การวิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็น "อำนาจขนาดกลาง" กรณีศึกษาประเทศอินโดนีเซีย ตุรกี แ
- 2. รัฐอํานาจขนาดกลาง
(Middle Power State) Organski และ Kugler อธิบายว่าเป็น
รัฐที่ครอบครองทรัพยากรอันมหาศาล ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จะสามารถช่วยให้รัฐ
นั้นมีอิทธิพลในระดับภูมิภาคได้ ทรัพยากรเหล่านั้น ได้แก่ จํานวนประชากร
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรการมีสภาพการเมืองที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ
แต่รัฐที่มีอํานาจขนาดกลางนี้ยังไม่สามารถที่จะแข่งขันกับรัฐอภิมหาอํานาจระดับ
โลกที่มีแสนยานุภาพทางทหารและเศรษฐกิจที่เหนือกว่าได้
- 6. รัฐ-ชาติสมัยใหม่
ประเทศตุรกียุคใหม่ที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1923 หรือ
92 ปีที่ผ่านมาโดยการนําของ มุสตาฟา เคมาล อะตาเติร์ก
ยกเลิกระบอบคีลาฟะฮ์เป็นต้นมา ตุรกีอยู่ภายใต้การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยที่มีระบบพรรคการเมืองเดียว (one single
party) โดยมี เคมาลอะตาเติร์กเป็นประธานาธิบดีติดต่อกันสี่สมัย
ตั้งแต่ ค.ศ. 1923 ถึง 1935 (12 ปี)
- 8. เลือกตั้งเมื่อปี 2002 ถือเป็นก้าวสําคัญของการเปลี่ยนโฉมการเมืองตุรกีหลังจากการ
ปรับใช้ระบบหลายพรรค ทําให้มีการแข่งขันกันระหว่างพรรคอย่างสร้างสรรค์และเกิด
เสถียรภาพมากขึ้นในกระบวนการทางการเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบัน
พรรคยุติธรรมและการพัฒนา (AK Party) ภายใต้การนําของนายกอะฮ์เหม็ด ดา
วูดโอลูก์
- 13. เศรษฐกิจของตุรกี (ต่อ)
ในช่วงปี 2002-2011 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรค AK ได้รับเลือกตั้งติดต่อกันสอง
สมัย โดยสภาพเศรษฐกิจมีอัตราการเจริญเติบโตของ GDP อยู่ที่ 5.2
เปอร์เซ็นต์และมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อประชากร (GDP
per capita) เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 3,500 เหรียญดอลล่าร์ในปี
2001 เป็น 10,500 เหรียญดอลล่าร์ในปี 2011
จากการศึกษาของ OECD ตุรกีถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว
ที่สุดในประเทศยุโรปในปี 2011 และจะสามารถรักษาอัตราการเจริญเติบโตได้
จนถึงปี 2017
ตุรกีถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตามการประเมินของ CIA และเป็น
ประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่โดยการจัดประเภทของ IMF
- 14. เศรษฐกิจของตุรกี (ต่อ)
เศรษฐกิจตุรกีเริ่มชะลอตัวในปี 2013-2015
โดยมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น จากปี 2013 9.1 เปอร์เซ็นต์ เป็น 9.9 เปอร์เซ็นต์
ในปี 2014
อัตราเงินเฟ้อปี 2013 อยู่ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเป็น 8.9 เปอร์เซ็นต์ในปี
2014
ค่าเงินลีร่าของตุรกีลดมูลค่าลงจากเดิมในปี 2013 1 ดอลล่าร์สหรัฐเท่ากับ 1.9 ลีร่า
ในปี 2014 1 ดอลล่าร์สหรัฐเท่ากับ 2.19 ลีร่า จากการคาดการณ์เศรษฐกิจของตุรกี
ในปัจจุบันค่าเงินลีร่าตุรกีน่าจะมีแนวโน้มลดลงอีกในปี 2016
- 15. อย่างไรก็ตาม หากมองจากปัจจัยเกื้อหนุน เศรษฐกิจตุรกีมีฐานโครงสร้างสาธารณูปโภค
รองรับที่แข็งแกร่งพอสมควร ตุรกีจัดว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมและความสะดวกในด้าน
คมนาคมในระดับดีมาก
ในเมืองอิสตัลบูลมีรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า รถรางรวมกันจํานวน 15 เส้นทาง ในเมือง
อังการ่ามีรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง (กําลังก่อสร้างอีก 3 เส้นทาง)ในเมืองอิสมิรมีรถไฟฟ้า 2
เส้นทาง
ตุรกียังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปผ่านเส้นทางรถไฟอีกด้วย ปัจจุบันตุรกีเปิด
เส้นทางเดินรถไฟจากเมืองอังการ่าไปยังประเทศบัลแกเรีย (Svilengrad,
Dimitrovgrad, Plovdiv, Sofia) โรมาเนีย (Bucharest) และอิหร่าน
(Tehran)
- 16. Turkey's new YHT high-
speed train, linking
Ankara, Konya,
Eskişehir and (from July
2014) the outskirts of
Istanbul
- 18. ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ตุรกีเป็นสมาชิกของกลุ่ม G20 และมี
ความร่วมมือด้านการค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป
(Customs Union Agreement with the EU) รวมถึงกับ
ประเทศในแถบแอฟริกาเหนือ (เช่น โมร็อกโกและอียิปต์) ยุโรปตะวันออก (เช่น
โครเอเชีย) เอเชีย (เช่น เกาหลีใต้) และตะวันออกกลาง (เช่น ปาเลสไตน์และ
อิสราเอล)
ที่สําคัญตุรกีกลายเป็นคู่แข่งกับจีนในการลงทุนด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภคใน
ประเทศแถบแอฟริกา โดยในปี 2014 การค้าแบบข้อตกลงทวิภาคีในทวีป
แอฟริกาทําให้เกิดมูลค่า 23.4 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (Ministry
of Foreign Affairs, Turkey, n.d.)
