SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 15
1
2
1.ความหมายสิ่งแวดล้อม
รูปธรรม (สามารถจับต้องและมองเห็นได้) และนามธรรม
(ตัวอย่างเช่นวัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเกี่ยว
โยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ผลกระทบจากปัจจัย
หนึ่งจะมีส่วนเสริมสร้างหรือทำาลายอีกส่วนหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่ง
แวดล้อมเป็นวงจรและ วัฏจักรสิ่งแวดล้อม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบ
ตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็นจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้ง
ระบบ
สิ่งแวดล้อมแบ่งออกเป็นลักษณะกว้าง ๆ ได้ 2 ส่วนคือ
สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ภูเขา ดิน นำ้า อากาศ
ทรัพยากร
สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ชุมชนเมือง สิ่งก่อสร้างโบราณสถาน
ศิลปกรรม
3
1.ความหมายสิ่งแวดล้อม (ต่อ)
1.1 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมแล้ว การกระทำาของ
มนุษย์ยังมีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ในทำานอง
เดียวกันสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ก็จะมีผลโดยตรงต่อความเป็น
อยู่ของชีวิตมนุษย์
มนุษย์เป็นสิ่งแวดล้อมที่มหัศจรรย์ประเภทหนึ่ง มนุษย์มีขีด
ความสามารถเหนือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ  มนุษย์สามารถนำาสิ่งแวดล้อมหนึ่ง
มาดัดแปลง สิ่งแวดล้อมใหม่  พฤติกรรมของมนุษย์มีความสำาคัญต่อสิ่ง
แวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งส่งผลดีและผลเสียต่อสิ่ง
แวดล้อม   ในขณะเดียวกันสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนในการกำาหนดพฤติกรรม
ของมนุษย์   พฤติกรรมของมนุษย์จะเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม
กล่าวได้ว่ามนุษย์และสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้
ชิด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ ทั้ง
โดยทางตรงและทางอ้อม   การกระทำาใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ย่อมมีผลตอบสนองต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ด้วยเสมอ    ด้วยเหตุดังนี้
เราจึงควรศึกษาและทำาความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
กับสิ่งแวดล้อม  เพื่อจะได้รู้จักใช้สิ่งแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
และสังคม เพื่อให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
และเพื่อมิให้เราทำาลายสิ่งแวดล้อมที่ดีทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
4
2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ 
  
