SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 21
การนาเสนอ
การนาเสนองาน เป็นการสื่อสารเพื่อนาเสนอข้อมูล ความรู้
ความคิดเห็น ความต้องการไปยังผู้ฟังหรือผู้รับสาร โดยใช้
วิธีการ เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจตาม
เจตนาหรือวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร (ผู้นาเสนอ) และ
เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีความ
เจริญก้าวหน้า ทาให้รูปแบบการนาเสนองานในปัจจุบันมี
ความแตกต่างจากสมัยก่อน ผู้นาเสนองานจึงต้องเลือก
รูปแบบการนาเสนอ เลือกประเภทของซอฟต์แวร์เพื่อสร้าง
งานนาเสนอ รวมทั้งเลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยในการ
นาเสนอ ปฏิบัติตามกระบวนการนาเสนอ อันประกอบด้วย
1) ทาความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นหรือเรื่องราวที่จะนาเสนอ
2) การเตรียมและรวบรวมข้อมูล
3) การจัดทาสื่อเพื่อนาเสนอ
4) การตรวจสอบและฝึกซ้อมการนาเสนอ
5) การนาเสนอ เพื่อนาไปสู่การนาเสนอที่ประสบความสาเร็จ
วัตถุประสงค์ในการนาเสนองาน
วัตถุประสงค์ของการนาเสนองานคือ การนาเสนองาน (Presentation) เป็นทักษะที่มี
ความสาคัญอย่างยิ่งสาหรับพนักงานทุกๆระดับในองค์กร เช่น พนักงานขายในบริษัทบางแห่ง
ต้องใช้ทักษะการนาเสนองานอยู่เสมอในระหว่างขั้นตอนการขาย ไม่ว่าจะเป็นการนาเสนองาน
เพื่อแนะนาองค์กร เพื่อนาเสนอคุณลักษณะและคุณประโยชน์ของสินค้าและบริการ รวมไปถึง
การสาธิตวิธีการใช้งาน นอกจากนั้น การนาเสนองานยังนามาใช้ภายในองค์กร เพื่อแจ้งข้อมูล
ข่าวสาร หรือ ขอความร่วมมือในโครงการต่างๆ
การนาเสนองานที่ประสบความสาเร็จนั้น
เกิดขึ้นจากองค์ประกอบ 3 ประการด้วยกัน
1) การกาหนดวัตถุประสงค์และวิเคราะห์ผู้ฟัง
2) การวางโครงสร้างเนื้อหาการนาเสนอ
3) วิธีการนาเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการวิเคราะห์ผู้ฟัง ซึ่งหมายถึง การ
วิเคราะห์ความต้องการ ความสนใจ หรือความกังวลใจของผู้ฟัง รวมถึงความเข้าใจใน
สไตล์ ความชอบของผู้ฟัง เพื่อให้สามารถออกแบบโครงสร้างและเนื้อหาการนาเสนอที่มี
ความเหมาะสม สอดคล้องและโดนใจผู้ฟัง
ผู้ฟัง
ในการฟังเรื่องใด ๆ ก็ตาม ผู้ฟังควรตั้งจุดมุ่งหมาย ในการฟัง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลัก 3 ประการ คือ
1) ฟังเพื่อความรู้ ได้แก่ การฟังเรื่องราวที่เป็นวิชาการ ข่าวสารและข้อแนะนาต่าง ๆ การฟัง
เพื่อความรู้ จาเป็นต้องฟังให้เข้าใจและจดจาสาระสาคัญให้ได้
2) ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน คือ การฟังเรื่องราวที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ทาให้ผ่อนคลาย
ความตึงเครียดจากภารกิจการงานและสิ่งแวดล้อม
3) ฟังเพื่อให้ได้รับคติหรือความจรรโลงใจ คือ การฟังเรื่องที่ทาให้เกิดแนวคิด และ
สติปัญญา เกิดวิจารณญาณ ขัดเกลาจิตใจให้มีคุณธรรม การฟังประเภทนี้ต้องรู้จักเลือกฟัง และ
เลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกที่ควรซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟัง มีคติในการดาเนินชีวิตไปในทางดีงาม และรู้จัก
สร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม
การฟังทั้ง 3 ประการ อาจรับฟังได้จากสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ การ
ประชุม ปาฐกถา ฯลฯ นอกจากนี้การฟังในแต่ละครั้ง ผู้ฟังอาจได้รับประโยชน์ทั้ง 3 ด้าน หรือด้าน
ใด ด้านหนึ่ง เฉพาะด้านซึ่งเป็นการฟังเพื่อประโยชน์ของตนเอง
