SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 17
Downloaden Sie, um offline zu lesen
อาคาร ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ
หนึ่งเดียวในโลก รวมทุกงานสร้างบารมี
มหาเศรษฐีทุกคน.. ต้องมีจุดเริ่มต้น
และจุดเริ่มต้น.. ของคุณ.. ก็กำลังจะเริ่ม.. เช่นกัน
จุดเริ่มต้น 	 สู่..เส้นทางมหาเศรษฐี
ก้าวที่ ๑ :	 หยุดทบทวนสักนิด “หนึ่งสมอง สองมือ” ทำให้รวยได้จริงหรือ
ก้าวที่ ๒ :	 ทำความเข้าใจว่า “อะไรอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ” 		
	 ที่แท้จริง
ก้าวที่ ๓ :	 เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ “ครอบคลุม” ง่ายๆ ทำได้เลย
ก้าวที่ ๔ :	 ฉลาดในการทำ “ทาน” แบบได้บุญเต็ม ๑๐๐%
ก้าวที่ ๕ :	 สูตรสำเร็จของการ “ออกแบบชีวิต”
ก้าวที่ ๖ :	 ทางลัด เร่งความเร็วแรงเห็นผลบุญทันตา
ก้าวที่ ๗ :	 “เรียกบุญให้ช่วย” เมื่อประสบปัญหาในชีวิต
ก้าวที่ ๘ :	 ไม่ผลาดบุญใหญ่
ก้าวที่ ๙ : 	 บทสรุป สู่...เส้นทางเศรษฐี
พลิกชะตาชีวิตของตัวคุณเอง.. ตามหลัก “พุทธวิธี”
แล้วคุณจะอัศจรรย์ใจว่า.. คุณก็ทำได้..
จุดเริ่มต้น สู่..เส้นทางมหาเศรษฐี
	 คนที่รักความก้าวหน้าในชีวิต จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายชีวิตให้
ชัดเจน การตั้งเป้าหมายมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะ
ไกล เช่น อีก ๕ ปี ต้องมีกิจการเป็นของตัวเอง อีก ๒ ปีต้องขยาย
สาขาเพิ่ม อีก ๓ ปีหลังจากนั้น ต้องทำให้สินค้าขายดีจนติดอันดับ
ประเทศหรืออันดับโลกไปเลย เป็นต้น จากนั้นจึงไปเสาะแสวงหา
ความรู้ ต้องมีความเพียรพยายาม ความอดทน เพื่อบรรลุเป้าหมาย
ชีวิตที่วางไว้ให้ได้ แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
	 “หนูตัวเล็กๆ ยังสู้อุตส่าห์ขุดรูอยู่ นกกระจิบกระจอกยังสู้
อุตส่าห์สร้างรัง เราเกิดมาเป็นคนทั้งทีก็ต้องสร้างฐานะให้ดีให้
ได้”

ก้าวที่ ๑ :	หยุดทบทวนสักนิด “หนึ่งสมอง
				 สองมือ” ทำให้รวยได้จริงหรือ
	 ผลไม้พันธุ์เลว ถึงจะใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินดีอย่างไรก็ตาม
อย่างมากก็ทำให้มีผลดกขึ้นบ้าง แต่จะทำให้มีรสโอชาขึ้นกว่าเดิม
นั้นยาก ตรงกันข้าม ผลไม้พันธุ์ดี แม้รดน้ำพรวนดินพอประมาณ ก็
ให้ผลมากเกินคาด รสชาติก็โอชา เช่นกัน ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมคุณความ
ดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจการใดๆ ขยันขันแข็งสักปานไหน ผล
แห่งความดีกว่าจะปรากฏเต็มที่ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก
และเสียเวลามาก ส่วนผู้ที่สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อทำความดี
ผลดีปรากฏเต็มที่ทันตาเห็น ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้า เหนือ
กว่าบุคคลทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์
	 สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี เวลาจะทำอะไรก็ง่าย
ก็สำเร็จไปหมด อุปสรรคในชีวิตก็น้อย แต่ถ้าใครทำบุญเก่ามาไม่ดี
จะทำอะไรก็ต้องออกแรง ต้องให้เหนื่อยกันก่อน ถึงจะประสบ
ความสำเร็จ ฉะนั้น “หนึ่งสมอง สองมือ” ก็แค่อุปกรณ์ทำให้รวย
เท่านั้น แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ คือ “บุญ” ต่างหาก เดี๋ยวเราจะ
ค่อยๆ ทำ ความเข้าใจกันต่อไป

ก้าวที่ ๒ :	ทำความเข้าใจว่า “อะไรอยู่เบื้องหลัง
				 ความสุขและความสำเร็จ” ที่แท้จริง
	 ทีนี้เราลองมาพิจารณากันดูว่า เราเคยมีชีวิตแบบนั้นบ้าง
ไหม? คุณอาจเถียงในใจว่า ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น มีช่วงที่
รุ่งโรจน์และตกต่ำเหมือนกันหมด คุณคิดถูก แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด
อย่าลืมว่าความรุ่งโรจน์ หรือการตกต่ำของชีวิต มีคำว่า “มาก”
“น้อย” มีช่วงเวลา “ยาวนาน” ต่างกัน การที่จะเจอวิธีแก้ไข
ปัญหาต่างๆ “ยาก” “ง่าย” ก็ต่างกันอีก เราถึงต้องมาศึกษาว่าอะไร
คือตัวแปรสำคัญที่่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุข และความสำเร็จ
ที่แท้จริง และไม่ทำให้ชีวิตพบกับคำว่า “ตกต่ำ” ให้เจอแต่คำว่า
“รวยเรื้อรัง” หรือ “รวยถาวร” ไปทุกภพทุกชาติ สิ่งนั้นก็คือ บุญ
	 บุญ คือ สิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจเราแล้ว ทำให้เรารู้สึกมี
ความสุข สงบ ชุ่มชื่น ผ่อนคลาย และเมื่อบุญเกิดขึ้น บุญจะไป
ทำหน้าที่ปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพ มีพลัง ผู้ที่ฝึกสมาธิจน
เข้าถึงธรรมกายและฝึกจนชำนาญแล้ว จะสามารถมองเห็นบุญได้
คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น “บุญ” แต่ก็สามารถรับรู้ผลของบุญได้
เหมือนกับ “ไฟฟ้า” แม้เรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้า แต่เราสามารถรับรู้
อาการของไฟฟ้าได้ เช่น เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดไฟแล้ว
เกิดแสงสว่าง บุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสมเก็บไว้ได้ ติดตาม
ตัวเราไปได้ แม้จะเกิดข้ามภพข้ามชาติ ใครทำใครได้ โจรก็ลักขโมย   
ของเราไปไม่ได้ บุญจึงเปรียบเหมือน “วัคซีนป้องกันโรคกรรม”
ให้กับเรา ป้องกันข้ามชาติ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์   
ขนนกยูง เคยสอนไว้ว่า
	 บุญเป็นของกลาง ต้องทำเอง ใครตักตวงได้มากเท่าไร ก็
เป็นบุญของคนนั้น
	 เราต้องสร้างบุญให้มาก ใครก็ล้มไม่ลง แม้จะเป็นคนมี
อำนาจ หรือร่ำรวยก็ตาม พอเวลาหมดบุญแล้ว ใครโจมตีก็ล้มลงได้
ถ้ายังมีบุญอยู่ ใครจะทำอย่างไรก็ล้มไม่ลง
	 คนเราเวลามีบุญอยู่ ทุกอย่างก็รุ่งเรืองดีไปหมด จับอะไรก็
ก้าวหน้า แต่เวลาหมดบุญ ทุกอย่างก็หมด อับจน ตกต่ำไปหมด	
	 สรุปว่า บุญ คือ ตัวแปรสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสุข ความ
สำเร็จในชีวิตของพวกเราทุกคน ดังนั้นเราต้องหมั่นสั่งสมบุญไว้ให้
มาก โดยเฉพาะบุญใหญ่ๆ เช่น กฐินทาน บุญที่ทำน้อยแต่ได้ผลมาก
มหาเศรษฐีทุกคนบนโลกต้องเคยทำบุญแบบนี้มาก่อนทั้งสิ้น

ก้าวที่ ๓ : เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ 			
				 “ครอบคลุม” ง่ายๆ ทำได้เลย
	 จริงๆ แล้ว ในการดำเนินชีวิต เราใช้บุญเก่าไปทุกวัน เราจึง
จำเป็นต้องเติมบุญใหม่ทุกวันเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สินของเรา เหมือนเราถอนเงินมาใช้ทุกวันแต่ไม่เคยฝาก
เพิ่มเลย นั่นหมายความว่า ความมั่นคงในชีวิตของเราน้อยลงๆ
เช่นกัน 
	 บุญทำง่ายมาก เพราะการทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผล
ออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งวิธีทำบุญออกเป็น ๑๐ วิธี เรียกว่า
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ
	 ๑.	ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้อื่น
	 ๒.	สีลมัย คือ บุญที่เกิดจากรักษาศีล (การสำรวม กาย วาจา
		 ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น)
	 ๓.	ภาวนามัย คือ บุญที่เกิดจากการสวดมนต์ทำสมาธิ
		 อ่านหนังสือธรรมะ
๔.	อปจายนมัย คือ บุญที่เกิดจากการมีความเคารพ อ่อนน้อม
	 ๕.	เวยยาวัจจมัย คือ บุญที่เกิดจากการช่วยเหลือขวนขวาย	
		 ในการงานที่ถูกที่ควร
	 ๖.	ปัตติทานมัย คือ บุญที่เกิดจากอุทิศส่วนบุญ
	 ๗.	ปัตตานุโมทนามัย คือ บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา ในการ	
		 ทำบุญกุศล หรือการทำความดีของผู้อื่น
	 ๘.	ธัมมัสสวนมัย คือ บุญที่เกิดจากการฟังธรรม
	 ๙.	ธัมมเทสนามัย คือ บุญที่เกิดจากการแสดงธรรม
	 ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ คือ บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ถูกต้อง	
		 ดีงาม ตรงตามความเป็นจริง
	 ทั้ง ๑๐ ประการนี้ สรุปได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ 
	 	 • ทาน คือ ให้หมั่นทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง
	 	 • ศีล คือ การป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว
	 	 • ภาวนา คือ หมั่นนั่งสมาธิเจริญภาวนาให้มากๆ 
		 นั่งให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในได้ยิ่งดี

ก้าวที่ ๔ :	ฉลาดในการทำ “ทาน” 
			 แบบได้บุญเต็ม ๑๐๐%
	 มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องเคยทำบุญมาแล้วทั้งนั้น
เราลองมาดูกันว่า ที่ผ่านมาเราทำบุญถูกต้องตามที่พระพุทธองค์
ตรัสไว้หรือเปล่า เพื่อให้มั่นใจว่า “บุญ” ที่เราได้ทำนั้น เราได้รับ
แบบ ๑๐๐ % เต็ม
	 การทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ
	 ๑. วัตถุบริสุทธิ์ คือ ของที่จะให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มา
โดยสุจริต ชอบธรรม ไม่ได้คดโกง หรือเบียดเบียนใครมา ให้ทาน
ด้วยน้ำพริกผักต้มที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ได้กุศลมากกว่าให้อาหาร
โต๊ะจีนราคาตั้งพันด้วยเงินทองที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์
	 ๒. เจตนาบริสุทธิ์ คือ มีเจตนาทำเพื่อเอาบุญ ไม่ใช่เอาหน้า
เอาชื่อเสียง ความเด่น ความดัง ความรัก คือจะต้องมีเจตนา
บริสุทธิ์ทั้ง ๓ ขณะ คือ
	 • ก่อนให้ ก็มีใจเลื่อมใส ศรัทธา เต็มใจที่จะทำบุญนั้น
	 • ขณะให้ ก็ตั้งใจให้ ให้ด้วยใจยินดี ปีติเบิกบาน
	 • หลังจากให้ ก็มีใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้ว
	 ๓. บุคคลบริสุทธิ์ คือ เลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
มีความสงบเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงสอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก แต่ถึงกระนั้นก็ทรง
สอนให้เลือก ถ้าจะนิมนต์พระภิกษุเฉพาะเจาะจง ก็ให้นิมนต์พระ
ที่เคร่งครัดในสิกขาวินัย น่าเลื่อมใส ถ้าจะนิมนต์พระไม่เฉพาะ
เจาะจง ให้สมภารจัดให้ ก็เลือกนิมนต์จากหมู่สงฆ์ที่ประพฤติสิกขา
วินัยเคร่งครัด สำหรับผู้ให้ทานคือตัวเราเอง ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์
จึงจะได้บุญมาก จะเห็นว่าทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน พระท่าน
จะให้อาราธนาศีลก่อน เพื่อว่าอย่างน้อยในขณะนั้นเรายังมีศีล ๕ ครบ
จะได้เกิดบุญกุศลเต็มที่
	 ดังนั้น ก่อนที่จะทำทานทุกครั้ง เราควรทำความพร้อมทั้ง ๓
ให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะกว่าเราจะได้ทรัพย์มาเพื่อทำทานนั้น ก็
ได้มาด้วยความยากลำบาก ฉะนั้นเราก็ไม่ควรทำให้ “บุญหก บุญ
หล่น” เราควรทำบุญของเราให้ส่งผลเป็นอัศจรรย์ เป็นบุญชนิด
“บุญหกทับ บุญหล่นทับ” จะดีกว่า

