SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 25
Downloaden Sie, um offline zu lesen
บทที่ 2
การศึกษาชีววิทยา
    Biology (ว30241)
การศึกษาชีววิทยา
บทที่ 2 การศึกษาชีววิทยา
      2.1 การศึกษาชีววิทยา
            2.1.1 การตังสมมติฐาน
                       ้
            2.1.2 การตรวจสอบสมมติฐาน
            2.1.3 การเก็บรวบรวมข้ อมูลและการ
 วิเคราะห์ ข้อมูล
            2.1.4 การสรุ ปผลการทดลอง
การศึกษา
 ชีววิทยา
การศึกษาชีววิทยา
การศึกษาชีววิทยา ประกอบด้ วย 2 ส่ วน คือ
1. ส่ วนที่เป็ นความรู้

2. ส่ วนที่เป็ นกระบวนการ / วิธีการทาง
   วิทยาศาสตร์
   (Scientific Method)
Scientific Method
1. การสังเกต (Observation)

2. การตังปั ญหา (Problem)
        ้
3. การรวบรวมข้ อมูล (Accumulation of Data)
4. การตังสมมติฐาน (Formulation of Hypothesis)
          ้
5. การทดสอบสมมติฐาน (Testing of
   Hypothesis) หรื อ การทดลอง(Experimentation)
Scientific Method
ชีววิทยา ม.4 มีดังนี ้
  1. การสังเกตและตังปั ญหา
                       ้
  2. การตังสมมติฐาน
          ้
  3. การตรวจสอบสมมติฐาน

  4. การเก็บรวบรวมข้ อมูลและ
  วิเคราะห์ ข้อมูล
  5. การสรุ ปผลการทดลอง
วิธีการทาง
 วิทยาศาสตร์
(Scientific Method)
การสังเกตและตังปั ญหา
              ้
     (Observation and Problem)
การสังเกต
   เป็ นการใช้ ประสาทสัมผัสอย่ างใดอย่ าง
  หนึ่งหรื อหลายอย่ าง
รวมกัน เข้ าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรื อ
  เหตุการณ์ โดยมี
จุดประสงค์ ท่ จะหาข้ อมูล ซึ่งเป็ น
              ี
การตังคาถาม
              ้
 ถือเป็ นเกณฑ์ ขันแรกในการศึกษาวิทยาศาสตร์
                 ้
 เกิดจากความอยากรู้
อยากเห็นและการสังเกต ยิ่งนักวิทยาศาสตร์ มี
 ความสนใจและช่ างสังเกต
มากขึนเพียงใดก็มีคาถามมากขึนเพียงนัน เมื่อ
     ้                      ้      ้
 เกิดคาถามขึนก็ต้องพยายาม
             ้
หาคาตอบให้ ได้
การตังสมมติฐาน
             ้
       (Formulation of Hypothesis
เป็ นคาตอบที่อาจเป็ นไปได้ โดยการคาดคะเน
    อย่ างมีเหตุผล
    การตังสมมติฐานจะเกิดขึนเมื่อเราสามารถตัง
          ้                 ้              ้
    ปั ญหาได้ ชัดเจน และตัวผู้
ตังปั ญหาต้ องเข้ าใจปั ญหานันๆ ศึกษาปั ญหา
  ้                            ้
    ต่ อ ปั ญหาจะเป็ นตัว
แนะสมมติฐาน
การตรวจสอบสมมติฐาน
      (Testing of Hypothesis)
ทาได้ 3 วิธี
1. ทาการทดลอง (experiment)

2. ค้ นคว้ า

3. ทังทาการทดลองและค้ นคว้ า
      ้
  ในการทาการทดลองต้ องมีการวางแผนการ
   ทดลอง ซึ่งจะต้ องมีกลุ่ม
การตรวจสอบสมมติฐาน
  ทาโดยการทดลองที่ต้องคานึงถึงปั จจัยต่ าง ๆ
  ที่จะเข้ ามามีอิทธิพลต่ อการ
ทดลอง ซึ่งเรี ยกว่ า ตัวแปร ซึ่งมี 3 แบบ
• ตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้ น (Independent variables) ไม่
  ต้ องอยู่ภายใต้ อิทธิพลของตัวแปรอื่นและเป็ น
  ตัวแปรที่ผ้ ูทดลองต้ องการดูผลของมัน
• ตัวแปรตาม (Dependent variables) เปลี่ยนแปลงไป
  ได้ ตามการเปลี่ยนของตัวแปรอิสระ ซึ่งก็คือ
การเก็บรวบรวมข้ อมูลและ
วิเคราะห์ ข้อมูล (Accumulation of Data
             and Analysis of Data)
•   คือ หาความสัมพันธ์ ของข้ อมูล และอธิบาย
    ความหมายของข้ อมูล เพื่อนาไปสรุ ปผล
•   รวบรวมข้ อมูลที่ได้ จากการทดลอง
•   ทาการวิเคราะห์ ข้อมูล เปรี ยบเทียบกับ
    สมมติฐาน
การสรุ ปผลการทดลอง
                  (Conclusion)
•   เพื่อสรุ ปว่ าสมมติฐานที่ตงนันได้ รับการพิสูจน์
                               ั้ ้
    ว่ าเป็ นจริงหรื อไม่
•   เพื่อหาข้ อผิดพลาด
•   เพื่อเผยแพร่ ส่ ิงที่ค้นพบ

