SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 35
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
22 กรกฎาคม 2565
Peter F. Drucker
Publisher : Harvard Business Press (January 7, 2008)
Managing Oneself is a guide to developing a skillful persona and learning more about your strengths,
weaknesses, inclinations, and how you collaborate with others, all while making yourself more
knowledgeable about how to thrive in your career.
เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Peter F. Drucker (พ.ศ. 2452-2548) เป็นหนึ่งในนักคิดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง
ในหัวข้อทฤษฎีการจัดการและการปฏิบัติ เขาเป็นนักการศึกษาชาวอเมริกันที่เกิดในออสเตรีย เป็นผู้
ปฏิวัติกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และภาวะผู้นา
 Drucker ถือว่าเป็น "บิดาแห่งทฤษฎีการจัดการสมัยใหม่ (the father of modern management theory)"
หลักการพื้นฐานของเขาเป็ นเรื่องเกี่ยวกับ The creation of a knowledgeable worker, Decentralization
and simplification, Customer-oriented companies, และ Do what you do best and outsource the rest
 เขาเป็นผู้คิดค้นแนวคิดที่เรียกว่า การจัดการโดยวัตถุประสงค์ (Management by Objectives)
 Peter Drucker เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในเมืองแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
เขามีลูกสี่คนและหลานหกคน
แนวคิดโดยย่อ
 เราอยู่ในยุคแห่งโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน หากคุณมีความทะเยอทะยาน แรงผลักดัน และไหวพริบ
คุณสามารถก้าวขึ้ นสู่จุดสูงสุดของอาชีพที่คุณเลือกได้ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากที่ใด
 และขึ้ นอยู่กับคุณ ที่จะทาให้ตัวเองมีความผูกพันและมีประสิทธิผล ตลอดช่วงชีวิตการทางานที่อาจ
กินเวลาประมาณ 50 ปี ในการทาสิ่งเหล่านี้ ให้ดี คุณจะต้องปลูกฝังความเข้าใจในตัวเองอย่างลึกซึ้ งว่า
จุดแข็งที่มีค่าที่สุดและจุดอ่อนที่อันตรายที่สุดของคุณคืออะไร? ที่สาคัญไม่แพ้กัน คุณเรียนรู้และ
ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างไร? ค่านิยมที่ลึกซึ้ งที่สุดของคุณคืออะไร? และ ในสภาพแวดล้อมการทางาน
ประเภทใดที่คุณสามารถมีส่วนช่วยเหลือได้มากที่สุด?
 ด้วยความหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อคุณดาเนินการจากจุดแข็งและความรู้ในตนเองร่วมกัน
เท่านั้น ที่จะทาให้คุณสามารถบรรลุความเป็ นเลิศที่แท้จริงและยั่งยืน
แนวคิดในทางปฏิบัติ เพื่อสร้างชีวิตแห่งความเป็นเลิศ เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองด้วยคาถามเหล่านี้ :
 1. จุดแข็งของฉันคืออะไร? (What are my strengths?)
 2. ฉันทางานอย่างไร? (How do I work?)
 3. ค่านิยมของฉันคืออะไร? (What are my values?)
 4. ฉันควรอยู่ที่ไหน? (Where do I belong?)
 5. ฉันสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง? (What can I contribute?)
1. จุดแข็งของฉันคืออะไร?
 หากต้องการระบุจุดแข็งของคุณอย่างถูกต้อง ให้ใช้ การวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (feedback
analysis) โดยทุกครั้งที่คุณตัดสินใจเรื่องสาคัญ ให้จดผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังไว้ หลายเดือนต่อมา ให้
เปรียบเทียบผลลัพธ์จริงกับผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง
 มองหารูปแบบในสิ่งที่คุณเห็น คุณมีทักษะในการสร้างผลลัพธ์อะไร? คุณต้องปรับปรุงความสามารถ
อะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ? มีนิสัยที่ไม่ก่อผลอะไรบ้าง ที่ขัดขวางไม่ให้คุณสร้างผลลัพธ์
ที่คุณต้องการ?
 ในการระบุโอกาสในการปรับปรุง อย่าเสียเวลาฝึกฝนทักษะที่คุณมีความสามารถเพียงเล็กน้อย ให้
เน้นและสร้างจากจุดแข็งของคุณ
2. ฉันทางานอย่างไร?
 คุณทางานได้ดีที่สุดด้วยวิธีใด? คุณประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยการอ่าน หรือจาก
การฟังคนอื่นพูด?
 คุณประสบความสาเร็จมากที่สุดโดยการทางานร่วมกับคนอื่น หรือโดยการทางานคนเดียว?
 คุณทาผลงานได้ดีที่สุดโดยการตัดสินใจ หรือโดยการให้คาแนะนาผู้อื่นในเรื่องสาคัญ ?
 คุณทาได้ยอดเยี่ยมเมื่อเกิดความตึงเครียด หรือคุณทางานได้ดีเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้?
3. ค่านิยมของฉันคืออะไร?
 จริยธรรมของคุณคืออะไร? อะไรที่คุณเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบที่สาคัญที่สุดของคุณ ในการใช้ชีวิต
อย่างมีจริยธรรมและมีคุณค่า?
 จริยธรรมขององค์กรของคุณสอดคล้องกับค่านิยมของคุณเองหรือไม่? (ถ้าไม่เช่นนั้น อาชีพของคุณ
อาจจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและมีผลงานที่ไม่ดี)
4. ฉันควรอยู่ที่ไหน?
 พิจารณาจุดแข็ง วิธีการทางานที่ต้องการ และค่านิยมของคุณ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติเหล่านี้
สภาพแวดล้อมการทางานแบบใด จึงจะเหมาะที่สุดสาหรับคุณ?
 ค้นหาสิ่งที่ใช่ แล้วคุณจะเปลี่ยนตัวเองจากพนักงานที่ยอมรับได้ ให้กลายเป็นพนักงานที่มีชื่อเสียง
5. ฉันมีส่วนช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?
 ในยุคก่อนหน้านี้ บริษัทต่าง บอกบุคลากรว่า การมีส่วนช่วยเหลือควรเป็ นอย่างไร
 วันนี้ คุณมีทางเลือกในการตัดสินใจว่า จะปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรของคุณให้ดีที่สุดได้อย่างไร
ก่อนอื่น ให้ถามว่าสถานการณ์นั้นต้องการอะไร
 จากจุดแข็ง รูปแบบการทางาน และค่านิยมของคุณ คุณจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่กับ
ความพยายามขององค์กรได้อย่างไร ?
การจัดการตนเองในภาพรวม
 เราอาศัยอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งความต้องการของตลาดมีความผันผวน ความ
ต้องการส่วนบุคคลและค่านิยมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อน และสภาพแวดล้อมในการ
ทางานก็เช่นกัน เพื่อรับมือกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงและพลังของโลก คุณจะต้องพัฒนาตนเอง
และพัฒนาทักษะที่สามารถยกระดับคุณได้
 บ่อยครั้งที่บุคคลมักจะล้าหลังเพื่อนเนื่องจากขาดทิศทาง การจัดการตนเองจะเจาะลึกถึงกลยุทธ์การ
พัฒนาตนเองที่เราทุกคนต้องการ โดยเริ่มจากการรู้จักตัวเอง เพื่อมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งและรูปแบบการ
สื่อสารของคุณ
 การประสบความสาเร็จของเราแม้จะยังมีจุดอ่อน คือทักษะที่ทรงพลัง แล้วเราจะบรรลุได้อย่างไร?
ประเด็นในเรื่อง การพัฒนาตนเอง
 1. อะไรคือจุดแข็งของฉัน? (What are my strengths?)
 2. ฉันทาได้ดีเพียงใด? (How do I perform?)
 3. ค่านิยมของฉันคืออะไร? (What are my values?)
 4. ฉันควรจะอยู่จุดใด? (Where do I belong?)
 5. สิ่งที่ฉันควรจะมีส่วนสนับสนุนคืออะไร? (What should I contribute?)
 ความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ (Responsibility of relationships)
 ช่วงครึ่งหลังของชีวิต (The Second Half Of Your Life)
1. อะไรคือจุดแข็งของฉัน?
 รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณทาได้ดี มันเป็นการง่ายที่จะรู้ในสิ่งที่เราทาได้ไม่ดี มากกว่าการรู้ว่าสิ่งที่เราทาได้ดี
 เราไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพการทางานได้บนจุดอ่อน ซึ่งอาจทาให้เราไม่สามารถทาอะไรได้เลย
 บุคคลสามารถดาเนินการได้ โดยอาศัยจุดแข็งเท่านั้น
 ให้ค้นพบจุดแข็งของคุณผ่าน การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะป้อนกลับ (feedback analysis)
การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะป้อนกลับ
 เป็นวิธีเดียวที่ใช้ระบุจุดแข็งของคุณ
 เขียนผลที่คาดหวังจากการตัดสินใจที่สาคัญและการกระทาของคุณ จากนั้น 9-12 เดือนต่อมา ให้
เปรียบเทียบกับผลลัพธ์
 แผนดาเนินการต่อไปเพื่อการปรับปรุง
 ใช้จุดแข็งของคุณที่ทาให้เกิดผลลัพธ์ (ทางานเพื่อปรับปรุงจุดแข็งของคุณ)
 หลีกเลี่ยงความหยิ่งทางปัญญา (หาทักษะที่จาเป็น)
 แก้ไขนิสัยที่ไม่ดี (การขาดมารยาท)
 รู้ในสิ่งที่จะไม่ทา (ระบุความด้อยเรื่องความสามารถ และพยายามหลีกเลี่ยง)
2. ฉันทาได้ดีเพียงใด?
 ขึ้ นกับลักษณะของบุคลิกภาพ (วิธีการดาเนินการที่บุคคลที่ทาได้ดีหรือไม่ดี เพราะแต่ละคนมีการ
ทางานและการดาเนินการที่แตกต่างกัน)
 วิธีการที่ผู้คนดาเนินการที่ไม่ซ้ากัน (เป็นเรื่องของบุคลิกภาพ)
 คนจานวนมากทางานในรูปแบบที่ไม่ได้เป็นวิธีการของพวกเขา
 และอย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (มากเกินไป) ให้ทางานหนัก เพื่อปรับปรุงวิธีที่คุณใช้
ดาเนินการ
ฉันเป็นผู้อ่านหรือผู้ฟัง?
 ผู้อ่านเช่น ประธานาธิบดีเคนเนดี้ หรือรัฐมนตรีแมคนามารา ที่ชอบอ่านรายงานก่อนการแถลงข่าว
หรือการอภิปราย
 ผู้ฟังเช่น ประธานาธิบดีรูสเวลท์ ชอบการฟังและพูดคุย มากกว่าการอ่านและการเขียน
 ผู้อ่านไม่สามารถกลายเป็นผู้ฟังได้อย่างเต็มที่ (และในทานองเดียวกัน)
ฉันเรียนรู้ได้อย่างไร?
 คนเราอาจจะได้เรียนรู้จากการอ่าน การเขียน การทา การพูด การฟัง หรือการรวมกันของวิธีดังกล่าว
 เราจะต้องใช้วิธีการที่ได้ผล สาหรับเราเอง
3. ค่านิยมของฉันคืออะไร?
 การทดสอบกับกระจก (mirror test) อย่างมีจริยธรรม ให้ถามตัวเองว่า คนแบบไหนที่ฉันต้องการที่จะ
เห็นในกระจกในตอนเช้า?
 ค่านิยม (values) เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด (ultimate test) สาหรับการทางานที่เข้ากันได้ขององค์กร
กับคุณ
 ความขัดแย้งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ
 ความมุ่งมั่นขององค์กร ระหว่างพนักงานใหม่กับพนักงานเก่า
 การปรับปรุงที่ค่อย เพิ่มขึ้น หรือพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
 การเน้นผลในระยะสั้น เทียบกับเป้าหมายระยะยาว
 คุณภาพเทียบกับปริมาณ
 การเจริญเติบโตเมื่อเทียบกับความอยู่รอด
4. ฉันควรจะอยู่เป็นที่ไหนดี?
 นักคณิตศาสตร์ นักดนตรี และพ่อครัว มักจะแสดงออกในขณะที่พวกเขามีอายุสี่หรือห้าขวบ
 คนที่มีพรสวรรค์สูง ควรจะต้องตระหนักในช่วงต้นของชีวิตว่า พวกเขาควรเป็นหรือไม่ควรเป็นอะไร
 ผู้ประสบความสาเร็จในอาชีพ เกิดจากมีการพัฒนาเตรียมไว้ก่อนสาหรับโอกาสที่จะมาถึง เพราะพวก
เขารู้จุดแข็งของพวกเขา วิธีการของพวกเขาในการทางาน และค่านิยมของพวกเขา
 การรู้ตัวตนสามารถเปลี่ยนคนธรรมดา ขยันและมีความสามารถ แต่อย่างอื่นปานกลาง ให้เป็นผู้ที่มี
ความโดดเด่น
 เมื่อฉันตอบคาถามสามข้อต่อไปนี้ แล้ว ทาให้ฉันสามารถและตัดสินใจในสิ่งที่ฉันควรอยู่เป็นได้
 1. ฉันควรทางานในองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรขนาดเล็ก?
 2. "ใช่ฉันจะทาอย่างนั้น" (ในวิถีที่ฉันเป็น)
 3. ถ้าฉันไม่ชอบการตัดสินใจ ฉันควรจะได้เรียนรู้ที่จะบอกว่าไม่ เมื่อมีการมอบหมายให้เป็นผู้
ตัดสินใจ
5. สิ่งที่ฉันควรจะมีส่วนสนับสนุนคืออะไร?
 ผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ ควรมีส่วนสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับ
 สถานการณ์ต้องการอะไร?
 การมีจุดแข็ง วิธีการ และค่านิยมของฉัน สามารถสนับสนุนในสิ่งที่ต้องทาอะไรบ้าง?
 อะไรคือผลลัพธ์ที่ได้ที่สร้างความแตกต่าง จากการประสบความสาเร็จ?
 ไม่ควรมองไกลไปข้างหน้าเกิน 18 เดือน ควรมีการวางแผนที่จะ
 ให้บรรลุผลลัพธ์ที่มีความหมาย และสร้างความแตกต่าง
 ตั้งเป้าหมายที่ยืด มีความลาบาก แต่สามารถทาให้สาเร็จได้
 สามารถมองเห็นผลได้ และสามารถวัดผลได้
 กาหนดแนวทางของการกระทาว่า จะทาอะไร อย่างไร ที่ใด วิธีการที่จะเริ่มต้น สิ่งที่เป็นเป้าหมาย
วัตถุประสงค์ และกาหนดเวลาเส้นตาย
ความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์
 เจ้านายจะไม่ได้ขึ้ นกับตาแหน่ง ในแผนภูมิ หรือหน้าที่ การทาให้เจ้านายมีประสิทธิผล (effective)
มากขึ้ น เป็ นความลับของ "การจัดการเจ้านาย"
 ความสัมพันธ์ของการทางานขึ้ นอยู่กับคน เพราะเพื่อนร่วมงานมีความเป็ นมนุษย์และความเป็น
บุคคลเช่นเดียวกับที่คุณมี
 ความรับผิดชอบของการสื่อสาร จึงเป็นวิธีการที่คุณดาเนินการ เพื่อลดความขัดแย้งด้านบุคลิกภาพ
 องค์กรเกิดจากการสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล ไม่จาเป็นต้องหมายความว่าพวกเขาชอบกัน
แต่อยู่ที่พวกเขามีความเข้าใจกันและกัน
ช่วงครึ่งหลังของชีวิตของคุณ
 การจัดการตนเอง ควรนาไปสู่การเริ่มต้นอาชีพที่สอง โดยการ
 เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ (ย้ายไปยังองค์กรอื่น)
 พัฒนาอาชีพคู่ขนาน (ทาไปพร้อมกับงานปัจจุบัน)
 ผู้ประกอบการทางสังคม (ในกิจกรรมไม่แสวงหาผลกาไร)
 ผู้ที่มีการจัดการช่วงครึ่งหลังชีวิตของพวกเขา อาจจะเป็นชนกลุ่มน้อย เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยู่
