Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie งานนำเสนอนางสาวสิรินุช ม่วงนิล (20)
งานนำเสนอนางสาวสิรินุช ม่วงนิล
- 6. อาณาบริเวณของเมืองเชียงใหม่ในอดีตเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าซึ่งเป็นศูนย์กลางขออาณาจักรล้านนาไทย อันมีนามว่า " นพบุรีศรีนครพิงค์ " กษัทตริย์ผุ้สร้างนครเชียงใหม่ พ่อขุนเม็งรายมหาราชพระองค์ทรงรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยบนแผ่นดินล้านนาไทย ให้เป็นปฐพีเดียวกัน รวมเป็นอาณาจักรล้านนาไทยอันกว้างใหญ่ไพศาล พระองค์เป็นพระโอรสผุ้สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าลาวจักราช ซึ่งเป็นผุ้สร้างอาณาจักรโยนก ในระยะที่พ่อขุนเม็งรายกำลังเรืองอำนาจอยู่ในอาณาจักรล้านนาไทยนั้น พ่อขุนรามคำแหงมหาราชกำลังเรืองอำนาจอยู่ในอาณาจักรสูโขทัย และพ่อขุนงำเมืองกำลังเป็นไญ่อยู่ที่เมืองพะเยา กษัตริย์ทั้งสามพระองค์นี้เป็นพระสหายสนิทร่วมน้ำสาบานมาด้วยกัน ฉะนั้น เมื่อพ่อขุนเม็งรายรวบรวมเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรล้านนาไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนา หลังจากนั้น พ . ศ . 1824 พระองค์ก็เสด็จกรีธาทัพเข้าตี นครหริเชียงใหม่ ) ครองราชย์อยู่ จนถึง พ . ศ . 1835 ก็เกิดนิมิตรประหลาดดลพระทัยให้พ่อขุนเม็งรายไปประพาสป่าและทอดพระเนตรพบชัยภูมิที่จัดสร้างเมืองเชียงใหม่ พระองค์โปรดให้สร้างที่ประทับชั่วคราว ณ เวียงเล็ก ( เมืองเล็ก ) หรือ เวียงเชียงมั่น ( คือ บริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน ) จากนั้นก็โปรดให้ไพร่พลถางป่า และปรับพื้นที่บริเวณเชิงดอยอ้อยช้าง หรือ ดอยสุเทพในปัจจุบัน แล้วโปรดให้เชิญเสด็จพ่อขุนรามคำแหง แห่งกรุงสุโขทัย และพญางำเมือง แห่งนครพะเยา พระสหายร่วมน้ำสาบานมาช่วยพิจารณาการสร้างเมืองใหม่ เมื่อพระสหายทั้ง 2 พระองค์เสด็จมาถึงและได้เห็นชัยภูมิที่ราบอันสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำปิง ตรงเชิงดอยสุเทพก็พอพระทัย พ่อขุนรามคำแหงถึงกับทรงมีพระดำรัสว่า " เมืองนี้ข้าศึกจะเบียบดเบียนกระทำร้ายมิได้ คนไหนมีเงินพันมาอยู่ก็จะมีเงินหมื่น ครั้นมีเงินหมื่นมาอยุ่จะมีเงินแสน " ส่วนพระยางำเมืองถวายความเห็นว่า " เขตเมืองนี้ดีจริง เพราะเหตุว่าเนื้อดินมีพรรณรังสี 5 ประการ มีชัย 7 ประการ เมืองนี้มีสิทธิ์นักแล " ในที่สุด พ่อขุนเม็งรายก็ทรงดำเนินการภุญไชย - ซึ่งมีพญายีบาครองอยู่ และเป็นนครที่มั่นคง
- 7. แข็งแรงที่สุดทางตอนใต้ได้สำเร็จสมพระราชประสงค์ แล้วเสด็จเข้าประทับอยู่ในนครหริภุญไชยเป็นเวลา สองปี จึงทรงมอบให้อ้ายฟ้าอำมาตย์ครองนครหริภุญไชยแทน ส่วนพ่อขุนเม็งรายได้เสด็จไปสร้างเมืองใหม่ทางทิศตะวันออกของนครหริภุญไชย ครองอยู่ได้สามปีทรางเห็นว่า เมืองใหม่ทำเลไม่เหมาะสมจึงโปรดย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ที่แห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำระมิงค์ มีชื่อว่า " เวียงกุมกาม " ( ปัจจุบันอยู่ในตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดสร้างเมืองใหม่โดยให้ขุดคูและสร้างกำแพงเมือง เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พร้อมทั้งโปรดให้สร้างปราสาท ราชมณเทียรและบ้านเรือนในปี พ . ศ . 1839 พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนรามคำแหง และพญางำเมือง ก็พร้อมใจกันขนานนาม พระนครแห่งใหม่ว่า " นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ " เรียกกันเป็นสามัญว่า " นครพิงค์เชียงใหม่ " ต่อจากนั้น พ่อขุนเม็งรายก็ทรงประกอบพิธีปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ ปกครองอาณาจักรล้านนาไทย ราชธานีอยู่ที่ นครเชียงใหม่ ทรงเป็นต้นราชวงค์เม็งรายครองราชย์อยู่จน พ . ศ . 1860 วันหนึ่งขณะที่พ่อขุนเม็งรายกำลังเสด็จประพาสตลาดกลางนครเชียงใหม่ ได้เกิดฝนตกอย่างหนัก จนอัสนีบาตได้ตกต้องพระองค์สิ้น พระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 79 พรรษา และมีเชื้อสายของพ่อขุนเม็งรายได้ปกครองอาณาจักล้านนาไทยต่อเนื่องกันมา เมืองเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาไทยสืบต่อกันมาเป็นเวลนาน ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุทธยา และประเทศพม่าอยู่หลายยุคหลายสมัย จนครั้งสุดท้ายในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชทรงตีนครเชียงใหม่ได้จากประเทศพม่า เมื่อปี พ . ศ . 2317 แล้วทรงกวาดล้างอิทธิพลของพม่าจากล้านนาไทยได้สำเร็จ เมืองเชียงใหม่จึงกลับมาเป็นประเทศราชของกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จนสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสถาปนา " พญากาวิละ " ( กาวิละ ณ เชียงใหม่ ) ขึ้น เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นตระกูล ณ เชียงใหม่ สือต่อมา 9 พระองค์ มีเจ้านวรัฐเป็นองค์สุดท้ายถึงสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ . ศ . 2440 ทรงยุบเมืองประเทศราชเข้ากับอาณาจักรไทย แข่งการปกครองราชอาณาจักรออกเป็นมณฑล ได้ยกเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็นมณฑลพายัพ และต่อมาภายหลังได้ยกเลิกเมืองเชียงใหม่ จึงเป็นจังหวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้ รวมระยะเวลาที่เชียงใหม่ได้เป็นราชธานีอาณาจักรล้านนาไทย ตั้งแต่ พ . ศ . 1839 จนถึง พ . ศ . 2540 ได้ 700 ปี