ความลับของการสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพ
- 1. 086 eENTERPRISE
AGILE ENTERPRISE
เมื่อกล่าวถึงเรื่องความสามารถหรือความฉลาด
แล้ว หลายคนคงนึกถึงการวัดไอคิว หรือ Intel-
ligenceQuotientแต่ในการท�ำงานทุกวันนี้เรา
กลับพบว่า คนท�ำงานไอคิวสูง ไม่ได้รับประกัน
ว่า ผลงานของทีมจะออกมาดีอย่างที่คิดเสมอ
ไป เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมีค�ำถามต่อไปว่าอะไร
คือตัวบ่งชี้ถึงความส�ำเร็จและผลงานที่มี
ประสิทธิภาพของทีม
ปัจจุบันนักสังคมศาสตร์ต่างก็ตั้งค�ำถามเรื่อง
เดียวกันนี้ มีงานวิจัยหลายต่อหลายชิ้น ศึกษา
ถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการท�ำงานของ
ทีม เชื่อหรือไม่ว่า งานวิจัยเหล่านี้ชี้ชัดว่า ไอคิว
หรือความฉลาดของสมาชิกในทีมไม่ได้มีผลกับ
ประสิทธิภาพการท�ำงานของทีมเท่าใดนัก แต่
ผลการวิจัยกลับชี้ให้เห็นถึงปัจจัยในการท�ำงาน
ที่แตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่สถาบันเทคโน-
โลยีแมสซาชูเซ็ตส์ที่เกิดจากเหล่านักวิจัยสงสัย
ว่าจะวัดความสามารถในการแก้ปัญหาของทีม
ได้หรือไม่ พวกเขาท�ำการทดลองอย่างละเอียด
โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มละ 2-5 คน โดย
ให้แก้ปัญหาหลากหลายรูปแบบทั้งแบบเกมลับ
สมองประลองปัญญา หรือข้อสอบเชาว์ (IQ
Test) หรือแม้แต่การแก้ปัญหาจริยธรรมแบบ
ทวิบถที่ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ชัดเจน
(Moral Dilemmas) หรือจะเป็นการเล่น
หมากฮอสผลปรากฏว่านักวิจัยสามารถระบุถึง
ปัจจัยที่สามารถท�ำนายประสิทธิภาพในการแก้
ปัญหาของทีมได้ โดยพบว่ามีตัวชี้วัด 3 ด้านที่
ส่งผลมากกว่าตัวชี้วัดอื่นๆ ดังนี้
ตัวชี้วัดที่ 1 วัดจากคะแนนในการท�ำการ
ทดสอบที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า“การอ่านใจผ่าน
ดวงตา” (Reading the Mind in the Eyes) ใน
การทดสอบนี้นักวิจัยจะฉายภาพเฉพาะดวงตา
แล้วให้ผู้ทดสอบเดาว่าเจ้าของดวงตานั้นก�ำลัง
รู้สึกอย่างไร เช่น สนุก ตื่นเต้น เบื่อ หรือร�ำคาญ
ทีมที่มีคะแนนของการทดสอบนี้สูงจะมีประสิทธิ
ภาพในการแก้ปัญหาของทีมได้สูง
ตัวชี้วัดที่ 2 วัดได้จากจ�ำนวนสมาชิกในทีมที่
ผูกขาดการสนทนาภายในทีม ซึ่งได้จากการวัด
ปริมาณการสนทนาของสมาชิกแต่ละคนในทีม
นักวิจัยพบว่าทีมที่มีจ�ำนวนสมาชิกที่ผูกขาดการ
สนทนาในทีมน้อยหรืออีกนัยหนึ่งคือสมาชิกใน
ทีมมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันมาก จะมี
ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาของทีมได้สูง
ตัวชี้วัดตัวที่ 3เป็นตัวชี้วัดที่อาจจะท�ำให้หลาย
คนประหลาดใจนั่นคือจ�ำนวนของสมาชิกในทีม
ที่เป็นผู้หญิง ทีมที่มีสัดส่วนจ�ำนวนผู้หญิง
มากกว่าจะมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้
สูงกว่า ทั้งนี้ผู้หญิงนั้นได้ชื่อว่ามีความสามารถ
ในการรับรู้ทางสังคมได้ดีกว่าผู้ชายมาแต่
ไหนแต่ไร และความสามารถในการรับรู้ทาง
สังคมนั่นเอง ที่ท�ำให้ทีมที่มีผู้หญิงมากกว่ามี
ประสิทธิภาพมากกว่า
นักวิจัยเรียกตัวชี้วัดทั้ง 3 นี้รวมกันว่า แฟค-
เตอร์ซี (Factor C) ซึ่งมีที่มาจาก Collective
Intelligence หรือความฉลาดองค์รวม ซึ่งนัก
วิจัยคาดหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนา
แฟคเตอร์ซีให้เป็นตัวชี้วัดความฉลาดองค์รวม
ของทีมได้เหมือนกับที่เราใช้IQในการวัดความ
โค้ชกร & โค้ชปอม
จาก Lean In Consulting (coach@lean-in.co)
ผู้เชี่ยวชาญในการสร้าง Business Agility ให้กับองค์กร
ทั้งในระดับปฏิบัติการและระดับบริหาร
ความลับของการสร้างทีม
ให้มีประสิทธิภาพ
Agile_312.indd 86 2/4/58 BE 11:20 AM
- 2. 087
ฉลาดรายบุคคล ณ จุดนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า
ตัวชี้วัดเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับประสิทธิภาพของ
ทีมอย่างไร แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดและเป็นปัจจัย
ที่ส�ำคัญที่สุดคงจะเป็นความสามารถที่สมาชิก
แต่ละคนจะร่วมมือกันได้
เรื่องความเก่งของตัวบุคคลที่ไม่มีผลมากนักกับ
ความเก่งของทีมอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ตัวอย่าง
เช่นในวงการกีฬาเราอาจจะเคยได้ยินว่าในช่วง
แรกของชีวิตนักบาสเก็ตบอลอาชีพ “ไมเคิล
จอร์แดน” นั้น เขาเป็นนักกีฬาที่มีทักษะและ
ความสามารถเฉพาะตัวสูงมาก แต่เขาก็ไม่เคย
น�ำทีมคว้าแชมป์ได้เลย ซึ่งต่างกับ “แมจิค
จอห์นสัน” ที่เป็นนักบาสเก็ตบอลที่เก่งและยัง
สามารถท�ำให้เพื่อนร่วมทีม เปลี่ยนจากผู้เล่น
ธรรมดาให้กลายเป็นระดับดาราได้ แต่ในการ
ท�ำงานเป็นทีมในองค์กรนั้น เรื่องนี้ยังไม่เป็นที่
เข้าใจหรือรับรู้กันมากนัก ผู้บริหารหลายคนยัง
มีความเชื่อในทางตรงกันข้ามด้วยซ�้ำว่า การมี
สมาชิกร่วมทีมที่เก่งย่อมต้องส่งผลให้ทีมนั้น
ท�ำงานได้มีประสิทธิภาพดี
หลายๆ คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการ
พัฒนาซอฟต์แวร์มานาน คงจะ
ทราบดีถึงปัญหาต่างๆ ในการ
พัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นความ
ล�ำบากในการบริหารงบประมาณ
การควบคุมคุณภาพการผลิต หรือ
การพัฒนาบุคลากร จนเคยมีคน
กล่าวว่าอุตสาหกรรมการพัฒนา
ซอฟต์แวร์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความ
เสี่ยงในการล้มเหลวมากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่ง
แต่อาจจะมีคนไม่มากนักที่จะตระหนักว่า
ปัญหาส่วนใหญ่นั้นเป็นปัญหาของคนมากกว่า
ปัญหาด้านเทคนิคในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้มี
องค์ความรู้หนึ่งซึ่งมุ่งเน้นการแก้ปัญหาต่างๆที่
กล่าวมาของการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยให้ความ
ส�ำคัญกับการท�ำงานเป็นทีมและความฉลาด
องค์รวมเป็นอย่างมากองค์ความรู้นั้นเป็นที่รู้จัก
กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันในแนวทางของอไจล์
(Agile)
ในปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีที่ใช้องค์
ความรู้ด้านอไจล์มาพัฒนาองค์กรและบุคลากรให้มี
ความฉลาดองค์รวมจนประสบความส�ำเร็จทางธุรกิจ
หลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook หรือ
Appleแต่เมื่อหันมามองการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
หรือการคัดเลือกคนเข้าท�ำงานในบ้านเราจะเห็นว่า
เรายังให้ความส�ำคัญกับความฉลาดส่วนบุคคลอยู่
ค่อนข้างมาก และจะหาองค์กรที่ให้ความส�ำคัญกับ
การท�ำงานเป็นทีมจริงๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การให้ความส�ำคัญกับความฉลาดส่วนบุคคลเป็นสิ่ง
ที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้วในยุคที่ธุรกิจมีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต้องอาศัยการท�ำงาน
เป็นทีมเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งทุกทิศทางถึงเวลาแล้วหรือ
ยังที่เราจะให้ความส�ำคัญกับความสามารถในการ
ท�ำงานเป็นทีมมากกว่าความสามารถส่วนบุคคล
การน�ำองค์ความรู้ด้านอไจล์มาปรับใช้กับการพัฒนา
ซอฟต์แวร์ในองค์กร ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับปรุง
การท�ำงานเป็นทีมขององค์กร เพราะเทคนิคต่างๆ
ของอไจล์ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การเขียนโค้ด
การทดสอบ หรือการปรับปรุงการท�ำงาน ล้วนแล้ว
แต่เป็นเทคนิคที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก
การท�ำงานเป็นทีมทั้งสิ้น
ในยุคโลกเศรษฐกิจดิจิตอลที่การเปลี่ยนแปลงเกิด
ขึ้นตลอดทุกวินาทีนี้เราต่างก็ทราบกันดีว่าสิ่งส�ำคัญ
ที่สุดในการที่จะท�ำให้ธุรกิจประสบความส�ำเร็จก็คือ
ความคล่องตัวในการปรับทิศทางธุรกิจ (Business
Agility) บทความในคอลัมน์ Agile Enterprise จะ
ได้น�ำเสนอแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการน�ำอไจล์มา
ใช้เพื่อช่วยปรับปรุงศักยภาพขององค์กรให้สามารถ
ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันใน
ตลาดโลกได้อย่างทัดเทียม หากมีข้อคิดเห็นหรือ
ติชมประการใด เขียนมาคุยกับเราได้ที่ coach@
lean-in.co
อ้างอิง
https://hbr.org/2014/12/great-teams-need-
social-intelligence-equal-participation-and-
more-women
https://hbr.org/2011/06/defend-your-
research-what-makes-a-team-smarter-
more-women/ar/1
https://hbr.org/product/wiser-getting-
beyond-groupthink-to-make-groups-
smarter/2299E-KND-ENG
Agile_312.indd 87 2/4/58 BE 11:20 AM