Weitere ähnliche Inhalte Ähnlich wie เมื่อใด When (14) Mehr von maruay songtanin (20) เมื่อใด When2. By Daniel H. Pink
Penguin Putnam Inc. U.S.A.
Jan 9, 2018
When: The Scientific Secrets of Perfect Timing breaks down the science of time
so you can stop guessing when to do things and pick the best times to work,
eat, sleep, have your coffee and even quit your job.
3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
Daniel H. Pink เป็นผู้เขียนหนังสือที่สร้างกาลังใจ
หกเล่ม รวมทั้งหนังสือที่ขายดีเป็นเวลานานของ
New York Times คือ A Whole New Mind และ
หนังสือที่ขายดีที่สุดอันดับ 1 คือ Drive และ To
Sell is Human
หนังสือของเขาได้รับรางวัลหลายรางวัล และ
ได้รับการแปลถึง 35 ภาษา
เขาอาศัยอยู่ใน Washington, DC กับภรรยาและ
ลูกสามคน
4. เกริ่นนา
ทุกคนรู้ดีว่า เวลาเป็นทุกอย่าง แต่เราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของเวลา
ชีวิตของเรา มีเรื่องให้ตัดสินใจที่ไม่เคยสิ้นสุด เช่น เริ่มต้นธุรกิจ
กาหนดเวลาเรียน และเรื่องที่จริงจังของบุคคล ถึงกระนั้น เราก็
ตัดสินใจตามพื้นฐานของสัญชาตญาณและการคาดเดา
เวลา มักจะสันนิษฐานว่าเป็นศิลปะ ในหนังสือเล่มนี้ Pink แสดง
ให้เห็นว่า เวลาเป็นวิทยาศาสตร์
5. รูปแบบของวัน
จากงานวิจัยที่หลากหลายของนักจิตวิทยา ชีววิทยา และ
เศรษฐศาสตร์ Pink แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ดีที่สุด ในการใช้ชีวิต
ในการทางาน และในการประสบความสาเร็จ
เราจะใช้รูปแบบในแต่ละวัน เพื่อสร้างตารางเวลาที่เหมาะได้
อย่างไร? ทาไมการหยุดพัก จึงช่วยปรับปรุงคะแนนการทดสอบ
ของนักเรียนได้ดีขึ้น? เราจะเปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่สะดุด ให้เป็น
จุดเริ่มต้นใหม่ได้อย่างไร? ทาไมเราควรหลีกเลี่ยงที่จะไป
โรงพยาบาลในช่วงบ่าย? ทาไมต้องฝึกหัดร้องเพลงกับคนอื่น?
และเมื่อใดคือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะลาออกจากงาน เปลี่ยนอาชีพ
หรือแต่งงาน?
6. เมื่อใด?
เมื่อพูดถึงการวางแผนเพื่อความสาเร็จ เรามักมุ่งเน้นไปที่ อะไร
และ อย่างไร (what and how ) เช่น เมื่อเรากาหนดเป้ าหมายการ
ออกกาลังกาย เราจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการออกกาลังกายที่
เราจะทา หรือวางแผนการชาระหนี้ ว่าจะทาอย่างไร
แต่การประสบความสาเร็จใด ๆ ไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจโดย
อะไรหรืออย่างไร แต่เป็น เมื่อใด (when) ด้วย
8. รูปแบบประจาวันที่ซ่อนอยู่
Pink กล่าวว่า "จากการศึกษาข้ามทวีปและโซนเวลา สามารถ
คาดการณ์ได้ เหมือนกับการแกว่งตัวในแต่ละวันของกระแสน้า
ในมหาสมุทรคือ ยอดสูงสุด เป็นแอ่ง และการฟื้ นตัว (a peak, a
trough and a rebound)"
กล่าวได้ว่า อารมณ์ของเราไม่คงที่ตลอดทั้งวัน เรามีประสิทธิผล
และสร้างสรรค์ในบางช่วงเวลาของวัน
9. รูปแบบประจาวันที่ซ่อนอยู่
จากการสารวจในอังกฤษ แสดงให้เห็นว่า ผู้ปฏิบัติงานทั่วไปเมื่อ
ถึงช่วงเวลา 2.55 น. จะมีผลผลิตน้อยที่สุดของวัน
ในทานองเดียวกัน เด็กนักเรียนชาวเดนมาร์กที่เข้ารับการสอบ
ในช่วงบ่าย มีคะแนนต่ากว่าผู้ที่ได้รับการทดสอบในตอนเช้า
เราทุกคนทาตามรูปแบบโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าเรารู้ตัวว่า เมื่อใดที่เรา
อยู่จุดสูงสุดหรือต่าสุด เราสามารถสร้างช่วงเวลาที่เหมาะกับเรา
ได้ดีขึ้น
10. กาแฟในตอนบ่าย
การงีบหลับ ไปเดินเล่น และหยุดพัก (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พัก
กลางวัน) ไม่ได้เป็นการเสียเวลา
เวลาที่ดีที่สุดที่จะดื่มกาแฟตามที่ผู้เขียนแนะนา ไม่ได้เป็นสิ่งแรก
ในตอนเช้า แต่เป็นหลังจากที่คุณตื่นขึ้นหนึ่งชั่วโมงหรือ 90 นาที
จากนั้น การผลิต cortisol ของคุณจะเพิ่มขึ้น และคาเฟอีนจะ
ทางานได้อย่างมหัศจรรย์
11. 3 บทเรียนจากหนังสือ
การรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลา จะช่วยให้คุณจัดการชีวิตได้ดีขึ้นโดย
1. รู้วงรอบอารมณ์ ที่ทางานเหมือนกันทุกวัน
2. รู้เวลาที่คุณ "พร้อมสุด (tick)" จะช่วยให้คุณทางานได้ดีที่สุด
3. การหยุดพักหรือการงีบช่วงบ่าย ไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่ยังช่วย
ประหยัดเวลาอีกด้วย
12. 1. เรามีรูปแบบอารมณ์ของแต่ละคนที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
จากการศึกษาโดย Cornell University ที่วิเคราะห์ 500 ล้านของ
การ tweets พบรูปแบบเวลาดังนี้
สูงสุดตอนเช้า (Morning peak) ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกดีในตอนเช้า
ไม่ว่าจะเป็นหลังจากตื่นนอน หรืออีก 1-2 ชั่วโมงต่อมา
หย่อนช่วงบ่าย (Afternoon trough) คุณรู้ไหมว่ามันยากที่จะตื่นตัว
หลังอาหารกลางวัน
ฟื้ นตัวยามค่าคืน (Evening rebound) เมื่อคุณผ่านการทางานไป
แล้ว แม้ในวันที่ยากที่สุด คุณสามารถฟื้ นตัวได้
13. สามช่วงเวลาของวัน
อารมณ์และประสิทธิภาพการทางานมีสามขั้นตอนในแต่ละวันคือ
สูงสุด หย่อนลง และฟื้ นตัว (a peak, trough and recovery)
ช่วงสูงสุด อารมณ์และประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้น เวลานี้ เหมาะ
สาหรับงานวิเคราะห์ที่ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ ช่วงหย่อน
ตัวเกิดขึ้นประมาณเจ็ดชั่วโมงหลังจากที่ตื่นขึ้นมา อารมณ์และ
ประสิทธิภาพจะลดลง ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดสาหรับการ
บริหารงาน แต่ในระหว่างการฟื้ นตัว อารมณ์จะยกระดับขึ้ นอีก
ครั้ง เป็นเวลาที่ดีสาหรับงานสร้างสรรค์ เช่นการระดมความคิด
14. ในแต่ละวัน
ไม่ว่าอายุ เชื้อชาติ เพศ และสัญชาติ เราทุกคนต่างก็เจอรูปแบบ
นี้ ในแต่ละวัน
Daniel Kahneman ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ประพันธ์เรื่อง Thinking
Fast and Slow ยืนยันเรื่องนี้ ด้วย Day Reconstruction Method
นี่เป็นข้อสรุป สาหรับวิธีการที่เราควรดาเนินการเกี่ยวกับวันของ
เรา เป็นรูปแบบที่ดีในการรับมือกับอารมณ์ ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
15. 2. รู้ถึงนาฬิกาในตัวของคุณ เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด
การรู้วัฏจักรชีวิตประจาวันของเรา ทาให้เราสามารถเรียนรู้
เกี่ยวกับตัวเราได้มากขึ้น ถ้าได้รวมกับ จังหวะการทางานของเรา
(our circadian rhythm)
เมื่อเวลาผ่านไป เราจะมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เมื่อใดที่เรา
มีความคิดฟุ้ งซ่านหรือตกต่า เช่น "ฉันไม่สามารถลุกขึ้ นก่อน 7
โมงเช้า" "ฉันเป็นพวกนกฮูกกลางคืน" หรือ "ฉันชอบตื่นเช้ามืด"
เป็นสิ่งที่เราเคยพูด หรือได้ยินมาก่อน
16. เวลาของชีวิต
"Chronobiology" คือการศึกษาเวลาในสิ่งมีชีวิต และการปรับตัว
ให้เข้ากับจังหวะที่เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์และดวงจันทร์
การทาความเข้าใจเกี่ยวกับ "นาฬิกาในตัว (chronotype)" หรือ
จังหวะทางชีวภาพ (biological rhythm) ของคุณ เป็นขั้นตอนแรก
ในการทาความเข้าใจว่า คุณควรทาอะไร และช่วงเวลาใด
ตัวอย่างเช่น การล้างมือในโรงพยาบาลจะลดลงอย่างมากในช่วง
บ่าย แพทย์มีแนวโน้มที่จะสั่งยาปฏิชีวนะผิดในตอนบ่าย และ
ข้อผิดพลาดในการดมยาระงับความรู้สึก มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
ในเวลาบ่ายสามโมงมากกว่าเวลา 9.00 น
17. เวลาของชีวิต
นาฬิกาในตัว (chronotype) แบ่งได้เป็นสามชนิดคือ
1. The lark คนที่ชอบที่จะตื่นแต่เช้ามืด และมีระดับความรู้สึก
ทางอารมณ์ก่อนคนอื่น ๆ หลายชั่วโมง
2. The owl ถ้าคุณไม่ชอบตื่นแต่เช้า แต่สามารถทางานได้ดีตอน
21.00 น. เป็นต้นไป นั่นคือคุณ
3. The third bird ผู้คนส่วนใหญ่ ที่ไม่ช้าหรือเร็ว และทาตาม
รูปแบบมาตรฐาน
19. 3. หยุดพักบ่อย ๆ และ nappuccinos จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา
ความตระหนักของสาธารณชนเกี่ยวกับสุขภาพ ได้เพิ่มขึ้นอย่าง
มากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้น มุมมองที่ว่าการหยุดพักว่าเป็น
การเสียเวลาจึงเป็นสิ่งที่ล้าสมัย แต่ก็ยังแพร่หลายในบริษัทและ
สถาบันที่เก่าแก่บางแห่ง
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังว่า เราควรจะทางาน
เท่าไหร่ และเราควรจะผ่อนคลายเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ
มาก
20. การหยุดพักที่สมบูรณ์แบบ
บริษัท DeskTime ทาการศึกษาโดยใช้ข้อมูลนับล้านจาก
ซอฟต์แวร์ของพวกเขา พบว่า ช่วงเวลาหยุดพักที่เหมาะจะเป็น
17 นาทีสาหรับทุกๆ การทางาน 52 นาที
นั่นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในทุกสามชั่วโมงที่คุณทางาน!
แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดว่า ไม่มีทางที่จะนาไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี
ขึ้นได้ แต่จากการศึกษาพบว่า คุณภาพของงานโดยรวมเพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงพักที่สั้นหรือน้อยกว่า
22. การหยุดพักหลังรับประทานมื้ อเที่ยง
แม้ว่าเจ้านายของคุณจะไม่ยอมให้ "หยุดพัก" ควรใช้เวลาห้า
นาทีทุกชั่วโมง ในการลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ เดินไปข้างนอกรับ
อากาศบริสุทธิ์และดื่มน้าสักแก้ว สามารถสร้างความแตกต่างใน
การผลิตของคุณได้
สุดท้ายนี้ Dan แนะนา 'nappuccino' หลังจากรับประทานอาหาร
กลางวัน คือดื่มกาแฟแล้วตั้งเวลาไว้ 20 นาที ใช้เวลาเจ็ดนาทีใน
การเข้าสู่การหลับแล้วตื่นตามเวลาที่ตั้งไว้ คุณจะตื่นขึ้นมาอย่าง
สดชื่นและมีฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ส่งผลอย่างเต็มที่
23. Coffee + Nap = Nappuccino
หลังดื่มกาแฟ จะใช้เวลาประมาณ 25 นาทีสาหรับคาเฟอีนใน
การเข้าสู่กระแสเลือด ดังนั้นถ้าคุณดื่มกาแฟสักแก้ว จากนั้นงีบ
หลับยาว 25 นาที จะเป็นเทคนิคที่เหมาะสาหรับการงีบหลับและ
เพิ่มสมรรถนะ
บริษัทบางแห่ง (Uber, Zappos, Nike ... ) ได้สร้างห้องงีบหลับ
สาหรับพนักงานในสานักงานของตน
การวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การเตรียมพร้อมและผลิตผล
เพิ่มขึ้นหลังจากงีบหลับ นอกจากนี้ การงีบหลับยังเสริมสร้าง
ระบบภูมิคุ้มกันของเราอีกด้วย!
26. Daniel Pink ได้ให้คาแนะนาดังต่อไปนี้ :
หยุดพักระยะสั้น ๆ (Take micro breaks) การพักระยะสั้น ๆ ป้ องกัน
ไม่ให้เกิดความเคยชิน ช่วยให้เรารักษาความตั้งใจ และมีความมุ่งมั่น
ต่อเป้ าหมายของเราได้อีกครั้ง
เดินระหว่างช่วงพัก (Move during your break) เดินห้านาที ช่วยเพิ่ม
พลังงาน เพิ่มแรงจูงใจและสมาธิ
หลายหัวดีกว่าหัวเดียว (Social beats solo) ในอาชีพที่เครียดสูง เช่น
การพยาบาล เพื่อลดความผิดพลาดทางการแพทย์
ภายนอกดีกว่าภายใน (Outside beats inside) การอยู่ใกล้กับต้นไม้
พืช และแม่น้า เป็นการฟื้ นฟูจิตใจ
หยุดพักโดยไม่มีเทคโนโลยี (Take a tech free break) การหลุดจาก
การทางานชั่วคราว เพื่อลดความเหนื่อยล้า
28. การนาแนวคิดไปใช้ประโยชน์
คนเราจะตื่นตัวและมีความสุขในตอนเช้า (People are more alert and
happier in the mornings)
มีคนสองประเภทที่โดดเด่นคือ นก Larks และนก Owls (There
are two dominant types of people as Larks (morning people)
and Owls (night people)
ผลงานจะแตกต่างกันไปขึ้นกับช่วง สูงสุด หย่อนลง และ ฟื้ นตัว
(Performance varies drastically in a peak, trough, and recovery phase
of the day)
การหยุดพัก คือคาตอบสาหรับการมีประสิทธิภาพสูงสุด (Breaks are
the answer to top performance)
เวลางีบหลับที่เหมาะสมคือ 10 ถึง 20 นาที (The ideal nap length is
10 to 20 minutes!)