SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 26
Downloaden Sie, um offline zu lesen
บทคัดย่อ 
ชื่อผลงาน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง Parts of 
Speech กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) สาหรับนักเรียนชั้น 
มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี 
ผู้วิจัย นางสาวรวิวรรณ จันทร 
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of 
Speech กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มี 
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น 
มัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ก่อนและหลังเรียนด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech 
และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดการสอน 
แบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech 
กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีสถาบัน 
การพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จานวน 29 คน 
ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดาเนินการวิจัยโดยใช้แบบแผนการทดลอง 
One Group Pretest-Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ 
ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน จานวน 6 แผน ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of 
Speech จานวน 6 ชุด แบบทดสอบประจาชุดการสอน จานวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ 
ทางการเรียน ซึ่งมีค่า ความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง .36-.78 และค่าอานาจจาแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 
.37-.80 และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ 
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 
ผลการวิจัยพบว่า 
1. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech สาหรับนักเรียนชั้น 
มัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 77.41/76.55 
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง Parts of Speech ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 
4/2 หลังเรียนด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 
22.97 คิดเป็นร้อยละ 77.55 คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 13.90 คิดเป็นร้อยละ 46.32 มีผลการพัฒนา 
โดยเฉลี่ย เท่ากับ 9.07 คิดเป็นร้อยละ 30.23
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด โดยมี 
ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61
คู่มือครู 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 
จัดทาโดย 
นางสาวรวิวรรณ จันทร 
ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ 
โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี สถาบันการพลศึกษา 
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
2 
คานา 
คู่มือครูชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนเล่มนี้เป็นฉบับปรับปรุงพัฒนาจากปีการศึกษา 2555 
ซึ่งเป็นเอกสารที่ผู้จัดทาได้ทาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ 
(ภาษาอังกฤษ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนนี้ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 
เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เน้นกระบวนการกลุ่ม ชุดการสอนที่สร้างขึ้นมีจานวน 6 ชุด แต่ละชุดมี 4 ศูนย์ 
การเรียนและ 1 ศูนย์สารอง และในแต่ละศูนย์การเรียนประกอบด้วย บัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหา 
บัตรกิจกรรมและบัตรเฉลย 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน หน่วยที่ 2 Parts of speech มีจานวน 6 ชุด ดังนี้ 
ชุดที่ 1 เรื่อง Nouns 
ชุดที่ 2 เรื่อง Pronouns 
ชุดที่ 3 เรื่อง Verbs 
ชุดที่ 4 เรื่อง Adjectives and Adverbs 
ชุดที่ 5 เรื่อง Prepositions 
ชุดที่ 6 เรื่อง Conjunctions and Interjections 
การจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนนี้ ผู้เรียนได้เคลื่อนไหวอิริยาบถอยู่ตลอดเวลา จึงกระตุ้น 
ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ กระตือรือร้น ตื่นตัวตื่นใจ สนุกสนานในการเรียนและปฏิบัติกิจกรรม ส่งผล 
ให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาสาระในบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น 
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนเล่มนี้ คงอานวยประโยชน์และ 
เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนเป็นแนวทางในการจัดทาสื่อ/นวัตกรรมแก่ครู 
ผู้รับผิดชอบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และผู้สนใจ 
ทั่วไปได้เป็นอย่างดี 
นางสาวรวิวรรณ จันทร 
ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ 
โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
3 
คาชี้แจงในการใช้ชุดการสอน 
คาชี้แจงสาหรับครู 
1. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน หน่วยที่ 2 Parts of speech ชุดที่ 3 เรื่อง Verbs 
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง 
2. ชุดการสอนนี้เป็นชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ได้จัดแบ่งกิจกรรมตามศูนย์การเรียน 
เป็น 4 ศูนย์การเรียน และศูนย์สารองอีก 1 ศูนย์ 
3. ชุดการสอนนี้ใช้กับนักเรียน 4 กลุ่ม กลุ่มละ 1 ศูนย์ โดยหมุนเวียนกันทีละศูนย์ 
จนครบทั้ง 4 ศูนย์ (ใช้เวลาในการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรม ศูนย์ละประมาณ 20 นาที) 
4. ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามบัตรคาสั่งของแต่ละศูนย์ทุกขั้นตอน หากยังมีเวลา 
ให้นักเรียนเข้าปฏิบัติกิจกรรมในศูนย์สารอง เพื่อรอเข้าเรียนรู้ในศูนย์การเรียนอื่นต่อไป เมื่อศูนย์การ 
เรียนที่ต้องปฏิบัติจริงว่าง ให้ออกจากศูนย์สารองทันทีแต่อย่าลืมเก็บสื่อหรือเอกสารของศูนย์สารอง 
ให้เรียบร้อยเสียก่อน 
5. ระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามศูนย์การเรียนให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการปฏิบัติ 
กิจกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด 
6. ครูชี้แจงขั้นตอนการเรียนแบบศูนย์การเรียนให้นักเรียนเข้าใจทุกคน ก่อนดาเนินกิจกรรม 
ต่าง ๆ 
7. กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ 
7.1 ขั้นประเมินผลก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบประจาชุดการสอน 
เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ 10 คะแนน 
7.2 ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน ให้ดาเนินกิจกรรมตามที่ระบุไว้ในแผนการเรียนรู้แต่ละแผน 
7.3 ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนเรียนรู้โดยเข้าเรียนตามศูนย์การเรียนรู้ 
ให้ครบทั้ง 4 ศูนย์การเรียน 
7.4 ขั้นสรุปผลการเรียนรู้ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป ร่วมกันเฉลยบัตรกิจกรรม 
อภิปรายเกี่ยวกับผลงานของนักเรียนและนาผลงานดีเด่นจัดป้ายนิเทศหรือชมเชยให้นักเรียนมีกาลังใจ 
และภาคภูมิใจในผลงานตน 
7.5 ขั้นประเมินผลหลังเรียน ให้นักเรียนทาแบบทดสอบประชุดการสอนชุดเดิม 
กับประเมินก่อนเรียนเป็นรายบุคคล
4 
สิ่งที่ครูต้องเตรียม 
1. ศึกษาระบบการจัดการเรียนรู้และแผนผังการจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน 
2. ศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้และแผนภูมิการจัดการเรียนรู้ให้เข้าใจ 
3. ฝึกการใช้สื่อ นวัตกรรม 
4. เตรียมสื่อให้พร้อมและเพียงพอกับจานวนนักเรียน 
สิ่งที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติ 
1. อ่านบัตรคาสั่งและปฏิบัติตามคาสั่ง 
2. รักษาเวลาอย่างเคร่งครัด 
3. ก่อนเปลี่ยนศูนย์การเรียนที่ตนปฏิบัติให้เก็บสื่อหรือเอกสารในศูนย์การเรียนที่ตนปฏิบัติ 
อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย 
4. ห้ามนาสื่อ อุปกรณ์การเรียนประจาศูนย์ติดมือไปเป็นอันขาด นอกจากผลงานของตนเอง 
5. ในขณะเปลี่ยนศูนย์การเรียนห้ามคุยเสียงดัง
5 
แผนผังศูนย์การเรียน ชุดที่ 3 
เรื่อง Verbs 
ศูนย์ที่ 3 
ศูนย์ที่ 2 
ศูนย์ที่ 4 
ศูนย์ที่ 1
6 
ชุดการสอชุนดแบกาบรศูสนอย์นกาแบรบเรีศูยนน 
ย์การเรียParts of Speech : Verbs 
บัตรคาสั่ง 
ชชุุดดกกาารรสสออนนแแบบบบศศููนนยย์ก์กาารรเเรรีียยศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 
1. บัตรคาสั่ง 
2. บัตรเนื้อหา 
3. บัตรกิจกรรม 
4. บัตรเฉลย 
คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 
1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 
2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 
3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 
4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม 
ตามที่ได้รับมอบหมาย 
5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนน 
ข้อที่ถูกต้อง ข้อละ 1 คะแนน 
6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 
7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 
8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 
9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
7 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด 
Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น 
ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา 
ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็น 
อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice หรือ 
Passive voice ด้วย 
บัตรเนื้อหา 
Finite verbs 
Finite verbs หรือ กริยาแท้ คือกริยาที่นามาใช้เป็นส่วนสาคัญของประโยค เป็นคากริยาที่บ่งบอก 
การกระทาของผู้กระทา หรือประโยคนั้น ๆ 
เช่น "Cats eat fish" เราจะเห็นกริยา eat ทาหน้าที่แสดงการกระทาของแมวกินปลาตรง ๆ 
เลยนั้นเอง กริยาแบบนี้เราจะเรียกว่า Finite verbs 
Non-Finite verbs 
Non- Finite verbs หรือ กริยาไม่แท้ คือคากริยาที่ไม่ได้นามาใช้อย่างกริยาแท้ แต่ถูกนามาใช้ทา 
หน้าที่เป็นอย่างอื่น เช่น เป็นนามบ้าง, เป็นคุณศัพท์บ้าง, เป็นกริยาวิเศษบ้าง 