จน เกษียณอายุ (retire on the job)
สามบทเรียนในการพัฒนาตนเองและประสบความสาเร็จ
 1. รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ โดยทาการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (Know your strengths
and weaknesses by conducting a feedback analysis.)
 2. เข้าใจรูปแบบการสื่อสารของคุณ และวิธีทางานร่วมกับผู้อื่น (Understand your communication
style and how you work with others.)
 3. ทางานในอาชีพที่สองของคุณ เพื่อให้ตัวเองมีความผูกพันและท้าทายในชีวิตการทางานของคุณ
(Work on your second career to keep yourself engaged and challenged in your working life.)
บทเรียนที่ 1: เริ่มต้นเส้นทางการพัฒนาตนเองโดยการเรียนรู้เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ
 เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่มีคุณค่าที่แท้จริงในชีวิต ความสาเร็จในอนาคตของคุณจาเป็นต้องมีรากฐานที่วาง
ไว้ เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ คุณจะต้องค้นหาว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคือ
อะไร และจะมีวิธีใช้อย่างไรในการทางานของคุณ
 คุณสามารถเริ่มต้นด้วย การวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (feedback analysis) เกี่ยวกับการ
ดาเนินการหลักของคุณ โดยเมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจเรื่องสาคัญ ให้จดบันทึกว่าผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ของคุณคืออะไร หนึ่งปีต่อมา เปรียบเทียบความคาดหวังกับความเป็นจริง ถามตัวเองว่า จุดแข็งและ
จุดอ่อนของคุณอยู่ในกระบวนการนี้ อย่างไร และส่งผลต่อผลลัพธ์อย่างไร
 กระบวนการนี้ มีความสาคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับของคุณ
 สิ่งสาคัญคือต้องรู้ว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร และรวมถึงสิ่งที่คุณควรนาเสนอและสิ่งที่คุณควรทา
ดังนั้น การรู้จักพรสวรรค์ของคุณ จะช่วยให้คุณมองหาทักษะที่จะรักษาและพัฒนาทักษะเหล่านั้นได้
 อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ผลป้อนกลับ ยังหมายความถึงการรู้ค่านิยมหลักของคุณ และเป็นการ
ตรวจสอบตัวเองด้วยว่า งานของคุณที่ทาสะท้อนออกมาหรือไม่
 อย่าทางานเพื่อภารกิจหรือสถานที่ที่ขัดต่อระบบความเชื่อของคุณ เพราะมันจะส่งผลต่อการ
ปฏิบัติงาน และเข็มทิศทางศีลธรรมของคุณ
บทเรียนที่ 2: วิธีที่คุณสื่อสารกับคนอื่น บอกพวกเขาว่าคุณอยู่ตาแหน่งใดและทางานอย่างไร
 การทาความเข้าใจว่า รูปแบบการทางานร่วมกันของคุณเป็นอย่างไร คุณเป็นผู้อ่านหรือผู้ฟัง คุณ
ต้องการเป็นผู้ควบคุมหรือฟังจากผู้นา คุณชอบสื่อสารกับทีมของคุณหรือทางานเดี่ยว ล้วนเป็นปัจจัย
สาคัญที่กาหนดบุคลิกที่เป็นมืออาชีพของคุณ
 การสื่อสารเป็ นองค์ประกอบสาคัญของชีวิตของทุกคน และเครือข่ายที่เราสร้างขึ้ นมาก็มีบทบาท
สาคัญในเรื่องราวความสาเร็จของเรา ดังนั้น การเรียนรู้และปรับแต่งให้เข้ากับบุคลิกของเรา จึงเป็น
สิ่งสาคัญ
 ในการยกระดับความสัมพันธ์ของคุณ คุณต้องยอมรับก่อนว่า ทุกคนก็เป็นบุคคลเช่นเดียวกับคุณ
 พวกเขามีความฝัน ความหวัง ความทะเยอทะยาน ความกลัว และความเจ็บปวด ดังนั้นในการจะทา
สิ่งต่าง ร่วมกันได้ คุณต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกัน บทบาทของคุณคือการเรียนรู้
เกี่ยวกับคู่สนทนาของคุณและรับผิดชอบต่อการสื่อสาร คุณต้องให้พวกเขารู้ว่า คุณเก่งอะไร และ
ต้องการอะไร
 เริ่มต้นด้วยการระบุความคาดหวังของคุณ ค่านิยม ขอบเขต และรูปแบบการทางานของคุณคืออะไร
ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการสื่อสาร
 อย่างไรก็ตาม หากต้องการทราบว่าสิ่งที่ต้องปรับปรุงเหล่านั้นคืออะไร คุณจะต้องวิเคราะห์ความ
คิดเห็นป้อนกลับต่อไปเรื่อย ซึ่งจะเป็ นตัวกาหนดความพยายามทั้งหมดของคุณ
บทเรียนที่ 3: อาชีพที่สองอาจเป็นกุญแจสู่ชีวิตที่เติมเต็ม ท้าทาย และน่าตื่นเต้น
 การพูดถึงอาชีพที่สองในขณะที่คุณยังคิดไม่ออกของอาชีพแรกว่าทาได้ดีพอแล้วหรือยัง ทาให้คุณไม่
อยากจะทาอาชีพที่สองลงไปตรง
 มีหลายคนทุ่มเทในการทางานหลัก โดยไม่เหลือที่ว่างสาหรับการเติบโตด้านข้างมากนัก จากนั้น
วิกฤตวัยกลางคนก็มาถึง พวกเขาพบว่าตัวเองหมดไฟและไม่ชอบงานที่ทา
 ในขณะที่คนอื่น รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาได้ก้าวขึ้ นสู่จุดสูงสุดของอาชีพการงานแล้ว และงานของพวก
เขาก็ไม่ได้ให้ความหมายกับชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป
 ด้วยเหตุนี้ การเริ่มต้นอาชีพที่สองจึงเป็ นทางเลือกที่เหมาะสม
 โดยพื้นฐานแล้ว มีสามวิธีในการพัฒนาอาชีพที่สองคือ
 1. สิ่งที่ชัดเจนอย่างแรกคือ ให้เริ่มต้นอาชีพนั้น
 2. ข้อที่สองคือ พัฒนาอาชีพเสริมของคุณนอกเหนืออาชีพที่มีอยู่ และพยายามทาเมื่อมีเวลา
 3. วิธีที่สามคือ ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกาไร หรือหาวิธีตอบแทนชุมชนของคุณ
 หากคุณปรับแนวคิดนี้ ให้เข้ากับชีวิตของคุณ จะทาให้คุณได้รับความสาเร็จและความสุขในชีวิตการ
ทางานที่สูงขึ้ น มีพื้นที่ที่น่าสนใจมากขึ้ น
 และการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย จะช่วยให้คุณเข้าถึงสภาวะของการตระหนักรู้ใน
ตนเองและความเพลิดเพลินได้
สรุป
 การจัดการตนเอง เป็นหนทางนาความคิดของคุณไปสู่วัตถุประสงค์ที่เป็นจริง ซึ่งคุณมีทั้งจุดแข็งและ
จุดอ่อน ความสัมพันธ์ที่ต้องรักษา สภาพแวดล้อมในการทางานที่ต้องเผชิญ รวมถึงบุคลิกโดยรวม
ของบุคลากรที่ต้องทางานด้วย
 หนังสือเล่มนี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของคุณ และช่วยให้คุณค้นพบพรสวรรค์ในตัวเองและ
สร้างทักษะที่เหมาะสม
 การอ่านหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณประสบความสาเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพของคุณ
Five Favorite Ideas to Take Home
 1. Use feedback analysis to uncover your strengths and weaknesses.
 2. Acquiring the skills and knowledge, you need to realize your strengths fully.
 3. To manage yourself effectively, you must determine how you work with others.
 4. To be effective in an organization, you must be compatible with the organization’s values.
 5. Begin a second career at 40.
-Peter F. Drucker

