี้ คุณดีขึ้นกว่าเมื่อสี่ปีก่อนหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ผู้ฟังได้ข้อสรุป เองว่า Reagan พูดถูก ทาให้เขาชนะ!
  • 44. บทเรียนที่ 3: การรู้จักผู้ฟังของคุณจะช่วยให้คุณโน้มน้าวใจผู้คนได้ดีขึ้ นแม้ใน ชีวิตประจาวันของคุณ  คุณคิดว่า การเรียนรู้เคล็ดลับเบื้องหลังการใช้คาพูดที่ถูกต้อง และวิธีที่ผู้นาระดับโลก เอาชนะใจผู้ฟังโดยใช้เทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นสิ่งที่คุณจะใช้เฉพาะเมื่อ คุณกลายเป็นผู้นา นักพูดในที่สาธารณะ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลสูงเท่านั้นหรือไม่?  คิดดูอีกครั้ง! การสร้างทักษะทางสังคม คือสิ่งที่จะทาให้ชีวิตประจาวันของคุณง่ายขึ้น มาก ในขณะที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
  • 45. บทเรียนที่ 3 (ต่อ)  ไม่ว่าคุณจะถูกตารวจหยุดเพราะขับรถเร็วเกินไป คุณมาประชุมสาย หรือลืมสิ่งสาคัญไว้ ที่บ้าน การรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์ จะทาให้ทุกอย่างราบรื่น  สาหรับการเริ่มต้น ให้แสดงความซาบซึ้ งใจ กล่าวคาขอความกรุณา และขอบคุณ  จากนั้น สิ่งสาคัญคือต้องรู้ว่าคุณกาลังพูดกับใคร ใช้ความเห็นอกเห็นใจเพื่อเชื่อมโยงกับ พวกเขา เข้าใจความยุ่งยากใจของพวกเขา และใช้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภูมิหลังของพวก เขา ทั้งในเชิงวัฒนธรรมหรือทางอาชีพ
  • 46. บทเรียนที่ 3 (ต่อ)  อย่าลืมนาเสนอตัวเองว่าเป็นคนไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ และทาให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ ของคุณด้วย  หากคุณต้องการขอความช่วยเหลือ คุณต้องเปิดใจ เป็นกันเอง และเห็นคุณค่า ให้พวก เขารู้ว่า คุณรับทราบว่าพวกเขาต้องใช้เวลาและพลังงานเพื่อช่วยเหลือคุณ และคุณรู้สึก ขอบคุณอย่างสูงสาหรับสิ่งนั้น  ในท้ายที่สุด การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือการเคารพอีกฝ่ ายหนึ่ง เข้าใจสถานการณ์ของ พวกเขาและซาบซึ้ งในความพยายามของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ก็แสดงความเห็นอก เห็นใจ ในสถานการณ์ที่คุณเป็นคนช่วยเหลือ
  • 47. สรุป  Words That Work สารวจศิลปะแห่งการสื่อสารและวิธีสร้างทักษะทางสังคม ซึ่งจะช่วยให้ คุณประสบความสาเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพ  แนวทางปฏิบัติเพียงไม่กี่อย่าง เช่น สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคู่สนทนา การรู้จักผู้ฟังของคุณ หรือ การใช้คาศัพท์ที่สั้นและกระชับ จะทาให้คุณสามารถเอาชนะฝูงชน และผู้คนในชีวิตของ คุณได้ในชั่วพริบตา  หนังสือเล่มนี้ เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับเทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิผล คุณจะได้เรียนรู้ เข้าใจประเด็น และวิธีกระชับความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น

Hinweis der Redaktion

  1. Why are some people better than others at talking their way into a job or out of trouble? What makes some advertising jingles cut through the clutter of our crowded memories? What’s behind winning campaign slogans and career-ending political blunders? Why do some speeches resonate and endure while others are forgotten moments after they are given? The answers lie in the way words are used to influence and motivate, the way they connect thought and emotion.
  2. Luntz draws much from his experience in the political arena, and he has played in a role in how we describe various current issues. For example, it was Luntz who turned the term “estate tax” into the more politically charged “death tax.” He also reframed “drilling for oil” into “exploring for energy.” In his book, Luntz explains how these subtle shifts in word usage can mean the difference between success and failure.
