SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 11
Downloaden Sie, um offline zu lesen
โครงการแกล้งดิน
                         พระราชดารัช....
“ ..ที่ที่น้าท่ วมนี่หาประโยชน์ ไม่ ได้ถ้าเราจะทาให้ มันโผล่ พ้น
   น้าขึ้นมา มีการระบายน้าออกไป ก็จะเกิดประโยชน์ กัป
   ประชาชนในเรื่องของการทามาหากินอย่ างมหาศาล..”
 โครงการแกล้ งดิน
                                                            ่
 ที่มาของโครงการ สื บเนื่ องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชิ นีนาถ เสด็จแปร
                                       ่
    พระราชฐานไปยังจังหวัดต่าง ๆ อยูอย่างสม่าเสมอในการเสด็จแปรพระราชฐานทุกครั้งมิได้เพื่อทรงพักผ่อนเช่นสามัญชน
    ทัวไป แต่จะเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยียมเยียนราษฎรหรื อติดตามโครงการต่าง ๆ ที่ทรงริ เริ่ มหรื อมีพระราชดาริ ไว้
      ่                                   ่
    ดังนั้นเพื่อเป็ นการถวายความสะดวกแด่พระประมุขของชาติ รัฐบาลจึงสร้างพระตาหนักน้อมเกล้าฯ ถวายเป็ นที่ประทับใน
    คราวเสด็จแปรพระราชฐานไว้ในหลายจังหวัด เช่น พระตาหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ที่จงหวัดเชียงใหม่ พระตาหนักทักษิณราช
                                                                              ั
    นิเวศน์ ที่จงหวัดนราธิวาส เป็ นต้น
                 ั
จากการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดภาคใต้
ทาให้ทรงทราบว่าราษฎรมีความเดือดร้อนหลายเรื่ องโดยเฉพาะในกลุ่ม
                                                                        ่
ของเกษตร เช่น การขาดแคลนที่ทากินหรื อปัญหาในพื้นที่พรุ ซ่ ึงมีน้ าขังอยูตลอดปี
แม้สามารถทาให้น้ าแห้งได้ ดินในพื้นที่เหล่านั้นก็ยงเป็ นดินเปรี้ ยวจัด
                                                  ั
ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่คุมทุนพระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้
                        ้
ว่ามีความจานงเร่ งด่วนที่จะต้อง พระราชทานความช่วยเหลือ ดังจะเห็นได้จากความตอนหนึ่งในพระราชดารัสต่อไปนี้
                                      ้           ั     ้                                                ั
“ ..ที่ที่น้ าท่วมนี่หาประโยชน์ไม่ได้ถาเราจะทาให้มนโผล่พนน้ าขึ้นมา มีการระบายน้ าออกไป ก็จะเกิดประโยชน์กบประชาชน
ในเรื่ องของการทามาหากินอย่างมหาศาล..”
พระองค์ทรงมอบให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่ วมกันพิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุ งพื้นที่พรุ ซ่ ึงมีน้ าแช่ขงอยูตลอดปี
                                                                                                        ั ่
มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการทาเกษตรให้ได้มากที่สุด โดยต้องคานึ งถึงผลกระทบต่อระบบนิ เวศของป่ าพรุ ดวย   ้
การที่ดินในป่ าพรุ เป็ นดินเปรี้ ยวจัดก็เพราะ ดินเหล่านี้เป็ นดินที่มีอินทรี ยวัตถุคือรากพืชเน่าเปื่ อยอยู่ ข้างบน และในระดับ
ความลึกประมาณ 1-2 เมตร มีลกษณะเป็ นดินเลนสี เทาปนน้ าเงินซึ่งมีสารประกอบไพไรต์หรื อกามะถันอยูมาก ดังนั้น เมื่อ
                                   ั                                                                             ่
ดินแห้ง กรดกามะถันก็จะทาปฏิกิริยากับอากาศทาให้แปรสภาพเป็ นดินเปรี้ ยวจัดพระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะแก้ไข
             ั
ปั ญหานี้ให้กบราษฎร
                                                       ่ ั
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวพระราชทานพระราชดาริ
อันเป็ นต้นกาเนิดของโครงการ แกล้งดิน ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ


ความว่า “..ให้มีการทดลองทาดินให้เปรี้ ยวจัด โดยการระบายน้ าให้แห้งและศึกษา
วิธีการแก้ดินเปรี้ ยว เพื่อนาผลไปแก้ปัญหาดินเปรี้ ยวให้แก่ราษฎรที่มีปัญหาในเรื่ อง
นี้ในเขตจังหวัดนราธิวาส โดยให้ทาโครงการศึกษาทดลองในกาหนด 2 ปี ..”
โครงการ “ แกล้งดิน” จึงกาเนิดขึ้นโดยมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เป็ นหน่วยดาเนิ นการสนองพระราชดาริ
เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็ นกรดของดินกามะถัน
* แกล้งดินทาอย่างไร
* ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจยและปรับปรุ งดิน โดยวิธีการ "แกล้งดิน" คือ
                                                                      ั
  ทาให้ดินเปรี้ ยว เป็ นกรดจัดรุ นแรงที่สุด กล่าวคือ การทาให้ดินแห้ง และเปี ยกโดยนาน้ าเข้าแปลงทดลองระยะหนึ่ง และ
  ระบายน้ าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็ นการกระตุนให้เกิดกรดมากยิงขึ้น ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระ
                                                               ้                ่
         ่ ั
  เจ้าอยูหว จึงทรงให้เลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเป็ นปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการร่ นระยะเวลาช่วง
  แล้ง และช่วงฝนในรอบปี ให้ส้ นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้ าให้ดินเปี ยกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดิน
                                  ั
  แห้ง และดินเปี ยก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธีการปรับปรุ งดิน
  ดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
* แกล้งดินแล้วปรับปรุ งดิน
* : วิธีการที่สาคัญ
* เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี "แกล้งดิน"
* แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุ งดิน ซึ่งเปรี้ ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมีหลายวิธีการด้วยกันดังนี้
* แกล้งดินทาอย่างไร
* ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจยและปรับปรุ งดิน โดยวิธีการ "แกล้งดิน" คือ
                                                                              ั
  ทาให้ดินเปรี้ ยว เป็ นกรดจัดรุ นแรงที่สุด กล่าวคือ การทาให้ดินแห้ง และเปี ยกโดยนาน้ าเข้าแปลงทดลองระยะหนึ่ง และ
  ระบายน้ าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็ นการกระตุนให้เกิดกรดมากยิงขึ้น ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระ
                                                                 ้                ่
          ่ ั
  เจ้าอยูหว จึงทรงให้เลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเป็ นปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการร่ นระยะเวลาช่วง
  แล้ง และช่วงฝนในรอบปี ให้ส้ นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้ าให้ดินเปี ยกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดิน
                                    ั
  แห้ง และดินเปี ยก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธีการปรับปรุ งดิน
  ดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
* แกล้งดินแล้วปรับปรุ งดิน
* : วิธีการที่สาคัญ
* เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี "แกล้งดิน" แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุ งดิน ซึ่งเปรี้ ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมีหลายวิธีการ
  ด้วยกันดังนี้
* ใช้ปูน เช่น ปูนขาว หิ นปูนฝุ่ น ใส่ลงไปในดิน แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปูนจะทาปฏิกริ ยากับกรดกามะถันในดิน เกิดสารสะเทิน
  ปริ มาณกรดในดินจะลดลง ซึ่งหากใส่ในปริ มาณที่มากพอจะช่วย ให้ดินมีสภาพเป็ นกลาง
* - ใช้น้ าจืดล้างกรดและสารพิษออกจากดินโดยตรง วิธีการนี้ใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน เนื่องจากกรดจะชะล้างออกไปอย่างช้าๆ
  แต่ได้ผลเช่นกัน
* - ยกร่ อง เพื่อปลูกไม้ผลหรื อไม้ยนต้น โดยมีคูน้ าอยูดานข้าง ให้นาหน้าดินจากดินในบริ เวณที่เป็ นคูมา เสริ มหน้าดินเดิมที่เป็ น
                                   ื                  ่ ้
  คันร่ อง ก็จะได้หน้าดินที่หนาขึ้น ส่วนดินที่มีสารไพไรท์จะใช้เสริ มด้านข้าง เมื่อใช้น้ าชะล้างกรดบนสันร่ อง กรดจะถูกน้ าชะ
  ล้างไปยังคูดานข้าง แล้วระบายออกไป
               ้
* - ควบคุมระดับน้ าใต้ดิน ให้อยูเ่ หนือชั้นดินเลนตะกอนทะเล ป้ องกันไม่ให้สารไพไรท์ทาปฎิกริ ยากับออกซิเจน กรดกามะถันจึง
  ไม่ถูกปลดปล่อยเพิมขึ้น
                   ่
* - ใช้พืชพันธุทนทานต่อความเป็ นกรด มาปลูกในดินเปรี้ ยว
                ์
* - ใช้วิธีการต่างๆ ข้างต้นร่ วมกัน
* การดาเนินงานศึกษาทดลองอย่างต่ อเนื่อง ในโครงการแกล้งดิน
  ได้มีการดาเนินการในช่วง ต่างๆ ตามแนวพระราชดาริ ดงนี้ั
  ช่วงที่ 1 (มกราคม 2529-กันยายน 2530) เป็ นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของดิน เปรี ยบเทียบระหว่างดินที่ปล่อยทิ้ง
  ไว้ตามธรรมชาติ กับดินที่ทาให้แห้งและเปี ยกสลับกัน โดยวิธีการสูบน้ าเข้า-ออก การทาดินให้แห้งและเปี ยกสลับกัน ดิน
  จะเป็ นกรดจัดรุ นแรง และมีผล ต่อการเจริ ญเติบโตของพืช พบว่าข้าวสามารถ เจริ ญเติบโตได้ แต่ให้ผลผลิตต่า


* ช่วงที่ 2 (ตุลาคม 2530-ธันวาคม 2532) ศึกษาการเปลี่ยน แปลงทางเคมีของดินโดยเปรี ยบเทียบระหว่างระยะเวลา ที่ทาให้
  ดินแห้งและ เปี ยกแตกต่างกัน การปล่อยให้ดินแห้งนานมากขึ้น ความเป็ นกรดจะรุ นแรงมากกว่าการใช้ น้ าแช่ขงดินนานๆ
                                                                                                      ั
  และการให้น้ าหมุนเวียนโดยไม่มีการระบายออก ทาให้ความเป็ นกรดและ สารพิษสะสมในดินมากขึ้น ในการปลูกข้าว
  ทดสอบความรุ นแรงของกรด พบว่าข้าวตายหลังจากปักดาได้ 1 เดือน


