Suche senden
Hochladen
73
•
1 gefällt mir
•
1,792 views
Warissa'nan Wrs
Folgen
Melden
Teilen
Melden
Teilen
1 von 247
Jetzt herunterladen
Downloaden Sie, um offline zu lesen
Empfohlen
Unit1
Unit1
kulwadee
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
krupornpana55
2ชุดฝึกทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
2ชุดฝึกทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
krupornpana55
3เฉลย 31
3เฉลย 31
krupornpana55
Reasoning
Reasoning
ไพรวัล ดวงตา
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม
การวิจัยเบื้องต้น
การวิจัยเบื้องต้น
อรุณศรี
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
nichaphat22
Empfohlen
Unit1
Unit1
kulwadee
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
เนื้อหาแบบฝึกเสริมทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
krupornpana55
2ชุดฝึกทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
2ชุดฝึกทักษะกระบวนการคิดตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
krupornpana55
3เฉลย 31
3เฉลย 31
krupornpana55
Reasoning
Reasoning
ไพรวัล ดวงตา
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร พื้นฐาน
โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม
การวิจัยเบื้องต้น
การวิจัยเบื้องต้น
อรุณศรี
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
nichaphat22
สถานการณ
สถานการณ
Puli Kamkhun
เหตุผลกับภาษา
เหตุผลกับภาษา
โรงเรียนประชาบำรุง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง
How to write a dissertation proposal .. part 1
How to write a dissertation proposal .. part 1
DrDanai Thienphut
รูปแบบการวิจัย
รูปแบบการวิจัย
Ramkhamhaeng University
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
korakate
9789740335146
9789740335146
CUPress
ส งคมศ กษา
ส งคมศ กษา
Aoy Amm Mee
ว ทยาศาสตร
ว ทยาศาสตร
Aoy Amm Mee
Paraqaut
Paraqaut
Loveis1able Khumpuangdee
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
Utai Sukviwatsirikul
44444444444444
44444444444444
bow4903
023 qualitative research
023 qualitative research
Watinee Prongmark
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
Kobwit Piriyawat
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
Harun Fight
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
jutarattubtim
ทำวิจัยไปทำไม
ทำวิจัยไปทำไม
Ramkhamhaeng University
9789740331063
9789740331063
CUPress
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
รัตนา สวัสดิมงคล
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
yangclang22
Dna bio04 1
Dna bio04 1
Yoottaphoom Sornwisai
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
Aomiko Wipaporn
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
Wan Ngamwongwan
Weitere ähnliche Inhalte
Was ist angesagt?
สถานการณ
สถานการณ
Puli Kamkhun
เหตุผลกับภาษา
เหตุผลกับภาษา
โรงเรียนประชาบำรุง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง
How to write a dissertation proposal .. part 1
How to write a dissertation proposal .. part 1
DrDanai Thienphut
รูปแบบการวิจัย
รูปแบบการวิจัย
Ramkhamhaeng University
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
korakate
9789740335146
9789740335146
CUPress
ส งคมศ กษา
ส งคมศ กษา
Aoy Amm Mee
ว ทยาศาสตร
ว ทยาศาสตร
Aoy Amm Mee
Paraqaut
Paraqaut
Loveis1able Khumpuangdee
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
Utai Sukviwatsirikul
44444444444444
44444444444444
bow4903
023 qualitative research
023 qualitative research
Watinee Prongmark
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
Kobwit Piriyawat
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
Harun Fight
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
jutarattubtim
ทำวิจัยไปทำไม
ทำวิจัยไปทำไม
Ramkhamhaeng University
9789740331063
9789740331063
CUPress
Was ist angesagt?
(17)
สถานการณ
สถานการณ
เหตุผลกับภาษา
เหตุผลกับภาษา
How to write a dissertation proposal .. part 1
How to write a dissertation proposal .. part 1
รูปแบบการวิจัย
รูปแบบการวิจัย
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
การวิเคราะห์ตัวชี้วัด Science ม1
9789740335146
9789740335146
ส งคมศ กษา
ส งคมศ กษา
ว ทยาศาสตร
ว ทยาศาสตร
Paraqaut
Paraqaut
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
44444444444444
44444444444444
023 qualitative research
023 qualitative research
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
เตรียมสอบ O net 57 วิทย์ชุด2
ทำวิจัยไปทำไม
ทำวิจัยไปทำไม
9789740331063
9789740331063
Andere mochten auch
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
รัตนา สวัสดิมงคล
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
yangclang22
Dna bio04 1
Dna bio04 1
Yoottaphoom Sornwisai
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
Aomiko Wipaporn
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
Wan Ngamwongwan
การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม
การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม
Maikeed Tawun
แผนBioม.6 1
แผนBioม.6 1
Wichai Likitponrak
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
Moukung'z Cazino
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
flimgold
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
Maikeed Tawun
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
dnavaroj
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
สำเร็จ นางสีคุณ
Andere mochten auch
(12)
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
องค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
Dna bio04 1
Dna bio04 1
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม
การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม
แผนBioม.6 1
แผนBioม.6 1
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
Ähnlich wie 73
เนื้อหาชีววิทยา
เนื้อหาชีววิทยา
Dew Thamita
Intro sciproject
Intro sciproject
Taweesak Poochai
Biology m4
Biology m4
kominoni09092518
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
supreechafkk
การสังเกต Sn
การสังเกต Sn
Somprasong friend Ka Nuamboonlue
การให้เหตุผลอุปนัย
การให้เหตุผลอุปนัย
Laongphan Phan
Reasoning
Reasoning
Aon Narinchoti
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
Rorsed Mardra
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
Rorsed Mardra
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
Rorsed Mardra
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
Rorsed Mardra
บทที่ 2
บทที่ 2
Wassana Yawichai
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
Rorsed Mardra
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
supreechafkk
021จิตวิทยาการเรียนรู้
021จิตวิทยาการเรียนรู้
niralai
เพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอย
Naree50
2
2
sillverbulet
Process
Process
โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม
In side-100 story-001-248[1][19]
In side-100 story-001-248[1][19]
สมยศ เหลืองศรีสกุล
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
Ähnlich wie 73
(20)
เนื้อหาชีววิทยา
เนื้อหาชีววิทยา
Intro sciproject
Intro sciproject
Biology m4
Biology m4
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
การสังเกต Sn
การสังเกต Sn
การให้เหตุผลอุปนัย
การให้เหตุผลอุปนัย
Reasoning
Reasoning
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
บทที่ 2
บทที่ 2
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b8...
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
021จิตวิทยาการเรียนรู้
021จิตวิทยาการเรียนรู้
เพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอย
2
2
Process
Process
In side-100 story-001-248[1][19]
In side-100 story-001-248[1][19]
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
หน่วยการเรียนรู้ระบบย่อยอาหารและการสลายอาหารระดับเซลล์.2
Mehr von Warissa'nan Wrs
04 e
04 e
Warissa'nan Wrs
04 e
04 e
Warissa'nan Wrs
Yhin
Yhin
Warissa'nan Wrs
สรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-net
Warissa'nan Wrs
งานคอมสาละวิน
งานคอมสาละวิน
Warissa'nan Wrs
Nam
Nam
Warissa'nan Wrs
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
Warissa'nan Wrs
ประวัติส่วนตัว1
ประวัติส่วนตัว1
Warissa'nan Wrs
My profile (1)
My profile (1)
Warissa'nan Wrs
My profile
My profile
Warissa'nan Wrs
My profile
My profile
Warissa'nan Wrs
604สุนิศา 08
604สุนิศา 08
Warissa'nan Wrs
My
My
Warissa'nan Wrs
1
1
Warissa'nan Wrs
Document2
Document2
Warissa'nan Wrs
604วาริสษา 18
604วาริสษา 18
Warissa'nan Wrs
Mehr von Warissa'nan Wrs
(16)
04 e
04 e
04 e
04 e
Yhin
Yhin
สรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-net
งานคอมสาละวิน
งานคอมสาละวิน
Nam
Nam
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว1
ประวัติส่วนตัว1
My profile (1)
My profile (1)
My profile
My profile
My profile
My profile
604สุนิศา 08
604สุนิศา 08
My
My
1
1
Document2
Document2
604วาริสษา 18
604วาริสษา 18
73
1.
