Weitere ähnliche Inhalte Mehr von Nirut Uthatip (20) cai 1. การส่งเสริมการใช้สื่อการเรียนการสอน
ให้บังเกิดประสิทธิภาพสูงสุด*
สุรศักดิ์ ปาเฮ**
พ.ม. , ค.บ.(ภาษาอังกฤษ) , ศษ.ม.(เทคโนโลยีการศึกษา) , Ph.D.(Candidate) STOU
บทนา
ความก้าวหน้าทางวิทยาการในปัจจุบันคงเป็นสิ่งที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่ามนุษย์เรากาลังก้าวเข้าสู่
ยุคแห่งสังคมเทคโนโลยีชนสูง หรือที่เรียกว่า “ยุคไฮเทค ( Hi-tech )” โดยเฉพาะยิ่งความเจริญก้าวหน้า
ั้
ด้านวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งนับวันจะเข้ามามีบทบาทในแทบทุก สาขาวิชาชีพไม่ว่าจะเป็น
ด้านการแพทย์ การทหาร การอุตสาหกรรม การสื่อสาร การเกษตร รวมทั้งด้านการศึกษาก็ตาม
ในด้านการจัดการศึกษานั้น วัสดุอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสาคัญในการ
เสริมสร้างและจัดสภาพการณ์ทางการเรียนรู้ให้บรรลุเป้าหมายที่กาหนดไว้ในการจัดการศึกษา เป็น
ปัจจัยในการส่งเสริมสนับสนุน รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในมวลประสบการณ์ของการเรียนการสอน
ที่มีความก้าวหน้าและหลากหลาย อย่างไรก็ตามมีใครย้อนคิดทบทวนบ้างไหมว่าปัจจัยในด้านวัสดุ
อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนที่เรียกว่า “สื่อการสอน ( Instructional Media )” ในยุคแห่งสังคม
เทคโนโลยีชั้นสูงเหล่านั้น จะมีผลกระทบต่อการเรียนการสอนและการจัดการศึกษาทั่วไปอย่างไรบ้าง
*บทความนีเผยแพร่ในวารสารเสมาเวียงโกศัย ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 เดือนเมษายน – มิถุนายน 2547 หน้า 7 – 11
้
**รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่เขต 2 http://www.addkutec3.com
2. -2-
ทั้งนี้สืบเนื่องจากตัวแปรที่สาคั ญที่จะก่ อให้เกิดผลลัพธ์ในการใช้สื่อการสอนทั้งในทางบวกหรือลบ
เหล่านั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวกับตัวบุคคล ( Personnel ) หรือผู้ใช้สื่อ ( Users )นั่นเองว่ามีทัศนคติ
หรือมีทักษะในการปรับใช้สื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ซึ่งบทความนี้
ผู้เขียนจะชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ส่งผลกระทบ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการใช้สื่อ เพื่อการเรียนการสอน
ตลอดจนแนวทางส่ ง เสริ ม การใช้ สื่ อ การสอนเพื่ อ ช่ ว ยแก้ ไ ขปั ญ หาที่ อ าจเกิ ด ขึ้ น ทั้ ง นี้ เ พื่ อ น าไปสู่
ประสิ ท ธิ ผ ลและประสิ ท ธิ ภ าพในการใช้ สื่ อ การเรี ย นการสอนให้ บั ง เกิ ด ประโยชน์ สู ง สุ ด ในการจั ด
การศึกษาต่อไป
ความหมายและประเภทของสื่อการเรียนการสอน
สื่อ ( Media ) มาจากภาษาลาตินว่า Medium แปลว่าระหว่าง ( between ) หมายถึงสิ่งใดก็
ตามที่บรรจุข้อมูลเพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับสามารถสื่อสารกันได้ตรงตามวัตถุประสงค์ เมื่อมีการนามาใช้ใน