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

ทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการwiraja
 
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการบทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการSaiiew
 
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียง
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียงหมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียง
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียงfreelance
 
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำissareening
 
บทที่ 6 การตัดสินใจ
บทที่ 6 การตัดสินใจบทที่ 6 การตัดสินใจ
บทที่ 6 การตัดสินใจTK Tof
 
องค์การสมัยใหม่ ครั้งที่ 1
องค์การสมัยใหม่  ครั้งที่ 1องค์การสมัยใหม่  ครั้งที่ 1
องค์การสมัยใหม่ ครั้งที่ 1ma020406
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารguest6b6fea3
 
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptx
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptxThe High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptx
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptxmaruay songtanin
 
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการ
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการบทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการ
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการThamonwan Theerabunchorn
 
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำบทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำAj.Mallika Phongphaew
 
การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)Yingjira Panomai
 
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptx
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptxLeaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptx
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptxmaruay songtanin
 
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณา
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณาSlide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณา
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณาNatepanna Yavirach
 
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การ
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การChapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การ
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การwanna2728
 
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่Aj.Mallika Phongphaew
 
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การChapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การwanna2728
 
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์wiraja
 

Was ist angesagt? (20)

ทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการ
 
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการบทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
บทที่ 1 แนวคิดหลักการของการบริหารราชการ
 
OM Theory (Ch.2)
OM Theory (Ch.2)OM Theory (Ch.2)
OM Theory (Ch.2)
 
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียง
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียงหมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียง
หมู่บ้านเฮี้ย --การจัดการแบบชุมชนพึ่งพาตนเองบ้านไม้เรียง
 
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำ
 
บทที่ 6 การตัดสินใจ
บทที่ 6 การตัดสินใจบทที่ 6 การตัดสินใจ
บทที่ 6 การตัดสินใจ
 
องค์การสมัยใหม่ ครั้งที่ 1
องค์การสมัยใหม่  ครั้งที่ 1องค์การสมัยใหม่  ครั้งที่ 1
องค์การสมัยใหม่ ครั้งที่ 1
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหาร
 
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptx
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptxThe High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptx
The High Five Habit ขอมือเธอหน่อย.pptx
 
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการ
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการบทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการ
บทที่ 2 การเป็นผู้ประกอบการ
 
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำบทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
 
การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)
 
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptx
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptxLeaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptx
Leaders & PDCA ผู้นำ และ PDCA.pptx
 
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณา
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณาSlide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณา
Slide การพัฒนาองค์การและการเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.เนตร์พัณณา
 
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การ
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การChapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การ
Chapter2 การเปลี่ยนแปลงในองค์การ
 
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
 
ทฤษฎีทางการเมือง (Political theory)
ทฤษฎีทางการเมือง (Political theory)ทฤษฎีทางการเมือง (Political theory)
ทฤษฎีทางการเมือง (Political theory)
 
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การChapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
Chapter 3 พฤติกรรมศาสตร์กับการพัฒนาองค์การ
 
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
 
ทฤษฎีองค์การ
 ทฤษฎีองค์การ  ทฤษฎีองค์การ
ทฤษฎีองค์การ
 

Ähnlich wie Drucker - Managing Oneself การจัดการตนเอง.pptx

Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเอง
Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเองBalancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเอง
Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเองmaruay songtanin
 
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศ
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศThe 360º Leader ผู้นำทุกทิศ
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศmaruay songtanin
 
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำ
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำLeadership competencies คุณสมบัติผู้นำ
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำmaruay songtanin
 
Disc model โมเดล Disc
Disc model โมเดล DiscDisc model โมเดล Disc
Disc model โมเดล Discmaruay songtanin
 
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอด
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอดHow the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอด
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอดmaruay songtanin
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allKruKaiNui
 
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติ
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติThe secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติ
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติmaruay songtanin
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfmaruay songtanin
 
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านาย
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านายDo you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านาย
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านายmaruay songtanin
 
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55Decode Ac
 
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue OceanBlue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Oceanmaruay songtanin
 
Kamjorn tuntaned
Kamjorn tuntanedKamjorn tuntaned
Kamjorn tuntanedKamjornT
 
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdf
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdfบทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdf
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdfTeetut Tresirichod
 
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่maruay songtanin
 
โครงการสัมมนาใช้จริง
โครงการสัมมนาใช้จริงโครงการสัมมนาใช้จริง
โครงการสัมมนาใช้จริงthawiwat dasdsadas
 
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่Boonlert Kanathanasarn
 

Ähnlich wie Drucker - Managing Oneself การจัดการตนเอง.pptx (20)

Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเอง
Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเองBalancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเอง
Balancing your life สมดุลชีวิต: การงาน ครอบครัว และตัวเอง
 
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศ
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศThe 360º Leader ผู้นำทุกทิศ
The 360º Leader ผู้นำทุกทิศ
 
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำ
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำLeadership competencies คุณสมบัติผู้นำ
Leadership competencies คุณสมบัติผู้นำ
 
Disc model โมเดล Disc
Disc model โมเดล DiscDisc model โมเดล Disc
Disc model โมเดล Disc
 
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอด
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอดHow the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอด
How the best leaders lead วิถีผู้นำชั้นยอด
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people all
 
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติ
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติThe secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติ
The secret ความลับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้และปฏิบัติ
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
 
7 habits (19 5-2554)
7 habits (19 5-2554)7 habits (19 5-2554)
7 habits (19 5-2554)
 
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านาย
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านายDo you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านาย
Do you hate your boss เมื่อคุณเบื่อเจ้านาย
 
Strengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai versionStrengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai version
 
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55
บทที่ 10 บุคลิกภาพของครูปฐมวัย 55
 
Eb chapter2
Eb chapter2Eb chapter2
Eb chapter2
 
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue OceanBlue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean
Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean
 
Kamjorn tuntaned
Kamjorn tuntanedKamjorn tuntaned
Kamjorn tuntaned
 
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdf
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdfบทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdf
บทที่ 1 ภาวะผู้นำและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์โดยภาพรวม.pdf
 
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่
The 21st century workspace ที่ทำงานยุคใหม่
 
โครงการสัมมนาใช้จริง
โครงการสัมมนาใช้จริงโครงการสัมมนาใช้จริง
โครงการสัมมนาใช้จริง
 
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่
ค้นหาตัวตนที่ซ่อนเร้น เฟ้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่
 
51105
5110551105
51105
 

Mehr von maruay songtanin

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdfmaruay songtanin
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 

Mehr von maruay songtanin (20)

