5. 5
Designing the Supply Chain Network: Creating Low-Cost
Operations through the Initial Design
By Darrell J. Zavitz, Vice President Business Services
Europe, Middle East and Africa, The Dow Chemical
Company
กลยุทธ์ของ Dow Chemical ในการเจาะตลาดโลกมีลักษณะ
คล้ายคลึงกับ Unilever กล่าวคือ Global Scale และ Reach to Local
เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถบริหาร
จัดการได้อย่างคล่องตัว (Agile) อย่างไรก็ตาม สิ่งสาคัญสาหรับการ
ออกแบบเครือข่ายการผลิตระดับโลกการพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ
การลงทุนและระบบปฏิบัติการในด้านต่างๆ อาทิ
ต้องพิจารณาว่าออกแบบเครือข่ายการปฏิบัติงานให้มี
ลักษณะเป็น Lean และจะสามารถกาจัด Supply Chain
Spaghetti ออกไปได้อย่างไร เส้นทางการเคลื่อนที่ภายใน
เครือข่ายจะต้องดาเนินการอย่างไรทั้งในด้านของระบบโลจิ
สติกส์ภาพรวมและวิธีการที่ใช้
การลงทุนในระดับโลกต้องใช้เม็ดเงินจานวนมหาศาล
บ่อยครั้งที่กิจการอาจไม่ทราบว่าเมื่อไรจะถึงจุดที่เราได้
ลงทุนอย่างเพียงพอแล้ว ดังนั้นสิ่งที่สาคัญประการแรกคือ
การพิจารณาให้เห็นถึงความต้องการลงทุนที่แท้จริงและ
เพียงพอสาหรับการทาธุรกิจ แล้วจึงหาข้อสรุปและออกแบบ
แนวทางในการบริหารจัดการที่เหมาะสม
เครือข่ายที่ออกแบบมามีความเสี่ยงอยู่ที่จุดใดบ้าง และ
จินตนาการให้เห็นภาพความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และหากเกิด
Turbulence ขึ้นในระบบเศรษฐกิจโลกจะมีแผน Risk
Mitigation อย่างไรระหว่างเครือข่ายที่มีอยู่ทั้งหมด
ปัจจัยด้านต้นทุนและความต้องการของผู้บริโภคที่มีความผัน
ผวนสูงทาให้ธุรกิจต้องสร้างความคล่องตัว (Agility) และ
6. 6
สร้างสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างการแสวงหาผลกาไรและการ
ป้องกันความเสี่ยง
การลงทุนในต่างประเทศจาเป็นต้องพิจารณาถึงคุณลักษณะ
และความพร้อมทางด้านการเงินของแหล่งเงินแต่ละแห่ง
ประเด็นด้าน Geo Politics สาหรับการลงทุนระหว่างประเทศ
จาเป็นต้องให้ความสาคัญอย่างยิ่ง ซี่งบริษัทพยายามสร้าง
ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น และอาศัย
พันธมิตรทางธุรกิจในแต่ละประเทศช่วยเหลือในการ
ประสานงานกับภาครัฐ
Towards a Sustainable Future for Transport and Logistics
By Serge de Gheldere, Climate Ambassador for Al Gore and
CEO, Futureproofed
Henk Zijm, Scientific Director, Dutch Institute for Advanced
Logistics
Daniel Jaetsch, Advisor, Green Freight Europe
การประชุม World Economic Forum ได้มีการนาเสนอรายงาน
Global Risk 2013 ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งได้มีการพิจารณาถึงผลกระทบ
จากสิ่งแวดล้อม โดยทั่วโลกจะต้องเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติ
นานาประการ อาทิ หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นประมาณ 5-6 องศาเซลเซียส
จะทาให้น้าทะเลเข้าท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นต้น แต่จากการประเมิน
พบว่าภาคธุรกิจและการเงินในปัจจุบัน ยังไม่ได้ดาเนินการอย่าง
เพียงพอในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทาของตนเอง
ในส่วนของภาคการขนส่งนั้น แม้ว่าจะมีความพยายามแก้ไข
ปัญหาและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพแต่ลาพังการลดระยะ
ทางเดินรถหรือการเพิ่มประสิทธิภาพของการเคลื่อนย้ายสินค้าให้มี
ความสมบูรณ์มากขึ้น
7. 7
ทั้งนี้ European Shippers’ Council และ EVO จึงดาเนิน
โครงการ Green Freight Europe (GFE) Programme (รายละเอียด
ตามเอกสารแนบ) เพื่อผลักดันให้ภาคเอกชนมีการยกระดับการ
พัฒนาการขนส่งเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยดาเนินโครงการที่มีลักษณะ
เดียวกับ SmartWay ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีรายละเอียดเบื้องต้น
ดังต่อไปนี้
การสร้าง platform ในการประเมินผลและการจัดทารายงาน
การลดปริมาณมลภาวะในระบบการขนส่งของผู้ประกอบการ
ภาคการผลิต การค้า และผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
การสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการทั้งผู้ให้บริการ
และผู้ใช้บริการ ทั้งในเรื่องการขนส่งเที่ยวกลับ และความ
ร่วมมือในการวางแผนการขนส่งด้านอื่นๆ
การแลกเปลี่ยน Best Practice ระหว่างผู้ประกอบการที่
ประสบความสาเร็จและผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่เข้าร่วม
โครงการ
การสร้างระบบการออกใบรับรองและการให้รางวัลแก่
ผู้ประกอบการที่ประสบความสาเร็จจากการเข้าร่วมโครงการ
การให้การสนับสนุนด้านการเงิน และประกันภัย รวมถึงการ
จัดหาเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการ SME
ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างทั่วถึง
อนึ่ง โครงการ GFE ในปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 100 ราย และ 18
สมาคมภาคเอกชนให้การสนับสนุน โดยมีการเรียกเก็บค่าสมาชิกตาม
ขนาดของกิจการตั้งแต่ 0 - 6,000 euro อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์
โดยทั่วไปของการสร้างความร่วมมือด้านการขนส่งในภาคอุตสาหกรรม
ประกอบไปด้วย
ขนาดของกิจการที่แตกต่างกันทาให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อ
ใจในการทางาน และไม่กล้าให้ข้อมูลที่แท้จริง