การเรียนการสอนจึงเรียกว่า “สื่อการสอน ( Instructional Media )” ( กิดานันท์ มลิทอง , 2531 )
สื่อการเรียนการสอนโดยทั่วไปจะแบ่งออกตามประเภท ลักษณะของงาน หรือตามวัตถุประสงค์
ของการใช้ ในศาสตร์ทางเทคโนโลยีการศึกษานั้นจะแบ่งสื่อการเรียนการสอนออกเป็น 3 ประเภท
ใหญ่ๆดังนี้
1. สื่อประเภทวัสดุ ( Software หรือ Small Media ) เป็นสื่อขนาดเล็ก ขนาดกะทัดรัด
มักจะใช้รวมกับสื่อประเภทอุปกรณ์จงจะสามารถสื่อสารข้อมูลไปยังผู้รับได้ สื่อประเภทนี้เช่น โปรแกรม
่ ึ
คอมพิวเตอร์ แผ่นดิสก์ เทปโทรทัศน์ เทปแคสเซ็ท หรือแม้กระทั่งสื่อราคาเยาเช่น รูปภาพ แผนภูมิ ฯลฯ
2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ( Hardware หรือ Equipments หรือ Big Media ) เป็นสื่อที่มี
ขนาดใหญ่ มีน้าหนักมาก สื่อบางชนิดจะต้องอาศัยข้อมูลที่ส่งผ่านสื่อจาพวกวัสดุจึงจะบังเกิดผลในการ
สื่อความหมาย สื่อประเภทนี้เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องฉายสไลด์ เครื่องฉายภาพโปร่งใส
เครื่องฉายภาพทึบแสง เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายวีดิโอ เครื่องฉาย Visualization เป็นต้น
3. สื่อประเภทเทคนิควิธีการ ( Techniques ) เป็นสื่อประเภทกิจกรรมหรือการปฏิบัติต่างๆ
ในการเรียนการสอน เช่น บทบาทสมมติ สถานการณ์จาลอง การสาธิต หรือสื่อยุคใหม่เช่น วิธีการ
ประชุมทางไกล ( Teleconference ) เป็นต้น
สื่อการสอน : สภาพการณ์การใช้และผลกระทบที่เกิดขึ้น
ดั ง ได้ ก ล่ าวในเบื้ องต้น แล้ ว ว่ าปั จจุ บัน ซึ่ง เป็ น ยุ ค แห่ งสั งคมสารสนเทศนั้ น อาจเป็น ไปได้ ว่ า
ความคิด ความคาดหวังของผูเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารทุกระดับ ผู้เชี่ยวชาญสื่อ ผูนิเทศ
้ ้
3. -3-
รวมทั้งครูผู้สอนเองต่างอาจมีแนวคิดและอาจมุ่งประเด็นความสนใจที่มีต่อการเลือกและการใช้สื่อการ
สอนหรือสื่อทางการศึกษาที่ก้าวหน้าทันสมัย หรือที่เรียกตามสมัยนิยมว่าเป็น “สื่อใหม่ ( New Media )”
กันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อยุคดิจตอลประเภทคอมพิวเตอร์ สื่อประสม ( Multimedia ) หรือ
ิ
สื่อระบบทางไกลประเภทอินเตอร์เน็ต ( Internet ) รวมทั้งสื่อโทรคมนาคมอื่นๆทั้งโทรทัศน์และวิทยุ
ทางการศึกษา ซึ่งสื่อต่างๆเหล่านี้กาลังอยู่ในความนิยมและมีบทบาทค่อนข้างสูงต่อกระบวนการเรียนรู้
และการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศพัฒนา
แล้วในยุโรปและอเมริกา รวมทั้งประเทศไทยในยุคการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามหากจะวิเคราะห์ถึงการนาเอาสื่อขั้นสูงประเภทต่างๆเหล่านั้นมาใช้ในการพัฒนา
การศึกษาและการเรียนการสอนบ้านเรา ซึ่งอาจจะมี ปัจจัยเอื้ออานวยที่แตกต่างจากประเทศที่พัฒนา
แล้วในหลายองค์ประกอบด้วยกัน จึงเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องคานึงถึง