  3. It’s Not What You Say… You can have the best message in the world, but the person on the receiving end will always understand it through the prism of his or her own emotions, preconceptions, prejudices and pre-existing beliefs. It’s not enough to be correct, reasonable or even brilliant.
  4. The key to successful communication is to take the imaginative leap of stuffing yourself right into your listener’s shoes to know what he or she is thinking and feeling in the deepest recesses of his or her mind and heart. How that person perceives what you say is even more real, at least in a practical sense, than how you perceive yourself. Once the words leave your lips, they no longer belong to you.
  5. When we open our mouths, we are sharing with the world — and the world inevitably interprets, indeed sometimes shifts and distorts, our original meaning. The critical task is to go beyond your own understanding and to look at the world from your listener’s point of view. In essence, their perceptions trump the “objective” reality of a given word or phrase. What matters isn’t what you say, it’s what people hear.
  6. The 10 Rules of Effective Language The rules of language are especially important given the sheer amount of communication the average person has to contend with. We step out of our houses each morning into a nonstop sensory assault: advertising and entertainment, song lyrics and commercial jingles, clipped conversations and abbreviated e-mails. A good deal of noise also comes from inside our homes, from our televisions to our sound systems to our computers and iPods. How do you make people hear your words amid all this chatter?
  7. Rule 1. Simplicity: Use Small Words. Avoid words that might force someone to reach for the dictionary, because most Americans won’t. The average American did not graduate from college and doesn’t understand the difference between effect and affect.
  8. Rule 2. Brevity: Use Short Sentences. Be as brief as possible. Never use a sentence when a phrase will do and never use four words when three can say just as much.
  9. Rule 3. Credibility Is as Important as Philosophy. People have to believe it to buy it. If your words lack sincerity or if they contradict accepted facts, circumstances or perceptions, they will lack impact.
  10. Rule 4. Consistency Matters. Repetition. Repetition. Repetition. Good language is like the Energizer Bunny. It keeps going … and going … and going.
  11. Rule 5. Novelty: Offer Something New. In plain English, words that work often involve a new definition of an old idea. At a time when cars and the promotion of them were expanding in size, Volkswagen took exactly the opposite approach in design and in message, titled “Think Small,” brief and simple, marking a subtle but influential shift in the way products would be sold from then on. It worked because it made people think about the product in a fresh way.
  12. Rule 6. Sound and Texture Matter. The sounds and texture of language should be just as memorable as the words themselves. A string of words that have the same first letter, the same sound or the same syllabic cadence is more memorable than a random collection of sounds.
  13. Rule 7. Speak Aspirationally. Messages need to say what people want to hear. The key to successful aspirational language for products or politics is to personalize and humanize the message to trigger an emotional remembrance.
  14. Rule 8. Visualize. Paint a vivid picture. From M&M’s “Melts in your mouth, not in your hand” to Morton Salt’s “When it rains it pours” to NBC’s “Must See TV,” the slogans we remember for a lifetime almost always have a strong visual component, something we can see and almost feel.
  15. Rule 9. Ask a Question. “Got Milk?” may be the most memorable print ad campaign of the past decade. A statement, when put in the form of a rhetorical question, can have much greater impact than a plain assertion
  16. Rule 10. Provide Context and Explain Relevance. You have to give people the “why” of a message before you tell them the “therefore” and the “so that.” Without context, you cannot establish a message’s value, its impact or, most importantly, its relevance.
  17. Preventing Message Mistakes Never lose sight of whom you are talking to — and who is listening. Remember that the meaning of your words is constantly in flux, rather than being fixed. How your words are understood is strongly influenced by the experiences and biases of the listener.
  18. How You Define Determines How You Are Received Positioning an idea linguistically so that it affirms and confirms an audience’s context can often mean the difference between that idea’s success and failure. For example, by almost two-to-one, Americans say they are spending too much on welfare (42 percent) rather than too little (23 percent). Yet an overwhelming 68 percent of Americans think they are spending too little on assistance to the poor, versus a mere 7 percent who think they’re spending too much. Think about it: What is assistance to the poor? Welfare!
  19. Old Words, New Meaning The definitions of words change with the generations. To create words that work, you have to pay close attention to the vitality of the language. You have to understand how people use words today and what those words have come to mean.
