Empfohlen
Weitere ähnliche Inhalte
Was ist angesagt?
Was ist angesagt? (19)
Parts of flower 334 Group 1 No. 16, 17,19, 21 ,22
- 1. ส่วนประกอบของดอก กลุ่ม 1 ห้อง 334 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- 2. ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ตาแหน่งครู ค.ศ.2 สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- 3. สมาชิก นางสาวพิมพ์พิศา วุ่นสะยุคะ เลขที่ 16 นางสาวภัทรินทร์ วงษานุวัฒน์กุล เลขที่ 17 นางสาวลวดวรัญญ์ บุณยะวิโรจ เลขที่ 19 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 334 กลุ่มที่ 1
- 4. นางสาวสาวิตตรี เดชเจริญ เลขที่ 21 นางสาวสุญาดา พุกโฉมงาม เลขที่ 22 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 334 กลุ่มที่ 1 สมาชิก
- 5. คานา รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาชีววิทยา 4 (ว30244) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตรียมอุดมศึกษา โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับพืช ซึ่งทางคณะผู้จัดทาก็ได้รับหมอบหมายให้สืบค้นและ นาเสนอข้อมูลในเรื่อง “ส่วนประกอบของดอก” โดยส่วนประกอบของดอกที่ทางคณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษาจะประกอบ ไปด้วย กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย และฐานรองดอก หลังจากนั้นจึงทาการสรุปและนาเสนอข้อมูลใน รายงานเล่มนี้พอสังเขป คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านและผู้ที่กาลังมีความสนใจในเรื่องนี้อยู่ไม่ มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทา 06/01/2564
- 6. สารบัญ ส่วนประกอบของดอก 1 กลีบเลี้ยง (Sepal) วงกลีบเลี้ยง (Calyx) 2 กลีบดอก (Petal) วงกลีบดอก (Corolla) 3 เกสรตัวผู้ (Stamen) วงเกสรเพศผู้ (Androecium) 4 ก้านชูเกสรตัวผู้ (Filament) 5 อับละอองเรณู (Anther) 6
- 7. สารบัญ เกสรตัวเมีย (Pistil) วงเกสรเพศเมีย (Gynoecium) 7 ยอดเกสรตัวเมีย (stigma) 8 ก้านชูเกสรตัวเมีย (style) 9 รังไข่ (ovary) 10 ออวุล (Ovule) 11 ฐานดอก (Receptacle) 12 บรรณานุกรม 13 กิตติกรรมประกาศ 14
- 8. ส่วนประกอบของดอก เมื่อพืชเจริญเติบโตเต็มที่จะออกดอก ดอกของพืชบางชนิดมีสีสันสวยงาน บางชนิดมีกลิ่นหอม บางชนิดมี น้าหวาน สิ่งต่างๆเหล่านี้พืชใช้ในการดึงดูดแมลงให้ลงมาตอม เพื่อให้ช่วยในการผสมพันธุ์ ดอกของพืชประกอบด้วย ส่วนต่างๆที่สาคัญ ได้แก่ ก้านดอก กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย แต่ดอกไม้แต่ละชนิดมีลักษณะและ ส่วนประกอบต่างๆกัน ดอกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบครบ บางชนิดมีส่วนประกอบไม่ครบ ดอกของพืชมี ส่วนประกอบดังนี้ 1.กลีบเลี้ยง (Sepal) วงกลีบเลี้ยง (Calyx) 2.กลีบดอก (Petal) วงกลีบดอก (Corolla) 3.เกสรตัวผู้ (Stamen) วงเกสรเพศผู้ (Androecium) 4.เกสรตัวเมีย (Pistil) วงเกสรเพศเมีย (Gynoecium) 5.ฐานดอก (Recptacle) 6.ก้านดอก (Peduncle) 1
- 9. กลีบเลี้ยง (Sepal) วงกลีบเลี้ยง (Calyx) เป็นส่วนของดอกที่อยู่นอกสุด มักมีสีเขียวคล้ายใบ และทาหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสงได้ กลีบเลี้ยงทาหน้าที่ ห่อหุ้ม และป้องกันอันตรายให้แก่ส่วนของดอกที่อยู่ภายใน เพื่อป้องกันอันตรายจากแมลง เมื่อดอกบานแล้วส่วน ของกลีบเลี้ยงอาจหมดหน้าที่แล้วหลุดร่วงไป โดยกลีบเลี้ยงของพืชบางชนิดอาจแยกออกจากกัน (Polysepalous) หรืออาจเชื่อมรวมกัน (Gamosepalous) 2
- 10. กลีบดอก (Petal) วงกลีบดอก (Corolla) เป็นส่วนที่อยู่ถัดมาจากกลีบเลี้ยง มักมีสีสวย ส่วนใหญ่เกิดจากสารสีใน Chromoplast หรือ Anthocyanin ในแวคิวโอล และมีกลิ่นหอม ช่วยให้มีความสวยงาม ดอกไม้บางชนิดจะมีต่อมน้าหวานอยู่ที่โคนกลีบดอก ทาให้ดอกมี กลิ่นหอมช่วยล่อแมลงให้บินมาตอมและผสมเกสร เมื่อดอกยังตูมอยู่จะช่วยหุ้มเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียไว้อีกชั้นหนึ่ง พืชบางชนิดกลีบดอกจะแยกออกจากกัน (Polypetalous) หรือเชื่อมรวมกัน (Gamopetalous) ขณะที่พืชบางชนิด ไม่สามารกแยกกลีบเลี้ยงและกลีบดอกออกจากกันได้ชัดเจน เรียกว่า กลีบรวม (Tapal) เช่น จาปี บัว 3