ความพร้อมและผลกระทบที่ตามมา ตลอดถึงการกาหนดแนวทางการปรับใช้สื่อการเรียนรู้ให้เหมาะสม
และสอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น ทั้งนี้เพื่อมิให้บังเกิดความสูญเปล่าต่อทรัพยากรและบังเกิดผลที่คุ้มค่า
ต่อการลงทุนในการจัดการศึกษา
กล่าวกันว่าแม้แต่ประเทศที่มีความพร้อมและมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชั้นสูง และมี
ปัจจัยหลายด้านที่เอื้อต่อการใช้และพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็ยัง
ประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆอีกมากในการส่งเสริมและใช้ส่อเทคโนโลยีทางการสอน ดังเช่น โรส
ื
( Rose , 1982 ) แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ( Wisconsin – Madison )ที่ได้กล่าวถึงปัญหาและอุปสรรค
ของการใช้ส่อเทคโนโลยีทางการสอนของสถาบันการศึกษาไว้อย่างน่าสนใจ กล่าวคือสถาบันการศึกษา
ื
จะประสบกับปัญหาอุปสรรคในด้านต่างๆดังต่อไปนี้
1. อุปสรรคด้านงบประมาณ ( Institutional Economic Barriers ) ได้แก่
- งบประมาณไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อ จัดซ่อมและบารุงรักษาวัสดุอุปกรณ์สื่อการเรียนการ
สอนและสื่อด้านการศึกษาต่างๆ
- องค์การหรือหน่วยงานไม่สามารถจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ รวมทั้งไม่มีการวางแผน
ระยะยาวด้านงบประมาณต่อการพัฒนาด้านสื่อเทคโนโลยีทางการสอน
- ขาดงบประมาณในขั้นตอนหรือกระบวนการผลิตสื่อ ทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตของสื่อเทคโนโลยี
จะมีคุณภาพมากน้อยเพียงไรนันจาเป็นต้องอาศัยกาลังคนและปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆอีกมากที่จะผลิตสื่อ
้
คุณภาพเหล่านั้น
2. อุปสรรคที่เกิดจากเทคนิคหรือตัวเทคโนโลยีเอง ( Technological Barriers ) ได้แก่
- ครูผใช้ส่อเทคโนโลยีทางการสอนไม่มีความมั่นใจต่อการใช้ ทั้งนี้เป็นเพราะขาดทักษะที่จาเป็น
ู้ ื
ต่อการใช้ส่อเทคโนโลยีใหม่ๆเหล่านั้นนั่นเอง
ื
4. -4-
- ครูผู้สอนมีความคิดและคาดหวังในทางที่ผิดว่าสื่อเทคโนโลยีจะสามารถแทนตัวครูผู้สอนได้
โดยไม่ต้องมีการควบคุมการใช้ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือเกมทางการเรียนต่างๆ
- ครูผู้สอนคาดหวังเกี่ยวกับโปรแกรมการสอนไว้สูงเกินไป ซึ่งในบางครั้งโปรแกรมการสอน
ต่างๆ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์บางโปรแกรมอาจสนองต่อการจัดการเรียนการสอนที่น้อยมาก ไม่
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่กาหนดไว้
- ครูผู้สอนมีความคิดว่าสื่อเทคโนโลยีทางการสอนเหล่านั้นจะเป็นเครื่องมือสาหรับครู ( Tools
for Teachers ) สาหรับนาไปใช้สอนในชั้นเรียนเท่านั้น มากกว่าที่จะนาไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ
สถานการณ์ทางการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- ปัญหาด้านประสิทธิภาพและความคล่องตัวที่จะนาไปใช้ อาจเป็นเพราะว่าสื่อการสอนบาง