ผู้นาเสนองาน
ในการนาเสนอด้วยวาจา คุณสมบัติอันเป็นลักษณะประจาตัวของผู้นาเสนอ ถือได้ว่า
เป็นส่วนสาคัญของความสาเร็จในการนาเสนอ เพราะคุณสมบัติของผู้นาเสนอจะมี
อิทธิพลต่อการโน้นน้าวชักจูงให้เกิดความสนใจ ความไว้วางใจ เชื่อถือ และการยอมรับ
ได้มาก เท่ากับหรือมากกว่าเนื้อหาที่นาเสนอ
ผู้นาเสนอที่ประสพความสาเร็จส่วนใหญ่ จะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. มีบุคลิกดี
2. มีความรู้อย่างถ่องแท้
3. มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจ
4. มีความเชื่อมั่นในตนเอง
5. มีภาพลักษณ์ที่ดี
6. มีน้าเสียงชัดเจน
7. มีจิตวิทยาโน้นน้าวใจ
8. มีความสามารถในการใช้โสตทัศนอุปกรณ์
9. มีความช่างสังเกต
10. มีไหวพริบปฏิภาณในการคาถามดี
ข้อมูลที่ใช้ในการนาเสนองาน
เนื้อหาที่จะนาเสนอ เป็นส่วนของสาระสาคัญในการนาเสนอในหลักการทั่วไป จะต้องมี
ความสมบูรณ์ครบถ้วน ชัดเจน กะทัดรัด กระชับความ มีลักษณะเฉพาะเจาะจง และ
ถูกต้อง เนื้อหาต้องจัดเป็นหมวดหมู่ เรียงลาดับไม่สับสน อย่างระมัดระวัง ทั้งจะต้อง
คานึงถึงหลักการเฉพาะของการนาเสนอดังนี้
1. ต้องคัดเลือกเนื้อหาที่น่าสนใจ ในแง่ของผู้รับการนาเสนอ มิใช่เป็นความต้องการ
ของผู้เสนอฝ่ายเดียว เพราะเท่ากับเป็นการยัดเยียดเนื้อหาที่ทาความอึดอัดราคาญ ให้แก่ผู้รับการนาเสนอ
2. ต้องจัดทาร่างเนื้อหาตามโครงสร้างให้มีความยาวของเรื่องเหมาะแก่ระยะเวลาใน
การนาเสนอ
3. ต้องเรียบเรียงเรื่องด้วยการลาดับ ให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นเอกภาพ อย่าให้เกิด
ความขัดแย้งกัน
4. ต้องแปลงข้อมูลให้เป็นที่เข้าใจง่าย สามารถรับรู้และทาความเข้าใจได้รวดเร็ว
5. ต้องแสดงให้เห็นความสาคัญ หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากข้อคิดเห็นที่นาเสนอ
ในทุกด้าน ด้วยเหตุผล หลักฐานอ้างอิงต่างๆครบถ้วน
6. ต้องระวังการที่จะเชื่อมโยงเหตุผลจากข้อเสนอหนึ่งไปสู่ข้อเสนออีกข้อหนึ่ง ต้อง
ให้สอดคล้องและกลมกลืนกัน
7. ต้องเรียบเรียงเนื้อหาให้สามารถติดตามได้สะดวก และง่ายแก่ความเข้าใจ ตามขั้น
ตอนของเรื่อง หรือตามหมวดหมู่ของเรื่อง หรือตามระยะเวลา หรือตามเหตุการณ์ หรือตามสาเหตุ และ
ผล หรือตามความสาคัญของเรื่อง
กระบวนการในการนาเสนองาน
1.ศึกษาวัตถุประสงค์ในการนาเสนอเพื่อให้นาเสนอได้ตรงประเด็น กระชับ และรูว่าต้องมีข้อมูลในกานนาเสนอมากน้อยเพียงใด
2.วิเคราะห์และเข้าใจกลุ่มเป้ าหมาย เป็นการศึกษาเข้าใจธรรมชาติของกลุ่มเป้ าหมายที่เป็นผู้รับการนาเสนอ โดยมีแนวการศึกษา
กลุ่มเป้ าหมายที่ได้รับการนาเสนอ ดังนี้
1) กลุ่มเป้ าหมายคือใคร เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นาเสนออย่างไร
2) แนวความคิดและประสบการณ์ของกลุ่มผู้ฟัง
3) ความคาดหวังของกลุ่มผู้ฟัง
4) ระดับความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในเนื้อหาที่นาเสนอของกลุ่มผู้ฟัง
5) ภูมิหลังหรือเรื่องราวที่อาจมีอิทธิพลต่อกลุ่มผู้ฟัง
6) ทัศนคติและสิ่งที่ผู้ฟังรับรู้เกี่ยวกับผู้นาเสนอ
7) ข้อมูลอื่นๆ เช่น จานวนผู้ฟัง ช่วงเวลาในการนาเสนอ ระยะเวลาที่ใช้ในการนาเสนอ ลาดับการนาเสนอ สถานที่ประชุม
3. วางแผนการนาเสนอ เป็นการเตรียมเนื้อหาที่จะสื่อให้กลุ่มเป้ าหมายได้รับข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และควรกาหนดขอบเขตเนื้อหาที่
กลุ่มเป้ าหมายควรรู้
4.ผลิตสื่อประกอบการนาเสนอ จะช่วยให้กลุ่มเป้ าหมายมองเห็นภาพรวมของข้อมูลและติดตามเนื้อหาได้ทัน
5.เตรียมบุคลิกภาพขณะนาเสนอ บุคลิกภาพที่ดีเป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้เกิดความมั่นใจในขณะพูดทาให้ผู้ฟังประทับใจและสนใจติดตาม
บุคลิกภาพขณะนาเสนอที่ควรทามี ดังนี้
1) ภาษา ต้องเหมาะสมกับระดับวัย การศึกษาของกลุ่มเป้ าหมาย สื่อความเข้าใจได้ดี
2) การใช้เสียง ควรใช้เสียงให้เป็นธรรมชาติ ระดับเสียงดังสม่าเสมอ
3) การใช้สายตา เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คน และควรสบตาให้ทั่วถึง
4) การแต่งกาย เป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาผู้คน สามารถบ่งบอกถึงบุคลิกภาพ นิสัย และทาให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจและน่าเชื่อถือ
หลักการนาเสนอที่ดี
1) การดึงดูดความสนใจ
โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น เมื่อชมการนาเสนอ ดังนั้นการ
เลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ สี และขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม
2) ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา
ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่
ต้องการสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบ มีประโยชน์มาก ดังคาพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า "A picture is worth a
thousand words" หรือ "ภาพภาพหนึ่งนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคาพูดหนึ่งพันคา" แต่ประโยคนี้คงไม่เป็นจริงหากภาพนั้น
ไม่มีความสัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพใดประกอบ จึงควรตอบ
คาถาม ให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไรและภาพที่เลือกมานั้นสามารถทาหน้าที่สื่อความหมาย
เช่นนั้นจริงหรือไม่
3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้ าหมาย
การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้องคานึงถึงกลุ่มเป้ าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้ าหมายเป็นเด็ก การใช้สีสด ๆ และ
ภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้ากลุ่มเป้ าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นาเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสัน
มากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจทาให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการเอาจริงเอาจังไป
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนาเสนองาน
อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศในการนาเสนองาน
1. เครื่องเสียงและเครื่องขยายเสียง
ใช้ในการบันทึกเสียงหรือกระจายเสียง ในการนาเสนอรูปแบบของการบรรยาย
2. เครื่องคอมพิวเตอร์
จัดเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว ซึ่งสามารถนามาใช้ในการนาเสนอได้อย่างดี
และมีประสิทธิภาพสูง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ คอมพิวเตอร์จึงสามารถ
นาเสนอข้อมูลได้ทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ซอฟต์แวร์ในการประมวลผล และนาเสนอ
ผ่านอุปกรณ์แสดงผลและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ
3. โปรเจ็คเตอร์(Projector)
Projector เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่ใช้ในการนาเสนอ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีซีดี
เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่องกาเนิดภาพอื่น ๆ แล้วแสดงผล ขยายขนาดบนจอรับภาพ ช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น เหมาะสาหรับ
การนาเสนอข้อมูลในห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าประชุมมองเห็นภาพหรือข้อความได้อย่างชัดเจน
4. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer)
เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิตอลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้
เลยโดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสาหรับใช้ในการนาเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู อาจารย์ นักขาย ใช้ในการนาเสนอภาพนิ่งได้ดีกว่าภาพเคลื่อนไหว
แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นมีความคมชัด มีสีสันที่สดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทางานด้วย การควบคุมการทางานทาได้โดยใช้รีโมต
เครื่องพิมพ์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์สามารถพิมพ์ได้ทั้งสี และขาวดา สามารถพิมพ์ข้อความและรูปภาพได้ โดยผ่านทางโปรแกรม
คอมพิวเตอร์
5. เครื่องพิมพ์ (Printer)
6. กล่องถ่ายรูปดิจิตัล
(Digital Camera)
เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลงใน
หน่วยความจา (Memory) ที่อยู่ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทาได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจาลงบนเครื่องพิมพ์
หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือ
เพิ่มรูปแบบก็สามารถทาได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ก็สามารถใช้หน่วยความจาเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฟิล์ม
7.รีโมท (Remote Mouse)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมการนาเสนอข้อมูลในรูปแบบของอุปกรณ์ไร้สาย
โดยกดผ่านเมาส์ที่เป็นรีโมทของเครื่องฉายภาพแทนการกดที่เครื่องคอมพิวเตอร์
8.เมาส์ปากกา (Mouse Pen / Tablet Pen / Graphic Tablet)
จัดเป็นอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลในลักษณะปากกา ที่สามารถใช้เขียนหรือคลิกบนซอฟแวร์ต่าง ๆ
เมาส์ปากกาสามารถวาดเส้นได้อย่างอิสระมากกว่าเมาส์ธรรมดา ทาให้เหมาะสมกับการทางานด้านกราฟิกและยังสามารถใช้งานร่วม
กับระบบปฏิบัติการได้หลายระบบปฏิบัติการ ร่วมถึงการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งานด้านกราฟิกอย่างเช่น Adobe
โดยอุปกรณ์เหล่านี้สามารถติดตั้งได้ง่าย ผ่านพอร์ต USB
9.เลเซอร์พอยต์เตอร์ (Laser Pointer)
เป็นอุปกรณ์ที่ชี้ตาแหน่งด้วยแสงเลเซอร์ไปยังงานนาเสนอ ทาให้การนาเสนองานมีความชัดเจนมากขึ้น สามารถชี้สิ่งที่กาลังจะนาเสนอ
ให้ผู้รับสารเห็นได้อย่างชัดเจน โดยในปัจจุบันเลเซอร์พอยต์บางรุ่นบรรจุความสามารถของรีโมทในการเลื่อนหน้าจอ
สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel, Power Point, PDF, Internet Explorer,
Mozilla Firefox และโปรแกรมอื่น ๆ
ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการนาเสนองาน
อ้างอิง
• https://sites.google.com/site/home12hh/
• http://bigbangthemyfriand.blogspot.com/2013/02/3.html
• https://sites.google.com/site/sipoopppppppo/home
• http://www.krukaewta.net/web1/ng23101/unit3/u3_har
dware_help_present.html
• http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?b
ookID=667&pageid=1&read=true&count=true
Work1m34 14-21

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ Saranporn Rungrueang
 
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงานใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงานTarinee Bunkloy
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานMs's BeLl
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานtanachot1898
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศWaris's Icream
 
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอ
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอM.3/4 NO.25,26 การนำเสนอ
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอchaya fam
 
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองานtanachot1898
 
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองานความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองานFair Kung Nattaput
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานMay Saksit
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานpoomstan
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt
 การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt  การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt Bammie Juppu
 
Work1 m33no1-5
Work1 m33no1-5Work1 m33no1-5
Work1 m33no1-5Oat&Nile .
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศการนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศAnuchata Aumpaikul
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานPaloy Jiraphong
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Cedric Jakkapat
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานnakornx123
 

Was ist angesagt? (20)

การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงานใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
ใบความรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอ
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอM.3/4 NO.25,26 การนำเสนอ
M.3/4 NO.25,26 การนำเสนอ
 
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนองาน
 
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองานความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน
 
การออกแบบสื่อนำเสนอ
การออกแบบสื่อนำเสนอการออกแบบสื่อนำเสนอ
การออกแบบสื่อนำเสนอ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt
 การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt  การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ.Ppt
 
สื่อและอุปกรณ์ในการนำเสนอ
สื่อและอุปกรณ์ในการนำเสนอสื่อและอุปกรณ์ในการนำเสนอ
สื่อและอุปกรณ์ในการนำเสนอ
 
Work1 m33no1-5
Work1 m33no1-5Work1 m33no1-5
Work1 m33no1-5
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศการนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
Work1 m32no5,6
Work1 m32no5,6Work1 m32no5,6
Work1 m32no5,6
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
Work1 M33 No31-34
Work1 M33 No31-34Work1 M33 No31-34
Work1 M33 No31-34
 

Ähnlich wie Work1m34 14-21

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานYanisa Tean
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศการนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศSaranporn Rungrueang
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานJump Takitkulwiwat
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1Cedric Jakkapat
 
สื่อการสอน
สื่อการสอนสื่อการสอน
สื่อการสอนWanidchaya Ongsara
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอLalin Boonchuay
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอLalin Boonchuay
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานThitikorn Mahawong
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานThitikorn Mahawong
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานThitikorn Mahawong
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานtanachot1898
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Sup's Tueng
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานMr-Settee
 

Ähnlich wie Work1m34 14-21 (20)

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศการนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1
 
สื่อการสอน
สื่อการสอนสื่อการสอน
สื่อการสอน
 
Work32 27-28
Work32 27-28Work32 27-28
Work32 27-28
 
Work1m33 41-45
Work1m33 41-45Work1m33 41-45
Work1m33 41-45
 
Work1m32 10 11
Work1m32 10 11Work1m32 10 11
Work1m32 10 11
 
การผลิตสื่อ
การผลิตสื่อการผลิตสื่อ
การผลิตสื่อ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอ
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
Work1m32 12-18-1
Work1m32 12-18-1Work1m32 12-18-1
Work1m32 12-18-1
 
