SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 24
Downloaden Sie, um offline zu lesen
พระราชประวัติของ พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดช
                 ิ
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
รายงาน
เรื่ อง ราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลย
               เดชสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
                    วิชา ประวัติศาสตร์ ส32103

                         คณะผูจดทา
                              ้ั
            นาย อัฐสิ ทธิ์ เข็มเพชร          เลขที่24
            นางสาว วรพร เหล่าจินดา          เลขที่27
            นางสาว ปิ ยาภรณ์ ดีสม           เลขที่34
            นางสาว ประภาพร บุญพันธ์         เลขที่42
            นางสาว รัชนีกร ชะราผาย           เลขที่46

                              เสนอ
                  อาจารย์ สฤษดิ์ศกดิ์ ชิ้นเขมจารี
                                    ั
     โรงเรี ยนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรี นคริ นทร์ ร้อยเอ็ด
คานา

         รานงานเรื่ องนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของ วิชาประวัติศาสตร์ เป็ นเรื่ องเกี่ยวกับราชประวัติของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร หวังว่าคงมี
ความรู ้ต่อผูที่สนใจไม่มากก็นอย ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย
             ้                    ้                                               ้




                                                                     คณะผูจดทา
                                                                          ้ั
สารบัญ
เรื่อง                                                             หน้ า

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 4

พระนาม                                                             5

พระชนมายุช่วงต้น                                                   5

ทรงพระเยาว์                                                        6
ทรงศึกษา                                                           7

ทรงประสบอุบติเหตุ และทรงหมั้น
           ั                                                       7

เสวยราชย์ และทรงอภิเษกสมรส                                         7

ทรงผนวช                                                            8

สถานะพระมหากษัตริ ย ์                                              9

บทบาททางการเมือง                                                   10

พระราชทรัพย์                                                       14

ทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์                                     15

พระราชบุตร                                                         16

พระราชกรณี ยกิจ พระราชนิ พนธ์ และผลงานอื่น                         21

พระเกียรติยศ                                                       26

สถานที่ พันธุ์พืช และพันธุ์สตว์ อันเนื่องด้วยพระปรมาภิไธย
                            ั                                      28
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
                                    ิ




         พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ.
2470 ) ทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยพระองค์ปัจจุบนแห่งประเทศไทย และพระมหากษัตริ ยลาดับที่เก้าแห่งราชวงศ์
                                ์               ั                                  ์
จักรี เสด็จขึ้นครองราชย์ต้ งแต่วนที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะนี้ จึงทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยผทรงเสวยราชย์
                           ั ั                                                            ์ ู้
ยาวนานที่สุดในโลกที่มีพระชนชีพอยู่ และยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

         พระองค์ทรงเป็ นที่สรรเสริ ญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดาริ ในเรื่ องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย
โคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสาเร็ จสู งสุ ดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์
กับทั้งพระองค์ทรงเป็ นเจ้าของสิ ทธิบตรสิ่ งประดิษฐ์ งานพระราชนิพนธ์ และงานดนตรี จานวนหนึ่งนอกจากนี้
                                    ั
พระองค์ยงทรงเป็ นผูถือหุ นรายใหญ่ในบริ ษทเอกชนหลายแห่ง ในปี 2553 นิตยสารฟอบส์ประเมินว่า พระองค์มี
          ั         ้ ้                     ั
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมถึงที่อยูในการบริ หารจัดการของสานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ เป็ น
                                      ่
มูลค่ามากกว่าเก้าแสนหกหมื่นล้านบาท และด้วยเหตุน้ ี จึงทรงได้รับการจัดอันดับให้เป็ นพระมหากษัตริ ยผมีพระ
                                                                                                 ์ ู้
ราชทรัพย์มากที่สุดในโลก

        นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 พระองค์แปรพระราชฐานจากที่ประทับพระตาหนักจิตรลดารโหฐาน ไป
ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตราบปัจจุบน อันเนื่องมาจากพระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ ในเดือน
                                           ั
ตุลาคม ปี เดียวกันนั้น ข่าวลือว่าพระอาการประชวรทรุ ดหนักลง ได้ยงให้ตลาดหุ นไทยร่ วงลงอย่างสาหัส
                                                               ั          ้
พระนาม

          พระนาม "ภูมิพลอดุลเดช" นั้น พระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จ
                  ่ ั
พระปกเกล้าเจ้าอยูหว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกากับตัวสะกดเป็ นอักษรโรมันว่า "Bhumibala
Aduladeja" ซึ่ งในระยะแรกสะกดเป็ นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลัง
ซึ่งมีตว "ย" สะกดตราบปัจจุบน
       ั                     ั

ทั้งนี้ เดิมที ด้วยเหตุที่ได้รับตัวโรมันว่า "Bhumibala" สมเด็จพระศรี นคริ นทราบรมราชชนนี จึงทรงเข้าพระทัยว่า
ได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" ต่อมาจึงเปลี่ยนการสะกดเป็ น "Bhumibol"

                พระชนมายุช่วงต้ น

ทรงพระเยาว์




(ด้านหน้า จากขวามาซ้าย) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช; สมเด็จพระศรี สวริ นทิราบรมราชเทวี และ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดล กรมพระยาชัยนาทนเรนทร




                                           พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชสมภพ
                                ในราชสกุลมหิดลอันเป็ นสายหนึ่งในราชวงศ์จกรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น
                                                                            ั
                                เมืองเคมบริ ดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริ กา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น
                                12 ค่า ปี เถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเหตุที่
                                พระราชสมภพในสหรัฐอเมริ กา เนื่องจากพระบรมราชชนกและพระบรมราช
                                                              ่ ั่
                                ชนนีกาลังทรงศึกษาวิชาการอยูที่นน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็ น
พระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ ามหิ ดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลา
นคริ นทร์ (สมเด็จพระมหิ ตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาล ตะละภัฎ (ชูกระมล) (สมเด็จพระศรี นค
ริ นทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) ทรงมีพระนามขณะนั้นว่า พระว
รวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช ทรงมีพระเชษฐภคินีและสมเด็จ
พระบรมเชษฐาธิ ราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ า
กัลยาณิ วฒนา กรมหลวงนราธิ วาสราชนคริ นทร์ และพระบาทสมเด็จ
         ั
พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งสมเด็จพระศรี นคริ นทราบรมราช
ชนนี ทรงออกพระนามเรี ยกพระองค์เป็ นการลาลองว่า "เล็ก"

       เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่ งทรงสาเร็ จการศึกษาปริ ญญา
แพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ ด สหรัฐอเมริ กา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.
                                                                 ่ ั
2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงมีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา

                ทรงศึกษา

         พ.ศ. 2475 เมื่อเจริ ญพระชนมายุได้สี่พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรี ยนมาแตร์เดอี จนถึงเดือนพฤษภาคม
พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดาเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราช
ชนนี พระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรม
เชษฐาธิ ราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรี ยนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ.
2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ "โรงเรี ยนแห่ง
ใหม่ของซื ออีสโรมองด์" (ฝรั่งเศส: École Nouvelle de la Suisse Romande, เอกอล นูแวล เดอ ลา ซืออีส โรมองด์)
เมืองแชลลี-ซูร์-โลซาน (ฝรั่งเศส: Chailly-sur-Lausanne)

       พ.ศ. 2477 เมื่อพระองค์เจ้าอานันทมหิ ดล พระบรมเชษฐาธิ ราช เสด็จขึ้นครองราชย์เป็ นพระมหากษัตริ ย ์
รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จกรี ก็ทรงได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็ น "สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ าภูมิ
                          ั
พลอดุยเดช" เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478

                                                               ่ ั
         เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ได้โดยเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยูหวอานันทมหิ ดล เสด็จนิวตประเทศไทย
                                                                                      ั
เป็ นเวลา 2 เดือน โดยประทับที่พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จกลับไปศึกษาต่อที่
สวิตเซอร์แลนด์จนถึงปี พ.ศ. 2488 ทรงรับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์ จากโรงเรี ยนยิมนาส คลาซี ค กังโต
นาล แล้วทรงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโลซาน แผนกวิทยาศาสตร์ โดยเสด็จนิวตประเทศไทยเป็ นครั้งที่สอง
                                                                        ั
ประทับ ณ พระที่นงบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
                   ั่
ทรงประสบอุบัติเหตุ และทรงหมั้น

              หลังจากที่จบการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์เสด็จไปเยือนกรุ งปารี ส ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์
สิ ริกิต์ ิ กิติยากร ซึ่ งเป็ นลูกสาวของเอกอัครราชทูตไทยประจาฝรั่งเศส เป็ นครั้งแรก ในขณะนี้ ทั้งสองพระองค์มี
พระชนมายุ 21 พรรษาและ 15 พรรษาตามพระลาดับ

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 ในระหว่างเสด็จประทับยังต่างประเทศ ขณะที่พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นง
                                                                                                 ั่
เฟี ยส ทอปอลิโน จากเจนีวาไปยังโลซาน ทรงประสบอุบติเหตุทางรถยนต์ กล่าวคือ รถยนต์พระที่นงชนกับ
                                                       ั                                 ั่
รถบรรทุกอย่างแรง ทาให้เศษกระจกกระเด็นเข้าพระเนตรขวา พระอาการสาหัส หลังการถวายการรักษา พระองค์
ทรงมีพระอาการแทรกซ้อนบริ เวณพระเนตรขวา แพทย์จึงถวายการรักษาอย่างต่อเนื่ องหลายครั้ง หากแต่พระ
อาการยังคงไม่ดีข้ ึน กระทังวินิจฉัยแล้วว่าพระองค์ไม่สามารถทอดพระเนตรผ่านทางพระเนตรขวาของพระองค์
                            ่
เองได้ต่อไปแล้ว จึงได้ถวายการแนะนาให้พระองค์ทรงพระเนตรปลอมในที่สุด

         ทั้งนี้ ม.ร.ว. สิ ริกิต์ ิ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ าเยียมพระอาการเป็ นประจาจนกระทังหายจากอาการประชวร อัน
                                                          ่                          ่
                    ั                                       ั
เป็ นเหตุท่ีทาให้ท้ งสองพระองค์มีความสัมพันธ์กนอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่น้ นเป็ นต้นมา
                                                                               ั

                 เสวยราชย์ และทรงอภิเษกสมรส

          วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดลเสด็จสวรรคตอย่าง
กะทันหัน โดยต้องพระแสงปื นที่พระกระหม่อม ณ พระที่นงบรมพิมาน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ าภูมิพลอ
                                                        ั่
ดุลยเดชได้ตดสิ นพระทัยรับตาแหน่งพระมหากษัตริ ย ์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สื บราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกัน
               ั
นั้น แต่เนื่ องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงทรงอาลาประชาชนชาวไทย เสด็จพระราชดาเนิ นไปศึกษาต่อ ณ
มหาวิทยาลัยแห่งเดิม แต่เปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์ ไปเป็ นสาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งมี
ความจาเป็ นสาหรับตาแหน่งประมุขของประเทศ




                              ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
่ ั
         เดิมทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะทรงครองราชย์สมบัติแต่ในช่วงการจัดงาน
พระบรมศพของพระบรมเชษฐาเท่านั้น เพราะยังทรงพระเยาว์และไม่เคยเตรี ยมพระองค์ในการเป็ น
                ์                                                           ่ ั
พระมหากษัตริ ยมาก่อน เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวประทับรถพระที่นงเสด็จ
                                                                                               ั่
พระราชดาเนินไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อทรงศึกษาเพิ่มเติมที่สวิตเซอร์ แลนด์ ก็ทรงได้ยนเสี ยงราษฎรคนหนึ่ง
                                                                                   ิ
ตะโกนว่า "ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน" จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า "ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว
                                                            ่ ั
ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" ซึ่ งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวได้ทรงตระหนักในหน้าที่พระมหากษัตริ ย ์
ของพระองค์ ดังที่ได้ตรัสตอบชายคนเดิมนั้นในอีก 20 ปี ต่อมา

        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิ ริกิต์ ิ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เสด็จพระราช
                              ่ ั
ดาเนินนิวตพระนครในปี ถัดมา โดยประทับ ณ พระที่นงอัมพรสถาน ต่อมาวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493
         ั                                     ั่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวโปรดเกล้าฯ ให้จดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ ิ กิติยากร
                          ่ ั           ั
ณ พระตาหนักสมเด็จพระศรี สวริ นทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธี
ราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์หญิงสิ ริกิต์ ิ กิติยากร ขึ้นเป็ น
สมเด็จพระราชินีสิริกิต์ ิ



