1. วิจัยในชั้นเรียน
เรื่อง
สำำรวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปี
ที่ 1 ที่มีต่อวิชำกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี 1
(กำรงำนอำชีพ) กรณีศึกษำเฉพำะในโรงเรียน
มัธยมบ้ำนบำงกะปิ
ผู้วิจัย
นำงกมลทิพย์ บุญโพธิ์
ครู รับเงินเดือนอันดับ คศ.1

2. กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ กำรงำนอำชีพและ
เทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1 ภำคเรียนที่ 1 ปี
กำรศึกษำ 2554
ชื่องำนวิจัย สำำรวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1
ที่มีต่อวิชำกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี 1 (กำรงำน
อำชีพ) กรณีศึกษำเฉพำะในโรงเรียนมัธยม
บ้ำนบำงกะปิ
ชื่อผู้วิจัย นำงกมลทิพย์ บุญโพธิ์
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี
บทคัดย่อ
กำรวิจัยในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมำยเพื่อสำำรวจทัศนคติของนักเรียน
ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1 ที่มีต่อวิชำกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี 1
(กำรงำนอำชีพ) เพื่อนำำไปปรับปรุงกำรเรียนกำรสอน กำรจัดกิจกรรม
กำรเรียนรู้ให้ตรงกับควำมต้องกำรของผู้เรียนให้มีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น
โดยใช้เครื่องมือแบบสำำรวจวัดทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำ
ปีที่ 1 จำำนวน 150 ชุด โดยกำรสุ่มตัวอย่ำงนักเรียนแต่ละห้องเรียน
จำกนักเรียนทั้งหมด 265 คน
จำกกำรศึกษำพบว่ำ กำรสำำรวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษำปีที่ 1 นักเรียนส่วนใหญ่มีควำมคิดเห็นว่ำอยู่ในระดับมำก ทั้ง
ด้ำนเนื้อหำวิชำ ด้ำนครูผู้สอน และด้ำนผู้เรียน โดยเฉพำะด้ำนผู้เรียนใน
เรื่องกำรปฏิบัติกำรประกอบอำหำรนักเรียนจะชอบมำกที่สุด

3. สำรบัญ
หน้ำ
บทนำำ
ควำมเป็นมำและควำมสำำคัญของปัญหำ
1
วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย
1
ขอบเขตกำรวิจัย
1
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
1
วิธีดำำเนินกำรวิจัย
ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง
2
ระยะเวลำที่ใช้ในกำรวิจัย
2
เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัย
2
กำรเก็บรวบรวมข้อมูล
2
ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูล

4. การวิเคราะห์ข้อมูล
3
สรุปผลการวิจัย
5
บทนำา
ความเป็นมาและความสำาคัญของปัญหา
จากการที่ผู้วิจัยได้ทำาการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
(การงานอาชีพ) มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว สังเกตพบว่านักเรียนบางส่วนมี
ความสนใจเรียนในวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีน้อย และในส่วนที่
ต้องปฏิบัติงานส่งเป็นชิ้นงาน พบว่านักเรียนบางส่วนมีความตั้งใจในการ
ทำางานน้อย ผลงานที่ได้ไม่เป็นที่พอใจเท่าที่ควร และนักเรียนบางส่วนส่ง
งานช้า รวมทั้งผู้วิจัยมีประสบการณ์ในการสอนวิชาการงานอาชีพน้อย
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละครั้งอาจไม่ตรงกับความต้องการ และ
ความถนัดของนักเรียน ซึ่งอาจจะมีผลทำาให้นักเรียนได้รับประโยชน์จาก
1

5. การเรียนวิชานี้ไม่เต็มที่ทำาให้เบื่อหน่ายการเรียนวิชาการงานอาชีพได้
ผู้วิจัยจึงมีความต้องการสำารวจทัศนคติความคิดเห็นจากนักเรียนเกี่ยวกับ
วิชาการงานอาชีพฯ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ในปีการศึกษาต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อสำารวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใน
โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ ที่เรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
(การงานอาชีพ)
2. เพื่อพัฒนา ปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาการงาน
อาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ) ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขอบเขตการวิจัย
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 1/1-1/7 จำานวน 318 คน ให้ความ ร่วมมือในการแสดงความ
คิดเห็นต่อวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
2. ระยะเวลา คือ เดือนสิงหาคม 2554
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ครูจัดการเรียนการสอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
(การงานอาชีพ) ตรงกับความต้องการของนักเรียน และนำาไปใช้
ในชีวิตประจำาวันได้
2. นักเรียนมีความสุขในการเรียนวิชาการงานอาชีพและ
เทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ)
3. เป็นแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุงแผนการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้
วิธีดำาเนินการวิจัย
2

6. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ
สำานักงานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้นจำานวน 318 คน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 1/1-1/7 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 ของโรงเรียน
มัธยมบ้านบางกะปิ สำานักงานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โดยวิธี
การสุ่มตัวอย่างของนักเรียนแต่ละห้อง ห้องละ 25 คน จำานวนทั้งสิ้น
150 คน
ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย
เดือนสิงหาคม 2554
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
- แบบสำารวจทัศนคติ
การเก็บรวบรวมข้อมูล
(1) การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำาเนินการรวบรวมข้อมูลด้วย
ตัวเองกับกลุ่มตัวอย่าง จำานวน 133 คน โดยแจกแบบสำารวจ
ทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการงาน
อาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ)
(2) รวบรวมหาเป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ

7. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้เพื่อสำารวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1/1- 1/7 ที่มีต่อวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงาน
อาชีพ) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 ได้ดำาเนินการเก็บรวบรวม
ข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะนำาเสนอผลการวิจัยและอภิปรายผลต่อ
ไปดังนี้
ตารางสรุปผลสำารวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1
ที่มีต่อวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ)
ข้
อ
ที่
รายการ
ระดับความ
คิดเห็น รว
ม
ค่า
เฉลี่
ย
แปล
ผล
4 3 2 1
ด้านเนื้อหาวิชา
1
เนื้อหาวิชาน่าสนใจ 5
5
7
5
1
8
2
15
0
3.22 มาก
2
เนื้อหาวิชาใช้ประโยชน์ได้ในชีวิต
ประจำาวัน
8
8
4
6
1
5
1
15
0
3.47 มาก
3
สื่อการเรียนการสอนเพียงพอ 5
0
7
7
1
9
4
15
0
3.15 มาก
4
สถานที่เรียนเหมาะสม 5
1
6
4
3
2
3
15
0
3.09 มาก
5
วัสดุอุปกรณ์ในการเรียนเพียงพอ 4
6
5
9
4
0
5
15
0
2.97 มาก
ด้านครูผู้สอน
6
มีความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอนเป็นอย่าง
ดี
8
2
5
3
1
4
1
15
0
3.44 มาก
7
มีความสามารถในการสอนให้เข้าใจ
ได้ง่าย
9
1
4
3
1
6
0
15
0
3.50
มาก
ที่สุด
8
เอาใจใส่นักเรียนทั่วถึงทุกคน
สมำ่าเสมอ
7
6
5
1
2
0
3
15
0
3.33 มาก
9 มีความประพฤติดีใช้กิริยาวาจาที่ 9 4 1 4 15 3.45 มาก
3

8. เหมาะสมกับนักเรียน 0 2 4 0
10
มีการเตรียมการสอนล่วงหน้าเป็น
อย่างดี
8
5
4
9
1
2
4
15
0
3.43 มาก
ด้านผู้เรียน
11
ชอบเนื้อหาวิชาการงานอาชีพและ
เทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ)
7
7
6
1
1
1
1
15
0
3.43 มาก
12
มีความกระตือรือร้นในการเรียน
วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
6
3
6
4
1
9
4
15
0
3.24 มาก
13
ชอบเรื่องปฏิบัติการประกอบอาหาร 9
7
3
9
1
2
2
15
0
3.54
มาก
ที่สุด
14
ชอบเรื่องปฏิบัติการถนอมอาหาร 6
6
5
1
2
8
5
15
0
3.19 มาก
15
ชอบเรื่องปฏิบัติการประดิษฐ์ 9
2
3
6
1
7
5
15
0
3.43 มาก
16
เวลาที่ใช้ในการเรียนต่อสัปดาห์
เหมาะสม
5
5
5
6
2
8
1
1
15
0
3.03 มาก
ตารางแสดงค่าร้อยละผลสำารวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1
ที่มีต่อวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ)
ข้
อ
ที่
รายการ
ระดับความคิดเห็น
4 3 2 1
ด้านเนื้อหาวิชา
1
เนื้อหาวิชาน่าสนใจ 36.6
7
50.0
0
12.0
0
1.3
3
2
เนื้อหาวิชาใช้ประโยชน์ได้ในชีวิต
ประจำาวัน
58.6
7
30.6
7
10.0
0
0.6
7
3
สื่อการเรียนการสอนเพียงพอ 33.3
3
51.3
3
12.6
7
2.6
7
4
สถานที่เรียนเหมาะสม 34.0
0
42.6
7
21.3
3
2.0
0
5
วัสดุอุปกรณ์ในการเรียนเพียงพอ 30.6
7
39.3
3
26.6
7
3.3
3
ด้านครูผู้สอน
4

9. 6
มีความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอนเป็น
อย่างดี
54.6
7
35.3
3
9.33
0.6
7
7
มีความสามารถในการสอนให้เข้าใจ
ได้ง่าย
60.6
7
28.6
7
10.6
7
0.0
0
8
เอาใจใส่นักเรียนทั่วถึงทุกคน
สมำ่าเสมอ
50.6
7
34.0
0
13.3
3
2.0
0
9
มีความประพฤติดีใช้กิริยาวาจาที่
เหมาะสมกับนักเรียน
60.0
0
28.0
0
9.33
2.6
7
10
มีการเตรียมการสอนล่วงหน้าเป็น
อย่างดี
56.6
7
32.6
7
8.00
2.6
7
ด้านผู้เรียน
11 ชอบเนื้อหาวิชาการงานอาชีพและ
เทคโนโลยี 1
(การงานอาชีพ)
51.3
3
40.6
7
7.33
0.6
7
12 มีความกระตือรือร้นในการเรียน
วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1
42.0
0
42.6
7
12.6
7
2.6
7
13
ชอบเรื่องปฏิบัติการประกอบอาหาร 64.6
7
26.0
0
8.00
1.3
3
14
ชอบเรื่องปฏิบัติการถนอมอาหาร 44.0
0
34.0
0
18.6
7
3.3
3
15
ชอบเรื่องปฏิบัติการประดิษฐ์ 61.3
3
24.0
0
11.3
3
3.3
3
16
เวลาที่ใช้ในการเรียนต่อสัปดาห์
เหมาะสม
36.6
7
37.3
3
18.6
7
7.3
3
จากตาราง ข้อมูลด้านเนื้อหาวิชา ด้านครูผู้สอน และด้านผู้เรียน
ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 2.97 – 3.47 ยกเว้นด้าน
ครูผู้สอน มีความสามารถในการสอนให้เข้าใจง่าย และด้านผู้เรียน
นักเรียนชอบการปฏิบัติการประกอบอาหาร อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่า
เฉลี่ย 3.50 และ 3.53 ตามลำาดับ
ข้อเสนอแนะ
สรุปจากผู้ให้ข้อเสนอแนะทั้งหมด 29 คน คิดเป็นร้อยละได้ดังนี้
5

10. 1. ควรเพิ่มเวลาให้มากกว่านี้เพราะปฏิบัติไม่ทัน
ร้อยละ 29.03
2. อยากให้ปฏิบัติประกอบอาหารบ่อยๆ
ร้อยละ 29.03
3. อยากให้ทำางานประดิษฐ์บ่อยๆ
ร้อยละ 12.90
4. อยากให้ครูจัดกิจกรรมให้เล่นบ้างเป็นบางครั้ง
ร้อยละ 6.45
5. เวลาครูอธิบายอยากให้นักเรียนจดให้เสร็จก่อนค่อยอธิบาย
ร้อยละ 3.23
6. อยากให้ครูสอนการทำาการปักผ้าเช็ดหน้า
ร้อยละ 3.23
7. ควรมีสถานที่เรียนดีกว่านี้ ร้ อ ย ล ะ
3.23
8. ควรจัดสถานที่และอุปกรณ์ให้เหมาะสมและเพียงพอต่อจำานวน
นักเรียน ร้อยละ 3.23
9. อยากให้สอนปลูกต้นไม้
ร้อยละ 3.23
10. อยากให้ออกไปนอกสถานที่
ร้อยละ 3.23
11. อยากให้มีกิจกรรมมากๆ
ร้อยละ 3.23
สรุปผลการวิจัย
จากการสำารวจทัศนคติของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มี
ต่อวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 1 (การงานอาชีพ) ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2554 โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่
เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนของครู ทั้งความพร้อมด้านเนื้อหาวิชา
ด้านครูผู้สอน และด้านผู้เรียน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ยกเว้น ด้านผู้
สอนมีความสามารถในการสอนให้เข้าใจได้ง่าย และด้านผู้เรียนชอบ
เรื่องปฏิบัติการประกอบอาหาร อยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งนักเรียนส่วน
ใหญ่เห็นว่าระยะเวลาในการเรียนไม่เหมาะสม เพราะว่าเวลาทำากิจกรรม
ประกอบอาหารหรือทำางานประดิษฐ์ นักเรียนจะทำาไม่ทันจึงควรเพิ่มเวลา
เรียนให้มากขึ้น และนักเรียนส่วนใหญ่ชอบการประกอบอาหารและงาน
ประดิษฐ์มากอยากให้จัดกิจกรรมนี้บ่อยๆ ซึ่งผู้สอนจะได้นำาไปปรับปรุง
กิจกรรมการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

11. ภาคผนวก