    ถ้ าสมมติฐานได้ ผ่านการตรวจสอบมาหลาย
    ครั งจนเป็ นที่ยอมรั บก็ตงเป็ น
        ้                    ั้
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็ นกระบวนการ
  ซึ่งทาให้ ได้ มาซึ่ง
ความรู้ ความเข้ าใจในปรากฏการณ์ ของ
  ธรรมชาติอย่ างมีเหตุผล
ทฤษฎี (Theory) หรื อ กฎ (Law) ที่มีอยู่
  มากมายทาง
วิทยาศาสตร์ นัน ล้ วนเป็ นผลมาจาก
                 ้
ความร้ ู ทาง
วิทยาศาสตร์
ความร้ ู ทางวิทยาศาสตร์
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้ วย
 1. ข้ อเท็จจริ ง (Fact) หมายถึง สิ่งที่มนุษย์ สังเกตพบว่ า
 เป็ข้นความจริงหมายถึง ข้ อเท็ง จริงที่รวบรวมได้เอง
 2. อมูล (Data)    และมีความจริ จอยู่ในตัวของมัน จาก
 การสังเกตหรื อการทดลองฐานที่ได้ รับการยืนยันว่ า
 3. กฎ (Law) หมายถึง สมมติ
   ถูกต้ องจากการทดลองหลายๆครั ง          ้
  4. ทฤษฎี (Theory) หมายถึง สมมติฐานที่ผ่านการ
 ตรวจสอบหลายๆครั งจนเป็ นที่ยอมรั บกันทั่วไป
                           ้
 สามารถนาไปใช้ อธิบายอ้ างอิงได้
กล้ องจุลทรรศน์
   (microscope)
อุปกรณ์ ในการศึกษา
              ชีช้วสวิทบยา ส่ิงที่ไม่
 กล้ องจุลทรรศน์ ใ าหรั ส่ องดู
  สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่ า แบ่ งเป็ น 2
  ชนิด
1. กล้ องจุลทรรศน์ แบบใช้ แสง

2. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอน

       2.1 กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ อง
   ผ่ าน
กล้ องจุลทรรศน์ แบบใช้ แสง
                (Light Microscope)
1.  กล้ องจุลทรรศน์ เลนส์ เดียว (simple light microscope)
    ประกอบด้ วย
เลนส์ นูนอันเดียว ใช้ เพื่อขยายวัตถุให้ มีขนาด
    ใหญ่ ขึน ได้ ภาพเสมือน
           ้
2. กล้ องจุลทรรศน์ เชิงประกอบ (compound microscope)
    ประกอบด้ วย
เลนส์ นูน 2 ชุด คือเลนส์ ใกล้ วัตถุ (objective lens) และ
กล้ องจุลทรรศน์ อเล็กตรอน (electron
                 ิ
                    microscope)
ใช้ ลาอิเล็กตรอนเป็ นแหล่ งแสง

ใช้ เลนส์ แม่ เหล็ก 2 อันพันรอบแท่ งเหล็กอ่ อน
 กระแสไฟฟาผ่ าน
             ้
ขดลวด สนามแม่ เหล็ก
เกิดภาพเสมือนปรากฏบนจอที่ฉาบด้ วยสาร
 เรื องแสง
ภายในตัวกล้ องต้ องเป็ นสูญญากาศ
กล้ องจุลทรรศน์ อเล็กตรอน (electron
                 ิ
                     microscope)
• มี 2 แบบ
1. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ องผ่ าน
   (Transmission Electron Microspoe ; TEM) ใช้ ศึกษา
   โครงสร้ างภายในของเซลล์
2. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ องกราด
   (Scanning Electron Microspoe ; SEM) ใช้ ศกษา
                                            ึ
   โครงสร้ างของผิวเซลล์ หรื อผิวของวัตถุท่ เป็ น    ี