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 

Drucker - Managing Oneself การจัดการตนเอง.pptx

  • 2. Peter F. Drucker Publisher : Harvard Business Press (January 7, 2008) Managing Oneself is a guide to developing a skillful persona and learning more about your strengths, weaknesses, inclinations, and how you collaborate with others, all while making yourself more knowledgeable about how to thrive in your career.
  • 3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์  Peter F. Drucker (พ.ศ. 2452-2548) เป็นหนึ่งในนักคิดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง ในหัวข้อทฤษฎีการจัดการและการปฏิบัติ เขาเป็นนักการศึกษาชาวอเมริกันที่เกิดในออสเตรีย เป็นผู้ ปฏิวัติกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และภาวะผู้นา  Drucker ถือว่าเป็น "บิดาแห่งทฤษฎีการจัดการสมัยใหม่ (the father of modern management theory)" หลักการพื้นฐานของเขาเป็ นเรื่องเกี่ยวกับ The creation of a knowledgeable worker, Decentralization and simplification, Customer-oriented companies, และ Do what you do best and outsource the rest  เขาเป็นผู้คิดค้นแนวคิดที่เรียกว่า การจัดการโดยวัตถุประสงค์ (Management by Objectives)  Peter Drucker เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในเมืองแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เขามีลูกสี่คนและหลานหกคน
  • 4. แนวคิดโดยย่อ  เราอยู่ในยุคแห่งโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน หากคุณมีความทะเยอทะยาน แรงผลักดัน และไหวพริบ คุณสามารถก้าวขึ้ นสู่จุดสูงสุดของอาชีพที่คุณเลือกได้ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากที่ใด  และขึ้ นอยู่กับคุณ ที่จะทาให้ตัวเองมีความผูกพันและมีประสิทธิผล ตลอดช่วงชีวิตการทางานที่อาจ กินเวลาประมาณ 50 ปี ในการทาสิ่งเหล่านี้ ให้ดี คุณจะต้องปลูกฝังความเข้าใจในตัวเองอย่างลึกซึ้ งว่า จุดแข็งที่มีค่าที่สุดและจุดอ่อนที่อันตรายที่สุดของคุณคืออะไร? ที่สาคัญไม่แพ้กัน คุณเรียนรู้และ ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างไร? ค่านิยมที่ลึกซึ้ งที่สุดของคุณคืออะไร? และ ในสภาพแวดล้อมการทางาน ประเภทใดที่คุณสามารถมีส่วนช่วยเหลือได้มากที่สุด?  ด้วยความหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อคุณดาเนินการจากจุดแข็งและความรู้ในตนเองร่วมกัน เท่านั้น ที่จะทาให้คุณสามารถบรรลุความเป็ นเลิศที่แท้จริงและยั่งยืน
  • 5. แนวคิดในทางปฏิบัติ เพื่อสร้างชีวิตแห่งความเป็นเลิศ เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองด้วยคาถามเหล่านี้ :  1. จุดแข็งของฉันคืออะไร? (What are my strengths?)  2. ฉันทางานอย่างไร? (How do I work?)  3. ค่านิยมของฉันคืออะไร? (What are my values?)  4. ฉันควรอยู่ที่ไหน? (Where do I belong?)  5. ฉันสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง? (What can I contribute?)
  • 6. 1. จุดแข็งของฉันคืออะไร?  หากต้องการระบุจุดแข็งของคุณอย่างถูกต้อง ให้ใช้ การวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (feedback analysis) โดยทุกครั้งที่คุณตัดสินใจเรื่องสาคัญ ให้จดผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังไว้ หลายเดือนต่อมา ให้ เปรียบเทียบผลลัพธ์จริงกับผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง  มองหารูปแบบในสิ่งที่คุณเห็น คุณมีทักษะในการสร้างผลลัพธ์อะไร? คุณต้องปรับปรุงความสามารถ อะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ? มีนิสัยที่ไม่ก่อผลอะไรบ้าง ที่ขัดขวางไม่ให้คุณสร้างผลลัพธ์ ที่คุณต้องการ?  ในการระบุโอกาสในการปรับปรุง อย่าเสียเวลาฝึกฝนทักษะที่คุณมีความสามารถเพียงเล็กน้อย ให้ เน้นและสร้างจากจุดแข็งของคุณ
  • 7. 2. ฉันทางานอย่างไร?  คุณทางานได้ดีที่สุดด้วยวิธีใด? คุณประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยการอ่าน หรือจาก การฟังคนอื่นพูด?  คุณประสบความสาเร็จมากที่สุดโดยการทางานร่วมกับคนอื่น หรือโดยการทางานคนเดียว?  คุณทาผลงานได้ดีที่สุดโดยการตัดสินใจ หรือโดยการให้คาแนะนาผู้อื่นในเรื่องสาคัญ ?  คุณทาได้ยอดเยี่ยมเมื่อเกิดความตึงเครียด หรือคุณทางานได้ดีเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้?
  • 8. 3. ค่านิยมของฉันคืออะไร?  จริยธรรมของคุณคืออะไร? อะไรที่คุณเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบที่สาคัญที่สุดของคุณ ในการใช้ชีวิต อย่างมีจริยธรรมและมีคุณค่า?  จริยธรรมขององค์กรของคุณสอดคล้องกับค่านิยมของคุณเองหรือไม่? (ถ้าไม่เช่นนั้น อาชีพของคุณ อาจจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและมีผลงานที่ไม่ดี)
  • 9. 4. ฉันควรอยู่ที่ไหน?  พิจารณาจุดแข็ง วิธีการทางานที่ต้องการ และค่านิยมของคุณ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติเหล่านี้ สภาพแวดล้อมการทางานแบบใด จึงจะเหมาะที่สุดสาหรับคุณ?  ค้นหาสิ่งที่ใช่ แล้วคุณจะเปลี่ยนตัวเองจากพนักงานที่ยอมรับได้ ให้กลายเป็นพนักงานที่มีชื่อเสียง
  • 10. 5. ฉันมีส่วนช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?  ในยุคก่อนหน้านี้ บริษัทต่าง บอกบุคลากรว่า การมีส่วนช่วยเหลือควรเป็ นอย่างไร  วันนี้ คุณมีทางเลือกในการตัดสินใจว่า จะปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรของคุณให้ดีที่สุดได้อย่างไร ก่อนอื่น ให้ถามว่าสถานการณ์นั้นต้องการอะไร  จากจุดแข็ง รูปแบบการทางาน และค่านิยมของคุณ คุณจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่กับ ความพยายามขององค์กรได้อย่างไร ?
  • 11. การจัดการตนเองในภาพรวม  เราอาศัยอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งความต้องการของตลาดมีความผันผวน ความ ต้องการส่วนบุคคลและค่านิยมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อน และสภาพแวดล้อมในการ ทางานก็เช่นกัน เพื่อรับมือกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงและพลังของโลก คุณจะต้องพัฒนาตนเอง และพัฒนาทักษะที่สามารถยกระดับคุณได้  บ่อยครั้งที่บุคคลมักจะล้าหลังเพื่อนเนื่องจากขาดทิศทาง การจัดการตนเองจะเจาะลึกถึงกลยุทธ์การ พัฒนาตนเองที่เราทุกคนต้องการ โดยเริ่มจากการรู้จักตัวเอง เพื่อมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งและรูปแบบการ สื่อสารของคุณ  การประสบความสาเร็จของเราแม้จะยังมีจุดอ่อน คือทักษะที่ทรงพลัง แล้วเราจะบรรลุได้อย่างไร?