ก้าวที่ ๕ : สูตรสำเร็จของการ “ออกแบบชีวิต”
	 เมื่อมีความเข้าใจและรู้ที่มาของบุญแล้ว เราจะพบว่า บุญ คือ
สิ่งที่ปรุงแต่ง สร้างสรรค์ รูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติให้
กับเรานั่นเอง ฉะนั้นเราคือผู้ที่ออกแบบชีวิตตัวเอง ไม่ใช่พรหมลิขิต
ไม่ใช่ฟ้าลิขิต โดยมีสูตรสำเร็จดังนี้
	 อยากอายุยืน ต้องไม่ฆ่าสัตว์
	 อยากเป็นคนไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ต้องไม่ทรมานสัตว์
	 อยากเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ต้องทำทานด้วยอาหาร
	 อยากผิวสวย ต้องรักษาศีล และให้ทานด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
	 อยากเป็นผู้มีอำนาจ มีคนเกรงใจ ต้องมีมุทิตาจิต
	 ใครทำความดี ก็อนุโมทนาบุญ ไม่อิจฉาริษยาใคร
	 อยากร่ำรวย มีทรัพย์มาก ต้องทำทาน
	 อยากเกิดในตระกูลสูง ต้องบูชาบุคคลที่ควรบูชา
	 อยากฉลาด ต้องฝึกสมาธิเจริญภาวนา และไม่ดื่มสุรายาเมา
หรือสิ่งเสพติดทั้งหลาย
	 “แข่งบุญแข่งวาสนาใช่ว่าแข่งไม่ได้ แต่ถ้าแข่งแล้วไซร้
ต้องแข่งด้วยการทำความดี”

ก้าวที่ ๖ :	ทางลัด เร่งความเร็วแรง
			 เห็นผลบุญทันตา
	 ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจในเรื่องการส่งผลของบุญ
ตามหลักพระพุทธศาสนาเสียก่อนว่า 
	 บุญที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรามี ๒ ระยะ คือบุญเก่า (บุญใน
อดีต) และบุญใหม่ (บุญในปัจจุบัน) 
	 บุญเก่า คือ บุญที่ทำมาในชาติที่แล้ว
	 บุญใหม่ คือ บุญที่ทำมาตั้งแต่แรกเกิดถึงปัจจุบันนี้
	 ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี จะส่งผลให้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และคุณสมบัติที่ดีในชาติปัจจุบัน เช่น บางคนเกิดมามีรูปร่าง
หน้าตาดี เพราะรักษาศีลมาดี บางคนก็เกิดมาร่ำรวยเพราะทำ
ทานมาดี หรือบางคนเกิดมามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็เพราะทำ
สมาธิเจริญภาวนามาดี แม้ในปัจจุบันไม่ได้ทำบุญ ทั้งยังตระหนี่
ถี่เหนียว แต่ร่ำรวยได้ เป็นเพราะบุญในอดีตยังส่งผลอยู่นั่นเอง
10 11
	 ส่วนบางคนในชาตินี้ทำบุญทำทานมากมาย แต่ก็ไม่รวยสักที
ถึงกับบ่นว่า “ทำดีไม่ได้ดี” หรือทำบุญ “บุญไม่ส่งผล” อย่างนี้ก็
มี นี่เพราะในอดีตทำทานมาน้อย จึงไม่สามารถดึงดูดสมบัติให้เกิด
มากๆ ได้ ส่วนบุญใหม่ที่ทำในชาตินี้ จะรอส่งผลในอนาคตต่อไป
	 แต่ก็มีบางคนที่เกิดมาโชคดี ที่สามารถทำบุญใหม่ในชาตินี้
แล้วได้ผลบุญทันตาเห็น เป็นเพราะได้สร้างบุญในเขตบุญอันอุดมที่
เรียกว่า สัมปทาคุณ (ความถึงพร้อมด้วยคุณพิเศษ) ซึ่งถ้าใครก็ตาม
ได้สร้างบุญที่ประกอบด้วยสัมปทาคุณ ๔ ประการ ก็จะทำให้ทานที่
บริจาคแล้วมีผลยอดเยี่ยม และให้ผลได้ในภพปัจจุบัน ทันตาเห็น
	 สัมปทาคุณ ๔ ประการ ประกอบด้วย
	 ๑. ความถึงพร้อมแห่งวัตถุ หมายถึง ผู้รับคือปฏิคาหก เป็น
ทักขิไณยบุคคล ผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม ยิ่งมีคุณธรรม
สูงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ทานของผู้บริจาคแล้ว มีผลมากขึ้นเท่านั้น
	 ๒. ความถึงพร้อมแห่งปัจจัย หมายถึง ของที่จะนำมา
ทำบุญ ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์โดยชอบธรรม
	 ๓. ความถึงพร้อมแห่งเจตนา หมายถึง มีเจตนาดี เจตนา
เพื่อชำระกิเลส บูชาคุณ เพื่อสงเคราะห์หรืออนุเคราะห์ ด้วยความ
บริสุทธิ์ใจ มิได้หวังลาภ ยศ หรือชื่อเสียง มีเจตนาดีทั้ง ๓ กาล
คือ ก่อนให้ก็ดีใจ กำลังให้ก็เลื่อมใส ครั้นให้แล้วก็เบิกบานใจ
อย่างนี้เรียกว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา
	 ๔. ความถึงพร้อมแห่งคุณพิเศษของปฏิคาหก คือ ผู้รับ
เป็นทักขิไณยบุคคลที่มีคุณธรรมพิเศษ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
ระบุไว้ว่า ผู้รับจะต้องเป็นผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ
	 ใครก็ตามที่ได้ทำทานโดยมีคุณวิเศษทั้ง ๔ ประการนี้ จะ
ได้ผลบุญทันตาเห็น อย่างเรื่องของ “นายปุณณะ” ยาจกผู้กลาย
เป็นเศรษฐีในเวลาต่อมา
	 เมื่อครั้งที่สมเด็จพระศาสดาของเราประทับอยู่ในเวฬุวัน
เมืองราชคฤห์ มีคนยากจนชื่อ “ปุณณะ” ได้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น
พร้อมภรรยาและลูกสาว
	 วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระท่านพึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ได้
ตรวจดูว่าควรจะไปสงเคราะห์ใคร และบุญนี้จะเป็นของใคร ได้
เห็นนายปุณณะในญาณของท่าน จึงใคร่ครวญพิจารณาว่าเขาจะมี
ศรัทธาหรือเปล่า สามารถที่จะถวายอาหารได้หรือไม่ และถ้าได้
ถวายอาหารแล้วจะได้สมบัติอันยิ่งใหญ่หรือไม่ เมื่อท่านพิจารณาดู
แล้วเห็นว่านายปุณณะมีคุณสมบัติทุกอย่างครบ ท่านจึงครองจีวร
แล้วถือบาตรไปยังที่นายปุณณะไถนาอยู่ พอนายปุณณะเห็น
พระเถระก็ดีใจ เข้ามากราบไหว้ และได้ถวายไม้สีฟันพร้อม
น้ำบ้วนปากแด่พระเถระ 
	 ในขณะเดียวกัน ภรรยาของนายปุณณะกำลังจะนำอาหาร
ไปส่งให้สามี ระหว่างทางได้พบกับพระเถระเช่นกัน จึงคิดว่า ตัวเรา
12 13
บางคราวพอมีไทยธรรม ก็ไม่พบพระเถระ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ บาง
คราวพบพระเถระแต่ก็ไม่มีไทยธรรม วันนี้เราพบพระเถระด้วย
ไทยธรรมก็มีด้วย ขอให้พระเถระโปรดสงเคราะห์เราด้วยเถิด จึง
วางภาชนะลงพร้อมกับพนมมือกล่าวนิมนต์พระเถระ พระสารีบุตร
ก็น้อมบาตรรับ เมื่อนางใส่อาหารได้เพียงครึ่งหนึ่ง พระเถระก็เอา
มือปิดบาตร แต่นางได้ร้องขอให้ท่านรับอาหารทั้งหมด
	 จากนั้นนางจึงรีบกลับบ้านเพื่อหุงหาอาหารชุดใหม่ให้แก่
สามี ฝ่ายนายปุณณะหิวจนแทบทนไม่ไหว จึงเข้าไปนั่งพักใต้ร่มไม้
ภรรยาของนายปุณณะเมื่อครั้นมาถึงก็กลัวว่าสามีจะโกรธที่มาช้า
อาจทำให้สิ่งที่ตนเองทำบุญไว้จะไม่เกิดประโยชน์ จึงรีบตะโกน
บอกแต่ไกลให้สามีทำใจให้ผ่องใสเพราะวันนี้ตนได้นำอาหารส่วนที่
เป็นของสามีถวายแด่พระสารีบุตร เป็นเหตุให้มาสาย
	 นายปุณณะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ พร้อมกับกล่าวชื่นชม
ภรรยาว่า ทำดีแล้ว ตนเองก็ได้มีโอกาสถวายน้ำบ้วนปากและไม้
สีฟันแด่ท่านเช่นกัน เขาทั้งสองมีใจเลื่อมใสและปีติในบุญมาก เมื่อ
ทานข้าวเสร็จ ด้วยความอ่อนเพลียจึงหลับไป
	 เมื่อตื่นขึ้นมา มองไปที่ท้องนา เห็นนาที่ตนไถไว้กลายเป็นสี
ทองคำ นายปุณณะมองด้วยความตกตะลึง รีบหันไปถามภรรยา
เพื่อความแน่ใจ ภรรยาของเขาจึงเดินไปดูพร้อมกับหยิบก้อนทอง
นั้นฟาดกับงอนไถเกิดเสียงดังกังวาน ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ตนมองเห็น
เป็นทองคำจริงๆ จึงอุทานด้วยความเบิกบานใจว่า “น่าอัศจรรย์
จริง สิ่งที่เราถวายแด่พระธรรมเสนาบดีนั้น ให้ผลทันตาเห็นทีเดียว”   

ก้าวที่ ๗ : “เรียกบุญให้ช่วย”
				 เมื่อประสบปัญหาในชีวิต
	 พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
เคยให้โอวาทไว้ว่า “ในโลกมนุษย์ ถ้ามีบุญ จะค้าขายก็ร่ำรวย
หาทรัพย์ง่ายไม่ติดขัด พาตัวให้ไปสู่สุคติ...
	 ต้องนึกถึงบุญ สิ่งอื่นอย่าไปนึก เมื่อต้องภัย ให้เอาใจจรด
อยู่ที่บุญ ถ้าไปค้าขายติดขัดขึ้น ก็ขอให้บุญช่วย นึกถึงบุญตรง
กลางดวงธรรมนั้น
	 ถ้าว่ามีอุปสรรคมาแทรกแซงอย่างใดอย่างหนึ่ง มีผู้มา
รุกราน ก็ขอให้บุญช่วย สิ่งอื่นช่วยไม่ได้
	 ถ้าหาบุญได้ใช้บุญเป็นก็ต้องเอาใจไปจรดอยู่ที่ศูนย์กลาง
ดวงบุญ..”
	 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้ให้โอวาทไว้ว่า
เราต้องสั่งสมบุญเอาไว้มากๆ และต้องรู้สึกปลื้มปีติ เพราะความ
ปลื้มปีติ ทำให้เกิดความสงบทั้งกายและใจ เพราะถ้าปลื้มมาก ปีติ
มาก จะมีผลทำให้บุญส่งผล ได้เร็ว หากปลื้มแล้วยังนึกถึงบุญได้
บ่อยๆ มากเท่าไร ก็จะมีผลต่อจำนวนชาติที่ส่งผลได้มากชาติ
ขึ้นเท่านั้น
14 15
	 และคุณยายอาจารย์ฯ ก็เคยให้คำแนะนำแก่สาธุชนท่านหนึ่ง
ที่มากราบเรียนท่านว่า “เวลาพบอุปสรรค และอยู่ห่างไกลจาก
คุณยาย จะขอบารมีคุณยายให้ช่วย จะทำอย่างไร?” คุณยายสอนว่า
ให้นึกถึงบุญกุศลที่เราทำบุญทำทาน เรียกบุญช่วย บุญจะช่วย
เราได้ 