  20. Effective Communication Arriving at the best language isn’t enough in and of itself. The majority of human communication is nonverbal. It involves not only symbolism and imagery but also attitude and atmosphere. The most powerful messages will fall on deaf ears if they aren’t spoken by credible messengers. Effective language is more than just the words themselves. There is a style that goes hand-in-hand with the substance. But credibility and authenticity don’t just happen. They are earned.
  21. Be the Message The importance of authenticity cannot be overstated. Whether your arena is business or politics, you simply must be yourself. Few things in this world are more painful than a politician or a CEO trying to act cool. Employees and voters see right through such bad-faith attempts to connect and bond with them. By all means, show, don’t tell. Reveal your personality. Be the message rather than narrating it. But, above all, be authentic.
  22. Words We Remember Successful, effective messages — words and language that have been presented in the proper context — all have something in common. They stick in our brains and never leave, like riding a bicycle or tying our shoelaces. Not only do they communicate, educate and allow us to share ideas — they also move people to action. Words that work are catalysts. They spur us to get up off the couch, to leave the house, to do something.
  23. 21 Words and Phrases for the 21st Century The words that follow are not superficial, timely or contingent on the ephemeral circumstances of the moment. These words cut to the heart of Americans’ most fundamental beliefs and right to the core values that do not change.
  24. 1. Imagine. This word evokes something different to each person who hears it. No matter what your company’s product or service, the word “imagine” has the potential to create and personalize an appeal that is individualized based on the dreams and desires of the person who hears or reads it. 2. Hassle-free. When it comes to how we interact with products, services and people, “hassle-free” is a top priority.
  25. 3. Lifestyle. This word is incredibly powerful because it is at the same time self-defined and aspirational — everyone defines and aspires to his or her own unique lifestyle. 4. Accountability. Americans universally want corporations held “accountable” for their actions as well as their products and how they treat their customers, their employees and their shareholders.
  26. 5. Results and the Can-do spirit. When we buy something, we want to know that it’s going to provide a tangible benefit — something that we can see, hear, feel or otherwise quantify. And if results are the goal, the “can-do spirit” is the effort. 6. Innovation. This word immediately calls to mind pictures of the future. It leads to products that are smaller or lighter or faster or cheaper … or bigger, more resilient, stronger and longer lasting.
  27. 7. Renew, Revitalize, Rejuvenate, Restore, Rekindle, Reinvent. These are the so-called “re” words, and they are incredibly powerful because they take the best elements or ideas from the past and apply them to the present and the future. 8. Efficient and Efficiency. In the bargain-hungry environment in which we live, efficiency is a significant product advantage. 9. The right to … Americans have always been committed to the concept of rights.
  28. 10. Patient-centered. This concept describes what most people want out of their health care. It is the most effective umbrella term for anything related to medicine involving human beings. 11. Investment. “Spending” suggests waste. “Investment” suggests the responsible handling of resources. 12. Casual elegance. This expression best defines what Americans want when they travel, more than any other attribute.
  29. 13. Independent. This word means having no constricting ties, no conflicts of interest, nothing to hide. 14. Peace of mind. This term is a kinder, gentler, softer expression of “security” that is less politicized, more embracing and all-encompassing. 15. Certified. We want and need ironclad agreements that what we buy won’t fail us months or even days after our purchase.
  30. 16. All-American. America is all about progress and innovation, two ways in which the third largest distributor of semiconductors and a top-10 supplier of electronic components, All American, has used its patriotic image to outgrow the competition and become an industry leader. 17. Prosperity. This word encompasses the idea of more jobs, better careers, employment security, more take-home pay, a stronger economy and expanded opportunity.
  31. 18. Spirituality. When appealing to a broad audience, evocations of “spirituality” are more inclusive and therefore more politically effective than are generic references to “religion,” specific denominations, or even “faith.” 19. Financial security. Sadly, financial freedom is more than most of us are hoping for at the moment. Financial security is still attainable.
  32. 20. Balanced approach. Just as professing your independence from partisanship and ideology will win you credibility points with the public, so too will arguing for a balanced approach to our nation’s problems. 21. A culture of … By defining an issue or a cluster of issues as part of a metaphorical culture, you can lend it new weight and seriousness. Social issues have been supplanted by cultural issues, which sound less threatening and judgmental. In the end, how these words are used and delivered is almost as important as the words themselves. Style is almost as important as substance.