  • 12. ประเด็นในเรื่อง การพัฒนาตนเอง  1. อะไรคือจุดแข็งของฉัน? (What are my strengths?)  2. ฉันทาได้ดีเพียงใด? (How do I perform?)  3. ค่านิยมของฉันคืออะไร? (What are my values?)  4. ฉันควรจะอยู่จุดใด? (Where do I belong?)  5. สิ่งที่ฉันควรจะมีส่วนสนับสนุนคืออะไร? (What should I contribute?)  ความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ (Responsibility of relationships)  ช่วงครึ่งหลังของชีวิต (The Second Half Of Your Life)
  • 13. 1. อะไรคือจุดแข็งของฉัน?  รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณทาได้ดี มันเป็นการง่ายที่จะรู้ในสิ่งที่เราทาได้ไม่ดี มากกว่าการรู้ว่าสิ่งที่เราทาได้ดี  เราไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพการทางานได้บนจุดอ่อน ซึ่งอาจทาให้เราไม่สามารถทาอะไรได้เลย  บุคคลสามารถดาเนินการได้ โดยอาศัยจุดแข็งเท่านั้น  ให้ค้นพบจุดแข็งของคุณผ่าน การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะป้อนกลับ (feedback analysis)
  • 14. การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะป้อนกลับ  เป็นวิธีเดียวที่ใช้ระบุจุดแข็งของคุณ  เขียนผลที่คาดหวังจากการตัดสินใจที่สาคัญและการกระทาของคุณ จากนั้น 9-12 เดือนต่อมา ให้ เปรียบเทียบกับผลลัพธ์  แผนดาเนินการต่อไปเพื่อการปรับปรุง  ใช้จุดแข็งของคุณที่ทาให้เกิดผลลัพธ์ (ทางานเพื่อปรับปรุงจุดแข็งของคุณ)  หลีกเลี่ยงความหยิ่งทางปัญญา (หาทักษะที่จาเป็น)  แก้ไขนิสัยที่ไม่ดี (การขาดมารยาท)  รู้ในสิ่งที่จะไม่ทา (ระบุความด้อยเรื่องความสามารถ และพยายามหลีกเลี่ยง)
  • 15.
  • 16. 2. ฉันทาได้ดีเพียงใด?  ขึ้ นกับลักษณะของบุคลิกภาพ (วิธีการดาเนินการที่บุคคลที่ทาได้ดีหรือไม่ดี เพราะแต่ละคนมีการ ทางานและการดาเนินการที่แตกต่างกัน)  วิธีการที่ผู้คนดาเนินการที่ไม่ซ้ากัน (เป็นเรื่องของบุคลิกภาพ)  คนจานวนมากทางานในรูปแบบที่ไม่ได้เป็นวิธีการของพวกเขา  และอย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (มากเกินไป) ให้ทางานหนัก เพื่อปรับปรุงวิธีที่คุณใช้ ดาเนินการ
  • 17. ฉันเป็นผู้อ่านหรือผู้ฟัง?  ผู้อ่านเช่น ประธานาธิบดีเคนเนดี้ หรือรัฐมนตรีแมคนามารา ที่ชอบอ่านรายงานก่อนการแถลงข่าว หรือการอภิปราย  ผู้ฟังเช่น ประธานาธิบดีรูสเวลท์ ชอบการฟังและพูดคุย มากกว่าการอ่านและการเขียน  ผู้อ่านไม่สามารถกลายเป็นผู้ฟังได้อย่างเต็มที่ (และในทานองเดียวกัน) ฉันเรียนรู้ได้อย่างไร?  คนเราอาจจะได้เรียนรู้จากการอ่าน การเขียน การทา การพูด การฟัง หรือการรวมกันของวิธีดังกล่าว  เราจะต้องใช้วิธีการที่ได้ผล สาหรับเราเอง
  • 18. 3. ค่านิยมของฉันคืออะไร?  การทดสอบกับกระจก (mirror test) อย่างมีจริยธรรม ให้ถามตัวเองว่า คนแบบไหนที่ฉันต้องการที่จะ เห็นในกระจกในตอนเช้า?  ค่านิยม (values) เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด (ultimate test) สาหรับการทางานที่เข้ากันได้ขององค์กร กับคุณ  ความขัดแย้งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ  ความมุ่งมั่นขององค์กร ระหว่างพนักงานใหม่กับพนักงานเก่า  การปรับปรุงที่ค่อย เพิ่มขึ้น หรือพัฒนาอย่างก้าวกระโดด  การเน้นผลในระยะสั้น เทียบกับเป้าหมายระยะยาว  คุณภาพเทียบกับปริมาณ  การเจริญเติบโตเมื่อเทียบกับความอยู่รอด
  • 19. 4. ฉันควรจะอยู่เป็นที่ไหนดี?  นักคณิตศาสตร์ นักดนตรี และพ่อครัว มักจะแสดงออกในขณะที่พวกเขามีอายุสี่หรือห้าขวบ  คนที่มีพรสวรรค์สูง ควรจะต้องตระหนักในช่วงต้นของชีวิตว่า พวกเขาควรเป็นหรือไม่ควรเป็นอะไร  ผู้ประสบความสาเร็จในอาชีพ เกิดจากมีการพัฒนาเตรียมไว้ก่อนสาหรับโอกาสที่จะมาถึง เพราะพวก เขารู้จุดแข็งของพวกเขา วิธีการของพวกเขาในการทางาน และค่านิยมของพวกเขา  การรู้ตัวตนสามารถเปลี่ยนคนธรรมดา ขยันและมีความสามารถ แต่อย่างอื่นปานกลาง ให้เป็นผู้ที่มี ความโดดเด่น
  • 20.  เมื่อฉันตอบคาถามสามข้อต่อไปนี้ แล้ว ทาให้ฉันสามารถและตัดสินใจในสิ่งที่ฉันควรอยู่เป็นได้  1. ฉันควรทางานในองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรขนาดเล็ก?  2. "ใช่ฉันจะทาอย่างนั้น" (ในวิถีที่ฉันเป็น)  3. ถ้าฉันไม่ชอบการตัดสินใจ ฉันควรจะได้เรียนรู้ที่จะบอกว่าไม่ เมื่อมีการมอบหมายให้เป็นผู้ ตัดสินใจ
  • 21. 5. สิ่งที่ฉันควรจะมีส่วนสนับสนุนคืออะไร?  ผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ ควรมีส่วนสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับ  สถานการณ์ต้องการอะไร?  การมีจุดแข็ง วิธีการ และค่านิยมของฉัน สามารถสนับสนุนในสิ่งที่ต้องทาอะไรบ้าง?  อะไรคือผลลัพธ์ที่ได้ที่สร้างความแตกต่าง จากการประสบความสาเร็จ?
  • 22.  ไม่ควรมองไกลไปข้างหน้าเกิน 18 เดือน ควรมีการวางแผนที่จะ  ให้บรรลุผลลัพธ์ที่มีความหมาย และสร้างความแตกต่าง  ตั้งเป้าหมายที่ยืด มีความลาบาก แต่สามารถทาให้สาเร็จได้  สามารถมองเห็นผลได้ และสามารถวัดผลได้  กาหนดแนวทางของการกระทาว่า จะทาอะไร อย่างไร ที่ใด วิธีการที่จะเริ่มต้น สิ่งที่เป็นเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และกาหนดเวลาเส้นตาย
  • 23. ความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์  เจ้านายจะไม่ได้ขึ้ นกับตาแหน่ง ในแผนภูมิ หรือหน้าที่ การทาให้เจ้านายมีประสิทธิผล (effective) มากขึ้ น เป็ นความลับของ "การจัดการเจ้านาย"  ความสัมพันธ์ของการทางานขึ้ นอยู่กับคน เพราะเพื่อนร่วมงานมีความเป็ นมนุษย์และความเป็น บุคคลเช่นเดียวกับที่คุณมี  ความรับผิดชอบของการสื่อสาร จึงเป็นวิธีการที่คุณดาเนินการ เพื่อลดความขัดแย้งด้านบุคลิกภาพ  องค์กรเกิดจากการสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล ไม่จาเป็นต้องหมายความว่าพวกเขาชอบกัน แต่อยู่ที่พวกเขามีความเข้าใจกันและกัน
  • 24.
  • 25. ช่วงครึ่งหลังของชีวิตของคุณ  การจัดการตนเอง ควรนาไปสู่การเริ่มต้นอาชีพที่สอง โดยการ  เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ (ย้ายไปยังองค์กรอื่น)  พัฒนาอาชีพคู่ขนาน (ทาไปพร้อมกับงานปัจจุบัน)  ผู้ประกอบการทางสังคม (ในกิจกรรมไม่แสวงหาผลกาไร)  ผู้ที่มีการจัดการช่วงครึ่งหลังชีวิตของพวกเขา อาจจะเป็นชนกลุ่มน้อย เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยู่ จน เกษียณอายุ (retire on the job)
  • 26. สามบทเรียนในการพัฒนาตนเองและประสบความสาเร็จ  1. รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ โดยทาการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (Know your strengths and weaknesses by conducting a feedback analysis.)  2. เข้าใจรูปแบบการสื่อสารของคุณ และวิธีทางานร่วมกับผู้อื่น (Understand your communication style and how you work with others.)  3. ทางานในอาชีพที่สองของคุณ เพื่อให้ตัวเองมีความผูกพันและท้าทายในชีวิตการทางานของคุณ (Work on your second career to keep yourself engaged and challenged in your working life.)
  • 27. บทเรียนที่ 1: เริ่มต้นเส้นทางการพัฒนาตนเองโดยการเรียนรู้เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ  เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่มีคุณค่าที่แท้จริงในชีวิต ความสาเร็จในอนาคตของคุณจาเป็นต้องมีรากฐานที่วาง ไว้ เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ คุณจะต้องค้นหาว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคือ อะไร และจะมีวิธีใช้อย่างไรในการทางานของคุณ  คุณสามารถเริ่มต้นด้วย การวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับ (feedback analysis) เกี่ยวกับการ ดาเนินการหลักของคุณ โดยเมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจเรื่องสาคัญ ให้จดบันทึกว่าผลลัพธ์ที่คาดหวัง ของคุณคืออะไร หนึ่งปีต่อมา เปรียบเทียบความคาดหวังกับความเป็นจริง ถามตัวเองว่า จุดแข็งและ จุดอ่อนของคุณอยู่ในกระบวนการนี้ อย่างไร และส่งผลต่อผลลัพธ์อย่างไร
  • 28.  กระบวนการนี้ มีความสาคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ความคิดเห็นป้อนกลับของคุณ  สิ่งสาคัญคือต้องรู้ว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร และรวมถึงสิ่งที่คุณควรนาเสนอและสิ่งที่คุณควรทา ดังนั้น การรู้จักพรสวรรค์ของคุณ จะช่วยให้คุณมองหาทักษะที่จะรักษาและพัฒนาทักษะเหล่านั้นได้  อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ผลป้อนกลับ ยังหมายความถึงการรู้ค่านิยมหลักของคุณ และเป็นการ ตรวจสอบตัวเองด้วยว่า งานของคุณที่ทาสะท้อนออกมาหรือไม่  อย่าทางานเพื่อภารกิจหรือสถานที่ที่ขัดต่อระบบความเชื่อของคุณ เพราะมันจะส่งผลต่อการ ปฏิบัติงาน และเข็มทิศทางศีลธรรมของคุณ
  • 29. บทเรียนที่ 2: วิธีที่คุณสื่อสารกับคนอื่น บอกพวกเขาว่าคุณอยู่ตาแหน่งใดและทางานอย่างไร  การทาความเข้าใจว่า รูปแบบการทางานร่วมกันของคุณเป็นอย่างไร คุณเป็นผู้อ่านหรือผู้ฟัง คุณ ต้องการเป็นผู้ควบคุมหรือฟังจากผู้นา คุณชอบสื่อสารกับทีมของคุณหรือทางานเดี่ยว ล้วนเป็นปัจจัย สาคัญที่กาหนดบุคลิกที่เป็นมืออาชีพของคุณ  การสื่อสารเป็ นองค์ประกอบสาคัญของชีวิตของทุกคน และเครือข่ายที่เราสร้างขึ้ นมาก็มีบทบาท สาคัญในเรื่องราวความสาเร็จของเรา ดังนั้น การเรียนรู้และปรับแต่งให้เข้ากับบุคลิกของเรา จึงเป็น สิ่งสาคัญ
  • 30.  ในการยกระดับความสัมพันธ์ของคุณ คุณต้องยอมรับก่อนว่า ทุกคนก็เป็นบุคคลเช่นเดียวกับคุณ  พวกเขามีความฝัน ความหวัง ความทะเยอทะยาน ความกลัว และความเจ็บปวด ดังนั้นในการจะทา สิ่งต่าง ร่วมกันได้ คุณต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกัน บทบาทของคุณคือการเรียนรู้ เกี่ยวกับคู่สนทนาของคุณและรับผิดชอบต่อการสื่อสาร คุณต้องให้พวกเขารู้ว่า คุณเก่งอะไร และ ต้องการอะไร  เริ่มต้นด้วยการระบุความคาดหวังของคุณ ค่านิยม ขอบเขต และรูปแบบการทางานของคุณคืออะไร ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการสื่อสาร  อย่างไรก็ตาม หากต้องการทราบว่าสิ่งที่ต้องปรับปรุงเหล่านั้นคืออะไร คุณจะต้องวิเคราะห์ความ คิดเห็นป้อนกลับต่อไปเรื่อย ซึ่งจะเป็ นตัวกาหนดความพยายามทั้งหมดของคุณ
  • 31. บทเรียนที่ 3: อาชีพที่สองอาจเป็นกุญแจสู่ชีวิตที่เติมเต็ม ท้าทาย และน่าตื่นเต้น  การพูดถึงอาชีพที่สองในขณะที่คุณยังคิดไม่ออกของอาชีพแรกว่าทาได้ดีพอแล้วหรือยัง ทาให้คุณไม่ อยากจะทาอาชีพที่สองลงไปตรง  มีหลายคนทุ่มเทในการทางานหลัก โดยไม่เหลือที่ว่างสาหรับการเติบโตด้านข้างมากนัก จากนั้น วิกฤตวัยกลางคนก็มาถึง พวกเขาพบว่าตัวเองหมดไฟและไม่ชอบงานที่ทา  ในขณะที่คนอื่น รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาได้ก้าวขึ้ นสู่จุดสูงสุดของอาชีพการงานแล้ว และงานของพวก เขาก็ไม่ได้ให้ความหมายกับชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป  ด้วยเหตุนี้ การเริ่มต้นอาชีพที่สองจึงเป็ นทางเลือกที่เหมาะสม
  • 32.  โดยพื้นฐานแล้ว มีสามวิธีในการพัฒนาอาชีพที่สองคือ  1. สิ่งที่ชัดเจนอย่างแรกคือ ให้เริ่มต้นอาชีพนั้น  2. ข้อที่สองคือ พัฒนาอาชีพเสริมของคุณนอกเหนืออาชีพที่มีอยู่ และพยายามทาเมื่อมีเวลา  3. วิธีที่สามคือ ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกาไร หรือหาวิธีตอบแทนชุมชนของคุณ  หากคุณปรับแนวคิดนี้ ให้เข้ากับชีวิตของคุณ จะทาให้คุณได้รับความสาเร็จและความสุขในชีวิตการ ทางานที่สูงขึ้ น มีพื้นที่ที่น่าสนใจมากขึ้ น  และการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย จะช่วยให้คุณเข้าถึงสภาวะของการตระหนักรู้ใน ตนเองและความเพลิดเพลินได้
  • 33. สรุป  การจัดการตนเอง เป็นหนทางนาความคิดของคุณไปสู่วัตถุประสงค์ที่เป็นจริง ซึ่งคุณมีทั้งจุดแข็งและ จุดอ่อน ความสัมพันธ์ที่ต้องรักษา สภาพแวดล้อมในการทางานที่ต้องเผชิญ รวมถึงบุคลิกโดยรวม ของบุคลากรที่ต้องทางานด้วย  หนังสือเล่มนี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของคุณ และช่วยให้คุณค้นพบพรสวรรค์ในตัวเองและ สร้างทักษะที่เหมาะสม  การอ่านหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณประสบความสาเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพของคุณ
  • 34. Five Favorite Ideas to Take Home  1. Use feedback analysis to uncover your strengths and weaknesses.  2. Acquiring the skills and knowledge, you need to realize your strengths fully.  3. To manage yourself effectively, you must determine how you work with others.  4. To be effective in an organization, you must be compatible with the organization’s values.  5. Begin a second career at 40.

