SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 13
Downloaden Sie, um offline zu lesen
ธรรมะเสวนา
หลวงปูเทสก เทสรังสี
หลวงปูเทสก เทสรังสี
“ใจ” คือตัวกลางๆ ไมมีอะไรทั้งหมด ไมมีอดีตอนาคต
ไมคิดนึกปรุงแตงทั้งดีและชั่ว มีแตความรูตัว อยูกับปจจุบันเทานั้น
มโน คือ “ใจ” คือมันเปนกลางๆอยู ไมมีอะไร ดี-ชั่ว บาป-บุญ
และอะไรทั้งหมดก็ไมมีในที่นั้น วางเฉยๆ
เมื่อมีผัสสะอายตนะ ความรูก็เกิดขึ้น เรียกวา “วิญญาณ”
 เมื่อ”วิญญาณ”เกิดขึ้นแลว แสสายไปตามอายตนะ เรียกวา “จิต”
“จิต” กับ “ใจ” ความจริงก็อันเดียวกันนั่นแหละ
แต”จิต”เปนผูคิดนึกปรุงแตงเกิดกิเลสสารพัดทั้งปวง
เมื่อปญญาเขาไปรูเทาเรื่องของจิตทั้งหมดแลว
จิตก็หยุดนิ่ง ไมมีอาการอีก จึงเรียกวา “ใจ” เปนของกลางๆ
“ใจ” เมื่อมีอายตนะ ซึ่งเปนชองทางหรือบอเกิดอารมณตางๆจากภายนอก
เมื่อ”ใจ”รับอารมณ ก็จะเกิดการปรุงแตง นึกคิด ซัดสายไปตามอารมณนั้นๆ
ทําใหเกิดความรูสึก รัก-ชัง โลภ โกรธ หลง เปนอาการของ”ใจ” เรียกวา “จิต”
หลวงปูเทสก เทสรังสี
เมื่อ “ใจ” ไมหลงไปตาม “จิต” เพราะ “ใจ” รูเทาเขาใจอาการของ “จิต”
วา “จิต” เปนผูนําอารมณใหปรุงแตงวุนวาย
“ใจ” ก็จะอยูคนเดียวตามธรรมชาติของ “ใจ”
เมื่อ “ใจ” เปนธรรมชาติของมันแลว
“จิต” จะปรุงแตงก็ไมเขาถึง “ใจ”
เพราะ “ใจ” ไมมีอาการไปแลอาการมา
ไมมีนอกแลใน ไมมีความยินดีแลยินราย
ปลอยวางเฉยในสิ่งทั้งปวง แลว “จิต” ก็จะขวยเขินไปเอง
“จิต” ธรรมชาติ เปนของผองใส อาคันตุกะกิเลสมันพาใหเศราหมอง
ที่มาหัดทําสมาธิภาวนานี้ ก็เพื่อขัดเกลาใหกิเลสหมดสิ้นไป
เพื่อใหมันใสสะอาด คืนตามธรรมชาติเดิม
ผูตองการชําระจิตใจของตนใหสะอาดปราศจากกิเลสทั้งปวง ตองชําระ “จิต”นี้
แหละ ไมตองไปชําระที่ “ใจ”หรอก เมื่อชําระที่ “จิต”แลว “ใจ”มันก็สะอาดไปเอง
เมื่อชําระ “จิต” ใหใสสะอาดแลว ก็จะกลายมาเปน “ใจ” ไปในตัว
หลวงปูเทสก เทสรังสี
“สติ” และ “จิต” เปนอาการของ “ใจ” “จิต” เปนผูนึกผูคิด แสสายไปตางๆนานา
จึงกลายเปนกิเลส ดวยเหตุนั้นจึงตองใช “สติ” ควบคุมไมใหออกนอกลูนอกทาง
“สติ” คุม “จิต” ไดมากเทาไร “ปญญา” ก็เพิ่มพลังขึ้นมากเทานั้น
“สติ” กับ “ใจ” อยูดวยกัน “สติ” อยูตรงไหน “ใจ” ก็อยูตรงนั้น
“ใจ” อยูตรงไหน “สติ” ก็อยูตรงนั้น
ฐานที่ตั้งที่ฝกอบรม “สติ” คือ “สติปฏฐาน 4”
อันไดแก กาย เวทนา จิต ธรรม นั่นเอง
ธรรมอื่นใดนอกจากนี้ ถึงจะมีมากขอแลวิธีปฏิบัติมากอยางก็ตาม
เมื่อปฏิบัติเขาถึงหลักธรรมที่ถูกตองแลว จะตองรวมลงมาหา “สติปฏฐาน” นี้ทั้งนั้น
และก็ทางเดียวเทานี้ ที่จะนําผูปฏิบัติใหพนจากทุกขทั้งปวงได
“สติปฏฐาน” นอกจากจะเปน ทั้ง โลกียะ และ โลกุตตระ แลว
ผูอบรมทั้งหลาย จะเปนไดทั้ง สมถะ และ วิปสสนา อีกดวย
แลวก็ทางเดียวเทานี้ ที่จะนําผูปฏิบัติใหพนจากกองทุกขทั้งปวงได
หลวงปูเทสก เทสรังสี
