Weitere ähnliche Inhalte Ähnlich wie Chapter1 (20) Mehr von อัครเดช โพธิญาณ์ (20) Chapter12. โปรแกรมภาษา
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้ วยภาษาระดับต่าหรือ
ระดับสูง จะต้ องเปลี่ยนภาษานั้นให้ เป็ นภาษาเครื่อง เพื่อให้ เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทางานได้
โปรแกรมต้ นฉบับ (Source Program)
โปรแกรมที่เครื่องทางานได้ (Executable Program)
การเขียนโปรแกรมด้ วยแอสเซมบลี (ภาษาระดับต่า) เป็ นภาษาเครื่อง
ขั้นตอนการแปลงภาษาแอสเซมบลีเป็ นภาษาเครือง
่
3. โปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมด้ วยภาษาระดับสูงเป็ นภาษาเครื่อง
อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)
interpreter
คอมไพเลอร์ (Compiler)
compiler
ขั้นตอนการแปลภาษาโปรแกรม
4. ขันตอนพัฒนาโปรแกรม
้
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้ทางานได้ตามเราต้องการ ผูเ้ ขียน
่
โปรแกรมจะต้องรู ้วาจะให้โปรแกรมทาอะไร มีขอมูลอะไร และต้องการอะไร
้
จากโปรแกรม รวมทั้งรู ปแบบการแสดงผลด้วย โดยทัวไปจะมีข้ นตอนการ
่ ั
พัฒนาโปรแกรม ดังนี้
การกาหนดและวิเคราะห์ปัญหา
การเขียนผังงานและซูโดโค๊ด
การเขียนโปรแกรม
การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
การทาเอกสารและบารุ งรักษาโปรแกรม
5. แนะนาภาษาซี
ภาษาที่เป็ นโครงสร้ าง
คาสั่งประกอบด้ วยพจน์ (term) ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับนิพจน์ทางพีชคณิต
มีส่วนขยายเป็ นคาหลัก (keyword) ในภาษาอังกฤษ เช่น if, else, for, do และ while
สามารถใช้ งานในระดับต่า (low-level) ได้
สามารถใช้ กับงานด้ านโปรแกรมระบบ (system programming) เช่ น เขียนโปรแกรม
ระบบปฏิบตการ (operating system) หรือใช้ กบงานทั่ว ๆ ไป
ั ิ ั
สามารถย้ ายไปทางานในเครื่องอื่นได้
6. ประวัติภาษาซี
ภาษาซีพัฒนาขึ้นมาในปี 1970 โดย Dennis Ritchie แห่ ง Bell Telephone
Laboratories, Inc. (ปัจจุบันคือ AT&T Bell Laboratories)
ต้ นกาเนิดมาจากภาษา 2 ภาษา คือ ภาษา BCPL และ ภาษา B
ภาษาซีน้ันถูกใช้ งานอยู่ เพียงใน Bell Laboratories จนกระทั่งปี 1978 Brian
Kernighan และ Ritchie นั้นเป็ นที่ร้ ูจักกันในชื่อของ "K&R C"
ในกลางปี 1980 ภาษาซีกกลายเป็ นภาษาที่ได้ รับความนิยม
็
7. โครงสร้างโปรแกรมภาษาซี
void main(void)
Preprocessor directive
{
Global Declarations Local Declarations
main function Statements ;
User define functions }
int function ()
{
User define functions
Local Declarations
Statements ;
โครงสร้ างภาษาซีประกอบด้ วยหลายส่ วน แต่
ในการเขียนไม่ จาเป็ นจะต้ องเขียนทุกส่ วน }
8. การใช้ Preprocessor Directive
ทุกโปรแกรมต้องมี
ใช้เรี ยกไฟล์ที่โปรแกรมใช้ในการทางานร่ วมกัน
ั
ใช้กาหนดค่าคงที่ให้กบโปรแกรม
เริ่ มต้นด้วยเครื่ องหมาย #
ั
ที่เราจะใช้กนมี 2 directives คือ
#include ใช้สาหรับเรี ยกไฟล์ที่โปรแกรมใชในการทางาน
ั
#define ใช้สาหรับกาหนดมาโครที่ให้กบโปรแกรม
#include #define #undef #if
#ifdef #ifndef #else #elif
#endif #line #error #pragma
9. การใช้ #include
วิธีการใช้งาน
#include <ชื่อไฟล์> หรื อ #include ‚ชื่อไฟล์‛
ตัวอย่าง
#include <stdio.h> (เป็ นการเรี ยกใช้ไฟล์ stdio.h เข้ามาในโปรแกรม)
#include <mypro.h> (เป็ นการเรี ยกใช้ไฟล์ mypro.h เข้ามาในโปรแกรม)
< > จะเรี ยกไฟล์ใน directory ที่กาหนดโดยตัวคอมไพล์เลอร์
่
“ ” จะเรี ยกไฟล์ใน directory ทีทางานอยูในปั จจุบน
ั
10. การใช้ #define
วิธีการใช้งาน
#define ชื่อ ค่าที่ตองการ
้
ตัวอย่าง
#define START 10 (กาหนดค่า START = 10)
#define A 3*5/4 (กาหนดค่า A=3*5/4)
#define pi 3.14159 (กาหนดค่า pi = 3.14159)
#define sum(a,b) a+b
(กาหนดค่า sum(ตัวแปรที่1, ตัวแปรที่2) = ตัวแปรที่1+ตัวแปรที่2
11. ส่วนประกาศ (Global Declarations)
เป็ นการประกาศตัวแปรเพื่อใช้ งานในโปรแกรม โดยตัวแปรนั้นสามารถใช้ ได้ ในทุก
ที่ในโปรแกรม
เป็ นส่วนที่ใช้ ในการประกาศ Function Prototype ของโปรแกรม
ส่วนนี้ในบางโปรแกรมอาจจะไม่มีกได้ ็
ตัวอย่าง
int summation(float x, float y) ; (ประกาศ function summation)
int x,y ; (กาหนดตัวแปร x,y เป็ นจานวนเต็ม)
float z=3; (กาหนดตัวแปร z เป็ นจานวนจริ ง)
13. ฟั งก์ชนหลักของโปรแกรม (Main Function)
ั
ส่ วนนี้ ทุกโปรแกรมจะต้องมี โดยโปรแกรมหลักจะเริ่ มต้นด้วย main() และ
ตามด้วยเครื่ องหมายปี กกาเปิ ด ‘{’ และปี กกาปิ ด ‘}’
ระหว่างปี กกาจะประกอบไปด้วยคาสั่ง(Statement) ต่างๆ ที่ จะให้โปรแกรม
ทางาน
แต่ละคาสั่งจะต้องจบด้วยเซมิโคลอน ‘;’ (Semicolon)
#include <stdio.h>
Main()
{
...
Statement ;
}
14. ฟั งก์ชนหลักของโปรแกรม (Main Function)
ั
ตัวอย่าง
#include <stdio.h>
int feet,inches;
main()
{
feet = 6;
inches = feet * 12;
printf("Height in inches is %d",inches);
}
ผลการทางาน
Height in inches is 72
15. การสร้างฟั งก์ชนใช้งานเอง (User Define Function)
ั
สร้างฟังก์ชนหรื อคาใหม่ ขึ้นมาใช้งานตามที่เราต้องการ
ั
ระหว่างปี กกาจะประกอบด้วยคาสั่ง(Statement) ต่างๆ ที่จะให้ฟังก์ชนทางาน
ั
สามารถเรี ยกใช้ภายในโปรแกรมได้ทุกที่
#include <stdio.h>
int function()
main(void)
{
...
Statement ;
}
int function()
{
Statement ;
...
return (int value);
}
16. การสร้างฟั งก์ชนใช้งานเอง (User Define Function)
ั
ตัวอย่าง
#include <stdio.h>
int Feet2Inch(int);
int feet,inches;
main()
{
feet = 6;
inches = Feet2Inch(feet);
printf("Height in inches is %d",inches);
}
int Feet2Inch(int f)
{
return f*12; ผลการทางาน
} Height in inches is 72
17. การใช้คาอธิบาย (Program Comments)
ใช้เขียนส่ วนอธิ บายโปรแกรม (คอมเมนต์)
ช่วยให้ผศึกษาโปรแกรมภายหลังเข้าใจการทางานของโปรแกรม
ู้
ส่ วนของคาอธิ บายจะถูกข้ามเมื่อคอมไพล์โปรแกรม
การเขียนส่ วนอธิบายโปรแกรม (comments)ทาได้ 2 วิธีคือ
// สาหรับคาอธิบายไปจนถึงท้ายบรรทัด
และ
/* คาอธิบาย */ ลักษณะการใช้เหมือนวงเล็บนั้นเอง
18. การใช้คาอธิบาย (Program Comments)
ตัวอย่าง
#include <stdio.h> // Change Feet to Inches
main() // main function
{ // Start
int feet,inches;
feet = 6; // feet 6
inches = feet * 12; // inches feet * 12
printf("Height in inches is %d", inches);
// write inches
} // Stop
ผลการทางาน
Height in inches is 72
19. การใช้ printf()
เป็ นคาสั่งที่ใช้ในการแสดงผลออกทางจอภาพ โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้
printf(“control หรือ format string”, variable list …);
control หรือ format string
เป็ นส่ วนที่ ใ ส่ ข้ อ ความที่ จ ะแสดงผล และส่ วนควบคุ ม ลั ก ษณะการ
แสดงผล รวมทั้งบอกตาแหน่ งที่ตวแปรจะแสดงผล
ั
variable list
เป็ นตัวแปรที่ต้องการจะแสดงผล ในกรณี ที่ต้องการแสดงข้ อ ความ ไม่
จาเป็ นต้ องมีส่วนนี้
20. โปรแกรมที่ 1
สร้ าง folder ชื่อ source C
สร้ างไฟล์ hello.c โดยให้ พิมพ์คาว่า hello world
การใช้ งาน turbo c
F2 Save
Alt+F9 Compile
Ctrl+F9 Compile & Run
Alt+F5 Output
พิมพ์ช่ ือตัวเองเพิ่มอีกหนึ่งบรรทัด
23. การใช้ Control ด้วย Backslash
่
จากตัวอย่ างที่ 3 จะเห็นได้วาหากต้องการให้แสดงผลข้ามบรรทัดจะต้องเพิ่ม n
ลงไป เรี ยกว่า backslash นอกจากนี้ยงมีตวอื่นๆ เช่น
ั ั
n ขึ้นบรรทัดใหม่
t เว้นระยะ 1 tab
ใส่ ตวอักษร hh เมื่อ hh เป็ นเลขฐานสิ บหก
ั
xhh
เช่น 41 = 'A', 42 = 'B'
a ส่ งเสี ยงปิ้ บ
แสดง
" แสดง "
25. รหัสควบคุมลักษณะ (Format String)
%d พิมพ์จานวนเต็มฐานสิ บ
%u พิมพ์เลขไม่มีเครื่ องหมาย
%f พิมพ์เลขทศนิยม
%e พิมพ์ในรู ปจานวนจริ งยกกาลัง
%c พิมพ์ตวอักษรตัวเดียว
ั
%s พิมพ์ชุดตัวอักษร (String)
%% พิมพ์เครื่ องหมาย %
%o พิมพ์เลขฐานแปด
%x พิมพ์เลขฐานสิ บหก
27. การจัดการหน้าจอด้วยรหัสควบคุมลักษณะ
ในกรณี ที่ ต ้ อ งการจั ด การหน้ า จอแสดงผลสามารถใช้ ต ั ว เลขร่ วมกั น กั บ
รหัสควบคุมได้ เช่น
%5d หมายถึง แสดงตัวเลขจานวนเต็ม 5 หลักอย่างต่า
%5.2f หมายถึง แสดงตัวเลขจานวนจานวน 5 หลักอย่างต่า และ
ทศนิยม 2 ตาแหน่ง
ค่ า %d %5d ค่ า %f %5.2f
12 12 ___12 1.2 1.200000 _1.20
123 123 __123 1.234 1.234000 _1.23
1234 1234 _1234 12.345 12.345000 12.35