   สิ่งแวดล้อมล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิด
ขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งสามารถแยกอธิบาย
ให้เห็นได้ชัดเจนดังนี้ 
   สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ   เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการกำาหนดรูป
แบบวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าในด้านการตั้งถิ่นฐาน ด้านลักษณะของที่
อยู่อาศัย ด้านการประกอบอาชีพ เป็นต้น  แต่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะ
สามารถกำาหนด ความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้มากน้อยเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่กับความ
เจริญก้าวหน้าของมนุษย์เอง หากมนุษย์มีความเจริญก้าวหน้ามาก  มนุษย์ย่อม
ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติน้อยลง    และยังสามารถ
ดัดแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้มากด้วย  ซึ่งเรา
สามารถที่จะนำาวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่ด้อยพัฒนาในทวีปแอฟริกา เช่น เผ่าบุชเมน
เผ่าปิ๊กมี มาเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่พัฒนาแล้วในทวีปยุโรปหรือ
อเมริกาเหนือได้ กลุ่มชนที่ด้อยความเจริญในทวีปแอฟริกาจะมีวิถีความเป็นอยู่ที่
เรียบง่าย  พึ่งพาอาศัยธรรมชาติค่อนข้างมาก   การดัดแปลงธรรมชาติยังมีน้อย 
ในขณะที่กลุ่มชนที่พัฒนาแล้วในทวีปยุโรปหรือทวีปอเมริกาเหนือ จะมีวิถีความ
เป็นอยู่ที่ซับซ้อน พยายามหาวิธีที่จะเอาชนะธรรมชาติ  การดัดแปลงธรรมชาติมี
มาก   เราจึงเห็นได้ว่าการที่มนุษย์พยายามปรับตัว เพื่อเอาชนะธรรมชาติ หรือ
หาวิธีนำาธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ จะทำาให้เกิดความแตกต่างในวิถีการ
ดำาเนินชีวิตของผู้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน
5
   2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) 
และแน่นอนว่าสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น    ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกันที่มีความ
สำาคัญในการกำาหนดรูปแบบวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ การที่มนุษย์มีความเจริญ
ก้าวหน้าทางด้านวิชาการมากขึ้น ทำาให้มนุษย์หาทางที่จะใช้สิ่งแวดล้อมให้เกิด
ประโยชน์ต่อตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ   ทำาให้ชีวิตได้รับความสะดวกสบายมาก
ขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความเจริญก้าวหน้า
ทางด้านวิชาการของมนุษย์ ก็ได้สร้างสิ่งที่เลวร้ายให้เกิดขึ้นแก่สิ่งแวดล้อม  เช่น 
ก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยออกสู่อากาศ ทำาให้อากาศเป็นพิษ มีสภาพ
ไม่เหมาะสมแก่การหายใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย  นำ้าเสียที่มีการปนเปื้อนของสาร
เคมีและสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยลงสู่แหล่งนำ้า ทำาให้นำ้าเน่าเสีย มี
ความเป็นพิษ  สัตว์นำ้าไม่สามารถดำารงชีวิตได้ มนุษย์เองก็ไม่สามารถนำานำ้ามาใช้
ประโยชน์ได้
    ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ ศาสนา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ค่า
นิยม   เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และมีความสำาคัญในการกำาหนดรูปแบบ
วิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์    มนุษย์เราเมื่ออยู่ร่วมกันเป็นสังคม ย่อมต้องมีการ
จัดระเบียบทางสังคม เพื่อกำาหนดแนวทางในการดำาเนินชีวิต กำาหนดพฤติกรรมที่
พึงปฏิบัติในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น  เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  มนุษย์ที่
อยู่ในสังคมเดียวกันย่อมมีรูปแบบของการดำาเนินชีวิตที่มีลักษณะเดียวกัน เช่นพูด
ภาษาเดียวกัน  ยึดถือกฎเกณฑ์เดียวกัน นับถือศาสนาเดียวกัน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม
แนวทางที่สังคมกำาหนด อาจไม่ได้รับการยอมรับในสังคมนั้น อาจเกิดความขัดแย้ง
หรืออาจถูกลงโทษได้
    กล่าวโดยสรุปคือ  สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่   ไม่ว่าจะเป็นสิ่ง
แวดล้อมทางธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น    ย่อมมีผลให้รูปแบบวิถี
การดำาเนินชีวิตของมนุษย์แตกต่างกันออกไป ซึ่งในที่นี้จะนำาบางตัวอย่างมาอธิบาย
เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น        
6
     2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.1) ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของประชากร  ถ้าหากเรานำาจำานวนประชากร
ของโลกทั้งหมดเฉลี่ยให้กระจายอย่างสมำ่าเสมอแล้ว  ความหนาแน่นของประชากร
โลกจะประมาณ  13  คนต่อตารางกิโลเมตร  (คำานวณจากประชากรโลก ปี
พ.ศ.2551 ซึ่งมีจำานวน 6,682 ล้านคน)   แต่ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว    
ประชากรโลกมักจะอาศัยอยู่รวมกันตามบริเวณที่มีสภาพทางธรรมชาติเหมาะสมกับ
การดำารงชีวิต  มนุษย์มักเลือกอาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบที่มีแหล่งนำ้าอุดมสมบูรณ์   มี
ลักษณะอากาศไม่รุนแรง อุณหภูมิปานกลาง ปริมาณนำ้าฝนพอเหมาะ เราจึงพบว่า
บริเวณที่มีลักษณะทางธรรมชาติไม่เหมาะสม เช่น ทะเลทรายสะฮาราทางเหนือของ
ทวีปแอฟริกา ที่ราบลุ่มแม่นำ้าในไซบีเรียของประเทศรัสเซียจะมีประชากรอาศัยอยู่
น้อยมาก นอกจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ  จะเป็นเครื่องกำาหนดลักษณะการตั้ง
ถิ่นฐานของประชากรแล้ว สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ยังเป็นตัวกำาหนดลักษณะการ
ตั้งถิ่นฐานเช่นเดียวกัน ดังจะพบว่าในเขตเมืองซึ่งมีสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นถนน
นำ้า ไฟ โทรศัพท์  ครบครัน มีสถานศึกษาหลายระดับ หลายประเภท  มีบริการทางการ
แพทย์การสาธารณสุข อีกทั้งความสะดวกสบายนานับประการ  เหล่านี้ย่อมเป็นสิ่ง
ดึงดูดให้ผู้คนอพยพเข้ามาอยู่อาศัยในเขตเมืองกันอย่างหนาแน่น  และหลายพื้นที่
อาจมีประชากรหนาแน่นมากจนเกินกว่าที่เมืองนั้นๆ จะรับได้ ทำาให้เกิดปัญหาอื่นๆ
ตามมาอีกมากมาย ส่วนในเขตชนบทซึ่งมีลักษณะทุกอย่างตรงข้ามกับในเขตเมือง 
จะพบว่ามีประชากรอาศัยอยู่อย่างเบาบาง    ซึ่งลักษณะการกระจายของประชากรที่
ไม่สมำ่าเสมอเช่นนี้  เป็นปรากฏการณ์ที่พบทั่วไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
7
2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.2) ลักษณะที่อยู่อาศัย  ลักษณะบ้านหรือที่อยู่อาศัยของผู้คนในพื้นที่ต่างๆ
จะแตกต่างกันไปตามสิ่งแวดล้อม    ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้าง ทัศนคติ ความเชื่อ ความเจริญ
ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และอื่นๆ 
         ในอดีตประเทศไทยเคยมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ การก่อสร้างบ้านเรือนใน
สมัยก่อนนิยมสร้างด้วยไม้ แต่ในปัจจุบันป่าไม้ของไทยมีจำานวนน้อยลง หาได้
ยาก และราคาแพง วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจึงเปลี่ยนแปลงไป มีการนำาอิฐ
ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น ฯลฯ มาใช้ในการก่อสร้าง รูปทรงของบ้านเรือนในอดีต
เป็นรูปทรงที่เหมาะกับลักษณะอากาศที่ร้อนและชื้นในประเทศไทย  คือมีหลังคา
แหลมเป็นหน้าจั่วสูง มีหน้าต่างมาก มีเฉลียง มีช่องระบายอากาศมาก  นอกจาก
นั้นในพื้นที่ราบลุ่มแม่นำ้า ซึ่งมีนำ้าท่วมเป็นประจำาทุกปี จะสร้างบ้านที่มีลักษณะ
ใต้ถุนสูง   ในยุคปัจจุบันไทยเรารับวัฒนธรรมการสร้างบ้านเรือนแบบตะวันตก
มาใช้โดยไม่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ผลที่ปรากฏให้เห็นก็คือ
บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อนำ้าท่วม กรณีตัวอย่างที่เห็นได้
ชัดเจนคือเหตุการณ์นำ้าท่วมใหญ่ในภาคกลางเมื่อ ปี พ.ศ.2538 มีบ้านสมัย
ใหม่ที่ไม่มีใต้ถุนสูงได้รับความเสียหายเป็นจำานวนมาก
ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นมาก  อุณหภูมิโดย
ทั่วไปค่อนข้างตำ่า มีฤดูหนาวที่ยาวนาน  ชาวเอสกิโมซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้จะ
สร้างบ้านด้วยแท่งนำ้าแข็ง ที่เรียกว่าอิ๊กลู (Igloo) ในช่วงฤดูหนาว   แต่ในฤดู
ร้อนซึ่งหิมะและนำ้าแข็งเริ่มละลาย จะอาศัยอยู่ในเต็นท์หนังสัตว์  ในปัจจุบันชาว
เอสกิโมบางส่วนได้รับอิทธิพลจากชาวอเมริกัน จะอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่มี
ลักษณะเช่นเดียวกับชาวอเมริกัน
          ฐานะทางเศรษฐกิจและทางสังคมของผู้อยู่อาศัย   จะเป็นเครื่องกำาหนด
ลักษณะที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง วัสดุที่ใช้ ความโอ่อ่าหรูหรา ขนาดของ
8
2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.3)ลักษณะของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ    มนุษย์จะเลือกประกอบกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจใด ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม บางพื้นที่ให้โอกาสในการประกอบ
กิจกรรมได้น้อยอย่าง แต่บางพื้นที่ให้โอกาสในการประกอบกิจกรรมได้มากอย่าง 
ความแตกต่างทางด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นลักษณะภูมิประเทศ 
ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อการประกอบกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจของมนุษย์ ความแตกต่างของสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นความ
เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความรู้ ความสามารถเฉพาะบุคคล สภาพเศรษฐกิจ
และสังคม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องกำาหนดลักษณะกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ
มนุษย์เช่นกัน
         กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ถือได้ว่าเป็นของกลุ่มชนที่ล้าหลังมากที่สุด   ได้แก่
การเก็บของป่า ล่าสัตว์ และจับปลา หรืออาจเรียกว่าการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
จากธรรมชาติ  ลักษณะทั่วๆ ไปคือการหาอาหารเมื่อหิว ความเป็นอยู่แร้นแค้น
เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปในการหาอาหาร ซึ่งเป็นการหาจากธรรมชาติที่มีอยู่ใน
บริเวณนั้น  มักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ มักมีชีวิตแบบเร่ร่อน  ไม่มีที่อยู่อาศัยที่
แน่นอน     ดังเช่น พวกปิ๊กมี (Pygmy) ที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มแม่นำ้าคองโก ทวีป
แอฟริกา  พวกเขาจับปลา  ล่าสัตว์ ด้วยอาวุธหรือเครื่องมืออย่างง่ายๆ มีการเก็บ
พืชผลในป่ามาบริโภค
          การเพาะปลูกแบบยังชีพ ซึ่งเป็นการเพาะปลูกแบบง่ายๆ มีเครื่องทุ่นแรง
น้อย อาศัยนำ้าฝนเป็นหลัก ขาดความรู้ในการพัฒนาอาชีพ ผลผลิตที่ได้มีไม่มาก  
จะพบได้ทั่วไปในกลุ่มชนที่ด้อยพัฒนาในทวีปเอเชีย  ทวีปแอฟริกา  และทวีป
อเมริกาใต้
9
2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.4) ลักษณะอาหารที่บริโภค    อาหารที่มนุษย์บริโภคในแต่ละพื้นที่
ของโลกมีลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง ทั้งนี้เป็นไปตาม
สภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ ในดินแดนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสมกับการปลูกข้าวเจ้า  ผู้คน
ในแถบนี้จะนิยมบริโภคข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก   ประชากรในทวีปยุโรป
และอเมริกาเหนือนิยมบริโภคข้าวสาลีเป็นอาหารหลัก เนื่องจากอาศัยอยู่
ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการปลูกข้าวสาลี
          ในเขตทะเลทรายซึ่งมีแต่ความแห้งแล้ง ขาดแคลนนำ้า มีพืช
เติบโตได้บ้างในบางบริเวณ  เช่น ตามโอเอซิส (Oasis) มีต้นอินทผลัม   
ผู้คนในแถบนี้จึงอาศัยผลอินทผลัมเป็นอาหารสำาคัญ   สัตว์ที่เลี้ยงได้ก็มี
อยู่น้อยชนิด  สัตว์ที่มีคุณค่ามากที่สุดสำาหรับพวกเขา คือ อูฐ ซึ่งอาศัยได้
ทั้งแรงงานในการบรรทุกสิ่งของ และอาศัยเนื้อ นม เป็นอาหาร
           แม้ว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะเป็นตัวกำาหนดชนิดของพืช
หรือสัตว์ที่จะนำามาเป็นอาหาร แต่สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรมจะเป็นตัว
กำาหนดทางด้านอื่นๆ  เช่นวิธีการปรุงอาหาร วิธีการบริโภคอาหาร
เป็นต้น  จะเห็นได้ว่าในสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเดียวกัน  ผู้คนอาจมี
ลักษณะของอาหารที่บริโภคแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย เช่นด้าน
รสชาติ  รูปแบบ คุณภาพ เป็นต้น
10
      2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.5) ลักษณะเครื่องนุ่งห่ม    ลักษณะอากาศจะเป็นเครื่องกำาหนด
ลักษณะเครื่องนุ่งห่มของมนุษย์ในแต่ละพื้นที่ โดยทางตรง ลักษณะ
อากาศโดยเฉพาะอุณหภูมิจะเป็นเครื่องกำาหนดลักษณะและความหนา
บางของเครื่องนุ่งห่ม  โดยทางอ้อม ลักษณะอากาศจะมีผลต่อวัตถุดิบที่
จะนำามาใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม เช่นในเขตร้อน มีพืชประเภทฝ้าย
ป่าน  ผู้คนในเขตร้อนจึงนิยมใช้เส้นใยจากพืชเหล่านี้มาผลิต และจะได้
เนื้อผ้าซึ่งเหมาะสมกับลักษณะอากาศ ในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น นิยม
เครื่องนุ่งห่มที่มีความหนา เพื่อให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น  ขนสัตว์ถูกนำามา
เป็นวัตถุดิบในการผลิต  เช่น ขนแกะ ขนเฟอร์ (fur)  ในทะเลทรายที่
ซึ่งมีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนมาก เต็ม
ไปด้วยฝุ่นดิน ฝุ่นทรายที่ลมหรือลมพายุพัดมา ผู้คนจำาเป็นต้องแต่งกาย
ด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างหนาและห่อหุ้มเกือบทุกส่วนของร่างกาย เพื่อ
ป้องกันความร้อนในเวลากลางวัน ป้องกันมิให้ร่างกายสูญเสียความชื้น
มากเกินไป ป้องกันความหนาวเย็นในเวลากลางคืน  รวมทั้งป้องกันฝุ่น
ดิน ฝุ่นทรายมิให้ทำาอันตรายต่อผิวหนัง
11
      2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)
(2.6) ลักษณะสุขภาพอนามัย  สุขภาพทางกายและใจของ
มนุษย์เป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมทำาให้มนุษย์มี
สุขภาพดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ  หากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี
ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ
          การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี  ย่อมหมายถึง การได้อยู่ในที่ที่มี
อากาศบริสุทธิ์สำาหรับหายใจ  มีนำ้าสะอาดไว้ใช้สอย ดื่มกิน มีอาหาร
ที่สะอาด ถูกหลักโภชนาการไว้บริโภค  มีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่
เหมาะสมและเพียงพอ ผู้คนที่แวดล้อมรอบตัวเรามีจิตใจที่ดีงาม
เหล่านี้เป็นต้น
          การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี  หมายถึงการอยู่ในที่ที่มีอากาศ
ไม่บริสุทธิ์ อากาศเป็นพิษ นำ้าเน่าเสีย มีเสียงดังรบกวน  มีอาหารไม่
เพียงพอแก่การบริโภค  มีโจรผู้ร้ายชุกชม  มีการต่อสู้แย่งชิงกัน  มี
โรคภัยไข้เจ็บรบกวน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์
เลย
          การดำารงรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดี   ย่อมเป็นผลดีต่อ
สุขภาพอนามัยของมนุษย์  ประเทศชาติจะสามารถพัฒนาไปได้ดี
หากประกอบด้วยผู้คนที่มีสุขภาพดีและมีคุณภาพสูง
     อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์  นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว
สิ่งแวดล้อมยังเป็นตัวกำาหนดวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ในอีก
หลายด้าน     เช่น  ด้านการปกครอง การเมือง กิจกรรม
นันทนาการ การศึกษา  ประเพณี ระดับของเทคโนโลยี เป็นต้น
12
3.อิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม  
   การดำาเนินชีวิตของมนุษย์ในส่วนต่างๆ ของโลกจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่ง
แวดล้อมอย่างใกล้ชิด มนุษย์จะเป็นตัวกระทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่ง
แวดล้อม มีการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหนึ่งให้เป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่ง  เช่นการ
เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น 
หรืออาจเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเดิมให้เป็นสิ่งแวดล้อม
แบบใหม่ กล่าวได้ว่าอิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมที่สำาคัญ  ก็คือการ
เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมหนึ่งให้เป็นอีกสิ่งแวดล้อมหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเหตุผล
ของความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นมีมากมายหลายสาเหตุ  มีทั้งกระทำา
เพื่อสนองความต้องการของตนเอง เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการ
ดำารงชีวิต เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข เพื่อการแข่งขัน เพื่อ
แย่งชิงความเป็นใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น
    การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตินั้น    มนุษย์ได้กระทำาต่อ
เนื่องกันมานานนับตั้งแต่มนุษย์อุบัติขึ้นบนพื้นผิวโลก การเปลี่ยนแปลงนั้น
ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของจำานวนประชากรและความ
เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  รวมทั้งความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้น
สุด  สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดอย่าง
ไม่มีการหยุดยั้ง
13
3.อิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม (ต่อ)  
3.1สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม
     สาเหตุหลักของปัญหาสิ่งแวดล้อมมีอยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ
     3.1.1. การเพิ่มของประชากร (Population growth) ปริมาณการ
เพิ่มของประชากรก็ยังอยู่ในอัตราทวีคูณ (Exponential Growth) เมื่อ
ผู้คนมากขึ้นความต้องการบริโภคทรัพยากรก็เพิ่มมากขึ้นทุกทางไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย พลังงาน
     3.1.2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางด้าน
เทคโนโลยี (Economic Growth & Technological Progress)
ความเจริญทางเศรษฐกิจนั้นทำาให้มาตรฐานในการดำารงชีวิตสูงตามไป
ด้วย มีการบริโภคทรัพยากรจนเกินกว่าความจำาเป็นขั้นพื้นฐานของชีวิต
มีความจำาเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันความ
ก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีก็ช่วยเสริมให้วิธีการนำาทรัพยากรมาใช้ได้
ง่ายขึ้นและมากขึ้น
3.2การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีผู้ให้ความหมายไว้
มากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมายถึงการใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
ความชาญฉลาดและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ให้มากที่สุดและมี
ระยะเวลาในการใช้งานยาวนานที่สุดสังคมไทยเราแต่โบราณก็ได้มีการ
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาทิ เกษตรกรรมได้มีการ
เพาะปลูก ทำานา โดยใช้วัว ควายเป็นแรงงานในการไถพรวนและเลี้ยง
ตามไร่ตามท้องนา ซึ่งก็ท่ากับว่าเป็นการเพิ่มปุ๋ยให้แก่พื้นดินจากมูลสัตว์
14
4.สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ปัญหามลพิษที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนมี
มากมาย มิใช่แต่เพียงมลพิษทางอากาศ ทางนำ้า หรือทางดินที่
เรารู้จักกันดีเท่านั้น การที่สภาวะแวดล้อมของเราเปลี่ยนแปลง
ไปตามความจำาเป็นของการพัฒนาบ้านเมือง ซึ่งจะหยุดอยู่กับที่
ไม่ได้นั้น หากมิได้มีการวางแผนอย่างถี่ถ้วนรัดกุม การ
เปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจกลายเป็นปัญหามลพิษ ซึ่งอาจเป็น
อันตรายต่อผู้คนได้
     ตัวอย่างที่ชัดเจนสำาหรับเมืองเรา คือ การขยายตัวอย่าง
รวดเร็วของกรุงเทพมหานครได้ก่อให้เกิดปัญหาสภาวะ
แวดล้อมอย่างมากมาย จนกระทั่งบางเรื่องอาจลุกลามใหญ่โต
จนไม่สามารถแก้ไขได้ในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศเรา การ
ที่เมืองขยายออกไป ผืนดินที่ใช้ทางการเกษตรที่ดีก็ถูก
เปลี่ยนแปลงเป็นที่อยู่อาศัย ที่ซึ่งเป็นที่ลุ่มกลับกลายเป็นแหล่ง
ชุมชน คลองเพื่อการระบายนำ้าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นถนนเพื่อการ
คมนาคม แอ่งที่จะเป็นที่ขังนำ้าถูกขจัดให้หมดไปด้วยสิ่งก่อสร้าง
ต่าง ๆ เมื่อถึงหน้านำ้าหรือเมื่อฝนตกใหญ่ กรุงเทพมหานครจะ
ประสบปัญหานำ้าท่วมทุกครั้ง นำ้าท่วมก่อให้เกิดปัญหาต่อ
สุขภาพมากมาย เริ่มต้นด้วยโรคนำ้ากัดเท้า และต่อไปก็อาจเกิด
โรคระบาดได้
15
กล่าวโดยสรุปถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม 
จะเห็นได้ว่า  มนุษย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม และ
มนุษย์ไม่อาจแยกตัวเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมได้ ในเมื่อ
มนุษย์มีความผูกพันกับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นเช่นนี้   
มนุษย์จึงไม่อาจปฏิเสธภาระความรับผิดชอบต่อการพิทักษ์
รักษาสภาพแวดล้อมที่ดีให้คงอยู่ตลอดไป  เพื่อความอยู่รอด
ของตัวมนุษย์เอง