เช่น "I want to sleep" จากประโยคเราจะเห็นคากริยาอยู่ 2 คา คือ want กับ sleep 
ซึ่ง want ตัวแรกนี้ทาหน้าที่แสดงความต้องการของ "I" ซึ่งเป็นประธานของประโยคนั้น จึงเป็นกริยา 
แท้ ส่วน sleep นั้นเข้ามาเป็นส่วนที่ทาให้ประโยคสมบูรณ์เท่านั้น คากริยาที่ไม่ได้แสดงการกระทา 
ของประธานจริง ๆ เราเรียกกริยาพวกนี้ว่า Non-Finite verbs หรือ กริยาไม่แท้ นั้นเอง Non-Finite 
verbs นั้นมีอยู่หลายประเภทใช้แตกต่างกันไป ได้แก่ 
1.Infinitive : กริยาที่มี to นาหน้า ( to + Verb 1 ) หรืออยู่ในรูปลอยๆเลย เช่น 
to know, cry 
2.Gerund : กริยาที่เติม ing ( verb + ing ) เช่น walking ,sleeping , smoking 
3.Participle : กริยาที่เติม ed เป็นกริยาช่อง 3 หรือ ing เช่น eating , coming
8 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs Identify the underline verbs in the following sentences. ระบุคาที่ขีดเส้นใต้ว่าเป็น 
finite verb หรือ non-finite verb. 
Ex : Tom plays tennis on Saturday. = plays is finite verb 
บัตรกิจกรรม 
1. Nancy does her homework every day = …………………………………………… 
2. Nancy is doing her homework at the moment=……………………………………………. 
3. They are writing a letter. =……………………………………………. 
4. She speaks Chinese very well =……………………………………………. 
5. He has a big car. =……………………………………………. 
6. The proposal has been examined today. =……………………………………………. 
7. She tried to help him. =……………………………………………. 
8. It is healthy to laugh problems. =…………………….……………………… 
9. Finding the gates widely open, the thief went inside=………………………………………… 
10. He had his car cleaned. =…………………………………………….
9 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs Identify the underline verbs in the following sentences. ระบุคาที่ขีดเส้นใต้ว่าเป็น 
finite verb หรือ non-finite verb. 
Ex : Tom plays tennis on Saturday. = plays is finite verb 
บัตรเฉลย 
1. Nancy does her homework every day = does is a finite verb 
2. Nancy is doing her homework at the moment= doing is a non-finite verb 
3. They are writing a letter. = are is a finite verb 
4. She speaks Chinese very well = speaks is a finite verb 
5. He has a big car. = has is a finite verb 
6. The proposal has been examined today. = been is a non-finite verb 
7. She tried to help him. = tried is a finite verb 
8. It is healthy to laugh problems. = laugh is a non-finite verb 
9. Finding the gates widely open, the thief went inside= Finding is a non-finite verb 
10. He had his car cleaned. = cleaned is a non-finite verb
10 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรคาสั่ง 
คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 
1. บัตรคาสั่ง 
2. บัตรเนื้อหา 
3. บัตรกิจกรรม 
4. บัตรเฉลย 
คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 
1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 
2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 
3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 
4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม 
ตามที่ได้รับมอบหมาย 
5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ 
ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 
6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 
7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 
8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 
9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
11 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด 
Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น 
ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา 
ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็นอดีต 
ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active Voice หรือ Passive 
Voice ด้วย 
บัตรเนื้อหา 
Transitive Verbs คือ คากริยาที่ต้องการกรรมมารับข้างท้ายถึงจะได้ใจความสมบูรณ์ 
ภาษาไทย เรียกว่า สกรรมกริยา เช่น 
Tawee kicks the ball. ทวีเตะลูกบอล 
He ate the pancake. เขาทานขนมเบื้อง 
We played tennis. เราเล่นเทนนิส 
จากประโยคที่ยกมาเป็นตัวอย่างทั้ง 3 ประโยค จะเห็นว่า kick เตะอะไร เราไม่ทราบ ate 
ทานอะไร played เล่นอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้กริยาทั้งสามคาที่ยกมาจะต้องมีกรรมมารับ กริยาประเภทนี้ 
ได้แก่ Transitive Verbs 
Intransitive Verbs คือคากริยาที่ไม่ต้องการกรรมมาตามหลัง เพราะเมื่อคากริยานี้ตามหลัง 
นาม , สรรพนาม หรือประธานก็จะมีความหมายสมบูรณ์ในตัวแล้วในภาษาไทยเรียกว่า อกรรมกริยา เช่น 
Parichat walks swiftly. ปาริฉัตรเดินอย่างรวดเร็ว 
Ninnate studies hard. นิลเนตรเรียนอย่างหนัก
12 
Verb (กริยา) บางคาสามารถเป็นได้ทั้ง Transitive Verb และ Intransitive Verb ดังนั้น 
นักเรียนสามารถดูได้ว่าถ้าคากริยาตัวใดมีกรรมตามหลังก็เป็น Transitive Verb แต่ถ้าไม่มีกรรมตามหลัง 
คากริยานั้นก็เป็น Intransitive Verb เช่น 
Tawee kicks the ball. ( เป็น Transitive ) 
Parichat walks swiftly. ( เป็น Intransitive ) 
Ninnate studies hard. ( เป็น Intransitive ) 
We play tennis. ( เป็น Transitive )
13 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรกิจกรรม 
In each of the following sentences, choose whether the bolded verb is transitive or 
intransitive. 
1. I worked all night.  transitive  intransitive 
2. He gave the book to the teacher.  transitive  intransitive 
3. They laughed at the joke.  transitive  intransitive 
4. She slept for eight hours.  transitive  intransitive 
5. We lived in Mexico for two years.  transitive  intransitive 
6. I like her.  transitive  intransitive 
7. We clean our room every day.  transitive  intransitive 
8. My brother moved to another city.  transitive  intransitive 
9. My brother moved his car.  transitive  intransitive 
10. Those people painted their house blue.  transitive  intransitive
14 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรเฉลย 
In each of the following sentences, choose whether the bolded verb is transitive or 
intransitive. 
1. I worked all night.  transitive  intransitive 
2. He gave the book to the teacher.  transitive  intransitive 
3. They laughed at the joke.  transitive  intransitive 
4. She slept for eight hours.  transitive  intransitive 
5. We lived in Mexico for two years.  transitive  intransitive 
6. I like her.  transitive  intransitive 
7. We clean our room every day.  transitive  intransitive 
8. My brother moved to another city.  transitive  intransitive 
9. My brother moved his car.  transitive  intransitive 
10. Those people painted their house blue.  transitive  intransitive
15 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs บัตรคาสั่ง 
คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 
1. บัตรคาสั่ง 
2. บัตรเนื้อหา 
3. บัตรกิจกรรม 
4. บัตรเฉลย 
คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 
1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 
2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 
3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 
4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม 
ตามที่ได้รับมอบหมาย 
5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ 
ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 
6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 
7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 
8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 
9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
16 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด 
Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้นของ 
อะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยาในภาษาอังกฤษ 
เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือ 
อนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice หรือ Passive voice ด้วย 
บัตรเนื้อหา 
Auxiliary Verbs คือ คากริยาที่นามาใช้ร่วมกับกริยาแท้ ( finite Verbs ) เพื่อสร้างรูปกาล (tenses) 
ในปัจจุบันจะเรียกว่า helping Verbs คากริยาประเภทนี้มีหน้าที่หลักคือใช้เป็นโครงสร้างในการสร้าง 
ประโยคต่าง ๆ ดังนี้ 
- การสร้างประโยคปฏิเสธ (negative construction) ซึ่งทาได้โดยการเติม not แต่ 
การเติม not จะต้องเติมหลังกริยาช่วย (Auxiliary Verbs) สาหรับกริยาแท้จะเติม not ข้างท้ายไม่ได้ 
จะทาให้เป็นประโยคปฏิเสธได้ โดยการนาเอา “ Verb to do” เข้ามาช่วยแล้วเติม not ข้างหลัง Verb 
to do เช่น 
บอกเล่า : We can play tennis. 
เราสามารถเล่นเทนนิสได้ 
ปฏิเสธ : We can’t play tennis. 
เราไม่สามารถเล่นเทนนิสได้ 
Can : เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verbs) ใช้ not เติมเข้าข้างหลังจะเป็น cannot 
(can’t) ประโยคจะกลายเป็นประโยคปฏิเสธ แต่ถ้าคากริยา (Verb) ในประโยคบอกเล่าเป็นกริยาแม้เรา 
จะเติม not ข้างหลังไม่ได้
17 
ให้นักเรียนพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ 
บอกเล่า : He speaks English well. 
เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี 
ปฏิเสธ : He does not (doesn’t) speak English well. 
เขาพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี 
บอกเล่า : They play football in the field. 
เขาเล่าฟุตบอลในสนาม 
ปฏิเสธ : They do not (don’t) play football in the field. 
เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลในสนาม 
บอกเล่า : They played football yesterday. 
เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ 
ปฏิเสธ : They did not (didn’t) play football yesterday. 
เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ 
จากประโยคที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นประโยคแรก He ประธานเป็นเอกพจน์ให้ใช้ does not 
วางหน้ากริยาแท้ speak แล้วตัด s ออกเพราะ does ไปแสดงแล้ว สาหรับประโยคที่ 2 They เป็น 
พหูพจน์ให้ใช้ do not (don’t) วางหน้ากริยาแท้ play ในประโยคที่ 3 played ซึ่งเป็นกริยาแท้ช่อง 2 
เมื่อต้องการทาให้เป็นประโยคปฏิเสธต้องเอา did not (didn’t) ไปวางหน้ากริยา play แล้วตัด ed ออก 
เพื่อทาให้เป็นกริยาช่อง 1 เพราะ did แสดงการเป็นอดีตแล้ว 
2. การสร้างประโยคคาถาม ( interrogative construction ) ประโยคที่มีกริยาช่วย 
(Auxiliary Verb) ร่วมอยู่ด้วย ถ้าต้องการทาให้เป็นประโยคคาถามทาได้โดยนากริยาช่วยมาวางไว้หน้า 
ประโยคแล้วจบประโยคด้วยเครื่องหมาย question mark (?) เช่น 
บอกเล่า : He can speak English. 
เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ 
คาถาม : Can he speak English? 
เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม 
แต่ถ้าประโยคนั้นไม่มีกริยาช่วยมีแต่กริยาแท้อย่างเดียวจะทาให้เป็นประโยคคาถามต้อง 
ใช้ Verb to do มาช่วยแต่ให้นามาวางไว้หน้าประโยคแล้วใส่เครื่องหมาย ? เมื่อจบประโยค 
3. สร้างประโยคคาตอบแบบย่อ (short answers) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ารูปกริยาเดิม 
นามาใช้ในการพูดคุยกัน เช่น 
Tawee : Can you speak English? คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม 
Narong : Yes , I can. ได้ครับ
18 
ซึ่งณรงค์อาจจะตอบประโยคเต็มว่า Yes , I can speak English. หรือ ณรงค์จะตอบประโยค 
นี้ว่า No ,I cannot. (can’t) ซึ่งแปลว่า ไม่ได้ครับ ประโยคเต็มคือ No , I can’t speak English. 
4. ใช้แสดงความสอดคล้อง (agreement construction) กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) 
ที่นามาใช้ในรูปแสดงความสอดคล้องมักจะปรากฏในโครงสร้างต่อไปนี้ 
4.1 ใช้ so ในความหมาย “ทาร่วมด้วย” ในโครงสร้าง ดังนี้ 
ประโยคบอกเล่า , and+so+auxiliary verb (รูปบอกเล่า) + ประธาน (subject) 
ตัวอย่าง She likes meat , and so do I. 
เธอชอบทานเนื้อฉันก็ชอบเหมือนกัน 
4.2 ใช้ในความหมายไม่ร่วมด้วย (ปฏิเสธ) จะมีคา neither หรือ nor โดยมี 
โครงสร้าง 
ประโยคปฏิเสธ , + neither / nor + auxiliary verb + subject 
ตัวอย่าง She does not (doesn’t) like meat , neither / nor do I. 
หล่อนไม่ชอบทานเนื้อ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน 
4.3 ใช้ในประโยคโครงสร้างที่มี too ซึ่งมีความหมายว่ากระทาร่วมด้วย ตาม 
โครงสร้าง 
ประโยคบอกเล่า , and + ประธาน (subject) + auxiliary verb ( บอกเล่า ) + 
too. 
ตัวอย่าง She can swim , and I can too. 
เธอสามารถว่ายน้าได้ฉันก็ว่ายน้าได้เหมือนกัน 
He walks to school , I do too. 
เขาเดินไปโรงเรียน ฉันก็เดินไปโรงเรียนเหมือนกัน 
ตัวอย่าง This curry smelled bad. 
แกงเผ็ดถ้วยนี้มีกลิ่นเหม็น 
bad ตามหลัง smelled เป็นคาคุณศัพท์ 
He felt ill yesterday. 
เมื่อวานนี้เขารู้สึกไม่สบาย 
ill ตามหลัง felt เป็นคานาม
19 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs Choose the correct verb to complete the sentences below. 
1. You seem to be having trouble there. _________ I help you? 
 Would  Will  Shall 
บัตรกิจกรรม 
2. I don't have enough money to buy lunch. __________ you lend me a couple of 
dollars? 
 May  Could  Shall 
3. That ice is dangerously thin now. You ________ go ice-skating today. 
 mustn't  might not  would mind not to 
4. It's way past my bedtime and I'm really tired. I ________ go to bed. 
 Should  Ought  Could 
5. He ______________ have committed this crime. He wasn't even in the city that night. 
 might  shouldn't  couldn't 
6. John is over two hours late already, He ___________ missed the bus again. 
 should have  must have  will have 
7. I'm really quite lost. _______________ showing me how to get out of here? 
 Would you mind  Would you be  Must you be 
8. That bus is usually on time. It _________ to be here any time now. 
 might  has  ought 
9. I read about your plane's near disaster. You ____________ terrified! 
 might have been  must have been  shall have been 
10. It's the law. They ____________ have a blood test before they get married. 
 might  could  have to
20 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs Choose the correct verb to complete the sentences below. 
1. You seem to be having trouble there. _________ I help you? 
 Would  Will  Shall 
2. I don't have enough money to buy lunch. __________ you lend me a couple of 
dollars? 
 May  Could  Shall 
3. That ice is dangerously thin now. You ________ go ice-skating today. 
 mustn't  might not  would mind not to 
4. It's way past my bedtime and I'm really tired. I ________ go to bed. 
 Should  Ought  Could 
5. He ______________ have committed this crime. He wasn't even in the city that night. 
 might  shouldn't  couldn't 
6. John is over two hours late already, He ___________ missed the bus again. 
 should have  must have  will have 
7. I'm really quite lost. _______________ showing me how to get out of here? 
 Would you mind  Would you be  Must you be 
8. That bus is usually on time. It _________ to be here any time now. 
 might  has  ought 
9. I read about your plane's near disaster. You ____________ terrified! 
 might have been  must have been  shall have been 
10. It's the law. They ____________ have a blood test before they get married. 
 might  could  have to 
บัตรเฉลย
21 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 
1. บัตรคาสั่ง 
2. บัตรเนื้อหา 
3. บัตรกิจกรรม 
4. บัตรเฉลย 
บัตรคาสั่ง 
คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 
1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 
2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 
3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 
4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม 
ตามที่ได้รับมอบหมาย 
5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ 
ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 
6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 
7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 
8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 
9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
22 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs 
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด 
Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น 
ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา 
ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาล 
ว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice 
หรือ Passive voice ด้วย 
Linking Verbs 
Linking Verbs หมายถึง คากริยาที่ใช้เชื่อมประธานของประโยคเข้ากับตัวขยาย ตัวขยาย 
อาจจะเป็นคานาม (Noun) หรือคาคุณศัพท์ (adjective) คากริยาชนิดนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งคือ 
Copulative Verbs ได้แก่ คา 
seem = ดูเหมือนว่า feel = รู้สึก 
become= กลายเป็น , เหมาะ sound = มีเสียง , ดูเหมือนว่า 
taste = ชิม , รสชาติ look = มองดู , ปรากฏ , หน้าตา 
grow = เจริญเติบโต turn = หมุน , หันกลับ , เลี้ยว 
appear = ปรากฏตัว remain = อยู่ , เหลืออยู่ , เป็นอยู่ 
get = ได้รับ , เอามา , มาถึง be = เป็น , อยู่ , คือ 
ตัวอย่าง This curry smelled bad. 
แกงเผ็ดถ้วยนี้มีกลิ่นเหม็น 
bad ตามหลัง smelled เป็นคาคุณศัพท์ 
He felt ill yesterday. 
เมื่อวานนี้เขารู้สึกไม่สบาย 
ill ตามหลัง felt เป็นคานาม 
บัตรเนื้อหา
23 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs Write the linking verbs in each sentence. 
1. That cake smells good. 
Linking verb =…………………………………….. 
2. Matt feels sleepy. 
Linking verb =…………………………………….. 
3. Loretta becomes hot after running. 
Linking verb =…………………………………….. 
4. The fire truck is red. 
Linking verb =…………………………………….. 
5. Teachers seem happy. 
Linking verb =…………………………………….. 
6. The boys looked confused. 
Linking verb =…………………………………….. 
7. The girls appeared excited. 
Linking verb =…………………………………….. 
8. The plane was high in the air. 
Linking verb =…………………………………….. 
9. The cars were ahead of the bus. 
Linking verb =…………………………………….. 
10. The man's face turned red. 
Linking verb =…………………………………….. 
บัตรกิจกรรม
24 
ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน 
Parts of Speech : Verbs 
ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs Write the linking verbs in each sentence. 
1. That cake smells good. 
Linking verb = smells 
2. Matt feels sleepy. 
Linking verb =feels 
3. Loretta becomes hot after running. 
Linking verb =becomes 
4. The fire truck is red. 
Linking verb =is 
5. Teachers seem happy. 
Linking verb =seem 
6. The boys looked confused. 
Linking verb =looked. 
7. The girls appeared excited. 
Linking verb =appeared 
8. The plane was high in the air. 
Linking verb =was 
9. The cars were ahead of the bus. 
Linking verb =were 
10. The man's face turned red. 
Linking verb =turned 
บัตรเฉลย

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

ภาษาต่างประเทศ
ภาษาต่างประเทศภาษาต่างประเทศ
ภาษาต่างประเทศ
thanakit553
 
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติหนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
Sutat Inpa
 
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
เทพ ธรรมะ
 
Writing lesson plan
Writing lesson planWriting lesson plan
Writing lesson plan
Belinda Bow
 
แผนการอ่าน
แผนการอ่านแผนการอ่าน
แผนการอ่าน
Serena Sunisa
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
Tharinee Japhimai
 

Was ist angesagt? (20)

แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
 
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
 
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
 
ภาษาต่างประเทศ
ภาษาต่างประเทศภาษาต่างประเทศ
ภาษาต่างประเทศ
 
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียนการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
 
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติหนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือการสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
 
หนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติหนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือเรียนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
 
หนังสือภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติหนังสือภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
หนังสือภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
 
Unit 1 about myself
Unit 1 about myselfUnit 1 about myself
Unit 1 about myself
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความชั้นป.3
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความชั้นป.3แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความชั้นป.3
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความชั้นป.3
 
No.1 at school
No.1 at schoolNo.1 at school
No.1 at school
 
Smile1 unit1
Smile1 unit1Smile1 unit1
Smile1 unit1
 
วิจัยภาษาอังกฤษ
วิจัยภาษาอังกฤษวิจัยภาษาอังกฤษ
วิจัยภาษาอังกฤษ
 
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
โครงสร้างและตารางสอบ nt ชั้นป.3 ปีการศึกษา 2558
 
B slim
B slim B slim
B slim
 
Writing lesson plan
Writing lesson planWriting lesson plan
Writing lesson plan
 
แผนการอ่าน
แผนการอ่านแผนการอ่าน
แผนการอ่าน
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
 
PA1ครูไม่มีวิทยฐานะ2.pdf
PA1ครูไม่มีวิทยฐานะ2.pdfPA1ครูไม่มีวิทยฐานะ2.pdf
PA1ครูไม่มีวิทยฐานะ2.pdf
 

Ähnlich wie Web

หน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถมหน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถม
Pignoi Chimpong
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
sripayom
 
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษวิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
Aoyly Aoyly
 
Foreign55
Foreign55Foreign55
Foreign55
krutip
 
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่านบทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
Kanjana Pothinam
 
8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ
nang_phy29
 

Ähnlich wie Web (20)

ชุดกิจกรรมที่ 1
ชุดกิจกรรมที่  1ชุดกิจกรรมที่  1
ชุดกิจกรรมที่ 1
 
หน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถมหน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถม
 
รายงานการประเมินตนเอง ปีการศึกษา 2565
รายงานการประเมินตนเอง ปีการศึกษา 2565รายงานการประเมินตนเอง ปีการศึกษา 2565
รายงานการประเมินตนเอง ปีการศึกษา 2565
 
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
 
Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..
 
