วิธีสร้างตนให้เป็นเศรษฐี คุณรู้หรือไม่ว่า การเป็นเศรษฐีต้องทำอย่างไร? ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณคงไม่รู้ ในหนังสือเล่มนี้ ได้เผยให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างเศรษฐีเหล่านี้ว่า พวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และทุกคนสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันสำหรับตนเองได้อย่างไร หนังสือ Everyday Millionaires แนะนำทีละขั้นตอนในการเป็นเศรษฐี แม้ว่าคุณจะไม่มีเงินในธนาคารเป็นจำนวนมากในวันนี้ แต่จากการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดที่เคยดำเนินการเกี่ยวกับชีวิตของเศรษฐี หนังสือเล่มนี้ แสดงวิธีการควบคุมการเงินของคุณ และเปลี่ยนความฝันของคุณให้เป็นจริง Everyday Millionaires: How Ordinary People Built Extraordinary Wealth--and How You Can Too Author: Chris Hogan Publisher: Ramsey Press (January 7, 2019) Everyday Millionaires proves how anyone can become a millionaire if they have a solid actionable plan and the willingness to work hard by drawing conclusions from the largest study ever conducted on the lives of millionaires.

1. พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
22 กันยายน 2565

2. Author: Chris Hogan
Publisher: Ramsey Press (January 7, 2019)
Everyday Millionaires proves how anyone can become a millionaire if they have a solid actionable plan and
the willingness to work hard by drawing conclusions from the largest study ever conducted on the lives of
millionaires.

3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Chris Hogan เป็นนักเขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 และเป็นผู้ดาเนินรายการ The Chris
Hogan Show เขาเข้าเรียนที่ Georgetown College ในฐานะนักเรียน-นักกีฬา (นัก
อเมริกันฟุตบอล) ซึ่งเขาได้รับปริญญาตรีสาขาการสื่อสาร นอกจากนี้ เขายังสาเร็จ
การศึกษาระดับปริญญาโทด้านการสื่อสารจาก California University of Pennsylvania ซึ่ง
เขาทางานให้กับมหาวิทยาลัยในตาแหน่งผู้ช่วยโค้ชฟุตบอลไปด้วย
 เขาเป็นนักพูดที่ได้รับความนิยมและมีพลัง ในหัวข้อ การเงินส่วนบุคคล การ
เกษียณอายุ และภาวะผู้นา เขาช่วยให้ผู้คนทั่วประเทศพัฒนากลยุทธ์ ที่ประสบ
ความสาเร็จการจัดการด้านการเงิน ทั้งในชีวิตส่วนตัวและธุรกิจ
 Chris ทางานที่ Ramsey Solutions มานานกว่าทศวรรษ ในฐานะโค้ชทางการเงินที่
เชื่อถือได้และด้านบุคลิกภาพให้กับ Ramsey

4. เรื่องโดยย่อ
 Everyday Millionaires คือผลงานจากแรงบันดาลใจของ Chris Hogan หนึ่งในผู้นาในองค์กร Ramsey
Solutions ซึ่งเขาและ Dave Ramsey อุทิศอาชีพของพวกเขา เพื่อให้ความหวังและคาแนะนาที่นาไปใช้
ได้จริง เพื่อช่วยให้ผู้คนหมดหนี้ และสร้างความมั่งคั่ง
 ในโครงการที่กล้าหาญ Hogan และทีมของเขาได้ทาการศึกษาเศรษฐีกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ของสหรัฐฯ พวกเขาสารวจเศรษฐีกว่า 10,000 คน ซึ่งหลังจากวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิง
ปริมาณแล้ว พวกเขาได้ข้อมูลสถิติกว่า 140 เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐีเงินล้าน และรวบรวมเรื่องราวที่
สร้างแรงบันดาลใจมากมายเกี่ยวกับเศรษฐีในชีวิตจริง
 Everyday Millionaires เป็ นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจซึ่งให้ความหวัง ตลอดจนขั้นตอนที่สามารถ
นาไปปฏิบัติได้ เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวของคุณ

5. เกริ่นนา
 คุณรู้หรือไม่ว่า การเป็นเศรษฐีต้องทาอย่างไร? ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณคงไม่รู้
 ในหนังสือเล่มนี้ ได้เผยให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างเศรษฐีเหล่านี้ ว่า พวกเขามาถึงจุดนี้ ได้
อย่างไร และทุกคนสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันสาหรับตนเองได้อย่างไร
 หนังสือ Everyday Millionaires แนะนาทีละขั้นตอนในการเป็ นเศรษฐี แม้ว่าคุณจะไม่มีเงินในธนาคาร
เป็ นจานวนมากในวันนี้ แต่จากการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดที่เคยดาเนินการเกี่ยวกับชีวิตของเศรษฐี หนังสือ
เล่มนี้ แสดงวิธีการควบคุมการเงินของคุณ และเปลี่ยนความฝันของคุณให้เป็ นจริง

6. ความหมายของคาว่าเศรษฐี
 เรากาหนดเศรษฐีเป็ นบุคคลที่มีมูลค่าสุทธิขั้นต่าอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญ

7. สถิติที่สาคัญของเศรษฐี
 1. ความมั่งคั่งและเงิน (Wealth and Money)
 89% มีมูลค่าสุทธิระหว่าง 1 ล้านถึง 5 ล้านดอลลาร์
 พวกเขากลายเป็นเศรษฐีเมื่ออายุเฉลี่ย 49 ปี
 67% ของมูลค่าสุทธิจะถูกจัดสรรให้กับการลงทุน
 33% ของมูลค่าสุทธิของพวกเขาถูกจัดสรรให้กับบ้านของพวกเขา
 79% ไม่ได้รับมรดกใดๆ

8.  2. ระดับการศึกษา (Education Level)
 88% จบปริญญาตรี
 62% จบการศึกษาจากโรงเรียนของรัฐ
 29% เข้าเรียนในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเอกชน
 8% เข้าเรียนวิทยาลัยชุมชน
 9% ไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัย
 48% เปอร์เซ็นต์มีค่าเฉลี่ย B หรือน้อยกว่าในโรงเรียน

9.  3. นิสัยการใช้เงินและหนี้ สิน (Money Habits & Debt)
 55% บริจาคให้กับองค์กรการกุศลและคริสตจักรเป็นประจา
 ร้อยละ 73 ไม่เคยเป็นหนี้ บัตรเครดิต
 67% ได้ชาระหนี้ จานองบ้านแล้ว และทาได้โดยเฉลี่ย 11 ปี
 68% จบการศึกษาระดับวิทยาลัย โดยไม่เคยรับเงินกู้นักเรียน
 93% ใช้คูปองในการช้อปปิ้ ง
 96% ไม่เคยมีบิลค้างชาระ
 82% ไม่มีหนี้ รถยนต์
 92% มีแผนระยะยาวสาหรับเงินของพวกเขา
 68% ใช้นักวางแผนการเงินส่วนบุคคล

10.  4. ประวัติการทางาน (Work History)
 18% เป็นนายตัวเอง
 33% ไม่ได้มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี
 มีเพียง 31% ที่เฉลี่ยรายได้ครัวเรือน 100,000 ดอลลาร์ขึ้ นไปต่อปี
 62% ยังคงทางานในช่วงเกษียณ เพราะพวกเขาต้องการ

11.  5. อาชีพยอดนิยม (Top Occupations)
 วิศวกร
 นักบัญชี
 ครู
 การจัดการ
 ทนายความ

12.  6. เมืองที่อยู่อาศัยห้าอันดับแรกของสหรัฐฯ (Top Five US Cities Of Residence)
 นิวยอร์ก
 ซานฟรานซิสโก
 ฟี นิกซ์
 ชิคาโก
 เซนต์หลุยส์

13.  7. ที่อยู่อาศัยหลัก (Primary Residence)
 บ้านของพวกเขาเฉลี่ย 2,600 ตารางฟุต
 พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นโดยเฉลี่ย 17 ปี
 8. นิสัยส่วนตัว (Personal Habits)
 80% ออกกาลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
 70% คิดว่าตัวเองตื่นเช้า
 93% ให้ความสาคัญกับการทางานอย่างหนัก เพื่อเป็นเศรษฐี