คําวา “รูเทารูทัน” ก็บงชัดอยูแลววา “ผูรู” คือ “จิต”
“รูเทา” ก็คือ รูเทาที่ “จิต” รูอยูนั้น ไมเหลือไมเกิน
เมื่อรูเทาอยางนี้แลว อาการของ”จิต” ไมมี
เมื่ออาการของ “จิต” ไมมี รอยของ “จิต” ก็ไมมี
แลวใครจะเปนผูไปตามรอยของ “จิต” อีกเลา
รวมความแลว “สติ” ระลึกอยูตรงไหน “ใจผูรู” ก็อยูตรงนั้น
“สติ” กับ “ผูรู” เทากัน อยุ ณ ที่เดียวกัน ทํางานรวมกัน ขณะเดียวกัน
คําวา “รูแจงแทงตลอด” ก็หมายเอาความรูที่รูชัดรูแจงของ “ผูรู” ที่รูไมเหลือไมเกิน
แทงตลอด คือ ตลอดเบื้องตน ตั้งแตเริ่มคิดเริ่มรุ
จนตรวจตรองรูชัดถองแทลงเปนสภาวธรรม
“จิต” ไมสงสายแสหาอะไรอีกตอไป
เพราะ ความแจงแทงตลอดในเหตุผลนั้นๆ หมดสิ้นแลว
หลวงปูเทสก เทสรังสี
มรรค 8 เปนทางดําเนินดวยใจ ถึงแมนจะแสดงออกมาใหเปนศีล
ก็แสดงศีลในองคมรรคนั่นเอง มรรคแทมีอันเดียว คือ สัมมาทิฏฐิ
อีก 7 ขอเบื้องปลายเปนบริวารบริขารของสัมมาทิฏฐิทั้งนั้น
หากขาดสัมมาทิฏฐิตัวเดียวแลว สัมมาสังกัปปะเปนตนยอมเปนไปไมได
สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ พอปญญาสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นเทานั้นแหละ
มันก็เปนองคมรรค 8 สมบูรณบริบูรณเลย
เหตุนั้น มรรค 8 รวมอยูในที่เดียวกัน รวมอยูในจุดเดียวกัน
เมื่อจิตเปนสมาธิแนวแนเต็มที่แลว สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบก็เกิด
ณ ที่สัมมาสมาธินั้นเอง คือเห็นทุกข เห็นสมุทัย
สวนจะละไดมากนอยขนาดไหนก็แลวแตกําลังปญญาสัมมาทิฏฐิของตนๆ
เมื่อละไดแลว นิโรธความดับเย็นขนาดไหนก็จะปรากฎขึ้นเฉพาะตนในที่นั้น
หลวงปูเทสก เทสรังสี
มรรค 8 คือ ศีล สมาธิ ปญญา เทานั้น เปนทางเอก
อันจะนําสัตวใหถึงซึ่งความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสได
มรรควิถี มันตองมีกิเลส ถาไมมีกิเลส มรรคจะไปดับอะไร
กิเลสกับมรรคเกิดขึ้นพรอมๆกันนั่นแหละ
ถาไมเกิดพรอมกัน มันจะดับกันไดอยางไร
แลวกิเลสดับพรอมๆกับมรรคนั่นแหละ
การอบรมกาย ไดแก สมถะ ละ ราคะ
การอบรมจิต ไดแก วิปสสนา ละ อวิชชา
มรรคผลนิพพานไมใชอื่นไกล คือ
ผูมาชําระใจของตนใหบริสุทธิ์ ดวยปญญาอันชอบแลว
มองเห็นโลกตามสภาพความเปนจริง ดวยปญญาอันชอบแลว
ไมเขาไปยึดถือในโลกทั้งปวง
หลวงปูเทสก เทสรังสี
ผูที่จะเขาอริยภูมิ ก็ตองเขาถึงจิตเปนหนึ่ง เรียกวา “มรรคสมังคี”
จิตรวมศีล สมาธิ ปญญา เขามาเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงจะเขาถึงอริยภูมิได
จิตรวบรวมเอาความคิดความนึก อารมณเล็กๆนอยๆ ที่มีความของกังวลอยู
ยกขึ้นมาวินิจฉัย เพงพิจารณาดวยปญญาสัมมาทิฏฐิ
 ไดชื่อวา เปนวิถีเดินมรรคใหเขาถึง “มรรคสมังคี”
ผูเจริญวิปสสนาทั้งหลาย เมื่ออายตะภายในและภายนอกมากระทบกันเขา
มีความรูสึกเกิดขึ้น ยอมพิจารณาเปนไตรลักษณญาณ อยางนี้ทุกขณะ
ไมวาอิริยาบถใดๆทั้งหมด ดวยอํานาจผูเจริญฌาน-สมาธิ และ วิปสสนานี้แหละ
จนชํานิชํานาญแกกลาแลว จึงทําใหเกิด “มรรคสมังคี”
จิตที่คนควาปฏิบัติอยุในมรรค คิดคนแสวงหาเหตุหาผล เรื่องราวตางๆ
รูชัดตามเปนจริง แลวจึงรวมลงในที่เดียว เรียกวา “มรรคสมังคี”
จึงจะประหัตประหารกิเสลทั้งหลายได
หลวงปูเทสก เทสรังสี
“มรรคสมังคี” ไมใชจิตที่รวมเขาภวังคอยางฌาน และไมใชจิตที่รวมเขา
เปนสมาธิอยางสมาธิ แตจะรวมเขาเปนอันหนึ่งอันเดียวเหมือนกัน
เมื่อวิปสสนาพิจารณาคนควาหาเหตุผลภายนอกภายใน เห็นแจมแจงชัดเจน
ตามความเปนจริง ไมเคลือบแคลงสงสัยแลว
จิตก็รวมเอาองคมรรคทั้ง 8 (ศีล สมาธิ ปญญา) เขามาไวในที่เดียว
ใหเปนสัมมาทิฏฐิอันเดียว ในขณะจิตเดียว
แลวก็ถอนออกมา จากนั้นก็เดินไปตามกามาพจรจิต
แตมีความรูเทาอยูตลอดเวลา ไมไดหลงไปตามกามารมณเชนเมื่อกอน
“มรรคสมังคี” เปนที่รวมของอริยมรรคทั้ง 8 อันมีสัมมาทิฏฐิเปนตน
หรือ สรรพวิชาความรูใดๆก็ตาม ที่ไดคิดติดตามมาจนรูชัดเจนในเหตุผลนั้นๆ
ทั้งที่ดีและที่ไมดี จนปลอยวางลงไปไดเปนตอนๆ เปนพักๆ แลวนั้น
“มรรคสมังคี” จะตองประมวลรวบรวมลงมาไว ณ ที่เดียว
แลวตัดสินชี้ขาดวา อันนี้เปนหนทาง หรือ มิใชหนทางใหพนจากทุกข
หลวงปูเทสก เทสรังสี
ใจกับกาย คือ ความตางระหวาง นามกับรูป เปนการแยกกันอยางเดนชัด
แตภายใน การแยกนั้นก็มีความสัมพันธกัน
จิตกับใจ มิใชอันเดียวกัน
จิต เปนผูคิด นึก ปรุงแตงสัญญา อารมณ สรรพสิ่งทั้งปวง
ใจ เปนผูนิ่งอยูเฉยๆ เพียงแตรู วานิ่งอยูเฉยๆ ไมมีคิด นึก ปรุงแตงอะไรเลย
เหมือนกับ แมน้ํากับคลื่นของแมน้ํา
เมื่อคลื่นสงบแลว ยังจะเหลือแต แมน้ําอันใสแจวอยูอยางเดียว
สรรพวิชาทั้งหลาย แลกิเลสทั้งปวง จะเกิดมีขึ้นมาได
ก็เพราะจิตคิดนึกปรุงแตงแสสายหามา
สิ่งทั้งปวงเหลานั้น จะเห็นไดชัดดวยใจของตนเอง
ก็ตอเมื่อจิตนิ่ง แลวจึงเขาถึงใจ
หลวงปูเทสก เทสรังสี
น้ําเปนของใสสะอาดโดยธรรมชาติอยูแลว
เมื่อมีผูเอาสีตางๆมาผสมน้ํานั้น น้ํายอมเปลี่ยนแปลงไปตามสีนั้น
แตเมื่อกลั่นกรองเอาน้ํานั้นออกมาจากสีนั้นๆแลว
น้ําก็จะใสสะอาดดังเดิม
พระพุทธเจา ตรัสไววา
"จิตอันใด ใจก็อันนั้น ถาไมมีใจ จิตก็ไมมี
จิตเปนอาการ ใจไมมีอาการ"
เมื่อเขาถึงใจ เห็นใจของตนแลว
ก็จะเห็นสรรพกิเลสของตนทั้งหมด
เพราะจิต มันสะสมกิเลสไวที่จิตทั้งหมด
หลวงปูเทสก เทสรังสี
เราบริกรรม "พุทโธ พุทโธ พุทโธ" ก็เพื่อใหจิตรวมเขาเปนหนึ่ง
ธรรมดาจิตมันฟุงซานอยูแลว
เมื่อบริกรรมนานๆเขา จิตก็จะคอยคลายความฟุงซาน
แลวจะคอยรวมเขาหา "พุทโธ"
จิตก็จะตั้งมั่นเปนอารมณเดียวกับ "พุทโธ"
จนเห็นวา "พุทโธ“ อันใดจิตก็อันนั้น อยูตลอดทุกเมื่อ
อุปสรรคแหงจิตที่เปนสมาธิอยางรายแรง คือ ความอยาก
สมาธิเสื่อมเพราะหลักสมาธิ คือพุทโธไมมั่นคง
แคอยากไดอารมณที่เคยไดรับจากสมาธิ หรือความสงบสุขจากสมาธิ
จิตก็ยิ่งฟุงใหญ