                                                          วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้า
                                                 โปรดกระหม่อมให้ต้ งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตาม
                                                                      ั
                                                 แบบอย่างโบราณราชประเพณี ข้ ึน ณ พระที่นงไพศาลทักษิณ
                                                                                              ั่
                                                 เฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึ กในพระสุ พรรณบัฏว่า
                                                 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิ
                                                 เบศรามาธิบดี จักรี นฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถ
                                                 บพิตร พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครอง
แผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และในโอกาสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชิ นีสิริกิต์ ิ เป็ นสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระบรมราชินี

                ทรงผนวช

                                                                                         ่ ั
                                                เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวเสด็จฯ ออก
                                          ผนวชเป็ นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน ณ วัด
                                          พระศรี รัตนศาสดาราม มีสมณนามว่า ภูมิพโลภิกขุ และเสด็จฯ ไป
                                          ประทับจาพรรษา ณ พระตาหนักปั้ นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่าง
                                          ที่ผนวช ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระ
                                          บรมราชินี เป็ นผูสาเร็ จราชการแทนพระองค์ ในภายหลัง
                                                           ้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย เป็ นสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ
                       ่ ั
 พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ในปี เดียว

                สถานะพระมหากษัตริย์

                                                  ่
         ตามกฎหมายไทย พระองค์ทรงดารงอยูในสถานะที่ "ผูใดจะละเมิดมิได้" การวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ และ
                                                               ้
การกล่าวหาว่าพระองค์เข้ามามีส่วนร่ วมทางการเมืองถือเป็ น "ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริ ย" และระวางโทษ
                                                                                        ์
จาคุกตั้งแต่สามปี ถึงสิ บห้าปี ทั้งนี้ พระองค์เคยมีพระราชดารัสในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อปี 2548 ว่า "...ถ้า
บอกว่าพระเจ้าอยูหวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่า พระเจ้าอยูหวไม่เป็ นคน...ฝรั่งเขาบอกว่า ในเมืองไทยนี่
                  ่ ั                                               ่ ั
พระมหากษัตริ ยถูกด่า ต้องเข้าคุก...ที่จริ งพระมหากษัตริ ยไม่เคยบอกให้เข้าคุก..."
                ์                                         ์

           พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระภัทรมหาราช" หมายความว่า
                                                            ่                          ่ ั
"พระมหากษัตริ ยผประเสริ ฐยิง" ต่อมาในปี 2539 มีการถวายใหม่วา "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวภูมิพลอดุลย
                  ์ ู้        ่
เดชมหาราช" และ "พระภูมิพลมหาราช" อนุ โลมตามธรรมเนียมเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
       ่ ั
เจ้าอยูหว ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระปิ ยมหาราช" พระองค์ทรงเป็ นที่สักการบูชาของชาวไทยจานวน
มาก แต่ถึงกระนั้นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยแสดงทัศนะว่า มีขบวนการอันเป็ นภัยคุกคามร้ายแรงที่
                                                                     ่
พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริ ย ์ ประชาชนทัวไปนิ ยมเรี ยกพระองค์วา "ในหลวง" คาดังกล่าวคาดว่าย่อมา
                                                ่
                                            ่
จาก "ใน (พระบรมมหาราชวัง) หลวง" บ้างก็วาเพี้ยนมาจากคาว่า "นายหลวง" ซึ่ งแปลว่าเจ้านายผูเ้ ป็ นใหญ่

                บทบาททางการเมือง

         ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระองค์ทรงเป็ นประมุขแห่งรัฐ จอมทัพไทย และอัคร
ศาสนูปถัมภก และทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่พระองค์ทรงมีบทบาทในการเมืองไทยหลาย
                                          ์
ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงปี 2530-2540 เป็ นที่ทราบกันว่า พระองค์ทรงมีบทบาทสาคัญในการเปลี่ยนผันประเทศไทย
จากระบอบทหารไปสู่ ระบอบประชาธิ ปไตย และทรงใช้พระราชอานาจทางศีลธรรมยับยั้งการปฏิวติและการกบฏ
                                                                                          ั
หลายช่วงด้วยกัน ทว่า พระองค์ก็ทรงสนับสนุนระบอบทหารเป็ นหลายครา ซึ่ งในจานวนนี้ อาทิ สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ในช่วงปี 2500-2510 ในรัชสมัยของพระองค์ เกิดการรัฐประหารกว่าสิ บห้าครั้ง รัฐธรรมนูญกว่าสิ บแปดฉบับ และ
การเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี เกือบสามสิ บคน

                        สมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม
         ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่ ง จอมพลแปลก พิบูลสงคราม
ดารงตาแหน่งเป็ นนายกรัฐมนตรี นั้น ในทางการเมืองที่ฝ่ายทหารครอบงาอยู่ พระองค์ทรงมีบทบาทน้อยมากกว่า
และทรงปฏิบติแต่พระราชกรณี ยกิจทางพิธีการเท่านั้น อันเนื่องมาจากความควบคุมอันเข้มงวดของรัฐบาล ใน
              ั
เดือนสิ งหาคม พ.ศ. 2494 หลังจากเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาได้หกเดือน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กล่าวหาว่าจอมพล
แปลก พิบูลสงคราม ละเมิดพระราชอานาจพระมหากษัตริ ยในการจัดงานฉลองพุทธศตวรรษสองพันห้าร้อยปี
                                                      ์
ครั้นวันที่ 16 กันยายน 2500 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ได้เฝ้ าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลขอ
พระราชทานให้เสด็จมาร่ วมงานฉลองพุทธศตวรรษดังกล่าว ในโอกาสนั้น พระองค์มีพระราชดารัสต่อจอมพล
แปลก พิบูลสงคราม ให้ลาออก เพื่อมิให้เกิดการรัฐประหาร ทว่า ทรงได้รับการปฏิเสธ เย็นวันนั้น จอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ ประกาศยึดอานาจการปกครอง และสองชัวโมงต่อมา พระองค์มีพระราชโองการให้ประกาศกฎอัยการ
                                               ่
ศึกทัวราชอาณาจักร และมีพระราชโองการตั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ น "ผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร" โดยหามี
     ่                                                                 ้
ผูใดรับสนองพระบรมราชโองการไม่ พระราชโองการนั้น มีใจความว่า
  ้

         “เนื่องด้วยปรากฏว่า รัฐบาลอันมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็ นนายกรัฐมนตรี ได้บริ หารราชการแผ่นดิน
ไม่เป็ นที่ไว้วางใจของประชาชน ทั้งไม่สามารถรักษาความสงบเรี ยบร้อยของบ้านเมืองได้ คณะทหาร ซึ่ งมีจอม
พลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ นหัวหน้า ได้เข้ายึดอานาจการปกครองไว้ได้ และทาหน้าที่เป็ นผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร
                                                                                 ้
ข้าพเจ้าจึงขอแต่งตั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ นผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร ขอให้ประชาชนทั้งหลายจงอยูใน
                                                 ้                                               ่
ความสงบ และให้ขาราชการทุกฝ่ ายฟังคาสั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่บดนี้เป็ นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16
                     ้                                                 ั
กันยายน พุทธศักราช 2500”

                สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

             เมื่อรัฐบาลทหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เถลิงอานาจแล้ว รัฐบาลได้ฟ้ื นฟูพระราชอานาจ
พระมหากษัตริ ย ์ โดยอนุญาตให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จออกประชาชนเป็ นอัน
มาก ให้ทรงเสด็จประภาสในถิ่นทุรกันดาร และตั้งงบประมาณสนับสนุนโครงการพัฒนาที่พระองค์มีพระราชดาริ
ริ เริ่ มด้วย โดยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ประกาศให้นาประเพณี หมอบกราบเข้าเฝ้ า ซึ่ งเลิกไปในสมัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ กลับมาใช้ใหม่ กับทั้งประกาศให้สถาปนาพุทธศาสนา
ธรรมยุติกนิกายขึ้นซ้ าด้วย นอกจากนี้ นับตั้งแต่การปฏิวติสยาม 2475 สื บมา ประเพณี การเสด็จพระราชดาเนินโดย
                                                      ั
กระบวนพยุหยาตราชลมารคก็ได้จดขึ้นเป็ นครั้งแรกเพื่อถวายผ้าพระกฐิน
                                  ั

       พิธีกรรมหลายหลากในสมัยคลาสสิ กของราชวงศ์จกรี เช่น พิธีกรรมพืชมงคล ก็มีประกาศให้ฟ้ื นฟู วัน
                                                      ั
พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม) ก็ได้รับการประกาศให้เป็ นวัน
ชาติไทย แทนที่วนที่ 24 มิถุนายน อันตรงกับวันที่คณะราษฎรได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็ นผลสาเร็ จด้วย
               ั

         เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 8 ธันวาคม 2506 สานักพระราชวังก็มีประกาศให้
จัดการไว้ทุกข์ในพระราชวังเป็ นเวลายีสิบเอ็ดวัน และศพจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับพระราชทานฉัตรห้าชั้น
                                    ่
ซึ่ งปรกติเป็ นเครื่ องยศของพระบรมวงศานุ วงศ์ช้ นสมเด็จเจ้าฟ้ า กางกั้นตลอดระยะเวลาไว้ศพ ทั้งนี้ พระยาศรี วสาร
                                                ั                                                          ิ
วาจา (หุ่น ฮุนตระกูล) องคมนตรี ได้กล่าวต่อมาว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรี คนใดที่มีความใกล้ชิดกับ
พระมหากษัตริ ยเ์ ท่ากับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาก่อนเลย
สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร

         หลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2506 จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ได้รับ
แต่งตั้งให้เป็ นนายกรัฐมนตรี คนถัดมา และจอมพลถนอม กิตติขจร ก็สืบนโยบายราชานิยมของจอมพลสฤษดิ์
ต่อมาอีกกว่าทศวรรษ โดยในช่วงปี 2510-2520 นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมี
บทบาทโดดเด่นในคณะลูกเสื อชาวบ้าน และกองกาลังติดอาวุธกระทิงแดง เป็ นอันมาก ซึ่ งเดือนตุลาคม 2516 ใน
การประท้วงเพื่อเรี ยกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาล และมีผตายเป็ นจานวนมหาศาลอันเนื่องมาจากการปราบปราม
                                                          ู้
ของรัฐบาลนั้น พระองค์ได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิ ดพระทวารพระตาหนักจิตรลดารโหฐานรับผูชุมนุมที่หนี   ้
ตายเข้ามา และพระราชทานพระราชโอกาสให้เหล่าผูชุมนุมเฝ้ า ต่อมา ก็ทรงตั้ง สัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดี
                                                     ้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็ นนายกรัฐมนตรี แทนจอมพลถนอม กิตติขจร ผูล้ ีภยไปสหรัฐอเมริ กาและสิ งคโปร์
                                                                            ้ ั
ตามลาดับ ครั้งนั้น สัญญา ธรรมศักดิ์ จัดตั้งรัฐบาลพลเรื อนสาเร็ จเป็ นครั้งแรก ทว่า ไม่ชาไม่นานต่อมาใน พ.ศ.
                                                                                       ้
2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ก็เล็ดรอดเข้าประเทศโดยบวชเป็ นภิกษุที่วดบวรนิเวศวิหาร ก่อให้เกิดการประท้วง
                                                                         ั
เป็ นวงกว้าง และนาไปสู่ เหตุการณ์ 6 ตุลา ซึ่ งกองกาลังติดอาวุธของกลุ่มนิยมเจ้าได้สังหารผูประท้วงล้มตายที่
                                                                                          ้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                 สมัยพลเอกเปรม ติณสู ลานนท์

         ในความโกลาหลครั้งนั้น ฝ่ ายทหารก็เข้ายึดอานาจอีกครั้ง และเสนอนามบุคคลสามคนให้พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็ นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ประกอบด้วย ประกอบ หุตะ
                                              ้่
สิ งห์ ประธานศาลฎีกา, ธรรมนูญ เทียนเงิน ผูวาราชการกรุ งเทพมหานคร และ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ผูพิพากษาศาล
                                                                                                   ้
ฎีกา ด้วยความที่ธานินทร์ กรัยวิเชียร มีเกียรติคุณดีที่สุด จึงได้รับการโปรดให้เป็ นนายกรัฐมนตรี ทว่า เมื่อพระองค์
พบว่า ธานินทร์ กรัยวิเชียร มีแนวคิดขวาจัด และให้เหล่านักศึกษาหนีเข้าป่ าไปรวมกลุ่มกับพวกคอมมิวนิสต์ได้
รัฐบาลของธานิ นทร์ กรัยวิเชี ยร ก็ถูกรัฐประหารนาโดย พลเอกเกรี ยงศักดิ์ ชมะนันท์ ใน พ.ศ. 2523 และคณะ
รัฐประหารก็ต้ งพลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรี คนใหม่
              ั