14. คุณถูกโกหกมาตลอด
 สังคมของเรา มีมุมมองที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความมั่งคั่งและความร่ารวย
 ข้อมูลที่ผิดพลาดบางส่วนที่เราได้รับ ได้แก่:
 ผู้มั่งคั่งเพราะได้รับเงินมรดก
 คนมีเงินคือศัตรูของชนชั้นกลาง
 โครงการทางราชการจะต้องดูแลเรา
 ฮอลลีวู้ดเผยความมั่งคั่งในมุมที่เลวร้าย

15. ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเศรษฐี
 คนมั่งคั่งไม่ได้ลงแรงทาเงินและไม่สมควรได้รับเงินนั้น นี้ เป็ นเพียงไม่เป็ นความจริง ซึ่งตาม
ข้อเท็จจริงระบุว่า 79% ของเศรษฐีที่สารวจ ไม่ได้มาจากมรดก
 ความหมายคือ:
 ไม่ได้มาจากเงินมรดก
 พวกเขาทางานหนัก
 ใช้วิจารณญาณและวินัยที่ดี
 ประหยัด
 ลงทุนเงินอย่างชาญฉลาด
 และไม่พึ่งพาโชค

16.  คนรวยยอมรับความเสี่ยงครั้งใหญ่ด้วยเงินของพวกเขา: พวกเขาเข้าใจว่า ความเสี่ยงและ
ผลตอบแทนเป็นการกระทาที่สมดุล และเข้าใจด้วยว่า การเป็นเศรษฐีไม่ได้มาจากการรวยทางลัด
 การสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน ด้วยกรอบความคิดระยะยาวเป็นแนวทางในการ
ลงทุน ไม่ใช่การซื้ อขายหุ้นทุกวัน พวกเขาไม่ได้เดิมพันอนาคตด้วยการลงทุนเก็งกาไรเช่น bitcoin
 พวกเขาหลีกเลี่ยงการร่วมทุน: ทาไม? เพราะต้องการพึ่งตนเองเท่านั้น และสุดท้าย พวกเขาไม่ได้ก่อ
หนี้ หรือใช้ความได้เปรียบ ในความพยายามที่จะเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน

17.  พวกเขาทุ่มเทเวลา พลังงาน และทรัพยากรส่วนใหญ่ไปกับสิ่งเดียว สิ่งเดียวที่เป็น กองทุนรวมซึ่งจัด
อยู่ในแผนการเกษียณอายุ ที่บริษัทจัดหาให้
 คนรวยมีการศึกษาในโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น?: ในแง่ของการศึกษา เขาไม่เชื่อว่าปริญญา
จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง มีความจาเป็นในการสร้างความมั่งคั่ง (มันไม่เกี่ยวกับว่าคนๆ หนึ่ง
เรียนมาจากโรงเรียนที่ใด)

18. เศรษฐีทาอะไรทุกวัน:
 นี่คือสิ่งที่พวกเขาทา:
 การใช้ชีวิตอยู่ให้ต่ากว่าเงินที่หามาได้
 วางแผนและตั้งเป้าหมาย
 ทางานหนัก
 ยึดมั่นในแผนของพวกเขา

19. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 1 ไม่มีข้อแก้ตัว เชื่อมั่นตนเอง
 อะไรคือข้อแก้ตัว: ข้อแก้ตัวคือคาโกหกที่แต่งขึ้ นเป็ นคาอธิบาย
 ความเชื่อมั่นเปรียบเสมือนสิ่งมีค่าในชีวิต คุณต้อง
 เชื่อว่าคุณทาได้ และสร้างความคิดเชิงบวกเกี่ยวกับเงิน
 กันความกลัวและความสงสัย ไม่ให้เข้ามาขวางทาง
 เข้าใจว่าคนอื่นอาจเริ่มก่อนคุณ
 และไม่ต้องแก้ตัว

20. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 2 เป็นเจ้าของ
 เศรษฐีมีความรับผิดชอบส่วนบุคคล: ประเด็นสาคัญได้แก่
 ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา
 คิดบวกและรู้สึกขอบคุณ
 กาหนดจุดหมายปลายทาง และแผนการเดินทาง
 การรับความช่วยเหลือเมื่อต้องการ (การขอความช่วยเหลือ หมายถึงการจ้างนักวางแผนทาง
การเงิน ควรจ้างนักวางแผนทางการเงิน หากคุณคิดว่ามันสร้างความแตกต่าง)

21. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 3 ดารงชีวิตให้น้อยกว่าที่คุณหามาได้
 เศรษฐี ฝึกฝนการใช้จ่ายโดยเจตนาเพื่อประหยัดเงิน: คุณไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้หากคุณใช้
จ่ายมากกว่าที่หามาได้ มันเป็ นแค่คณิตศาสตร์พื้นฐาน และคณิตศาสตร์นั้นดาเนินการผ่าน
งบประมาณรายเดือน (การจัดทางบประมาณมุ่งเน้นไปที่ด้านคุณภาพ มากกว่าการเน้นตัวเลข)
 ตัวอย่างเช่น
 ให้ความสาคัญของการจัดทางบประมาณ
 พิจารณาการใช้จ่ายโดยเจตนากับการใช้จ่ายหุนหันพลันแล่น
 ให้คู่สมรสหรือคู่ครองของคุณมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทางบประมาณ
 ใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือในการปลดหนี้

22. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 4 คิดล่วงหน้า
 พูดถึงความสาคัญของการตั้งเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเงินกัน ทั้งเป้าหมายระยะสั้นและเป้าหมายระยะ
ยาว คือ
 การสร้างสะพาน (ช่วงของสะพานคือ ช่วงเวลาระหว่างเมื่อคุณหยุดทางาน และเมื่อคุณมีสิทธิถอน
เงินจากแผนการเกษียณอายุโดยไม่มีการลงโทษ นี่เป็นหัวข้อสาคัญสาหรับทุกคนที่พิจารณาการ
เกษียณอายุก่อนกาหนด)
 ชาระค่าจานองบ้านของคุณก่อนกาหนด (ส่วนนี้ ให้เหตุผลในการเลือกสินเชื่อที่อยู่อาศัย 15 ปี
มากกว่ามาตรฐาน 30 ปี )

23. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 5 ทาสิ่งที่ต้องทา
 เศรษฐีเป็นคนทางานหนัก เน้นว่าต้องทางานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นเศรษฐี
 สิ่งสาคัญที่สุด หนังสือเล่มนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า ต้องทางานหนักเป็ นเวลานานเพื่อที่จะเป็นเศรษฐี
 ผลประโยชน์ที่ไม่เป็นตัวเงินบางประการ ของจรรยาบรรณในการทางานที่เข้มแข็งที่กล่าวถึง ได้แก่:
 ช่วยให้จิตใจดีขึ้ น
 ปรับปรุงชุดทักษะของคุณ
 เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ

24. นิสัยเศรษฐีข้อที่ 6 ยึดมั่น
 เศรษฐีมีความสม่าเสมอ: มองเห็นคุณธรรมของ
 ความอดทน
 ความสม่าเสมอ
 ประโยชน์ของการแต่งงานที่ดีและยืนยาว
 จัดลาดับความสาคัญของเงินลงทุน: นาเงินพิเศษนั้นไปชาระค่าจานองบ้านก่อนกาหนด เมื่อชาระค่า
จานองบ้านแล้ว ให้จัดสรรเงินพิเศษเหล่านั้นให้กับการลงทุนนอกแผนการเกษียณอายุ จากนั้น
ดาเนินการตามขั้นตอนนี้ อย่างสม่าเสมอทุกเดือน

25. การตัดสินใจขึ้ นอยู่กับคุณ
 คุณมีทางเลือก
 6 ขั้นตอนในการเป็ นเศรษฐี:
 เชื่อว่าคุณสามารถเป็นเศรษฐีได้
 รับผิดชอบต่อการกระทาของคุณ
 ใช้ชีวิตด้วยเงินน้อยกว่าที่คุณหาได้
 วางแผนล่วงหน้า (กาหนดเป้าหมายทางการเงิน)
 ทางานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายของคุณ
 ยึดมั่นในแผนของคุณ

26. -Robert Kiyosaki

27. สามบทเรียนจากหนังสือ:
1. เศรษฐีส่วนใหญ่ทางานเพื่อได้เงิน และทาตามแผน (Most millionaires work for their money and
follow a plan.)
2. มีงานพื้นฐาน แต่รู้กฎหมายเรื่องเงินง่ายๆ จะช่วยให้คุณกลายเป็ นเศรษฐีได้ (Having a basic job but
knowing some simple money laws can help you become a millionaire.)
3. แทนที่จะมีความคิดตกเป็ นเหยื่อ ให้มีความรับผิดชอบและตั้งเป้าหมาย (Instead of adopting the
mentality of a victim, be responsible and set goals.)