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
 
Speaking Lesson Plan by ETM
Speaking Lesson Plan by ETMSpeaking Lesson Plan by ETM
Speaking Lesson Plan by ETM
 
บทที่ ๓
บทที่ ๓บทที่ ๓
บทที่ ๓
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
 
3 lang
3 lang3 lang
3 lang
 
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษวิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
วิเคราะห์ ป.๒ อังกฤษ
 
Foreign55
Foreign55Foreign55
Foreign55
 
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่านบทที่ 2วิจัยการอ่าน
บทที่ 2วิจัยการอ่าน
 
Speaking lesson plan
Speaking lesson planSpeaking lesson plan
Speaking lesson plan
 
P6 t1 partsofbody+188
P6 t1 partsofbody+188P6 t1 partsofbody+188
P6 t1 partsofbody+188
 
Sirirat 49
Sirirat 49Sirirat 49
Sirirat 49
 
Sirirat 49
Sirirat 49Sirirat 49
Sirirat 49
 
8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ
 
แผนพอเพียง 01-ประพจน์
แผนพอเพียง 01-ประพจน์แผนพอเพียง 01-ประพจน์
แผนพอเพียง 01-ประพจน์
 

Web

  • 1. บทคัดย่อ ชื่อผลงาน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง Parts of Speech กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) สาหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ผู้วิจัย นางสาวรวิวรรณ จันทร ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ก่อนและหลังเรียนด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดการสอน แบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีสถาบัน การพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จานวน 29 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดาเนินการวิจัยโดยใช้แบบแผนการทดลอง One Group Pretest-Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน จานวน 6 แผน ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech จานวน 6 ชุด แบบทดสอบประจาชุดการสอน จานวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ซึ่งมีค่า ความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง .36-.78 และค่าอานาจจาแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ .37-.80 และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech สาหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 77.41/76.55 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง Parts of Speech ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 หลังเรียนด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 22.97 คิดเป็นร้อยละ 77.55 คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 13.90 คิดเป็นร้อยละ 46.32 มีผลการพัฒนา โดยเฉลี่ย เท่ากับ 9.07 คิดเป็นร้อยละ 30.23
  • 2. 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ชุด Parts of Speech อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด โดยมี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61
  • 3. คู่มือครู ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จัดทาโดย นางสาวรวิวรรณ จันทร ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี สถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • 4. 2 คานา คู่มือครูชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนเล่มนี้เป็นฉบับปรับปรุงพัฒนาจากปีการศึกษา 2555 ซึ่งเป็นเอกสารที่ผู้จัดทาได้ทาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนนี้ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เน้นกระบวนการกลุ่ม ชุดการสอนที่สร้างขึ้นมีจานวน 6 ชุด แต่ละชุดมี 4 ศูนย์ การเรียนและ 1 ศูนย์สารอง และในแต่ละศูนย์การเรียนประกอบด้วย บัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหา บัตรกิจกรรมและบัตรเฉลย ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน หน่วยที่ 2 Parts of speech มีจานวน 6 ชุด ดังนี้ ชุดที่ 1 เรื่อง Nouns ชุดที่ 2 เรื่อง Pronouns ชุดที่ 3 เรื่อง Verbs ชุดที่ 4 เรื่อง Adjectives and Adverbs ชุดที่ 5 เรื่อง Prepositions ชุดที่ 6 เรื่อง Conjunctions and Interjections การจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนนี้ ผู้เรียนได้เคลื่อนไหวอิริยาบถอยู่ตลอดเวลา จึงกระตุ้น ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ กระตือรือร้น ตื่นตัวตื่นใจ สนุกสนานในการเรียนและปฏิบัติกิจกรรม ส่งผล ให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาสาระในบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนเล่มนี้ คงอานวยประโยชน์และ เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนเป็นแนวทางในการจัดทาสื่อ/นวัตกรรมแก่ครู ผู้รับผิดชอบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และผู้สนใจ ทั่วไปได้เป็นอย่างดี นางสาวรวิวรรณ จันทร ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
  • 5. 3 คาชี้แจงในการใช้ชุดการสอน คาชี้แจงสาหรับครู 1. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน หน่วยที่ 2 Parts of speech ชุดที่ 3 เรื่อง Verbs ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง 2. ชุดการสอนนี้เป็นชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน ได้จัดแบ่งกิจกรรมตามศูนย์การเรียน เป็น 4 ศูนย์การเรียน และศูนย์สารองอีก 1 ศูนย์ 3. ชุดการสอนนี้ใช้กับนักเรียน 4 กลุ่ม กลุ่มละ 1 ศูนย์ โดยหมุนเวียนกันทีละศูนย์ จนครบทั้ง 4 ศูนย์ (ใช้เวลาในการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรม ศูนย์ละประมาณ 20 นาที) 4. ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามบัตรคาสั่งของแต่ละศูนย์ทุกขั้นตอน หากยังมีเวลา ให้นักเรียนเข้าปฏิบัติกิจกรรมในศูนย์สารอง เพื่อรอเข้าเรียนรู้ในศูนย์การเรียนอื่นต่อไป เมื่อศูนย์การ เรียนที่ต้องปฏิบัติจริงว่าง ให้ออกจากศูนย์สารองทันทีแต่อย่าลืมเก็บสื่อหรือเอกสารของศูนย์สารอง ให้เรียบร้อยเสียก่อน 5. ระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามศูนย์การเรียนให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการปฏิบัติ กิจกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด 6. ครูชี้แจงขั้นตอนการเรียนแบบศูนย์การเรียนให้นักเรียนเข้าใจทุกคน ก่อนดาเนินกิจกรรม ต่าง ๆ 7. กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ 7.1 ขั้นประเมินผลก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบประจาชุดการสอน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ 10 คะแนน 7.2 ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน ให้ดาเนินกิจกรรมตามที่ระบุไว้ในแผนการเรียนรู้แต่ละแผน 7.3 ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนเรียนรู้โดยเข้าเรียนตามศูนย์การเรียนรู้ ให้ครบทั้ง 4 ศูนย์การเรียน 7.4 ขั้นสรุปผลการเรียนรู้ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป ร่วมกันเฉลยบัตรกิจกรรม อภิปรายเกี่ยวกับผลงานของนักเรียนและนาผลงานดีเด่นจัดป้ายนิเทศหรือชมเชยให้นักเรียนมีกาลังใจ และภาคภูมิใจในผลงานตน 7.5 ขั้นประเมินผลหลังเรียน ให้นักเรียนทาแบบทดสอบประชุดการสอนชุดเดิม กับประเมินก่อนเรียนเป็นรายบุคคล