* ช่วงที่ 3 (มกราคม 2533-ปัจจุบน) ศึกษาถึงวิธีการปรับปรุ งดิน โดยใช้น้ าชะล้างความเป็ นกรด ใช้น้ าชะล้างควบคู่กบการใช้
                               ั                                                                               ั
  หิ นปูนฝุ่ น ใช้หินปูนฝุ่ นอัตราต่า เฝ้ าติดตามการเปลี่ยนแปลงของดิน หลังจากที่ปรับปรุ งแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการใช้
                                                                    ่
  ประโยชน์ และศึกษาการเปลี่ยนแปลงของดินเปรี้ ยวจัด เมื่ออยูในสภาพธรรมชาติ ในปริ มาณเล็กน้อย พบว่าวิธีการใช้น้ า
                                                                   ่ ั
  ชะล้างดิน โดยขังน้ าไว้นาน 4 สัปดาห์ แล้วระบายออก ควบคูกบการใช้หินปูนฝุ่ นในปริ มาณเล็ก น้อยจะสามารถปรับปรุ ง
  ดินเปรี้ ยวจัด ได้เป็ นอย่างดี ส่วนวิธีการใช้น้ าชะล้างก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่ตองใช้เวลานานกว่า หลังจากมีการปรับปรุ ง
                                                                                   ้
  ดินแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่ อง จะทาให้ดินกลับเป็ นกรดจัดรุ นแรงขึ้นอีก สาหรับพื้นที่ดิน
  เปรี้ ยวจัดตามธรรมชาติ ที่ไม่มีการปรับปรุ งการเปลี่ยนแปลง ของความเป็ นกรดน้อยมาก
* เมื่อปี 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ได้มีรับสังเมื่อคราวเสด็จพระราชดาเนิน ตรวจแปลงศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็ น
                                     ่ ั          ่
  กรดของดินกามะถันว่า "...นี่เป็ นเหตุผลอย่างหนึ่ ง ที่พดมาสามปี แล้วหรื อสี่ ปี ว่าต้องการน้ าสาหรับมาให้ดินทางาน ดินทางาน
                                                         ู
  แล้วดินจะหายโกรธ อันนี้ไม่มีใครเชื่อ แล้วก็มาทาที่น้ ี แล้วมันได้ผล... อันนี้ผลงานของเราที่ทาที่นี่ เป็ นงานที่สาคัญที่สุด เชื่ อว่า
  ชาวต่างประเทศ เขามาดูเราทาอย่างนี้แล้ว เขาก็พอใจ เขามีปัญหานี่ แล้วเขาก็ไม่ได้ แก้หาตาราไม่ได้ ..." ศูนย์ศึกษาการพัฒนา
  พิกุลทอง อันเนื่องมา จากพระราชดาริ จึงได้จดทาคู่มือ การปรับปรุ งดินเปรี้ ยวจัด เพื่อการเกษตรขึ้นเมื่อปี 2536
                                              ั
* สภาพพื้นที่พรุ ที่ไม่สามารถทาการเกษตรได้                      การยกร่ อง




* ดินทางานแล้วดินจะหายโกรธ                                      ภาพหน้าตัดชั้นของดินที่เป็ นกรด จากพระราชดาริ จึงได้จดทาคู่มือ
                                                                                                                     ั
* วิธีการปรับปรุ งดินเปรี้ ยวจัดเพื่อการเกษตร
* 1.เพื่อปลูกข้าว ในเขตชลประทาน ถ้าดินมีค่า pH น้อยกว่า 4.0 ใช้ปูนในอัตราส่วนประมาณ 1.5 ตันต่อไร่ และถ้าดินมีค่า pH
    ระหว่าง 4.0-4.5 ให้ใช้ปูนในอัตรา 1 ตันต่อไร่
* ในเขตเกษตรน้ าฝน ดินที่มีค่า pH น้อยกว่า 4.0 ใช้ปูนในอัตราประมาณ 2.5 ตันต่อไร่ และถ้าดินมีค่า pH ระหว่าง 4.0-4.5 ใช้
    ปูนในอัตรา 1.5 ตันต่อไร่
* ขั้นตอนการปรับปรุ งดินเปรี้ ยวเพื่อปลูกข้าว
* 1.เมื่อหว่านปูนแล้วให้ทาการไถแปร
* 2.ปล่อยน้ าเข้าในนาแล้วแช่ขงไว้ประมาณ 10 วัน
                                  ั
* 3.จากนั้นให้ระบายน้ าออกเป็ นการชะล้างสารพิษ
* 4.ปล่อยน้ าเข้าไปขังใหม่เพื่อใช้ในการปักดา
* 2. เพื่อปลูกพืชล้มลุก จะแยกเป็ นการปลูกผักและการปลูกพืชไร่
* 2.1 การปลูกพืชผัก มีลาดับขั้นตอนดังนี้ คือ
* 1) ยกร่ องสวน โดยใช้สนร่ องมีขนาดกว้างประมาณ 6-7 เมตร มีคูระบายน้ ากว้าง 1.5 เมตรและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร
                       ั
    หรื อลึกพอถึงระดับขั้นดินเลนที่มีสารประกอบไพไรต์มาก
*
* 3) ทาแปลงย่อยบนสันร่ อง โดยยกแปลงให้สูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ1-2 เมตร เพื่อระบายน้ าบนสัน
  ร่ องและเพื่อป้ องกันไม่ให้แปลงย่อยแฉะเมื่อรดน้ าหรื อเมื่อมีฝนตก
* 4) ใส่วสดุปูนเพื่อลดความเป็ นกรดของดินคือใช้หินปูนฝุ่ นหรื อปูนมาร์ลอัตราประมาณ 2-3 ตันต่อไร่ หรื อประมาณ 2
         ั
  กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดยการคลุกเคล้าปูนให้เข้ากับดินและทิ้งไว้ 15 วัน
* 5) ใส่ปยหมักหรื อปุ๋ ยอินทรี ยในอัตรา 5 ตันต่อไร่ หรื อประมาณ 3 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดยใส่ก่อนปลูก 1 วัน
         ุ๋                     ์
  เพื่อปรับปรุ งดินให้ร่วนซุยมีส่วนประกอบของดินดี
แกล้งดินสาเร็จแล้วราษฎรได้ประโยชน์ อะไร
* เมื่อผลของการศึกษาทดลอง สาเร็ จผลชั้นหนึ่ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้นาผลการศึกษาทดลองขยายผลสู่พ้น ที่
                                                                                                        ื
                                                                                  ่
  ทาการเกษตรของราษฎร ที่ประสบปัญหาดินเปรี้ ยวจัด ซึ่งในเรื่ องนี้ได้มีพระราชดาริ วา
* "...พื้นที่บริ เวณบ้านโคกอิฐ และโคกในเป็ นดินเปรี้ ยว เกษตรกรมีความต้องการจะปลูกข้าว ทางชลประทานได้จดส่งน้ า
                                                                                                      ั
  ชลประทานให้ ก็ให้พฒนาดินเปรี้ ยว เหล่านี้ให้ใช้ประโยชน์ได้ โดยให้ประสานงานกับชลประทาน..."
                    ั
* จากการพัฒนาบ้านโคกอิฐ และบ้านโคกใน ปรากฏว่าราษฎรในพื้นที่ดงกล่าว สามารถปลูกข้าวให้ได้ผล ผลิตเพิมมากขึ้น
                                                            ั                                    ่
                                                                                                              ่
  จนเป็ นที่พอพระราชหฤทัย ถึงกับมีรับสังว่า "...เราเคยมาโคกอิฐ โคกใน มาดูเขาชี้ตรงนั้นๆ เขาทา แต่วาเขาได้เพียง 5 ถึง
                                             ่
  10 ถัง แต่ตอนนี้ได้ข้ ึนไปถึง 40-50 ถัง ก็ใช้ได้แล้ว เพราะว่าทาให้เปรี้ ยวเต็มที่แล้ว โดยที่ขดอะไรๆ ทาให้เปรี้ ยวแล้วก็
                                                                                               ุ
  ระบาย รู้สึกว่านับวันเขาจะดีข้ ึน... อันนี้สิเป็ นชัยชนะที่ดีใจมาก ที่ใช้งานได้แล้ว ชาวบ้านเขาก็ดีข้ ึน ...แต่ก่อนชาวบ้านเขา
  ต้องซื้อ ข้าว เดี๋ยวนี้เขามีขาวอาจจะขายได้
                               ้
* อย่างไรก็ตาม " โครงการแกล้งดิน " มิได้หยุดลงเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่จะต้องดาเนินการต่อไป "...งานปรับปรุ งดินเปรี้ ยว
  ควรดาเนิ นการต่อไป ทั้งในแง่การศึกษาทดลองและการขยายผล..." ซึ่ งปั จจุบนได้นาผลการศึกษาทดลอง ไปขยายผลแก่
                                                                        ั
  ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิง ขณะนี้ จะมีการนาผลของการ "แกล้งดิน" นาไปใช้ใน
                                                           ่
  พื้นที่จงหวัดนครนายก และจังหวัดนครศรี ธรรมราชอีกด้วย
          ั
* ดังนั้น " โครงการแกล้งดิน "
* จึงเป็ นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กบราษฎรทัว ทั้งประเทศ
                                       ั       ่
                                                                        ่ ั
สร้างความปลื้มปิ ติ แก่เหล่าพสกนิกรเป็ นล้นพ้นที่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว
ทรง ยอมตรากตราพระวรกายลงมา "แกล้งดิน" เพื่อให้พสกนิกร
ของพระองค์ พ้นจากความยากจนกลับ มาเบิกบานแจ่มใสกันทัวหน้า
                                                   ่
นางสาวลลิตภัทร สงวนผิว
      ม.4/6 เลขที่.10

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8supap6259
 
2557 โครงงานน้ำ
2557 โครงงานน้ำ2557 โครงงานน้ำ
2557 โครงงานน้ำBengelo
 
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้dnavaroj
 
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3teerachon
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานpacharawalee
 
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1Sivagon Soontong
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์Jiraporn
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบท
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบทคัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบท
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบทVisanu Khumoun
 
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียน
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียนข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียน
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียนสำเร็จ นางสีคุณ
 
การจัดหมู่
การจัดหมู่การจัดหมู่
การจัดหมู่supamit jandeewong
 
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยthnaporn999
 
พัฒนาการยุโรปสมัยกลาง
พัฒนาการยุโรปสมัยกลางพัฒนาการยุโรปสมัยกลาง
พัฒนาการยุโรปสมัยกลางPannaray Kaewmarueang
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1panisra
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2dnavaroj
 
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทยม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทยทศวรรษ โตเสือ
 
ประโยคความซ้อน
ประโยคความซ้อนประโยคความซ้อน
ประโยคความซ้อนพัน พัน
 
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิ
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิแบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิ
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิSurapong Klamboot
 

Was ist angesagt? (20)

สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8
 
รากที่สอง..
รากที่สอง..รากที่สอง..
รากที่สอง..
 
2557 โครงงานน้ำ
2557 โครงงานน้ำ2557 โครงงานน้ำ
2557 โครงงานน้ำ
 
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้
น้ำพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้
 
ชุดที่ 1 เครื่องมือเกษตร
ชุดที่ 1 เครื่องมือเกษตรชุดที่ 1 เครื่องมือเกษตร
ชุดที่ 1 เครื่องมือเกษตร
 
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
แบบทดสอบ พระพุทธ ม.3
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงาน
 
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ภาษาไทย (Key)_ม.1
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบท
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบทคัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบท
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ถอดความบางบท
 
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียน
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียนข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียน
ข้อสอบ เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สำหรับ นักเรียน
 
การจัดหมู่
การจัดหมู่การจัดหมู่
การจัดหมู่
 
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
 
พัฒนาการยุโรปสมัยกลาง
พัฒนาการยุโรปสมัยกลางพัฒนาการยุโรปสมัยกลาง
พัฒนาการยุโรปสมัยกลาง
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
 
21 ใบความรู้ เรื่องแรงเสียดทาน
21 ใบความรู้  เรื่องแรงเสียดทาน21 ใบความรู้  เรื่องแรงเสียดทาน
21 ใบความรู้ เรื่องแรงเสียดทาน
 
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทยม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
 
ประโยคความซ้อน
ประโยคความซ้อนประโยคความซ้อน
ประโยคความซ้อน
 
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิ
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิแบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิ
แบบฝึกทักษะเรื่องคำสมาสสนธิ
 

Andere mochten auch

โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงkpdbutter
 
โครงการแกล้งดิน
โครงการแกล้งดินโครงการแกล้งดิน
โครงการแกล้งดินWaristha Meepechdee
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงnery010407
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงpanussaya-yoyo
 
เรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงเรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงkittima345
 
โครงการในพระราชดำริงานคอม
โครงการในพระราชดำริงานคอมโครงการในพระราชดำริงานคอม
โครงการในพระราชดำริงานคอมUnchaya Suwan
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงNoopy S'bell
 
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวJuthaporn Lekwong
 
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1Jaey Chomuan
 
โครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมันโครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมันsnapcheetar
 
ฝายชะลอน้ำ
ฝายชะลอน้ำฝายชะลอน้ำ
ฝายชะลอน้ำdk_161154
 
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัส
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัสโครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัส
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัสLuksika
 
เรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงเรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงNuttayaporn
 