ก้าวที่ ๘ : ไม่ผลาดบุญใหญ่
	 เมื่อเรารู้คุณค่า และคุณวิเศษของ “บุญ” แล้ว เราต้อง
แสวงหาโอกาสที่ได้ทำบุญใหญ่ คือบุญที่ทำแล้วมีผลมาก อย่างเช่น
กฐินทาน เป็นต้น เพราะเป็นมหากุศลใหญ่ ๑ ปี มีเพียงครั้งเดียว
	 เมื่อถึงฤดูฝนของทุกปี พระภิกษุสงฆ์จะต้องอยู่ประจำเป็นที่
หรือที่เรียกว่า จำพรรษา ตลอด ๓ เดือน งดไปค้างแรมที่อื่น หลังจาก
ออกพรรษาแล้วก็จะเป็นเทศกาล “ทอดกฐิน” อันเป็นการบำเพ็ญบุญ
ที่ชาวพุทธทุกคนถือว่าเป็นมหากุศลโดยแท้และยังถือว่าเป็นทานที่
พิเศษกว่าการทำบุญอย่างอื่น เนื่องจากถูกจำกัดด้วยเวลา เรียกว่า
“กาลทาน” คือต้องถวายในช่วง ๑ เดือน หลังจากการออกพรรษา
นับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่ง
ในแต่ละวัดสามารถกระทำพิธีนี้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น อีกทั้ง
พระภิกษุผู้มีสิทธิ์รับผ้ากฐินได้ จะต้องจำพรรษาอยู่ในวัดนั้นครบ
๓ เดือน
16 17
กฐินสามัคคี ๑๐๐ ปี บูชาครู
	 คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เกิด
เมื่อวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา (ตรงกับวันที่ ๒๐ มกราคม) พ.ศ.
๒๔๕๒ ในครอบครัวชาวนา ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
คุณยายท่านเป็นคนอดทน และขยันขันแข็งมาก ช่วยพ่อแม่ดูแล
งานบ้าน และเป็นเรี่ยวแรงหลักในการทำนา
	 ในราวปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เมื่อคุณยายอายุ ๒๖ ปี ท่านตัดสินใจ
ออกจากบ้านเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาช่องทางไปฝึกสมาธิที่
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพราะต้องการตามไปขอขมาพ่อที่ล่วงลับไป
แล้ว จะได้พ้นจากคำที่พ่อเคยแช่งไว้ตั้งแต่ตอนคุณยายยังเป็นเด็ก
ว่า ให้หูหนวก ๕๐๐ ชาติ
	 จนกระทั่งได้มีโอกาสพบและฝึกสมาธิกับคุณยายทองสุข
สำแดงปั้น ซึ่งเป็นครูสอนสมาธิจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จนได้
เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วอาศัยวิชชาธรรมกายตามหาพ่อ ได้
ขอขมาพ่อดังที่ตั้งใจไว้ และช่วยพ่อให้ขึ้นมาจากนรก
	 ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๑ คุณยายทองสุข พาคุณยายไป
กราบพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ) เมื่อหลวงปู่วัดปากน้ำพบคุณยายครั้งแรกท่านก็รับ
คุณยายเป็นศิษย์และให้เข้าไปศึกษาวิชชาธรรมกายชั้นสูงใน
โรงงานทำวิชชาทันที
	 ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และความเป็นคนทำอะไรทำจริง
ของคุณยาย ทำให้ท่านศึกษาวิชชาธรรมกายได้อย่างรวดเร็วและ
เชี่ยวชาญ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าเวรในการทำวิชชา
และไดัรับคำชมจากหลวงปู่วัดปากน้ำว่า “ลูกจันทร์นี้ หนึ่งไม่มี
สอง”
	 ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่วัดปากน้ำ คุณยายทำวิชชาอยู่ในโรงงาน
ทำวิชชากับหลวงปู่วัดปากน้ำมาตลอด จนกระทั่งเมื่อหลวงปู่
วัดปากน้ำใกล้จะมรณภาพ ท่านได้มีคำสั่งสุดท้ายให้ศิษย์ทุกคน
ช่วยกันเผยแผ่วิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ไปให้ทั่วโลก
	 ปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๖ คุณยายได้พบกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์
(หลวงพ่อธััมมชโย) ในขณะนั้นท่านยังเป็นนิสิตอยู่ที่มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงและรักการปฏิบัติธรรม
มาก ทั้งยังเป็นผู้ที่มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีเยี่ยม คุณยายจึงถ่ายทอด
วิชชาธรรมกายให้แก่ท่านอย่างเต็มที่ จากนั้นก็มีนิสิต นักศึกษา มา
ปฏิบัติธรรมกับคุณยายเพิ่มเป็นจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้
สร้าง “บ้านธรรมประสิทธิ์” และเมื่อมีผู้ปฏิบัติธรรมมากขึ้น จึงได้
มาสร้างที่ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ซึ่งก็คือวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน	
	 จึงถือได้ว่า คุณยายอาจารย์ฯ เป็น “ผู้ให้กำเนิดวัด
พระธรรมกาย” เพราะท่านคือผู้นำหมู่คณะรุ่นบุกเบิกที่ช่วยกัน
พลิกผืนนาฟ้าโล่ง เพื่อสร้างวัดพระธรรมกาย ในช่วงปัจฉิมวัยท่าน
18 19
อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ
ศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
และวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก
โดย พระมหา ดร.สมชาย านวุฑฺโฒ

อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ศูนย์รวม
แก่นคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธองค์จากทั่วโลก
	 เมื่ออาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ สร้างเสร็จเรียบร้อย
จะมีคนจำนวนมาก จากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่วัดพระธรรมกาย
อย่างไม่ขาดสาย เพื่อมาศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
เพราะอาคาร ๑๐๐ ปี จะเป็นที่เก็บรวบรวมคัมภีร์ในพระพุทธ-
ศาสนาไว้ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกอักษร ทุกรูปแบบ ทั้งที่บันทึกอยู่ใน
ใบลาน บนเปลือกไม้ หรือแม้กระทั่งบางแห่งแกะสลักอยู่ในไห
ก็มี 
	 อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ จึงเป็นแหล่งอ้างอิงคำสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและวิชชาธรรมกาย ซึ่งนักวิชาการจาก
ทั่วโลกจะต้องมาศึกษา ค้นคว้า ต่อไปที่นี่จะเป็นที่ชุมนุมของ
บัณฑิต นักปราชญ์ และเมื่อพวกเขาได้ศึกษาค้นคว้า เจาะลึก
หลักธรรมคำสอนแล้ว ก็จะนำธรรมะที่ได้ไปถ่ายทอดแก่ชาวโลก
ต้องทุ่มเท ทั้งแรงกาย แรงใจ แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ทั้งงานหยาบ
และงานละเอียด จนเป็นเหตุให้ท่านต้องล้มป่วยหนักอยู่หลายครั้ง
ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว กล้าแกร่งดั่งเพชร ซึ่งหลอมรวมเข้ากับอานุภาพ
ของวิชชาธรรมกาย ท่านจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ    
จนสามารถสร้างวัดพระธรรมกายให้เป็นบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์
ของชาวพุทธ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
วิชชาธรรมกาย ไปทั่วโลก เหมือนดังเช่นทุกวันนี้ 
	 ดังนั้น คุณยายอาจารย์ฯ จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตการ
สร้างบารมีของเราทุกคน สมดังโอวาทของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่
ว่า “ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีหลวงพ่อ ไม่มีวัดพระธรรมกายให้
พวกเราทุกคนได้มาสร้างบารมีกันอย่างมีความสุขจนถึงทุกวันนี้” 
	 ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ของคุณยายอาจารย์ฯ ในปีนี้
ศิษยานุศิษย์ทั่วโลกจึงได้พร้อมใจกัน “ทอดกฐินสามัคคี บูชาธรรม
๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ” ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ ๑ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๕๒ ณ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการ
ตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของมหาปูชนียาจารย์ ด้วยการร่วม
บุญเป็นเจ้าภาพกองกฐิน เพื่อสานต่อความปรารถนาของท่านเมื่อ
ครั้งยังมีชีวิตอยู่ ที่อยากจะเห็นการก่อสร้างศาสนสถานต่างๆ
ภายในวัดเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว
20 21
	 ฉะนั้น คนที่มานั่งทำงานอยู่ที่นี่ จะไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น
เราจะเห็นคนทุกสีผิว ทุกสีผม หลากหลายมากมาย ทุกคนมีใบหน้า
ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้มาจากคนละชาติ คนละภาษา แต่มีหัวใจ
ดวงเดียวกัน ระดมความคิด สติปัญญา ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ
ศูนย์กลางการสร้างสันติสุขของโลก 
	 เมื่อประชุม ปรึกษาหารือ วางระบบแผนงานเสร็จเรียบร้อย
แต่ละทีมจะเดินทางไปทำงานตามที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เมื่อได้
ผลการปฏิบัติงานก็จะส่งข้อมูลนั้นกลับมา ข้อมูลต่างๆ จะเชื่อม
ต่อเดินทางไปมาระหว่างคณะทำงานที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วโลก
กับทีมงานที่่นั่งทำงานอยู่ที่นี่ โดยผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ
ฉะนั้นอาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ คือศูนย์กลางแห่งการ
สร้างสันติสุขของโลก เปรียบเหมือนองค์กรสหประชาชาติ ทาง
ด้านศีลธรรมของโลก โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากให้ชาวโลก
เข้าถึงความสุขภายใน เข้าใจความจริงของโลกและชีวิต ไปรู้ไปเห็นว่า
ตัวเองเกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน เป้าหมายแท้จริงของชีวิต
คืออะไร
	 
อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ
แหล่งสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของพุทธบริษัท ๔ ทั่วโลก
	 ในครั้งพุทธกาล สถานที่ที่สร้างความมั่นคงทำให้พระพุทธ-
ศาสนาเป็นปึกแผ่นและแผ่ขยายไปทั่วชมพูทวีปได้อย่างรวดเร็ว
คือ เชตวันมหาวิหาร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษา
ที่นี่ตลอดต่อเนื่องถึง ๒๕ พรรษา คณะสงฆ์ทั้งแผ่นดินเดินทางมา
22 23
เฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อศึกษาเรียนรู้คำสอนจากพระองค์ หลังจากนั้น   
ก็จะนำพระธรรมคำสั่งสอนไปถ่ายทอดแด่คณะสงฆ์และหมู่ชนต่อไป
จะเห็นได้ว่าเชตวันมหาวิหารเป็นที่ที่ทำให้พุทธบุตรในสมัยพุทธกาล
รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดเอกภาพแห่งคำสอนในพระพุทธ-
ศาสนา
	 ในยุคนี้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะมีแตกต่างจากครั้ง
พุทธกาลเป็นอย่างมาก เพราะผู้ทีี่ทำหน้าที่ในการเผยแผ่พระธรรม
คำสอนจะไม่ผูกขาดแต่เพียงพระภิกษุเท่านั้น จะมีทั้งอุบาสก
และอุบาสิกาเข้ามาช่วยในการเผยแผ่ด้วย ดังนั้นอาคาร ๑๐๐ ปี
คุณยายอาจารย์ฯ จะกลายเป็นที่ที่พุทธบริษัท ๔ มารวมเป็น
หนึ่งเดียวกัน พระภิกษุสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา จากนานาประเทศ
จะหลั่งไหลมาปฏิบัติธรรม มาปฏิบัติหน้าที่ในการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
ความเป็นเอกภาพของพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันจะบังเกิดขึ้น
และมีประสิทธิภาพด้วย เพราะศูนย์กลางในการบัญชาการสั่งงาน
ได้บังเกิดขึ้นแล้ว จะมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ีเต็มเวลาที่นี่หลายหมื่นคน
และที่เดินทางหมุนเวียน สลับไปมานับล้านคน เพื่อนำธรรมะไปสู่
ชาวโลก

อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ สัญลักษณ์แห่ง
ความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย
	 ดังนั้น ประโยชน์และอานิสงส์ที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลผู้ที่มี
ส่วนร่วมสร้างอาคารแห่งนี้ ต้องบอกว่ามากมายมหาศาล ทรายทุกเม็ด
หินทุกก้อน อิฐทุกก้อน บุญที่เกิดขึ้นเป็นอสงไขยอัปปมาณัง     
อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างธรรมดาทั่วไป
แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา
วิชชาธรรมกาย ในยุคปัจจุบันที่คนทั้งโลกจะรู้จักและเฝ้ารอคอย
24 25
	 โอกาสที่สร้างบุญใหญ่ อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ
แบบนี้มีครั้งเดียว ทำอย่างเต็มที่แล้วความปลื้มปีติท่วมท้นจะ
บังเกิดขึ้นในหัวใจคุณ 

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ
	 อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ คือต้นทางในการให้
ธรรมทาน เพื่อขจัดความมืดบอดในจิตใจ และเปิดหนทางสวรรค์
หนทางนิพพาน ให้แก่ชาวโลก ซึ่งเป็นทานที่เลิศกว่าทานทั้งหลาย
สมดังพุทธพจน์ที่ว่า “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ” การให้ธรรมทาน
ชนะการให้ทั้งปวง เพราะอาคารหลังนี้เป็นแหล่งการศึกษา
พระปริยัติธรรม และเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการระดับโลกในการ
ค้นคว้าคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธองค์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เพื่อนำ
ไปเผยแผ่สู่ชาวโลกผ่าน DMC และสื่อธรรมะช่องทางต่างๆ
	 ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นและสง่างาม จุดศูนย์
กลางเป็นอาคารทรงกลม ซึ่งเป็นรูปทรงสากล ที่ไร้กาลเวลา
แนวคิดในการออกแบบเน้นหลัก “ประหยัดสุด ประโยชน์สูง”
และสะท้อนให้เห็นถึงความ “สะอาด สว่าง สงบ” นอกจากนี้
รูปทรงกลมยังสื่อถึงการเผยแผ่วิชชาธรรมกาย เพื่อนำพาชาวโลก
ทุกคน ให้เข้าถึง “ดวงธรรม” และ “พระธรรมกายภายใน” ซึ่ง
เป็นสรณะที่แท้จริง ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
	 “หนึ่งเดียวในโลก” รวมทุกงานสร้างบารมี อาคาร ๑๐๐ ปี
คุณยายอาจารย์ฯ คือบุญสถานที่จะใช้เป็นศูนย์กลางการศึกษาด้าน
พระปริยัติธรรม และเป็นอาคารสำนักงานรวม สำหรับงานเผยแผ่
พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก ของวัดพระธรรมกาย
ทุกงาน อาทิเช่น • งานด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม • งานด้าน
วิชาการทางพระพุทธศาสนาระดับโลก • งานด้านต่างประเทศ
26 27
• งานอบรมและส่งเสริมศีลธรรมในสังคม • งานผลิตสื่อธรรมะ
DMC สื่อสิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต • งานสร้างเครือข่ายคนดีทั่วประเทศ
• งานอาสาสมัคร ฯลฯ

ก้าวที่ ๙ : บทสรุป สู่...เส้นทางเศรษฐี
	 การได้เกิดเป็นคนนั้นนับว่าเป็นที่เรื่องยาก เกิดมาแล้วยัง
โชคดีมีโอกาสได้พบกับพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ถือว่า
เป็นผู้ที่มีบุญเก่ามาดีมากอยู่แล้ว ฉะนั้นหนทางที่จะก้าวสู่แท่น
ของมหาเศรษฐีนั้น “ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน” ขอเพียง
ทำทานให้ถูกหลักตามที่กล่าวมาแล้ว ทำอย่างต่อเนื่อง จริงจัง
ไม่หวั่นไหว ท้อแท้ หมดกำลังใจในการทำความดีไปเสียก่อน ให้
เชื่อมั่นในผลของบุญ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ดังตัวอย่างของยอด
นักสร้างบารมี ที่สร้างมหาทานบารมีแล้วประสบอานุภาพบุญ “รวย”
อัศจรรย์ทันใชัในชาติปัจจุบัน
	 
ทำจริง ดีจริง รวยจริง
• เด็กสลัม สู่มหาเศรษฐี ด้วยวิถีแห่งบุญ
	 ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ เรียนจบปริญญาตรี วิศวกรรมไฟฟ้า
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย MBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอเมริกันโคสต์ไลน์ เป็นนักธุรกิจไทย
รุ่นแรกที่ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา
ให้เข้าร่วมงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในโปรแกรม
“Distinguished Senior Executive Program in Government
and Business” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔
	 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าของและผู้จัดการใหญ่ของ หจก.
เนเจอร์กิฟโปรดัคส์ ผู้ผลิตเครื่องดื่มลดความอ้วนและบำรุง
สุขภาพปรุงสำเร็จ เช่น กาแฟ โกโก้ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
ในท้องตลาดขณะนี้
	 “ตั้งแต่ผมเกิดมาก็ไม่เคยรู้จักเลยว่าความสบายมันเป็น
อย่างไร เห็นแต่ภาพที่คุณพ่อต้องหาบก๋วยเตี๋ยวแคะขาย ทำ
กับข้าวขาย คุณแม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก ตื่นตั้งแต่ตี ๔ ครึ่ง
รีบไปเข้าคิวหาบน้ำคันโยกสาธารณะกลับมาไว้ใช้ในบ้าน ผมต้อง
ไปรับผ้าจีวรจากสี่แยกวัดตึกมาให้คุณแม่เย็บที่บ้านถึงดึกดื่นเที่ยง
คืนทุกวัน และผมเองก็ต้องหารายได้มาเรียนหนังสือ โดยวิ่งขายเรียง
เบอร์ ไปรับขนมจากปากคลองตลาดมาขาย ตอนสายก็ไปรับ
ไอศกรีมแท่งใส่ถังแบกจากแยกวังแดงมาขายเพื่อนๆ ในสลัม จน
กระทั่งผมจบ ป.๔ ผมอยากเรียนต่อมาก แต่คุณแม่ไม่ให้เรียน
เพราะไม่มีเงินส่ง ผมจึงแอบไปสอบเข้า จนติดที่โรงเรียนวัดสระเกศ
โดยขอร้องให้แม่ของเพื่อนเซ็นชื่อเป็นผู้ปกครองแทนให้ ทำให้ผมได้
เรียนจนถึงมัธยมปลาย ซึ่งโชคก็เข้าข้าง...ผมได้รับทุนเรียนดี 
	 แม้ชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้.. ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ หรือน้อยใจใน
28 29
โชคชะตา อีกทั้งผมยังเป็นคนชอบศึกษาธรรมะเข้าวัดมาตั้งแต่ยัง
เด็ก ชอบฟังพระเทศน์ ชอบอ่านธรรมะ อ่านเรื่องนรก สวรรค์ จึง
ทำให้มีอัธยาศัยชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ทำจนหมดเกลี้ยงทุกครั้ง
เรียกว่ามีเท่าไรก็ทำจนหมด โดยไม่คิดเสียดาย ก็ตอบไม่ได้เหมือน
กันว่าทั้งๆ ที่ผมจน แต่ทำไมมีนิสัยชอบทำบุญจนหมดตัวตั้งแต่เด็ก
รู้แต่ว่าทำแล้วสบายใจ มีความสุข
	 ตอนเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ผมมีเงินทานอาหารกลางวันได้แค่
ข้าวแกง ๑ จาน ต้องเดินกลับมาดื่มน้ำก๊อกฟรีบนอาคาร ไม่เคยได้
กินขนมเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เลย ผมต้องช่วยอาจารย์ทำวิจัย
ไปด้วย เพราะทำให้ผมมีเงินมาจ่ายค่าเทอม
	 ช่วงที่ผมใกล้จบยิ่งขัดสนเงินมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่ถูกไล่
ที่ทำกิน เนื่องจากหมดสัญญาเช่า ทำให้ต้องย้ายไปขายกับข้าวที่
ใหม่ แต่ขายไม่ได้เลย ทำให้ทุกคนในบ้านเครียดกันมาก แต่ก็นับว่า
โชคยังเข้าข้าง หลังจากเรียนจบเพียง ๑ สัปดาห์ ก็ได้งานที่การ
ไฟฟ้านครหลวงทันที ผมทำงานที่การไฟฟ้าอยู่เพียงระยะหนึ่ง ก็ลา
ออกไปหาประสบการณ์กับบริษัทเอกชน อีก ๒ บริษัท แล้วจึงออก
มาตั้งบริษัทของตัวเองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งก็เต็มไปด้วยอุปสรรค
มากมาย ผมดำเนินธุรกิจอย่างกระท่อนกระแท่นมาตลอด เปลี่ยน
ธุรกิจมาหลายอย่าง ชีวิตผมเป็นเช่นนี้จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๖
มีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนผมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดพระธรรมกาย
ตารางวาละ ๖๒.๕๐ บาท เขาบอกว่าส่วนของเขาเหลืออยู่ ๑๐
ตารางวา ผมบอกเหมาหมดเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าทำน้อยไปเพราะ
อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ และรถคันโตๆ จึงเดินทางมาที่วัดและทำ
บุญเพิ่มอีก ๑๐๐ ตารางวา รวมเป็น ๑๑๐ ตารางวา และด้วยบุญ
จากการซื้อที่ดินเพียง ๑๑๐ ตารางวานี้เอง เป็นเรื่องแปลกมากที่
ธุรกิจเครื่องฟอกอากาศของผมขายดีจนมียอดขายสูงเป็นอันดับ ๑
ของประเทศ ในขณะนั้น สามารถซื้อทาวน์เฮ้าส์ ๓๖ ตารางวา
หลังแรกในชีวิต ตามด้วยบ้านเดี่ยวริมทะเลสาบ เนื้อที่ ๒๓๖
ตารางวา และที่ดินในสนามกอล์ฟ ๒ แห่ง เนื้อที่รวมกันกว่า ๕ ไร่
ตลอดจนได้ที่สร้างโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศอีก ๒๒๔ ตารางวา
สามารถซื้อที่ดินที่จังหวัดลพบุรีได้อีก ๕๐๐ ไร่ มูลค่านับร้อยล้านบาท
อีกทั้งมีรถยุโรป VOLVO, BMW Series 7 ใช้สมปรารถนา
	 ต่อมาผมคิดจะทำธุรกิจตัวใหม่เพิ่ม คือ ทำโครงการขาย
ที่ดิน ผมและภรรยาลงทุนลงแรงไปมาก จนเกิดภาวะเงินจม ผม
ต้องรุสต๊อกเครื่องฟอกอากาศหลายร้อยเครื่อง และเครื่องกรองน้ำ
เกือบ ๔,๐๐๐ ชุด ได้เงินมาหลายล้านบาท ก็เอามาลงทุนต่อ ช่วง
นั้นเราตกอยู่ในสภาพแย่มากๆ หนี้สินทับทวีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง
๕๕ ล้านบาท ธนาคารโทรมาทวงแล้ว
ทวงอีก ต้องยอมให้ธนาคารยึดทรัพย์สิน
และที่ดินที่มีอยู่บางส่วนเพื่อหักหนี้ ผม
ลองผิดลองถูก ทำหลายอย่างโดยไม่ลด
ความพยายาม กระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๕ ได้
ทำอาหารเสริมบรรจุแคปซูลขาย ภายใต้
ชื่อตราว่า เนเจอร์กิฟ ตอนนั้นขายไม่ดี
30 31
เลย เราจึงหันมาทำธุรกิจ MLM และเอาอาหารเสริมทีี่เราทำมา
ผันเป็นธุรกิจ MLM แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมจึงยกเลิก
ระบบ MLM มาเป็นขายผ่านตัวแทน และเปลี่ยนสินค้ามาเป็นกาแฟ
ตอนนั้น..ธนาคารโทรมาทวงหนี้ตลอด ช่วงที่เราประสบวิกฤตหนัก
แบบนี้ มีกัลยาณมิตรที่มาวัดพระธรรมกายได้มาเยี่ยมให้กำลังใจเรา
บ่อยๆ มาเล่าธรรมะให้ฟัง มาชวนเราทำบุญ ขับรถพาผมและ
ภรรยามาวัดอยู่เสมอ จึงเป็นเหตุให้ครอบครัวเรากลับมาเข้าวัด มา
ปฏิบัติธรรมและเร่งสร้างบุญกันอีกครั้ง
	 เมื่อ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ผมลองไปเปิดตัวผลิตภัณฑ์
กาแฟที่งานเกษตรแฟร์ ที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน งานนี้เรา
ขาดทุนไปหลายหมื่นบาท แต่โชคดีที่บรรดาสื่อมวลชนให้ความ
สนใจกาแฟของเรา นำไปออกข่าว ลงในนิตยสารหลายฉบับ ทำให้
ธุรกิจเราเริ่มเป็นที่รู้จัก และขายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถ
ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง แล้วเราก็มีเงินมาทำบุญมากขึ้น และได้
ตัดสินใจยกที่ดินที่จังหวัดลพบุรีถวายแด่หลวงพ่อธัมมชโย ปัจจุบัน
ที่ดินผืนนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นศูนย์อบรมเยาวชน จังหวัดลพบุรี
สามารถจัดอบรมพระภิกษุ สามเณร สาธุชน ได้ครั้งละ ๒,๐๐๐ คน
ซึ่งเป็นความปลื้มใจและภูมิใจของครอบครัวเรามากๆ
	 จากนิสัยที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือ ทำบุญง่าย ทำ
ก่อนโดยไม่ต้องมีใครมาชวน ถ้ามีเงินเป็นต้องทำบุญจนหมด
กระเป๋า บุญได้ส่งผลให้ธุรกิจใหม่ของเราดีวันดีคืนขึ้นอย่างไม่
น่าเชื่อ มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงจนผลิตไม่ทัน ทำให้ธุรกิจกาแฟ จาก
เดิมผลิตเพียงวันละ ๑,๐๐๐ ซอง ต่อมาต้องขยายที่ผลิตเพิ่ม เพื่อ
ให้ทันต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาด หลังจากถวายที่ดิน
มูลค่ามหาศาลไปได้ไม่นาน ผมก็สามารถเปิดโรงงาน DK1 ได้สำเร็จ
ใช้งบไป ๑๘ ล้านบาท และสามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้หมดก่อน
กำหนดถึง ๑ ปี ๖ เดือน
	 เคยมีคนว่าผมว่า ทำบุญมาก็เยอะ แต่อยู่ๆ ต้องมาเจอ
วิกฤต เคยคิดไหมว่าทำไมบุญไม่ช่วย?
	 ผมไม่คิดว่าบุญไม่ช่วยนะ แต่ผมคิดว่าเรามีบุญไม่พอ เพราะ
จากเดิมเรามีภาวะการเงินที่ไม่เดือดร้อนแต่
เราประสบปัญหาเพราะเราคิดทำธุรกิจ
ตัวใหม่เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ อาจเป็น
ไปได้ว่าเรามีกำลังบุญไม่เพียงพอ 
	 ธุรกิจเรากำลังขยาย หากเรามีบุญ
น้อยขยายใหญ่ไปก็ไปไม่รอดอีก เพราะ
เรามีกำลังบุญไม่พอที่จะรองรับสมบัติที่
กำลังจะเกิดขึ้น แต่หากเราทำมากๆ ทำสุดๆ บุญเราก็จะมากและ
เพียงพอ ที่จะรองรับธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้น ซึ่งมันก็จริงๆ พอผม
ทำบุญใหญ่ทีไร บุญก็ส่งผลเกิดคาดอย่างที่เห็น เราทำบุญง่ายๆ
ทำก่อน ทำโดยที่ไม่ต้องมีใครมาชวน ทำให้ถูกเนื้อนาบุญ ทำ
อย่างต่อเนื่อง ทำแล้วก็ต้องปลื้ม ทำแล้วเพิ่มเป้ากว่าที่ตั้งใจไว้
การเพิ่มเป้านี่มันแปลกนะ อย่างกฐินปีที่แล้วผมตั้งใจอย่างสุดกำลัง
แต่พอมีเงินเข้ามาในธุรกิจ ก็ตัดสินใจเพิ่มเป้า พอมาปีนี้บุญส่งผล
ทำให้ธุรกิจผมเติบโตแบบทวีคูณมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ เติบโตเร็ว
มากถึง ๑๐๐% จนเราต้องเปิดโรงงาน DK2 ใช้งบไป ๒๐๐ ล้าน
เพื่อผลิตให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ต่อมาระยะเวลาห่างกัน
เพียงแค่เดือนหนึ่ง เราก็เริ่มก่อสร้างโรงงาน DK3 ซึ่งจะใช้งบอีก
๕๐๐ ล้าน และเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ธุรกิจ
ของผมเติบโตขึ้นอย่างพรวดพราดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ธุรกิจทั่วๆ ไป
ขยายตัวอย่างมากก็ ๕-๑๐% ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บางธุรกิจ
อาจเจ๊งไปเลย และที่สำคัญธุรกิจของเรายังได้เงินสดเข้ามาตลอด
เพราะธุรกิจของเราไม่มีการขายแบบเครดิตทำให้เรามีสภาพคล่อง
การเงินสูง สามารถหมุนเวียนในการขยายธุรกิจได้เร็วซึ่งเป็นการ
กระทำที่ยากมากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แปลกเหมือนกันว่า
ทำไมเราทำได้
	 ด้วยอานุภาพแห่งบุญ ปัจจุบันทำให้ผลิตภัณฑ์ ก้าวไปสู่
ตลาดโลกได้อย่างอัศจรรย์ คือได้รับ อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งปกติผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและยา กว่าจะผ่านการรับรอง
อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกาต้องใช้ขั้นตอนและระยะเวลาเป็น
ปีๆ แต่เนเจอร์กิฟ ใช้เวลาเพียง ๔๕ วัน ก็ผ่านการรับรอง จนได้
อย.และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักของประเทศสหรัฐอเมริกา
อยู่ในขณะนี้
9วิธี ก้าวสู่เส้นทางมหาเศรษฐี ฉบับบุญกฐิน ISBN : 978-974-314-725-8
จัดทำโดย : ชมรมผู้รักบุญ พิมพ์ที่ : โอ เอส พริ้นติ้ง วันที่พิมพ์ : ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

Weitere ähnliche Inhalte

Ähnlich wie 9way2be richer

Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhammaScript พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
blcdhamma
 
คำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวงคำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวง
Songsarid Ruecha
 
สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003
kruampare
 
สมองกับความคิด 2
สมองกับความคิด 2สมองกับความคิด 2
สมองกับความคิด 2
kruampare
 
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเราความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
Suradet Sriangkoon
 
ต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจนต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจน
Dinhin Rakpong-Asoke
 
ศาสนาเปรียบเทียบ 1
ศาสนาเปรียบเทียบ 1ศาสนาเปรียบเทียบ 1
ศาสนาเปรียบเทียบ 1
thnaporn999
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
Achara Sritavarit
 
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยากMakeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Phairot Odthon
 
จิตที่พ้นจากทุกข์
จิตที่พ้นจากทุกข์จิตที่พ้นจากทุกข์
จิตที่พ้นจากทุกข์
duangdee tung
 

Ähnlich wie 9way2be richer (20)

การเรียนรู้ของนักวิชาการในการสร้างปัญญา เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต อ...
การเรียนรู้ของนักวิชาการในการสร้างปัญญา เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต อ...การเรียนรู้ของนักวิชาการในการสร้างปัญญา เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต อ...
การเรียนรู้ของนักวิชาการในการสร้างปัญญา เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต อ...
 
Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhammaScript พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
Script พม.ดร.สมชาย ฐฺานวฑฺโฒ blc dhamma
 
Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010
 
4 lifeyes how to get start 2
4 lifeyes how to get start 24 lifeyes how to get start 2
4 lifeyes how to get start 2
 
คำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวงคำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวง
 
พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา
 
ตามรอยยุคลบาท
ตามรอยยุคลบาทตามรอยยุคลบาท
ตามรอยยุคลบาท
 
ปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาการศึกษาปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาการศึกษา
 
สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003
 
สมองกับความคิด 2
สมองกับความคิด 2สมองกับความคิด 2
สมองกับความคิด 2
 
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเราความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
 
ต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจนต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจน
 
ศาสนาเปรียบเทียบ 1
ศาสนาเปรียบเทียบ 1ศาสนาเปรียบเทียบ 1
ศาสนาเปรียบเทียบ 1
 
Immortality Thama.Pps
Immortality Thama.PpsImmortality Thama.Pps
Immortality Thama.Pps
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
สังคหวัตถุ
สังคหวัตถุสังคหวัตถุ
สังคหวัตถุ
 
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหังผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
 
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยากMakeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
 
จิตที่พ้นจากทุกข์
จิตที่พ้นจากทุกข์จิตที่พ้นจากทุกข์
จิตที่พ้นจากทุกข์
 
Jitpontook
JitpontookJitpontook
Jitpontook
 

9way2be richer

  • 1. อาคาร ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ หนึ่งเดียวในโลก รวมทุกงานสร้างบารมี มหาเศรษฐีทุกคน.. ต้องมีจุดเริ่มต้น และจุดเริ่มต้น.. ของคุณ.. ก็กำลังจะเริ่ม.. เช่นกัน จุดเริ่มต้น สู่..เส้นทางมหาเศรษฐี ก้าวที่ ๑ : หยุดทบทวนสักนิด “หนึ่งสมอง สองมือ” ทำให้รวยได้จริงหรือ ก้าวที่ ๒ : ทำความเข้าใจว่า “อะไรอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ” ที่แท้จริง ก้าวที่ ๓ : เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ “ครอบคลุม” ง่ายๆ ทำได้เลย ก้าวที่ ๔ : ฉลาดในการทำ “ทาน” แบบได้บุญเต็ม ๑๐๐% ก้าวที่ ๕ : สูตรสำเร็จของการ “ออกแบบชีวิต” ก้าวที่ ๖ : ทางลัด เร่งความเร็วแรงเห็นผลบุญทันตา ก้าวที่ ๗ : “เรียกบุญให้ช่วย” เมื่อประสบปัญหาในชีวิต ก้าวที่ ๘ : ไม่ผลาดบุญใหญ่ ก้าวที่ ๙ : บทสรุป สู่...เส้นทางเศรษฐี พลิกชะตาชีวิตของตัวคุณเอง.. ตามหลัก “พุทธวิธี” แล้วคุณจะอัศจรรย์ใจว่า.. คุณก็ทำได้..
  • 2. จุดเริ่มต้น สู่..เส้นทางมหาเศรษฐี คนที่รักความก้าวหน้าในชีวิต จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายชีวิตให้ ชัดเจน การตั้งเป้าหมายมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะ ไกล เช่น อีก ๕ ปี ต้องมีกิจการเป็นของตัวเอง อีก ๒ ปีต้องขยาย สาขาเพิ่ม อีก ๓ ปีหลังจากนั้น ต้องทำให้สินค้าขายดีจนติดอันดับ ประเทศหรืออันดับโลกไปเลย เป็นต้น จากนั้นจึงไปเสาะแสวงหา ความรู้ ต้องมีความเพียรพยายาม ความอดทน เพื่อบรรลุเป้าหมาย ชีวิตที่วางไว้ให้ได้ แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น “หนูตัวเล็กๆ ยังสู้อุตส่าห์ขุดรูอยู่ นกกระจิบกระจอกยังสู้ อุตส่าห์สร้างรัง เราเกิดมาเป็นคนทั้งทีก็ต้องสร้างฐานะให้ดีให้ ได้” ก้าวที่ ๑ : หยุดทบทวนสักนิด “หนึ่งสมอง สองมือ” ทำให้รวยได้จริงหรือ ผลไม้พันธุ์เลว ถึงจะใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินดีอย่างไรก็ตาม อย่างมากก็ทำให้มีผลดกขึ้นบ้าง แต่จะทำให้มีรสโอชาขึ้นกว่าเดิม นั้นยาก ตรงกันข้าม ผลไม้พันธุ์ดี แม้รดน้ำพรวนดินพอประมาณ ก็ ให้ผลมากเกินคาด รสชาติก็โอชา เช่นกัน ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมคุณความ ดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจการใดๆ ขยันขันแข็งสักปานไหน ผล แห่งความดีกว่าจะปรากฏเต็มที่ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และเสียเวลามาก ส่วนผู้ที่สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อทำความดี ผลดีปรากฏเต็มที่ทันตาเห็น ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้า เหนือ กว่าบุคคลทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี เวลาจะทำอะไรก็ง่าย ก็สำเร็จไปหมด อุปสรรคในชีวิตก็น้อย แต่ถ้าใครทำบุญเก่ามาไม่ดี จะทำอะไรก็ต้องออกแรง ต้องให้เหนื่อยกันก่อน ถึงจะประสบ ความสำเร็จ ฉะนั้น “หนึ่งสมอง สองมือ” ก็แค่อุปกรณ์ทำให้รวย เท่านั้น แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ คือ “บุญ” ต่างหาก เดี๋ยวเราจะ ค่อยๆ ทำ ความเข้าใจกันต่อไป ก้าวที่ ๒ : ทำความเข้าใจว่า “อะไรอยู่เบื้องหลัง ความสุขและความสำเร็จ” ที่แท้จริง ทีนี้เราลองมาพิจารณากันดูว่า เราเคยมีชีวิตแบบนั้นบ้าง ไหม? คุณอาจเถียงในใจว่า ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น มีช่วงที่ รุ่งโรจน์และตกต่ำเหมือนกันหมด คุณคิดถูก แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด อย่าลืมว่าความรุ่งโรจน์ หรือการตกต่ำของชีวิต มีคำว่า “มาก” “น้อย” มีช่วงเวลา “ยาวนาน” ต่างกัน การที่จะเจอวิธีแก้ไข ปัญหาต่างๆ “ยาก” “ง่าย” ก็ต่างกันอีก เราถึงต้องมาศึกษาว่าอะไร คือตัวแปรสำคัญที่่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุข และความสำเร็จ ที่แท้จริง และไม่ทำให้ชีวิตพบกับคำว่า “ตกต่ำ” ให้เจอแต่คำว่า
  • 3. “รวยเรื้อรัง” หรือ “รวยถาวร” ไปทุกภพทุกชาติ สิ่งนั้นก็คือ บุญ บุญ คือ สิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจเราแล้ว ทำให้เรารู้สึกมี ความสุข สงบ ชุ่มชื่น ผ่อนคลาย และเมื่อบุญเกิดขึ้น บุญจะไป ทำหน้าที่ปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพ มีพลัง ผู้ที่ฝึกสมาธิจน เข้าถึงธรรมกายและฝึกจนชำนาญแล้ว จะสามารถมองเห็นบุญได้ คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น “บุญ” แต่ก็สามารถรับรู้ผลของบุญได้ เหมือนกับ “ไฟฟ้า” แม้เรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้า แต่เราสามารถรับรู้ อาการของไฟฟ้าได้ เช่น เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดไฟแล้ว เกิดแสงสว่าง บุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสมเก็บไว้ได้ ติดตาม ตัวเราไปได้ แม้จะเกิดข้ามภพข้ามชาติ ใครทำใครได้ โจรก็ลักขโมย ของเราไปไม่ได้ บุญจึงเปรียบเหมือน “วัคซีนป้องกันโรคกรรม” ให้กับเรา ป้องกันข้ามชาติ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เคยสอนไว้ว่า บุญเป็นของกลาง ต้องทำเอง ใครตักตวงได้มากเท่าไร ก็ เป็นบุญของคนนั้น เราต้องสร้างบุญให้มาก ใครก็ล้มไม่ลง แม้จะเป็นคนมี อำนาจ หรือร่ำรวยก็ตาม พอเวลาหมดบุญแล้ว ใครโจมตีก็ล้มลงได้ ถ้ายังมีบุญอยู่ ใครจะทำอย่างไรก็ล้มไม่ลง คนเราเวลามีบุญอยู่ ทุกอย่างก็รุ่งเรืองดีไปหมด จับอะไรก็ ก้าวหน้า แต่เวลาหมดบุญ ทุกอย่างก็หมด อับจน ตกต่ำไปหมด สรุปว่า บุญ คือ ตัวแปรสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสุข ความ สำเร็จในชีวิตของพวกเราทุกคน ดังนั้นเราต้องหมั่นสั่งสมบุญไว้ให้ มาก โดยเฉพาะบุญใหญ่ๆ เช่น กฐินทาน บุญที่ทำน้อยแต่ได้ผลมาก มหาเศรษฐีทุกคนบนโลกต้องเคยทำบุญแบบนี้มาก่อนทั้งสิ้น ก้าวที่ ๓ : เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ “ครอบคลุม” ง่ายๆ ทำได้เลย จริงๆ แล้ว ในการดำเนินชีวิต เราใช้บุญเก่าไปทุกวัน เราจึง จำเป็นต้องเติมบุญใหม่ทุกวันเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของเรา เหมือนเราถอนเงินมาใช้ทุกวันแต่ไม่เคยฝาก เพิ่มเลย นั่นหมายความว่า ความมั่นคงในชีวิตของเราน้อยลงๆ เช่นกัน บุญทำง่ายมาก เพราะการทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผล ออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งวิธีทำบุญออกเป็น ๑๐ วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ ๑. ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้อื่น ๒. สีลมัย คือ บุญที่เกิดจากรักษาศีล (การสำรวม กาย วาจา ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น) ๓. ภาวนามัย คือ บุญที่เกิดจากการสวดมนต์ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ
  • 4. ๔. อปจายนมัย คือ บุญที่เกิดจากการมีความเคารพ อ่อนน้อม ๕. เวยยาวัจจมัย คือ บุญที่เกิดจากการช่วยเหลือขวนขวาย ในการงานที่ถูกที่ควร ๖. ปัตติทานมัย คือ บุญที่เกิดจากอุทิศส่วนบุญ ๗. ปัตตานุโมทนามัย คือ บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา ในการ ทำบุญกุศล หรือการทำความดีของผู้อื่น ๘. ธัมมัสสวนมัย คือ บุญที่เกิดจากการฟังธรรม ๙. ธัมมเทสนามัย คือ บุญที่เกิดจากการแสดงธรรม ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ คือ บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ถูกต้อง ดีงาม ตรงตามความเป็นจริง ทั้ง ๑๐ ประการนี้ สรุปได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ • ทาน คือ ให้หมั่นทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง • ศีล คือ การป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว • ภาวนา คือ หมั่นนั่งสมาธิเจริญภาวนาให้มากๆ นั่งให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในได้ยิ่งดี ก้าวที่ ๔ : ฉลาดในการทำ “ทาน” แบบได้บุญเต็ม ๑๐๐% มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องเคยทำบุญมาแล้วทั้งนั้น เราลองมาดูกันว่า ที่ผ่านมาเราทำบุญถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้หรือเปล่า เพื่อให้มั่นใจว่า “บุญ” ที่เราได้ทำนั้น เราได้รับ แบบ ๑๐๐ % เต็ม การทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ ๑. วัตถุบริสุทธิ์ คือ ของที่จะให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มา โดยสุจริต ชอบธรรม ไม่ได้คดโกง หรือเบียดเบียนใครมา ให้ทาน ด้วยน้ำพริกผักต้มที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ได้กุศลมากกว่าให้อาหาร โต๊ะจีนราคาตั้งพันด้วยเงินทองที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ ๒. เจตนาบริสุทธิ์ คือ มีเจตนาทำเพื่อเอาบุญ ไม่ใช่เอาหน้า เอาชื่อเสียง ความเด่น ความดัง ความรัก คือจะต้องมีเจตนา บริสุทธิ์ทั้ง ๓ ขณะ คือ • ก่อนให้ ก็มีใจเลื่อมใส ศรัทธา เต็มใจที่จะทำบุญนั้น • ขณะให้ ก็ตั้งใจให้ ให้ด้วยใจยินดี ปีติเบิกบาน • หลังจากให้ ก็มีใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้ว ๓. บุคคลบริสุทธิ์ คือ เลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความสงบเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก แต่ถึงกระนั้นก็ทรง สอนให้เลือก ถ้าจะนิมนต์พระภิกษุเฉพาะเจาะจง ก็ให้นิมนต์พระ ที่เคร่งครัดในสิกขาวินัย น่าเลื่อมใส ถ้าจะนิมนต์พระไม่เฉพาะ เจาะจง ให้สมภารจัดให้ ก็เลือกนิมนต์จากหมู่สงฆ์ที่ประพฤติสิกขา วินัยเคร่งครัด สำหรับผู้ให้ทานคือตัวเราเอง ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์ จึงจะได้บุญมาก จะเห็นว่าทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน พระท่าน จะให้อาราธนาศีลก่อน เพื่อว่าอย่างน้อยในขณะนั้นเรายังมีศีล ๕ ครบ
  • 5. จะได้เกิดบุญกุศลเต็มที่ ดังนั้น ก่อนที่จะทำทานทุกครั้ง เราควรทำความพร้อมทั้ง ๓ ให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะกว่าเราจะได้ทรัพย์มาเพื่อทำทานนั้น ก็ ได้มาด้วยความยากลำบาก ฉะนั้นเราก็ไม่ควรทำให้ “บุญหก บุญ หล่น” เราควรทำบุญของเราให้ส่งผลเป็นอัศจรรย์ เป็นบุญชนิด “บุญหกทับ บุญหล่นทับ” จะดีกว่า ก้าวที่ ๕ : สูตรสำเร็จของการ “ออกแบบชีวิต” เมื่อมีความเข้าใจและรู้ที่มาของบุญแล้ว เราจะพบว่า บุญ คือ สิ่งที่ปรุงแต่ง สร้างสรรค์ รูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติให้ กับเรานั่นเอง ฉะนั้นเราคือผู้ที่ออกแบบชีวิตตัวเอง ไม่ใช่พรหมลิขิต ไม่ใช่ฟ้าลิขิต โดยมีสูตรสำเร็จดังนี้ อยากอายุยืน ต้องไม่ฆ่าสัตว์ อยากเป็นคนไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ต้องไม่ทรมานสัตว์ อยากเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ต้องทำทานด้วยอาหาร อยากผิวสวย ต้องรักษาศีล และให้ทานด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อยากเป็นผู้มีอำนาจ มีคนเกรงใจ ต้องมีมุทิตาจิต ใครทำความดี ก็อนุโมทนาบุญ ไม่อิจฉาริษยาใคร อยากร่ำรวย มีทรัพย์มาก ต้องทำทาน อยากเกิดในตระกูลสูง ต้องบูชาบุคคลที่ควรบูชา อยากฉลาด ต้องฝึกสมาธิเจริญภาวนา และไม่ดื่มสุรายาเมา หรือสิ่งเสพติดทั้งหลาย “แข่งบุญแข่งวาสนาใช่ว่าแข่งไม่ได้ แต่ถ้าแข่งแล้วไซร้ ต้องแข่งด้วยการทำความดี” ก้าวที่ ๖ : ทางลัด เร่งความเร็วแรง เห็นผลบุญทันตา ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจในเรื่องการส่งผลของบุญ ตามหลักพระพุทธศาสนาเสียก่อนว่า บุญที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรามี ๒ ระยะ คือบุญเก่า (บุญใน อดีต) และบุญใหม่ (บุญในปัจจุบัน) บุญเก่า คือ บุญที่ทำมาในชาติที่แล้ว บุญใหม่ คือ บุญที่ทำมาตั้งแต่แรกเกิดถึงปัจจุบันนี้ ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี จะส่งผลให้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติที่ดีในชาติปัจจุบัน เช่น บางคนเกิดมามีรูปร่าง หน้าตาดี เพราะรักษาศีลมาดี บางคนก็เกิดมาร่ำรวยเพราะทำ ทานมาดี หรือบางคนเกิดมามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็เพราะทำ สมาธิเจริญภาวนามาดี แม้ในปัจจุบันไม่ได้ทำบุญ ทั้งยังตระหนี่ ถี่เหนียว แต่ร่ำรวยได้ เป็นเพราะบุญในอดีตยังส่งผลอยู่นั่นเอง
  • 6. 10 11 ส่วนบางคนในชาตินี้ทำบุญทำทานมากมาย แต่ก็ไม่รวยสักที ถึงกับบ่นว่า “ทำดีไม่ได้ดี” หรือทำบุญ “บุญไม่ส่งผล” อย่างนี้ก็ มี นี่เพราะในอดีตทำทานมาน้อย จึงไม่สามารถดึงดูดสมบัติให้เกิด มากๆ ได้ ส่วนบุญใหม่ที่ทำในชาตินี้ จะรอส่งผลในอนาคตต่อไป แต่ก็มีบางคนที่เกิดมาโชคดี ที่สามารถทำบุญใหม่ในชาตินี้ แล้วได้ผลบุญทันตาเห็น เป็นเพราะได้สร้างบุญในเขตบุญอันอุดมที่ เรียกว่า สัมปทาคุณ (ความถึงพร้อมด้วยคุณพิเศษ) ซึ่งถ้าใครก็ตาม ได้สร้างบุญที่ประกอบด้วยสัมปทาคุณ ๔ ประการ ก็จะทำให้ทานที่ บริจาคแล้วมีผลยอดเยี่ยม และให้ผลได้ในภพปัจจุบัน ทันตาเห็น สัมปทาคุณ ๔ ประการ ประกอบด้วย ๑. ความถึงพร้อมแห่งวัตถุ หมายถึง ผู้รับคือปฏิคาหก เป็น ทักขิไณยบุคคล ผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม ยิ่งมีคุณธรรม สูงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ทานของผู้บริจาคแล้ว มีผลมากขึ้นเท่านั้น ๒. ความถึงพร้อมแห่งปัจจัย หมายถึง ของที่จะนำมา ทำบุญ ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์โดยชอบธรรม ๓. ความถึงพร้อมแห่งเจตนา หมายถึง มีเจตนาดี เจตนา เพื่อชำระกิเลส บูชาคุณ เพื่อสงเคราะห์หรืออนุเคราะห์ ด้วยความ บริสุทธิ์ใจ มิได้หวังลาภ ยศ หรือชื่อเสียง มีเจตนาดีทั้ง ๓ กาล คือ ก่อนให้ก็ดีใจ กำลังให้ก็เลื่อมใส ครั้นให้แล้วก็เบิกบานใจ อย่างนี้เรียกว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา ๔. ความถึงพร้อมแห่งคุณพิเศษของปฏิคาหก คือ ผู้รับ เป็นทักขิไณยบุคคลที่มีคุณธรรมพิเศษ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง ระบุไว้ว่า ผู้รับจะต้องเป็นผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ใครก็ตามที่ได้ทำทานโดยมีคุณวิเศษทั้ง ๔ ประการนี้ จะ ได้ผลบุญทันตาเห็น อย่างเรื่องของ “นายปุณณะ” ยาจกผู้กลาย เป็นเศรษฐีในเวลาต่อมา เมื่อครั้งที่สมเด็จพระศาสดาของเราประทับอยู่ในเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ มีคนยากจนชื่อ “ปุณณะ” ได้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น พร้อมภรรยาและลูกสาว วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระท่านพึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ได้ ตรวจดูว่าควรจะไปสงเคราะห์ใคร และบุญนี้จะเป็นของใคร ได้ เห็นนายปุณณะในญาณของท่าน จึงใคร่ครวญพิจารณาว่าเขาจะมี ศรัทธาหรือเปล่า สามารถที่จะถวายอาหารได้หรือไม่ และถ้าได้ ถวายอาหารแล้วจะได้สมบัติอันยิ่งใหญ่หรือไม่ เมื่อท่านพิจารณาดู แล้วเห็นว่านายปุณณะมีคุณสมบัติทุกอย่างครบ ท่านจึงครองจีวร แล้วถือบาตรไปยังที่นายปุณณะไถนาอยู่ พอนายปุณณะเห็น พระเถระก็ดีใจ เข้ามากราบไหว้ และได้ถวายไม้สีฟันพร้อม น้ำบ้วนปากแด่พระเถระ ในขณะเดียวกัน ภรรยาของนายปุณณะกำลังจะนำอาหาร ไปส่งให้สามี ระหว่างทางได้พบกับพระเถระเช่นกัน จึงคิดว่า ตัวเรา
  • 7. 12 13 บางคราวพอมีไทยธรรม ก็ไม่พบพระเถระ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ บาง คราวพบพระเถระแต่ก็ไม่มีไทยธรรม วันนี้เราพบพระเถระด้วย ไทยธรรมก็มีด้วย ขอให้พระเถระโปรดสงเคราะห์เราด้วยเถิด จึง วางภาชนะลงพร้อมกับพนมมือกล่าวนิมนต์พระเถระ พระสารีบุตร ก็น้อมบาตรรับ เมื่อนางใส่อาหารได้เพียงครึ่งหนึ่ง พระเถระก็เอา มือปิดบาตร แต่นางได้ร้องขอให้ท่านรับอาหารทั้งหมด จากนั้นนางจึงรีบกลับบ้านเพื่อหุงหาอาหารชุดใหม่ให้แก่ สามี ฝ่ายนายปุณณะหิวจนแทบทนไม่ไหว จึงเข้าไปนั่งพักใต้ร่มไม้ ภรรยาของนายปุณณะเมื่อครั้นมาถึงก็กลัวว่าสามีจะโกรธที่มาช้า อาจทำให้สิ่งที่ตนเองทำบุญไว้จะไม่เกิดประโยชน์ จึงรีบตะโกน บอกแต่ไกลให้สามีทำใจให้ผ่องใสเพราะวันนี้ตนได้นำอาหารส่วนที่ เป็นของสามีถวายแด่พระสารีบุตร เป็นเหตุให้มาสาย นายปุณณะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ พร้อมกับกล่าวชื่นชม ภรรยาว่า ทำดีแล้ว ตนเองก็ได้มีโอกาสถวายน้ำบ้วนปากและไม้ สีฟันแด่ท่านเช่นกัน เขาทั้งสองมีใจเลื่อมใสและปีติในบุญมาก เมื่อ ทานข้าวเสร็จ ด้วยความอ่อนเพลียจึงหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมา มองไปที่ท้องนา เห็นนาที่ตนไถไว้กลายเป็นสี ทองคำ นายปุณณะมองด้วยความตกตะลึง รีบหันไปถามภรรยา เพื่อความแน่ใจ ภรรยาของเขาจึงเดินไปดูพร้อมกับหยิบก้อนทอง นั้นฟาดกับงอนไถเกิดเสียงดังกังวาน ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ตนมองเห็น เป็นทองคำจริงๆ จึงอุทานด้วยความเบิกบานใจว่า “น่าอัศจรรย์ จริง สิ่งที่เราถวายแด่พระธรรมเสนาบดีนั้น ให้ผลทันตาเห็นทีเดียว” ก้าวที่ ๗ : “เรียกบุญให้ช่วย” เมื่อประสบปัญหาในชีวิต พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เคยให้โอวาทไว้ว่า “ในโลกมนุษย์ ถ้ามีบุญ จะค้าขายก็ร่ำรวย หาทรัพย์ง่ายไม่ติดขัด พาตัวให้ไปสู่สุคติ... ต้องนึกถึงบุญ สิ่งอื่นอย่าไปนึก เมื่อต้องภัย ให้เอาใจจรด อยู่ที่บุญ ถ้าไปค้าขายติดขัดขึ้น ก็ขอให้บุญช่วย นึกถึงบุญตรง กลางดวงธรรมนั้น ถ้าว่ามีอุปสรรคมาแทรกแซงอย่างใดอย่างหนึ่ง มีผู้มา รุกราน ก็ขอให้บุญช่วย สิ่งอื่นช่วยไม่ได้ ถ้าหาบุญได้ใช้บุญเป็นก็ต้องเอาใจไปจรดอยู่ที่ศูนย์กลาง ดวงบุญ..” พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้ให้โอวาทไว้ว่า เราต้องสั่งสมบุญเอาไว้มากๆ และต้องรู้สึกปลื้มปีติ เพราะความ ปลื้มปีติ ทำให้เกิดความสงบทั้งกายและใจ เพราะถ้าปลื้มมาก ปีติ มาก จะมีผลทำให้บุญส่งผล ได้เร็ว หากปลื้มแล้วยังนึกถึงบุญได้ บ่อยๆ มากเท่าไร ก็จะมีผลต่อจำนวนชาติที่ส่งผลได้มากชาติ ขึ้นเท่านั้น
  • 8. 14 15 และคุณยายอาจารย์ฯ ก็เคยให้คำแนะนำแก่สาธุชนท่านหนึ่ง ที่มากราบเรียนท่านว่า “เวลาพบอุปสรรค และอยู่ห่างไกลจาก คุณยาย จะขอบารมีคุณยายให้ช่วย จะทำอย่างไร?” คุณยายสอนว่า ให้นึกถึงบุญกุศลที่เราทำบุญทำทาน เรียกบุญช่วย บุญจะช่วย เราได้ ก้าวที่ ๘ : ไม่ผลาดบุญใหญ่ เมื่อเรารู้คุณค่า และคุณวิเศษของ “บุญ” แล้ว เราต้อง แสวงหาโอกาสที่ได้ทำบุญใหญ่ คือบุญที่ทำแล้วมีผลมาก อย่างเช่น กฐินทาน เป็นต้น เพราะเป็นมหากุศลใหญ่ ๑ ปี มีเพียงครั้งเดียว เมื่อถึงฤดูฝนของทุกปี พระภิกษุสงฆ์จะต้องอยู่ประจำเป็นที่ หรือที่เรียกว่า จำพรรษา ตลอด ๓ เดือน งดไปค้างแรมที่อื่น หลังจาก ออกพรรษาแล้วก็จะเป็นเทศกาล “ทอดกฐิน” อันเป็นการบำเพ็ญบุญ ที่ชาวพุทธทุกคนถือว่าเป็นมหากุศลโดยแท้และยังถือว่าเป็นทานที่ พิเศษกว่าการทำบุญอย่างอื่น เนื่องจากถูกจำกัดด้วยเวลา เรียกว่า “กาลทาน” คือต้องถวายในช่วง ๑ เดือน หลังจากการออกพรรษา นับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่ง ในแต่ละวัดสามารถกระทำพิธีนี้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น อีกทั้ง พระภิกษุผู้มีสิทธิ์รับผ้ากฐินได้ จะต้องจำพรรษาอยู่ในวัดนั้นครบ ๓ เดือน
  • 9. 16 17 กฐินสามัคคี ๑๐๐ ปี บูชาครู คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เกิด เมื่อวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา (ตรงกับวันที่ ๒๐ มกราคม) พ.ศ. ๒๔๕๒ ในครอบครัวชาวนา ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม คุณยายท่านเป็นคนอดทน และขยันขันแข็งมาก ช่วยพ่อแม่ดูแล งานบ้าน และเป็นเรี่ยวแรงหลักในการทำนา ในราวปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เมื่อคุณยายอายุ ๒๖ ปี ท่านตัดสินใจ ออกจากบ้านเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาช่องทางไปฝึกสมาธิที่ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพราะต้องการตามไปขอขมาพ่อที่ล่วงลับไป แล้ว จะได้พ้นจากคำที่พ่อเคยแช่งไว้ตั้งแต่ตอนคุณยายยังเป็นเด็ก ว่า ให้หูหนวก ๕๐๐ ชาติ จนกระทั่งได้มีโอกาสพบและฝึกสมาธิกับคุณยายทองสุข สำแดงปั้น ซึ่งเป็นครูสอนสมาธิจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จนได้ เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วอาศัยวิชชาธรรมกายตามหาพ่อ ได้ ขอขมาพ่อดังที่ตั้งใจไว้ และช่วยพ่อให้ขึ้นมาจากนรก ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๑ คุณยายทองสุข พาคุณยายไป กราบพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) เมื่อหลวงปู่วัดปากน้ำพบคุณยายครั้งแรกท่านก็รับ คุณยายเป็นศิษย์และให้เข้าไปศึกษาวิชชาธรรมกายชั้นสูงใน โรงงานทำวิชชาทันที ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และความเป็นคนทำอะไรทำจริง ของคุณยาย ทำให้ท่านศึกษาวิชชาธรรมกายได้อย่างรวดเร็วและ เชี่ยวชาญ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าเวรในการทำวิชชา และไดัรับคำชมจากหลวงปู่วัดปากน้ำว่า “ลูกจันทร์นี้ หนึ่งไม่มี สอง” ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่วัดปากน้ำ คุณยายทำวิชชาอยู่ในโรงงาน ทำวิชชากับหลวงปู่วัดปากน้ำมาตลอด จนกระทั่งเมื่อหลวงปู่ วัดปากน้ำใกล้จะมรณภาพ ท่านได้มีคำสั่งสุดท้ายให้ศิษย์ทุกคน ช่วยกันเผยแผ่วิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ไปให้ทั่วโลก ปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๖ คุณยายได้พบกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธััมมชโย) ในขณะนั้นท่านยังเป็นนิสิตอยู่ที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงและรักการปฏิบัติธรรม มาก ทั้งยังเป็นผู้ที่มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีเยี่ยม คุณยายจึงถ่ายทอด วิชชาธรรมกายให้แก่ท่านอย่างเต็มที่ จากนั้นก็มีนิสิต นักศึกษา มา ปฏิบัติธรรมกับคุณยายเพิ่มเป็นจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ สร้าง “บ้านธรรมประสิทธิ์” และเมื่อมีผู้ปฏิบัติธรรมมากขึ้น จึงได้ มาสร้างที่ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ซึ่งก็คือวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน จึงถือได้ว่า คุณยายอาจารย์ฯ เป็น “ผู้ให้กำเนิดวัด พระธรรมกาย” เพราะท่านคือผู้นำหมู่คณะรุ่นบุกเบิกที่ช่วยกัน พลิกผืนนาฟ้าโล่ง เพื่อสร้างวัดพระธรรมกาย ในช่วงปัจฉิมวัยท่าน
  • 10. 18 19 อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก โดย พระมหา ดร.สมชาย านวุฑฺโฒ อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ศูนย์รวม แก่นคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธองค์จากทั่วโลก เมื่ออาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ สร้างเสร็จเรียบร้อย จะมีคนจำนวนมาก จากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่วัดพระธรรมกาย อย่างไม่ขาดสาย เพื่อมาศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เพราะอาคาร ๑๐๐ ปี จะเป็นที่เก็บรวบรวมคัมภีร์ในพระพุทธ- ศาสนาไว้ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกอักษร ทุกรูปแบบ ทั้งที่บันทึกอยู่ใน ใบลาน บนเปลือกไม้ หรือแม้กระทั่งบางแห่งแกะสลักอยู่ในไห ก็มี อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ จึงเป็นแหล่งอ้างอิงคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและวิชชาธรรมกาย ซึ่งนักวิชาการจาก ทั่วโลกจะต้องมาศึกษา ค้นคว้า ต่อไปที่นี่จะเป็นที่ชุมนุมของ บัณฑิต นักปราชญ์ และเมื่อพวกเขาได้ศึกษาค้นคว้า เจาะลึก หลักธรรมคำสอนแล้ว ก็จะนำธรรมะที่ได้ไปถ่ายทอดแก่ชาวโลก ต้องทุ่มเท ทั้งแรงกาย แรงใจ แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ทั้งงานหยาบ และงานละเอียด จนเป็นเหตุให้ท่านต้องล้มป่วยหนักอยู่หลายครั้ง ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว กล้าแกร่งดั่งเพชร ซึ่งหลอมรวมเข้ากับอานุภาพ ของวิชชาธรรมกาย ท่านจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ จนสามารถสร้างวัดพระธรรมกายให้เป็นบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ของชาวพุทธ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ไปทั่วโลก เหมือนดังเช่นทุกวันนี้ ดังนั้น คุณยายอาจารย์ฯ จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตการ สร้างบารมีของเราทุกคน สมดังโอวาทของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ ว่า “ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีหลวงพ่อ ไม่มีวัดพระธรรมกายให้ พวกเราทุกคนได้มาสร้างบารมีกันอย่างมีความสุขจนถึงทุกวันนี้” ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ของคุณยายอาจารย์ฯ ในปีนี้ ศิษยานุศิษย์ทั่วโลกจึงได้พร้อมใจกัน “ทอดกฐินสามัคคี บูชาธรรม ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ” ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ณ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการ ตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของมหาปูชนียาจารย์ ด้วยการร่วม บุญเป็นเจ้าภาพกองกฐิน เพื่อสานต่อความปรารถนาของท่านเมื่อ ครั้งยังมีชีวิตอยู่ ที่อยากจะเห็นการก่อสร้างศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว
  • 11. 20 21 ฉะนั้น คนที่มานั่งทำงานอยู่ที่นี่ จะไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เราจะเห็นคนทุกสีผิว ทุกสีผม หลากหลายมากมาย ทุกคนมีใบหน้า ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้มาจากคนละชาติ คนละภาษา แต่มีหัวใจ ดวงเดียวกัน ระดมความคิด สติปัญญา ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ศูนย์กลางการสร้างสันติสุขของโลก เมื่อประชุม ปรึกษาหารือ วางระบบแผนงานเสร็จเรียบร้อย แต่ละทีมจะเดินทางไปทำงานตามที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เมื่อได้ ผลการปฏิบัติงานก็จะส่งข้อมูลนั้นกลับมา ข้อมูลต่างๆ จะเชื่อม ต่อเดินทางไปมาระหว่างคณะทำงานที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วโลก กับทีมงานที่่นั่งทำงานอยู่ที่นี่ โดยผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ฉะนั้นอาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ คือศูนย์กลางแห่งการ สร้างสันติสุขของโลก เปรียบเหมือนองค์กรสหประชาชาติ ทาง ด้านศีลธรรมของโลก โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากให้ชาวโลก เข้าถึงความสุขภายใน เข้าใจความจริงของโลกและชีวิต ไปรู้ไปเห็นว่า ตัวเองเกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน เป้าหมายแท้จริงของชีวิต คืออะไร อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ แหล่งสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของพุทธบริษัท ๔ ทั่วโลก ในครั้งพุทธกาล สถานที่ที่สร้างความมั่นคงทำให้พระพุทธ- ศาสนาเป็นปึกแผ่นและแผ่ขยายไปทั่วชมพูทวีปได้อย่างรวดเร็ว คือ เชตวันมหาวิหาร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษา ที่นี่ตลอดต่อเนื่องถึง ๒๕ พรรษา คณะสงฆ์ทั้งแผ่นดินเดินทางมา
  • 12. 22 23 เฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อศึกษาเรียนรู้คำสอนจากพระองค์ หลังจากนั้น ก็จะนำพระธรรมคำสั่งสอนไปถ่ายทอดแด่คณะสงฆ์และหมู่ชนต่อไป จะเห็นได้ว่าเชตวันมหาวิหารเป็นที่ที่ทำให้พุทธบุตรในสมัยพุทธกาล รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดเอกภาพแห่งคำสอนในพระพุทธ- ศาสนา ในยุคนี้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะมีแตกต่างจากครั้ง พุทธกาลเป็นอย่างมาก เพราะผู้ทีี่ทำหน้าที่ในการเผยแผ่พระธรรม คำสอนจะไม่ผูกขาดแต่เพียงพระภิกษุเท่านั้น จะมีทั้งอุบาสก และอุบาสิกาเข้ามาช่วยในการเผยแผ่ด้วย ดังนั้นอาคาร ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ จะกลายเป็นที่ที่พุทธบริษัท ๔ มารวมเป็น หนึ่งเดียวกัน พระภิกษุสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา จากนานาประเทศ จะหลั่งไหลมาปฏิบัติธรรม มาปฏิบัติหน้าที่ในการฟื้นฟูศีลธรรมโลก ความเป็นเอกภาพของพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันจะบังเกิดขึ้น และมีประสิทธิภาพด้วย เพราะศูนย์กลางในการบัญชาการสั่งงาน ได้บังเกิดขึ้นแล้ว จะมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ีเต็มเวลาที่นี่หลายหมื่นคน และที่เดินทางหมุนเวียน สลับไปมานับล้านคน เพื่อนำธรรมะไปสู่ ชาวโลก อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ สัญลักษณ์แห่ง ความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ดังนั้น ประโยชน์และอานิสงส์ที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลผู้ที่มี ส่วนร่วมสร้างอาคารแห่งนี้ ต้องบอกว่ามากมายมหาศาล ทรายทุกเม็ด หินทุกก้อน อิฐทุกก้อน บุญที่เกิดขึ้นเป็นอสงไขยอัปปมาณัง อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ในยุคปัจจุบันที่คนทั้งโลกจะรู้จักและเฝ้ารอคอย
  • 13. 24 25 โอกาสที่สร้างบุญใหญ่ อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ แบบนี้มีครั้งเดียว ทำอย่างเต็มที่แล้วความปลื้มปีติท่วมท้นจะ บังเกิดขึ้นในหัวใจคุณ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ อาคาร ๑๐๐ ปีคุณยายอาจารย์ฯ คือต้นทางในการให้ ธรรมทาน เพื่อขจัดความมืดบอดในจิตใจ และเปิดหนทางสวรรค์ หนทางนิพพาน ให้แก่ชาวโลก ซึ่งเป็นทานที่เลิศกว่าทานทั้งหลาย สมดังพุทธพจน์ที่ว่า “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ” การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง เพราะอาคารหลังนี้เป็นแหล่งการศึกษา พระปริยัติธรรม และเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการระดับโลกในการ ค้นคว้าคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธองค์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เพื่อนำ ไปเผยแผ่สู่ชาวโลกผ่าน DMC และสื่อธรรมะช่องทางต่างๆ ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นและสง่างาม จุดศูนย์ กลางเป็นอาคารทรงกลม ซึ่งเป็นรูปทรงสากล ที่ไร้กาลเวลา แนวคิดในการออกแบบเน้นหลัก “ประหยัดสุด ประโยชน์สูง” และสะท้อนให้เห็นถึงความ “สะอาด สว่าง สงบ” นอกจากนี้ รูปทรงกลมยังสื่อถึงการเผยแผ่วิชชาธรรมกาย เพื่อนำพาชาวโลก ทุกคน ให้เข้าถึง “ดวงธรรม” และ “พระธรรมกายภายใน” ซึ่ง เป็นสรณะที่แท้จริง ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน “หนึ่งเดียวในโลก” รวมทุกงานสร้างบารมี อาคาร ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ คือบุญสถานที่จะใช้เป็นศูนย์กลางการศึกษาด้าน พระปริยัติธรรม และเป็นอาคารสำนักงานรวม สำหรับงานเผยแผ่ พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก ของวัดพระธรรมกาย ทุกงาน อาทิเช่น • งานด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม • งานด้าน วิชาการทางพระพุทธศาสนาระดับโลก • งานด้านต่างประเทศ
  • 14. 26 27 • งานอบรมและส่งเสริมศีลธรรมในสังคม • งานผลิตสื่อธรรมะ DMC สื่อสิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต • งานสร้างเครือข่ายคนดีทั่วประเทศ • งานอาสาสมัคร ฯลฯ ก้าวที่ ๙ : บทสรุป สู่...เส้นทางเศรษฐี การได้เกิดเป็นคนนั้นนับว่าเป็นที่เรื่องยาก เกิดมาแล้วยัง โชคดีมีโอกาสได้พบกับพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ถือว่า เป็นผู้ที่มีบุญเก่ามาดีมากอยู่แล้ว ฉะนั้นหนทางที่จะก้าวสู่แท่น ของมหาเศรษฐีนั้น “ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน” ขอเพียง ทำทานให้ถูกหลักตามที่กล่าวมาแล้ว ทำอย่างต่อเนื่อง จริงจัง ไม่หวั่นไหว ท้อแท้ หมดกำลังใจในการทำความดีไปเสียก่อน ให้ เชื่อมั่นในผลของบุญ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ดังตัวอย่างของยอด นักสร้างบารมี ที่สร้างมหาทานบารมีแล้วประสบอานุภาพบุญ “รวย” อัศจรรย์ทันใชัในชาติปัจจุบัน ทำจริง ดีจริง รวยจริง • เด็กสลัม สู่มหาเศรษฐี ด้วยวิถีแห่งบุญ ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ เรียนจบปริญญาตรี วิศวกรรมไฟฟ้า จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย MBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอเมริกันโคสต์ไลน์ เป็นนักธุรกิจไทย รุ่นแรกที่ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ให้เข้าร่วมงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในโปรแกรม “Distinguished Senior Executive Program in Government and Business” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าของและผู้จัดการใหญ่ของ หจก. เนเจอร์กิฟโปรดัคส์ ผู้ผลิตเครื่องดื่มลดความอ้วนและบำรุง สุขภาพปรุงสำเร็จ เช่น กาแฟ โกโก้ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในท้องตลาดขณะนี้ “ตั้งแต่ผมเกิดมาก็ไม่เคยรู้จักเลยว่าความสบายมันเป็น อย่างไร เห็นแต่ภาพที่คุณพ่อต้องหาบก๋วยเตี๋ยวแคะขาย ทำ กับข้าวขาย คุณแม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก ตื่นตั้งแต่ตี ๔ ครึ่ง รีบไปเข้าคิวหาบน้ำคันโยกสาธารณะกลับมาไว้ใช้ในบ้าน ผมต้อง ไปรับผ้าจีวรจากสี่แยกวัดตึกมาให้คุณแม่เย็บที่บ้านถึงดึกดื่นเที่ยง คืนทุกวัน และผมเองก็ต้องหารายได้มาเรียนหนังสือ โดยวิ่งขายเรียง เบอร์ ไปรับขนมจากปากคลองตลาดมาขาย ตอนสายก็ไปรับ ไอศกรีมแท่งใส่ถังแบกจากแยกวังแดงมาขายเพื่อนๆ ในสลัม จน กระทั่งผมจบ ป.๔ ผมอยากเรียนต่อมาก แต่คุณแม่ไม่ให้เรียน เพราะไม่มีเงินส่ง ผมจึงแอบไปสอบเข้า จนติดที่โรงเรียนวัดสระเกศ โดยขอร้องให้แม่ของเพื่อนเซ็นชื่อเป็นผู้ปกครองแทนให้ ทำให้ผมได้ เรียนจนถึงมัธยมปลาย ซึ่งโชคก็เข้าข้าง...ผมได้รับทุนเรียนดี แม้ชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้.. ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ หรือน้อยใจใน
  • 15. 28 29 โชคชะตา อีกทั้งผมยังเป็นคนชอบศึกษาธรรมะเข้าวัดมาตั้งแต่ยัง เด็ก ชอบฟังพระเทศน์ ชอบอ่านธรรมะ อ่านเรื่องนรก สวรรค์ จึง ทำให้มีอัธยาศัยชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ทำจนหมดเกลี้ยงทุกครั้ง เรียกว่ามีเท่าไรก็ทำจนหมด โดยไม่คิดเสียดาย ก็ตอบไม่ได้เหมือน กันว่าทั้งๆ ที่ผมจน แต่ทำไมมีนิสัยชอบทำบุญจนหมดตัวตั้งแต่เด็ก รู้แต่ว่าทำแล้วสบายใจ มีความสุข ตอนเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ผมมีเงินทานอาหารกลางวันได้แค่ ข้าวแกง ๑ จาน ต้องเดินกลับมาดื่มน้ำก๊อกฟรีบนอาคาร ไม่เคยได้ กินขนมเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เลย ผมต้องช่วยอาจารย์ทำวิจัย ไปด้วย เพราะทำให้ผมมีเงินมาจ่ายค่าเทอม ช่วงที่ผมใกล้จบยิ่งขัดสนเงินมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่ถูกไล่ ที่ทำกิน เนื่องจากหมดสัญญาเช่า ทำให้ต้องย้ายไปขายกับข้าวที่ ใหม่ แต่ขายไม่ได้เลย ทำให้ทุกคนในบ้านเครียดกันมาก แต่ก็นับว่า โชคยังเข้าข้าง หลังจากเรียนจบเพียง ๑ สัปดาห์ ก็ได้งานที่การ ไฟฟ้านครหลวงทันที ผมทำงานที่การไฟฟ้าอยู่เพียงระยะหนึ่ง ก็ลา ออกไปหาประสบการณ์กับบริษัทเอกชน อีก ๒ บริษัท แล้วจึงออก มาตั้งบริษัทของตัวเองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งก็เต็มไปด้วยอุปสรรค มากมาย ผมดำเนินธุรกิจอย่างกระท่อนกระแท่นมาตลอด เปลี่ยน ธุรกิจมาหลายอย่าง ชีวิตผมเป็นเช่นนี้จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ มีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนผมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดพระธรรมกาย ตารางวาละ ๖๒.๕๐ บาท เขาบอกว่าส่วนของเขาเหลืออยู่ ๑๐ ตารางวา ผมบอกเหมาหมดเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าทำน้อยไปเพราะ อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ และรถคันโตๆ จึงเดินทางมาที่วัดและทำ บุญเพิ่มอีก ๑๐๐ ตารางวา รวมเป็น ๑๑๐ ตารางวา และด้วยบุญ จากการซื้อที่ดินเพียง ๑๑๐ ตารางวานี้เอง เป็นเรื่องแปลกมากที่ ธุรกิจเครื่องฟอกอากาศของผมขายดีจนมียอดขายสูงเป็นอันดับ ๑ ของประเทศ ในขณะนั้น สามารถซื้อทาวน์เฮ้าส์ ๓๖ ตารางวา หลังแรกในชีวิต ตามด้วยบ้านเดี่ยวริมทะเลสาบ เนื้อที่ ๒๓๖ ตารางวา และที่ดินในสนามกอล์ฟ ๒ แห่ง เนื้อที่รวมกันกว่า ๕ ไร่ ตลอดจนได้ที่สร้างโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศอีก ๒๒๔ ตารางวา สามารถซื้อที่ดินที่จังหวัดลพบุรีได้อีก ๕๐๐ ไร่ มูลค่านับร้อยล้านบาท อีกทั้งมีรถยุโรป VOLVO, BMW Series 7 ใช้สมปรารถนา ต่อมาผมคิดจะทำธุรกิจตัวใหม่เพิ่ม คือ ทำโครงการขาย ที่ดิน ผมและภรรยาลงทุนลงแรงไปมาก จนเกิดภาวะเงินจม ผม ต้องรุสต๊อกเครื่องฟอกอากาศหลายร้อยเครื่อง และเครื่องกรองน้ำ เกือบ ๔,๐๐๐ ชุด ได้เงินมาหลายล้านบาท ก็เอามาลงทุนต่อ ช่วง นั้นเราตกอยู่ในสภาพแย่มากๆ หนี้สินทับทวีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง ๕๕ ล้านบาท ธนาคารโทรมาทวงแล้ว ทวงอีก ต้องยอมให้ธนาคารยึดทรัพย์สิน และที่ดินที่มีอยู่บางส่วนเพื่อหักหนี้ ผม ลองผิดลองถูก ทำหลายอย่างโดยไม่ลด ความพยายาม กระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๕ ได้ ทำอาหารเสริมบรรจุแคปซูลขาย ภายใต้ ชื่อตราว่า เนเจอร์กิฟ ตอนนั้นขายไม่ดี
  • 16. 30 31 เลย เราจึงหันมาทำธุรกิจ MLM และเอาอาหารเสริมทีี่เราทำมา ผันเป็นธุรกิจ MLM แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมจึงยกเลิก ระบบ MLM มาเป็นขายผ่านตัวแทน และเปลี่ยนสินค้ามาเป็นกาแฟ ตอนนั้น..ธนาคารโทรมาทวงหนี้ตลอด ช่วงที่เราประสบวิกฤตหนัก แบบนี้ มีกัลยาณมิตรที่มาวัดพระธรรมกายได้มาเยี่ยมให้กำลังใจเรา บ่อยๆ มาเล่าธรรมะให้ฟัง มาชวนเราทำบุญ ขับรถพาผมและ ภรรยามาวัดอยู่เสมอ จึงเป็นเหตุให้ครอบครัวเรากลับมาเข้าวัด มา ปฏิบัติธรรมและเร่งสร้างบุญกันอีกครั้ง เมื่อ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ผมลองไปเปิดตัวผลิตภัณฑ์ กาแฟที่งานเกษตรแฟร์ ที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน งานนี้เรา ขาดทุนไปหลายหมื่นบาท แต่โชคดีที่บรรดาสื่อมวลชนให้ความ สนใจกาแฟของเรา นำไปออกข่าว ลงในนิตยสารหลายฉบับ ทำให้ ธุรกิจเราเริ่มเป็นที่รู้จัก และขายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถ ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง แล้วเราก็มีเงินมาทำบุญมากขึ้น และได้ ตัดสินใจยกที่ดินที่จังหวัดลพบุรีถวายแด่หลวงพ่อธัมมชโย ปัจจุบัน ที่ดินผืนนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นศูนย์อบรมเยาวชน จังหวัดลพบุรี สามารถจัดอบรมพระภิกษุ สามเณร สาธุชน ได้ครั้งละ ๒,๐๐๐ คน ซึ่งเป็นความปลื้มใจและภูมิใจของครอบครัวเรามากๆ จากนิสัยที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือ ทำบุญง่าย ทำ ก่อนโดยไม่ต้องมีใครมาชวน ถ้ามีเงินเป็นต้องทำบุญจนหมด กระเป๋า บุญได้ส่งผลให้ธุรกิจใหม่ของเราดีวันดีคืนขึ้นอย่างไม่ น่าเชื่อ มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงจนผลิตไม่ทัน ทำให้ธุรกิจกาแฟ จาก เดิมผลิตเพียงวันละ ๑,๐๐๐ ซอง ต่อมาต้องขยายที่ผลิตเพิ่ม เพื่อ ให้ทันต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาด หลังจากถวายที่ดิน มูลค่ามหาศาลไปได้ไม่นาน ผมก็สามารถเปิดโรงงาน DK1 ได้สำเร็จ ใช้งบไป ๑๘ ล้านบาท และสามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้หมดก่อน กำหนดถึง ๑ ปี ๖ เดือน เคยมีคนว่าผมว่า ทำบุญมาก็เยอะ แต่อยู่ๆ ต้องมาเจอ วิกฤต เคยคิดไหมว่าทำไมบุญไม่ช่วย? ผมไม่คิดว่าบุญไม่ช่วยนะ แต่ผมคิดว่าเรามีบุญไม่พอ เพราะ จากเดิมเรามีภาวะการเงินที่ไม่เดือดร้อนแต่ เราประสบปัญหาเพราะเราคิดทำธุรกิจ ตัวใหม่เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ อาจเป็น ไปได้ว่าเรามีกำลังบุญไม่เพียงพอ ธุรกิจเรากำลังขยาย หากเรามีบุญ น้อยขยายใหญ่ไปก็ไปไม่รอดอีก เพราะ เรามีกำลังบุญไม่พอที่จะรองรับสมบัติที่ กำลังจะเกิดขึ้น แต่หากเราทำมากๆ ทำสุดๆ บุญเราก็จะมากและ เพียงพอ ที่จะรองรับธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้น ซึ่งมันก็จริงๆ พอผม ทำบุญใหญ่ทีไร บุญก็ส่งผลเกิดคาดอย่างที่เห็น เราทำบุญง่ายๆ ทำก่อน ทำโดยที่ไม่ต้องมีใครมาชวน ทำให้ถูกเนื้อนาบุญ ทำ อย่างต่อเนื่อง ทำแล้วก็ต้องปลื้ม ทำแล้วเพิ่มเป้ากว่าที่ตั้งใจไว้
  • 17. การเพิ่มเป้านี่มันแปลกนะ อย่างกฐินปีที่แล้วผมตั้งใจอย่างสุดกำลัง แต่พอมีเงินเข้ามาในธุรกิจ ก็ตัดสินใจเพิ่มเป้า พอมาปีนี้บุญส่งผล ทำให้ธุรกิจผมเติบโตแบบทวีคูณมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ เติบโตเร็ว มากถึง ๑๐๐% จนเราต้องเปิดโรงงาน DK2 ใช้งบไป ๒๐๐ ล้าน เพื่อผลิตให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ต่อมาระยะเวลาห่างกัน เพียงแค่เดือนหนึ่ง เราก็เริ่มก่อสร้างโรงงาน DK3 ซึ่งจะใช้งบอีก ๕๐๐ ล้าน และเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ธุรกิจ ของผมเติบโตขึ้นอย่างพรวดพราดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ธุรกิจทั่วๆ ไป ขยายตัวอย่างมากก็ ๕-๑๐% ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บางธุรกิจ อาจเจ๊งไปเลย และที่สำคัญธุรกิจของเรายังได้เงินสดเข้ามาตลอด เพราะธุรกิจของเราไม่มีการขายแบบเครดิตทำให้เรามีสภาพคล่อง การเงินสูง สามารถหมุนเวียนในการขยายธุรกิจได้เร็วซึ่งเป็นการ กระทำที่ยากมากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แปลกเหมือนกันว่า ทำไมเราทำได้ ด้วยอานุภาพแห่งบุญ ปัจจุบันทำให้ผลิตภัณฑ์ ก้าวไปสู่ ตลาดโลกได้อย่างอัศจรรย์ คือได้รับ อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและยา กว่าจะผ่านการรับรอง อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกาต้องใช้ขั้นตอนและระยะเวลาเป็น ปีๆ แต่เนเจอร์กิฟ ใช้เวลาเพียง ๔๕ วัน ก็ผ่านการรับรอง จนได้ อย.และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ในขณะนี้ 9วิธี ก้าวสู่เส้นทางมหาเศรษฐี ฉบับบุญกฐิน ISBN : 978-974-314-725-8 จัดทำโดย : ชมรมผู้รักบุญ พิมพ์ที่ : โอ เอส พริ้นติ้ง วันที่พิมพ์ : ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