       ขณะนั้น กองกาลังที่นิยมรัฐบาลได้เข้ายึดกรุ งเทพมหานคร ทว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชทรงปฏิเสธไม่รับรอง การก่อการครั้งนี้ จึงกลายเป็ นกบฏที่รู้จกในชื่อ "กบฏเมษาฮาวาย" และนาไปสู่
                                                                     ั
"กบฏทหารนอกราชการ" ในเวลาต่อมา

                 สมัยพลเอกสุ จินดา คราประยูร

        ใน พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีบทบาทเป็ นสาคัญในการเปลี่ยน
ผันระบอบทหารไปสู่ ระบอบประชาธิ ปไตย โดยการรัฐประหารของคณะทหารเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ได้
นาประเทศไทยกลับไปสู่ ระบอบเผด็จการทหารอีกครั้ง หลักการเลือกตั้งในปี ถัดมา พลเอกสุ จินดา คราประยูร
หัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่ งเคยตกปากว่าจะไม่รับตาแหน่งใด ๆ ภายหลังจากเลือกตั้งอีกเพื่อตัดข้อครหาบทบาท
ของทหารในรัฐบาลพลเรื อน กลับยอมรับตาแหน่งนายกรัฐมนตรี และสร้างความไม่พอใจท่ามกลางประชาชน
เป็ นอันมาก นาไปสู่ การประท้วง และมีผคนล้มลายหลายหลากเมื่อฝ่ ายทหารเปิ ดการโจมตีผชุมนุม เหตุการณ์ดิ่งสู่
                                        ู้                                             ู้
ความรุ นแรงเรื่ อย ๆ เมื่อกาลังทหารและตารวจเข้าควบคุมกรุ งเทพมหานครเต็มที่ และท่ามกลางสงครามกลางเมือง
ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าแทรกแซง โดยมีพระบรมราชโองการเรี ยกพล
เอกสุ จินดา คราประยูร และหัวหน้ากลุ่มผูประท้วงเพื่อเรี ยกร้องประชาธิ ปไตย ให้เฝ้ า และพระราชทานพระบรมรา
                                           ้
ชานุญาตให้ถ่ายทอดการนี้ ออกอากาศสดได้ ในภาพทางโทรทัศน์ พระองค์ทรงขอให้คู่กรณี ยติความรุ นแรงและ
                                                                                          ุ
นาพาชาติบานเมืองไปสู่ สันติ ณ จุดสู งสุ ดของวิกฤติการณ์ ปรากฏภาพพลเอกสุ จินดา คราประยูร และหัวหน้าผู ้
            ้
ประท้วง เฝ้ าทูลละอองพระบาทโดยหมอบกราบ และที่สุดก็นาไปสู่ การลาออกของพลเอกสุ จินดา คราประยูร และ
การเลือกตั้งทัวไป
              ่

                สมัยรัฐประหาร พ.ศ. 2549

                                 ่ ั
         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อม ให้พลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ ประธานสภาองคมนตรี และ รัฐบุรุษ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน พล
เรื อเอกสถิรพันธุ์ เกยานนท์ และพลอากาศเอกชลิต พุกผาสุ ข เข้าเฝ้ าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายรายงาน
สถานการณ์ การปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข เมื่อเวลา 00.19
                                                                              ์
น. วันพุธที่ 20 กันยายน ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

           พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ย ์
ทรงเป็ นประมุข ได้นาความกราบบังคมทูลพระกรุ ณา ทราบฝ่ าละอองธุ ลีพระบาท ว่า การบริ หารราชการแผ่นดิน
ของรัฐบาล อันมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็ นนายกรัฐมนตรี ก่อให้เกิดปั ญหา ความขัดแย้งแบ่งฝ่ าย สลายความรู ้สึก
รู ้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ชาติไทย ประชาชนส่ วนหนึ่งเคลือบ
แคลงสงสัยว่า การบริ หารราชการแผ่นดิน ส่ อไปในทางทุจริ ตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระ ถูก
การเมืองครอบงา ทาให้การดาเนินกิจกรรมทางการเมือง เกิดปั ญหาและอุปสรรคหลายประการ แม้หลายภาคส่ วน
ของสังคมจะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่ องแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาความสงบ
เรี ยบร้อยของบ้านเมืองได้

        เดิม คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข ใช้ชื่อ
                                                                             ์
ภาษาอังกฤษว่า Council for Democratic Reform under Constitutional Monarchy (อักษรย่อ CDRM) ต่อมา
ได้ตดคาว่า under Constitutional Monarchy ออก เพื่อไม่ให้สื่อต่างประเทศนาไปตีความว่า คณะปฏิรูปฯ เกี่ยวข้อง
    ั
กับสถาบันพระมหากษัตริ ย ์ เป็ น Council for Democratic Reform (อักษรย่อ CDR) โดยยังคงใช้ชื่อภาษาไทย
ตามเดิม
นอกจากนี้ ในวันที่ 22 กันยายน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยสถานีวทยุโทรทัศน์
                                                                                        ิ
กองทัพบก แพร่ ภาพพิธีรับพระบรมราชโองการ แต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิ ปไตย
อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข แก่พลเอกสนธิ ซึ่ งมีขอสังเกตว่าประกาศฉบับดังกล่าว มีพลเอกสนธิ เอง ใน
                    ์                                  ้
ฐานะผูบญชาการทหารบก เป็ นผูลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และลงวันที่ 20 กันยายน ขณะที่พิธีรับพระ
       ้ ั                       ้
บรมราชโองการนั้น จัดให้มีข้ ึนต่อมาในภายหลัง

                                        ่ ั
        หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศใช้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชัวคราว พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม ปี เดียวกัน คณะปฏิรูปการปกครอง
                                      ่
ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข แปรสภาพเป็ น คณะมนตรีความมั่นคงแห่ งชาติ
                                            ์
โดย หัวหน้า คปค. ดารงตาแหน่ง ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่ งชาติ มีอานาจหน้าที่ เป็ นผูรับสนองพระ
                                                                                     ้
บรมราชโองการ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบญญัติ ประธานสภาร่ างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสมัชชา
                                                  ั
แห่งชาติ และคณะกรรมาธิ การยกร่ างรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้น จึงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง พลเอกสุ รยุทธ์ จุ
ลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรี

                พระราชทรัพย์

                                                   ่ ั             ่
          พระราชทรัพย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ส่ วนใหญ่อยูในรู ปของที่ดินและหุ น โดยแบ่งออกได้
                                                                                      ้
เป็ นส่ วน ๆ ได้โดยสังเขป คือทรัพย์สินส่ วนพระองค์ พระคลังข้างที่ และทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ ซึ่ ง
พระองค์อุทิศพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งเพื่อโครงการพระราชดาริ จานวนกว่า 3,000 โครงการ มูลนิธิในพระบรม
ราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาภายในประเทศในด้านกสิ กรรม เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม สุ ขภาพ
อนามัย การส่ งเสริ มอาชีพ สาธารณูปโภค และการศึกษา โครงการต่างๆมีรายละเอียดใช้เป็ นแหล่งอ้างอิงไปได้ทว     ั่
โลก และพบได้ในสื่ อวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศไทย

                ทรัพย์ สินส่ วนพระมหากษัตริย์

         ทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยถือเป็ นทรัพย์สินของแผ่นดิน ไม่ใช่ทรัพย์สินของส่ วนพระองค์ของ
                                        ์
                           ่ ั
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว และได้รับการยกเว้นไม่ตองเสี ยภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ งทรัพย์สินดังกล่าว
                                                           ้
จะถูกบริ หารงานในรู ปแบบองค์กรนิติบุคคลภายใต้ชื่อ สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ ทรัพย์สินส่ วน
ใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ น โดยปั จจุบนมีผเู ้ ช่าที่ดินทัวประเทศมากกว่า 3 หมื่นสัญญา โดยแปลงสาคัญ ๆ
                        ้             ั                 ่
ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ ซีซน ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา
                                   ั่
และที่ดินริ มถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนื อ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรดศูนย์การประชุ มแห่งชาติสิริกิต์ ิ ทั้งนี้
บริ ษทซีบีริชาร์ ดเอลลิส บริ ษทโบรกเกอร์ ดานอสังหาริ มทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่
     ั                         ั               ้
   ่                                                          ์ ่
อยูในการดูแลของสานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยอยูท่ี 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสู งกว่า 380
ล้านบาทต่อไร่ ทั้งนี้ สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยยงได้ลงทุนในหุ นของบริ ษทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้า
                                                                ์ั             ้       ั
่ ั
นับรวมทั้งหมด หุ นที่สานักงานทรัพย์สินฯ มีอยูท้ งหมดคิดเป็ น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์
                     ้
แห่งประเทศไทย ทาให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ ให้เป็ นหนึ่งในกษัตริ ยที่ร่ ารวยที่สุดใน
                                                                                                ์
โลก แต่สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยได้ช้ ีแจงถึงบทความดังกล่าวว่า "มีความคลาดเคลื่อนจาก
                                                    ์
ข้อเท็จจริ ง เนื่ องจากในความเป็ นจริ ง ทรัพย์สินที่นบมาประเมินนั้นเป็ นทรัพย์สินของแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินส่ วน
                                                      ั
พระองค์"

                ทรัพย์ สินส่ วนพระองค์

                                  ่ ั                                        ่
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ยังทรงมีการลงทุนส่ วนพระองค์เอง โดยไม่ผานสานักงานทรัพย์สินส่ วน
พระมหากษัตริ ย ์ โดยการเป็ นผูถือหุ นใน บริ ษท สัมมากร จากัด (มหาชน) 43.87% บริ ษท ไทยประกันภัย จากัด
                              ้ ้            ั                                   ั
(มหาชน) 18.56% และบริ ษท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชันแนล จากัด (มหาชน) 2.04% เป็ นต้น
                           ั                      ่

      ทรัพย์สินส่ วนพระองค์น้ ียงหมายรวมถึง เงินทูลเกล้าถวายฯ ตามพระราชอัธยาศัยต่าง ๆ ซึ่ งทรัพย์สินส่ วน
                                   ั
พระองค์น้ นไม่ได้รับการยกเว้นเรื่ องภาษี และต้องเสี ยภาษีอากรตามปกติ
          ั

      มูลนิธิอานันทมหิดล อ้างว่า พระองค์ได้พระราชทานทรัพย์สินส่ วนพระองค์จานวนมากแก่ โครงการ
พระราชดาริ มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนการกุสล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

        การถือหุ้น

   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็ นผูถือหุ นบริ ษทเอกชนหลายแห่ง ข้อมูลเมื่อวันที่ 1
                                                    ้ ้         ั
มกราคม 2553 มีดงต่อไปนี้
               ั

    1. ใน บริ ษทสัมมากร จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 197,414,850 หุน คิดเป็ นร้อยละ 43.870
               ั                                 ้                    ้
    2. ใน บริ ษทไมเนอร์ อินเตอร์ เนชันแนล จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 72,470,861 หุน คิดเป็ นร้อยละ
                 ั                   ่                          ้                       ้
       2.22
    3. ใน บริ ษทปูนซิ เมนต์ไทย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 360,000,000 หุน คิดเป็ นร้อยละ 30.00
                   ั                                                        ้
    4. ใน บริ ษทไทยประกันภัย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 3,526,567 หุน คิดเป็ นร้อยละ 30.00
                     ั                                                    ้
    5. ใน บริ ษทธนาคารไทยพาณิ ชย์ จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 722,941,958 หุน คิดเป็ นร้อยละ 21.31
                       ั                                   ้                     ้
    6. ใน บริ ษทซิ งเกอร์ ประเทศไทย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 1,383,770 หุน คิดเป็ นร้อยละ 0.51
                         ั                                   ้                ้
    7. ใน บริ ษทเทเวศประกันภัย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 27,600 หุน คิดเป็ นร้อยละ 0.23
                           ั                                            ้
พระราชบุตร




   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระบรมราชิ นีนาถมีพระราช
โอรสและพระราชธิ ดาด้วยกันสี่ พระองค์ตามลาดับดังต่อไปนี้

   1. ทูลกระหม่ อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิ ริวฒนาพรรณวดี (พระนามเดิม: สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ า
                                                  ั
      อุบลรัตนราชกัญญา สิ ริวฒนาพรรณวดี; ประสู ติ: 5 เมษายน พ.ศ. 2494, สถานพยาบาลมงต์ชวซี เมืองโล
                                 ั                                                               ั
      ซาน ประเทศสวิตเซอร์ แลนด์) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้ ีได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระ
                                                              ั
      ราชวงศ์เพื่อทรงสมรสกับนายปี เตอร์ เจนเซ่น ชาวอเมริ กน โดยมีพระโอรสหนึ่งองค์และพระธิ ดาสอง
      องค์ ทั้งนี้ คาว่า "ทูลกระหม่อมหญิง" เป็ นคาเรี ยกพระราชวงศ์ที่มีพระชนนีเป็ นสมเด็จพระบรมราชินี
   2. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้ าฟามหาวชิ ราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (พระนามเดิม: สมเด็จพระเจ้า
                                        ้
      ลูกยาเธอ เจ้าฟ้ าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธารงสุ บริ บาล อภิคุณประการมหิตลาดุล
      เดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร; ประสู ติ: 28 กรกฎาคม พ.ศ.
      2495, พระที่นงอัมพรสถาน) ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทิ
                       ั่
      นัดดามาตุ นางสุ จาริ ณี วิวชรวงศ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรี รัศมิ์ ตามลาดับ โดยมีพระโอรส
                                   ั
      หนึ่งพระองค์และสี่ องค์ กับพระธิ ดาสองพระองค์
   3. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ดา เจ้ าฟามหาจักรีสิรินธร รั ฐสี มาคุณากรปิ ยชาติ สยามบรมราชกุมารี (พระ
                                          ้
      นามเดิม: สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ าสิ รินธรเทพรัตนสุ ดา กิติวฒนาดุลโสภาคย์; ประสู ติ: 2 เมษายน พ.ศ.
                                                                     ั
      2498, พระที่นงอัมพรสถาน)
                          ั่
4. สมเด็จพระเจ้ าลูกเธอ เจ้ าฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (ประสู ติ: 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2500, พระที่
                                 ้
      นังอัมพรสถาน) ทรงอภิเษกสมรสกับนาวาอากาศเอก วีระยุทธ ดิษยะศริ น โดยมีพระธิดาสองพระองค์
        ่

       พระราชกรณียกิจ พระราชนิพนธ์ และผลงานอืน
                                             ่

ด้ านศิลปวัฒนธรรมและวรรณคดี




         ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยที่มีพระปรี ชาสามารถในศิลปะแขนงต่าง ๆ หลายแขนง จึง
                                                 ์
ทรงได้รับการยกย่องให้เป็ นองค์อครศิลปิ นแห่งชาติและบิดาแห่งการดนตรี พระองค์ยงทรงสนพระราชหฤทัยใน
                               ั                                            ั
การฝึ กเขียนภาพ และมีพระปรี ชาสามารถในเรื่ องการถ่ายภาพ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทรงมีพระ
ปรี ชาสามารถปั้ นพระพุทธรู ปพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง

                                                         ่ ั
          งานทางด้านวรรณศิลป์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงเชี่ยวชาญในภาษาหลากหลายภาษา ทรงพระ
ราชนิพนธ์บทความ แปลหนังสื อ เช่น นายอินทร์ ผปิดทองหลังพระ ติโต พระมหาชนก และพระมหาชนก ฉบับ
                                                  ู้
การ์ ตูน เรื่ อง ทองแดง เป็ นพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับคุณทองแดง สุ นขทรงเลี้ยง เป็ นต้น
                                                                ั

ด้ านการพัฒนาชนบท
่ ั                         ่
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวเสด็จฯ ไปทุกหนแห่งไม่วาดินแดนแห่งนั้นจะทุรกันดารเพียงใด ไม่วาใกล้     ่
ไกลแค่ไหน พระองค์จดทาโครงการพัฒนาชนบทตามแนวพระราชดาริ ควบคู่ไปในทุกๆ ด้าน ไม่เน้นด้านใดด้าน
                           ั
หนึ่ง พระองค์มีจุดประสงค์เดียวคือ เพื่อขจัดความทุกข์ยากของชาวชนบท และสนับสนุน              ส่ งเสริ มให้มีความ
        ่
เป็ นอยูที่ดีข้ ึน รวมทั้งแก้ปัญหาสังคมเมืองให้ดีข้ ึน โดยจะเห็นได้จากโครงการในพระราชดาริ หลายโครงการที่
เกิดขึ้นจากความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ

         โครงการอันเนื่ องมาจากพระราชดาริ จะเป็ นโครงการเกี่ยวกับปรับปรุ งถนนหนทาง การก่อสร้างถนนเพื่อ
การ สัญจรไปมาได้สะดวกและทัวถึง การคมนาคมเป็ นปั จจัยพื้นฐานที่ สาคัญของการนาความเจริ ญไปสู่ ชนบท
                                 ่
                                                                                            ่
การสื่ อสาร ติดต่อที่ดียงผล สาคัญทาให้เศรษฐกิจของราษฎรในพื้นที่ดีข้ ึน ราษฎรก็มีความเป็ นอยูที่ดีข้ ึน ในการ
                        ั
พัฒนาชนบทนั้น การคมนาคม เป็ นปั จจัยพื้นฐานที่สาคัญที่จะมองข้ามไปเสี ยมิได้ เพราะเป็ นเสมือนประตูเชื่อม
ระหว่างในเมือง และชนบท ดังนั้น การที่จะเริ่ มโครงการพัฒนาใดๆ นั้นจะต้องเริ่ มจากการปรับปรุ ง และการ
ก่อสร้างถนนหนทางเป็ นการเปิ ดประตูนาความเจริ ญเข้าไปสู่ พ้ืนที่

                ด้ านการเกษตรและชลประทาน




                                                  เขื่อนภูมิพล

        ในด้านการเกษตร จะทรงเน้นในเรื่ องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจยหาพันธุ์พืชใหม่ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ
                                                                         ั
พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรู พืช และพันธุ์สัตว์ตางๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่ งแต่
                                                               ่
ละโครงการจะเน้นให้สามารถนาไปปฏิบติได้จริ ง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถ
                                    ั
ดาเนินการเองได้ นอกจากนี้ ยังทรงพยายามไม่ให้เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพราะ
อาจเกิดปั ญหาอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้ าอากาศ หรื อความแปรปรวนทางการตลาด แต่
เกษตรกรควรจะมีรายได้จากด้านอื่นนอกเหนื อไปจากการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อจะได้พ่ ึงตนเองได้ในระดับหนึ่ง

         การพัฒนาแหล่งน้ าเพื่อการเพาะปลูกหรื อการชลประทาน นับว่าเป็ นงานที่มีความสาคัญและมีประโยชน์
อย่างยิงสาหรับประชาชนส่ วนใหญ่ของประเทศ เพราะเกษตรกรจะสามารถทาการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์
       ่
ตลอดปี เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในปั จจุบนส่ วนใหญ่เป็ นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่ งต้องอาศัยเพียงน้ าฝนและ
                                        ั
่ ั
น้ าจากแหล่งน้ าธรรมชาติเป็ นหลัก ทาให้พืชได้รับน้ าไม่สม่าเสมอ และไม่เพียงพอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว
ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ ามากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
ประเภทอื่น

ด้ านการแพทย์

                                            ่ ั              ั
        โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวพระราชทานให้กบประชาชนในระยะแรกๆ ล้วนแต่เป็ น
โครงการด้านสาธารณสุ ข เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า หากประชาชนมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะนาไปสู่
สุ ขภาพจิตที่ดี และส่ งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีไปด้วย พระองค์จึงทรงให้ความสาคัญกับงานด้าน
สาธารณสุ ขเป็ นอย่างมาก ในการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยียมราษฏรตามท้องที่ต่างๆ ทุกครั้ง จะทรงพระ
                                                          ่
กรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วย ผูเ้ ชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากดรงพยาบาลต่างๆ และล้วนเป็ น
อาสาสมัครทั้งสิ้ น โดยเสด็จพระราชดาเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่ องมือแพทย์ครบ
ครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎรผูป่วยไข้ได้ทนที
                                          ้           ั

         นอกจากนั้น ยังมีโครงการทันตกรรมพระราชทาน ซึ่ งเป็ นพระราชดาริ ท่ีให้ทนตแพทย์อาสาสมัคร ได้
                                                                               ั
เดินทางออกไปช่วยเหลือบาบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟัน แก่เด้กนักเรี ยน
                     ่
และราษฎรที่อาศัยอยูในท้องที่ทุรกันดาร และห่างไกลจากแพทย์ทวทุกภาค โดยให้การบริ การรักษาโรคฟั น โดย
                                                            ั่
ไม่คิดมูลค่า ทางด้านหน่วยแพทย์หลวงที่จะต้องตามเสด็จพระราชดาเนินไป ณ ที่ประทับแรมทุกแห่งนั้น จะมี
เจ้าหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผูมาขอรับการรักษา ไม่ตองเสี ยค่าใช้จ่ายแต่ประการใด นอกจากนั้น หน่วย
                                    ้                    ้
แพทย์หลวงยังจัดเจ้าหน้าที่ออกเดินทาง ไปรักษาราษฎรผูป่วยเจ็บ ตามหมู่บานที่อยูห่างไกลออกไปอีกด้วย
                                                   ้                  ้      ่

ด้ านการศึกษา

          นอกจากนี้ พระองค์ยงโปรดเกล้าฯ ให้จดตั้งมูลนิธิอานันทมหิ ดล เพื่อเป็ นการถวายพระเกียรติแด่
                             ั              ั
                         ่ ั
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวอานันทมหิ ดล เพื่อสนับสนุ นทางด้านคัดเลือกบัณฑิตในสาขาวิชาต่างๆ ไปศึกษาต่อ
ต่างประเทศ เพื่อจะได้ให้บณฑิตเหล่านั้นนาความรู ้ที่ได้ไปศึกษาวิจยนาผลงานที่ได้กลับมาพัฒนาประเทศอย่าง
                          ั                                       ั
ต่อเนื่อง โดยพระองค์ออกทุนให้ตลอดจนดูแลเกี่ยวกับความเป้ นอยูในต่างประเทศนั้นๆ อีกด้วย
                                                                ่

         ส่ วนในประเทศทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลเป็ นผูดพเนิ นการจัดการบริ หารทางการศึกษา แบบ
                                                                 ้
                                                                                  ่
ให้เปล่าตั้งแต่ระดับชั้นประถมศกษา จนถึงระดับมัธบมศึกษาตอนปลาย ในลักษณะทั้งอยูประจาและไปกลับ
แบ่งเป็ น โรงเรี ยนศึกษาสงเคราะห์ จานวน 26 โรงเรี ยน โรงเรี ยนราชประชานุเคราะห์ จานวน 14 โรงเรี ยน

                           ่ ั
     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวได้ทรงประกอบพระราชกรณี ยกิจตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ที่ทรงครองราชย์
เป็ นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทย โดยสามารถยกตัวอย่างได้ดงนี้:
                                                     ั
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

ประเพณีและวัฒนธรรม
ประเพณีและวัฒนธรรมประเพณีและวัฒนธรรม
ประเพณีและวัฒนธรรม
Dos Zaa
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
009kkk
 
07อาณาจักรอยุธยา
07อาณาจักรอยุธยา07อาณาจักรอยุธยา
07อาณาจักรอยุธยา
JulPcc CR
 

Was ist angesagt? (20)

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
 
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
 
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
ประวัติของแต่ละรัชกาล กับ ชื่อเต็มของรัชกาล
ประวัติของแต่ละรัชกาล กับ ชื่อเต็มของรัชกาลประวัติของแต่ละรัชกาล กับ ชื่อเต็มของรัชกาล
ประวัติของแต่ละรัชกาล กับ ชื่อเต็มของรัชกาล
 
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
 
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
 
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
 
ประเพณีและวัฒนธรรม
ประเพณีและวัฒนธรรมประเพณีและวัฒนธรรม
ประเพณีและวัฒนธรรม
 
โบราณคดีอีสาน
โบราณคดีอีสานโบราณคดีอีสาน
โบราณคดีอีสาน
 
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
 
Sss
SssSss
Sss
 
พระมหาธรรมราชาที่ 1
พระมหาธรรมราชาที่ 1พระมหาธรรมราชาที่ 1
พระมหาธรรมราชาที่ 1
 
เล่มที่ 8 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เล่มที่ 8 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเล่มที่ 8 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เล่มที่ 8 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
 
เล่มที่ 6 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
เล่มที่ 6  สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเล่มที่ 6  สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
เล่มที่ 6 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
07อาณาจักรอยุธยา
07อาณาจักรอยุธยา07อาณาจักรอยุธยา
07อาณาจักรอยุธยา
 
๙ กษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
๙ กษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี๙ กษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
๙ กษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
 
สุนทรภู่
สุนทรภู่สุนทรภู่
สุนทรภู่
 

Ähnlich wie พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
Teeraporn Pingkaew
 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
Ning Rommanee
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
Ning Rommanee
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
Ning Rommanee
 
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
Ning Rommanee
 
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
Ning Rommanee
 
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
สุรพล ศรีบุญทรง
 
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
แผ่นพับ
แผ่นพับแผ่นพับ
แผ่นพับ
nuttawon
 
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 

Ähnlich wie พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (20)

พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
 
พระราชประวัติ
พระราชประวัติพระราชประวัติ
พระราชประวัติ
 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
 
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
 
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
 
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
 
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
 
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
01 พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย อุภโตสุชาติ
 
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
 
แผ่นพับ
แผ่นพับแผ่นพับ
แผ่นพับ
 
สมเด็จพระนาราย์มหาราช
สมเด็จพระนาราย์มหาราชสมเด็จพระนาราย์มหาราช
สมเด็จพระนาราย์มหาราช
 
บุคคลสำคัญในบางกอก.
บุคคลสำคัญในบางกอก.บุคคลสำคัญในบางกอก.
บุคคลสำคัญในบางกอก.
 
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7
 
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7.
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7.บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7.
บุคคลสำคัญในบางกอก 3/5กลุ่ม7.
 
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
 
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช1
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช1สมเด็จพระนเรศวรมหาราช1
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช1
 
กลุ่ม 1 การสถาปนา
กลุ่ม 1 การสถาปนากลุ่ม 1 การสถาปนา
กลุ่ม 1 การสถาปนา
 

Mehr von SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL

Mehr von SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)

Is
IsIs
Is
 
นัทธพงศ์ ดอนศรี.
นัทธพงศ์ ดอนศรี.นัทธพงศ์ ดอนศรี.
นัทธพงศ์ ดอนศรี.
 
นายคงศักดิ์ สงสุรีย์
นายคงศักดิ์ สงสุรีย์นายคงศักดิ์ สงสุรีย์
นายคงศักดิ์ สงสุรีย์
 
ปวีณ์ธิดา สีหวาด
ปวีณ์ธิดา สีหวาดปวีณ์ธิดา สีหวาด
ปวีณ์ธิดา สีหวาด
 
จารุวรรณ ลำพองชาติ
จารุวรรณ ลำพองชาติจารุวรรณ ลำพองชาติ
จารุวรรณ ลำพองชาติ
 
Isมิ้น
Isมิ้นIsมิ้น
Isมิ้น
 
เตชินท์ประเทศอัฟกานิสถาน
เตชินท์ประเทศอัฟกานิสถานเตชินท์ประเทศอัฟกานิสถาน
เตชินท์ประเทศอัฟกานิสถาน
 
Isประเทศบังกลาเทศ
IsประเทศบังกลาเทศIsประเทศบังกลาเทศ
Isประเทศบังกลาเทศ
 
อาเซอร์ไบจาน
อาเซอร์ไบจานอาเซอร์ไบจาน
อาเซอร์ไบจาน
 
คองโก
คองโกคองโก
คองโก
 
Is1
Is1Is1
Is1
 
ตุรกี
ตุรกีตุรกี
ตุรกี
 
มัลดีฟ
มัลดีฟมัลดีฟ
มัลดีฟ
 
อาร์เมเนีย
อาร์เมเนียอาร์เมเนีย
อาร์เมเนีย
 
นางสาวนภาพร คำภักดี เลขที่19 รัฐสุลต่านโอมาน
นางสาวนภาพร คำภักดี เลขที่19 รัฐสุลต่านโอมานนางสาวนภาพร คำภักดี เลขที่19 รัฐสุลต่านโอมาน
นางสาวนภาพร คำภักดี เลขที่19 รัฐสุลต่านโอมาน
 
สอบกลางภาค
สอบกลางภาคสอบกลางภาค
สอบกลางภาค
 
สอบกลางภาคIs ธิรดา-น้อยเสนา
สอบกลางภาคIs ธิรดา-น้อยเสนาสอบกลางภาคIs ธิรดา-น้อยเสนา
สอบกลางภาคIs ธิรดา-น้อยเสนา
 
จิราภา ธรรมรักษ์
จิราภา ธรรมรักษ์จิราภา ธรรมรักษ์
จิราภา ธรรมรักษ์
 
ณัฎฐณิชา
ณัฎฐณิชาณัฎฐณิชา
ณัฎฐณิชา
 
กลางภาค
กลางภาคกลางภาค
กลางภาค
 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

  • 2. รายงาน เรื่ อง ราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลย เดชสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร วิชา ประวัติศาสตร์ ส32103 คณะผูจดทา ้ั นาย อัฐสิ ทธิ์ เข็มเพชร เลขที่24 นางสาว วรพร เหล่าจินดา เลขที่27 นางสาว ปิ ยาภรณ์ ดีสม เลขที่34 นางสาว ประภาพร บุญพันธ์ เลขที่42 นางสาว รัชนีกร ชะราผาย เลขที่46 เสนอ อาจารย์ สฤษดิ์ศกดิ์ ชิ้นเขมจารี ั โรงเรี ยนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรี นคริ นทร์ ร้อยเอ็ด
  • 3. คานา รานงานเรื่ องนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของ วิชาประวัติศาสตร์ เป็ นเรื่ องเกี่ยวกับราชประวัติของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร หวังว่าคงมี ความรู ้ต่อผูที่สนใจไม่มากก็นอย ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย ้ ้ ้ คณะผูจดทา ้ั
  • 4. สารบัญ เรื่อง หน้ า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 4 พระนาม 5 พระชนมายุช่วงต้น 5 ทรงพระเยาว์ 6 ทรงศึกษา 7 ทรงประสบอุบติเหตุ และทรงหมั้น ั 7 เสวยราชย์ และทรงอภิเษกสมรส 7 ทรงผนวช 8 สถานะพระมหากษัตริ ย ์ 9 บทบาททางการเมือง 10 พระราชทรัพย์ 14 ทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ 15 พระราชบุตร 16 พระราชกรณี ยกิจ พระราชนิ พนธ์ และผลงานอื่น 21 พระเกียรติยศ 26 สถานที่ พันธุ์พืช และพันธุ์สตว์ อันเนื่องด้วยพระปรมาภิไธย ั 28
  • 5. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ) ทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยพระองค์ปัจจุบนแห่งประเทศไทย และพระมหากษัตริ ยลาดับที่เก้าแห่งราชวงศ์ ์ ั ์ จักรี เสด็จขึ้นครองราชย์ต้ งแต่วนที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะนี้ จึงทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยผทรงเสวยราชย์ ั ั ์ ู้ ยาวนานที่สุดในโลกที่มีพระชนชีพอยู่ และยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย พระองค์ทรงเป็ นที่สรรเสริ ญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดาริ ในเรื่ องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย โคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสาเร็ จสู งสุ ดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์ กับทั้งพระองค์ทรงเป็ นเจ้าของสิ ทธิบตรสิ่ งประดิษฐ์ งานพระราชนิพนธ์ และงานดนตรี จานวนหนึ่งนอกจากนี้ ั พระองค์ยงทรงเป็ นผูถือหุ นรายใหญ่ในบริ ษทเอกชนหลายแห่ง ในปี 2553 นิตยสารฟอบส์ประเมินว่า พระองค์มี ั ้ ้ ั พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมถึงที่อยูในการบริ หารจัดการของสานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ เป็ น ่ มูลค่ามากกว่าเก้าแสนหกหมื่นล้านบาท และด้วยเหตุน้ ี จึงทรงได้รับการจัดอันดับให้เป็ นพระมหากษัตริ ยผมีพระ ์ ู้ ราชทรัพย์มากที่สุดในโลก นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 พระองค์แปรพระราชฐานจากที่ประทับพระตาหนักจิตรลดารโหฐาน ไป ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตราบปัจจุบน อันเนื่องมาจากพระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ ในเดือน ั ตุลาคม ปี เดียวกันนั้น ข่าวลือว่าพระอาการประชวรทรุ ดหนักลง ได้ยงให้ตลาดหุ นไทยร่ วงลงอย่างสาหัส ั ้
  • 6. พระนาม พระนาม "ภูมิพลอดุลเดช" นั้น พระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จ ่ ั พระปกเกล้าเจ้าอยูหว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกากับตัวสะกดเป็ นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ซึ่ งในระยะแรกสะกดเป็ นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดชเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลัง ซึ่งมีตว "ย" สะกดตราบปัจจุบน ั ั ทั้งนี้ เดิมที ด้วยเหตุที่ได้รับตัวโรมันว่า "Bhumibala" สมเด็จพระศรี นคริ นทราบรมราชชนนี จึงทรงเข้าพระทัยว่า ได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" ต่อมาจึงเปลี่ยนการสะกดเป็ น "Bhumibol" พระชนมายุช่วงต้ น ทรงพระเยาว์ (ด้านหน้า จากขวามาซ้าย) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช; สมเด็จพระศรี สวริ นทิราบรมราชเทวี และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดล กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชสมภพ ในราชสกุลมหิดลอันเป็ นสายหนึ่งในราชวงศ์จกรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น ั เมืองเคมบริ ดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริ กา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่า ปี เถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเหตุที่ พระราชสมภพในสหรัฐอเมริ กา เนื่องจากพระบรมราชชนกและพระบรมราช ่ ั่ ชนนีกาลังทรงศึกษาวิชาการอยูที่นน
  • 7. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็ น พระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ ามหิ ดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลา นคริ นทร์ (สมเด็จพระมหิ ตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาล ตะละภัฎ (ชูกระมล) (สมเด็จพระศรี นค ริ นทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) ทรงมีพระนามขณะนั้นว่า พระว รวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช ทรงมีพระเชษฐภคินีและสมเด็จ พระบรมเชษฐาธิ ราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ า กัลยาณิ วฒนา กรมหลวงนราธิ วาสราชนคริ นทร์ และพระบาทสมเด็จ ั พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งสมเด็จพระศรี นคริ นทราบรมราช ชนนี ทรงออกพระนามเรี ยกพระองค์เป็ นการลาลองว่า "เล็ก" เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่ งทรงสาเร็ จการศึกษาปริ ญญา แพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ ด สหรัฐอเมริ กา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. ่ ั 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงมีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา ทรงศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริ ญพระชนมายุได้สี่พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรี ยนมาแตร์เดอี จนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดาเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราช ชนนี พระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรม เชษฐาธิ ราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรี ยนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ "โรงเรี ยนแห่ง ใหม่ของซื ออีสโรมองด์" (ฝรั่งเศส: École Nouvelle de la Suisse Romande, เอกอล นูแวล เดอ ลา ซืออีส โรมองด์) เมืองแชลลี-ซูร์-โลซาน (ฝรั่งเศส: Chailly-sur-Lausanne) พ.ศ. 2477 เมื่อพระองค์เจ้าอานันทมหิ ดล พระบรมเชษฐาธิ ราช เสด็จขึ้นครองราชย์เป็ นพระมหากษัตริ ย ์ รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จกรี ก็ทรงได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็ น "สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ าภูมิ ั พลอดุยเดช" เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 ่ ั เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ได้โดยเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยูหวอานันทมหิ ดล เสด็จนิวตประเทศไทย ั เป็ นเวลา 2 เดือน โดยประทับที่พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จกลับไปศึกษาต่อที่ สวิตเซอร์แลนด์จนถึงปี พ.ศ. 2488 ทรงรับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์ จากโรงเรี ยนยิมนาส คลาซี ค กังโต นาล แล้วทรงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโลซาน แผนกวิทยาศาสตร์ โดยเสด็จนิวตประเทศไทยเป็ นครั้งที่สอง ั ประทับ ณ พระที่นงบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ั่
  • 8. ทรงประสบอุบัติเหตุ และทรงหมั้น หลังจากที่จบการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์เสด็จไปเยือนกรุ งปารี ส ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์ สิ ริกิต์ ิ กิติยากร ซึ่ งเป็ นลูกสาวของเอกอัครราชทูตไทยประจาฝรั่งเศส เป็ นครั้งแรก ในขณะนี้ ทั้งสองพระองค์มี พระชนมายุ 21 พรรษาและ 15 พรรษาตามพระลาดับ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 ในระหว่างเสด็จประทับยังต่างประเทศ ขณะที่พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นง ั่ เฟี ยส ทอปอลิโน จากเจนีวาไปยังโลซาน ทรงประสบอุบติเหตุทางรถยนต์ กล่าวคือ รถยนต์พระที่นงชนกับ ั ั่ รถบรรทุกอย่างแรง ทาให้เศษกระจกกระเด็นเข้าพระเนตรขวา พระอาการสาหัส หลังการถวายการรักษา พระองค์ ทรงมีพระอาการแทรกซ้อนบริ เวณพระเนตรขวา แพทย์จึงถวายการรักษาอย่างต่อเนื่ องหลายครั้ง หากแต่พระ อาการยังคงไม่ดีข้ ึน กระทังวินิจฉัยแล้วว่าพระองค์ไม่สามารถทอดพระเนตรผ่านทางพระเนตรขวาของพระองค์ ่ เองได้ต่อไปแล้ว จึงได้ถวายการแนะนาให้พระองค์ทรงพระเนตรปลอมในที่สุด ทั้งนี้ ม.ร.ว. สิ ริกิต์ ิ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ าเยียมพระอาการเป็ นประจาจนกระทังหายจากอาการประชวร อัน ่ ่ ั ั เป็ นเหตุท่ีทาให้ท้ งสองพระองค์มีความสัมพันธ์กนอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่น้ นเป็ นต้นมา ั เสวยราชย์ และทรงอภิเษกสมรส วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดลเสด็จสวรรคตอย่าง กะทันหัน โดยต้องพระแสงปื นที่พระกระหม่อม ณ พระที่นงบรมพิมาน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ าภูมิพลอ ั่ ดุลยเดชได้ตดสิ นพระทัยรับตาแหน่งพระมหากษัตริ ย ์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สื บราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกัน ั นั้น แต่เนื่ องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงทรงอาลาประชาชนชาวไทย เสด็จพระราชดาเนิ นไปศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม แต่เปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์ ไปเป็ นสาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งมี ความจาเป็ นสาหรับตาแหน่งประมุขของประเทศ ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
  • 9. ่ ั เดิมทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะทรงครองราชย์สมบัติแต่ในช่วงการจัดงาน พระบรมศพของพระบรมเชษฐาเท่านั้น เพราะยังทรงพระเยาว์และไม่เคยเตรี ยมพระองค์ในการเป็ น ์ ่ ั พระมหากษัตริ ยมาก่อน เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวประทับรถพระที่นงเสด็จ ั่ พระราชดาเนินไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อทรงศึกษาเพิ่มเติมที่สวิตเซอร์ แลนด์ ก็ทรงได้ยนเสี ยงราษฎรคนหนึ่ง ิ ตะโกนว่า "ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน" จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า "ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ่ ั ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" ซึ่ งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวได้ทรงตระหนักในหน้าที่พระมหากษัตริ ย ์ ของพระองค์ ดังที่ได้ตรัสตอบชายคนเดิมนั้นในอีก 20 ปี ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิ ริกิต์ ิ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เสด็จพระราช ่ ั ดาเนินนิวตพระนครในปี ถัดมา โดยประทับ ณ พระที่นงอัมพรสถาน ต่อมาวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ั ั่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวโปรดเกล้าฯ ให้จดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ ิ กิติยากร ่ ั ั ณ พระตาหนักสมเด็จพระศรี สวริ นทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธี ราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์หญิงสิ ริกิต์ ิ กิติยากร ขึ้นเป็ น สมเด็จพระราชินีสิริกิต์ ิ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ต้ งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตาม ั แบบอย่างโบราณราชประเพณี ข้ ึน ณ พระที่นงไพศาลทักษิณ ั่ เฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึ กในพระสุ พรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิ เบศรามาธิบดี จักรี นฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถ บพิตร พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครอง แผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และในโอกาสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชิ นีสิริกิต์ ิ เป็ นสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระบรมราชินี ทรงผนวช ่ ั เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวเสด็จฯ ออก ผนวชเป็ นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน ณ วัด พระศรี รัตนศาสดาราม มีสมณนามว่า ภูมิพโลภิกขุ และเสด็จฯ ไป ประทับจาพรรษา ณ พระตาหนักปั้ นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่าง ที่ผนวช ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระ บรมราชินี เป็ นผูสาเร็ จราชการแทนพระองค์ ในภายหลัง ้