  • 6. 4 สิ่งที่ครูต้องเตรียม 1. ศึกษาระบบการจัดการเรียนรู้และแผนผังการจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน 2. ศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้และแผนภูมิการจัดการเรียนรู้ให้เข้าใจ 3. ฝึกการใช้สื่อ นวัตกรรม 4. เตรียมสื่อให้พร้อมและเพียงพอกับจานวนนักเรียน สิ่งที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติ 1. อ่านบัตรคาสั่งและปฏิบัติตามคาสั่ง 2. รักษาเวลาอย่างเคร่งครัด 3. ก่อนเปลี่ยนศูนย์การเรียนที่ตนปฏิบัติให้เก็บสื่อหรือเอกสารในศูนย์การเรียนที่ตนปฏิบัติ อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย 4. ห้ามนาสื่อ อุปกรณ์การเรียนประจาศูนย์ติดมือไปเป็นอันขาด นอกจากผลงานของตนเอง 5. ในขณะเปลี่ยนศูนย์การเรียนห้ามคุยเสียงดัง
  • 7. 5 แผนผังศูนย์การเรียน ชุดที่ 3 เรื่อง Verbs ศูนย์ที่ 3 ศูนย์ที่ 2 ศูนย์ที่ 4 ศูนย์ที่ 1
  • 8. 6 ชุดการสอชุนดแบกาบรศูสนอย์นกาแบรบเรีศูยนน ย์การเรียParts of Speech : Verbs บัตรคาสั่ง ชชุุดดกกาารรสสออนนแแบบบบศศููนนยย์ก์กาารรเเรรีียยศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 1. บัตรคาสั่ง 2. บัตรเนื้อหา 3. บัตรกิจกรรม 4. บัตรเฉลย คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมาย 5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนน ข้อที่ถูกต้อง ข้อละ 1 คะแนน 6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
  • 9. 7 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็น อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice หรือ Passive voice ด้วย บัตรเนื้อหา Finite verbs Finite verbs หรือ กริยาแท้ คือกริยาที่นามาใช้เป็นส่วนสาคัญของประโยค เป็นคากริยาที่บ่งบอก การกระทาของผู้กระทา หรือประโยคนั้น ๆ เช่น "Cats eat fish" เราจะเห็นกริยา eat ทาหน้าที่แสดงการกระทาของแมวกินปลาตรง ๆ เลยนั้นเอง กริยาแบบนี้เราจะเรียกว่า Finite verbs Non-Finite verbs Non- Finite verbs หรือ กริยาไม่แท้ คือคากริยาที่ไม่ได้นามาใช้อย่างกริยาแท้ แต่ถูกนามาใช้ทา หน้าที่เป็นอย่างอื่น เช่น เป็นนามบ้าง, เป็นคุณศัพท์บ้าง, เป็นกริยาวิเศษบ้าง เช่น "I want to sleep" จากประโยคเราจะเห็นคากริยาอยู่ 2 คา คือ want กับ sleep ซึ่ง want ตัวแรกนี้ทาหน้าที่แสดงความต้องการของ "I" ซึ่งเป็นประธานของประโยคนั้น จึงเป็นกริยา แท้ ส่วน sleep นั้นเข้ามาเป็นส่วนที่ทาให้ประโยคสมบูรณ์เท่านั้น คากริยาที่ไม่ได้แสดงการกระทา ของประธานจริง ๆ เราเรียกกริยาพวกนี้ว่า Non-Finite verbs หรือ กริยาไม่แท้ นั้นเอง Non-Finite verbs นั้นมีอยู่หลายประเภทใช้แตกต่างกันไป ได้แก่ 1.Infinitive : กริยาที่มี to นาหน้า ( to + Verb 1 ) หรืออยู่ในรูปลอยๆเลย เช่น to know, cry 2.Gerund : กริยาที่เติม ing ( verb + ing ) เช่น walking ,sleeping , smoking 3.Participle : กริยาที่เติม ed เป็นกริยาช่อง 3 หรือ ing เช่น eating , coming
  • 10. 8 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs Identify the underline verbs in the following sentences. ระบุคาที่ขีดเส้นใต้ว่าเป็น finite verb หรือ non-finite verb. Ex : Tom plays tennis on Saturday. = plays is finite verb บัตรกิจกรรม 1. Nancy does her homework every day = …………………………………………… 2. Nancy is doing her homework at the moment=……………………………………………. 3. They are writing a letter. =……………………………………………. 4. She speaks Chinese very well =……………………………………………. 5. He has a big car. =……………………………………………. 6. The proposal has been examined today. =……………………………………………. 7. She tried to help him. =……………………………………………. 8. It is healthy to laugh problems. =…………………….……………………… 9. Finding the gates widely open, the thief went inside=………………………………………… 10. He had his car cleaned. =…………………………………………….
  • 11. 9 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 1 Finite Verbs and Non-finite Verbs Identify the underline verbs in the following sentences. ระบุคาที่ขีดเส้นใต้ว่าเป็น finite verb หรือ non-finite verb. Ex : Tom plays tennis on Saturday. = plays is finite verb บัตรเฉลย 1. Nancy does her homework every day = does is a finite verb 2. Nancy is doing her homework at the moment= doing is a non-finite verb 3. They are writing a letter. = are is a finite verb 4. She speaks Chinese very well = speaks is a finite verb 5. He has a big car. = has is a finite verb 6. The proposal has been examined today. = been is a non-finite verb 7. She tried to help him. = tried is a finite verb 8. It is healthy to laugh problems. = laugh is a non-finite verb 9. Finding the gates widely open, the thief went inside= Finding is a non-finite verb 10. He had his car cleaned. = cleaned is a non-finite verb
  • 12. 10 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรคาสั่ง คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 1. บัตรคาสั่ง 2. บัตรเนื้อหา 3. บัตรกิจกรรม 4. บัตรเฉลย คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมาย 5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
  • 13. 11 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active Voice หรือ Passive Voice ด้วย บัตรเนื้อหา Transitive Verbs คือ คากริยาที่ต้องการกรรมมารับข้างท้ายถึงจะได้ใจความสมบูรณ์ ภาษาไทย เรียกว่า สกรรมกริยา เช่น Tawee kicks the ball. ทวีเตะลูกบอล He ate the pancake. เขาทานขนมเบื้อง We played tennis. เราเล่นเทนนิส จากประโยคที่ยกมาเป็นตัวอย่างทั้ง 3 ประโยค จะเห็นว่า kick เตะอะไร เราไม่ทราบ ate ทานอะไร played เล่นอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้กริยาทั้งสามคาที่ยกมาจะต้องมีกรรมมารับ กริยาประเภทนี้ ได้แก่ Transitive Verbs Intransitive Verbs คือคากริยาที่ไม่ต้องการกรรมมาตามหลัง เพราะเมื่อคากริยานี้ตามหลัง นาม , สรรพนาม หรือประธานก็จะมีความหมายสมบูรณ์ในตัวแล้วในภาษาไทยเรียกว่า อกรรมกริยา เช่น Parichat walks swiftly. ปาริฉัตรเดินอย่างรวดเร็ว Ninnate studies hard. นิลเนตรเรียนอย่างหนัก
  • 14. 12 Verb (กริยา) บางคาสามารถเป็นได้ทั้ง Transitive Verb และ Intransitive Verb ดังนั้น นักเรียนสามารถดูได้ว่าถ้าคากริยาตัวใดมีกรรมตามหลังก็เป็น Transitive Verb แต่ถ้าไม่มีกรรมตามหลัง คากริยานั้นก็เป็น Intransitive Verb เช่น Tawee kicks the ball. ( เป็น Transitive ) Parichat walks swiftly. ( เป็น Intransitive ) Ninnate studies hard. ( เป็น Intransitive ) We play tennis. ( เป็น Transitive )
  • 15. 13 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรกิจกรรม In each of the following sentences, choose whether the bolded verb is transitive or intransitive. 1. I worked all night.  transitive  intransitive 2. He gave the book to the teacher.  transitive  intransitive 3. They laughed at the joke.  transitive  intransitive 4. She slept for eight hours.  transitive  intransitive 5. We lived in Mexico for two years.  transitive  intransitive 6. I like her.  transitive  intransitive 7. We clean our room every day.  transitive  intransitive 8. My brother moved to another city.  transitive  intransitive 9. My brother moved his car.  transitive  intransitive 10. Those people painted their house blue.  transitive  intransitive
  • 16. 14 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 2 Transitive Verbs and Intransitive Verbs บัตรเฉลย In each of the following sentences, choose whether the bolded verb is transitive or intransitive. 1. I worked all night.  transitive  intransitive 2. He gave the book to the teacher.  transitive  intransitive 3. They laughed at the joke.  transitive  intransitive 4. She slept for eight hours.  transitive  intransitive 5. We lived in Mexico for two years.  transitive  intransitive 6. I like her.  transitive  intransitive 7. We clean our room every day.  transitive  intransitive 8. My brother moved to another city.  transitive  intransitive 9. My brother moved his car.  transitive  intransitive 10. Those people painted their house blue.  transitive  intransitive
  • 17. 15 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs บัตรคาสั่ง คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 1. บัตรคาสั่ง 2. บัตรเนื้อหา 3. บัตรกิจกรรม 4. บัตรเฉลย คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมาย 5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
  • 18. 16 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้นของ อะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยาในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาลว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice หรือ Passive voice ด้วย บัตรเนื้อหา Auxiliary Verbs คือ คากริยาที่นามาใช้ร่วมกับกริยาแท้ ( finite Verbs ) เพื่อสร้างรูปกาล (tenses) ในปัจจุบันจะเรียกว่า helping Verbs คากริยาประเภทนี้มีหน้าที่หลักคือใช้เป็นโครงสร้างในการสร้าง ประโยคต่าง ๆ ดังนี้ - การสร้างประโยคปฏิเสธ (negative construction) ซึ่งทาได้โดยการเติม not แต่ การเติม not จะต้องเติมหลังกริยาช่วย (Auxiliary Verbs) สาหรับกริยาแท้จะเติม not ข้างท้ายไม่ได้ จะทาให้เป็นประโยคปฏิเสธได้ โดยการนาเอา “ Verb to do” เข้ามาช่วยแล้วเติม not ข้างหลัง Verb to do เช่น บอกเล่า : We can play tennis. เราสามารถเล่นเทนนิสได้ ปฏิเสธ : We can’t play tennis. เราไม่สามารถเล่นเทนนิสได้ Can : เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verbs) ใช้ not เติมเข้าข้างหลังจะเป็น cannot (can’t) ประโยคจะกลายเป็นประโยคปฏิเสธ แต่ถ้าคากริยา (Verb) ในประโยคบอกเล่าเป็นกริยาแม้เรา จะเติม not ข้างหลังไม่ได้
  • 19. 17 ให้นักเรียนพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ บอกเล่า : He speaks English well. เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี ปฏิเสธ : He does not (doesn’t) speak English well. เขาพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี บอกเล่า : They play football in the field. เขาเล่าฟุตบอลในสนาม ปฏิเสธ : They do not (don’t) play football in the field. เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลในสนาม บอกเล่า : They played football yesterday. เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ ปฏิเสธ : They did not (didn’t) play football yesterday. เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ จากประโยคที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นประโยคแรก He ประธานเป็นเอกพจน์ให้ใช้ does not วางหน้ากริยาแท้ speak แล้วตัด s ออกเพราะ does ไปแสดงแล้ว สาหรับประโยคที่ 2 They เป็น พหูพจน์ให้ใช้ do not (don’t) วางหน้ากริยาแท้ play ในประโยคที่ 3 played ซึ่งเป็นกริยาแท้ช่อง 2 เมื่อต้องการทาให้เป็นประโยคปฏิเสธต้องเอา did not (didn’t) ไปวางหน้ากริยา play แล้วตัด ed ออก เพื่อทาให้เป็นกริยาช่อง 1 เพราะ did แสดงการเป็นอดีตแล้ว 2. การสร้างประโยคคาถาม ( interrogative construction ) ประโยคที่มีกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ร่วมอยู่ด้วย ถ้าต้องการทาให้เป็นประโยคคาถามทาได้โดยนากริยาช่วยมาวางไว้หน้า ประโยคแล้วจบประโยคด้วยเครื่องหมาย question mark (?) เช่น บอกเล่า : He can speak English. เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ คาถาม : Can he speak English? เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม แต่ถ้าประโยคนั้นไม่มีกริยาช่วยมีแต่กริยาแท้อย่างเดียวจะทาให้เป็นประโยคคาถามต้อง ใช้ Verb to do มาช่วยแต่ให้นามาวางไว้หน้าประโยคแล้วใส่เครื่องหมาย ? เมื่อจบประโยค 3. สร้างประโยคคาตอบแบบย่อ (short answers) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ารูปกริยาเดิม นามาใช้ในการพูดคุยกัน เช่น Tawee : Can you speak English? คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม Narong : Yes , I can. ได้ครับ
  • 20. 18 ซึ่งณรงค์อาจจะตอบประโยคเต็มว่า Yes , I can speak English. หรือ ณรงค์จะตอบประโยค นี้ว่า No ,I cannot. (can’t) ซึ่งแปลว่า ไม่ได้ครับ ประโยคเต็มคือ No , I can’t speak English. 4. ใช้แสดงความสอดคล้อง (agreement construction) กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) ที่นามาใช้ในรูปแสดงความสอดคล้องมักจะปรากฏในโครงสร้างต่อไปนี้ 4.1 ใช้ so ในความหมาย “ทาร่วมด้วย” ในโครงสร้าง ดังนี้ ประโยคบอกเล่า , and+so+auxiliary verb (รูปบอกเล่า) + ประธาน (subject) ตัวอย่าง She likes meat , and so do I. เธอชอบทานเนื้อฉันก็ชอบเหมือนกัน 4.2 ใช้ในความหมายไม่ร่วมด้วย (ปฏิเสธ) จะมีคา neither หรือ nor โดยมี โครงสร้าง ประโยคปฏิเสธ , + neither / nor + auxiliary verb + subject ตัวอย่าง She does not (doesn’t) like meat , neither / nor do I. หล่อนไม่ชอบทานเนื้อ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน 4.3 ใช้ในประโยคโครงสร้างที่มี too ซึ่งมีความหมายว่ากระทาร่วมด้วย ตาม โครงสร้าง ประโยคบอกเล่า , and + ประธาน (subject) + auxiliary verb ( บอกเล่า ) + too. ตัวอย่าง She can swim , and I can too. เธอสามารถว่ายน้าได้ฉันก็ว่ายน้าได้เหมือนกัน He walks to school , I do too. เขาเดินไปโรงเรียน ฉันก็เดินไปโรงเรียนเหมือนกัน ตัวอย่าง This curry smelled bad. แกงเผ็ดถ้วยนี้มีกลิ่นเหม็น bad ตามหลัง smelled เป็นคาคุณศัพท์ He felt ill yesterday. เมื่อวานนี้เขารู้สึกไม่สบาย ill ตามหลัง felt เป็นคานาม
  • 21. 19 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs Choose the correct verb to complete the sentences below. 1. You seem to be having trouble there. _________ I help you?  Would  Will  Shall บัตรกิจกรรม 2. I don't have enough money to buy lunch. __________ you lend me a couple of dollars?  May  Could  Shall 3. That ice is dangerously thin now. You ________ go ice-skating today.  mustn't  might not  would mind not to 4. It's way past my bedtime and I'm really tired. I ________ go to bed.  Should  Ought  Could 5. He ______________ have committed this crime. He wasn't even in the city that night.  might  shouldn't  couldn't 6. John is over two hours late already, He ___________ missed the bus again.  should have  must have  will have 7. I'm really quite lost. _______________ showing me how to get out of here?  Would you mind  Would you be  Must you be 8. That bus is usually on time. It _________ to be here any time now.  might  has  ought 9. I read about your plane's near disaster. You ____________ terrified!  might have been  must have been  shall have been 10. It's the law. They ____________ have a blood test before they get married.  might  could  have to
  • 22. 20 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 3 Auxiliary Verbs Choose the correct verb to complete the sentences below. 1. You seem to be having trouble there. _________ I help you?  Would  Will  Shall 2. I don't have enough money to buy lunch. __________ you lend me a couple of dollars?  May  Could  Shall 3. That ice is dangerously thin now. You ________ go ice-skating today.  mustn't  might not  would mind not to 4. It's way past my bedtime and I'm really tired. I ________ go to bed.  Should  Ought  Could 5. He ______________ have committed this crime. He wasn't even in the city that night.  might  shouldn't  couldn't 6. John is over two hours late already, He ___________ missed the bus again.  should have  must have  will have 7. I'm really quite lost. _______________ showing me how to get out of here?  Would you mind  Would you be  Must you be 8. That bus is usually on time. It _________ to be here any time now.  might  has  ought 9. I read about your plane's near disaster. You ____________ terrified!  might have been  must have been  shall have been 10. It's the law. They ____________ have a blood test before they get married.  might  could  have to บัตรเฉลย
  • 23. 21 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs คาชี้แจง ให้นักเรียนสารวจรายการและสื่อต่อไปนี้ให้ชัดเจน ถ้าไม่ครบตามรายการให้ขอจากครูผู้สอน 1. บัตรคาสั่ง 2. บัตรเนื้อหา 3. บัตรกิจกรรม 4. บัตรเฉลย บัตรคาสั่ง คาสั่ง ให้นักเรียนอ่านบัตรคาสั่งต่อไปนี้ ทาความเข้าใจให้ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความตั้งใจ 1. เลือกประธานกลุ่ม 1 คน และเลขานุการกลุ่ม 1 คน 2. ประธานกลุ่มแจกบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มทุกคน 3. สมาชิกในกลุ่มทุกคนร่วมศึกษาบัตรคาสั่ง บัตรเนื้อหาและบัตรกิจกรรม 4. สมาชิกทุกคนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปและปฏิบัติกิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมาย 5. ร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมโดยการตรวจคาตอบจากบัตรเฉลยและให้คะแนนข้อที่ ถูกต้องข้อละ 1 คะแนน 6. ตรวจบัตรเฉลยให้เรียบร้อย แก้ไขคาตอบข้อที่ทาไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง 7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้สมาชิกทุกคนเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย 8. เปลี่ยนไปยังศูนย์การเรียนที่ว่าง ถ้ายังไม่มีศูนย์การเรียนใดว่างให้เข้าไปทากิจกรรมที่ศูนย์สารอง 9. เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นในศูนย์การเรียนให้ถามหรือปรึกษาครูผู้สอนทันที
  • 24. 22 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด Verbs คือ คากริยา ที่แสดงการกระทา สภาพของการเป็นอยู่ สภาวะ การมี หรือเกิดขึ้น ของอะไร สิ่งที่ทาหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เราทราบว่าใครหรืออะไรกระทาอะไร ก็คือ คากริยา ในภาษาอังกฤษ เราต้องผันกริยาไปตามประธาน ซึ่งต้องดูบุรุษ, พจน์ ดูความสอดคล้องของกาล ว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และดูที่อารมณ์หรือมาลา รวมถึงดูที่ Voice ว่าเป็น Active voice หรือ Passive voice ด้วย Linking Verbs Linking Verbs หมายถึง คากริยาที่ใช้เชื่อมประธานของประโยคเข้ากับตัวขยาย ตัวขยาย อาจจะเป็นคานาม (Noun) หรือคาคุณศัพท์ (adjective) คากริยาชนิดนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งคือ Copulative Verbs ได้แก่ คา seem = ดูเหมือนว่า feel = รู้สึก become= กลายเป็น , เหมาะ sound = มีเสียง , ดูเหมือนว่า taste = ชิม , รสชาติ look = มองดู , ปรากฏ , หน้าตา grow = เจริญเติบโต turn = หมุน , หันกลับ , เลี้ยว appear = ปรากฏตัว remain = อยู่ , เหลืออยู่ , เป็นอยู่ get = ได้รับ , เอามา , มาถึง be = เป็น , อยู่ , คือ ตัวอย่าง This curry smelled bad. แกงเผ็ดถ้วยนี้มีกลิ่นเหม็น bad ตามหลัง smelled เป็นคาคุณศัพท์ He felt ill yesterday. เมื่อวานนี้เขารู้สึกไม่สบาย ill ตามหลัง felt เป็นคานาม บัตรเนื้อหา
  • 25. 23 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs Write the linking verbs in each sentence. 1. That cake smells good. Linking verb =…………………………………….. 2. Matt feels sleepy. Linking verb =…………………………………….. 3. Loretta becomes hot after running. Linking verb =…………………………………….. 4. The fire truck is red. Linking verb =…………………………………….. 5. Teachers seem happy. Linking verb =…………………………………….. 6. The boys looked confused. Linking verb =…………………………………….. 7. The girls appeared excited. Linking verb =…………………………………….. 8. The plane was high in the air. Linking verb =…………………………………….. 9. The cars were ahead of the bus. Linking verb =…………………………………….. 10. The man's face turned red. Linking verb =…………………………………….. บัตรกิจกรรม
  • 26. 24 ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน Parts of Speech : Verbs ศนูย์ที่ 4 Linking Verbs Write the linking verbs in each sentence. 1. That cake smells good. Linking verb = smells 2. Matt feels sleepy. Linking verb =feels 3. Loretta becomes hot after running. Linking verb =becomes 4. The fire truck is red. Linking verb =is 5. Teachers seem happy. Linking verb =seem 6. The boys looked confused. Linking verb =looked. 7. The girls appeared excited. Linking verb =appeared 8. The plane was high in the air. Linking verb =was 9. The cars were ahead of the bus. Linking verb =were 10. The man's face turned red. Linking verb =turned บัตรเฉลย