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

แบบฝึกชุดที่ 1
แบบฝึกชุดที่ 1แบบฝึกชุดที่ 1
แบบฝึกชุดที่ 1
kruking2
 
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
Wichai Likitponrak
 
5 behavi plan
5 behavi plan5 behavi plan
5 behavi plan
Wichai Likitponrak
 
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
korakate
 

Was ist angesagt? (20)

Pp tbio5lessonplanthormone
Pp tbio5lessonplanthormonePp tbio5lessonplanthormone
Pp tbio5lessonplanthormone
 
Curri bio 51m4-6
Curri bio 51m4-6Curri bio 51m4-6
Curri bio 51m4-6
 
เอกสารประกอบการสรุปเข้ม O
เอกสารประกอบการสรุปเข้ม Oเอกสารประกอบการสรุปเข้ม O
เอกสารประกอบการสรุปเข้ม O
 
แบบฝึกชุดที่ 1
แบบฝึกชุดที่ 1แบบฝึกชุดที่ 1
แบบฝึกชุดที่ 1
 
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
การแนะนำบทเรียน ม4วิทย์เทอม1
 
บท4สืบพันธุ์สัตว์
บท4สืบพันธุ์สัตว์บท4สืบพันธุ์สัตว์
บท4สืบพันธุ์สัตว์
 
Lesson1 celldivision2561
Lesson1 celldivision2561Lesson1 celldivision2561
Lesson1 celldivision2561
 
ติวOnetวิทย์
ติวOnetวิทย์ติวOnetวิทย์
ติวOnetวิทย์
 
เนื้อหาชีววิทยา (ม.4-6 สายวิทย์และสายศิลป์)
เนื้อหาชีววิทยา (ม.4-6 สายวิทย์และสายศิลป์)เนื้อหาชีววิทยา (ม.4-6 สายวิทย์และสายศิลป์)
เนื้อหาชีววิทยา (ม.4-6 สายวิทย์และสายศิลป์)
 
Onet sci m3_s_rschool
Onet sci m3_s_rschoolOnet sci m3_s_rschool
Onet sci m3_s_rschool
 
บท1ประสาท
บท1ประสาทบท1ประสาท
บท1ประสาท
 
บท4ตอบสนองพืช
บท4ตอบสนองพืชบท4ตอบสนองพืช
บท4ตอบสนองพืช
 
Genetics posn
Genetics posnGenetics posn
Genetics posn
 
บท5เจริญสัตว์
บท5เจริญสัตว์บท5เจริญสัตว์
บท5เจริญสัตว์
 
Doc1
Doc1Doc1
Doc1
 
บท2สืบพันธุ์พืชดอก
บท2สืบพันธุ์พืชดอกบท2สืบพันธุ์พืชดอก
บท2สืบพันธุ์พืชดอก
 
Curri bio 61m4-6
Curri bio 61m4-6Curri bio 61m4-6
Curri bio 61m4-6
 
บท5พฤติกรรมสัตว์
บท5พฤติกรรมสัตว์บท5พฤติกรรมสัตว์
บท5พฤติกรรมสัตว์
 
5 behavi plan
5 behavi plan5 behavi plan
5 behavi plan
 
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
 

Ähnlich wie บทที่ 2

เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
supreechafkk
 
44444444444444
4444444444444444444444444444
44444444444444
bow4903
 
Science2 110904044724-phpapp01
Science2 110904044724-phpapp01Science2 110904044724-phpapp01
Science2 110904044724-phpapp01
korakate
 
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
korakate
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
อรุณศรี
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
อรุณศรี
 
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
Rank Saharath
 

Ähnlich wie บทที่ 2 (20)

วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 
Intro sciproject
Intro sciprojectIntro sciproject
Intro sciproject
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐานเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
 
44444444444444
4444444444444444444444444444
44444444444444
 
Unit1
Unit1Unit1
Unit1
 
02 เครื่องมือในการวิจัย
02 เครื่องมือในการวิจัย02 เครื่องมือในการวิจัย
02 เครื่องมือในการวิจัย
 
2
22
2
 
Science2 110904044724-phpapp01
Science2 110904044724-phpapp01Science2 110904044724-phpapp01
Science2 110904044724-phpapp01
 
บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)
บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)
บทที่๑ ความรู้เบืองต้นของการวิจัย (Research)
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 
เนื้อหาชีววิทยา
เนื้อหาชีววิทยาเนื้อหาชีววิทยา
เนื้อหาชีววิทยา
 