Hinweis der Redaktion

  1. Managing Oneself is a guide to developing a skillful persona and learning more about your strengths, weaknesses, inclinations, and how you collaborate with others, all while making yourself more knowledgeable about how to thrive in your career.
  2. Peter F. Drucker (1909–2005) is one of the best-known and most widely influential thinkers on the subject of management theory and practice. He was an Austrian-born American educator, who revolutionized the learning process which embodies management, leadership, above all else. Drucker often described as "the father of modern management theory," his fundamental principles revolved around: The creation of a knowledgeable worker, Decentralization and simplification, Customer-oriented companies, and Do what you do best and outsource the rest. He invented the concept known as management by objectives. Peter Drucker died on November 11, 2005, in Claremont, California. He had four children and six grandchildren.
  3. The Idea in Brief We live in an age of unprecedented opportunity: If you’ve got ambition, drive, and smarts, you can rise to the top of your chosen profession- regardless of where you started out. And it’s up to you to keep yourself engaged and productive during a work life that may span some 50 years. To do all these things well, you’ll need to cultivate a deep understanding of yourself. What are your most valuable strengths and most dangerous weakness? Equally important, how do you learn and work with others? What are your most deeply hold values? And in what type of work environment can you make the greatest contribution? The implication is clear; only when you operate from a combination of your strengths and slef-knowledge can achieve true-and lasting-excellence.
  4. The Idea in Practice To built a life of excellence, begin by asking yourself these questions: 1. What are my strengths? 2. How do I work? 3. What are my values? 4. Where do I belong? 5. What can I contribute?
  5. 1. What are my strengths? To accurately identify your strengths, use feedback analysis. Every time you make a key decision, write down the outcome you expect. Several months later, compare the actual results with your expect results. Look for patterns in what you’re seeing: What results are you skilled at generating? What abilities do you need to enhance in order to get the results you want? What unproductive habits are preventing you from creating the outcomes you desire? In identifying opportunities for improvement, don’t waste time cultivating skill areas where you have little competence. I stead, concentrate on-and build on-your strengths.
  6. 2. How do I work? In what ways do you work best? Do you process information most effectively by reading it, or by hearing others discuss it? Do you accomplish the most by working with other people, or by working alone? Do you perform best while making decisions, or while advising others on key matters? Are you in top form when things get stressful, or do you function optimally in a highly predictable environment?
  7. 3. What are my values? What are your ethics? What do you see as your most important responsibilities for living a worthy, ethical life? Do your organization’s ethics resonate with your own values? If not, your career will likely be marked by frustration and poor performance.
  8. 4. Where do I belong? Consider your strengths, preferred workstyle, and values, based on these qualities, in what kind of work environment would you fit in best? Find the perfect fit, and you’ll transform yourself from a merely acceptable employee into a star performer.
  9. 5. What can I contribute? In earlier eras, companies tell businesspeople what their contribution should be. Today, you have choices. To decide how you can best enhance your organization’s performance, first ask what the situation requires. Based on your strengths, work style, and values, how might you make the greatest contribution to your organization’s efforts?
  10. We live in an ever-changing world, where market demands fluctuate, personal needs and values change at a much faster pace than before, and so does the working environment. To navigate these winds of change and the dynamicity of our world, you’ll have to improve yourself and develop skills that can lift you.  Way too often, individuals lag behind their peers due to a lack of direction. Managing Oneself delves into the self-improving strategy we all need, starting with knowing yourself, to focusing on your strengths and communication style. Being successful despite our weaknesses is a powerful skill itself. So, how can we achieve it?
  11. What are my strengths? How do I perform? What are my values? Where do I belong? What should I contribute? Responsibility of relationships The Second Half Of Your Life
  12. Know what you are good at. A person can perform only from Strengths. One cannot build performance on weaknesses, let alone something one can not do at all. It is easier to know what we are not good at- than to know what are we good at. A person can perform only from strength Discover your strengths through feedback analysis.
  13. Feedback Analysis is the only way to identify your strengths. Write down expected outcomes for your key decisions and actions. 9 to 12 months later, compare them with the results. Action plan: Put yourself where your strengths can produce results Work to improve your strengths Avoid intellectual arrogance – acquire skills as required Remedy bad habits; have no lack of manners Know what not to do – identify incompetence areas and avoid them
  14. As any personality trait – How a person performs is a given, just as what a person is good at or not good at. Different people work and perform differently Too many people work in ways that are not their ways. How one performs is unique: matter of personality Do not try to change yourself (too much) – instead, work harder to improve the way you perform
  15. A reader, like American president Kennedy or Sec McNamara, prefers reading reports before press meetings or discussions A listener, e.g. president Roosevelt, likes facing it, and talking the matter out aloud instead of reading and writing A reader can not fully become a listener – and vice versa A person may learn by reading, writing, doing, talking, listening to, or with a combination thereof One must always employ the methods that work
  16. The mirror test: Ethics require that you ask yourself, What kind of person do I want to see in the mirror in the morning? In other words, values are, and should be, the ultimate test for your compatibility with an organization Personal value system should be compatible with that of the organization’s. The typical conflicts to avoid are: Organization’s commitment to new vs. old employees Incremental improvements or risky “breakthroughs” Emphasis on short-term results vs. long-term goals Quality vs. Quantity and Growth vs. Sustenance
  17. Mathematicians, Musicians and Cooks are usually mathematicians, musicians and cooks by the time they are four or five years old Highly gifted people must realize early where do they belong, or rather where do they not belong. Successful careers develop when people are prepared for opportunities because they know their strengths, their method of work, and their values Knowing where one belongs can transform an ordinary person – hardworking and competent but otherwise mediocre – into an outstanding performer
  18. Or where I do belong… A big or a small organization? “Yes, I will do that” If I am not a decision maker I should have learned to say no to a decision maker assignment. When we answer to the three previous questions, we can and should decide where we belong.
  19. A knowledge worker’s quest on contribution involves: What does the situation require? Given my strengths, methods, and values, what is ‘the’ great contribution to what needs to be done? What results have to be achieved to make a difference?
  20. It is rarely possible to look too far ahead – 18 months should be planned to – Achieve meaningful results and make a difference Set stretched and difficult goals that are reachable Gain visible and measurable outcome Define course of action: What to do; where and how to start; and what goals, objectives and deadlines to set
  21. Bosses are neither the ‘title’ on the Org chart nor the ‘function’ – to adapt to what makes the boss more effective is the secret of “managing the boss” Working relationships are as much based on people as on work – co-workers are as much human and individuals as you are Taking the responsibility of communicating how you perform reduces personality conflicts Organizations are built on trust between people – not necessarily meaning that they like each other – but that they understand one another
  22. Managing oneself increasingly leads one to begin a second career: Start one (move to another organization Develop a parallel career Social entrepreneurs (another activity, usually a nonprofit) People who manage the second half of their lives may always be a minority The majority may “retire on the job”
  23. Three of the best ways to improve yourself and achieve success starting from your native values: 1. Know your strengths and weaknesses by conducting a feedback analysis.  2. Understand your communication style and how you work with others. 3. Work on your second career to keep yourself engaged and challenged in your working life.
  24. Lesson 1:  Start your self-development journey by learning about your strengths and weaknesses Much like everything that holds a true, intrinsic value in life, your future success needs a foundation to lie upon. Starting from a feedback analysis, you’ll have to discover what are your strengths and weaknesses and how to work with them in any endeavor you engage with.  You can start by carrying out a feedback analysis of your key actions. Whenever you make an important decision, make a note about what your expected outcome is. One year later compare the expectation with the reality. Ask yourself what your strength and weaknesses were in the process and how they affected the outcome.
  25. This process is highly important in your feedback analysis. In time, it’s crucial to know what your areas of strength are, and implicitly, what you should be bringing forth, and what you should be working on. Consequently, knowing your gifted areas allows you to look for skills to sustain them and enhance them.  Nevertheless, a feedback analysis also implies knowing your core values and also checking up on yourself to see if your work reflects them. Don’t work for a mission or a place that goes against your belief system, because it’ll affect your performance and moral compass.
  26. Lesson 2: How you communicate with other people tells a lot about where you belong and how you can do the job Understanding what your collaboration style is, if you’re a reader or a listener, if you prefer to rule or listen to a leader, communicate with your team, or work solo, are all crucially defining factors of your professional persona.  Communication is a key element of anyone’s life and the network we form plays a huge role in our success story. Therefore, mastering and tailoring it to our persona is essential.
  27. The enhance your relationships, you must first acknowledge that everyone else is an individual just like you. They have dreams, hopes, aspirations, fears, and pain points. To get things done together, you must know the strength and weaknesses of each other. Your part is to learn about your interlocutor and take responsibility for the communication. You have to let them know what you’re good at and what you want. Stating what your expectations are, what are your values, boundaries, and work style is only going to enhance communication. However, to know what those are, you’ll have to carry on a feedback analysis, which sets the pace for all your endeavors.
  28. Lesson 3: A second career might be the key to a fulfilled, challenging, thrilling life Talking about a second career while you might not have the first one figured out yet doesn’t sound like something you’d want to jump straight into, but hear me out! Many people focus their lives on their core professional endeavor, without leaving much room for lateral growth.  Then, the mid-life crisis hits, and they find themselves burnt out and loathing their job. Others feel like they’ve reached the top of their career ladder and that their work no longer provides meaning to their lives. For this reason, starting a second career might be the right choice. 
  29. Essentially, there are three ways to develop a second career:  1. The first is obvious: starting that career.  2. The second one is to develop your side career on top of the existing one and work your way around it when the time allows for it.  3. The third way is to start a non-profit organization or find a way to give back to your community.  However, if you want to fit this concept into your life will make you gain a higher sense of accomplishment and joy in your professional life. Having more areas of interest and fulfilling multiple passions will help you reach a state of self-actualization and enjoyment.
  30. Managing Oneself presents a way out of your head and into the objective reality, where you have strengths and weaknesses, relationships to maintain, working environments to face, and altogether a persona to work on. This book can help you tap into your highest potential and work with what you’ve got by helping you discover your inner talents and build skills that match them. Reading this book will help you thrive in your personal and professional life.
  31. Five Favorite Ideas to Take Home 1. Use feedback analysis to uncover your strengths and weaknesses. 2. Acquiring the skills and knowledge, you need to realize your strengths fully. 3. To manage yourself effectively, you must determine how you work with others. 4. To be effective in an organization, you must be compatible with the organization’s values. 5. Begin a second career at 40.