BOBBYtutor Biology Note
เราจะศกษาชววทยากนอยางไร ึ ี ิ ั การศกษาชววทยาของนกวทยาศาสตร ึ ี ิ ั ิ การศกษาชววทยาซงเปนแขนงหนงของการศกษาทางดานวทยาศาสตร เปนกระบวนการคนควาหาความจรงของ ึ ี ิ ่ึ ่ึ ึ ิ ิ ปรากฏการณในธรรมชาติอยางมีระเบียบแบบแผนตามขันตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตร (Scientific process) ้ ซงประกอบดวย ่ึ 1. กําหนดปญหา (Statement of the problem) ปญหาเกิดขึนจากการเปนคนชางสังเกต ชางคิด มีความ ้ อยากรูอยากเห็น และใจกวาง เชน นกจลชววทยาชาวองกฤษชออเลกซานเดอร เฟลมมิง (Alexander Fleming) สังเกต ั ุ ี ิ ั ่ื ็ วาแบคทีเรียในจานเพาะเชือไมเจริญ ถามเี พนซลเลยม (Penicillium sp.) เจรญอยดวย และยังพบวาราชนิดนีสามารถ ้ ิิ ี ิ ู ้ ยับยังการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได เขาจงเกดความสงสยและตงปญหาวาเหตใดจงเปนเชนนน ้ ึ ิ ั ้ั ุ ึ ้ั จะเห็นไดวาปญหาเกิดขึนไดเสมอ แตการตังปญหาใหชดเจนสัมพันธกบขอเท็จจริงและความรูเ ดิมของผูตงปญหา ้ ้ ั ั ้ั นันไมใชสงทีทาไดงายเสมอไป ไอนสไตน (Einstein) ถือวา "การตังปญหานันสําคัญกวาการแกปญหา" ก็เพราะวา เมื่อ ้ ่ิ ่ ํ ้ ้ กําหนดปญหาไดชดเจนและสัมพันธกบขอเท็จจริงและความรูเ ดิม ผูตงปญหายอมมองเห็นลูทางทีจะคนหาคําตอบได ั ั ้ั ่ เพราะฉะนนจงถอวา "การตงปญหาเปนความกาวหนาทางวทยาศาสตรอยางแทจรง" ้ั ึ ื ้ั ิ ิ 2. ตงสมมตฐาน (Formulation of hypothesis) คําอธบาย หรือการคาดคะเนคาตอบทีเ่ กียวของกับขอเท็จจริง ้ั ิ ิ ํ ่ เรียกวา สมมติฐาน (Hypothesis) สมมตฐานเกดขนหลงจากไดกําหนดปญหาชัดเจนแลว ในการตังสมมติฐานมักใช ิ ิ ้ึ ั ้ ประโยค "ถา...ดังนัน..." สวนทีขนตนดวย "ถา" จะระบุขอความทีเ่ ปนเหตุหรือเปนคําตอบทเ่ี ปนไปได สําหรบสวนหลงท่ี ้ ่ ้ึ ั ั ขึ้นตนดวย "ดงนน" จะระบขอความทแนะวธตรวจสอบสมมตฐาน ถาสมมติฐานมีแตเพียงสวนแรกทีเ่ ปนคําตอบทีนา ั ้ั ุ ่ี ิ ี ิ ่ เปนไปได ก็จะไมเห็นแนวทางวาจะตรวจสอบสมมติฐานดวยวิธใด เชน ี ปญหา : การไดรบสารอาหารทมฟอสเฟตไมเ พยงพอ มีสวนเกียวของกับการเกิดโรคนิวในกระเพาะปสสาวะหรือไม ั ่ี ี ี ่ ่ สมมติฐาน : ถาการไดรบอาหารทมฟอสเฟสไมเ พยงพอ มสวนทําใหเกิดโรคนิวในกระเพาะปสสาวะ ดงนนเดกท่ี ั ่ี ี ี ี ่ ั ้ั ็ ไดรบเกลอฟอสเฟตเปนอาหารเสรม ยอมจะไมเ ปนโรคนวในกระเพาะปสสาวะ ั ื ิ ่ิ
2.
BOBBYtutor Biology Note
3. การตรวจสอบสมมติฐาน (Test hypothesis) ในทางวทยาศาสตรสวนใหญจะมวธทดลอง (Experiment) ิ ีิี โดยออกแบบการทดลองทีมการกําหนดและควบคมตวแปร (Variable) ทเ่ี กยวของกบการทดลองซงตวแปรแบงออกเปน ่ี ุ ั ่ี ั ่ึ ั 3 ชนิด คือ 1. ตัวแปรตนหรือตัวแปรอิสระ (Independent variable) คือ สิงทีเ่ ปนสาเหตุทําใหเกิดผลตางๆ หรอสงท่ี ่ ื ่ิ ตองการศึกษาตรวจสอบวาเปนสาเหตุกอใหเกิดผลเชนนันหรือไม ้ 2. ตวแปรตาม (Dependent variable) คือ สิงทีเ่ ปนผลจากตัวแปรตน ั ่ 3. ตัวแปรควบคุม (Controlled variable) คือ ตัวแปรทีตองควบคุมใหคงทีตลอดการทดลอง มิฉะนั้นจะ ่ ่ ทําใหผลการทดลองคลาดเคลือนได เชน ถาตองการศึกษาวา "แสงจําเปนตอการเจริญเติบโตของพืช" ผูทดลองจะตอง ่ กําหนดชนดของพชทดลองทมอายุ ขนาด และความแข็งแรงพอๆ กันจํานวนหนึง แลวแบงออกเปน 2 กลุม โดยให ิ ื ่ี ี ่ กลุมหนึงไดรบแสง เรียกวา กลุมทดลอง (Experimental group) และอีกกลุมหนึงไมไดรบแสง เรียกวา กลุมควบคุม ่ ั ่ ั (Controlled group) ตัวแปรอิสระ คือ "แสง" เพราะเปนสาเหตุทําใหเกิดผลตางๆ ทีตองการศึกษา ่ ตวแปรตาม คือ "การเจริญเติบโตของพืช" เพราะเปนผลจากตัวแปรอิสระ ั ตัวแปรควบคุม คือ ชนิดของดิน นํ้า ปุย และอณหภมิ จะตองควบคมใหทง 2 กลุม ไดรบเทาเทียมกันตลอด ุ ู ุ ้ั ั การทดลองซึงจะมีประโยชนในการตัดสินวาสมมติฐานทีตงไวเปนไปไดหรือไม ่ ่ ้ั 4. การแปรผลและสรุปผลการทดลอง (Conclusion) หลังจากการทดลองเพือตรวจสอบสมมติฐานทีตงขึน ่ ่ ้ั ้ นักวิทยาศาสตรจะแปลความหมายขอมูล วิเคราะหขอมูล และลงขอสรุปภายในขอบเขตของผลการทดลอง หรอผลการศึกษา ื ทีเ่ ปนจริง หากผลสรปเหมอนกบสมมตฐานทตงไว สมมตฐานนนกตงเปนทฤษฎีได ุ ื ั ิ ่ี ้ั ิ ้ั ็ ้ั ชววทยาคออะไร ี ิ ื คําวา ชีววิทยา ตรงกบภาษาองกฤษวา Biology ซึงมาจากรากศัพทเดิมทีเ่ ปนภาษากรีก 2 คํา คือ bios หมายถึง ั ั ่ ชีวิต และ logos หมายถึง ความคิดและเหตุผล ดงนนชววทยาจงหมายถงการศกษาเกยวกบสงมชวตอยางมเี หตผล ั ้ั ี ิ ึ ึ ึ ่ี ั ่ิ ี ี ิ ุ คุณสมบัตของสิงมีชวต ิ ่ ีิ 1. เคลือนไหวไดดวยพลังงานภายในตัวเอง ่ 2. มการตอบสนองตอสงเราอยางเหมาะสมเพอการอยรอด ี ่ิ ่ื ู 3. ตองใชอาหารสําหรบการดารงชีพ การเจริญเติบโต และใชเปนแหลงสะสมพลังงานสําหรับการเพิมจํานวน ั ํ ่ สิงมีชวต ่ ีิ 4. มีการหายใจซึงเปนการสรางพลังงานทีสามารถนําไปใชในการดํารงชีวตได ่ ่ ิ 5. มีการเจริญเติบโตโดยการใชสารประกอบอินทรีย และอนินทรียไปใชในการสรางสวนประกอบของรางกาย 6. มีการขับถายเพือกําจัดของเสียทีเ่ กิดจากกระบวนการเมแทบอลิซมออกจากรางกาย ่ ึ 7. สามารถสืบพันธุได เพอเพมจํานวนสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน (ความสามารถในการสืบพันธุไดจดเปนคุณสมบัติ ่ื ่ิ ั เดนของสิ่งมีชีวิต)
3.
