Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie แบบทดสอบอายุ7 18 (20)
แบบทดสอบอายุ7 18
- 1. แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย
สําหรับนักเรียนอายุ 7 – 18 ปี
โดย
สํานักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- 2. รายการทดสอบสมรรถภาพทางกายสําหรับนักเรียน 7 – 18 ปี
ที่ รายการทดสอบ วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
1 องค์ประกอบของร่างกาย : เพื่อประเมินความเหมาะสมของสัดส่วนร่างกาย
ดัชนีมวลกาย (BMI) (น้ําหนักและส่วนสูง)
2 วัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อประเมินปริมาณไขมันใต้ผิวหนังของร่างกาย
3 นั่งงอตัวไปข้างหน้า เพื่อวัดความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง
4 ยืนกระโดดไกล เพื่อวัดกําลังกล้ามเนื้อขา
5 ลุกนั่ง 60 วินาที เพื่อวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อท้อง
6 ดันพื้น 30 วินาที เพื่อวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อแขน
7 วิ่งอ้อมหลัก (Zigzag run) เพื่อวัดความคล่องแคล่วว่องไว ความเร็วและความสามารถ
ในการทรงตัว
8 วิ่งระยะไกล เพื่อวัดความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบ
หายใจ
- 3. องค์ประกอบของร่างกาย : ดัชนีมวลกาย (BMI)
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อประเมินความเหมาะสมของสัดส่วนร่างกาย (น้ําหนักและส่วนสูง)
อุปกรณ์ที่ใช้ 1.เครื่องชั่งน้ําหนัก
2.เครื่องวัดส่วนสูง
3.เครื่องคิดเลข
วิธีการปฏิบัติ ตัวอย่าง เช่น
1.ชั่งน้ําหนัก และวัดส่วนสูงของผู้เข้ารับการทดสอบ ผู้เข้ารับการทดสอบมีน้ําหนักตัว 25 กิโลกรัม
2.นําน้ําหนัก และส่วนสูงมาคํานวณหาค่า มีส่วนสูง 120 เซนติเมตร
ดัชนีมวลกาย โดยนําค่า ค่าดัชนีมวลกาย = 25 / (1.20)2
น้าหนัก (กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร)2
ํ = 25 / 1.44
= 17.36 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
ระเบียบการทดสอบ 1. การชั่งน้ําหนักให้ผู้เข้ารับการทดสอบสวมชุดที่เบาที่สุด และให้ถอดรองเท้า
2. การวัดส่วนสูงให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ยืนตรง ศีรษะตั้งตรง สายตามองตรงไป
ข้างหน้า
การบันทึกผล น้ําหนักตัวให้บันทึกเป็นค่ากิโลกรัม สําหรับส่วนสูงให้บันทึกค่าเป็นเมตร
ชั่งน้ําหนัก วัดส่วนสูง
- 4. ความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อประเมินปริมาณไขมันใต้ผิวหนังของร่างกาย
อุปกรณ์ที่ใช้ 1.เครื่องวัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง
2.สายวัด
3.เครื่องคิดเลข
วิธีการปฏิบัติ 1.วัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน
ด้านหลัง (triceps skinfold)
2.วัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณน่องด้านใน
(medial calf skinfold)
3.นําผลรวมจาก 2 วิธีการข้างต้น มาคํานวณตามวิธีการที่
กําหนด
วิธีการวัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านหลัง (triceps skinfold)
1. ผู้รบการทดสอบยืนตรง หันหลังให้ผทดสอบ
ั ู้
- งอข้อศอกข้างที่ถนัด จนท่อนแขนส่วนบน และ
ท่อนแขนส่วนล่างตั้งฉากกัน โดยท่อนแขนส่วนบน
แนบกับลําตัว และท่อนแขนส่วนล่างชี้ตรงไป
ข้างหน้า
2.ผู้ทดสอบใช้สายวัด
- วัดระยะห่างระหว่างปุ่มกระดูกของกระดูก
สะบักที่นนขึ้นบริเวณหัวไหล่ด้านข้างค่อนมาทาง
ู
ข้างหลังกับปุ่มปลายกกระดูกข้อศอก
- แล้วใช้ปากกาทําเครื่องหมายไว้ที่กึ่งกลาง
ระหว่างระยะห่าง
- 5. 3.ผู้เข้ารับการทดสอบปล่อยแขนข้างลําตัวอย่าง
ผ่อนคลาย
4. ผู้ทดสอบใช้มือข้างซ้ายดึงผิวหนังพร้อมไขมัน
ใต้ผิวหนังในแนวกึ่งกลางด้านหลังของแขนเหนือ
เครื่องหมายที่ทําไว้ประมาณ 1 ซม.
- แล้วใช้เครื่องวัดความหนาของไขมันใต้ผวหนังที่
ิ
ถืออยู่มือขวาหนีบไปที่เนื้อใต้บริเวณที่ขอมือข้าง
้
ซ้ายจับอยู่ในระดับเดียวกันกับเครื่องหมายที่
กําหนดไว้ รอประมาณ 1 - 3 วินาที จนกระทั่ง
เข็มชี้สเกลนิ่งแล้วจึงอ่านค่าจากสเกล
5.ทําการวัด 2 ครั้ง แล้วหาค่าเฉลี่ยเพื่อนําไปคํานวณตามวิธีการต่อไป
วิธีการวัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณน่องด้านใน (medial calf skinfold)
1.ผู้รบการทดสอบนั่งบนเก้าอี้สูงประมาณ 70 - 75 ซม. แล้ววางเท้าขวาราบลงบนพื้นหรือกล่องที่จัดระดับ
ั
ความสูงให้ขอสะโพก ข้อเข่า และข้อเท้าทํามุมฉากซึ่งกันและกัน
้
2. ผู้ทดสอบใช้สายวัด วัดรอบน่องที่ระดับความ
สูงต่าง ๆ กัน เพื่อหาระดับที่มีเส้นรอบน่องกว้าง
ที่สุด
3. ใช้ปากกาทําเครื่องหมายที่ระดับที่มีเส้นรอบ
น่องมากที่สุด
- 6. 4. ผู้ทดสอบใช้มือซ้ายดึงผิวหนังพร้อมไขมันใต้ผิวหนังในแนวตั้งด้านในของน่องเหนือระดับเครื่องหมายที่ทําไว้
ประมาณ 1 ซม. แล้วใช้เครื่องวัดความหนาของไขมันใต้ผวหนังที่ถืออยู่ในมือข้างขวาหนีบ ไปที่เนื้อใต้บริเวณที่
ิ
มือข้างซ้ายจับอยู่เล็กน้อย ในระดับเดียวกับเครื่องหมายที่กําหนดไว้ รอประมาณ 1 - 3 วินาที จนกระทังเข็มชี้
่
สเกลนิ่งแล้วจึงอ่านค่าจากสเกล
5.ทําการวัด 2 ครั้ง แล้วหาค่าเฉลี่ยเพื่อนําไปคํานวณตามวิธีการต่อไป
การบันทึกผล นําค่าความหนาของไขมันใต้ผวหนังที่วัดได้ทั้ง 2 ตําแหน่งแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ของ
ิ
ไขมันที่สะสมในร่างกายจากสมการต่อไปนี้
วิธีการคํานวณของเพศชาย
เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
= (0.735 x ผลรวมของความหนาของไขมันบริเวณต้นแขนด้านหลังและน่องด้านใน) + 1.0
วิธีการคํานวณของเพศหญิง
เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
= (0.610 x ผลรวมของความหนาของไขมันบริเวณต้นแขนด้านหลังและน่องด้านใน) + 5.1
ตัวอย่างอุปกรณ์วัดไขมันใต้ผิวหนัง
- 7. นั่งงอตัวไปข้างหน้า
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง
อุปกรณ์ที่ใช้ กล่องเครื่องมือวัดความอ่อนตัว ขนาดสูง 30 เซนติเมตร
วิธีการปฏิบัติ
1.ท่าเริ่มต้น
- ผู้รับการทดสอบนั่งเหยียดขาตรงไป
ข้างหน้า
- เท้าทั้งสองอยู่ห่างกันประมาณ 1
ฟุต โดยให้ฝ่าเท้าวางราบชิดกล่อง
- แขนทั้งสองเหยียดตรงไปข้างหน้า
2.ผู้เข้ารับการทดสอบค่อย ๆ ก้ม
ลําตัวลงและใช้ปลายนิ้วจากมือทั้ง
สองดันแกนวัดระยะทางไปข้างหน้า
จนไม่สามารถก้มลําตัวลงไปได้อีก ให้
ผู้เข้ารับการทดสอบก้มตัวค้างไว้ 1
วินาที
ระเบียบการทดสอบ 1. ขณะที่กมเพื่อให้ปลายนิ้วแตะแกนที่วัดระยะทางไปข้างหน้านั้น เข่าจะต้องไม่งอ
้
2. ห้ามผู้เข้ารับการทดสอบโยกตัวช่วยขณะที่ก้มลําตัวลง
3. ให้ทําการทดสอบ 2 ครั้ง
การบันทึกผล 1. ให้บนทึกระยะทางเป็นเซนติเมตร
ั
2. บันทึกค่าทีทาการทดสอบได้ดีที่สุด จากการทดสอบ 2 ครั้ง
่ ํ
- 8. ยืนกระโดดไกล
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดกําลังกล้ามเนื้อขา
อุปกรณ์ที่ใช้ 1.แผ่นยางสําหรับยืนกระโดดไกล
2.เทปวัดระยะไม้ที หรือไม้บรรทัด (กรณีไม่มีแผ่นยาง)
3.ปูนขาว หรือผ้าเช็ดพื้น (กรณีใช้แผ่นยาง)
วิธีการปฏิบัติ
1.ท่าเริ่มต้น
- ผู้เข้ารับการทดสอบ ยืนแยกเท้าห่างกันประมาณ
ช่วงไหล ปลายเท้าอยู่หลังเส้นเริ่ม
- ย่อเข่าพร้อมกับเหวี่ยงแขนไปด้านหน้า-หลัง เพื่อหา
จังหวะในการกระโดด และเท้าทั้งสองไม่เคลื่อนที่
ท่าเตรียม กรณีไม่มแผ่นยาง
ี
2.เมื่อได้จังหวะแล้ว ให้กระโดดด้วยเท้าทั้งสองข้างไปด้านหน้าให้ได้ระยะไกลที่สุด
3.วัดระยะจากจุดเริ่มไปยังส่วนของร่างกายของผู้รับ
การทดสอบที่อยู่ใกล้ทสุด
ี่
การบันทึกผล 1.ทําการทดสอบ 2 ครั้ง บันทึกผลการทดสอบครั้งที่กระโดดได้ไกลที่สุด
2. ให้วดระยะทางเป็นเซนติเมตร
ั
- 9. ลุกนั่ง 60 วินาที
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อท้อง
อุปกรณ์ที่ใช้ 1. เบาะรองพื้น หรือสนามหญ้านุ่ม
2. นาฬิกาจับเวลา
วิธีการปฏิบัติ
1.ท่าเริ่มต้น
- ผู้เข้ารับการทดสอบนอนหงาย
- ชันเข่าทั้งสองข้าง
- เข่าทั้งสองงอเป็นมุมฉาก
- เท้าทั้งสองวางห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่
- ฝ่าเท้าวางราบกับพื้น
- มือทั้งสองแตะไว้ที่หน้าขาทั้งสองข้าง
2.ผู้ช่วยการทดสอบนั่งอยู่ที่ปลายเท้า
3.เมื่อได้ยินสัญญาณ “เริ่ม” ให้ผู้เข้ารับการทดสอบยกลําตัวขึ้นไปสู่ท่านั่ง ก้มลําตัวให้ศรษะผ่านไประหว่างเข่า
ี
แขนทั้งสองเหยียดตรงไปข้างหน้า และให้ปลายนิ้วแตะเส้นตรงที่อยู่แนวเดียวกับปลายเท้าทั้งสองข้าง
4.กลับสู่ท่าเริ่มต้น โดยจะต้องให้สะบักทั้งสองข้างแตะพื้น
ระเบียบการทดสอบ ในการทดสอบจะไม่นับจํานวนครั้งในกรณีต่อไปนี้
1. มือทั้งสองไม่ได้วางแตะที่บริเวณขาทั้งสองข้าง
2. ในขณะกลับลงไปสู่ท่าเริ่มต้น สะบักไม่ได้แตะพื้น
3. ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างไม่ได้แตะเส้นที่อยู่ในระดับเดียวกับปลายเท้า
4. ผู้เข้ารับการทดสอบใช้มือยันพื้น เพื่อดันลําตัวขึ้น
การบันทึกผล บันทึกจํานวนครั้งที่ทาได้อย่างถูกต้องภายในเวลา 60 วินาที
ํ
- 10. ดันพื้น 30 วินาที
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อท้อง
อุปกรณ์ที่ใช้ 1. เบาะรองพื้น หรือสนามหญ้านุ่ม
2. นาฬิกาจับเวลา
วิธีการปฏิบัติ ผู้ชายและผู้หญิงใช้ท่าทดสอบเหมือนกัน
1.ท่าเริ่มต้น
- ผู้เข้ารับการทดสอบนอนคว่ํา ลําตัวตรง
และเข่าเหยียดตรงขนานกับพื้น
- ยันฝ่ามือทั้งสองข้างไว้กับพื้นให้ปลายนิ้วชี้
ตรงไปข้างหน้า
- ฝ่ามือทั้งสองข้างเท่ากับช่วงไหล่
- ลําตัวจะเหยียดตรง
- แขนทั้งสองอยู่ท่าเหยียดตึง
2.เมื่อได้ยินสัญญาณ “เริ่ม” ให้ผู้เข้ารับการ
ทดสอบยุบข้อเพื่อดันพื้นลงไป โดยทํามุม
90 องศาที่ข้อศอกทั้งสองข้าง ในขณะที่
แขนบนขนานกับพื้น แล้วยกแขนและลําตัว
กลับขึ้นมาอยู่ในท่าเดิม นับเป็น 1 ครั้ง
3.กลับสู่ท่าเริ่มต้นและปฏิบัติต่อเนื่อง
จนกว่าจะหมดเวลา
ระเบียบการทดสอบ
1. ผู้ทดสอบจะต้องสังเกตลําตัวของผู้เข้ารับการทดสอบให้เหยียดตรง แขนทั้งสองอยู่ในท่าเหยียดตึงก่อนจะ
ยุบข้อเพื่อการดันพื้นลงไป
2. เมื่อยุบข้อและดันพื้นลงไป บริเวณหน้าอกของผู้เข้ารับการทดสอบลดต่ําลงจนเกือบจะแตะบริเวณเบาะ
ฟองน้ํา
การบันทึกผล บันทึกจํานวนครั้งที่ทําได้อย่างถูกต้องภายในเวลา 30 วินาที
- 11. วิ่งอ้อมหลัก
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดความคล่องแคล่วว่องไว ความเร็วและความสามารถในการทรงตัว
อุปกรณ์ที่ใช้ 1. หลักสูง 100 เซนติเมตร จํานวน 6 หลัก
2. เทปวัดระยะทาง
3. นาฬิกาจับเวลา 1/100 วินาที
การเตรียมสถานที่ในการทดสอบ
ก่อนการทดสอบ ผู้ทดสอบจะต้องเตรียมสถานที่ดังนี้ คือ จากเส้นเริ่ม วัดระยะทางมา 5 เมตร จะเป็นจุด
ในการวางหลักที่ 1 จากหลักที่ 1 ในแนวเส้นเดียวกัน วัดระยะทางจากหลักที่ 1 มา 4 เมตร จะเป็นจุดในการ
วางหลักที่ 3 และเช่นเดียวกัน จากหลักที่ 3 วัดระยะทางมาอีก 4 เมตร จะเป็นจุดวางหลักที่ 5 จากหลักที่ 1,
3, 5 ทํามุม 45 องศา วัดระยะทางจุดละ 2 เมตร จะเป็นการวางหลักที่ 2, 4 และ 6 ซึ่งในแต่ละจุดนั้น ก็จะมี
ระยะทางห่างกันจุดละ 4 เมตรเช่นเดียวกัน ดังรูป
วิธีการปฏิบติ ั
ให้ผู้เข้ารับการทดสอบยืนอยู่หลังเส้นเริ่ม เมื่อได้รับสัญญาณ “เริ่ม” ผู้เข้ารับการทดสอบจะวิ่งไปอ้อมซ้าย
ในหลักที่ 1 แล้วไปอ้อมขวาในหลักที่ 2 ต่อไปจะอ้อมซ้ายในหลักที่ 3 อ้อมขวาในหลักที่ 4 อ้อมซ้ายในหลักที่ 5
และอ้อมขวาในหลักที่ 6 ต่อจากนั้นก็จะวิ่งกลับมาอ้อมขวาในหลักที่ 5 อ้อมซ้ายในหลักที่ 4 อ้อมขวาในหลักที่ 3
อ้อมซ้ายในหลักที่ 2 และอ้อมขวาในหลักที่ 1 และวิ่งผ่านเส้นเริ่มไปอย่างรวดเร็ว
ระเบียบการทดสอบ หากผู้เข้ารับการทดสอบวิ่งผิดเส้นทางตามที่กําหนด หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
สัมผัสกับหลักที่วางไว้ ให้หยุดพักและทําการทดสอบใหม่
การบันทึกผล บันทึกเวลาที่ผเู้ ข้ารับการทดสอบเริ่มต้นออกวิ่งจากเส้นเริ่มไปอ้อมหลักทั้ง 6 หลักและวิ่ง
กลับไปถึงเส้นชัยเป็นวินาที ทศนิยมสองตําแหน่ง
- 12. วิ่งระยะไกล
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ เพื่อวัดความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ
ระยะทางในการวิ่ง
1.ระยะทาง 1,200 เมตร สําหรับนักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่มีอายุระหว่าง 7-12 ปี
2.ระยะทาง 1,600 เมตร สําหรับนักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่มีอายุระหว่าง 13-18 ปี
อุปกรณ์ที่ใช้ 1. นาฬิกาจับเวลา 1/100 วินาที
2. สนามที่มีลู่วง หรือทางวิ่งพื้นราบ
ิ่
วิธีการปฏิบัติ
1.เมื่อให้สญญาณ “เข้าที่” ผูเ้ ข้ารับการทดสอบยืนให้เท้าข้างหนึ่งแตะเส้นเริ่ม
ั
2.เมื่อพร้อมและนิ่ง ผู้ปล่อยตัวสั่ง “ไป” ผู้เข้ารับการทดสอบออกวิ่งไปตามเส้นทางที่กําหนดให้เร็วที่สุดเท่าที่
จะทําได้ (แม้วาจะอนุญาตให้เดินได้ แต่ก็ยังเน้นให้รักษาระดับความเร็วให้คงที่อยู่เสมอ)
่
ระเบียบการทดสอบ
1.หากผู้เข้ารับการทดสอบไม่สามารถวิ่งได้ตลอดระยะทางที่กาหนดได้ ก็ให้เดินจนครบระยะทาง
ํ
2.ผู้เข้ารับการทดสอบที่ไม่สามารถวิ่ง/เดิน ได้ครบระยะทางที่กําหนดจะไม่มีการบันทึกเวลา และต้องทําการ
ทดสอบใหม่
3.หากไม่มีลู่ว่งระยะทาง 400 เมตร ก็สามารถดัดแปลงจากสนามหรือทางวิ่งให้ครบระยะทางที่กําหนดไว้
ิ
การบันทึกผล บันทึกเวลาเป็นนาทีและวินาที
เอกสารอ้างอิง
วัลลีย์ ภัทโรภาส สุพิตร สมาหิโต และคณะ (สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ). 2553.
แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายสําหรับเด็กไทยระดับก่อนประถมศึกษาอายุ
4 – 6 ปี. กรุงเทพฯ
สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. 2549. แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทาง
กายที่สัมพันธ์กับสุขภาพสําหรับเด็กไทยอายุ 7 – 18 ปี. โรงพิม พี เอส พริ้นท์. กรุงเทพฯ.