9789740335146
97897403351469789740335146
9789740335146
 
Biology m4
Biology m4Biology m4
Biology m4
 
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม.2
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
 
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
5กระบวนการวิทยาศาสตร์(สมเกียรติ วิชาการ)
 
เอกสารประกอบการเรียนรู้เรื่องพลังงานความร้อน
เอกสารประกอบการเรียนรู้เรื่องพลังงานความร้อนเอกสารประกอบการเรียนรู้เรื่องพลังงานความร้อน
เอกสารประกอบการเรียนรู้เรื่องพลังงานความร้อน
 

บทที่ 2

  • 2. การศึกษาชีววิทยา บทที่ 2 การศึกษาชีววิทยา 2.1 การศึกษาชีววิทยา 2.1.1 การตังสมมติฐาน ้ 2.1.2 การตรวจสอบสมมติฐาน 2.1.3 การเก็บรวบรวมข้ อมูลและการ วิเคราะห์ ข้อมูล 2.1.4 การสรุ ปผลการทดลอง
  • 4. การศึกษาชีววิทยา การศึกษาชีววิทยา ประกอบด้ วย 2 ส่ วน คือ 1. ส่ วนที่เป็ นความรู้ 2. ส่ วนที่เป็ นกระบวนการ / วิธีการทาง วิทยาศาสตร์ (Scientific Method)
  • 5. Scientific Method 1. การสังเกต (Observation) 2. การตังปั ญหา (Problem) ้ 3. การรวบรวมข้ อมูล (Accumulation of Data) 4. การตังสมมติฐาน (Formulation of Hypothesis) ้ 5. การทดสอบสมมติฐาน (Testing of Hypothesis) หรื อ การทดลอง(Experimentation)
  • 7. ชีววิทยา ม.4 มีดังนี ้ 1. การสังเกตและตังปั ญหา ้ 2. การตังสมมติฐาน ้ 3. การตรวจสอบสมมติฐาน 4. การเก็บรวบรวมข้ อมูลและ วิเคราะห์ ข้อมูล 5. การสรุ ปผลการทดลอง
  • 9. การสังเกตและตังปั ญหา ้ (Observation and Problem) การสังเกต เป็ นการใช้ ประสาทสัมผัสอย่ างใดอย่ าง หนึ่งหรื อหลายอย่ าง รวมกัน เข้ าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรื อ เหตุการณ์ โดยมี จุดประสงค์ ท่ จะหาข้ อมูล ซึ่งเป็ น ี
  • 10. การตังคาถาม ้ ถือเป็ นเกณฑ์ ขันแรกในการศึกษาวิทยาศาสตร์ ้ เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็นและการสังเกต ยิ่งนักวิทยาศาสตร์ มี ความสนใจและช่ างสังเกต มากขึนเพียงใดก็มีคาถามมากขึนเพียงนัน เมื่อ ้ ้ ้ เกิดคาถามขึนก็ต้องพยายาม ้ หาคาตอบให้ ได้
  • 11. การตังสมมติฐาน ้ (Formulation of Hypothesis เป็ นคาตอบที่อาจเป็ นไปได้ โดยการคาดคะเน อย่ างมีเหตุผล การตังสมมติฐานจะเกิดขึนเมื่อเราสามารถตัง ้ ้ ้ ปั ญหาได้ ชัดเจน และตัวผู้ ตังปั ญหาต้ องเข้ าใจปั ญหานันๆ ศึกษาปั ญหา ้ ้ ต่ อ ปั ญหาจะเป็ นตัว แนะสมมติฐาน
  • 12. การตรวจสอบสมมติฐาน (Testing of Hypothesis) ทาได้ 3 วิธี 1. ทาการทดลอง (experiment) 2. ค้ นคว้ า 3. ทังทาการทดลองและค้ นคว้ า ้ ในการทาการทดลองต้ องมีการวางแผนการ ทดลอง ซึ่งจะต้ องมีกลุ่ม
  • 13. การตรวจสอบสมมติฐาน ทาโดยการทดลองที่ต้องคานึงถึงปั จจัยต่ าง ๆ ที่จะเข้ ามามีอิทธิพลต่ อการ ทดลอง ซึ่งเรี ยกว่ า ตัวแปร ซึ่งมี 3 แบบ • ตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้ น (Independent variables) ไม่ ต้ องอยู่ภายใต้ อิทธิพลของตัวแปรอื่นและเป็ น ตัวแปรที่ผ้ ูทดลองต้ องการดูผลของมัน • ตัวแปรตาม (Dependent variables) เปลี่ยนแปลงไป ได้ ตามการเปลี่ยนของตัวแปรอิสระ ซึ่งก็คือ