Work1m34 37-38
Work1m34 37-38Work1m34 37-38
Work1m34 37-38
 
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
 
Work1m34 31,36
Work1m34 31,36Work1m34 31,36
Work1m34 31,36
 

Work1m34 14-21

  • 1.
  • 2. การนาเสนอ การนาเสนองาน เป็นการสื่อสารเพื่อนาเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น ความต้องการไปยังผู้ฟังหรือผู้รับสาร โดยใช้ วิธีการ เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจตาม เจตนาหรือวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร (ผู้นาเสนอ) และ เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีความ เจริญก้าวหน้า ทาให้รูปแบบการนาเสนองานในปัจจุบันมี ความแตกต่างจากสมัยก่อน ผู้นาเสนองานจึงต้องเลือก รูปแบบการนาเสนอ เลือกประเภทของซอฟต์แวร์เพื่อสร้าง งานนาเสนอ รวมทั้งเลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยในการ นาเสนอ ปฏิบัติตามกระบวนการนาเสนอ อันประกอบด้วย 1) ทาความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นหรือเรื่องราวที่จะนาเสนอ 2) การเตรียมและรวบรวมข้อมูล 3) การจัดทาสื่อเพื่อนาเสนอ 4) การตรวจสอบและฝึกซ้อมการนาเสนอ 5) การนาเสนอ เพื่อนาไปสู่การนาเสนอที่ประสบความสาเร็จ
  • 3. วัตถุประสงค์ในการนาเสนองาน วัตถุประสงค์ของการนาเสนองานคือ การนาเสนองาน (Presentation) เป็นทักษะที่มี ความสาคัญอย่างยิ่งสาหรับพนักงานทุกๆระดับในองค์กร เช่น พนักงานขายในบริษัทบางแห่ง ต้องใช้ทักษะการนาเสนองานอยู่เสมอในระหว่างขั้นตอนการขาย ไม่ว่าจะเป็นการนาเสนองาน เพื่อแนะนาองค์กร เพื่อนาเสนอคุณลักษณะและคุณประโยชน์ของสินค้าและบริการ รวมไปถึง การสาธิตวิธีการใช้งาน นอกจากนั้น การนาเสนองานยังนามาใช้ภายในองค์กร เพื่อแจ้งข้อมูล ข่าวสาร หรือ ขอความร่วมมือในโครงการต่างๆ การนาเสนองานที่ประสบความสาเร็จนั้น เกิดขึ้นจากองค์ประกอบ 3 ประการด้วยกัน 1) การกาหนดวัตถุประสงค์และวิเคราะห์ผู้ฟัง 2) การวางโครงสร้างเนื้อหาการนาเสนอ 3) วิธีการนาเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการวิเคราะห์ผู้ฟัง ซึ่งหมายถึง การ วิเคราะห์ความต้องการ ความสนใจ หรือความกังวลใจของผู้ฟัง รวมถึงความเข้าใจใน สไตล์ ความชอบของผู้ฟัง เพื่อให้สามารถออกแบบโครงสร้างและเนื้อหาการนาเสนอที่มี ความเหมาะสม สอดคล้องและโดนใจผู้ฟัง
  • 4. ผู้ฟัง ในการฟังเรื่องใด ๆ ก็ตาม ผู้ฟังควรตั้งจุดมุ่งหมาย ในการฟัง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลัก 3 ประการ คือ 1) ฟังเพื่อความรู้ ได้แก่ การฟังเรื่องราวที่เป็นวิชาการ ข่าวสารและข้อแนะนาต่าง ๆ การฟัง เพื่อความรู้ จาเป็นต้องฟังให้เข้าใจและจดจาสาระสาคัญให้ได้ 2) ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน คือ การฟังเรื่องราวที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ทาให้ผ่อนคลาย ความตึงเครียดจากภารกิจการงานและสิ่งแวดล้อม 3) ฟังเพื่อให้ได้รับคติหรือความจรรโลงใจ คือ การฟังเรื่องที่ทาให้เกิดแนวคิด และ สติปัญญา เกิดวิจารณญาณ ขัดเกลาจิตใจให้มีคุณธรรม การฟังประเภทนี้ต้องรู้จักเลือกฟัง และ เลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกที่ควรซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟัง มีคติในการดาเนินชีวิตไปในทางดีงาม และรู้จัก สร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม การฟังทั้ง 3 ประการ อาจรับฟังได้จากสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ การ ประชุม ปาฐกถา ฯลฯ นอกจากนี้การฟังในแต่ละครั้ง ผู้ฟังอาจได้รับประโยชน์ทั้ง 3 ด้าน หรือด้าน ใด ด้านหนึ่ง เฉพาะด้านซึ่งเป็นการฟังเพื่อประโยชน์ของตนเอง
  • 5. ผู้นาเสนองาน ในการนาเสนอด้วยวาจา คุณสมบัติอันเป็นลักษณะประจาตัวของผู้นาเสนอ ถือได้ว่า เป็นส่วนสาคัญของความสาเร็จในการนาเสนอ เพราะคุณสมบัติของผู้นาเสนอจะมี อิทธิพลต่อการโน้นน้าวชักจูงให้เกิดความสนใจ ความไว้วางใจ เชื่อถือ และการยอมรับ ได้มาก เท่ากับหรือมากกว่าเนื้อหาที่นาเสนอ ผู้นาเสนอที่ประสพความสาเร็จส่วนใหญ่ จะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1. มีบุคลิกดี 2. มีความรู้อย่างถ่องแท้ 3. มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจ 4. มีความเชื่อมั่นในตนเอง 5. มีภาพลักษณ์ที่ดี 6. มีน้าเสียงชัดเจน 7. มีจิตวิทยาโน้นน้าวใจ 8. มีความสามารถในการใช้โสตทัศนอุปกรณ์ 9. มีความช่างสังเกต 10. มีไหวพริบปฏิภาณในการคาถามดี