- 21. ช่วงภายใต้การดูแลของกองทัพ
ยุคต่อมาตั้งแต่ช่วงปี 1960 จนกระทั่งช่วงปี 1980 ตอนต้น ตุรกีเข้าสู่ยุคที่
กองทัพมีอิทธิพลสูงต่อการปกครอง หลังจากเกิดปฏิวัติในปี1960 1971 และ
1980 เมื่อไม่สามารถได้ข้อยุติทางการเมือง หลังจากอํานาจเริ่มกระจายสู่
พรรคการเมืองที่หลากหลายขึ้น กระทั่งนําไปสู่ความขัดแย้งในสังคม จนทําให้
ทหารอาศัยช่องทางนี้ในการเข้ามาปฏิวัติ แม้ว่าจะดําเนินนโยบายต่อจาก
ช่วงแรก แต่เน้นนโยบายโดดเดี่ยวตัวเองมากขึ้น เนื่องจากประเทศตะวันตกต่าง
กดดันให้ตุรกีต้องเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตย ซึ่งแรงกดดันนี้เป็นส่วน
หนึ่งที่ทําให้ตุรกีต้องจัดการเลือกตั้งในปี 1982 ซึ่งได้ประธานาธิบดีที่อยู่ภายใต้
การควบคุมของกองทัพอยู่
- 22. ช่วงยุคประธานาธิบดีโอซาล
ประธานาธิบดีโอซาล(Özal) ได้รับตําแหน่งในปี 1989 เป็นต้นมา ก็เป็นอีกหนึ่งจุด
เปลี่ยนของนโยบายต่างประเทศ โดยที่ในยุคนี้นโยบายต่างประเทศตุรกีเริ่มมีการ
กระจายมากยิ่งขึ้น หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง ตุรกีเริ่มเข้าไปมีบทบาทในกลุ่ม
ประเทศตะวันออกกลาง บอลข่าย คอเคซัส ภูมิภาคทะเลดําและแอฟริกามากขึ้น โดย
มองย้อนกลับไปยังอดีตของตุรกี ที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมานที่ยิ่งใหญ่ ความ
ต้องการในการก้าวสู่การเป็นผู้นําแห่งภูมิภาคเริ่มกลับมา พร้อมกับนโยบายการพัฒนา
เศรษฐกิจของประเทศ
- 23. ช่วงยุคพรรคอัค (AK)
จุดเปลี่ยนของการต่างประเทศของตุรกี ที่เริ่มเห็นเด่นชัดและทําให้ตุรกีเข้าสู่การเป็นตัว
แสดงที่สําคัญในเวทีระหว่างประเทศคือ ในช่วงเปลี่ยนผ่านอํานาจสู่พรรคยุติธรรมและ
พัฒนา หรือพรรคอัค ซึ่งหันมาเน้นการดําเนินนโยบายต่างประเทศเชิงสร้างสรรค์แบบ
หลากมิติ จากนโยบายต่างประเทศตุรกีในอดีตเน้นให้ความสําคัญแก่ประเด็นด้านความ
มั่นคงในรูปแบบที่เน้นประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก
- 24. นโยบายต่างประเทศในปัจจุบัน
เมื่อพรรคอัคเข้ามาบริหารประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2002 ตุรกีได้ขยายขอบเขตการ
ดําเนินนโยบายต่างประเทศที่เน้นประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากตะวันตก
มากขึ้น
เมื่อครั้งดาวุดโอก์ลู นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อยู่ในตําแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการ
ต่างประเทศ นั่นคือ นโยบายการปราศจากปัญหากับเพื่อนบ้าน (‘zero problems’
with neighbors) และพัฒนาความสัมพันธ์กับภูมิภาคใกล้เคียงและกระจายออกไป
แม้ว่าต่อมาจะเล็งเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านล้วนแล้วแต่มีปัญหาที่ทําให้การไม่มีปัญหากับเพื่อน
บ้านนั้นมีความยากลําบาก จึงหันมาใช้ นโยบายการร่วมมือให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
นโยบายต่างประเทศใหม่ของตุรกีนี้ ไม่เน้นการดําเนินความสัมพันธ์ในมิติความมั่นคงเช่นเดิม
อีกต่อไป หากแต่ยังให้ความสําคัญต่อประเด็นอื่นๆ เช่น วัฒนธรรม เศรษฐกิจ สันติภาพและ
การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เป็นต้น