BOBBYtutor Biology Note
ชีววิทยาเปนศาสตรที่กวางขวางมาก ประกอบดวยสาขาวชาตางๆ มากมาย เชน ิ 1. กายวิภาคศาสตร (Anatomy) ศึกษาเกียวกับโครงสรางสวนตางๆ ของสิ่งมีชีวิต ่ 2. ชีวเคมี (Biochemistry) ศกษาโครงสรางและกระบวนการเปลยนแปลงของสารชวโมเลกลในสงมชวต ึ ่ี ี ุ ่ิ ี ี ิ 3. พฤกษศาสตร (Botany) ศึกษาเกียวกับพืช ่ 4. เซลลวทยา (Cytology) ศึกษาเกียวกับเซลล ิ ่ 5. นเวศวทยา (Ecology) การศึกษาความสัมพันธระหวางสิงมีชวตดวยกัน และความสัมพันธระหวางสิงมีชวต ิ ิ ่ ีิ ่ ีิ กบสงแวดลอม ั ่ิ 6. กีฏวิทยา (Entomology) ศึกษาเกียวกับแมลง ่ 7. คพภะวทยา (Embryology) ศึกษาเกียวกับตัวออนของสิงมีชวต ั ิ ่ ่ ีิ 8. วิวัฒนาการ (Evolution) ศึกษาการเจริญเปลียนแปลงของสิงมีชวตจากอดีตจนถึงปจจุบน รวมทังแนวคิด ่ ่ ีิ ั ้ ของนกวทยาศาสตรทเ่ี กยวกบววฒนาการ ั ิ ่ี ั ิ ั 9. พันธุศาสตร (Genetics) ศึกษาเกียวกับการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิงมีชวต ่ ่ ีิ 10. หนอนพยาธิวทยา (Helminthology) ศึกษาเกียวกับหนอนพยาธิชนิดตางๆ ิ ่ 11. มีนวิทยา (Icthyology) ศึกษาเกียวกับปลา ่ 12. จลชววทยา (Microbiology) ศึกษาเกียวกับจุลนทรีย ุ ี ิ ่ ิ 13. อนุกรมวิธาน (Taxonomy) ศกษาเกยวกบการจดหมวดหมู การตังชือและการเรียกชือสิงมีชวต ึ ่ี ั ั ้ ่ ่ ่ ีิ 14. สัตววิทยา (Zoology) ศึกษาเกียวกับสัตวตางๆ ทังพวกมีกระดูกสันหลัง (Vertebrate) และไมมกระดกสนหลง ่ ้ ี ู ั ั (Invertebrate) ขอควรทราบ วิธการทางวิทยาศาสตร ประกอบดวย การกําหนดปญหา การตังสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การแปรผล ี ้ และสรุปผล ชีววิทยา คือ การศึกษาเกียวกับสิงมีชวต ่ ่ ีิ ความรูเกียวกับสิงมีชวต เชน สัตวศาสตร, พฤกษศาสตร, จลชววทยา, สรีรวิทยา, คพภะวทยา และพันธุศาสตร ่ ่ ีิ ุ ี ิ ั ิ สมมติฐาน คือ คําตอบทอาจเปนไปไดของปญหา ยังไมใชคาตอบทแทจรง เปนการคาดคะเนโดยนําขอเท็จจริงที่ ่ี ํ ่ี ิ รวบรวมไดจากการสังเกต หรือการนําปญหามาวิเคราะห เพือคนหาคําตอบ ดังนั้นจึงเปนการคาดคะเนคําตอบทีสมพันธ ่ ่ั กบขอสงสยหรอปญหานนๆ มากทีสด ั ั ื ้ั ุ่ ขอเท็จจริง คือ สิงทีไดจากการสังเกตโดยตรงไมมการเปลียนแปลง ในทางวิทยาศาสตรถอวาขอเท็จจริงทีปรากฏ ่ ่ ี ่ ื ่ อยในธรรมชาตยอมถกตองเสมอ แตการสงเกตขอเทจจรงอาจผดพลาดได ู ิ ู ั ็ ิ ิ ขอมูล คือ ขอเท็จจริงทีปรากฏอยูในธรรมชาติหรือทีรวบรวมไดจากการทดลอง ่ ่ ทฤษฎี คือ สมมตฐานทไดรบการตรวจสอบแลวหลายครง ซงสามารถใชอางองหรอทานายขอเทจจรงได ิ ่ี ั ้ั ่ึ ิ ื ํ ็ ิ กฎ คือ ความจริงหลักทีแสดงความสัมพันธระหวางเหตุกบผล สามารถทดสอบไดผลเหมือนเดิมทุกครังและไมมี ่ ั ้ ขอโตแยงใดๆ ความรู คือ ผลจากการกระทําของมนษยโดยการใชกระบวนการทางวทยาศาสตร ุ ิ
4.
BOBBYtutor Biology Note
แบบทดสอบ จงเลือกคําตอบที่ถูกตอง 1. การทดลองในตารางพิสจนสมมติฐานขอใด ู จํานวนวันทีทดลอง ่ จํานวนเซลลทยงมชวต ่ี ั ี ี ิ พวกทไมมนวเคลยส พวกทีมนวเคลียส ่ี ี ิ ี ่ี ิ 1 100 100 2 80 79 3 60 74 4 30 72 5 3 72 1) นิวเคลียสจําเปนตอการแบงเซลล 2) นิวเคลียสจําเปนตอการมีชวตของเซลล ีิ 3) ไซโตพลาสซมจาเปนตอการมีชวตของเซลล ึ ํ ีิ 4) ไซโตพลาสซมไมจําเปนตอการมีชวตของเซลล ึ ีิ 2. เมื่อนําแบคทเี รยพวกนวโมคอกคสชนด C ซงสามารถสรางแคปซลได และชนิด B ซงไมสามารถสรางแคปซล ี ิ ั ิ ่ึ ู ่ึ ู มาเลียงในอาหารเลียงแบคทีเรียซึงทําใหปราศจากเชือแลว ปรากฏผลการทดลองในเวลาตอมาดงน้ี ้ ้ ่ ้ ั เรมทดลอง ่ิ ผลการทดลองในเวลาตอมา 1. ชนิด C ทีตายแลว ่ ไมมการเจริญเติบโต ี 2. ชนิด B ทยงมชวตอยู ่ี ั ี ี ิ เจริญขยายพันธุอยางรวดเร็ว 3. ชนิด B ทยงมชวตอยู ชนิด C ทีตายแลว ่ี ั ี ี ิ ่ ชนิด B สรางแคปซูลได การทดลองนีผทดลองมีสมมติฐานอยางไร ้ ู 1) แคปซลจาเปนตอการขยายพันธุของแบคทีเรีย ู ํ 2) อาหารทเ่ี ลยงแบคทเี รยนเ้ี หมาะกบแบคทเี รยชนด B มากกวา ้ี ี ั ี ิ 3) แบคทีเรียชนิด B นาจะรบสารบางอยางจากชนด C ทมผลตอการสรางแคปซล ั ิ ่ี ี ู 4) ในอาหารเลยงแบคทเี รยมสารททําใหแบคทีเรีย B สรางแคปซูลได ้ี ี ี ่ี
5.
BOBBYtutor Biology Note
3. ตารางการทดลองนแสดงผลอะไร ้ี นํ้าแปง + นํ้ายอย + ไอโอดีน หลอดที่ 1 หลอดที่ 2 หลอดที่ 3 หลอดที่ 4 เวลาการทดลอง 0 นาที 5 นาที 10 นาที 15 นาที สทปรากฏ ี ่ี นํ้าเงินเขม นํ้าเงิน ฟา ไมมสี ี 1) หลอดท่ี 1 เกดปฏกรยาระหวางน้ําแปงกับนํ้ายอยมากทีสด ิ ิิิ ุ่ 2) เวลาทีเ่ หมาะสมทีสดในการทดสอบแปง คือ 10 นาที ุ่ 3) นํ้าแปงสามารถถกไฮโดรลซสหมดภายใน 15 นาที ู ิิ 4) ประสิทธิภาพของนํายอยเปนสัดสวนผกผันกับเวลาทีใช ้ ่ 4. ในการทดลองใชเ อนไซมยอยสารชนดหนงทอณหภมตางกนปรากฏผลดงน้ี ิ ่ึ ่ี ุ ู ิ ั ั หลอดทดลอง อุณหภูมิ (°C) เวลาที่ใชยอยสาร 1 20 15 นาที 2 30 6 นาที 3 40 3 นาที 4 50 ไมเปลียนแปลง ่ การทดลองนสรปผลสําคญไดอยางไร ้ี ุ ั 1) เอนไซมยอยสารไดชาทีสดทีอณหภูมิ 20°C ุ่ ุ่ 2) เอนไซมยอยสารไดชาทีสดทีอณหภูมประมาณ 50°C ุ่ ุ่ ิ 3) เอนไซมสลายตัวทีอณหภูมิ 40°C ุ่ 4) เอนไซมจะทํางานไดดทสดทีอณหภูมประมาณ 40°C ี ่ี ุ ่ ุ ิ 5. เมอเตมโยเกรตหนงชอนชาลงในหลอดทดลองทมสารละลายบรอมไธมอลบลู แลวเปรียบเทียบกับหลอดทีมเี ฉพาะ ่ื ิ ิ ่ึ ่ี ี ่ บรอมไธมอลบลูอยางเดียว ปดฝาจกทงไว 1 วัน ผลจะเปนอยางไร ุ ้ิ 1) สของบรอมไธมอลบลเู จอจางลงเลกนอยเนองจากมปรมาณของโยเกรตทเ่ี ตมลงไป ี ื ็ ่ื ี ิ ิ ิ 2) สของบรอมไธมอลบลในหลอดทงสองยงคงเดม ี ู ้ั ั ิ 3) สของบรอมไธมอลบลเู ปลยนแปลงจากเดมเนองจากโยเกรต ี ่ี ิ ่ื ิ 4) สของบรอมไธมอลบลในหลอดทไมมโยเกรตไมจําเปนตองนํามาเปรียบเทียบในการทดลอง ี ู ่ี ี ิ เฉลย 1. 2) 2. 3) 3. 3) 4. 4) 5. 3)
6.
BOBBYtutor Biology Note
สงมชวตกบสภาวะแวดลอม ่ิ ี ี ิ ั ระบบนิเวศ (Ecosystem) ระบบนเวศ คือ ระบบความสัมพันธระหวางกลุมสิงมีชวต (Community) ทีอาศัยอยูรวมกัน และความสัมพันธ ิ ่ ีิ ่ ระหวางกลมสงมชวตกบสภาพแวดลอม (Environment) ของแหลงทอยู (Habitat) ตวอยางระบบนเิ วศ เชน ระบบ ุ ่ิ ี ี ิ ั ่ี ั นิเวศนํ้าจืด (Fresh water ecosystem) ระบบนิเวศทะเล (Ocean ecosystem) ระบบนิเวศปาไม (Forest ecosystem) โลกของเราจัดเปนระบบนิเวศทีใหญทสด เรียกวา โลกของสิงมีชวตหรือชีวภาค (Biosphere) ่ ่ี ุ ่ ีิ การปรับตัวของสิงมีชวต (Adaptation) สิงมีชีวตในระบบนิเวศมีการปรับตัว 3 แบบ คือ ่ ีิ ่ ิ 1. การปรับตัวทางดานรูปราง (Morphological adaptation) มองเห็นไดจากภายนอก เชน ผักตบชวา มีกานใบเปนกระเปาะเพือเก็บอากาศเปนทุนลอยนํ้า กระบองเพชรเปลยนใบเปนหนามเพอลดการสญเสยน้ํา ตกแตนมปก ่ ่ี ่ื ู ี ๊ั ี คลายใบไม ฯลฯ 2. การปรับตัวทางดานสรีระ (Physiological adaptation) เปนการปรับตัวทางดานหนาทีหรือกลไกการทํางาน ่ ของอวัยวะตางๆ ภายในรางกายใหเหมาะสมตอการดํารงชีวต เชน คนทีอาศัยอยูตามภูเขาสูงซึงมี O2 ตํา รางกายจะปรับ ิ ่ ่ ่ ตวเพอสรางเมดเลอดแดงเพมขน การปรับตัวของปลานําจืดทีสามารถไปอาศัยอยูในนําเค็มได การปรบตวของ นกทะเล ั ่ื ็ ื ่ิ ้ึ ้ ่ ้ ั ั โดยมี Nasal gland อยูใกลจมูก ฯลฯ 3. การปรับตัวทางดานพฤติกรรม (Behavioral adaptation) เปนการปรับตัวทางดานอุปนิสย เพือใหสามารถ ั ่ ดํารงชวตไดอยางเหมาะสม เชน การจําศีลของสัตว เมื่อขาดแคลนอาหาร หรอเมออณหภมของอากาศไมเ หมาะสมตอ ีิ ื ่ื ุ ู ิ การดํารงชีวต การอพยพยายถินของสัตวบางชนิด เชน นกนางแอนจะอพยพหนีหนาวจากประเทศจีนมาอาศัยอยูใน ิ ่ ประเทศไทย ฯลฯ (Migration คือ การอพยพยายถินชัวคราว, Emigration คือ การอพยพออกจากถินเดิมแลวไมกลับมาอีก, ่ ่ ่ Immigration คือ การอพยพไปอยูทหนึงทีใดแลวจะอยูอยางถาวรไมยายออกไปอีก) ่ี ่ ่ โครงสรางของระบบนิเวศ แบงออกไดดงนี้ ั 1. โครงสรางทางชีวภาพ (Biological structure) ประกอบดวย สงมชวตตางๆ ทีมบทบาทในระบบนิเวศ ไดแก ่ิ ี ี ิ ่ ี ก. ผูผลิต (Producer) หมายถึง สิงมีชวตทีสรางอาหารไดเอง ่ ีิ ่ ข. ผูบริโภค (Consumer or Heterotroph) หมายถึง สงมชวตทสรางอาหารเองไมได แบงยอยออกเปน ่ิ ี ี ิ ่ี ผูบริโภคพืช (Herbivore) เชน วัว ควาย มา กระตาย ฯลฯ ผูบริโภคสัตว (Carnivore) เชน สนข แมว เสือ สิงโต ฯลฯ ุั ผบรโภคทงพชและสตว (Omnivore) เชน คน เปด ไก ฯลฯ ู ิ ้ั ื ั ผูบริโภคซากพืชและซากสัตว (Scavengers or Detritivores) เชน กิงกือ ไสเดือนดิน ปลวก นกแรง ฯลฯ ้ ค. ผูยอยสลาย (Decomposer) หมายถึง สงมชวตทสรางอาหารเองไมได แตจะไดอาหารจากการหลง ่ิ ี ี ิ ่ี ่ั เอนไซมไปยอยสลายสารอนทรยแลวนําขึ้นมาใช เชน แบคทเี รย เหด รา ฯลฯ ิ ี ี ็ 2. โครงสรางทางกายภาพ (Physiological structure) ประกอบดวย สงทไมมชวตทมบทบาทตอการดํารงชีวต ิ่ ี่ ี ี ิ ี่ ี ิ ของสิ่งมีชีวิต เชน แสง อณหภมิ แรธาตุ ความชื้น ฯลฯ ุ ู
7.
BOBBYtutor Biology Note
ความสมพนธระหวางสภาวะแวดลอมทางกายภาพกบสงมชวต ั ั ั ่ิ ี ี ิ 1. แสง มีความจําเปนตอการดํารงชีวตของพืช เชน การเอนเขาหาแสงของยอดออนของพช การออกดอก ิ ื การสรางอาหาร และมีความจําเปนตอสัตว เชน การแพรกระจายของตัวออนแมลง การออกหากนของสตวบางชนด ิ ั ิ 2. อุณหภูมิ มีอทธิพลตอกระบวนการสรางอาหารของพืช การออกหากินของสัตว ิ 3. แกส มีความจําเปนตอการหายใจของพืชและสัตว การยอยสลายโดยจุลนทรียและการสรางอาหารของพืช ิ 4. แรธาตุ เชน ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซยม ฯลฯ พืชใชในการสังเคราะหสารตางๆ ในเซลลพช ี ื 5. ความเปนกรดเบส จะตองเหมาะสมตอการเจรญเตบโตของพช ถา pH สงเกนไปพชจะไมสามารถดดแรธาตุ ิ ิ ื ู ิ ื ู ไปใชได ความสมพนธของสงมชวตทอาศยอยรวมกน ั ั ่ิ ี ี ิ ่ี ั ู ั ความสัมพันธระหวางสิงมีชวตตางชนิดกันทีอาศัยอยูรวมกัน (Interspecific Relationship) ในระบบนิเวศจะมี ่ ีิ ่ ความสมพนธกนหลายแบบ กลาวคอเมออยรวมกนแลวอาจมฝายหนงฝายใดเสยประโยชน ไดประโยชน หรือไมไดไม ั ั ั ื ่ื ู ั ี ่ึ ี เสียประโยชนกได ถากําหนดความสมพนธดวยเครองหมายดงน้ี ็ ั ั ่ื ั + หมายถึง ไดประโยชนจากอีกฝายหนึง ่ - หมายถึง เสยประโยชนใหอกฝายหนง ี ี ่ึ 0 หมายถง ไมมการไดหรอเสยประโยชน ึ ี ื ี จากการกําหนดความสมพนธดวยเครองหมาย สามารถแบงความสัมพันธของสิงมีชวตตางชนิดกันไดดงนี้ ั ั ่ื ่ ีิ ั 1. ภาวะพงพา (Mutualism) สัญลักษณ +, + เปนความสัมพันธของสิงมีชวต 2 ชนิด ทีตางฝายตางไดรบ ่ึ ่ ีิ ่ ั ประโยชนซงกนและกน โดยจะตองอยรวมกนตลอดเวลา หากแยกจากกันจะไมสามารถดํารงชีวตอยูได เชน ่ึ ั ั ู ั ิ - ไลเคนส (Lichens) เปนการอยรวมกนระหวางรากบสาหราย โดยราจะไดรบอาหารจากสาหราย สวน ู ั ั ั สาหรายไดรบความชนจากรา ั ้ื - แบคทีเรีย E. coli ในลําไสใหญของคน แบคทเี รยจะชวยสลายกากอาหารและสงเคราะหวตามน B12 ี ั ิ ิ และวตามน K ใหแกคน ในขณะเดียวกันแบคทีเรียก็จะไดอาหารและแหลงทีอยูอาศัยจากคน ิ ิ ่ - แบคทีเรีย Rhizobium sp. กับพืชตระกูลถัว แบคทีเรียทีอาศัยอยูในปมรากพืชตระกูลถัวจะทําหนาท่ี ่ ่ ่ ตรึงไนโตรเจนจากอากาศแลวเปลียนเปนสารประกอบไนโตรเจนในดิน ซึงเปนประโยชนตอการเจริญเติบโตของตนถัว ่ ่ ่ - โปรโตซัว Trichonympha sp. ในลําไสปลวก โปรโตซัวมีเอนไซมสาหรบยอยเซลลโลสในลําไสปลวก ํ ั ู อาหารทียอยไดจะเปนประโยชนกบปลวกและโปรโตซัว ่ ั - รา Mycorrhiza sp. ในปมรากสน ราจะทําหนาทีสลายธาตุฟอสฟอรัสใหอยูในรูปทีพชสามารถนําไปใช ่ ่ ื ไดในขณะเดียวกัน ราก็จะไดอาหารทีพชตระกูลสนสังเคราะหขน ่ ื ้ึ - สาหรายสีนํ้าเงนแกมเขยวบางชนดกบแหนแดง ในโพรงใบของแหนแดงมีสาหรายสีเขียวแกมนําเงิน ิ ี ิ ั ้ บางชนด เชน Anabaena sp. และ Nostoc sp. อาศัยอยู ทําหนาทตรงไนโตรเจนจากอากาศเปลยนเปนสารประกอบ ิ ่ี ึ ่ี ไนโตรเจนทแหนแดงสามารถนาไปใชประโยชนได ่ี ํ
8.
BOBBYtutor Biology Note
2. ภาวะไดประโยชนรวมกัน (Protocooperation) สัญลักษณ +, + เปนความสัมพันธของสิงมีชวต 2 ชนิด ่ ีิ ทีไดรบประโยชนดวยกันทัง 2 ฝาย แตไมจาเปนตองอยรวมกนตลอดเวลา ถาแยกกันอยูกสามารถดํารงชีวตไดตามปกติ ่ ั ้ ํ ู ั ็ ิ เชน - นกเอยงกบควาย นกเอียงจะกินปรสิตบนหลังควาย ทําใหปรสิตของควายลดลง ้ี ั ้ - แมลงกบดอกไม แมลงไดอาหารจากดอกไม ในขณะเดียวกันแมลงก็ชวยผสมเกสรดอกไมทําใหแพรพนธุ ั ั ไดมาก - ปเสฉวนกบดอกไมทะเล ดอกไมทะเลทีเ่ กาะอยูบนเปลือกปูเสฉวนไดเคลือนทีไปพรอมๆ กบปเู สฉวน ู ั ่ ่ ั เปนการเปลยนแหลงอาหารไปเรอยๆ สวนปเู สฉวนจะไดทพรางตวทําใหศตรูมองไมเห็น ่ี ่ื ่ี ั ั - มดดํากับเพลีย มดดําจะนําไขของเพลียไปไวในรัง เพือใหไดรบความอบอุนและฟกออกเปนตัว และมดดา ้ ้ ่ ั ํ จะทําหนาทีปองกันเพลียใหพนจากอันตราย เวลามดออกหาอาหารจะนําเพลยไปดวย เพือใหเพลียดูดนํ้าหวานจากตนไม ่ ้ ้ี ่ ้ และมดดาจะไดอาหารจากเพลยอกทอดหนง ํ ้ี ี ่ึ 3. ภาวะอิงอาศัย หรอภาวะเกอกล (Commensalism) สัญลักษณ +, 0 เปนความสัมพันธของสิงมีชวต 2 ชนิด ื ้ื ู ่ ีิ ทีฝายหนึงไดประโยชนสวนอีกฝายหนึงไมไดและไมเสียประโยชน เชน ่ ่ ่ - ปลาฉลามกับเหาฉลาม เหาฉลามเปนปลาชนดหนงทมครบหลงเปลยนเปนอวยวะสําหรับยึดเกาะกับ ิ ่ึ ่ี ี ี ั ่ี ั ปลาฉลาม ซึงจะไดอาหารจากปลาฉลามโดยไมทําอันตรายปลาฉลามและปลาฉลามก็ไมไดเสียประโยชนแตอยางใด ่ - กลวยไมกบตนไมใหญ ตนไมใหญเปนฝายใหทอยูอาศัยแกกลวยไม ซึงกลวยไมทอาศัยอยูนนก็ไมได ั ่ี ่ ่ี ้ั แยงอาหารจากตนไม - นกทํารังบนตนไม นกไดประโยชนจากตนไม คือ ไดทอยูอาศัย สวนตนไมไมไดหรอเสยประโยชน ่ี ื ี แตอยางใด 4. ภาวะลาเหยื่อ (Predation) สัญลักษณ +, - เปนความสัมพันธของสิงมีชวต 2 ชนิด ในลกษณะทสงมชวต ่ ีิ ั ่ี ่ิ ี ี ิ ชนิดหนึ่งเปนอาหารของสงมชวตอกชนดหนง สิงมีชวตทีจบสัตวอนกินเปนอาหาร เรียกวา ผูลา (Predator) สวนสงมชวต ิ่ ี ี ิ ี ิ ึ่ ่ ี ิ ่ ั ื่ ่ิ ี ี ิ ทีตกเปนอาหาร เรียกวา เหยือ (Prey) เชน โคกนหญา กบกินแมลง ไกกนขาว เปนตน ่ ่ ิ ิ 5. ภาวะปรสิต (Parasitism) สัญลักษณ +, - เปนความสัมพันธของสิงมีชวต 2 ชนิด ในลกษณะทฝายหนง ่ ีิ ั ่ี ่ึ ไดประโยชนจากการเปนผูอาศัยหรือปรสิต (Parasite) อีกฝายหนึงเสียประโยชนจากการเปนผูถกอาศัย หรอโฮสต ่ ู ื (Host) ปรสตอาจอาศยภายนอก หรอภายในรางกายของผถกอาศยกได เราสามารถจําแนกประเภทของปรสิตตามแหลง ิ ั ื ู ู ั ็ ทีอยูได 2 พวก คือ ่ 5.1 ปรสิตภายนอก (Ectoparasite) เปนปรสิตทีอาศัยอยูบนรางกายของโฮสต เชน หมัด เหา เหบ ไร ่ ็ เปนตน 5.2 ปรสิตภายใน (Endoparasite) เปนปรสตทอาศยอยในรางกายของผถกอาศย เชน ภายในเซลล ิ ่ี ั ู ู ู ั ในทอทางเดินอาหาร กลามเนือ ตับ ปอด ถงนาดี ตวอยางปรสตภายใน ไดแก หนอนพยาธิชนิดตางๆ ้ ุ ้ํ ั ิ 6. ภาวะแขงขัน (Competition) สัญลักษณ -, - เปนความสัมพันธของสิ่งมีชวตชนิดเดียวกัน หรือตางชนิดกัน ีิ ก็ไดทมความตองการสิงเดียวกันแลวเกิดการแกงแยงแขงขันกัน ทําใหเสียประโยชนทง 2 ฝาย เชน การเจรญของผกบง ่ี ี ่ ้ั ิ ั ุ และผกกระเฉดในสระน้ํา การแขงขนของสตวเ พอครอบครองทอยอาศยหรอแยงชงอาหาร สุนขจิงจอกแยงกวางทีจบได ั ั ั ่ื ่ี ู ั ื ิ ั ้ ่ั เปนตน
9.
BOBBYtutor Biology Note
7. ภาวะการหลั่งสารตอตาน (Antibiosis) สัญลักษณ 0, - เปนความสมพนธของสงมชวต 2 ชนิด ทีฝายหนึง ั ั ่ิ ี ี ิ ่ ่ ไมไดหรือไมเสียประโยชนแตอกฝายหนึงเสียประโยชน โดยฝายหนึงจะหลังสารไปยับยังการเจริญเติบโตของสิงมีชวตอีก ี ่ ่ ่ ้ ่ ีิ ชนิดหนึ่ง เชน สาหรายสีเขียวบางชนิดหลังสารยับยังการเจริญเติบโตของไดอะตอม เปนตน การยบยงการเจรญเตบโต ่ ้ ั ้ั ิ ิ โดยไมมการหลังสาร ตนไมเล็กๆ ทีอยูใตตนไมใหญมกจะไมเจริญเติบโต เพราะตนไมใหญบงแสงแดดเอาไว ี ่ ่ ั ั 8. ภาวะเปนกลาง (Neutralism) สัญลักษณ 0, 0 เปนความสัมพันธของสิงมีชวต ททง 2 ฝายไมเกี่ยวของ ่ ี ิ ่ี ้ั สัมพันธกนในระหวางทีอาศัยอยูรวมกัน เชน แมงมมกบกระตายทอาศยอยดวยกนในทงหญา ไสเดือนดินกับตักแตนที่ ั ่ ุ ั ่ี ั ู ั ุ ๊ อาศัยอยูในนาขาว เปนตน การถายทอดพลงงานและการหมนเวยนสารในระบบนเวศ ั ุ ี ิ การถายทอดพลงงานในกลมสงมชวตในระบบนเวศ มี 2 ลักษณะ คือ ั ุ ่ิ ี ี ิ ิ 1. ถายทอดพลงงานในรปโซอาหาร (Food chain) หมายถึง การกินตอกันเปนทอดๆ โดยเริ่มจากผูผลิต ั ู ถายทอดพลงงานไปยงผบรโภคในลําดับถัดไป เชน ั ั ู ิ ผักกาด ตักแตน ๊ นก คน (ผักกาดถูกกินโดยตักแตน, ตักแตนถูกกินโดยนก, นกถูกกินโดยคน) ๊ ๊ ตําแหนงหนาที่เชิงอาหารและลําดับขั้นของอาหาร ลําดับขั้นอาหาร (Trophric level) สิงมีชวต ่ ีิ หนาที่เชิงอาหาร 4 คน ผูบริโภคเนื้อสัตวอันดับสอง หรือผูบริโภคอันดับสุดทาย 3 นก ผูบริโภคเนื้อสัตวอันดับหนึ่ง หรือผูบริโภคอันดับทีสอง ่ 2 ตักแตน ๊ ผูบริโภคพืช หรือผูบริโภคอันดับทีหนึง ่ ่ 1 ผักกาด ผูผลิต พระมดอาหาร (Food pyramid) ี ิ เมือพิจารณาแบบแผนการถายทอดพลังงานในหวงโซอาหารหนึงๆ สามารถนํามาเขียนในรูปพีระมิดได 3 แบบ คือ ่ ่ 1. พระมดจํานวนของสิ่งมีชีวิต (Pyramid of number) มีทงแบบฐานกวางและฐานแคบ ี ิ ้ั 2. พระมดมวลของสงมชีวต (Pyramid of mass) อาจเปนแบบฐานกวางหรือฐานแคบก็ได ี ิ ่ิ ี ิ 3. พีระมิดปริมาณพลังงาน (Pyramid of energy) เปนแบบฐานกวางเสมอ 2. ถายทอดพลังงานในรูปสายใยอาหาร (Food web) หมายถึง การกนกนอยางซบซอน ประกอบดวยโซอาหาร ิ ั ั จานวนมาก โดยผูบริโภคแตละชนิดจะกินสัตวอนไดมากกวา 1 ชนิด ํ ่ื
10.
BOBBYtutor Biology Note
การหมุนเวียนสารที่สาคัญในระบบนิเวศ ํ 1. วัฏจักรคารบอน แหลงธาตคารบอนในบรรยากาศ คือ กาซคารบอนไดออกไซด (CO2) กาซคารบอนมอนอกไซด ุ (CO) ในนํ้าอยูในรูปไฮโดรเจนคารบอเนตไอออน ดังสมการ CO2 + H2O H2CO3 H+ + HCO- คารบอนไดออกไซดจะถูกผูผลิตเปลียนไปเปน 3 ่ คารโบไฮเดรตเมื่อผูบริโภคนําไปใชจะปลอยคารบอนไดออกไซดออกมาทางลมหายใจ 2. วัฏจักรไนโตรเจน ประกอบดวย 4 ขั้นตอน คือ 1. Nitrogen fixation คือ การตรึงไนโตรเจนในอากาศเปลียนเปนสารประกอบไนโตรเจน เกิดจาก ่ ปรากฏการณธรรมชาติ เชน ฟาแลบ และอาศัยสิงมีชวต เชน แบคทเี รย ไรโซเบียม (Rhizobium sp.) สาหรายสเี ขยว- ่ ีิ ี ี แกมนํ้าเงินพวก Anabaena sp., Nostoc sp. เปนตน 2. Ammonification คือ กระบวนการสลายสารอนทรยจากพชและสตวเ ปนแอมโมเนย (NH3) ิ ี ื ั ี ี - ซงตองอาศยแบคทเรยหลายชนด 3. Nitrification คือ กระบวนการเปลยนแอมโนเนยเปนไนไตรท NO2 ่ึ ี่ ั ี ี ิ เชน Nitrococcus sp., Nitrosomonas sp., Nitrosocystis sp. และเปลียนไนไตรทเปนไนเตรต NO3 ่ - โดยใช แบคทเี รย Nitrobacter sp. ี 4. Denitrification คือ กระบวนการเปลียนไนเตรตเปนกาซไนโตรเจน (N2) ซึงตองใชแบคทีเรียพวก ่ ่ Pseudomonas sp., Micrococcus sp., Chromabacterium sp. 3. วฏจกรฟอสฟอรส และวฏจกรแคลเซยม เปนวัฏจักรทีไมตองผานบรรยากาศเพราะไมมสารประกอบในรูป ั ั ั ั ั ี ่ ี ของกาซ 4. วฏจกรซลเฟอร พืชและสัตวไมสามารถใชซลเฟอรไดโดยตรงตองอาศัยแบคทีเรียเปลียนใหอยูในรูปสาร- ั ั ั ั ่ ประกอบซลเฟตจงจะนาไปใชได ั ึ ํ ขอควรทราบ สารหมนเวยนเปนวฏจกรได ุ ี ั ั พลงงานหมนเวยนเปนวฏจกรไมได แตถายทอดได ั ุ ี ั ั ผยอยสลายจะเปนผรบพลงงานลาดบสดทาย ู ู ั ั ํ ั ุ การเปลยนแปลงแทนท่ี (Succession) ่ี คือ การเปลียนแปลงของกลุมสิงมีชวตทังในดานจํานวนและชนิดของสิงมีชวตในธรรมชาติ โดยมีปจจัยทาง ่ ่ ีิ ้ ่ ีิ กายภาพและชีวภาพเปนตัวควบคุมจนเกิดสมดุลตามธรรมชาติ ทําใหกลมสงมชวตมความสมพนธกนอยางเหมาะสมและ ุ ่ิ ี ี ิ ี ั ั ั ดํารงอยูในสภาวะทีคอนขางจะสมดุล เรียกสภาวะเชนนีวา สงคมสงมชวตขนสด (Climax community) ่ ้ ั ่ิ ี ี ิ ้ั ุ การเปลียนแปลงแทนทีของสิงมีชวตในธรรมชาติ แบงออกเปน 2 ประเภท คือ ่ ่ ่ ีิ 1. การเปลียนแปลงแทนทีแบบปฐมภูมิ (Primary succession) คือ การเปลียนแปลงแทนทีในพืนทีซงไมเคยมี ่ ่ ่ ่ ้ ่ ่ึ สิงมีชวตอาศัยมากอน เชน มีพชขึนบนเกาะทีเ่ กิดใหมหรือบริเวณทีเ่ กิดภูเขาไฟใหมๆ ซึงยังไมมการครอบครองของ ่ ีิ ื ้ ่ ี สิงมีชวตมากอน ่ ีิ 2. การเปลยนแปลงแทนทแบบทตยภมิ (Secondary succession) คือ การเปลยนแปลงแทนทในพนท่ี ่ี ่ี ุิ ู ่ี ่ี ้ื ซึงเคยมีสงมีชวตอาศัยอยูแตถกทําลายไปโดยคน สัตวหรือภัยธรรมชาติ เชน ไฟไหม นํ้าทวม เปนตน ่ ่ิ ี ิ ู
11.
BOBBYtutor Biology Note
การเปลียนแปลงในสภาพแหงแลง เรียกวา Xerosere เชน ทีกอนหิน กองทราย หรอลาวา หลังจากทีเ่ ย็นลง ่ ่ ื ซึงมักพบสิงมีชวตชนิดตางๆ ตามลําดับ ไดแก ่ ่ ีิ 1. สาหรายสีน้าเงินแกมเขียว จะชวยเปลียนสภาพของหิน ทรายหรือลาวาใหสามารถรับความชืนไดบาง ํ ่ ้ 2. ครัสโทสไลเคนส (Crustose lichens) เปนไลเคนสชนิดทีสามารถติดอยูกบกอนหินได มีลกษณะเปนแผนบาง ่ ั ั 3. โฟลิโอสไลเคนส (Foliose lichens) จะเจริญไดเมือเนือหินเริมกลายเปนดินและมีซากสารอินทรียเ พิมขึน ่ ้ ่ ่ ้ 4. มอส (Moss) เมอหนไดเ ปลยนสภาพไปมากจนมสภาพเปนดนมากขน มีอนทรียวัตถุและความชืนเพิม ่ื ิ ่ี ี ิ ้ึ ิ ้ ่ มากขึ้น ซึงเปนสภาพทีพชชันตําพวกมอสเจริญไดดี ่ ่ ื ้ ่ 5. ไมลมลุก หญาหรือเฟน พืชพวกนีจะเขามาแทนทีเ่ มือมอสไดตายไป นอกจากนสงมชวตใดจะมมากหรอนอย ้ ่ ้ี ่ิ ี ี ิ ี ื ยงขนอยกบอทธพลของความชนและปรมาณแสงอกดวย ั ้ึ ู ั ิ ิ ้ื ิ ี 6. ไมยนตนและไมพม จะเขามาแทนทีพวกไมลมลุก หญาหรือเฟน และการเจริญของพืชในชวงนีขนอยูกบ ื ุ ่ ้ ้ึ ั สภาพภูมอากาศและปจจัยจํากดในสงแวดลอมนนๆ อาจมีสตวชนิดตางๆ อพยพเขาไปอยูอาศัย เชน สตวเ ลอยคลาน ิ ั ่ิ ้ั ั ั ้ื นกและสัตวเลียงลูกดวยนม ้ ประชากรกบสภาวะแวดลอมและทรพยากรธรรมชาติ ั ั ประชากร (Population) คือ สิงมีชวตชนิดเดียวกัน อาศยอยในทแหงเดยวกนในชวงระยะเวลาหนง เชน ่ ีิ ั ู ่ี ี ั ่ึ จานวนประชากรผึงบนตนมะมวง เมื่อเดือนกุมภาพันธ พ.ศ. 2540 เปนตน ํ ้ การวัดขนาดประชากร ทําไดหลายแบบ เชน การนับทังหมด การสมตวอยาง การทําเครืองหมายแลวปลอยไป ้ ุ ั ่ เพือจับใหม ่ การอนรกษทรพยากรธรรมชาติ ุ ั ั ทรพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิงทีเ่ กิดขึนเองตามธรรมชาติมนุษยไมไดสรางขึน มทงประเภททสามารถฟนสภาพ ั ่ ้ ้ ี ้ั ่ี ได เชน พืช สัตว และประเภทสินเปลืองไมสามารถฟนสภาพได เชน ถานหิน นํามัน แรธาตุ ้ ้ มลภาวะของน้า (Water pollution) หมายถึง การทีนามีสารบางอยางหรือสภาพบางอยางในระดับทีไมเหมาะสม ํ ่ ้ํ ่ ตอการนํามาทําประโยชน มลภาวะของนํ้าเกดจากสาเหตตางๆ ไดแก ิ ุ - เชื้อโรคตางๆ ในแหลงนา ้ํ - สงสกปรกทยอยสลายได เชน สารอินทรียจากนําทิงของโรงงานและบานเรือน ่ิ ่ี ้ ้ - สงสกปรกทไมเ กดปฏกรยาเคมี เชน ดิน ทรายทถกชะลางลงไปในแหลงนา ขยะลอยนํา ฯลฯ ่ิ ่ี ิ ิ ิ ิ ่ี ู ้ํ ้ - สิงสกปรกทีเ่ ปนสารพิษ เชน ปุยและสารเคมีกําจัดศัตรูพช ่ ื - สิงทีทําใหสมบัตทางเคมีและฟสกสของนํ้าเปลียนแปลงไป เชน อุณหภูมิ pH ่ ่ ิ ิ ่ บทบาทของแบคทเรยตอคณภาพของน้ํา ี ี ุ ก. แบคทีเรียทีสรางอาหารไดเอง (Autotrophic bacteria) พวกที่มีประโยชนในการกาจัดนําเสีย ไดแก ไนไตรต- ่ ํ ้ แบคทเี รย ไนเตรตแบคทเี รย และแบคทีเรียทีเ่ ปลียนไฮโดรเจนซัลไฟดเปนซัลเฟต ี ี ่ ข. แบคทีเรียทีสรางอาหารเองไมได (Heterotrophic bacteria) มีจํานวนมากและมีบทบาทสําคัญทีสดใน ่ ุ่ การยอยสลายสารอนทรย แบงออกเปน ิ ี
12.
BOBBYtutor Biology Note
1. Aerobic bacteria คือ แบคทเี รยทตองใชออกซเิ จนในการสลายสารอนทรย ไดผลผลิตทีเ่ ปนคารบอนไดออกไซด ี ี่ ิ ี และนํา ้ 2. Anaerobic bacteria คอแบคทเี รยทสลายสารอนทรยโ ดยไมใชออกซเิ จน ไดผลผลิตทีเ่ ปนกาซมีกลิน ไดแก ื ี ่ี ิ ี ่ CH4, H2S, NH3 3. Facultative bacteria คือ แบคทีเรียทีสามารถสลายสารอินทรียโดยไมใชออกซิเจนหรือใชออกซิเจนก็ได ่ ขึนอยูกบสภาพแวดลอมวามีออกซิเจนหรือไม ้ ั การวัดมลภาวะของนํ้า วัดจากปริมาณออกซิเจนทีมอยูในแหลงนํ้าซึงมีอยู 3 วิธี คือ ่ี ่ 1. วัดปริมาณออกซิเจนทีละลายอยูในนํา (Dissolved Oxygen หรือ DO) มีหนวยเปนมิลลิกรัมตอลิตร หรือ ่ ้ ppm ออกซิเจนทีละลายอยูในนํ้ามาจากการสงเคราะหดวยแสงของพชน้า ถามความกดดนของออกซเิ จนในบรรยากาศ ่ ั ื ํ ี ั สูงออกซิเจนจะละลายนําไดมาก ถาความเขมขนของเกลือแรในนํ้าและอุณหภูมนาสูงออกซิเจนจะละลายไดนอย (ปกติ ้ ิ ้ํ ปริมาณออกซิเจนทีเ่ หมาะสมตอการดํารงชวตของสงมชวตในนา คือ 5 มลลกรม/ลิตร ถาตากวา 3 มลลกรม/ลิตร ีิ ่ิ ี ี ิ ้ํ ิ ิ ั ่ํ ิ ิ ั จะทําใหน้าเสีย) ํ 2. วดความตองการออกซเจนทางชวเคมี (Biochemical Oxygen Demand หรือ BOD) คือปริมาณ ั ิ ี ออกซิเจนที่ Aerobic bacteria ใชสําหรบการยอยสลายสารอนทรย คํานวณไดจากผลตางของคา DO ของนํ้าทีวดทันที ั ิ ี ่ั กับคา DO ของนํ้าทเ่ี กบไวในทมด 5 วัน ปรมาณออกซเิ จนจะลดลงเพราะแบคทีเรียใชในการยอยสลายอนทรย ถานํ้าสกปรก ็ ่ี ื ิ ิ ี แสดงวามสารอนทรยในนามาก คา BOD จะสูงคา BOD ในแหลงนาทวไปประมาณ 2-5 ppm ถาสงกวา 100 มลลกรม/ลิตร ี ิ ี ้ํ ้ ํ ่ั ู ิ ิ ั จัดวาเปนนํ้าเสีย 3. วัดความตองการออกซิเจนทางเคมี (Chemical Oxygen Demand หรือ COD) คือ ปริมาณออกซิเจนที่ สารเคมีใชในการสลายสารอินทรีย สารเคมีทใชเปนตัวออกซิไดซคอ โพแทสเซียมไดโครเมต ถานําสกปรก แสดงวามี ่ี ื ้ สารอินทรียในนํามาก คา COD จะสูงในแหลงนําเดยวกน คา COD จะสูงกวาคา BOD เสมอ เพราะสารเคมีบางอยาง ้ ้ ี ั ยอยสลายโดยแบคทีเรียไมไดแตยอยโดยการออกซิไดซทางเคมีได มลภาวะของดิน (Soil pollution) เกดจากพวกกากสารกมมนตรงสี ขยะมลฝอยและสงปฏกล ปยและสารเคมี ิ ั ั ั ู ่ ิ ิ ู ุ ปราบศตรพชซงใชเ วลาในการสลายตวตางกน เชน เอนดริน 1-6 ป ดีลดริน 5-25 ป ดีดที 4-30 ป ั ู ื ่ึ ั ั ี มลภาวะอากาศ (Air pollution) มีกาซ และสารตางๆ หลายชนดททําใหเกิดมลภาวะอากาศ เชน กาซซลเฟอร- ิ ่ี ั ไดออกไซดจากการเผาถานหน เมอกระทบกบความชนจะกลายเปนกรดซลฟวรก ทําอนตรายกบเนอเยอตางๆ สารกัมมันตรังสี ิ ื่ ั ื้ ั ิ ั ั ื้ ื่ ทําใหเกิดการระคายเคือง ตา จมูก คอ เกดการอาเจยน มือบวม โครโมโซมผิดปกติ เปนหมน สารตะกัวทีผสมในนํ้ามัน ิ ี ั ่ ่ เชื้อเพลิง หรอจากโรงงานทําแบตเตอร่ี ทําสี มผลไปทําลายระบบประสาท เกิดการเสือมสลายของเสนเลือดฝอย ื ี ่ กาซคารบอนมอนอกไซด เกิดจากการเผาไหมทไมสมบูรณ สามารถรวมตัวกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงไดดกวา ่ี ี ออกซิเจนประมาณ 200-250 เทา ออกไซดของไนโตรเจน เกิดจากการเผาเชือเพลิงทีมไนโตรเจนเปนองคประกอบ ้ ่ี สามารถรวมตัวกับฮีโมโกลบินไดเหมือนกับคารบอนไดออกไซด และยังทําใหเยือบุทางเดินของระบบหายใจ ตา จมูก ่ เกิดการระคายเคืองเชนเดียวกับกาซซัลเฟอรไดออกไซด สารปรอท ทําใหมการบบตวอยางรนแรงของทางเดนอาหาร ี ี ั ุ ิ ปวดทอง อาเจียน ปวดเมือยกลามเนือ เรียกวาโรคมินามาตะ สารแคดเมยม จะไปสะสมทไต ทําลายหลอดไต กระดูก- ่ ้ ี ่ี ผุกรอน เกดการเจบปวดมาก เรียกวาโรคอิไต-อิไต กาซคารบอนไดออกไซด เกิดจากการเผาไหมเชื้อเพลิง ถามีสะสม ิ ็ ในบรรยากาศมากทําใหเกิดปรากฏการณเรือนกระจก
Jetzt herunterladen