12345 12345 12345 123.456 123.456000 123.46
28. X in decimal = 65
X in octadecimal = 101
โปรแกรมที่ 2 X in Hexadecimal = 41
Y = 1.234
สร้ างไฟล์ print.c โดย Y = 1.23e+00
กาหนด #define ดังต่อไปนี ้
CH = %C
จานวนเต็ม X มีคา 65
่ SRW =
จานวนจริ ง Y มีคา 1.23456
่ “Sriboonrungwittayakar
n School”
ตัวอักษร CH มีคา ‘C’
่
ชุดตัวอักษร SRW มีคา ‚Sriboonrungwittayakarn School‛
่
พิมพ์คาต่างๆ ที่กาหนด ให้ แสดงผลดังรูป
่
29. การเก็บค่าในภาษา C
ทาได้ 2 ลักษณะ คือ
แบบค่าคงที่ (Constant)
แบบตัวแปร (Variable)
การสร้ างตัวแปร
ต้ องรู้ว่าจะใช้ ตัวแปรเก็บค่าอะไร
ประกาศตัวแปรให้ เหมาะสมกับค่าที่จะเก็บ
ชนิดของตัวแปรหลักในภาษา C
ตัวแปรที่ใช้ เก็บอักขระ (Character variable)
ตัวแปรที่ใช้ เก็บเลขจานวนเต็ม (Integer variable)
ตัวแปรที่ใช้ เก็บเลขจานวนจริง (Float variable)
31. ชนิดของตัวแปร
ขนาด
ประเภทข้ อมูล คาอธิบาย ค่ าที่เก็บได้
(ไบต์ )
char ตัวอักษร 1 ตัว -128 ถึง 127 1
short ตัวเลขจานวนเต็ม -128 ถึง 127 1
ตัวเลขจานวน
int เต็ม
-32768 ถึง 32767 2
long ตัวเลขจานวนเต็ม -232 ถึง 232-1 4
float ตัวเลขทศนิยม 3.4E+/-38 (7 ตาแหน่ง) 4
1.7E+/-308 (15
double ตัวเลขทศนิยม
ตาแหน่ง)
8
33. การประกาศตัวแปรพร้อมให้ค่าเริ่มต้น
ในภาษา C ประโยค (statement) ของการประกาศตัวแปร สามารถ
กาหนดค่าเริ่มต้ นให้ กบตัวแปรได้ ทนที
ั ั
โดยใช้ รูปแบบ ชนิดตัวแปร ชื่อตัวแปร = ค่ าเริ่มต้ น;
เช่น int i = 5;
นอกจากนี ้ยังสามารถประกาศ หลายๆ ตัวแปรในบรรทัดเดียว
กันได้ อีก
เช่น int i = 5, k = 3, y;
34. หลักการตังชื่อ (Identifier)
้
ชื่อ (Identifier)
ไอเดนติฟายเออร์ เป็ นชื่อที่ผ้ ูใช้ กาหนดขึ้นในโปรแกรม เช่น ชื่อค่าคงที่ ชื่อตัว
แปร ชื่อฟังก์ชัน เป็ นต้ น
ต้ องขึ้นต้ นด้ วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ (ตัวใหญ่หรือเล็กก็ได้ ) หรือขีดล่าง ‘_’
ตามด้ วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข หรือขีดล่าง (Underscore) ‘_’
ไม่มีช่องว่างหรือตัวอักษรพิเศษอื่นๆ เช่น ‘!’, ‘@’, ‘#’, ‘$’, ‘%’, ‘^’ เป็ นต้ น
ตัวพิมพ์ใหญ่และเล็กจะเป็ นคนละตัวกันเช่น NAME, name, Name, NamE
ห้ ามซากับคาสงวน Reserve Words ของภาษา C
้
ห้ ามตั้งชื่อซากับ Function ที่อยู่ใน Library ของภาษา C
้
35. คาสงวน Reserve Words ของภาษา C
auto double int struct
break else long switch
case enum register typedef
char extern return union
const float short unsigned
continue for signed void
default goto sizeof volatile
do if static While
asm _cs _ds _es
_ss cdecl far huge
interrupt near pascal _export
36. วีธการสร้างตัวแปรและกาหนดค่า
ี
#include <stdio.h> #include <stdio.h>
main () main ()
{ {
int age; int age = 20;
char sex; char sex = ‘ f ’;
float grade; float grade = 3.14;
char name[10] = “malee”
age = 20;
sex = ‘ f ’; printf(“you are %sn”,name);
grade = 3.14; ...