28. บทเรียนที่ 1: ผู้ประพันธ์แสดงให้เห็นว่า เศรษฐีส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินมรดก แต่ต้องทางานจึงจะได้มา
 ความจริงก็คือว่า เศรษฐีส่วนใหญ่เป็ นชายและหญิงที่สร้างตัวเองขึ้ นมาซึ่งทางานอย่างหนักเพื่อให้
ได้มา ซึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นผู้สืบทอดความมั่งคั่ง พวกเขาสร้างมันขึ้ นมาจากการทางานหนักและความ
มุ่งมั่น ควบคู่ไปกับการลงทุนที่ชาญฉลาด
 ผู้ประพันธ์กล่าวว่า จากการสัมภาษณ์กับเศรษฐีหลายคนเปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินมรดก แต่
ทางานอย่างหนักเพื่อได้มา คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ดี มีงานที่ได้รับค่าตอบแทน
สูง หรือมีภูมิหลังที่มีชื่อเสียง

29.  แต่พวกเขาใช้ชีวิตด้วยการใช้จ่ายที่ต่ากว่ารายได้ ชาระหนี้ อย่างรวดเร็ว ลงทุนก่อนกาหนด และรักษา
ความสม่าเสมอในการกระทาของพวกเขา
 Michael Phelps เป็นตัวอย่างที่ดี เขาเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ และเป็ นนักว่ายน้าที่มหัศจรรย์ เขาฝึกฝนหกวันต่อสัปดาห์เป็ นเวลาหกชั่วโมง และ
ผู้คนยังคงถือว่าความสาเร็จของเขามาจากโชค
 อันที่จริง คนส่วนใหญ่ชอบพูดถึงเศรษฐีราวกับว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและโชคดีอย่าง
เหลือเชื่อ ผู้คนมักชอบคิดว่าบุคคลที่ประสบความสาเร็จเช่นนั้น โชคดีมากกว่าทางานหนัก เพราะนั่น
ทาให้พวกเขาสบายใจ

30. บทเรียนที่ 2: ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเศรษฐีว่าต้องมาจากโรงเรียนระดับสูง จบปริญญาหลายรูปแบบ
และมีงานที่มีรายได้สูง ต้องหยุดลง
 เศรษฐีไม่จาเป็นต้องมาจากโรงเรียนระดับสูงสุด มีปริญญาหลายใบ ทางานในอสังหาริมทรัพย์
การเงิน หรืองานอื่นๆ
 ความจริงก็คือ เศรษฐีส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีเงิน อันที่จริงแล้ว พวกเขาบางคนยังเรียน
ไม่จบด้วยซ้า!
 ถึงเวลาที่จะคิดใหม่เกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง "ความร่ารวย" ทั้งหมด ความร่ารวยไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณหาเงิน
ได้เท่าไหร่ มันเกี่ยวกับจานวนเงินที่คุณเก็บสะสมไว้

31. ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐีมีดังนี้
 เศรษฐีทางานหนักและประหยัดเงิน พวกเขาไม่ได้ใช้มันเหมือนคนส่วนใหญ่ พวกเขาทาการลงทุนอย่าง
ชาญฉลาด และทาตามงบประมาณ
 เศรษฐีรู้วิธีดาเนินชีวิตให้ต่ากว่ารายได้ แม้ว่าพวกเขาจะสร้างตัวเลขหกหลักขึ้ นไปต่อปี ! พวกเขารู้ว่า
ชีวิตมีอะไรมากกว่าการซื้ อของด้วยบัตรเครดิต หรือการพักผ่อนอย่างฟุ่ มเฟื อยทุกปี
 พวกเขาลงทุนเพื่ออนาคต ด้วยการออมให้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้ในขณะที่ยังเด็ก เพื่อเกษียณอายุก่อน
กาหนด และสนุกกับชีวิตในภายภาคหน้า
 เศรษฐีไม่ได้มีแค่งานเดียว แต่ยังมีรายได้หลายทาง

32.  เคล็ดลับสู่ความร่ารวยไม่ได้ประกอบด้วยโชค การงานที่ดีขึ้ น หรืออะไรมากกว่านั้นเสมอไป แต่
เชี่ยวชาญกฎหมายการเงิน และทาให้รายได้ของคุณให้ดีที่สุด
 ด้วยเหตุนี้ เศรษฐีเหล่านี้ จานวนมาก จึงเป็ นคนธรรมดาที่ทางานพื้นฐาน แต่สิ่งที่ทาให้พวกเขาร่ารวย
คือนิสัยของพวกเขา

33. บทเรียนที่ 3: ไม่มีเศรษฐีสักคน ที่สร้างตัวเองด้วยความคิดของคนตกเป็นเหยื่อ
 คุณอาจเคยได้ยินเรื่องนี้ มาก่อนว่า เศรษฐีโดยเฉพาะกลุ่มที่สร้างตัวเอง ไม่ชอบบ่น ไม่นินทามากนัก
และพวกเขาก็ไม่โทษความโชคร้ายของพวกเขาจากปัจจัยภายนอก กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาไม่ได้
ดาเนินชีวิตตามความคิดของผู้ตกเป็นเหยื่อ และไม่ใช้เวลามากเกินไปในการคิดทบทวนสถานการณ์
 แต่เป็ นผู้ชายและผู้หญิงแห่งการกระทา พูดน้อย ลงมือทามากขึ้ น บ่นน้อยลง ขอบคุณมากขึ้ น ฯลฯ
 แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของบทเรียนนี้ เป้าหมายคือ การทาให้คุณเข้าใจว่า ความคิดที่ชนะและความคิด
ของผู้ตกเป็นเหยื่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้

34.  ในการที่จะหลุดพ้นจากกรอบความคิดนี้ คุณจะต้องฝึกด้วยความตั้งใจ เมื่อคุณตั้งใจในการกระทาของ
คุณ คุณจะไม่ใช้ชีวิตแบบเลื่อนลอยอีกต่อไป ไม่รอให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้ นราวกับว่าคุณอยู่ในระบบ
ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แล้วคุณทาให้เกิดขึ้ นได้อย่างไร? โดยการดาเนินการและควบคุมความก้าวหน้า
ในการตัดสินใจ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
 คุณต้องตัดสินใจเช่นกัน ดังนั้น คุณควรคิดให้รอบคอบและมั่นใจในตัวเลือกของคุณ เริ่มตัดสินใจ
เรื่องเงินแทนที่จะคาดหวังไว้ว่าอาจมีโอกาส
 สิ่งจะเป็นประโยชน์สาหรับคุณคือ การเริ่มแผนการออม แผนการเกษียณอายุ และแผนการลงทุน

35.  อย่าเพียงรอให้รวยก่อน ลงมือทาเลย!
 เช่นเดียวกับที่คุณบ่นว่าไม่มีเงิน คุณสามารถเริ่มเก็บหอมรอมริบสิ่งที่หามาได้ยากเหล่านั้น ยิ่งไปกว่า
นั้น ทาให้สิ่งนั้นทางานแทนคุณ!
 ตั้งเป้าหมายและแบ่งเป็ นวัตถุประสงค์ เพื่อให้คุณมีแผนที่ชัดเจน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ให้เริ่มตัดสินใจ
และละทิ้งความคิดของผู้ตกเป็ นเหยื่อ