Weitere ähnliche Inhalte

Ähnlich wie il-pornprasert

il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม0846054411
 
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
Il pornprasert
Il pornprasertIl pornprasert
Il pornprasert0846054411
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมkasarin rodsi
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้siwimon12090noonuch
 
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติป๊อก เบาะ
 
ระบบนิเวศในประเทศไทย
ระบบนิเวศในประเทศไทยระบบนิเวศในประเทศไทย
ระบบนิเวศในประเทศไทยninjynoppy39
 
ป่าชายเลน
ป่าชายเลนป่าชายเลน
ป่าชายเลนChapa Paha
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยาThanyamon Chat.
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJiraporn
 
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์Kobwit Piriyawat
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติApinun Nadee
 

Ähnlich wie il-pornprasert (20)

il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
 
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
Il pornprasert
Il pornprasertIl pornprasert
Il pornprasert
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้
การแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้
 
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
 
ระบบนิเวศในประเทศไทย
ระบบนิเวศในประเทศไทยระบบนิเวศในประเทศไทย
ระบบนิเวศในประเทศไทย
 
ป่าชายเลน
ป่าชายเลนป่าชายเลน
ป่าชายเลน
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยา
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
รายงานผลการวิจัย ปี 2553 การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ
 

il-pornprasert

  • 1. 1
  • 2. 2 1.ความหมายสิ่งแวดล้อม รูปธรรม (สามารถจับต้องและมองเห็นได้) และนามธรรม (ตัวอย่างเช่นวัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเกี่ยว โยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ผลกระทบจากปัจจัย หนึ่งจะมีส่วนเสริมสร้างหรือทำาลายอีกส่วนหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่ง แวดล้อมเป็นวงจรและ วัฏจักรสิ่งแวดล้อม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบ ตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็นจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้ง ระบบ สิ่งแวดล้อมแบ่งออกเป็นลักษณะกว้าง ๆ ได้ 2 ส่วนคือ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ภูเขา ดิน นำ้า อากาศ ทรัพยากร สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ชุมชนเมือง สิ่งก่อสร้างโบราณสถาน ศิลปกรรม
  • 3. 3 1.ความหมายสิ่งแวดล้อม (ต่อ) 1.1 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม มนุษย์นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมแล้ว การกระทำาของ มนุษย์ยังมีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ในทำานอง เดียวกันสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ก็จะมีผลโดยตรงต่อความเป็น อยู่ของชีวิตมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งแวดล้อมที่มหัศจรรย์ประเภทหนึ่ง มนุษย์มีขีด ความสามารถเหนือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ  มนุษย์สามารถนำาสิ่งแวดล้อมหนึ่ง มาดัดแปลง สิ่งแวดล้อมใหม่  พฤติกรรมของมนุษย์มีความสำาคัญต่อสิ่ง แวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งส่งผลดีและผลเสียต่อสิ่ง แวดล้อม   ในขณะเดียวกันสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนในการกำาหนดพฤติกรรม ของมนุษย์   พฤติกรรมของมนุษย์จะเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม กล่าวได้ว่ามนุษย์และสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ ชิด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ ทั้ง โดยทางตรงและทางอ้อม   การกระทำาใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ย่อมมีผลตอบสนองต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ด้วยเสมอ    ด้วยเหตุดังนี้ เราจึงควรศึกษาและทำาความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ กับสิ่งแวดล้อม  เพื่อจะได้รู้จักใช้สิ่งแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และสังคม เพื่อให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และเพื่อมิให้เราทำาลายสิ่งแวดล้อมที่ดีทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
  • 4. 4 2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์        สิ่งแวดล้อมล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิด ขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งสามารถแยกอธิบาย ให้เห็นได้ชัดเจนดังนี้     สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ   เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการกำาหนดรูป แบบวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าในด้านการตั้งถิ่นฐาน ด้านลักษณะของที่ อยู่อาศัย ด้านการประกอบอาชีพ เป็นต้น  แต่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะ สามารถกำาหนด ความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้มากน้อยเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่กับความ เจริญก้าวหน้าของมนุษย์เอง หากมนุษย์มีความเจริญก้าวหน้ามาก  มนุษย์ย่อม ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติน้อยลง    และยังสามารถ ดัดแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้มากด้วย  ซึ่งเรา สามารถที่จะนำาวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่ด้อยพัฒนาในทวีปแอฟริกา เช่น เผ่าบุชเมน เผ่าปิ๊กมี มาเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่พัฒนาแล้วในทวีปยุโรปหรือ อเมริกาเหนือได้ กลุ่มชนที่ด้อยความเจริญในทวีปแอฟริกาจะมีวิถีความเป็นอยู่ที่ เรียบง่าย  พึ่งพาอาศัยธรรมชาติค่อนข้างมาก   การดัดแปลงธรรมชาติยังมีน้อย  ในขณะที่กลุ่มชนที่พัฒนาแล้วในทวีปยุโรปหรือทวีปอเมริกาเหนือ จะมีวิถีความ เป็นอยู่ที่ซับซ้อน พยายามหาวิธีที่จะเอาชนะธรรมชาติ  การดัดแปลงธรรมชาติมี มาก   เราจึงเห็นได้ว่าการที่มนุษย์พยายามปรับตัว เพื่อเอาชนะธรรมชาติ หรือ หาวิธีนำาธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ จะทำาให้เกิดความแตกต่างในวิถีการ ดำาเนินชีวิตของผู้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน
  • 5. 5    2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ)  และแน่นอนว่าสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น    ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกันที่มีความ สำาคัญในการกำาหนดรูปแบบวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ การที่มนุษย์มีความเจริญ ก้าวหน้าทางด้านวิชาการมากขึ้น ทำาให้มนุษย์หาทางที่จะใช้สิ่งแวดล้อมให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ   ทำาให้ชีวิตได้รับความสะดวกสบายมาก ขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความเจริญก้าวหน้า ทางด้านวิชาการของมนุษย์ ก็ได้สร้างสิ่งที่เลวร้ายให้เกิดขึ้นแก่สิ่งแวดล้อม  เช่น  ก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยออกสู่อากาศ ทำาให้อากาศเป็นพิษ มีสภาพ ไม่เหมาะสมแก่การหายใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย  นำ้าเสียที่มีการปนเปื้อนของสาร เคมีและสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยลงสู่แหล่งนำ้า ทำาให้นำ้าเน่าเสีย มี ความเป็นพิษ  สัตว์นำ้าไม่สามารถดำารงชีวิตได้ มนุษย์เองก็ไม่สามารถนำานำ้ามาใช้ ประโยชน์ได้     ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ ศาสนา กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ค่า นิยม   เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และมีความสำาคัญในการกำาหนดรูปแบบ วิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์    มนุษย์เราเมื่ออยู่ร่วมกันเป็นสังคม ย่อมต้องมีการ จัดระเบียบทางสังคม เพื่อกำาหนดแนวทางในการดำาเนินชีวิต กำาหนดพฤติกรรมที่ พึงปฏิบัติในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น  เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  มนุษย์ที่ อยู่ในสังคมเดียวกันย่อมมีรูปแบบของการดำาเนินชีวิตที่มีลักษณะเดียวกัน เช่นพูด ภาษาเดียวกัน  ยึดถือกฎเกณฑ์เดียวกัน นับถือศาสนาเดียวกัน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม แนวทางที่สังคมกำาหนด อาจไม่ได้รับการยอมรับในสังคมนั้น อาจเกิดความขัดแย้ง หรืออาจถูกลงโทษได้     กล่าวโดยสรุปคือ  สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่   ไม่ว่าจะเป็นสิ่ง แวดล้อมทางธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น    ย่อมมีผลให้รูปแบบวิถี การดำาเนินชีวิตของมนุษย์แตกต่างกันออกไป ซึ่งในที่นี้จะนำาบางตัวอย่างมาอธิบาย เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น        
  • 6. 6      2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.1) ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของประชากร  ถ้าหากเรานำาจำานวนประชากร ของโลกทั้งหมดเฉลี่ยให้กระจายอย่างสมำ่าเสมอแล้ว  ความหนาแน่นของประชากร โลกจะประมาณ  13  คนต่อตารางกิโลเมตร  (คำานวณจากประชากรโลก ปี พ.ศ.2551 ซึ่งมีจำานวน 6,682 ล้านคน)   แต่ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว     ประชากรโลกมักจะอาศัยอยู่รวมกันตามบริเวณที่มีสภาพทางธรรมชาติเหมาะสมกับ การดำารงชีวิต  มนุษย์มักเลือกอาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบที่มีแหล่งนำ้าอุดมสมบูรณ์   มี ลักษณะอากาศไม่รุนแรง อุณหภูมิปานกลาง ปริมาณนำ้าฝนพอเหมาะ เราจึงพบว่า บริเวณที่มีลักษณะทางธรรมชาติไม่เหมาะสม เช่น ทะเลทรายสะฮาราทางเหนือของ ทวีปแอฟริกา ที่ราบลุ่มแม่นำ้าในไซบีเรียของประเทศรัสเซียจะมีประชากรอาศัยอยู่ น้อยมาก นอกจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ  จะเป็นเครื่องกำาหนดลักษณะการตั้ง ถิ่นฐานของประชากรแล้ว สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ยังเป็นตัวกำาหนดลักษณะการ ตั้งถิ่นฐานเช่นเดียวกัน ดังจะพบว่าในเขตเมืองซึ่งมีสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นถนน นำ้า ไฟ โทรศัพท์  ครบครัน มีสถานศึกษาหลายระดับ หลายประเภท  มีบริการทางการ แพทย์การสาธารณสุข อีกทั้งความสะดวกสบายนานับประการ  เหล่านี้ย่อมเป็นสิ่ง ดึงดูดให้ผู้คนอพยพเข้ามาอยู่อาศัยในเขตเมืองกันอย่างหนาแน่น  และหลายพื้นที่ อาจมีประชากรหนาแน่นมากจนเกินกว่าที่เมืองนั้นๆ จะรับได้ ทำาให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ส่วนในเขตชนบทซึ่งมีลักษณะทุกอย่างตรงข้ามกับในเขตเมือง  จะพบว่ามีประชากรอาศัยอยู่อย่างเบาบาง    ซึ่งลักษณะการกระจายของประชากรที่ ไม่สมำ่าเสมอเช่นนี้  เป็นปรากฏการณ์ที่พบทั่วไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
  • 7. 7 2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.2) ลักษณะที่อยู่อาศัย  ลักษณะบ้านหรือที่อยู่อาศัยของผู้คนในพื้นที่ต่างๆ จะแตกต่างกันไปตามสิ่งแวดล้อม    ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้าง ทัศนคติ ความเชื่อ ความเจริญ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และอื่นๆ           ในอดีตประเทศไทยเคยมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ การก่อสร้างบ้านเรือนใน สมัยก่อนนิยมสร้างด้วยไม้ แต่ในปัจจุบันป่าไม้ของไทยมีจำานวนน้อยลง หาได้ ยาก และราคาแพง วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจึงเปลี่ยนแปลงไป มีการนำาอิฐ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น ฯลฯ มาใช้ในการก่อสร้าง รูปทรงของบ้านเรือนในอดีต เป็นรูปทรงที่เหมาะกับลักษณะอากาศที่ร้อนและชื้นในประเทศไทย  คือมีหลังคา แหลมเป็นหน้าจั่วสูง มีหน้าต่างมาก มีเฉลียง มีช่องระบายอากาศมาก  นอกจาก นั้นในพื้นที่ราบลุ่มแม่นำ้า ซึ่งมีนำ้าท่วมเป็นประจำาทุกปี จะสร้างบ้านที่มีลักษณะ ใต้ถุนสูง   ในยุคปัจจุบันไทยเรารับวัฒนธรรมการสร้างบ้านเรือนแบบตะวันตก มาใช้โดยไม่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ผลที่ปรากฏให้เห็นก็คือ บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อนำ้าท่วม กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ ชัดเจนคือเหตุการณ์นำ้าท่วมใหญ่ในภาคกลางเมื่อ ปี พ.ศ.2538 มีบ้านสมัย ใหม่ที่ไม่มีใต้ถุนสูงได้รับความเสียหายเป็นจำานวนมาก ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นมาก  อุณหภูมิโดย ทั่วไปค่อนข้างตำ่า มีฤดูหนาวที่ยาวนาน  ชาวเอสกิโมซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้จะ สร้างบ้านด้วยแท่งนำ้าแข็ง ที่เรียกว่าอิ๊กลู (Igloo) ในช่วงฤดูหนาว   แต่ในฤดู ร้อนซึ่งหิมะและนำ้าแข็งเริ่มละลาย จะอาศัยอยู่ในเต็นท์หนังสัตว์  ในปัจจุบันชาว เอสกิโมบางส่วนได้รับอิทธิพลจากชาวอเมริกัน จะอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่มี ลักษณะเช่นเดียวกับชาวอเมริกัน           ฐานะทางเศรษฐกิจและทางสังคมของผู้อยู่อาศัย   จะเป็นเครื่องกำาหนด ลักษณะที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง วัสดุที่ใช้ ความโอ่อ่าหรูหรา ขนาดของ