ชนิดไม่มีประสิทธิภาพดีพอ และยากต่อการใช้ มีกลไกที่ซับซ้อนเกินไป หรือมีขนาดใหญ่เกินไป
3. อุปสรรคที่เกิดจากกระบวนการบริหาร ( Administrative Barriers ) ได้แก่
- ผู้บริหารเพียงแต่ต้องการที่จะให้ครูผู้สอนใช้สื่อการสอนอย่างต่อเนื่องและสม่าเสมอเพื่อให้
เห็นผลงานการใช้สื่อ แต่มิได้คานึงถึงขันตอนที่เหมาะสมตามหลักการของการใช้ส่อการสอนเหล่านั้น
้ ื
- ผู้บริหารทุ่มเทงบประมาณเน้นหนักในด้านสื่อประเภทเครื่องมืออุปกรณ์มากเกินไปโดยมิได้
คานึงถึงตัวโปรแกรมหรือวัสดุที่จะนามาใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆเหล่านั้น
- ผู้ บ ริ ห ารมั ก จะมองสื่ อ เทคโนโลยี ห รื อ นวั ต กรรมสื่ อ การสอนเป็ น เพี ย งแค่ น โยบายหรื อ
เป้าหมายของหน่วยงานหรือองค์การเท่านั้น โดยมิได้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง หรือคิดหาแนวทางที่
จะส่งเสริมให้เกิดทักษะความรูอย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจนต่อการปฏิบัติยิ่งขึนเลย
้ ้
5. -5-
- ผู้บริหารยังขาดการวางแผนต่ อการใช้สื่อเทคโนโลยีทางการสอนอย่างแน่ชัด ตลอดทั้งมีการ
จัดกระทาและควบคุมการใช้สื่ออย่างเป็นระบบแบบแผนที่น้อยมาก
- กระบวนการบริหารที่เ กี่ย วกั บการกาหนดบทบาทหน้าที่ของนัก เทคโนโลยีการศึกษาหรือ
ผู้เ ชี่ย วชาญสื่อ ในหน่ว ยงานหรื อ องค์ ก ารต่ า งๆยั งคลุ มเครือ ไม่ ชั ดเจน บางครั้ง อาจดูเ หมือ นว่า นั ก
เทคโนโลยีการศึกษาเหล่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญต่อการจัดการเรียนการสอนโดยการนาเอาวิธีระบบมาใช้
แต่ในบางครั้งนักเทคโนโลยีการศึกษาเหล่านั้นกลับมีบทบาทหน้าที่เป็นเพียงแค่ “ผู้ให้บริการ ( Service
Personnel )” เท่านั้น
- ผู้บริหารไม่สามารถที่จะเป็นผู้นาต่อการใช้สื่อเทคโนโลยีทางการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขาดจุด ยืนที่แน่ชัดต่อการชี้นาให้ผู้สอนมองเห็นความสาคัญของการจัดการเรีย นการสอนโดยใช้สื่อ
เทคโนโลยี แ ละนวั ต กรรมการศึ ก ษาเข้ า มาช่ ว ย รวมทั้ ง ไม่ ส ามารถให้ ก ารสนั บ สนุ น ช่ ว ยเหลื อ นั ก
เทคโนโลยี ห รื อ ผู้ เ ชี่ ย วชาญด้ า นสื่ อ ให้ มี บ ทบาทหน้ า ที่ ใ นการปฏิ บั ติ ง านได้ เ ต็ ม ตามศั ก ยภาพและ
ความสามารถที่มอยู่ ี
6. อุปสรรคเกิดจากครูผู้สอน ( The Educator ) ได้แก่
- ขาดความรูความเข้าใจ ไม่มองเห็นความสาคัญของสื่อในรูปแบบใหม่ๆและไม่สนใจที่จะเรียนรู้
้
เกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นด้วย
- ครู ไ ม่ เ ข้ า ใจเกี่ ย วกั บ ธรรมชาติ ห รื อ หลั ก การใช้ สื่ อ เทคโนโลยี ท างการสอนที่ แ น่ ชั ด ทั้ ง นี้
เนื่องจากธรรมชาติและหลักการใช้สื่อบางชนิดจะส่งผลต่อการเรียนรู้ รวมทั้งการบูรณาการในการใช้
สื่อการสอนให้บังเกิดความเหมาะสมกับสภาพการณ์ของการเรียนรู้