  • 10. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย เป็ นสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ ่ ั พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ในปี เดียว สถานะพระมหากษัตริย์ ่ ตามกฎหมายไทย พระองค์ทรงดารงอยูในสถานะที่ "ผูใดจะละเมิดมิได้" การวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ และ ้ การกล่าวหาว่าพระองค์เข้ามามีส่วนร่ วมทางการเมืองถือเป็ น "ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริ ย" และระวางโทษ ์ จาคุกตั้งแต่สามปี ถึงสิ บห้าปี ทั้งนี้ พระองค์เคยมีพระราชดารัสในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อปี 2548 ว่า "...ถ้า บอกว่าพระเจ้าอยูหวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่า พระเจ้าอยูหวไม่เป็ นคน...ฝรั่งเขาบอกว่า ในเมืองไทยนี่ ่ ั ่ ั พระมหากษัตริ ยถูกด่า ต้องเข้าคุก...ที่จริ งพระมหากษัตริ ยไม่เคยบอกให้เข้าคุก..." ์ ์ พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระภัทรมหาราช" หมายความว่า ่ ่ ั "พระมหากษัตริ ยผประเสริ ฐยิง" ต่อมาในปี 2539 มีการถวายใหม่วา "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวภูมิพลอดุลย ์ ู้ ่ เดชมหาราช" และ "พระภูมิพลมหาราช" อนุ โลมตามธรรมเนียมเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ่ ั เจ้าอยูหว ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระปิ ยมหาราช" พระองค์ทรงเป็ นที่สักการบูชาของชาวไทยจานวน มาก แต่ถึงกระนั้นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยแสดงทัศนะว่า มีขบวนการอันเป็ นภัยคุกคามร้ายแรงที่ ่ พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริ ย ์ ประชาชนทัวไปนิ ยมเรี ยกพระองค์วา "ในหลวง" คาดังกล่าวคาดว่าย่อมา ่ ่ จาก "ใน (พระบรมมหาราชวัง) หลวง" บ้างก็วาเพี้ยนมาจากคาว่า "นายหลวง" ซึ่ งแปลว่าเจ้านายผูเ้ ป็ นใหญ่ บทบาททางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระองค์ทรงเป็ นประมุขแห่งรัฐ จอมทัพไทย และอัคร ศาสนูปถัมภก และทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่พระองค์ทรงมีบทบาทในการเมืองไทยหลาย ์ ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงปี 2530-2540 เป็ นที่ทราบกันว่า พระองค์ทรงมีบทบาทสาคัญในการเปลี่ยนผันประเทศไทย จากระบอบทหารไปสู่ ระบอบประชาธิ ปไตย และทรงใช้พระราชอานาจทางศีลธรรมยับยั้งการปฏิวติและการกบฏ ั หลายช่วงด้วยกัน ทว่า พระองค์ก็ทรงสนับสนุนระบอบทหารเป็ นหลายครา ซึ่ งในจานวนนี้ อาทิ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในช่วงปี 2500-2510 ในรัชสมัยของพระองค์ เกิดการรัฐประหารกว่าสิ บห้าครั้ง รัฐธรรมนูญกว่าสิ บแปดฉบับ และ การเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี เกือบสามสิ บคน สมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่ ง จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ดารงตาแหน่งเป็ นนายกรัฐมนตรี นั้น ในทางการเมืองที่ฝ่ายทหารครอบงาอยู่ พระองค์ทรงมีบทบาทน้อยมากกว่า และทรงปฏิบติแต่พระราชกรณี ยกิจทางพิธีการเท่านั้น อันเนื่องมาจากความควบคุมอันเข้มงวดของรัฐบาล ใน ั เดือนสิ งหาคม พ.ศ. 2494 หลังจากเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาได้หกเดือน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กล่าวหาว่าจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ละเมิดพระราชอานาจพระมหากษัตริ ยในการจัดงานฉลองพุทธศตวรรษสองพันห้าร้อยปี ์
  • 11. ครั้นวันที่ 16 กันยายน 2500 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ได้เฝ้ าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลขอ พระราชทานให้เสด็จมาร่ วมงานฉลองพุทธศตวรรษดังกล่าว ในโอกาสนั้น พระองค์มีพระราชดารัสต่อจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ให้ลาออก เพื่อมิให้เกิดการรัฐประหาร ทว่า ทรงได้รับการปฏิเสธ เย็นวันนั้น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศยึดอานาจการปกครอง และสองชัวโมงต่อมา พระองค์มีพระราชโองการให้ประกาศกฎอัยการ ่ ศึกทัวราชอาณาจักร และมีพระราชโองการตั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ น "ผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร" โดยหามี ่ ้ ผูใดรับสนองพระบรมราชโองการไม่ พระราชโองการนั้น มีใจความว่า ้ “เนื่องด้วยปรากฏว่า รัฐบาลอันมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็ นนายกรัฐมนตรี ได้บริ หารราชการแผ่นดิน ไม่เป็ นที่ไว้วางใจของประชาชน ทั้งไม่สามารถรักษาความสงบเรี ยบร้อยของบ้านเมืองได้ คณะทหาร ซึ่ งมีจอม พลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ นหัวหน้า ได้เข้ายึดอานาจการปกครองไว้ได้ และทาหน้าที่เป็ นผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร ้ ข้าพเจ้าจึงขอแต่งตั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็ นผูรักษาพระนครฝ่ ายทหาร ขอให้ประชาชนทั้งหลายจงอยูใน ้ ่ ความสงบ และให้ขาราชการทุกฝ่ ายฟังคาสั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่บดนี้เป็ นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 ้ ั กันยายน พุทธศักราช 2500” สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อรัฐบาลทหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เถลิงอานาจแล้ว รัฐบาลได้ฟ้ื นฟูพระราชอานาจ พระมหากษัตริ ย ์ โดยอนุญาตให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จออกประชาชนเป็ นอัน มาก ให้ทรงเสด็จประภาสในถิ่นทุรกันดาร และตั้งงบประมาณสนับสนุนโครงการพัฒนาที่พระองค์มีพระราชดาริ ริ เริ่ มด้วย โดยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ประกาศให้นาประเพณี หมอบกราบเข้าเฝ้ า ซึ่ งเลิกไปในสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ กลับมาใช้ใหม่ กับทั้งประกาศให้สถาปนาพุทธศาสนา ธรรมยุติกนิกายขึ้นซ้ าด้วย นอกจากนี้ นับตั้งแต่การปฏิวติสยาม 2475 สื บมา ประเพณี การเสด็จพระราชดาเนินโดย ั กระบวนพยุหยาตราชลมารคก็ได้จดขึ้นเป็ นครั้งแรกเพื่อถวายผ้าพระกฐิน ั พิธีกรรมหลายหลากในสมัยคลาสสิ กของราชวงศ์จกรี เช่น พิธีกรรมพืชมงคล ก็มีประกาศให้ฟ้ื นฟู วัน ั พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม) ก็ได้รับการประกาศให้เป็ นวัน ชาติไทย แทนที่วนที่ 24 มิถุนายน อันตรงกับวันที่คณะราษฎรได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็ นผลสาเร็ จด้วย ั เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 8 ธันวาคม 2506 สานักพระราชวังก็มีประกาศให้ จัดการไว้ทุกข์ในพระราชวังเป็ นเวลายีสิบเอ็ดวัน และศพจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับพระราชทานฉัตรห้าชั้น ่ ซึ่ งปรกติเป็ นเครื่ องยศของพระบรมวงศานุ วงศ์ช้ นสมเด็จเจ้าฟ้ า กางกั้นตลอดระยะเวลาไว้ศพ ทั้งนี้ พระยาศรี วสาร ั ิ วาจา (หุ่น ฮุนตระกูล) องคมนตรี ได้กล่าวต่อมาว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรี คนใดที่มีความใกล้ชิดกับ พระมหากษัตริ ยเ์ ท่ากับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาก่อนเลย
  • 12. สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร หลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2506 จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ได้รับ แต่งตั้งให้เป็ นนายกรัฐมนตรี คนถัดมา และจอมพลถนอม กิตติขจร ก็สืบนโยบายราชานิยมของจอมพลสฤษดิ์ ต่อมาอีกกว่าทศวรรษ โดยในช่วงปี 2510-2520 นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมี บทบาทโดดเด่นในคณะลูกเสื อชาวบ้าน และกองกาลังติดอาวุธกระทิงแดง เป็ นอันมาก ซึ่ งเดือนตุลาคม 2516 ใน การประท้วงเพื่อเรี ยกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาล และมีผตายเป็ นจานวนมหาศาลอันเนื่องมาจากการปราบปราม ู้ ของรัฐบาลนั้น พระองค์ได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิ ดพระทวารพระตาหนักจิตรลดารโหฐานรับผูชุมนุมที่หนี ้ ตายเข้ามา และพระราชทานพระราชโอกาสให้เหล่าผูชุมนุมเฝ้ า ต่อมา ก็ทรงตั้ง สัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดี ้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็ นนายกรัฐมนตรี แทนจอมพลถนอม กิตติขจร ผูล้ ีภยไปสหรัฐอเมริ กาและสิ งคโปร์ ้ ั ตามลาดับ ครั้งนั้น สัญญา ธรรมศักดิ์ จัดตั้งรัฐบาลพลเรื อนสาเร็ จเป็ นครั้งแรก ทว่า ไม่ชาไม่นานต่อมาใน พ.ศ. ้ 2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ก็เล็ดรอดเข้าประเทศโดยบวชเป็ นภิกษุที่วดบวรนิเวศวิหาร ก่อให้เกิดการประท้วง ั เป็ นวงกว้าง และนาไปสู่ เหตุการณ์ 6 ตุลา ซึ่ งกองกาลังติดอาวุธของกลุ่มนิยมเจ้าได้สังหารผูประท้วงล้มตายที่ ้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยพลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ ในความโกลาหลครั้งนั้น ฝ่ ายทหารก็เข้ายึดอานาจอีกครั้ง และเสนอนามบุคคลสามคนให้พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็ นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ประกอบด้วย ประกอบ หุตะ ้่ สิ งห์ ประธานศาลฎีกา, ธรรมนูญ เทียนเงิน ผูวาราชการกรุ งเทพมหานคร และ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ผูพิพากษาศาล ้ ฎีกา ด้วยความที่ธานินทร์ กรัยวิเชียร มีเกียรติคุณดีที่สุด จึงได้รับการโปรดให้เป็ นนายกรัฐมนตรี ทว่า เมื่อพระองค์ พบว่า ธานินทร์ กรัยวิเชียร มีแนวคิดขวาจัด และให้เหล่านักศึกษาหนีเข้าป่ าไปรวมกลุ่มกับพวกคอมมิวนิสต์ได้ รัฐบาลของธานิ นทร์ กรัยวิเชี ยร ก็ถูกรัฐประหารนาโดย พลเอกเกรี ยงศักดิ์ ชมะนันท์ ใน พ.ศ. 2523 และคณะ รัฐประหารก็ต้ งพลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ั ขณะนั้น กองกาลังที่นิยมรัฐบาลได้เข้ายึดกรุ งเทพมหานคร ทว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดชทรงปฏิเสธไม่รับรอง การก่อการครั้งนี้ จึงกลายเป็ นกบฏที่รู้จกในชื่อ "กบฏเมษาฮาวาย" และนาไปสู่ ั "กบฏทหารนอกราชการ" ในเวลาต่อมา สมัยพลเอกสุ จินดา คราประยูร ใน พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีบทบาทเป็ นสาคัญในการเปลี่ยน ผันระบอบทหารไปสู่ ระบอบประชาธิ ปไตย โดยการรัฐประหารของคณะทหารเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ได้ นาประเทศไทยกลับไปสู่ ระบอบเผด็จการทหารอีกครั้ง หลักการเลือกตั้งในปี ถัดมา พลเอกสุ จินดา คราประยูร หัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่ งเคยตกปากว่าจะไม่รับตาแหน่งใด ๆ ภายหลังจากเลือกตั้งอีกเพื่อตัดข้อครหาบทบาท
  • 13. ของทหารในรัฐบาลพลเรื อน กลับยอมรับตาแหน่งนายกรัฐมนตรี และสร้างความไม่พอใจท่ามกลางประชาชน เป็ นอันมาก นาไปสู่ การประท้วง และมีผคนล้มลายหลายหลากเมื่อฝ่ ายทหารเปิ ดการโจมตีผชุมนุม เหตุการณ์ดิ่งสู่ ู้ ู้ ความรุ นแรงเรื่ อย ๆ เมื่อกาลังทหารและตารวจเข้าควบคุมกรุ งเทพมหานครเต็มที่ และท่ามกลางสงครามกลางเมือง ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าแทรกแซง โดยมีพระบรมราชโองการเรี ยกพล เอกสุ จินดา คราประยูร และหัวหน้ากลุ่มผูประท้วงเพื่อเรี ยกร้องประชาธิ ปไตย ให้เฝ้ า และพระราชทานพระบรมรา ้ ชานุญาตให้ถ่ายทอดการนี้ ออกอากาศสดได้ ในภาพทางโทรทัศน์ พระองค์ทรงขอให้คู่กรณี ยติความรุ นแรงและ ุ นาพาชาติบานเมืองไปสู่ สันติ ณ จุดสู งสุ ดของวิกฤติการณ์ ปรากฏภาพพลเอกสุ จินดา คราประยูร และหัวหน้าผู ้ ้ ประท้วง เฝ้ าทูลละอองพระบาทโดยหมอบกราบ และที่สุดก็นาไปสู่ การลาออกของพลเอกสุ จินดา คราประยูร และ การเลือกตั้งทัวไป ่ สมัยรัฐประหาร พ.ศ. 2549 ่ ั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้พลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ ประธานสภาองคมนตรี และ รัฐบุรุษ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน พล เรื อเอกสถิรพันธุ์ เกยานนท์ และพลอากาศเอกชลิต พุกผาสุ ข เข้าเฝ้ าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายรายงาน สถานการณ์ การปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข เมื่อเวลา 00.19 ์ น. วันพุธที่ 20 กันยายน ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ย ์ ทรงเป็ นประมุข ได้นาความกราบบังคมทูลพระกรุ ณา ทราบฝ่ าละอองธุ ลีพระบาท ว่า การบริ หารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล อันมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็ นนายกรัฐมนตรี ก่อให้เกิดปั ญหา ความขัดแย้งแบ่งฝ่ าย สลายความรู ้สึก รู ้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ชาติไทย ประชาชนส่ วนหนึ่งเคลือบ แคลงสงสัยว่า การบริ หารราชการแผ่นดิน ส่ อไปในทางทุจริ ตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระ ถูก การเมืองครอบงา ทาให้การดาเนินกิจกรรมทางการเมือง เกิดปั ญหาและอุปสรรคหลายประการ แม้หลายภาคส่ วน ของสังคมจะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่ องแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาความสงบ เรี ยบร้อยของบ้านเมืองได้ เดิม คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข ใช้ชื่อ ์ ภาษาอังกฤษว่า Council for Democratic Reform under Constitutional Monarchy (อักษรย่อ CDRM) ต่อมา ได้ตดคาว่า under Constitutional Monarchy ออก เพื่อไม่ให้สื่อต่างประเทศนาไปตีความว่า คณะปฏิรูปฯ เกี่ยวข้อง ั กับสถาบันพระมหากษัตริ ย ์ เป็ น Council for Democratic Reform (อักษรย่อ CDR) โดยยังคงใช้ชื่อภาษาไทย ตามเดิม
  • 14. นอกจากนี้ ในวันที่ 22 กันยายน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยสถานีวทยุโทรทัศน์ ิ กองทัพบก แพร่ ภาพพิธีรับพระบรมราชโองการ แต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิ ปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข แก่พลเอกสนธิ ซึ่ งมีขอสังเกตว่าประกาศฉบับดังกล่าว มีพลเอกสนธิ เอง ใน ์ ้ ฐานะผูบญชาการทหารบก เป็ นผูลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และลงวันที่ 20 กันยายน ขณะที่พิธีรับพระ ้ ั ้ บรมราชโองการนั้น จัดให้มีข้ ึนต่อมาในภายหลัง ่ ั หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชัวคราว พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม ปี เดียวกัน คณะปฏิรูปการปกครอง ่ ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริ ยทรงเป็ นประมุข แปรสภาพเป็ น คณะมนตรีความมั่นคงแห่ งชาติ ์ โดย หัวหน้า คปค. ดารงตาแหน่ง ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่ งชาติ มีอานาจหน้าที่ เป็ นผูรับสนองพระ ้ บรมราชโองการ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบญญัติ ประธานสภาร่ างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสมัชชา ั แห่งชาติ และคณะกรรมาธิ การยกร่ างรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้น จึงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง พลเอกสุ รยุทธ์ จุ ลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรี พระราชทรัพย์ ่ ั ่ พระราชทรัพย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ส่ วนใหญ่อยูในรู ปของที่ดินและหุ น โดยแบ่งออกได้ ้ เป็ นส่ วน ๆ ได้โดยสังเขป คือทรัพย์สินส่ วนพระองค์ พระคลังข้างที่ และทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ ซึ่ ง พระองค์อุทิศพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งเพื่อโครงการพระราชดาริ จานวนกว่า 3,000 โครงการ มูลนิธิในพระบรม ราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาภายในประเทศในด้านกสิ กรรม เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม สุ ขภาพ อนามัย การส่ งเสริ มอาชีพ สาธารณูปโภค และการศึกษา โครงการต่างๆมีรายละเอียดใช้เป็ นแหล่งอ้างอิงไปได้ทว ั่ โลก และพบได้ในสื่ อวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศไทย ทรัพย์ สินส่ วนพระมหากษัตริย์ ทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยถือเป็ นทรัพย์สินของแผ่นดิน ไม่ใช่ทรัพย์สินของส่ วนพระองค์ของ ์ ่ ั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว และได้รับการยกเว้นไม่ตองเสี ยภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ งทรัพย์สินดังกล่าว ้ จะถูกบริ หารงานในรู ปแบบองค์กรนิติบุคคลภายใต้ชื่อ สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ย ์ ทรัพย์สินส่ วน ใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ น โดยปั จจุบนมีผเู ้ ช่าที่ดินทัวประเทศมากกว่า 3 หมื่นสัญญา โดยแปลงสาคัญ ๆ ้ ั ่ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ ซีซน ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา ั่ และที่ดินริ มถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนื อ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรดศูนย์การประชุ มแห่งชาติสิริกิต์ ิ ทั้งนี้ บริ ษทซีบีริชาร์ ดเอลลิส บริ ษทโบรกเกอร์ ดานอสังหาริ มทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่ ั ั ้ ่ ์ ่ อยูในการดูแลของสานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยอยูท่ี 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสู งกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่ ทั้งนี้ สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยยงได้ลงทุนในหุ นของบริ ษทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้า ์ั ้ ั
  • 15. ่ ั นับรวมทั้งหมด หุ นที่สานักงานทรัพย์สินฯ มีอยูท้ งหมดคิดเป็ น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ ้ แห่งประเทศไทย ทาให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ ให้เป็ นหนึ่งในกษัตริ ยที่ร่ ารวยที่สุดใน ์ โลก แต่สานักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริ ยได้ช้ ีแจงถึงบทความดังกล่าวว่า "มีความคลาดเคลื่อนจาก ์ ข้อเท็จจริ ง เนื่ องจากในความเป็ นจริ ง ทรัพย์สินที่นบมาประเมินนั้นเป็ นทรัพย์สินของแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินส่ วน ั พระองค์" ทรัพย์ สินส่ วนพระองค์ ่ ั ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ยังทรงมีการลงทุนส่ วนพระองค์เอง โดยไม่ผานสานักงานทรัพย์สินส่ วน พระมหากษัตริ ย ์ โดยการเป็ นผูถือหุ นใน บริ ษท สัมมากร จากัด (มหาชน) 43.87% บริ ษท ไทยประกันภัย จากัด ้ ้ ั ั (มหาชน) 18.56% และบริ ษท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชันแนล จากัด (มหาชน) 2.04% เป็ นต้น ั ่ ทรัพย์สินส่ วนพระองค์น้ ียงหมายรวมถึง เงินทูลเกล้าถวายฯ ตามพระราชอัธยาศัยต่าง ๆ ซึ่ งทรัพย์สินส่ วน ั พระองค์น้ นไม่ได้รับการยกเว้นเรื่ องภาษี และต้องเสี ยภาษีอากรตามปกติ ั มูลนิธิอานันทมหิดล อ้างว่า พระองค์ได้พระราชทานทรัพย์สินส่ วนพระองค์จานวนมากแก่ โครงการ พระราชดาริ มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนการกุสล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การถือหุ้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็ นผูถือหุ นบริ ษทเอกชนหลายแห่ง ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ้ ้ ั มกราคม 2553 มีดงต่อไปนี้ ั 1. ใน บริ ษทสัมมากร จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 197,414,850 หุน คิดเป็ นร้อยละ 43.870 ั ้ ้ 2. ใน บริ ษทไมเนอร์ อินเตอร์ เนชันแนล จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 72,470,861 หุน คิดเป็ นร้อยละ ั ่ ้ ้ 2.22 3. ใน บริ ษทปูนซิ เมนต์ไทย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 360,000,000 หุน คิดเป็ นร้อยละ 30.00 ั ้ 4. ใน บริ ษทไทยประกันภัย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 3,526,567 หุน คิดเป็ นร้อยละ 30.00 ั ้ 5. ใน บริ ษทธนาคารไทยพาณิ ชย์ จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 722,941,958 หุน คิดเป็ นร้อยละ 21.31 ั ้ ้ 6. ใน บริ ษทซิ งเกอร์ ประเทศไทย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุนจานวน 1,383,770 หุน คิดเป็ นร้อยละ 0.51 ั ้ ้ 7. ใน บริ ษทเทเวศประกันภัย จากัด (มหาชน) ทรงถือหุ ้นจานวน 27,600 หุน คิดเป็ นร้อยละ 0.23 ั ้
  • 16. พระราชบุตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิ ริกิต์ ิ พระบรมราชิ นีนาถมีพระราช โอรสและพระราชธิ ดาด้วยกันสี่ พระองค์ตามลาดับดังต่อไปนี้ 1. ทูลกระหม่ อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิ ริวฒนาพรรณวดี (พระนามเดิม: สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ า ั อุบลรัตนราชกัญญา สิ ริวฒนาพรรณวดี; ประสู ติ: 5 เมษายน พ.ศ. 2494, สถานพยาบาลมงต์ชวซี เมืองโล ั ั ซาน ประเทศสวิตเซอร์ แลนด์) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้ ีได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระ ั ราชวงศ์เพื่อทรงสมรสกับนายปี เตอร์ เจนเซ่น ชาวอเมริ กน โดยมีพระโอรสหนึ่งองค์และพระธิ ดาสอง องค์ ทั้งนี้ คาว่า "ทูลกระหม่อมหญิง" เป็ นคาเรี ยกพระราชวงศ์ที่มีพระชนนีเป็ นสมเด็จพระบรมราชินี 2. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้ าฟามหาวชิ ราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (พระนามเดิม: สมเด็จพระเจ้า ้ ลูกยาเธอ เจ้าฟ้ าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธารงสุ บริ บาล อภิคุณประการมหิตลาดุล เดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร; ประสู ติ: 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495, พระที่นงอัมพรสถาน) ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทิ ั่ นัดดามาตุ นางสุ จาริ ณี วิวชรวงศ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรี รัศมิ์ ตามลาดับ โดยมีพระโอรส ั หนึ่งพระองค์และสี่ องค์ กับพระธิ ดาสองพระองค์ 3. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ดา เจ้ าฟามหาจักรีสิรินธร รั ฐสี มาคุณากรปิ ยชาติ สยามบรมราชกุมารี (พระ ้ นามเดิม: สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ าสิ รินธรเทพรัตนสุ ดา กิติวฒนาดุลโสภาคย์; ประสู ติ: 2 เมษายน พ.ศ. ั 2498, พระที่นงอัมพรสถาน) ั่
  • 17. 4. สมเด็จพระเจ้ าลูกเธอ เจ้ าฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (ประสู ติ: 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2500, พระที่ ้ นังอัมพรสถาน) ทรงอภิเษกสมรสกับนาวาอากาศเอก วีระยุทธ ดิษยะศริ น โดยมีพระธิดาสองพระองค์ ่ พระราชกรณียกิจ พระราชนิพนธ์ และผลงานอืน ่ ด้ านศิลปวัฒนธรรมและวรรณคดี ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็ นพระมหากษัตริ ยที่มีพระปรี ชาสามารถในศิลปะแขนงต่าง ๆ หลายแขนง จึง ์ ทรงได้รับการยกย่องให้เป็ นองค์อครศิลปิ นแห่งชาติและบิดาแห่งการดนตรี พระองค์ยงทรงสนพระราชหฤทัยใน ั ั การฝึ กเขียนภาพ และมีพระปรี ชาสามารถในเรื่ องการถ่ายภาพ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทรงมีพระ ปรี ชาสามารถปั้ นพระพุทธรู ปพระสมเด็จจิตรลดาด้วยพระองค์เอง ่ ั งานทางด้านวรรณศิลป์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงเชี่ยวชาญในภาษาหลากหลายภาษา ทรงพระ ราชนิพนธ์บทความ แปลหนังสื อ เช่น นายอินทร์ ผปิดทองหลังพระ ติโต พระมหาชนก และพระมหาชนก ฉบับ ู้ การ์ ตูน เรื่ อง ทองแดง เป็ นพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับคุณทองแดง สุ นขทรงเลี้ยง เป็ นต้น ั ด้ านการพัฒนาชนบท
  • 18. ่ ั ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวเสด็จฯ ไปทุกหนแห่งไม่วาดินแดนแห่งนั้นจะทุรกันดารเพียงใด ไม่วาใกล้ ่ ไกลแค่ไหน พระองค์จดทาโครงการพัฒนาชนบทตามแนวพระราชดาริ ควบคู่ไปในทุกๆ ด้าน ไม่เน้นด้านใดด้าน ั หนึ่ง พระองค์มีจุดประสงค์เดียวคือ เพื่อขจัดความทุกข์ยากของชาวชนบท และสนับสนุน ส่ งเสริ มให้มีความ ่ เป็ นอยูที่ดีข้ ึน รวมทั้งแก้ปัญหาสังคมเมืองให้ดีข้ ึน โดยจะเห็นได้จากโครงการในพระราชดาริ หลายโครงการที่ เกิดขึ้นจากความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ โครงการอันเนื่ องมาจากพระราชดาริ จะเป็ นโครงการเกี่ยวกับปรับปรุ งถนนหนทาง การก่อสร้างถนนเพื่อ การ สัญจรไปมาได้สะดวกและทัวถึง การคมนาคมเป็ นปั จจัยพื้นฐานที่ สาคัญของการนาความเจริ ญไปสู่ ชนบท ่ ่ การสื่ อสาร ติดต่อที่ดียงผล สาคัญทาให้เศรษฐกิจของราษฎรในพื้นที่ดีข้ ึน ราษฎรก็มีความเป็ นอยูที่ดีข้ ึน ในการ ั พัฒนาชนบทนั้น การคมนาคม เป็ นปั จจัยพื้นฐานที่สาคัญที่จะมองข้ามไปเสี ยมิได้ เพราะเป็ นเสมือนประตูเชื่อม ระหว่างในเมือง และชนบท ดังนั้น การที่จะเริ่ มโครงการพัฒนาใดๆ นั้นจะต้องเริ่ มจากการปรับปรุ ง และการ ก่อสร้างถนนหนทางเป็ นการเปิ ดประตูนาความเจริ ญเข้าไปสู่ พ้ืนที่ ด้ านการเกษตรและชลประทาน เขื่อนภูมิพล ในด้านการเกษตร จะทรงเน้นในเรื่ องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจยหาพันธุ์พืชใหม่ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ ั พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรู พืช และพันธุ์สัตว์ตางๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่ งแต่ ่ ละโครงการจะเน้นให้สามารถนาไปปฏิบติได้จริ ง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถ ั ดาเนินการเองได้ นอกจากนี้ ยังทรงพยายามไม่ให้เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพราะ อาจเกิดปั ญหาอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้ าอากาศ หรื อความแปรปรวนทางการตลาด แต่ เกษตรกรควรจะมีรายได้จากด้านอื่นนอกเหนื อไปจากการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อจะได้พ่ ึงตนเองได้ในระดับหนึ่ง การพัฒนาแหล่งน้ าเพื่อการเพาะปลูกหรื อการชลประทาน นับว่าเป็ นงานที่มีความสาคัญและมีประโยชน์ อย่างยิงสาหรับประชาชนส่ วนใหญ่ของประเทศ เพราะเกษตรกรจะสามารถทาการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ ่ ตลอดปี เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในปั จจุบนส่ วนใหญ่เป็ นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่ งต้องอาศัยเพียงน้ าฝนและ ั
  • 19. ่ ั น้ าจากแหล่งน้ าธรรมชาติเป็ นหลัก ทาให้พืชได้รับน้ าไม่สม่าเสมอ และไม่เพียงพอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ ามากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ประเภทอื่น ด้ านการแพทย์ ่ ั ั โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวพระราชทานให้กบประชาชนในระยะแรกๆ ล้วนแต่เป็ น โครงการด้านสาธารณสุ ข เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า หากประชาชนมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะนาไปสู่ สุ ขภาพจิตที่ดี และส่ งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีไปด้วย พระองค์จึงทรงให้ความสาคัญกับงานด้าน สาธารณสุ ขเป็ นอย่างมาก ในการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยียมราษฏรตามท้องที่ต่างๆ ทุกครั้ง จะทรงพระ ่ กรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วย ผูเ้ ชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากดรงพยาบาลต่างๆ และล้วนเป็ น อาสาสมัครทั้งสิ้ น โดยเสด็จพระราชดาเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่ องมือแพทย์ครบ ครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎรผูป่วยไข้ได้ทนที ้ ั นอกจากนั้น ยังมีโครงการทันตกรรมพระราชทาน ซึ่ งเป็ นพระราชดาริ ท่ีให้ทนตแพทย์อาสาสมัคร ได้ ั เดินทางออกไปช่วยเหลือบาบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟัน แก่เด้กนักเรี ยน ่ และราษฎรที่อาศัยอยูในท้องที่ทุรกันดาร และห่างไกลจากแพทย์ทวทุกภาค โดยให้การบริ การรักษาโรคฟั น โดย ั่ ไม่คิดมูลค่า ทางด้านหน่วยแพทย์หลวงที่จะต้องตามเสด็จพระราชดาเนินไป ณ ที่ประทับแรมทุกแห่งนั้น จะมี เจ้าหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผูมาขอรับการรักษา ไม่ตองเสี ยค่าใช้จ่ายแต่ประการใด นอกจากนั้น หน่วย ้ ้ แพทย์หลวงยังจัดเจ้าหน้าที่ออกเดินทาง ไปรักษาราษฎรผูป่วยเจ็บ ตามหมู่บานที่อยูห่างไกลออกไปอีกด้วย ้ ้ ่ ด้ านการศึกษา นอกจากนี้ พระองค์ยงโปรดเกล้าฯ ให้จดตั้งมูลนิธิอานันทมหิ ดล เพื่อเป็ นการถวายพระเกียรติแด่ ั ั ่ ั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวอานันทมหิ ดล เพื่อสนับสนุ นทางด้านคัดเลือกบัณฑิตในสาขาวิชาต่างๆ ไปศึกษาต่อ ต่างประเทศ เพื่อจะได้ให้บณฑิตเหล่านั้นนาความรู ้ที่ได้ไปศึกษาวิจยนาผลงานที่ได้กลับมาพัฒนาประเทศอย่าง ั ั ต่อเนื่อง โดยพระองค์ออกทุนให้ตลอดจนดูแลเกี่ยวกับความเป้ นอยูในต่างประเทศนั้นๆ อีกด้วย ่ ส่ วนในประเทศทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลเป็ นผูดพเนิ นการจัดการบริ หารทางการศึกษา แบบ ้ ่ ให้เปล่าตั้งแต่ระดับชั้นประถมศกษา จนถึงระดับมัธบมศึกษาตอนปลาย ในลักษณะทั้งอยูประจาและไปกลับ แบ่งเป็ น โรงเรี ยนศึกษาสงเคราะห์ จานวน 26 โรงเรี ยน โรงเรี ยนราชประชานุเคราะห์ จานวน 14 โรงเรี ยน ่ ั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวได้ทรงประกอบพระราชกรณี ยกิจตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ที่ทรงครองราชย์ เป็ นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทย โดยสามารถยกตัวอย่างได้ดงนี้: ั