โคงงาน vintage -3-
โคงงาน vintage -3-โคงงาน vintage -3-
โคงงาน vintage -3-Bin Breakbad
 
New งานนำเสนอ microsoft office power point
New งานนำเสนอ microsoft office power pointNew งานนำเสนอ microsoft office power point
New งานนำเสนอ microsoft office power pointNattanaree
 
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวงโครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง0857099227
 
โครงการพระราชดำริ
โครงการพระราชดำริโครงการพระราชดำริ
โครงการพระราชดำริChayaphon yaphon
 
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำmaytakul
 
โครงการฝายชลอน้ำ
โครงการฝายชลอน้ำโครงการฝายชลอน้ำ
โครงการฝายชลอน้ำpacharawanwaii
 

Andere mochten auch (20)

โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิง
 
โครงการแกล้งดิน
โครงการแกล้งดินโครงการแกล้งดิน
โครงการแกล้งดิน
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิง
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิง
 
เรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงเรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิง
 
โครงการในพระราชดำริงานคอม
โครงการในพระราชดำริงานคอมโครงการในพระราชดำริงานคอม
โครงการในพระราชดำริงานคอม
 
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิงโครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิง
 
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
 
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ.1
 
โครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมันโครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมัน
 
ฝายชะลอน้ำ
ฝายชะลอน้ำฝายชะลอน้ำ
ฝายชะลอน้ำ
 
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัส
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัสโครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัส
โครงการฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำรัส
 
5บท
5บท5บท
5บท
 
เรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิงเรื่อง โครงการแก้มลิง
เรื่อง โครงการแก้มลิง
 
โคงงาน vintage -3-
โคงงาน vintage -3-โคงงาน vintage -3-
โคงงาน vintage -3-
 
New งานนำเสนอ microsoft office power point
New งานนำเสนอ microsoft office power pointNew งานนำเสนอ microsoft office power point
New งานนำเสนอ microsoft office power point
 
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวงโครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง
โครงการในพระราชดำริ ป่าสงวนขุนแม่กวง
 
โครงการพระราชดำริ
โครงการพระราชดำริโครงการพระราชดำริ
โครงการพระราชดำริ
 
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ฝายกั้นน้ำ
 
โครงการฝายชลอน้ำ
โครงการฝายชลอน้ำโครงการฝายชลอน้ำ
โครงการฝายชลอน้ำ
 

Ähnlich wie โครงการแกล้งดิน

ความลับของดิน
ความลับของดินความลับของดิน
ความลับของดินKomgid
 
รายงานสังคม
รายงานสังคมรายงานสังคม
รายงานสังคมthnaporn999
 
เพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดินเพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดินPassakorn TheJung
 
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่Budsayarangsri Hasuttijai
 
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวchkchp
 
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวchkchp
 
ทรัพยากรดิน
ทรัพยากรดินทรัพยากรดิน
ทรัพยากรดินRoongroeng
 
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวnam--nam-thanaporn
 
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาโครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาYves Rattanaphan
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Juthaporn Lekwong
 
โครงการฝนหลวง
โครงการฝนหลวงโครงการฝนหลวง
โครงการฝนหลวงPinocchio_Bua
 
โครงการปลูกหญ้าแฝก1
โครงการปลูกหญ้าแฝก1โครงการปลูกหญ้าแฝก1
โครงการปลูกหญ้าแฝก1Nuttayaporn2138
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1amloveyou
 

Ähnlich wie โครงการแกล้งดิน (20)

ดิน มัทนา ป.4
ดิน มัทนา ป.4ดิน มัทนา ป.4
ดิน มัทนา ป.4
 
ความลับของดิน
ความลับของดินความลับของดิน
ความลับของดิน
 
รายงานสังคม
รายงานสังคมรายงานสังคม
รายงานสังคม
 
เพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดินเพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดิน
 
เพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดินเพียงก้อนดิน
เพียงก้อนดิน
 
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่
 
254 8
254 8254 8
254 8
 
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
 
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
 
ทรัพยากรดิน
ทรัพยากรดินทรัพยากรดิน
ทรัพยากรดิน
 
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวโครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
โครงการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11
 
หญ้าแฝก
หญ้าแฝกหญ้าแฝก
หญ้าแฝก
 
ดิน
ดินดิน
ดิน
 
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขาโครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
โครงการ สวนผลไม้ชาวเขา
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
โครงการฝนหลวง
โครงการฝนหลวงโครงการฝนหลวง
โครงการฝนหลวง
 
โครงการปลูกหญ้าแฝก1
โครงการปลูกหญ้าแฝก1โครงการปลูกหญ้าแฝก1
โครงการปลูกหญ้าแฝก1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 

โครงการแกล้งดิน

  • 1. โครงการแกล้งดิน พระราชดารัช.... “ ..ที่ที่น้าท่ วมนี่หาประโยชน์ ไม่ ได้ถ้าเราจะทาให้ มันโผล่ พ้น น้าขึ้นมา มีการระบายน้าออกไป ก็จะเกิดประโยชน์ กัป ประชาชนในเรื่องของการทามาหากินอย่ างมหาศาล..”
  • 2.  โครงการแกล้ งดิน ่  ที่มาของโครงการ สื บเนื่ องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชิ นีนาถ เสด็จแปร ่ พระราชฐานไปยังจังหวัดต่าง ๆ อยูอย่างสม่าเสมอในการเสด็จแปรพระราชฐานทุกครั้งมิได้เพื่อทรงพักผ่อนเช่นสามัญชน ทัวไป แต่จะเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยียมเยียนราษฎรหรื อติดตามโครงการต่าง ๆ ที่ทรงริ เริ่ มหรื อมีพระราชดาริ ไว้ ่ ่ ดังนั้นเพื่อเป็ นการถวายความสะดวกแด่พระประมุขของชาติ รัฐบาลจึงสร้างพระตาหนักน้อมเกล้าฯ ถวายเป็ นที่ประทับใน คราวเสด็จแปรพระราชฐานไว้ในหลายจังหวัด เช่น พระตาหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ที่จงหวัดเชียงใหม่ พระตาหนักทักษิณราช ั นิเวศน์ ที่จงหวัดนราธิวาส เป็ นต้น ั จากการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดภาคใต้ ทาให้ทรงทราบว่าราษฎรมีความเดือดร้อนหลายเรื่ องโดยเฉพาะในกลุ่ม ่ ของเกษตร เช่น การขาดแคลนที่ทากินหรื อปัญหาในพื้นที่พรุ ซ่ ึงมีน้ าขังอยูตลอดปี แม้สามารถทาให้น้ าแห้งได้ ดินในพื้นที่เหล่านั้นก็ยงเป็ นดินเปรี้ ยวจัด ั ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่คุมทุนพระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ ้ ว่ามีความจานงเร่ งด่วนที่จะต้อง พระราชทานความช่วยเหลือ ดังจะเห็นได้จากความตอนหนึ่งในพระราชดารัสต่อไปนี้ ้ ั ้ ั “ ..ที่ที่น้ าท่วมนี่หาประโยชน์ไม่ได้ถาเราจะทาให้มนโผล่พนน้ าขึ้นมา มีการระบายน้ าออกไป ก็จะเกิดประโยชน์กบประชาชน ในเรื่ องของการทามาหากินอย่างมหาศาล..”
  • 3. พระองค์ทรงมอบให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่ วมกันพิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุ งพื้นที่พรุ ซ่ ึงมีน้ าแช่ขงอยูตลอดปี ั ่ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการทาเกษตรให้ได้มากที่สุด โดยต้องคานึ งถึงผลกระทบต่อระบบนิ เวศของป่ าพรุ ดวย ้ การที่ดินในป่ าพรุ เป็ นดินเปรี้ ยวจัดก็เพราะ ดินเหล่านี้เป็ นดินที่มีอินทรี ยวัตถุคือรากพืชเน่าเปื่ อยอยู่ ข้างบน และในระดับ ความลึกประมาณ 1-2 เมตร มีลกษณะเป็ นดินเลนสี เทาปนน้ าเงินซึ่งมีสารประกอบไพไรต์หรื อกามะถันอยูมาก ดังนั้น เมื่อ ั ่ ดินแห้ง กรดกามะถันก็จะทาปฏิกิริยากับอากาศทาให้แปรสภาพเป็ นดินเปรี้ ยวจัดพระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะแก้ไข ั ปั ญหานี้ให้กบราษฎร ่ ั เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวพระราชทานพระราชดาริ อันเป็ นต้นกาเนิดของโครงการ แกล้งดิน ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ความว่า “..ให้มีการทดลองทาดินให้เปรี้ ยวจัด โดยการระบายน้ าให้แห้งและศึกษา วิธีการแก้ดินเปรี้ ยว เพื่อนาผลไปแก้ปัญหาดินเปรี้ ยวให้แก่ราษฎรที่มีปัญหาในเรื่ อง นี้ในเขตจังหวัดนราธิวาส โดยให้ทาโครงการศึกษาทดลองในกาหนด 2 ปี ..” โครงการ “ แกล้งดิน” จึงกาเนิดขึ้นโดยมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เป็ นหน่วยดาเนิ นการสนองพระราชดาริ เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็ นกรดของดินกามะถัน
  • 4. * แกล้งดินทาอย่างไร * ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจยและปรับปรุ งดิน โดยวิธีการ "แกล้งดิน" คือ ั ทาให้ดินเปรี้ ยว เป็ นกรดจัดรุ นแรงที่สุด กล่าวคือ การทาให้ดินแห้ง และเปี ยกโดยนาน้ าเข้าแปลงทดลองระยะหนึ่ง และ ระบายน้ าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็ นการกระตุนให้เกิดกรดมากยิงขึ้น ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระ ้ ่ ่ ั เจ้าอยูหว จึงทรงให้เลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเป็ นปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการร่ นระยะเวลาช่วง แล้ง และช่วงฝนในรอบปี ให้ส้ นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้ าให้ดินเปี ยกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดิน ั แห้ง และดินเปี ยก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธีการปรับปรุ งดิน ดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้ * แกล้งดินแล้วปรับปรุ งดิน * : วิธีการที่สาคัญ * เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี "แกล้งดิน" * แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุ งดิน ซึ่งเปรี้ ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมีหลายวิธีการด้วยกันดังนี้ * แกล้งดินทาอย่างไร * ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้ทาการศึกษาวิจยและปรับปรุ งดิน โดยวิธีการ "แกล้งดิน" คือ ั ทาให้ดินเปรี้ ยว เป็ นกรดจัดรุ นแรงที่สุด กล่าวคือ การทาให้ดินแห้ง และเปี ยกโดยนาน้ าเข้าแปลงทดลองระยะหนึ่ง และ ระบายน้ าออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็ นการกระตุนให้เกิดกรดมากยิงขึ้น ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระ ้ ่ ่ ั เจ้าอยูหว จึงทรงให้เลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเป็ นปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการร่ นระยะเวลาช่วง แล้ง และช่วงฝนในรอบปี ให้ส้ นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้ าให้ดินเปี ยกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดิน ั แห้ง และดินเปี ยก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธีการปรับปรุ งดิน ดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
  • 5. * แกล้งดินแล้วปรับปรุ งดิน * : วิธีการที่สาคัญ * เมื่อดาเนินการตามกรรมวิธี "แกล้งดิน" แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุ งดิน ซึ่งเปรี้ ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมีหลายวิธีการ ด้วยกันดังนี้ * ใช้ปูน เช่น ปูนขาว หิ นปูนฝุ่ น ใส่ลงไปในดิน แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปูนจะทาปฏิกริ ยากับกรดกามะถันในดิน เกิดสารสะเทิน ปริ มาณกรดในดินจะลดลง ซึ่งหากใส่ในปริ มาณที่มากพอจะช่วย ให้ดินมีสภาพเป็ นกลาง * - ใช้น้ าจืดล้างกรดและสารพิษออกจากดินโดยตรง วิธีการนี้ใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน เนื่องจากกรดจะชะล้างออกไปอย่างช้าๆ แต่ได้ผลเช่นกัน * - ยกร่ อง เพื่อปลูกไม้ผลหรื อไม้ยนต้น โดยมีคูน้ าอยูดานข้าง ให้นาหน้าดินจากดินในบริ เวณที่เป็ นคูมา เสริ มหน้าดินเดิมที่เป็ น ื ่ ้ คันร่ อง ก็จะได้หน้าดินที่หนาขึ้น ส่วนดินที่มีสารไพไรท์จะใช้เสริ มด้านข้าง เมื่อใช้น้ าชะล้างกรดบนสันร่ อง กรดจะถูกน้ าชะ ล้างไปยังคูดานข้าง แล้วระบายออกไป ้ * - ควบคุมระดับน้ าใต้ดิน ให้อยูเ่ หนือชั้นดินเลนตะกอนทะเล ป้ องกันไม่ให้สารไพไรท์ทาปฎิกริ ยากับออกซิเจน กรดกามะถันจึง ไม่ถูกปลดปล่อยเพิมขึ้น ่ * - ใช้พืชพันธุทนทานต่อความเป็ นกรด มาปลูกในดินเปรี้ ยว ์ * - ใช้วิธีการต่างๆ ข้างต้นร่ วมกัน
  • 6. * การดาเนินงานศึกษาทดลองอย่างต่ อเนื่อง ในโครงการแกล้งดิน ได้มีการดาเนินการในช่วง ต่างๆ ตามแนวพระราชดาริ ดงนี้ั ช่วงที่ 1 (มกราคม 2529-กันยายน 2530) เป็ นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของดิน เปรี ยบเทียบระหว่างดินที่ปล่อยทิ้ง ไว้ตามธรรมชาติ กับดินที่ทาให้แห้งและเปี ยกสลับกัน โดยวิธีการสูบน้ าเข้า-ออก การทาดินให้แห้งและเปี ยกสลับกัน ดิน จะเป็ นกรดจัดรุ นแรง และมีผล ต่อการเจริ ญเติบโตของพืช พบว่าข้าวสามารถ เจริ ญเติบโตได้ แต่ให้ผลผลิตต่า * ช่วงที่ 2 (ตุลาคม 2530-ธันวาคม 2532) ศึกษาการเปลี่ยน แปลงทางเคมีของดินโดยเปรี ยบเทียบระหว่างระยะเวลา ที่ทาให้ ดินแห้งและ เปี ยกแตกต่างกัน การปล่อยให้ดินแห้งนานมากขึ้น ความเป็ นกรดจะรุ นแรงมากกว่าการใช้ น้ าแช่ขงดินนานๆ ั และการให้น้ าหมุนเวียนโดยไม่มีการระบายออก ทาให้ความเป็ นกรดและ สารพิษสะสมในดินมากขึ้น ในการปลูกข้าว ทดสอบความรุ นแรงของกรด พบว่าข้าวตายหลังจากปักดาได้ 1 เดือน * ช่วงที่ 3 (มกราคม 2533-ปัจจุบน) ศึกษาถึงวิธีการปรับปรุ งดิน โดยใช้น้ าชะล้างความเป็ นกรด ใช้น้ าชะล้างควบคู่กบการใช้ ั ั หิ นปูนฝุ่ น ใช้หินปูนฝุ่ นอัตราต่า เฝ้ าติดตามการเปลี่ยนแปลงของดิน หลังจากที่ปรับปรุ งแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการใช้ ่ ประโยชน์ และศึกษาการเปลี่ยนแปลงของดินเปรี้ ยวจัด เมื่ออยูในสภาพธรรมชาติ ในปริ มาณเล็กน้อย พบว่าวิธีการใช้น้ า ่ ั ชะล้างดิน โดยขังน้ าไว้นาน 4 สัปดาห์ แล้วระบายออก ควบคูกบการใช้หินปูนฝุ่ นในปริ มาณเล็ก น้อยจะสามารถปรับปรุ ง ดินเปรี้ ยวจัด ได้เป็ นอย่างดี ส่วนวิธีการใช้น้ าชะล้างก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่ตองใช้เวลานานกว่า หลังจากมีการปรับปรุ ง ้ ดินแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่ อง จะทาให้ดินกลับเป็ นกรดจัดรุ นแรงขึ้นอีก สาหรับพื้นที่ดิน เปรี้ ยวจัดตามธรรมชาติ ที่ไม่มีการปรับปรุ งการเปลี่ยนแปลง ของความเป็ นกรดน้อยมาก