- ครูยังมีความขัดแย้งทางความคิดระหว่างการเรียนโดยเน้นสื่อการสอน และการเรียนโดยมิได้
เน้นสื่อการสอนว่าไม่มความแตกต่างกัน
ี
- เกิดจากความล้มเหลวต่อการนาเอาสื่อมาใช้ในการสอน ทั้งอาจเป็นเพราะสื่อที่นามาใช้นั้นไม่
มีประสิทธิภาพที่ดพอ ขาดเทคนิคการนาเสนอ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทาให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบต่อการ
ี
ใช้ส่อการสอนของครู
ื
- ครูขาดการช่วยเหลือหรือช่วยชี้แนะเกี่ยวกับการเลือกและการใช้สื่อ รวมทั้งการผลิตสื่อจาก
ผูบริหาร ผู้เชี่ยวชาญสื่อ ซึ่งจะส่งผลทาให้เกิดทัศนคติในแง่ลบต่อการใช้ส่อการสอนได้
้ ื
จากสภาพปัญหาและอุปสรรคของการใช้สื่อการเรียนการสอนของบุคลากรที่เกี่ยวข้องตามที่
กล่าวมาในเบื้องต้นนั้น จะเห็นได้ว่าตัวแปรสาคัญที่ทาให้ผู้บริหาร ครูอาจารย์ผู้สอน หรือแม้กระทั่ง
ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาทุกระดับได้มองเห็นความสาคัญ คุณค่าของสื่อการสอน และบังเกิด
ความพร้อมในทุกๆด้านต่อการชื่อการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเต็มตามศักยภาพ นั่นคือตัวแปรที่
เกี่ยวกับ “ทัศนคติ ( Attitude )” ที่บังเกิดขึ้นนั่นเอง
6. -6-
ทัศนคติ : ตัวแปรสาคัญที่ส่งผลต่อการใช้สื่อการเรียนการสอน
จากผลการวิจัยของ วิลลิส ( Willis , 1981 ) เกี่ยวกับทัศนคติของครูมัธยมศึกษา 20 แห่งใน
เมืองเวย์น ( Wayne ) มลรัฐมิชิแกน ( Michigan ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลการวิจัยพบว่า
- ร้อยละ 81 มีความเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อของโรงเรียนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะ
ให้บริการข้อสนเทศในการใช้สื่อการเรียนการสอนแก่ครู
- ร้อยละ 64 บอกว่าผูเชี่ยวชาญด้านสื่อของโรงเรียนไม่สามารถให้ความช่วยเหลือในด้านการใช้
้
สื่อการสอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขณะที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอน
- ในขณะเดียวกันร้อยละ 41 ของคาตอบจากผูเชี่ยวชาญด้านสื่อการสอนของโรงเรียนที่กล่าวว่า
้
พวกเขาไม่ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงในด้านการใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ของครูผสอน ู้
จากเหตุผลและสาเหตุที่ก ล่าวมานั้นแสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นที่ไ ม่ตรงกัน ตลอดจนการ
ทางานที่ไม่สอดคล้องสัมพันธ์กันในหน่วยงาน ซึ่งจะนามายังทัศนคติต่อการใช้สื่อการเรียนการสอนใน
แง่ ล บได้ ดั ง นั้ น การเปลี่ ย นแปลงทั ศ นคติ ข องครู ใ ห้ บั ง เกิ ด ขึ้ น ในทางบวกได้ นั้ น ต้ อ งมี ก าร “ปรั บ
พฤติกรรม ( Behaviors )” ให้บังเกิดขึ้นด้วย ดังที่ กรีน ( Green , 1980 อ้างถึงใน Day and School ,
1987 ) ได้กล่าวว่า การปรับพฤติกรรมให้บังเกิดขึ้นนั้น ต้องจัดกระทากับองค์ประกอบสาคัญ 3
องค์ประกอบได้แก่
1. องค์ประกอบในการโน้มน้าวจิตใจ ( Predisposing Factors )
2. องค์ประกอบเกี่ยวกับการสร้างทักษะความสามารถ ( Enabling Factors )
3. องค์ประกอบเกี่ยวกับการสร้างแรงจูงใจ ( Reinforcing Factors )
7. -7-
การโน้มน้าวจิตใจ เป็นวิธีการสร้างทัศนคติที่ดีให้บังเกิดขึ้นในขั้นตอนแรก ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้ครู
ได้มองเห็นคุณค่าและความสาคัญของสื่อการเรียนการสอน ตลอดทั้งกระตุ้นให้ครูมีความตื่นตัวต่อการ
ใช้ส่ออย่างถูกต้องและมีแบบแผน
ื
การสร้างทักษะความสามารถ เป็นการเสริมสร้างทักษะความสามารถในการใช้สื่อการเรี ยน
การสอนเพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้สื่อให้บังเกิดขึ้นกับตัวครู ทั้งนี้เพื่อให้ครูเกิดทักษะความชานาญในการ
ผลิต การใช้ รวมทั้งเกิดความมั่นใจในการใช้สื่อการสอน
การสร้างแรงจูงใจ เป็นการเสริมสร้างขวัญกาลังใจ ตลอดทั้งการให้รางวัลเป็นสิ่งตอบแทนแก่
ครูผใช้ส่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดสิ่งอานวยความสะดวกไว้คอยบริการ
ู้ ื
ในด้านสื่อการเรียนการสอน
ดังนั้นกรรมวิธีเพื่อสนับสนุนและก่อให้เกิดการปรับพฤติกรรมทั้ง 3 ด้านดังที่กล่าวมานั้น อาจ
กระทาได้ดังต่อไปนี้ ( Day and School , 1987 )
1. จัดองค์การหรือหน่วยงานให้สอดคล้องเกื้อหนุนกัน ( Organizational Support )โดย
จัดให้มองค์การหรือหน่วยงานทาการนิเทศช่วยเหลือ สนับสนุนครูผู้สอนในการใช้สื่อการสอนให้บังเกิด
ี
ประสิทธิผลมากยิ่งขึน และควรจัดกระทาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน
้
2. ผลิตสื่อการสอนให้ง่ายต่อการใช้ ( Making Media Easier to Use ) สาเหตุที่ครูไม่
ค่อยใช้สื่อบางประเภทเนื่องมาจากสื่อชนิดนั้นยากต่อการใช้และไม่รู้จักวิธีการใช้ สื่อมีความซับซ้อนใน
ระบบการทางาน ดังนั้นจึงควรสรรหาหรือผลิตสื่อที่ง่ายต่อการใช้และต้องมีความพร้อมที่จะนาไปใช้
3. ให้การฝึกอบรม ( Training ) ทั้งในรูปแบบของการฝึกอบรมระยะสั้น ระยะยาว มีการ
นาเสนอเทคนิควิธีการใช้สื่อในรูปแบบต่างๆทั้งที่เป็นสื่อใหม่และสื่อแปลกๆ การฝึกอบรมจะเป็นการ
สร้างแรงจูงใจรวมทั้งช่วยโน้มน้าวจิตใจให้เกิดความรู้ ทักษะ และเทคนิคใหม่ๆในการใช้สื่อการเรียนการ
สอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
แนวทางส่งเสริมการใช้สื่อการเรียนการสอนให้บังเกิดประสิทธิภาพ
แนวทางการส่งเสริมการใช้สื่อการเรียนการสอนนั้นสามารถจัดกระทาได้หลากหลายรูปแบบ
ด้ว ยกั น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กั บ ความเหมาะสมและสภาพการณ์ขององค์ก าร อย่างไรก็ ตามถึงแม้ว่าวิธีก าร
ส่ ง เสริ ม การใช้ สื่ อ การสอนมี ค วามหลากหลาย แต่ เ ป้ า หมายของแต่ ล ะวิ ธี ก ารนั้ น จะส่ ง ผลต่ อ
ประสิทธิภาพของงานนั่นเอง
เว็ดแมน ( Wedman , 1988 ) แห่งมหาวิทยาลัยมิสซูรี ( University of Missouri-Columbia )
ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นาเสนอรูปแบบของการส่งเสริมการใช้ส่อการเรียนการสอน โดยใช้รูปแบบที่
ื
8. -8-
เรียกว่า IPEM Model ( Instructional Performance Engineering Model ) ซึ่งกล่าวว่าการส่งเสริมให้
ผู้บริหาร/ผู้นิเทศ กับครูผู้สอน มีเจตคติที่ดีและสามารถใช้สื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นั้น จะต้องมีการจัดกระทากับองค์ประกอบ 3 ด้านอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไปตามลาดับขั้น กล่าวคือ
จะต้องจัดกระทาในด้านสารสนเทศพื้นฐาน ( Information ) วิธีการปฏิบัติ ( Instrumentation ) และด้าน
การเสริมแรง ( Motivation ) ดังแสดงให้เห็นจากภาพ
ภาพที่ 1. IPEM กับการประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการใช้สื่อการเรียนการสอน
สารสนเทศ วิธีการปฏิบัติ การเสริมแรง
ผู้บริหาร/ผู้ (1) (2) (3)
นิเทศ -วางจุดมุ่งหมายของการ -จัดสรรสื่อการสอน/วัสดุ -ให้รางวัล กระตุนและ
้
ใช้สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์ให้เพียงพอและ เสริมแรง
-วิเคราะห์การใช้สื่อการ เหมาะสม -ยอมรับต่อผลหรือการ
สอนอย่างต่อเนื่อง -กาหนดตารางเวลา ปฏิบัติ
ครูผู้สอน (4) (5) (6)
-ความรูและทักษะที่
้ -การใช้สื่ออย่างต่อเนื่อง -มีความต้องการที่จะใช้
จาเป็นต่อการใช้สื่อการ เกิดทักษะความชานาญ สื่อการสอนอย่างมี
สอน และมีทัศนคติทดีต่อการ
ี่ ประสิทธิภาพ
ใช้สื่อการสอน
ก. ผู้บริหาร/ผู้นิเทศ
ขั้นที่ 1. เป็นการจัดกระทาในด้านสารสนเทศเบื้องต้นที่ผู้บริหารหรือผู้นิเทศต้องดาเนินการโดย
การกาหนดเป็นจุดมุ่งหมาย นโยบายวางแผน และทาความเข้าใจกับจุดมุ่งหมายและนโยบายที่กาหนด
ไว้ ตลอดทั้งมีการวิเคราะห์ผลการใช้ส่อการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
ื
ขั้นที่ 2. ดาเนินการโดยผู้บริหาร/ผู้นิเทศจัดสรรหรือเตรียมสื่อการเรียนการสอนให้หน่วยงาน
อย่างเพีย งพอต่ อการใช้และมีค วามเหมาะสมต่ อลัก ษณะงาน นอกจากนี้ผู้บ ริหารหรือผู้นิเ ทศควร
กาหนดตารางเวลาของการใช้สื่อการสอนให้เหมาะสมอีกด้วย
9. -9-
ขั้นที่ 3. เป็นขั้นตอนการเสริมแรงโดยผู้บริหารหรือผู้นิเทศจัดกระทาต่อครูผู้สอนเพื่อเป็นการ
กระตุ้นหรือเสริมแรงให้ครูเ กิด ทัศนคติที่ดีต่อการใช้สื่อการเรียนการสอน วิธีก ารอาจใช้ โดยการให้
รางวัลหรือให้ผลตอบแทนตามความเหมาะสม บังเกิดความพึงพอใจแก่หลายฝ่าย
ข. ครูผู้สอน / ผู้ใช้สื่อการสอน
ขั้นที่ 4. เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ครูควรได้รับเกี่ยวกับความรู้และทักษะในการผลิต การใช้สื่อการ
สอน ซึ่งรูปแบบในการจัดกระทาอาจเป็นรูปแบบของการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับสื่อนวัตกรรม
ต่างๆในการจัดการเรียนการสอน
ขั้นที่ 5. วิธีดาเนินการโดยส่งเสริมให้ครูได้ฝึกหรือใช้สื่อการสอนอย่างต่อเนื่องสม่าเสมอ จน
ครูผสอนเกิดทักษะความชานาญในการใช้สื่อการเรียนการสอน