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐานบทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐานOnpa Akaradech
 
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนคำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนMI
 
Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo larMI
 
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์บรรพต แคไธสง
 
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกMI
 
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖Anchalee BuddhaBucha
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาprimpatcha
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔Padvee Academy
 
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิดสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิดPadvee Academy
 
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตกลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตfreelance
 
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายานอัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายานPadvee Academy
 
ปริเฉทที่ 3
ปริเฉทที่ 3ปริเฉทที่ 3
ปริเฉทที่ 3Onpa Akaradech
 
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์Rath Saadying
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาmagicgirl123
 
จิตวิทยาแห่งนิพพาน
จิตวิทยาแห่งนิพพานจิตวิทยาแห่งนิพพาน
จิตวิทยาแห่งนิพพานPadvee Academy
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานPadvee Academy
 
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะPadvee Academy
 
หลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาหลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาkruudompcccr
 

Was ist angesagt? (20)

บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐานบทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
 
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนคำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
 
Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo lar
 
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
 
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
 
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
 
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิดสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
 
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตกลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
 
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายานอัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน
 
ธรรมภาคปฏิบัติ ๕
ธรรมภาคปฏิบัติ ๕ธรรมภาคปฏิบัติ ๕
ธรรมภาคปฏิบัติ ๕
 
ปริเฉทที่ 3
ปริเฉทที่ 3ปริเฉทที่ 3
ปริเฉทที่ 3
 
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
 
จิตวิทยาแห่งนิพพาน
จิตวิทยาแห่งนิพพานจิตวิทยาแห่งนิพพาน
จิตวิทยาแห่งนิพพาน
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
 
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
 
หลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาหลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนา
 
บทความ (สังขาร)
บทความ (สังขาร)บทความ (สังขาร)
บทความ (สังขาร)
 

Ähnlich wie ธรรมะเสวนา หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์Nhui Srr
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์Panda Jing
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน Tongsamut vorasan
 
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcoolTongsamut vorasan
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasatiTongsamut vorasan
 
5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice
5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice
5 มรรควิธีที่ง่าย easypracticeTongsamut vorasan
 
Luangta mahabua
Luangta mahabuaLuangta mahabua
Luangta mahabuaMI
 
Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2MI
 
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616Sombat Nakasathien
 
ธรรม
ธรรมธรรม
ธรรมaon04937
 
ธรรมะจากหลวงตา1
ธรรมะจากหลวงตา1ธรรมะจากหลวงตา1
ธรรมะจากหลวงตา1MI
 
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพโพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพTongsamut vorasan
 
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพTongsamut vorasan
 
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)Songsarid Ruecha
 

Ähnlich wie ธรรมะเสวนา หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (20)

พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
 
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
 
17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
มุตโตทัย
มุตโตทัยมุตโตทัย
มุตโตทัย
 
4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati
 
คำนำทำ1
คำนำทำ1คำนำทำ1
คำนำทำ1
 
5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice
5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice
5 มรรควิธีที่ง่าย easypractice
 
Luangta mahabua
Luangta mahabuaLuangta mahabua
Luangta mahabua
 
Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2
 
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616
ธรรมที่จำเป็น สู่การพ้นทุกข์ 20170616
 
ธรรม
ธรรมธรรม
ธรรม
 
ธรรมะจากหลวงตา1
ธรรมะจากหลวงตา1ธรรมะจากหลวงตา1
ธรรมะจากหลวงตา1
 
Bhaddhatath Dhamma
Bhaddhatath Dhamma  Bhaddhatath Dhamma
Bhaddhatath Dhamma
 
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพโพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
 
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ
 
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
 

Mehr von Taweedham Dhamtawee

2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 52015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5Taweedham Dhamtawee
 
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญาTaweedham Dhamtawee
 
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v22014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2Taweedham Dhamtawee
 
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตTaweedham Dhamtawee
 
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมTaweedham Dhamtawee
 

Mehr von Taweedham Dhamtawee (6)

2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 52015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
 
Exim CG Corner 2557-12
Exim CG Corner 2557-12Exim CG Corner 2557-12
Exim CG Corner 2557-12
 
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
 
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v22014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
 