  • 7. * เมื่อปี 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ได้มีรับสังเมื่อคราวเสด็จพระราชดาเนิน ตรวจแปลงศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็ น ่ ั ่ กรดของดินกามะถันว่า "...นี่เป็ นเหตุผลอย่างหนึ่ ง ที่พดมาสามปี แล้วหรื อสี่ ปี ว่าต้องการน้ าสาหรับมาให้ดินทางาน ดินทางาน ู แล้วดินจะหายโกรธ อันนี้ไม่มีใครเชื่อ แล้วก็มาทาที่น้ ี แล้วมันได้ผล... อันนี้ผลงานของเราที่ทาที่นี่ เป็ นงานที่สาคัญที่สุด เชื่ อว่า ชาวต่างประเทศ เขามาดูเราทาอย่างนี้แล้ว เขาก็พอใจ เขามีปัญหานี่ แล้วเขาก็ไม่ได้ แก้หาตาราไม่ได้ ..." ศูนย์ศึกษาการพัฒนา พิกุลทอง อันเนื่องมา จากพระราชดาริ จึงได้จดทาคู่มือ การปรับปรุ งดินเปรี้ ยวจัด เพื่อการเกษตรขึ้นเมื่อปี 2536 ั * สภาพพื้นที่พรุ ที่ไม่สามารถทาการเกษตรได้ การยกร่ อง * ดินทางานแล้วดินจะหายโกรธ ภาพหน้าตัดชั้นของดินที่เป็ นกรด จากพระราชดาริ จึงได้จดทาคู่มือ ั
  • 8. * วิธีการปรับปรุ งดินเปรี้ ยวจัดเพื่อการเกษตร * 1.เพื่อปลูกข้าว ในเขตชลประทาน ถ้าดินมีค่า pH น้อยกว่า 4.0 ใช้ปูนในอัตราส่วนประมาณ 1.5 ตันต่อไร่ และถ้าดินมีค่า pH ระหว่าง 4.0-4.5 ให้ใช้ปูนในอัตรา 1 ตันต่อไร่ * ในเขตเกษตรน้ าฝน ดินที่มีค่า pH น้อยกว่า 4.0 ใช้ปูนในอัตราประมาณ 2.5 ตันต่อไร่ และถ้าดินมีค่า pH ระหว่าง 4.0-4.5 ใช้ ปูนในอัตรา 1.5 ตันต่อไร่ * ขั้นตอนการปรับปรุ งดินเปรี้ ยวเพื่อปลูกข้าว * 1.เมื่อหว่านปูนแล้วให้ทาการไถแปร * 2.ปล่อยน้ าเข้าในนาแล้วแช่ขงไว้ประมาณ 10 วัน ั * 3.จากนั้นให้ระบายน้ าออกเป็ นการชะล้างสารพิษ * 4.ปล่อยน้ าเข้าไปขังใหม่เพื่อใช้ในการปักดา * 2. เพื่อปลูกพืชล้มลุก จะแยกเป็ นการปลูกผักและการปลูกพืชไร่ * 2.1 การปลูกพืชผัก มีลาดับขั้นตอนดังนี้ คือ * 1) ยกร่ องสวน โดยใช้สนร่ องมีขนาดกว้างประมาณ 6-7 เมตร มีคูระบายน้ ากว้าง 1.5 เมตรและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ั หรื อลึกพอถึงระดับขั้นดินเลนที่มีสารประกอบไพไรต์มาก *
  • 9. * 3) ทาแปลงย่อยบนสันร่ อง โดยยกแปลงให้สูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ1-2 เมตร เพื่อระบายน้ าบนสัน ร่ องและเพื่อป้ องกันไม่ให้แปลงย่อยแฉะเมื่อรดน้ าหรื อเมื่อมีฝนตก * 4) ใส่วสดุปูนเพื่อลดความเป็ นกรดของดินคือใช้หินปูนฝุ่ นหรื อปูนมาร์ลอัตราประมาณ 2-3 ตันต่อไร่ หรื อประมาณ 2 ั กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดยการคลุกเคล้าปูนให้เข้ากับดินและทิ้งไว้ 15 วัน * 5) ใส่ปยหมักหรื อปุ๋ ยอินทรี ยในอัตรา 5 ตันต่อไร่ หรื อประมาณ 3 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดยใส่ก่อนปลูก 1 วัน ุ๋ ์ เพื่อปรับปรุ งดินให้ร่วนซุยมีส่วนประกอบของดินดี แกล้งดินสาเร็จแล้วราษฎรได้ประโยชน์ อะไร * เมื่อผลของการศึกษาทดลอง สาเร็ จผลชั้นหนึ่ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้นาผลการศึกษาทดลองขยายผลสู่พ้น ที่ ื ่ ทาการเกษตรของราษฎร ที่ประสบปัญหาดินเปรี้ ยวจัด ซึ่งในเรื่ องนี้ได้มีพระราชดาริ วา * "...พื้นที่บริ เวณบ้านโคกอิฐ และโคกในเป็ นดินเปรี้ ยว เกษตรกรมีความต้องการจะปลูกข้าว ทางชลประทานได้จดส่งน้ า ั ชลประทานให้ ก็ให้พฒนาดินเปรี้ ยว เหล่านี้ให้ใช้ประโยชน์ได้ โดยให้ประสานงานกับชลประทาน..." ั * จากการพัฒนาบ้านโคกอิฐ และบ้านโคกใน ปรากฏว่าราษฎรในพื้นที่ดงกล่าว สามารถปลูกข้าวให้ได้ผล ผลิตเพิมมากขึ้น ั ่ ่ จนเป็ นที่พอพระราชหฤทัย ถึงกับมีรับสังว่า "...เราเคยมาโคกอิฐ โคกใน มาดูเขาชี้ตรงนั้นๆ เขาทา แต่วาเขาได้เพียง 5 ถึง ่ 10 ถัง แต่ตอนนี้ได้ข้ ึนไปถึง 40-50 ถัง ก็ใช้ได้แล้ว เพราะว่าทาให้เปรี้ ยวเต็มที่แล้ว โดยที่ขดอะไรๆ ทาให้เปรี้ ยวแล้วก็ ุ ระบาย รู้สึกว่านับวันเขาจะดีข้ ึน... อันนี้สิเป็ นชัยชนะที่ดีใจมาก ที่ใช้งานได้แล้ว ชาวบ้านเขาก็ดีข้ ึน ...แต่ก่อนชาวบ้านเขา ต้องซื้อ ข้าว เดี๋ยวนี้เขามีขาวอาจจะขายได้ ้
  • 10. * อย่างไรก็ตาม " โครงการแกล้งดิน " มิได้หยุดลงเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่จะต้องดาเนินการต่อไป "...งานปรับปรุ งดินเปรี้ ยว ควรดาเนิ นการต่อไป ทั้งในแง่การศึกษาทดลองและการขยายผล..." ซึ่ งปั จจุบนได้นาผลการศึกษาทดลอง ไปขยายผลแก่ ั ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิง ขณะนี้ จะมีการนาผลของการ "แกล้งดิน" นาไปใช้ใน ่ พื้นที่จงหวัดนครนายก และจังหวัดนครศรี ธรรมราชอีกด้วย ั * ดังนั้น " โครงการแกล้งดิน " * จึงเป็ นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กบราษฎรทัว ทั้งประเทศ ั ่ ่ ั สร้างความปลื้มปิ ติ แก่เหล่าพสกนิกรเป็ นล้นพ้นที่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรง ยอมตรากตราพระวรกายลงมา "แกล้งดิน" เพื่อให้พสกนิกร ของพระองค์ พ้นจากความยากจนกลับ มาเบิกบานแจ่มใสกันทัวหน้า ่