  • 14. การเก็บรวบรวมข้ อมูลและ วิเคราะห์ ข้อมูล (Accumulation of Data and Analysis of Data) • คือ หาความสัมพันธ์ ของข้ อมูล และอธิบาย ความหมายของข้ อมูล เพื่อนาไปสรุ ปผล • รวบรวมข้ อมูลที่ได้ จากการทดลอง • ทาการวิเคราะห์ ข้อมูล เปรี ยบเทียบกับ สมมติฐาน
  • 15. การสรุ ปผลการทดลอง (Conclusion) • เพื่อสรุ ปว่ าสมมติฐานที่ตงนันได้ รับการพิสูจน์ ั้ ้ ว่ าเป็ นจริงหรื อไม่ • เพื่อหาข้ อผิดพลาด • เพื่อเผยแพร่ ส่ ิงที่ค้นพบ ถ้ าสมมติฐานได้ ผ่านการตรวจสอบมาหลาย ครั งจนเป็ นที่ยอมรั บก็ตงเป็ น ้ ั้
  • 16. วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็ นกระบวนการ ซึ่งทาให้ ได้ มาซึ่ง ความรู้ ความเข้ าใจในปรากฏการณ์ ของ ธรรมชาติอย่ างมีเหตุผล ทฤษฎี (Theory) หรื อ กฎ (Law) ที่มีอยู่ มากมายทาง วิทยาศาสตร์ นัน ล้ วนเป็ นผลมาจาก ้
  • 18. ความร้ ู ทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้ วย 1. ข้ อเท็จจริ ง (Fact) หมายถึง สิ่งที่มนุษย์ สังเกตพบว่ า เป็ข้นความจริงหมายถึง ข้ อเท็ง จริงที่รวบรวมได้เอง 2. อมูล (Data) และมีความจริ จอยู่ในตัวของมัน จาก การสังเกตหรื อการทดลองฐานที่ได้ รับการยืนยันว่ า 3. กฎ (Law) หมายถึง สมมติ ถูกต้ องจากการทดลองหลายๆครั ง ้ 4. ทฤษฎี (Theory) หมายถึง สมมติฐานที่ผ่านการ ตรวจสอบหลายๆครั งจนเป็ นที่ยอมรั บกันทั่วไป ้ สามารถนาไปใช้ อธิบายอ้ างอิงได้
  • 19.
  • 21. อุปกรณ์ ในการศึกษา ชีช้วสวิทบยา ส่ิงที่ไม่ กล้ องจุลทรรศน์ ใ าหรั ส่ องดู สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่ า แบ่ งเป็ น 2 ชนิด 1. กล้ องจุลทรรศน์ แบบใช้ แสง 2. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอน 2.1 กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ อง ผ่ าน
  • 22. กล้ องจุลทรรศน์ แบบใช้ แสง (Light Microscope) 1. กล้ องจุลทรรศน์ เลนส์ เดียว (simple light microscope) ประกอบด้ วย เลนส์ นูนอันเดียว ใช้ เพื่อขยายวัตถุให้ มีขนาด ใหญ่ ขึน ได้ ภาพเสมือน ้ 2. กล้ องจุลทรรศน์ เชิงประกอบ (compound microscope) ประกอบด้ วย เลนส์ นูน 2 ชุด คือเลนส์ ใกล้ วัตถุ (objective lens) และ
  • 23.
  • 24. กล้ องจุลทรรศน์ อเล็กตรอน (electron ิ microscope) ใช้ ลาอิเล็กตรอนเป็ นแหล่ งแสง ใช้ เลนส์ แม่ เหล็ก 2 อันพันรอบแท่ งเหล็กอ่ อน กระแสไฟฟาผ่ าน ้ ขดลวด สนามแม่ เหล็ก เกิดภาพเสมือนปรากฏบนจอที่ฉาบด้ วยสาร เรื องแสง ภายในตัวกล้ องต้ องเป็ นสูญญากาศ
  • 25. กล้ องจุลทรรศน์ อเล็กตรอน (electron ิ microscope) • มี 2 แบบ 1. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ องผ่ าน (Transmission Electron Microspoe ; TEM) ใช้ ศึกษา โครงสร้ างภายในของเซลล์ 2. กล้ องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่ องกราด (Scanning Electron Microspoe ; SEM) ใช้ ศกษา ึ โครงสร้ างของผิวเซลล์ หรื อผิวของวัตถุท่ เป็ น ี