  33. It’s What You Hear For most people, language is functional rather than being an end in itself. It’s the people that are the end; language is just a tool to reach them, a means to an end. But it’s not enough to simply stand there and marvel at the tool’s beauty. You must realize it’s like fire, and the outcome depends on how it is used — to light the way, or to destroy. To be successful with the words that work of the 21st century, you will have to become comfortable with them. You have to live the words; they have to become you.
  34. 3 lessons from the book 1. Effective communication is tailored to the audience and uses organized and clear phrases.  2. A successful communicator addresses people’s feelings and conveys words that carry emotions. 3. Addressing your audience right will help you both in life-changing situations and on a day-to-day basis.
  35. Lesson 1: A good communicator conveys their message in a clear, concise way, with a strong focus on the audience they’re addressing Not all audiences are the same, and a good communicator knows it. To convey your message effectively, you’ll have to take in account who you’re addressing. Whether you’re in a circle of simple, day-to-day people, your friends and family, or a group of individuals specialized in a given topic, your language will definitely have to vary between them. However, it’s not just about the audience you’re addressing. 
  36. Similar words can prompt different reactions in people. A study shows that Americans were asked whether they think more funds should be allocated towards welfare or assistance to the poor. Three times more recipients responded positively to the latter. The two notions mean the same thing. But assistance to the poor calls for compassion and empathy. On the other hand, welfare has political connotations and is a way of spending government money. In a nutshell, that’s the power of words – and all influential figures know it!
  37. Now, another thing you should keep in mind if you’re trying to communicate effectively is to keep your language as simple and concise as possible.  Presidential candidates and other political figures worldwide have lost life-changing positions because they were using words too complicated for their audience. When you’re addressing a generally wide audience, it’s best to keep it as simple as possible. As a rule of thumb, short phrases and simple terms are best for conveying information to an audience.
  38. Lesson 2: Use personalization and humanization to appeal to your audience We’ve learned about the importance of targeting your audience right and using simple, yet effective words to relate a message. It’s time to focus on the emotional part of communication. Aristotle himself talks about this in his writings. He advises orators to target not only the ration of people in their speeches, but also their pathos or emotional side. 
  39. So, how do you add emotion to your words? In two ways! You can either find a language that applies to a situation that everyone is familiar with, also known as humanization. Or go into detail and relate to their personal experiences, which implies using the personalization technique. When going for larger audiences and trying to gather people under a common goal, and implicitly, create less division and leave little room for your audience to feel excluded, you’ll want to use the power of humanization and personalization. 
  40. Movement leaders, political figures, peace advocates, and other representatives and executives worldwide use these techniques.   Through personalization, you can relate messages and convey emotions as well, and it’s been proven to be a good persuasion technique also. You can apply it by asking your interlocutor questions and addressing their concerns. Engage them in a thought process that leads them towards a conclusion of their own. Ronald Reagen himself used it in his presidential campaign. He asked his audience: “Are you better off today than you were four years ago?” – and after they got to the conclusion that he’s right, he won!
  41. Lesson 3: Knowing your audience will help you persuade people better even in your daily life Do you think that learning the secrets behind using the right words and how world leaders win audiences using highly effective communication techniques is something that you’ll only use if you’ll become a leader, a public speaker, or someone highly influential yourself? Think again! Building social skills is something that’ll make your daily life much easier, while helping you get out of unpleasant situations.
  42. Whether you’re being stopped by a policeman for driving too fast, you’re late for a meeting, or you forgot something important at home, knowing how to address the situation will make everything run smoother for you. For starters, it helps showing gratitude and saying please and thank you. Then, it’s important to know who you’re addressing. Use empathy to relate to them, understand their struggles, and general knowledge to know a thing or two about their background, culturally or professionally. 
  43. Make sure to present yourself as reliable and trustworthy and make them understand your situation as well.  If you’re asking for a favor, make sure to be open, casual, yet appreciative. Let them know that you acknowledge that they have to put in their time and energy to help you out and you’re highly grateful for that. At the end of the day, effective communication is about respecting the other, making it a point that you understand their situation and appreciate their efforts, while being empathetic if the situation asks for you to be the one doing a favor.
  44. Words That Work explores the art of communication and how to build long-lasting social skills that will help you thrive in your personal and professional life. Using just a few practices, such as relating to your interlocutor, knowing your audience, or keeping your vocabulary short and concise, you’ll manage to win over crowds and people in your life in no time! Reading this book will reveal a great deal of insights on effective communication techniques. You will also learn how to get your point across more easily and how to strengthen your relationships.