36. สรุป
 Everyday Millionaire เป็ นหนังสือที่ชี้ แนะให้กับคนที่ดิ้นรนเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย มีความคิดว่า
อิสรภาพทางการเงินเป็ นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้ นจริงในยุคสมัยใหม่ หรือไม่รู้ว่าจะแยกตัวออกจากความคิดของ
การตกเป็นเหยื่อได้อย่างไร
 หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีสร้างตนให้เป็นเศรษฐี วิธีที่เงินสามารถทางานให้คุณและไม่ต่อต้านคุณ
หรือวิธีที่คนเหล่านี้ คิดล่วงหน้าได้อย่างไร ให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้
 นี่เป็นผลงานที่เฉียบแหลมอย่างแท้จริง ซึ่งเจาะลึกลงไปในจิตใจของคนที่ประสบความสาเร็จ และ
อธิบายว่า เศรษฐีไม่ใช่ผู้มีรายได้สูงเสมอไป แต่เป็นผู้ใช้จ่ายอย่างมีสติ

37. – Roy T. Bennett

38.  Credit Suisse’s latest global wealth report shows there are 46.8 million millionaires (measured in
USD) worldwide.
 Of those, 40% or 18.6 million individuals are in the United States (This means that about 7.6% of
the U.S. adult population are millionaires)
 After the U.S at 40%, the next highest 5 countries for millionaires are China 10%, Japan 6%, United
Kingdom 5%, Germany 5%, and France 4%.
 These top six countries represent 70% of the world’s millionaires

39.  Education is important, with 84 percent of millionaires having a college degree according
to Spectrem
 From another Spectrem study, on a 100 point scale, millionaires rated the importance of having a
regular saving program at 82, reflecting their strong belief of its importance to their wealth
 One in three funded their own college education without debt
 Fidelity’s Millionaire Outlook Survey showed 86% of millionaires said they made their own wealth,
they didn’t inherit it

40.  On average, it takes a millionaire 32 years to hit the $1,000,000 mark, dispelling the notion that
most get rich quick from a windfall
 In fact, the same study showed that 80 percent of current millionaires didn’t reach $1,000,000
until at least 50 years old
 Research conducted by Thomas Corley of Rich Habits, showed that 86 percent of wealthy people who
work full time put in 50 hours or more each week at their career
 Further, 67 percent of wealthy people watch less than one hour of television daily, and 63
percent spend less than one hour daily surfing the internet

41.  Next, desire matters as Corley found that 53 percent of self-made millionaires were obsessed with
become rich before they were rich
 Also, Corley’s research showed that millionaires often pursue multiple streams of income, with 65
percent having at least three streams, thereby diversifying their dependence on any one stream
 Finally, 88 percent of self-made millionaires read at least 30 minutes every day, focused on self
education

42.  Millionaires also take good care of their health, with 76 percent exercising 4 days a week
 86 percent are married, including 65 percent in their first marriage according to US Trust’s Insights
on Wealth and Worth
 The study also showed that 78 percent started out as middle class or poor, only 22 percent grew
up in the upper class
 Finally, many grew up in disciplined environments, with 76 percent citing that academic
achievement was emphasized, and 68 percent saying financial discipline was emphasized

43.  A study by the Harris Group, titled Survey of Affluence and Wealth, showed that respondents save an
average of 23 percent of their income
 Also, 87 percent of respondents said they succeeded in making their household more fiscally
responsible during last recession
 62 percent of millionaires rely on a financial planner to help them manage their wealth, according to
Fidelity’s Millionaire Outlook study

44.  Millionaires have significant equity in their homes, as on average, their mortgage is less than one
third of their home’s value, according to research performed by Thomas Stanely for his book The
Millionaire Next Door.
 Stanely’s research also showed that the average millionaire goes bankrupt 3.5 times before they
eventually succeed
 Further, only 20 percent are actually retired, meaning 80 percent still work

45.  Next, 66 percent of millionaires own their own business
 The Millionaire Next Door cites that the percentage of first generation millionaires is 80 percent,
dispelling the idea that most millionaires just inherit their money from a prior generation
 72 percent of millionaires believe ‘smart investing’ as a key to their success according to a
whitepaper published by the Spectrem Group

46.  This is important as the whitepaper shows 48 percent of millionaires’ investable assets are in
stocks
 Their research also showed that 74 percent of millionaires are happy with their work / life balance
 And when they go on vacation, they spend less than many might expect, with 81 percent spending
less than $10,000 total on vacations the prior year
 And finally, while millionaires invest, the majority believe gambling is a waste of money, with 74
percent spending $0 on gambling in the prior year