- 11. เกสรตัวผู้ (Stamen) วงเกสรเพศผู้ (Androecium) ทาหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เกสรตัวผู้ส่วนใหญ่แยกกันเป็นอันๆ แต่บางชนิดอาจติดกัน หรืออาจ ติดส่วนอื่นของดอก เช่น เกสรตัวผู้เชื่อมติดกับกลีบดอก พบในดอกเข็ม ดอกลาโพง หรือเกสรตัวผู้ติดกับเกสรตัว เมีย พบในดอกรัก ดอกเทียน เกสรตัวผู้แต่ละอันประกอบด้วย 2 ส่วน 1) ก้านชูเกสรตัวผู้ (Filament) 2) อับเรณู (Anther) 4
- 13. QUI BLANDITIIS อับละอองเรณู (Anther) มีลักษณะเป็นแทงกลมยาวหรือค่อนข้างกลม 2 พู ภายในแบ่งเป็นถุงเล็กๆ 4 ถุง เรียกว่า ถุงเรณู (pollen sac) บรรจุละอองเรณู (pollen grain) จานวนมากมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ สีเหลืองๆ ผิวของละอองเรณูแต่ละชนิดจะแตกต่าง กัน ละอองเรณูทาหน้าที่ เป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เมื่อดอกเจริญเต็มที่แล้วถุงละอองเรณูจะแตกออก ละอองเรณูก็จะปลิว ออกมา เกสรตัวผู้ในพืชแต่ละชนิดมีจานวนมากน้อยไม่เท่ากัน ในพืชโบราณหรือพืชชั้นต่าเกสรตัวผู้มักมีจานวนมาก ส่วน พืชที่มีวิวัฒนาการสูงจานวนเกสรตัวผู้จะลดน้อยลง 6
- 14. QUI BLANDITIIS เกสรตัวเมีย (Pistil) วงเกสรเพศเมีย (Gynoecium) เป็นชั้นที่อยู่ในสุดเปลี่ยนแปลงมาจากใบเพื่อ ทาหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย จึงเป็นอวัยวะสาคัญ ต่อการสืบพันธุ์ เกสรตัวเมียประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1) ยอดเกสรตัวเมีย (stigma) 2) ก้านชูเกสรตัวเมีย (style) 3) รังไข่ (ovary) 7
- 15. QUI BLANDITIIS ยอดเกสรตัวเมีย (stigma) เป็นส่วนที่พองออกมีลักษณะเป็นตุ่มแผ่แบนเป็นแฉก เป็นพู และมีน้าเหนียวๆ หรือขนคอยจับละออง เรณูที่ลอยมาติด 8
- 17. รังไข่ (ovary) เป็นส่วนที่พองออกมาลักษณะเป็นกระเปาะยึดกับฐานรองดอกหรืออาจฝังอยู่ในฐานรองดอกภายในมี ลักษณะเป็นห้องๆ เรียกว่า โลคุล (locule) ซึ่งภายในมีออวุล (ovule) บรรจุอยู่แต่ละหน่วยของเกสรตัวเมียที่ มีโลคุลที่ห่อหุ้มไข่ไว้ภายในเรียกว่า คาร์เพล (carpel) ใน 1 โลคุล อาจมี 1 คาร์เพล หรือหลายคาร์เพลก็ได้ แล้วแต่ชนิดของดอกไม้ เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้วรังไข่จะเจริญเป็นผล ส่วนออวุลเจริญเป็นเมล็ด 10
- 19. ฐานดอก (Receptacle) เป็นส่วนที่ทาหน้าที่ในการรองรับส่วนประกอบต่างๆของดอก อยู่บริเวณปลายสุดของก้านดอก หรือ ก้านดอกย่อย ในพืชบางชนิด เช่น ดอกอินทนิลน้า ฐานดอกจะขยายใหญ่ มีลักษณะคล้ายถ้วย เรียกว่า Hypanthium ภายในฐานดอกจะมีรังไข่ของเกสรเพศเมียอยู่ ในกลุ่มของบัวหลวง ฐานดอกจะขยายขนาดกว้าง ออก และยกตัวขึ้นมาล้อมรอบรังไข่เอาไว้ เรียกฐานดอกแบบนี้ว่า Torus 12
- 20. QUI BLANDITIIS QUI BLANDITIIS บรรณานุกรม • https://ngthai.com/science/15396/flowerstructure/ • https://sites.google.com/site/18jullada/lesson/lesson-2 • http://koolthida.blogspot.com/p/blog-page_63.html • http://plantformandfunction.blogspot.com/p/1_23.html • หนังสือ Biology ของ ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล 13
- 21. QUI BLANDITIIS QUI BLANDITIIS กิตติกรรมประกาศ การศึกษาส่วนประกอบของดอกสามารถจะสาเร็จลุล่วงไปด้วยดีเนื่องจากได้รับการช่วยเหลือจากคุณครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ คุณครูประจาวิชาชีววิทยา ที่คอยให้คาแนะนาต่างๆ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องมาโดยตลอด ความตั้งใจ ความร่วมมือและความสามัคคีของสมาชิกในกลุ่มที่จนการศึกษาสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คณะผู้จัดทาจึงขอกราบ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง คณะผู้จัดทา 13/09/2563 14
- 24. THANK YOU