  • 6. ข้อมูลที่ใช้ในการนาเสนองาน เนื้อหาที่จะนาเสนอ เป็นส่วนของสาระสาคัญในการนาเสนอในหลักการทั่วไป จะต้องมี ความสมบูรณ์ครบถ้วน ชัดเจน กะทัดรัด กระชับความ มีลักษณะเฉพาะเจาะจง และ ถูกต้อง เนื้อหาต้องจัดเป็นหมวดหมู่ เรียงลาดับไม่สับสน อย่างระมัดระวัง ทั้งจะต้อง คานึงถึงหลักการเฉพาะของการนาเสนอดังนี้ 1. ต้องคัดเลือกเนื้อหาที่น่าสนใจ ในแง่ของผู้รับการนาเสนอ มิใช่เป็นความต้องการ ของผู้เสนอฝ่ายเดียว เพราะเท่ากับเป็นการยัดเยียดเนื้อหาที่ทาความอึดอัดราคาญ ให้แก่ผู้รับการนาเสนอ 2. ต้องจัดทาร่างเนื้อหาตามโครงสร้างให้มีความยาวของเรื่องเหมาะแก่ระยะเวลาใน การนาเสนอ 3. ต้องเรียบเรียงเรื่องด้วยการลาดับ ให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นเอกภาพ อย่าให้เกิด ความขัดแย้งกัน 4. ต้องแปลงข้อมูลให้เป็นที่เข้าใจง่าย สามารถรับรู้และทาความเข้าใจได้รวดเร็ว 5. ต้องแสดงให้เห็นความสาคัญ หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากข้อคิดเห็นที่นาเสนอ ในทุกด้าน ด้วยเหตุผล หลักฐานอ้างอิงต่างๆครบถ้วน 6. ต้องระวังการที่จะเชื่อมโยงเหตุผลจากข้อเสนอหนึ่งไปสู่ข้อเสนออีกข้อหนึ่ง ต้อง ให้สอดคล้องและกลมกลืนกัน 7. ต้องเรียบเรียงเนื้อหาให้สามารถติดตามได้สะดวก และง่ายแก่ความเข้าใจ ตามขั้น ตอนของเรื่อง หรือตามหมวดหมู่ของเรื่อง หรือตามระยะเวลา หรือตามเหตุการณ์ หรือตามสาเหตุ และ ผล หรือตามความสาคัญของเรื่อง
  • 7. กระบวนการในการนาเสนองาน 1.ศึกษาวัตถุประสงค์ในการนาเสนอเพื่อให้นาเสนอได้ตรงประเด็น กระชับ และรูว่าต้องมีข้อมูลในกานนาเสนอมากน้อยเพียงใด 2.วิเคราะห์และเข้าใจกลุ่มเป้ าหมาย เป็นการศึกษาเข้าใจธรรมชาติของกลุ่มเป้ าหมายที่เป็นผู้รับการนาเสนอ โดยมีแนวการศึกษา กลุ่มเป้ าหมายที่ได้รับการนาเสนอ ดังนี้ 1) กลุ่มเป้ าหมายคือใคร เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นาเสนออย่างไร 2) แนวความคิดและประสบการณ์ของกลุ่มผู้ฟัง 3) ความคาดหวังของกลุ่มผู้ฟัง 4) ระดับความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในเนื้อหาที่นาเสนอของกลุ่มผู้ฟัง 5) ภูมิหลังหรือเรื่องราวที่อาจมีอิทธิพลต่อกลุ่มผู้ฟัง 6) ทัศนคติและสิ่งที่ผู้ฟังรับรู้เกี่ยวกับผู้นาเสนอ 7) ข้อมูลอื่นๆ เช่น จานวนผู้ฟัง ช่วงเวลาในการนาเสนอ ระยะเวลาที่ใช้ในการนาเสนอ ลาดับการนาเสนอ สถานที่ประชุม 3. วางแผนการนาเสนอ เป็นการเตรียมเนื้อหาที่จะสื่อให้กลุ่มเป้ าหมายได้รับข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และควรกาหนดขอบเขตเนื้อหาที่ กลุ่มเป้ าหมายควรรู้ 4.ผลิตสื่อประกอบการนาเสนอ จะช่วยให้กลุ่มเป้ าหมายมองเห็นภาพรวมของข้อมูลและติดตามเนื้อหาได้ทัน 5.เตรียมบุคลิกภาพขณะนาเสนอ บุคลิกภาพที่ดีเป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้เกิดความมั่นใจในขณะพูดทาให้ผู้ฟังประทับใจและสนใจติดตาม บุคลิกภาพขณะนาเสนอที่ควรทามี ดังนี้ 1) ภาษา ต้องเหมาะสมกับระดับวัย การศึกษาของกลุ่มเป้ าหมาย สื่อความเข้าใจได้ดี 2) การใช้เสียง ควรใช้เสียงให้เป็นธรรมชาติ ระดับเสียงดังสม่าเสมอ 3) การใช้สายตา เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คน และควรสบตาให้ทั่วถึง 4) การแต่งกาย เป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาผู้คน สามารถบ่งบอกถึงบุคลิกภาพ นิสัย และทาให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจและน่าเชื่อถือ
  • 8. หลักการนาเสนอที่ดี 1) การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น เมื่อชมการนาเสนอ ดังนั้นการ เลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ สี และขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม 2) ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่ ต้องการสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบ มีประโยชน์มาก ดังคาพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า "A picture is worth a thousand words" หรือ "ภาพภาพหนึ่งนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคาพูดหนึ่งพันคา" แต่ประโยคนี้คงไม่เป็นจริงหากภาพนั้น ไม่มีความสัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพใดประกอบ จึงควรตอบ คาถาม ให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไรและภาพที่เลือกมานั้นสามารถทาหน้าที่สื่อความหมาย เช่นนั้นจริงหรือไม่ 3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้ าหมาย การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้องคานึงถึงกลุ่มเป้ าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้ าหมายเป็นเด็ก การใช้สีสด ๆ และ ภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้ากลุ่มเป้ าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นาเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสัน มากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจทาให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการเอาจริงเอาจังไป
  • 11. 2. เครื่องคอมพิวเตอร์ จัดเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว ซึ่งสามารถนามาใช้ในการนาเสนอได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพสูง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ คอมพิวเตอร์จึงสามารถ นาเสนอข้อมูลได้ทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ซอฟต์แวร์ในการประมวลผล และนาเสนอ ผ่านอุปกรณ์แสดงผลและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ
  • 12. 3. โปรเจ็คเตอร์(Projector) Projector เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่ใช้ในการนาเสนอ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่องกาเนิดภาพอื่น ๆ แล้วแสดงผล ขยายขนาดบนจอรับภาพ ช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น เหมาะสาหรับ การนาเสนอข้อมูลในห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าประชุมมองเห็นภาพหรือข้อความได้อย่างชัดเจน
  • 13. 4. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิตอลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้ เลยโดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสาหรับใช้ในการนาเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู อาจารย์ นักขาย ใช้ในการนาเสนอภาพนิ่งได้ดีกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นมีความคมชัด มีสีสันที่สดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทางานด้วย การควบคุมการทางานทาได้โดยใช้รีโมต
  • 15. 6. กล่องถ่ายรูปดิจิตัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลงใน หน่วยความจา (Memory) ที่อยู่ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทาได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจาลงบนเครื่องพิมพ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือ เพิ่มรูปแบบก็สามารถทาได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ก็สามารถใช้หน่วยความจาเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฟิล์ม
  • 17. 8.เมาส์ปากกา (Mouse Pen / Tablet Pen / Graphic Tablet) จัดเป็นอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลในลักษณะปากกา ที่สามารถใช้เขียนหรือคลิกบนซอฟแวร์ต่าง ๆ เมาส์ปากกาสามารถวาดเส้นได้อย่างอิสระมากกว่าเมาส์ธรรมดา ทาให้เหมาะสมกับการทางานด้านกราฟิกและยังสามารถใช้งานร่วม กับระบบปฏิบัติการได้หลายระบบปฏิบัติการ ร่วมถึงการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งานด้านกราฟิกอย่างเช่น Adobe โดยอุปกรณ์เหล่านี้สามารถติดตั้งได้ง่าย ผ่านพอร์ต USB
  • 18. 9.เลเซอร์พอยต์เตอร์ (Laser Pointer) เป็นอุปกรณ์ที่ชี้ตาแหน่งด้วยแสงเลเซอร์ไปยังงานนาเสนอ ทาให้การนาเสนองานมีความชัดเจนมากขึ้น สามารถชี้สิ่งที่กาลังจะนาเสนอ ให้ผู้รับสารเห็นได้อย่างชัดเจน โดยในปัจจุบันเลเซอร์พอยต์บางรุ่นบรรจุความสามารถของรีโมทในการเลื่อนหน้าจอ สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel, Power Point, PDF, Internet Explorer, Mozilla Firefox และโปรแกรมอื่น ๆ
  • 20. อ้างอิง • https://sites.google.com/site/home12hh/ • http://bigbangthemyfriand.blogspot.com/2013/02/3.html • https://sites.google.com/site/sipoopppppppo/home • http://www.krukaewta.net/web1/ng23101/unit3/u3_har dware_help_present.html • http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?b ookID=667&pageid=1&read=true&count=true