  • 8. 8 2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.3)ลักษณะของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ    มนุษย์จะเลือกประกอบกิจกรรม ทางเศรษฐกิจใด ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม บางพื้นที่ให้โอกาสในการประกอบ กิจกรรมได้น้อยอย่าง แต่บางพื้นที่ให้โอกาสในการประกอบกิจกรรมได้มากอย่าง  ความแตกต่างทางด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นลักษณะภูมิประเทศ  ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อการประกอบกิจกรรมทาง เศรษฐกิจของมนุษย์ ความแตกต่างของสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นความ เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความรู้ ความสามารถเฉพาะบุคคล สภาพเศรษฐกิจ และสังคม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องกำาหนดลักษณะกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ มนุษย์เช่นกัน          กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ถือได้ว่าเป็นของกลุ่มชนที่ล้าหลังมากที่สุด   ได้แก่ การเก็บของป่า ล่าสัตว์ และจับปลา หรืออาจเรียกว่าการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากธรรมชาติ  ลักษณะทั่วๆ ไปคือการหาอาหารเมื่อหิว ความเป็นอยู่แร้นแค้น เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปในการหาอาหาร ซึ่งเป็นการหาจากธรรมชาติที่มีอยู่ใน บริเวณนั้น  มักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ มักมีชีวิตแบบเร่ร่อน  ไม่มีที่อยู่อาศัยที่ แน่นอน     ดังเช่น พวกปิ๊กมี (Pygmy) ที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มแม่นำ้าคองโก ทวีป แอฟริกา  พวกเขาจับปลา  ล่าสัตว์ ด้วยอาวุธหรือเครื่องมืออย่างง่ายๆ มีการเก็บ พืชผลในป่ามาบริโภค           การเพาะปลูกแบบยังชีพ ซึ่งเป็นการเพาะปลูกแบบง่ายๆ มีเครื่องทุ่นแรง น้อย อาศัยนำ้าฝนเป็นหลัก ขาดความรู้ในการพัฒนาอาชีพ ผลผลิตที่ได้มีไม่มาก   จะพบได้ทั่วไปในกลุ่มชนที่ด้อยพัฒนาในทวีปเอเชีย  ทวีปแอฟริกา  และทวีป อเมริกาใต้
  • 9. 9 2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.4) ลักษณะอาหารที่บริโภค    อาหารที่มนุษย์บริโภคในแต่ละพื้นที่ ของโลกมีลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้าง คล้ายคลึงกันบ้าง ทั้งนี้เป็นไปตาม สภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ ในดินแดนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสมกับการปลูกข้าวเจ้า  ผู้คน ในแถบนี้จะนิยมบริโภคข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก   ประชากรในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือนิยมบริโภคข้าวสาลีเป็นอาหารหลัก เนื่องจากอาศัยอยู่ ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการปลูกข้าวสาลี           ในเขตทะเลทรายซึ่งมีแต่ความแห้งแล้ง ขาดแคลนนำ้า มีพืช เติบโตได้บ้างในบางบริเวณ  เช่น ตามโอเอซิส (Oasis) มีต้นอินทผลัม    ผู้คนในแถบนี้จึงอาศัยผลอินทผลัมเป็นอาหารสำาคัญ   สัตว์ที่เลี้ยงได้ก็มี อยู่น้อยชนิด  สัตว์ที่มีคุณค่ามากที่สุดสำาหรับพวกเขา คือ อูฐ ซึ่งอาศัยได้ ทั้งแรงงานในการบรรทุกสิ่งของ และอาศัยเนื้อ นม เป็นอาหาร            แม้ว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะเป็นตัวกำาหนดชนิดของพืช หรือสัตว์ที่จะนำามาเป็นอาหาร แต่สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรมจะเป็นตัว กำาหนดทางด้านอื่นๆ  เช่นวิธีการปรุงอาหาร วิธีการบริโภคอาหาร เป็นต้น  จะเห็นได้ว่าในสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเดียวกัน  ผู้คนอาจมี ลักษณะของอาหารที่บริโภคแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย เช่นด้าน รสชาติ  รูปแบบ คุณภาพ เป็นต้น
  • 10. 10       2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.5) ลักษณะเครื่องนุ่งห่ม    ลักษณะอากาศจะเป็นเครื่องกำาหนด ลักษณะเครื่องนุ่งห่มของมนุษย์ในแต่ละพื้นที่ โดยทางตรง ลักษณะ อากาศโดยเฉพาะอุณหภูมิจะเป็นเครื่องกำาหนดลักษณะและความหนา บางของเครื่องนุ่งห่ม  โดยทางอ้อม ลักษณะอากาศจะมีผลต่อวัตถุดิบที่ จะนำามาใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม เช่นในเขตร้อน มีพืชประเภทฝ้าย ป่าน  ผู้คนในเขตร้อนจึงนิยมใช้เส้นใยจากพืชเหล่านี้มาผลิต และจะได้ เนื้อผ้าซึ่งเหมาะสมกับลักษณะอากาศ ในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น นิยม เครื่องนุ่งห่มที่มีความหนา เพื่อให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น  ขนสัตว์ถูกนำามา เป็นวัตถุดิบในการผลิต  เช่น ขนแกะ ขนเฟอร์ (fur)  ในทะเลทรายที่ ซึ่งมีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนมาก เต็ม ไปด้วยฝุ่นดิน ฝุ่นทรายที่ลมหรือลมพายุพัดมา ผู้คนจำาเป็นต้องแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างหนาและห่อหุ้มเกือบทุกส่วนของร่างกาย เพื่อ ป้องกันความร้อนในเวลากลางวัน ป้องกันมิให้ร่างกายสูญเสียความชื้น มากเกินไป ป้องกันความหนาวเย็นในเวลากลางคืน  รวมทั้งป้องกันฝุ่น ดิน ฝุ่นทรายมิให้ทำาอันตรายต่อผิวหนัง
  • 11. 11       2.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ (ต่อ) (2.6) ลักษณะสุขภาพอนามัย  สุขภาพทางกายและใจของ มนุษย์เป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมทำาให้มนุษย์มี สุขภาพดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ  หากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ           การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี  ย่อมหมายถึง การได้อยู่ในที่ที่มี อากาศบริสุทธิ์สำาหรับหายใจ  มีนำ้าสะอาดไว้ใช้สอย ดื่มกิน มีอาหาร ที่สะอาด ถูกหลักโภชนาการไว้บริโภค  มีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ เหมาะสมและเพียงพอ ผู้คนที่แวดล้อมรอบตัวเรามีจิตใจที่ดีงาม เหล่านี้เป็นต้น           การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี  หมายถึงการอยู่ในที่ที่มีอากาศ ไม่บริสุทธิ์ อากาศเป็นพิษ นำ้าเน่าเสีย มีเสียงดังรบกวน  มีอาหารไม่ เพียงพอแก่การบริโภค  มีโจรผู้ร้ายชุกชม  มีการต่อสู้แย่งชิงกัน  มี โรคภัยไข้เจ็บรบกวน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์ เลย           การดำารงรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดี   ย่อมเป็นผลดีต่อ สุขภาพอนามัยของมนุษย์  ประเทศชาติจะสามารถพัฒนาไปได้ดี หากประกอบด้วยผู้คนที่มีสุขภาพดีและมีคุณภาพสูง      อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์  นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว สิ่งแวดล้อมยังเป็นตัวกำาหนดวิถีการดำาเนินชีวิตของมนุษย์ในอีก หลายด้าน     เช่น  ด้านการปกครอง การเมือง กิจกรรม นันทนาการ การศึกษา  ประเพณี ระดับของเทคโนโลยี เป็นต้น
  • 12. 12 3.อิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม      การดำาเนินชีวิตของมนุษย์ในส่วนต่างๆ ของโลกจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่ง แวดล้อมอย่างใกล้ชิด มนุษย์จะเป็นตัวกระทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่ง แวดล้อม มีการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหนึ่งให้เป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่ง  เช่นการ เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น  หรืออาจเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเดิมให้เป็นสิ่งแวดล้อม แบบใหม่ กล่าวได้ว่าอิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมที่สำาคัญ  ก็คือการ เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมหนึ่งให้เป็นอีกสิ่งแวดล้อมหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเหตุผล ของความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นมีมากมายหลายสาเหตุ  มีทั้งกระทำา เพื่อสนองความต้องการของตนเอง เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการ ดำารงชีวิต เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข เพื่อการแข่งขัน เพื่อ แย่งชิงความเป็นใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น     การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตินั้น    มนุษย์ได้กระทำาต่อ เนื่องกันมานานนับตั้งแต่มนุษย์อุบัติขึ้นบนพื้นผิวโลก การเปลี่ยนแปลงนั้น ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของจำานวนประชากรและความ เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  รวมทั้งความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้น สุด  สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดอย่าง ไม่มีการหยุดยั้ง
  • 13. 13 3.อิทธิพลของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม (ต่อ)   3.1สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม      สาเหตุหลักของปัญหาสิ่งแวดล้อมมีอยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ      3.1.1. การเพิ่มของประชากร (Population growth) ปริมาณการ เพิ่มของประชากรก็ยังอยู่ในอัตราทวีคูณ (Exponential Growth) เมื่อ ผู้คนมากขึ้นความต้องการบริโภคทรัพยากรก็เพิ่มมากขึ้นทุกทางไม่ว่าจะ เป็นเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย พลังงาน      3.1.2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยี (Economic Growth & Technological Progress) ความเจริญทางเศรษฐกิจนั้นทำาให้มาตรฐานในการดำารงชีวิตสูงตามไป ด้วย มีการบริโภคทรัพยากรจนเกินกว่าความจำาเป็นขั้นพื้นฐานของชีวิต มีความจำาเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันความ ก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีก็ช่วยเสริมให้วิธีการนำาทรัพยากรมาใช้ได้ ง่ายขึ้นและมากขึ้น 3.2การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีผู้ให้ความหมายไว้ มากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมายถึงการใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ความชาญฉลาดและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ให้มากที่สุดและมี ระยะเวลาในการใช้งานยาวนานที่สุดสังคมไทยเราแต่โบราณก็ได้มีการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาทิ เกษตรกรรมได้มีการ เพาะปลูก ทำานา โดยใช้วัว ควายเป็นแรงงานในการไถพรวนและเลี้ยง ตามไร่ตามท้องนา ซึ่งก็ท่ากับว่าเป็นการเพิ่มปุ๋ยให้แก่พื้นดินจากมูลสัตว์
  • 14. 14 4.สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ปัญหามลพิษที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนมี มากมาย มิใช่แต่เพียงมลพิษทางอากาศ ทางนำ้า หรือทางดินที่ เรารู้จักกันดีเท่านั้น การที่สภาวะแวดล้อมของเราเปลี่ยนแปลง ไปตามความจำาเป็นของการพัฒนาบ้านเมือง ซึ่งจะหยุดอยู่กับที่ ไม่ได้นั้น หากมิได้มีการวางแผนอย่างถี่ถ้วนรัดกุม การ เปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจกลายเป็นปัญหามลพิษ ซึ่งอาจเป็น อันตรายต่อผู้คนได้      ตัวอย่างที่ชัดเจนสำาหรับเมืองเรา คือ การขยายตัวอย่าง รวดเร็วของกรุงเทพมหานครได้ก่อให้เกิดปัญหาสภาวะ แวดล้อมอย่างมากมาย จนกระทั่งบางเรื่องอาจลุกลามใหญ่โต จนไม่สามารถแก้ไขได้ในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศเรา การ ที่เมืองขยายออกไป ผืนดินที่ใช้ทางการเกษตรที่ดีก็ถูก เปลี่ยนแปลงเป็นที่อยู่อาศัย ที่ซึ่งเป็นที่ลุ่มกลับกลายเป็นแหล่ง ชุมชน คลองเพื่อการระบายนำ้าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นถนนเพื่อการ คมนาคม แอ่งที่จะเป็นที่ขังนำ้าถูกขจัดให้หมดไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ต่าง ๆ เมื่อถึงหน้านำ้าหรือเมื่อฝนตกใหญ่ กรุงเทพมหานครจะ ประสบปัญหานำ้าท่วมทุกครั้ง นำ้าท่วมก่อให้เกิดปัญหาต่อ สุขภาพมากมาย เริ่มต้นด้วยโรคนำ้ากัดเท้า และต่อไปก็อาจเกิด โรคระบาดได้
  • 15. 15 กล่าวโดยสรุปถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม  จะเห็นได้ว่า  มนุษย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม และ มนุษย์ไม่อาจแยกตัวเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมได้ ในเมื่อ มนุษย์มีความผูกพันกับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นเช่นนี้    มนุษย์จึงไม่อาจปฏิเสธภาระความรับผิดชอบต่อการพิทักษ์ รักษาสภาพแวดล้อมที่ดีให้คงอยู่ตลอดไป  เพื่อความอยู่รอด ของตัวมนุษย์เอง