- 27. การทูตพหุภาคีต่างๆ
ในกรอบขององค์กรระหว่างประเทศปัจจุบันตุรกีเป็นประเทศสมาชิก OSCE,
Council of Europe, OIC, CICA, NATO, G20 เป็นสมาชิกไม่
ถาวรของ UNSC วาระปี 2552-2553
และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศ MIKTA (เม็กซิโก, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้,
ตุรกี และออสเตรเลีย) ที่เกิดขึ้นในปี 2013 จากกลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิก G20 เดิม
ซึ่งมีเป้าหมายในการคานอํานาจกับประเทศตะวันตก พัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน และก้าว
สู่ประเทศที่เป็นอํานาจกลางของโลก
รวมถึงการร่วมมือกันภายใต้กลุ่ม MINT (Mexico, Indonesia,
Nigeria, Turkey) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกัน
- 28. สภาพสังคมตุรกี
ประชากรหลักของประเทศจะนับถือศาสนาอิสลาม แบบสํานักคิดฮานาฟี ในแนวทาง
ซุนนี่เป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีผู้คนที่นับถือในแนวคิดอาลาวี และชีอะห์ รวมถึงซู
ฟี อยู่จํานวนหนึ่ง โดยที่หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมีมุสลิม 99.8% ของประชากร
ทั้งหมด และศาสนาอื่นๆ อีกเพียง 0.2%
ประชากรทั้งหมดของประเทศในปี 2014 มีจํานวน 77,695,904 คน โดยที่
ประชาชนมีอัตราส่วนในการอยู่ในเมืองถึง 91.8%ขณะที่อยู่ในหมู่บ้าน 8.2% ของ
จํานวนประชากรทั้งหมด โดยที่ประชากร 18.5% อาศัยในเมืองอิสตันบูล ตามด้วย
อังการ่า อิสมีร และอันทาเลีย ตามลําดับ
- 29. สภาพสังคมตุรกี (ต่อ)
ในแง่ของสังคมการเมืองตุรกีเป็นประเทศที่ถือว่าสังคมได้มีการถูกทําให้มีความเป็น
ประชาธิปไตย ด้วยกับระบบพรรคหลายพรรคที่เกิดขึ้น การมีการเลือกตั้งได้อย่างอิสระ
และก้าวข้ามผ่านอิทธิพลของทหารในการเข้าสู่กรอบทางการเมือง ซึ่งได้เคยเกิดการ
ปฏิวัติโดยกองทัพเมื่อปี 1960, 1971, 1980 และครั้งสุดท้ายในปี 1997
กลุ่มเคมาลิสต์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมได้มีส่วนสําคัญในการสร้างสาธารณรัฐตุรกี และ
เน้นความเป็นเติร์ก ในขณะที่กลุ่มอื่นที่มีอยู่ในสังคมตุรกี ไม่ว่าจะเป็นชาวเคิร์ด ชาวอา
ลาวี ตลอดจนชาวกรีกและชาวอามาเนียซึ่งไม่ใช่มุสลิมก็ถูกกระบวนการทําให้
กลมกลืนของกลุ่มนี้ ทําให้ความเป็นอื่นที่ปรากฏในสังคมตุรกีไม่เป็นที่ยอมรับใน
ช่วงเวลาหนึ่ง กระทั่งนําไปสู่ปัญหาความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะระหว่างชาวเติร์ก
และชาวเคิร์ด ซึ่งมีการปะทะกันของอัตลักษณ์ที่ต่างกับภาวะของความเป็นรัฐชาติ
- 30. สภาพสังคมตุรกี (ต่อ)
ในช่วงก่อนที่พรรคอัคจะเข้าสู่อํานาจแม้ว่ามุสลิมที่ปฏิบัติตามหลักการศาสนาก็ถูกห้าม
ไม่ให้ประกอบศาสนกิจในพื้นที่สาธารณะ ด้วยกับแนวคิดที่พยายามจะเปลี่ยนประเทศ
ให้เป็นเซคิวล่าร์ หรือ การแยกศาสนาออกจากการเมือง
ด้วยกับบริบทเชื้อชาติเดิมและกระบวนการผสมกลมกลืนนี้ก็ทําให้ปัจจุบันความเป็น
มุสลิมของคนตุรกีนั้นมีความแตกต่างกันออกไป นับตั้งแต่ประกอบศาสนกิจอย่าง
เคร่งครัด ไปจนถึงการไม่สนใจในหลักการทางศาสนาเลย
ด้วยกับภาวะเช่นนี้จึงทําให้ยังคงมีการต่อสู้ทางอัตลักษณ์ของความเป็นมุสลิมในพื้นที่
สาธารณะ โดยเฉพาะการกีดกันเรื่องการสวมฮิญาบของสตรีชาวมุสลิม ซึ่งได้มีการห้าม
ในช่วงเวลาหนึ่ง กระทั่งมีความพยายามเรียกร้องให้มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงอัต
ลักษณ์ทางศาสนาในพื้นที่สาธารณะมากขึ้นในช่วงพรรคอัคอยู่ในอํานาจ
- 31. ปัญหาและข้อท้าทาย
สําหรับ ภายในประเทศ ตุรกียังคงเผชิญกับความไม่มั่นคงของการเมืองภายใน ไม่ว่า
จากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน
กลุ่มอิสลามมิสต์และกลุ่มเซคคิวล่าริสต์รวมไปถึงกลุ่มเคมาลิสต์และกลุ่มชาตินิยมที่
ยังคงมีการปะทะการตลอดมา
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวเติร์กและชาวเคิร์ด
การว่างงานซึ่งในเดือนพฤษภาคม 2015 ตุรกีมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 9.3%
แรงกดดันและอิทธิพลจากต่างชาติ โดยเฉพาะมหาอํานาจ อย่างสหรัฐอเมริกา
ภัยจากกลุ่ม ISIS, สงครามในซีเรีย, กลุ่มติดอาวุธเคิร์ดที่อยู่ในอิรักและซีเรีย, ความ
พยายามในการขึ้นมามีบทบาทของชีอะห์และอิหร่าน เป็นต้น
- 32. บทสรุป
ตุรกีวางตําแหน่งแห่งที่ของตนภายใต้กรอบประเทศอํานาจขนาดกลางมาตั้งแต่หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2
แต่อิทธิพลของตุรกีในฐานะประเทศอํานาจขนาดกลางผันผวนตามพลวัตของการเมือง
ภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศ
ปัจจุบันการเมืองตุรกีมีเสถียรภาพทางการเมืองมากพอสมควร ไม่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิด
รัฐประหารแม้จะมีกองกําลังขนาดใหญ่และมีอุตสาหกรรมด้านอาวุธเป็นของตัวเอง
นอกจากนั้นตุรกียังประสบกับความท้าทายจากภาวะการเมืองภายในและการเมือง
ระหว่างประเทศ แต่ก็ดูเหมือนว่าตุรกีจะสามารถก้าวข้ามไปได้ด้วยฐานของสังคมที่เป็น
ประชาธิปไตย
- 33. ในด้านเศรษฐกิจตุรกีจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงและมีอัตราการ
เติบโตเศรษฐกิจต่อเนื่องมาหลายปี แม้ในปี 2014 จะประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
แต่ตุรกีมีจุดแข็งในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมและเป็นชุดเชื่อมต่อระหว่างทวีป
เอเชียและยุโรปทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยวและมิติทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนั้นตุรกียังมีนโยบายต่างประเทศที่เอื้อต่อการสร้างมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน
ดําเนินนโยบายเชิงสร้างสรรค์กับทุกภูมิภาคและเป็นอิสระจากตะวันตกมากขึ้น
การเข้ามาบริหารประเทศของพรรค AK แม้ว่าจะเผชิญกับข้อท้าทายมากมาย แต่ก็
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ในการหล่อรวมพลังทางการเมืองกับค่านิยมแบบอิสลามบน
เส้นทางกระบวนการสร้างประชาธิปไตยโดยเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก
ทั้งนี้ตุรกีได้ก้าวมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่และเป็นประเทศมุสลิมหนึ่งเดียวที่
CIA จัดให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว