Hinweis der Redaktion
- การสร้างเว็บไซต์นั้นมีด้วยกันหลายวิธี อาจแบ่งได้ตามยุคตามสมัยของอินเทอร์เน็ตที่เปลี่ยนไป เริ่มตั้งแต่พัฒนาด้วยการเขียนเว็บด้วยภาษา HTML เองทั้งหมด การใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่มีขายในท้องตลอด หรือการจ้างนักพัฒนามืออาชีพเข้ามาจัดการเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันออกไป เช่น ระยะเวลาในการสร้างเว็บไซต์ ต้นทุน ความรู้ด้านโปรแกรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับหน่วยงาน ของตัวเอง วิธีเขียนภาษา HTML ทั้งหมดด้วยตัวเองนั้นยุ่งยากและเสียเวลาในการพัฒนามาก ดังนั้นวิธีที่นิยมกว่าคือการใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปอย่างเช่น Dreamweaver หรือ FrontPage ช่วยในการดีไซน์เว็บไซต์ แต่วิธีนี้จะมีข้อจำกัดในกรณีที่เป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ ผู้พัฒนาระบบต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญด้านโปรแกรมมิ่งพอสมควรจึงจะสามารถ พัฒนาระบบตามความต้องการของเว็บไซต์ที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ได้ สำหรับวิธีการจ้างนักพัฒนามืออาชีพนั้น ถึงแม้จะรองรับความต้องการของลูกค้าในเรื่องคุณสมบัติและหน้าตาของเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี แต่ลูกค้าจะประสบปัญหาเมื่อต้องการอัพเดตเนื้อหา เนื่องจากการอัพเดตทำได้ยาก และทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องในการจ้างผู้พัฒนาให้ตามอัพเดตอย่างไม่มีที่ สิ้นสุดจึงส่งผลให้เว็บไซต์จำนวนมากไม่มีการอัพเดท และนำไปสู่ความล้มเหลวในการจัดทำเว็บไซต์ขององค์กรได้ การพัฒนาเว็บไซต์แบบเดิมๆ ไม่ได้แยกส่วนโครงสร้างของเว็บไซต์ ส่วนการแสดงผลและส่วนเนื้อหาออกจากกัน จึงไม่สามารถแยกแก้ไขเฉพาะส่วนได้ ส่งผลในระยะยาวทำให้เว็บที่แก้ไขอาจหน้าตาไม่เหมือนกันทั้งหมด , การแก้ไขลิงก์ทำได้ยาก เกิดปัญหาลิงก์ตาย ทำให้ผู้เข้าชมเว็บไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ เมื่อเวลาผ่านไป จึงมีแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์แบบกึ่งสำเร็จรูป โดยนำระบบบริหารจัดการข้อมูลเว็บไซต์ ( Content Management System) หรือ CMS มาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว