Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie Projectcom 2560
Ähnlich wie Projectcom 2560 (20)
Mehr von kanyaluk dornsanoi
Mehr von kanyaluk dornsanoi (9)
Projectcom 2560
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
โครงงาน เรื่อง อาหารเกาหลี ( Food of Korea )
ผู้ทาโครงงาน
นางสาว กัญญลักษณ์ ดอนสระน้อย
เลขที่ 16 ชั้น ม.6 ห้อง 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
นางสาว กัญญลักษณ์ ดอนสระน้อย เลขที่ 16
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อาหารเกาหลี
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Food of Korea
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว กัณญญลักษณ์ ดอนสระน้อย
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
การที่ดิฉันได้เริ่มมารู้จักกับประเทศเกาหลีเพระ ศิลปิลนักร้องของประเทศเกาหลี ทาให้ฉันได้
อยากเรียนรู้เรื่องต่างๆ ของประเทศเกาหลี เช่น ประวัติความเป็นมาของประเทศเกาหลี ความเชื่อต่างๆ
วัฒนธรรมต่างๆ รวมไปถึงเรื่องอาหารต่างๆ แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาว
เกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลีจะเป็นตาหรับซึ่ง
ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่าง ๆ อาหารหมักดองต่าง ๆ เช่น
กิมจิ ช็อดกัล (젓갈 - อาหารทะเลหมักเกลือ) และท็อนจัง (된장 - ถั่วเหลืองหมักเหลว) ขึ้นชื่อใน
รสชาติโดยเฉพาะและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
จุดเด่นในการตั้งโต๊ะอาหารเกาหลีคืออาหารจานต่าง ๆ ถูกนามาจัดวางในคราวเดียวกัน โดยการปฏิบัติ
สืบทอดกันมา มีการเสิร์ฟอาหารประเภทเรียกน้าย่อยเริ่มจากอาหาร 3 ชนิด สาหรับสามัญชนถึง 12
ชนิดสาหรับชนชั้นวงศานุวงศ์ การจัดโต๊ะอาหารต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ามีการเสิร์ฟอาหารจานก๋วยเตี๋ยว
หรือเนื้อหรือไม่ มีการแสดงการจัดโต๊ะอาหารตามกฎระเบียบให้ผู้สนใจเรื่องอาหารและการรับประทาน
- 3. 3
อาหารได้เห็น หากจะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและญี่ปุ่นแล้ว เกาหลีนิยมใช้ช้อน
มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสิร์ฟน้าซุป
คนเกาหลีนิยมทานผักสด จะเห็นทุกครั้งบนโต๊ะอาหาร ก็คือ กิมจิ โดยในแต่ละมื้อจะต้องประกอบ 3 สิ่ง
คือ ข้าว ซุป และกิมจิ อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากซอสถั่วเหลือง ถั่วหมัก และน้ามันงา ซึ่งได้แก่
วิตามินและเกลือแร่
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อให้ได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของอาหารเกาหลี
2. เพื่อให้ได้รู้และเข้าใจในรสชาติของอาหารเกาหลี
3. เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาความเป็นมาของอาหารเกาหลี วัฒนธรรมในการรับประทานอาหารของประเทศเกาหลี
รสชาติของอาหารเกาหลี ชนิดของอาหารเกาหลี วัฒนธรรมบนโต้ะอาหารของประเทศเกาหลี
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมา
ตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลีจะเป็นตาหรับซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา
พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่างๆ อาหารหมักดองต่างๆ เช่น กิมจิ จอทกอล (jeotgal) (อาหารทะเลหมัก
เกลือ) และ ดนจัง (deonjang) (ถั่วเหลืองหมักเหลว) ขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะและมีคุณค่าทาง
โภชนาการสูง จุดเด่นในการตั้งโต๊ะอาหารเกาหลีคืออาหารจานต่างๆ ถูกนามาจัดวางในคราวเดียวกัน
โดยการปฏิบัติสืบทอดกันมา มีการเสิร์ฟอาหารประเภทออร์เดิฟเริ่มจากอาหร 3 ชนิด สาหรับสามัญชน
ถึง 12 ชนิดสาหรับชนชั้นวงศานุวงศ์ การจัดโต๊ะอาหารต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ามีการเสิร์ฟอาหารจาน
ก๋วยเตี๋ยวหรือเนื้อหรือไม่ มีการแสดงการจัดโต๊ะอาหารตามกฏระเบียบให้ผู้สนใจเรื่องอาหารและการ
รับประทานอาหารได้เห็น หากจะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและญี่ปุ่นแล้วเกาหลีนิยมใช้
ช้อนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสิร์ฟน้าซุป
อาหารเกาหลี เป็นอาหารที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ตอบรับกับภูมิอากาศในภูมิภาคที่ฤดูหนาวกิน
เวลายาวนาน อาหารเกาหลีจึงเป็นอาหารที่มีเทคนิคการถนอมอาหารพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อเก็บรักษา
วิตามินในสูตรอาหารประเภทผัก “กิมจิ” เป็นตัวอย่างอันเป็นสัญลักษณ์ของอาหารหมักดอง ความจริง
ที่ว่ากิมจิจะมีรสชาติเค็มขึ้น ถ้าใครนามันจากทางเหนือที่หนาวเย็นมาสู่ทางใต้ที่อบอุ่นกว่า
- 4. 4
เกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณ
กาล มาในสมัยนี้ อาหารเกาหลีจะเป็นตาหรับ ซึ่งประกอบด้วย เนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสี
เขียวและผักต่าง ๆ อาหารหมักดองต่าง ๆ เช่นกิมจิ จอทกอล Jeotgal คืออาหารทะเลหมักเกลือ
และดนจัง (Deonjang) หรือถั่วเหลืองหมักเหลว ซึ่งขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะ และมีคุณค่าทาง
โภชนาการสูง
พูดถึงอาหารเกาหลี คนทั่วไปจะนึกถึงรสชาติเผ็ดร้อนของพริก และกลิ่นกระเทียม แต่ที่จริง
อาหารเกาหลี มีหลากหลายรสชาติ แต่ละมื้อจะมีอาหารตั้งแต่ 3 ชนิด ไปจนถึง 12 ชนิด สาหรับราชวงศ์
หรือเศรษฐี ประกอบด้วย ข้าวหรือโจ๊กหุงพร้อมกับถั่วต่าง ๆ ฟักทอง โสม เห็ด ธัญพืชอื่น ๆ อาจเติม
เนื้อสัตว์อย่าง ไก่ หรือหอย จานถัดมา จะเป็นซุป สตูว์ ผัก และเนื้อสัตว์ ซึ่งปรุงด้วยวิธีการต่าง ๆ
อาหารเกาหลีจะมีลักษณะเป็น หยิน-หยาง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่สาคัญ หลักคิดแบบ หยิน
หยาง ตามการแพทย์แผนจีนนั้น ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จะประกอบไปด้วยสองด้าน ซึ่งด้านทั้งสองจะอยู่
ตรงข้ามกัน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกาย เช่น ชาวเกาหลี
นิยมรับประทาน ซัมเกทัง หรือซุปไก่โสม เพื่อเรียกกาลังในช่วงฤดูร้อน หรือหากอากาศหนาวเย็น
ร่างกายต้องการอาหารเพื่อทาให้อบอุ่น ต้องกิน “ชินซอลโล” หรือหม้อร้อนที่ประกอบด้วยเนื้อปลา ผัก
หรือเต้าหู้ ซึ่งนิยมทานช่วงหน้าหนาว เป็นต้น
ชาวเกาหลีเชื่อว่า อาหาร คือยาในชีวิตประจาวัน หากกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับสภาพร่างกาย
แล้ว เราอาจเจ็บป่วยได้ และหากเรามีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้นเป็นเวลานาน โรคภัยไข้เจ็บ
ที่เกิดขึ้นย่อมยากที่จะรักษาให้หายได้ ดังนั้น ชาวเกาหลีจึงมักใช้อาหารเป็นยา เช่น โสม ตังกุย และ
พืชผักสมุนไพรอื่น ๆ ความจริงสมัยก่อน การปรุงอาหารของเกาหลีไม่นิยมใช้เครื่องปรุงรสมากนัก และ
พริกก็เพิ่งแพร่หลายเมื่อศตวรรษที่ 16 ผ่านโปรตุเกส สเปน เข้ามาทางญี่ปุ่น
อาหารในวังหลวง
คนโบราณของเกาหลีคิดว่า อาหารนอกจากทาให้อิ่มท้องแล้ว ยังมีผลต้านการบารุง อาหารกับ
การแพทย์มาจากแหล่งเดียว พืชผักทุกชนิดล้วนมีสรรพคุณทางยา ใช้รักษาโรคภัยและบารุงร่างกาย ใน
วังหลวงจึงมีแพทย์ทางโภชนาการคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน โดยดูจากพระพลานามัยของพระราชา
หยินและหยาง 5 ธาตุ ปรับเป็นสูตรอาหาร 5 รส บางครั้งก็ให้งดของแสลง เพื่อป้องกันโรคภัย ทาให้นาง
กานัลต้องพลอยมีความรู้ด้านนี้ไปด้วย นอกจากเน้นความอร่อยแล้ว สุขภาพของพระราชาก็เป็นสิ่งสาคัญ
อาหารในวังหลวง นอกจากมีนางกานัลคอยดูแลแล้ว บางส่วนก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็คือพ่อครัวมือ
อาชีพที่ชานาญเรื่องอาหาร
ตามประวัติศาสตร์จารึก ในราชวงศ์ “โซซอน” ว่ากันว่า การเสวยของพระราชาเกาหลี มักจะมี
ข้าวสองชาม ชามหนึ่งเป็นข้าวธรรมดา ส่วนอีกชามเป็นข้าวผสมข้าวหนียว แล้วหุงด้วยน้าถั่วแดงอีกที
เพราะเชื่อว่าการกินข้าวแดง จะช่วยสะเดาะเคราะห์ให้พ้นภัย สมัยก่อนพระราชาเกาหลีจะเสวยวันละ 5
มื้อ มื้อเช้าที่สุดก็ประมาณ ตี5 ตี6 เรียกว่า “มื้อรุ่งอรุณ” ส่วนมื้อเช้าประมาณสิบโมงเช้า ต่อด้วยมื้อเที่ยว
มื้อเย็น และสุดท้ายคือคือมื้อดึก ส่วนใหญ่ก็เป็นผลไม้ ขนมหวานหรือเกี๊ยว
- 5. 5
อาหารราชสานักเป็นเรื่องราวความพิถีพิถัน ในการปรุงแต่งให้สวยงาม และเสริมสร้างสุขภาพให้
แข็งแรง โดยอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารราชสานัก คือ ซอล โล และกูล ชอน พัน ที่มีวิธีการ
เสิร์ฟตามแบบประเพณีนิยม สิ่งสาคัญขอบอาหารราชสานัก คือ พ่อครัวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
จะต้องรู้จักคัดเลือกวัตถุดิบที่นามาประกอบอาหารที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก
เนื้อ หรืออาหารทะเล อาหารราชสานักกับอาหารทั่วไปของเกาหลีนั้นมีความแตกต่างกันที่ อาหารราช
สานักจะไม่เน้นความจัดจ้านของรสชาติและเผ็ดเท่าอาหารทั่วไป
ชนิดของอาหารเกาหลีตามประเพณีนิยม
1. บับ (Bap) ข้าวนึ่ง และจุค (Juk) ข้าวต้ม
ข้าวต้มเป็นอาหารหลักของครัวเกาหลี ส่วนใหญ่ใช้ข้าวเหนียว บางครั้งเป็นพวกถั่ว เกาหลัด ข้าว
ฟ่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ หรือ ธัญญพืชชนิดต่างๆประกอบเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
ข้าวต้มถือว่าเป็นอาหารบารุงและเป็นอาหารเบา มีข้าวต้มหลากหลายชนิด อาทิเช่น ชนิดที่ทาด้วยข้าว
และมีส่วนผสม ด้วยถั่วแดง ฟักทอง หอยเป๋าฮื้อ โสม ลูกสน ผัก เนื้อไก่ เห็ด และถั่วงอก
2. กุก (Guk) ซุป
ซุปเป็นอาหารจานสาคัญเมื่อมีข้าวมาเสิร์ฟ เครื่องปรุงของซุปชนิดต่างๆมีผัก เนื้อสัตว์ ปลา หอย
เชลล์ สาหร่ายทะเล และกระดูกวัว
- 6. 6
3. จิเก (Jjigae) สตูว์
ชิแจคล้ายกับกุกแต่ข้นกว่าและแห้งกว่า ชิแจที่เป็นที่นิยมมากที่สุดทาจากเต้าเจี้ยว ชิแจมักจะเผ็ดร้อน
เสิร์ฟขณะร้อนจัดในชามหินร้อน
4. จิม และ ชอริม (Jjim and Jorim) เนื้อหรือปลาตุ๋น
จิมและชอริมเป็นอาหารคล้ายกันทาด้วยผักชุปซอสถั่วเหลืองแล้วนามาเป็นส่วนผสมต้มในไฟอ่อน
5. นามุล (Namul) พืชและผักใบเขียว
นามุลทาด้วยพืชหรือผักใบเขียวนามาต้มเพียงเล็กน้อยหรือทอดผสมกับเกลือ ซอสถั่วเหลือง งาเค็ม
น้ามันงา กระเทียม หัวหอม และเครื่องเทศ
- 7. 7
6. จอทกอล (jeotgal) อาหารทะเลหมักเกลือ
จอทกอลเป็นอาหารรสเค็มจัดทาจากปลาหมักโดยวิธีธรรมชาติ หอยเชลล์ กุ้ง หอยนางรม ไข่ปลา
พุงปลา และเครื่องปรุงอื่นๆ
7. กุย (Gui) ประเภทปิ้งย่าง
การทากุยคือการนาเนื้อหมักย่างบนเตาถ่าน อาหารเนื้อชนิดนี้ที่เป็นที่นิยมคือ พุลโกกิ (bulgogi) และ
คาลบิ (galbi) ยังมีอาหารจานปลาอีกหลายอย่างที่ปรุงด้วยวิธีนี้
8. เชิน (jeon) จานกระทะร้อน
เชินเป็นแพนเค้กชนิดหนึ่งที่ทาจากเห็ด ฟักทอง ปลาแห้งแผ่น หอยนางรม พริกเขียว เนื้อสัตว์ หรือ
เครื่องปรุงอื่นๆ ผสมกับเกลือและพริกไทยดาก่อนนาไปชุปแป้งและไข่แล้วทอด
- 8. 8
9. มันดู (Mandu) ประเภทยัดไส้
มันดูทาด้วยแป้งแผ่นยัดไส้เนื้อ เห็ด แตงทอด ถั่วงอก บางครั้งใช้เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือปลา แทนเนื้อ
สิ่งที่ชาวเกาหลีนิยมทาขณะรับประทานอาหารเกาหลี
1.ชาวเกาหลีนิยมทานอาหารเกาหลีโดยใช้ตะเกียบโลหะ(ชอซการัก)กับช้อนยาวโดยใช้ช้อนรับประทาน
ข้าว ซุป และสตูว์และใช้ตะเกียบคีปเครื่องเคียงแบบอาหารแห้งหรือดอง แต่จะไม่นิยมใช้ช้อนและ
ตะเกียบพร้อมกัน
2. การทานอาหารเกาหลี เสียงดังถือเป็นเรื่องปกติมาก
สาหรับคนเกาหลี ยิ่งการเคี้ยวอาหารเสียงดังๆมาก แสดงให้รู้ว่าอาหารเกาหลีมีความอร่อยมากแค่ไหน
3.เมื่อทานอาหารเกาหลีเสร็จควรวางช้อนและตะเกียบลงบนโต๊ะ ไม่นิยมวางไว้บนจานหรือชามอาหาร
4.พ่อครัวแม่ครัวอาหารเกาหลีจะยินดีรับคาติ-ชมเกี่ยวกับรสชาติอาหารและบริการ คงเคยเห็นแล้วจาก
ภาพยนต์เรื่อง กวน มึนโฮ “รสชาติเยี่ยมมากๆ”
5.ควรรอให้ผู้อาวุโสที่สุดเป็นฝ่ายบอกเริ่มการรับประทานอาหารก่อนเสมอ
6.ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดต้องเป็นคนรินเครื่องดื่มให้ผู้อาวุโสกว่า
เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและต้องรินด้วยสองมือ เมื่อมีคนรินเครื่องดื่มให้ก็ควรรินกลับเพื่อเป็นการ
แสดงความขอบคุณ