} }
37. นิพจน์
นิพจน์อาจประกอบด้วย
ตัวแปร a + b
ค่าคงที่ x = y
c = a + b
การเรียกใช้ฟังก์ชน
ั x == y
หรือมีตวดาเนินการร่วมอยู่ก็ได้
ั ++i
38. ตัวดาเนินการ
กลุ่มของตัวดาเนินการ ตัวดาเนินการ
ลาดับความสาคัญมาก ตัวดาเนินการยูนารี - ++ -- ! sizeof (type)
คูณ าร และ าเศษเ ลือ * / %
บวกและลบ + -
ตัวดาเนินการเปรี ยบเทียบ < <= > >=
ตัวดาเนินการเทียบเท่ า == !=
AND &&
OR ||
ตัวดาเนินการเงื่อนไข ?:
ลาดับความสาคัญน้อย ตัวดาเนินการกา นดค่ า = += -= *= /= %=
39. การใช้ scanf()
เป็ นคาสั่งที่ใช้ในการรับค่า โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้
scanf(“format string”, address list …);
format string
เป็ นส่ วนทีใช้ ในการใส่ รูปแบบของการรับข้ อมูล
่
address list
เป็ นตาแหน่ งของตัวแปรทีต้องการจะเก็บข้ อมูล
่
40. ตัวอย่างโปรแกรม
โปรแกรม
#include <stdio.h>
main() {
int x ;
scanf("%d",&x);
printf("%d %c", x, x);
}
ผลการทางาน
66 65
66 B 65 A
41. ตัวอย่างโปรแกรม
โปรแกรม
#include <stdio.h>
main() {
char s1[80], s2[80] ;
scanf("%[0-9]%[a-zA-Z]", s1, s2);
printf("%s %s", s1, s2);
}
ผลการทางาน
1234test test1234
1234 test test
42. โปรแกรมที่ 3
สร้ างไฟล์ triangle.c โดยให้
รับค่าฐานเป็ นเลขจานวนจริง
รับค่าความสูงเป็ นเลขจานวนจริง
คานวนหาค่าพื้นที่ของสามเหลี่ยม
Area = ½ * ฐาน * สูง
43. ตัวอย่างโปรแกรม
Input Base = 12.0 Input Base = 3.2
Input Height = 6.0 Input Height = 1.2
Area of triangle is 36.00 Area of triangle is 1.92
#include <stdio.h>
main() {
float b,h,area ;
printf("Input Base = ");
scanf("%f",&b);
printf("Input Height = ");
scanf("%f",&h);
area = 0.5*b*h ;
printf("Area of triangle is %5.2f",area);
}
44. โปรแกรมที่ 4
สร้ างไฟล์ circle.c โดยให้
รับค่ารัศมีเป็ นเลขจานวนจริง
กาหนดค่าคงที่ PI มีค่า 3.14159
คานวนหาค่าพื้นที่ของวงกลม
Area = PI* (รัศมี)2
45. ตัวอย่ างโปรแกรม
Input Radias = 12.0
Area of circle is 452.39
/* program to calculate area of a circle */
#include <stdio.h>
#define PI 3.14159
main()
{
float radius, area;
printf(“Input Radius = ?");
scanf("%f", &radius);
area = PI * radius * radius;
printf("Area of circle is %7.2f ", area);
}
46. โปรแกรมที่ 5
สร้ างไฟล์ donut.c โดยให้
รับค่ารัศมีของวงกลม 2 วง
กาหนดค่าคงที่ PI มีค่า 3.14159
คานวนหาค่าพื้นที่ของวงกลมส่วนสีเทา
47. ตัวอย่างโปรแกรม
#include <stdio.h>
#define PI 3.14159
main()
{
float radius1,radius2, area1, area2;
printf("Input outer radius =");
scanf(%f, &radius1);
printf("Input inner radius =");
scanf(%f, &radius2);
if (radius2 < radius1) {
area1 = PI * radius1 * radius1;
area2 = PI * radius2 * radius2;
printf("Area of donut is %5.2f", area1-area2);
}
}