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
 
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
 

ธรรมะเสวนา หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

  • 2.
  • 3. หลวงปูเทสก เทสรังสี “ใจ” คือตัวกลางๆ ไมมีอะไรทั้งหมด ไมมีอดีตอนาคต ไมคิดนึกปรุงแตงทั้งดีและชั่ว มีแตความรูตัว อยูกับปจจุบันเทานั้น มโน คือ “ใจ” คือมันเปนกลางๆอยู ไมมีอะไร ดี-ชั่ว บาป-บุญ และอะไรทั้งหมดก็ไมมีในที่นั้น วางเฉยๆ เมื่อมีผัสสะอายตนะ ความรูก็เกิดขึ้น เรียกวา “วิญญาณ” เมื่อ”วิญญาณ”เกิดขึ้นแลว แสสายไปตามอายตนะ เรียกวา “จิต” “จิต” กับ “ใจ” ความจริงก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต”จิต”เปนผูคิดนึกปรุงแตงเกิดกิเลสสารพัดทั้งปวง เมื่อปญญาเขาไปรูเทาเรื่องของจิตทั้งหมดแลว จิตก็หยุดนิ่ง ไมมีอาการอีก จึงเรียกวา “ใจ” เปนของกลางๆ “ใจ” เมื่อมีอายตนะ ซึ่งเปนชองทางหรือบอเกิดอารมณตางๆจากภายนอก เมื่อ”ใจ”รับอารมณ ก็จะเกิดการปรุงแตง นึกคิด ซัดสายไปตามอารมณนั้นๆ ทําใหเกิดความรูสึก รัก-ชัง โลภ โกรธ หลง เปนอาการของ”ใจ” เรียกวา “จิต”
  • 4. หลวงปูเทสก เทสรังสี เมื่อ “ใจ” ไมหลงไปตาม “จิต” เพราะ “ใจ” รูเทาเขาใจอาการของ “จิต” วา “จิต” เปนผูนําอารมณใหปรุงแตงวุนวาย “ใจ” ก็จะอยูคนเดียวตามธรรมชาติของ “ใจ” เมื่อ “ใจ” เปนธรรมชาติของมันแลว “จิต” จะปรุงแตงก็ไมเขาถึง “ใจ” เพราะ “ใจ” ไมมีอาการไปแลอาการมา ไมมีนอกแลใน ไมมีความยินดีแลยินราย ปลอยวางเฉยในสิ่งทั้งปวง แลว “จิต” ก็จะขวยเขินไปเอง “จิต” ธรรมชาติ เปนของผองใส อาคันตุกะกิเลสมันพาใหเศราหมอง ที่มาหัดทําสมาธิภาวนานี้ ก็เพื่อขัดเกลาใหกิเลสหมดสิ้นไป เพื่อใหมันใสสะอาด คืนตามธรรมชาติเดิม ผูตองการชําระจิตใจของตนใหสะอาดปราศจากกิเลสทั้งปวง ตองชําระ “จิต”นี้ แหละ ไมตองไปชําระที่ “ใจ”หรอก เมื่อชําระที่ “จิต”แลว “ใจ”มันก็สะอาดไปเอง เมื่อชําระ “จิต” ใหใสสะอาดแลว ก็จะกลายมาเปน “ใจ” ไปในตัว
  • 5. หลวงปูเทสก เทสรังสี “สติ” และ “จิต” เปนอาการของ “ใจ” “จิต” เปนผูนึกผูคิด แสสายไปตางๆนานา จึงกลายเปนกิเลส ดวยเหตุนั้นจึงตองใช “สติ” ควบคุมไมใหออกนอกลูนอกทาง “สติ” คุม “จิต” ไดมากเทาไร “ปญญา” ก็เพิ่มพลังขึ้นมากเทานั้น “สติ” กับ “ใจ” อยูดวยกัน “สติ” อยูตรงไหน “ใจ” ก็อยูตรงนั้น “ใจ” อยูตรงไหน “สติ” ก็อยูตรงนั้น ฐานที่ตั้งที่ฝกอบรม “สติ” คือ “สติปฏฐาน 4” อันไดแก กาย เวทนา จิต ธรรม นั่นเอง ธรรมอื่นใดนอกจากนี้ ถึงจะมีมากขอแลวิธีปฏิบัติมากอยางก็ตาม เมื่อปฏิบัติเขาถึงหลักธรรมที่ถูกตองแลว จะตองรวมลงมาหา “สติปฏฐาน” นี้ทั้งนั้น และก็ทางเดียวเทานี้ ที่จะนําผูปฏิบัติใหพนจากทุกขทั้งปวงได “สติปฏฐาน” นอกจากจะเปน ทั้ง โลกียะ และ โลกุตตระ แลว ผูอบรมทั้งหลาย จะเปนไดทั้ง สมถะ และ วิปสสนา อีกดวย แลวก็ทางเดียวเทานี้ ที่จะนําผูปฏิบัติใหพนจากกองทุกขทั้งปวงได
  • 6. หลวงปูเทสก เทสรังสี คําวา “รูเทารูทัน” ก็บงชัดอยูแลววา “ผูรู” คือ “จิต” “รูเทา” ก็คือ รูเทาที่ “จิต” รูอยูนั้น ไมเหลือไมเกิน เมื่อรูเทาอยางนี้แลว อาการของ”จิต” ไมมี เมื่ออาการของ “จิต” ไมมี รอยของ “จิต” ก็ไมมี แลวใครจะเปนผูไปตามรอยของ “จิต” อีกเลา รวมความแลว “สติ” ระลึกอยูตรงไหน “ใจผูรู” ก็อยูตรงนั้น “สติ” กับ “ผูรู” เทากัน อยุ ณ ที่เดียวกัน ทํางานรวมกัน ขณะเดียวกัน คําวา “รูแจงแทงตลอด” ก็หมายเอาความรูที่รูชัดรูแจงของ “ผูรู” ที่รูไมเหลือไมเกิน แทงตลอด คือ ตลอดเบื้องตน ตั้งแตเริ่มคิดเริ่มรุ จนตรวจตรองรูชัดถองแทลงเปนสภาวธรรม “จิต” ไมสงสายแสหาอะไรอีกตอไป เพราะ ความแจงแทงตลอดในเหตุผลนั้นๆ หมดสิ้นแลว
  • 7. หลวงปูเทสก เทสรังสี มรรค 8 เปนทางดําเนินดวยใจ ถึงแมนจะแสดงออกมาใหเปนศีล ก็แสดงศีลในองคมรรคนั่นเอง มรรคแทมีอันเดียว คือ สัมมาทิฏฐิ อีก 7 ขอเบื้องปลายเปนบริวารบริขารของสัมมาทิฏฐิทั้งนั้น หากขาดสัมมาทิฏฐิตัวเดียวแลว สัมมาสังกัปปะเปนตนยอมเปนไปไมได สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ พอปญญาสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นเทานั้นแหละ มันก็เปนองคมรรค 8 สมบูรณบริบูรณเลย เหตุนั้น มรรค 8 รวมอยูในที่เดียวกัน รวมอยูในจุดเดียวกัน เมื่อจิตเปนสมาธิแนวแนเต็มที่แลว สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบก็เกิด ณ ที่สัมมาสมาธินั้นเอง คือเห็นทุกข เห็นสมุทัย สวนจะละไดมากนอยขนาดไหนก็แลวแตกําลังปญญาสัมมาทิฏฐิของตนๆ เมื่อละไดแลว นิโรธความดับเย็นขนาดไหนก็จะปรากฎขึ้นเฉพาะตนในที่นั้น
  • 8. หลวงปูเทสก เทสรังสี มรรค 8 คือ ศีล สมาธิ ปญญา เทานั้น เปนทางเอก อันจะนําสัตวใหถึงซึ่งความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสได มรรควิถี มันตองมีกิเลส ถาไมมีกิเลส มรรคจะไปดับอะไร กิเลสกับมรรคเกิดขึ้นพรอมๆกันนั่นแหละ ถาไมเกิดพรอมกัน มันจะดับกันไดอยางไร แลวกิเลสดับพรอมๆกับมรรคนั่นแหละ การอบรมกาย ไดแก สมถะ ละ ราคะ การอบรมจิต ไดแก วิปสสนา ละ อวิชชา มรรคผลนิพพานไมใชอื่นไกล คือ ผูมาชําระใจของตนใหบริสุทธิ์ ดวยปญญาอันชอบแลว มองเห็นโลกตามสภาพความเปนจริง ดวยปญญาอันชอบแลว ไมเขาไปยึดถือในโลกทั้งปวง
  • 9. หลวงปูเทสก เทสรังสี ผูที่จะเขาอริยภูมิ ก็ตองเขาถึงจิตเปนหนึ่ง เรียกวา “มรรคสมังคี” จิตรวมศีล สมาธิ ปญญา เขามาเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงจะเขาถึงอริยภูมิได จิตรวบรวมเอาความคิดความนึก อารมณเล็กๆนอยๆ ที่มีความของกังวลอยู ยกขึ้นมาวินิจฉัย เพงพิจารณาดวยปญญาสัมมาทิฏฐิ ไดชื่อวา เปนวิถีเดินมรรคใหเขาถึง “มรรคสมังคี” ผูเจริญวิปสสนาทั้งหลาย เมื่ออายตะภายในและภายนอกมากระทบกันเขา มีความรูสึกเกิดขึ้น ยอมพิจารณาเปนไตรลักษณญาณ อยางนี้ทุกขณะ ไมวาอิริยาบถใดๆทั้งหมด ดวยอํานาจผูเจริญฌาน-สมาธิ และ วิปสสนานี้แหละ จนชํานิชํานาญแกกลาแลว จึงทําใหเกิด “มรรคสมังคี” จิตที่คนควาปฏิบัติอยุในมรรค คิดคนแสวงหาเหตุหาผล เรื่องราวตางๆ รูชัดตามเปนจริง แลวจึงรวมลงในที่เดียว เรียกวา “มรรคสมังคี” จึงจะประหัตประหารกิเสลทั้งหลายได
  • 10. หลวงปูเทสก เทสรังสี “มรรคสมังคี” ไมใชจิตที่รวมเขาภวังคอยางฌาน และไมใชจิตที่รวมเขา เปนสมาธิอยางสมาธิ แตจะรวมเขาเปนอันหนึ่งอันเดียวเหมือนกัน เมื่อวิปสสนาพิจารณาคนควาหาเหตุผลภายนอกภายใน เห็นแจมแจงชัดเจน ตามความเปนจริง ไมเคลือบแคลงสงสัยแลว จิตก็รวมเอาองคมรรคทั้ง 8 (ศีล สมาธิ ปญญา) เขามาไวในที่เดียว ใหเปนสัมมาทิฏฐิอันเดียว ในขณะจิตเดียว แลวก็ถอนออกมา จากนั้นก็เดินไปตามกามาพจรจิต แตมีความรูเทาอยูตลอดเวลา ไมไดหลงไปตามกามารมณเชนเมื่อกอน “มรรคสมังคี” เปนที่รวมของอริยมรรคทั้ง 8 อันมีสัมมาทิฏฐิเปนตน หรือ สรรพวิชาความรูใดๆก็ตาม ที่ไดคิดติดตามมาจนรูชัดเจนในเหตุผลนั้นๆ ทั้งที่ดีและที่ไมดี จนปลอยวางลงไปไดเปนตอนๆ เปนพักๆ แลวนั้น “มรรคสมังคี” จะตองประมวลรวบรวมลงมาไว ณ ที่เดียว แลวตัดสินชี้ขาดวา อันนี้เปนหนทาง หรือ มิใชหนทางใหพนจากทุกข
  • 11. หลวงปูเทสก เทสรังสี ใจกับกาย คือ ความตางระหวาง นามกับรูป เปนการแยกกันอยางเดนชัด แตภายใน การแยกนั้นก็มีความสัมพันธกัน จิตกับใจ มิใชอันเดียวกัน จิต เปนผูคิด นึก ปรุงแตงสัญญา อารมณ สรรพสิ่งทั้งปวง ใจ เปนผูนิ่งอยูเฉยๆ เพียงแตรู วานิ่งอยูเฉยๆ ไมมีคิด นึก ปรุงแตงอะไรเลย เหมือนกับ แมน้ํากับคลื่นของแมน้ํา เมื่อคลื่นสงบแลว ยังจะเหลือแต แมน้ําอันใสแจวอยูอยางเดียว สรรพวิชาทั้งหลาย แลกิเลสทั้งปวง จะเกิดมีขึ้นมาได ก็เพราะจิตคิดนึกปรุงแตงแสสายหามา สิ่งทั้งปวงเหลานั้น จะเห็นไดชัดดวยใจของตนเอง ก็ตอเมื่อจิตนิ่ง แลวจึงเขาถึงใจ
  • 12. หลวงปูเทสก เทสรังสี น้ําเปนของใสสะอาดโดยธรรมชาติอยูแลว เมื่อมีผูเอาสีตางๆมาผสมน้ํานั้น น้ํายอมเปลี่ยนแปลงไปตามสีนั้น แตเมื่อกลั่นกรองเอาน้ํานั้นออกมาจากสีนั้นๆแลว น้ําก็จะใสสะอาดดังเดิม พระพุทธเจา ตรัสไววา "จิตอันใด ใจก็อันนั้น ถาไมมีใจ จิตก็ไมมี จิตเปนอาการ ใจไมมีอาการ" เมื่อเขาถึงใจ เห็นใจของตนแลว ก็จะเห็นสรรพกิเลสของตนทั้งหมด เพราะจิต มันสะสมกิเลสไวที่จิตทั้งหมด
  • 13. หลวงปูเทสก เทสรังสี เราบริกรรม "พุทโธ พุทโธ พุทโธ" ก็เพื่อใหจิตรวมเขาเปนหนึ่ง ธรรมดาจิตมันฟุงซานอยูแลว เมื่อบริกรรมนานๆเขา จิตก็จะคอยคลายความฟุงซาน แลวจะคอยรวมเขาหา "พุทโธ" จิตก็จะตั้งมั่นเปนอารมณเดียวกับ "พุทโธ" จนเห็นวา "พุทโธ“ อันใดจิตก็อันนั้น อยูตลอดทุกเมื่อ อุปสรรคแหงจิตที่เปนสมาธิอยางรายแรง คือ ความอยาก สมาธิเสื่อมเพราะหลักสมาธิ คือพุทโธไมมั่นคง แคอยากไดอารมณที่เคยไดรับจากสมาธิ หรือความสงบสุขจากสมาธิ จิตก็ยิ่งฟุงใหญ