ู้
ขั้นที่ 6. ครูผู้สอนบังเกิดแรงจูงใจและมีความปรารถนาที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนให้บังเกิด
ประสิท ธิ ภาพสู งสุ ด เนื่องจากครูมี ทัก ษะความชานาญ เกิด แรงจูงใจในการใช้ สื่อแล้วยั งได้รับ การ
เสริมแรงจากผู้บริหารหรือผูนิเทศจากผลรางวัลที่ได้รับอีกด้วย
้
บทสรุป
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่ากระบวนการใช้สื่อการเรียนการสอนที่บังเกิดประสิทธิผลและ
มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น สิ่งสาคัญที่สุดต้องมีการจัดกระทากับตัวบุคคล ( Personnel ) หรือครูผู้สอนให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต้องการเสียก่อน นั่นคือ ต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวบุคคล
ให้เห็นคุณค่าและมองเห็นประโยชน์จากสื่อการเรียนรู้ในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการ
สอนขององค์การหรือหน่วยงาน วิธีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวบุคคลอาจจัดกระทาโดยการปรับ
พฤติกรรมในลักษณะของการจัดสภาพองค์การหรือหน่วยงานให้เกื้อหนุน สร้างสื่อการสอนให้สะดวก
และง่า ยต่ อการใช้ และสิ่ง ส าคั ญ ที่สุ ด คื อการให้ ความรู้ และทั ก ษะ แก่ บุค ลากรในรูป แบบของการ
ฝึกอบรม ซึ่งวิธีการต่างๆเหล่านี้จะนามาซึ่งทัศนคติที่ดต่อการผลิตและการใช้สื่อการสอน นอกจากนี้ยัง
ี
สามารถประยุกต์รูปแบบที่เรียกว่า IPEM Model เข้ามาบูรณาการปรับใช้ในหน่วยงานเพื่อส่งเสริมให้ครู
อาจารย์มีความรู้ เกิดทักษะในการใช้สื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุ ดต่อไป จึงขอ
นาเสนอแนวคิดนี้เพื่อนาไปสู่การปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนาไปปรับใช้หรือกาหนดเป็นยุทธศาสตร์
การพัฒนาด้านสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในทุกๆระดับ
............................
10. -10-
เอกสารอ้างอิง
( References )
กิดานันท์ มลิทอง. ( 2531 ) เทคโนโลยีการศึกษาร่วมสมัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
Day , John and School , Paul. ( 1987 ). “Media Attitude of Teachers Can Be Change”
Educational Technology. ( January 1987 ) : 23 – 24.
Rose , Sylvia N. ( 1982 ). “Barriers to the Use of Educational Technology and Recommendation
To Promote and Increase Their Use.” Educational Technology. ( December 1982 )
: 12 – 15.
Wedman , John F. ( 1988 ). “Increasing the Use of Instructional Media in the Schools”
Educational Technology. ( October 1988 ) : 26 – 31.
Willis , Kene F. ( 1981 ) “Educational Technology : Teacher and Library Media Specialist
Knowledge of Instructional Design and Media Selection and Utilization” Educational
Technology. ( April 1981 ) : 47 – 51.