More Related Content
Similar to สงครามเย็น (14)
More from Taraya Srivilas (20)
สงครามเย็น
- 2. เกี่ยวกับสงครามเย็น
• เป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบการเมืองที่ต่างกัน
ของ 2 อภิมหาอานาจ คือ อุดมการณ์ทางการเมืองแบบประชาธิปไตยของ
สหรัฐอเมริกากับอุดมการณ์ทางการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ของสหภาพ
โซเวียต ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
• สงครามเย็นเป็นสงครามอุดมการณ์เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในโลก
เป็นการต่อสู้ทางจิตวิทยา โดยไม่ได้ใช้กาลังทหารและอาวุธโดยตรง แต่
ใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อการแทรกซึมบ่อนทาลาย การประณาม การ
แข่งขันกันสร้างกาลังอาวุธ รวมถึงการแข่งขันกันสารวจอวกาศ และ
สะสมอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแสดงแสนยานุภาพของฝ่ ายตน
- 3. สาเหตุของสงครามเย็น
1. เกิดจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันของ
อภิมหาอานาจทั้งสอง คือ สหรัฐอเมริกา ผู้นาโลกฝ่ายเสรี การปกครองด้วย
ระบอบประชาธิปไตย และสหภาพโซเวียตผู้นาโลกเผด็จการ ปกครองแบบ
คอมมิวนิสต์ ที่ยึดถือเป็นแนวทางในการดาเนินนโยบายต่างประเทศและ
ความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์และเขตอิทธิพล เพื่อครองความเป็นผู้นา
ของโลก โดยทั้งสองประเทศพยายามแสวงหาผลผลประโยชน์และเขต
อิทธิพลในประเทศต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้นาทาง
การเมืองของโลกในสมัยก่อน คือ อังกฤษ เยอรมนี ได้หมดอานาจลงภายหลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนั่นเอง
- 6. ฝ่ายของสงคราม
• แบ่งได้ 3 ฝ่าย ได้แก่
1. ฝ่ายโลกเสรี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เกาหลีใต้ เยอรมัน
ตะวันตก เวียดนามใต้ ไทย เป็นต้น
2. ฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์ ได้แก่ สหภาพโซเวียต เกาหลีเหนือ เยอรมัน
ตะวันออก เวียดนามเหนือ ออสเตรีย เป็นต้น
3. ฝ่ายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Nam) ได้แก่ อินโดนีเซีย ยูโกสลาเวีย
สวิตเซอร์แลนด์
- 7. ประเทศมหาอ้านาจยุคสงครามเย็น
1. สหภาพโซเวียต
• สหภาพโซเวียต ได้ดาเนินนโยบายขยายลัทธิคอมมิวนิสต์
เข้าไปในภาคตะวันตกประเทศของตน หลังจากผนวก
เอสโตเนีย ลัตเวีย อละลิทัวเนีย เพื่อใช้ประเทสเหล่านี้เป็น
รัฐกันชนกับกลุ่มค่ายโลกเสรียุโรปตะวันตก
• โดยสหภาพโซเวียตได้ดาเนินนโยบายลัทธิคอมมิวนิสต์
แบบใหม่ มีการพัฒนาคอมมิวนิสต์ให้เจริญก้าวหน้าทาให้
ประเทศอื่นๆหันหน้าเข้าลัทธิอย่างสันติวิธี
- 8. ประเทศมหาอ้านาจยุคสงครามเย็น (ต่อ)
2. สหรัฐอเมริกา
• หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาดาเนิน
นโยบายเพื่อสกัดกั้นการขยายลัทธิคอมมิวนิสต์
ที่โซเวียตกาลังดาเนินการอยู่
• โดยได้มีการประกาศลัทธิทรูแมน และแผนการ
มาร์แชล เพื่อช่วยเหลือยุโรปตะวันตกและ
ตะวันออก ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามโลก
ครั้งที่ 2 และภัยคุกคามจากโลกคอมมิวนิสต์ โดย
ลัทธิทรูแมน ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของสงคราม
เย็นระหว่างโซเวียตกับสหรัฐอเมริกา
- 11. ความขัดแย้งระหว่างโลกเสรีกับคอมมิวนิสต์
ในยุคสงครามเย็น (ต่อ)
3. ความขัดแย้งในเกาหลี
• หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาอานาจได้ประชุมให้
อเมริกา เข้าปลดอาวุธญี่ปุ่นในเกาหลีตั้งแต่เส้นขนานที่
38 ลงมาทางใต้ และให้สหภาพโซเวียตเข้าปลดอาวุธ
ญี่ปุ่นตั้งแต่เส้นขนานที่ 38 ขึ้นไป ต่อมาประเทศทั้ง 2 ได้
จัดตั้งรัฐบาลขึ้น ตามระบอบการปกครองของตน ทาให้
เกิดเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ
• พ.ศ. 2493 เกาหลีเหนือได้รุกรานเกาหลีใต้ นับเป็นการ
เผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มคอมมิวนิสต์กับโลกเสรี
ในที่สุดทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสงบศึกในปี พ.ศ. 2496
- 13. การสิ้นสุดสงครามเย็น
• สงครามเย็นสิ้นสุดลงจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต อันเนื่องมาจากสภาวะตกต่า
ทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ดังกล่าวมีผลทาให้ระบบคอมมิวนิสต์หมดความสาคัญลง
• ประเทศบริวารของสหภาพโซเวียต ในยุโรปตะวันออก ต่างแยกตัวเป็นอิสระและ
ท้ายที่สุดรัฐต่างๆ ในสหภาพโซเวียต ต่างแยกตัวเป็นประเทศอิสระปกครองตนเอง มีผล
ทาให้สหภาพโซเวียต ล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1991
• จากการล่มสลายของระบบคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ส่งผลให้มีการ สลายตัวของ
“กลุ่มโซเวียต” และ“องค์การสนธิสัญญาวอร์ซอ” รวมทั้งองค์การโคมีคอน ซึ่งเป็น
องค์การร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สังคมนิยม ปรากฏการณ์นี้จึงทาให้การ
เผชิญหน้าระหว่าง ประเทศมหา อานาจตะวันออก–ตะวันตกได้สลายตัวลงด้วย
- 14. การสิ้นสุดสงครามเย็น (ต่อ)
• เหตุการณ์ที่เป็นนับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของ “สงครามเย็น” คือ การทาลายกาแพง
เบอร์ลิน ในปี ค.ศ. 1989 และการรวมประเทศ เยอรมนีทั้งสองเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ในปี ค.ศ.
1990 การที่ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดหย่อนท่าที และเงื่อนไขของฝ่ายรัสเซีย ยอมให้
ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดสาคัญของความขัดแย้งในยุโรป กลับมารวมกัน ได้ย่อมแสดงให้เห็น
ถึงความเข้าใจและมีไมตรีต่อกันที่กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
•
- 15. ผลของสงครามเย็น
เมื่อเกิดการเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอานาจทั้ง 2 ฝ่าย ทาให้
สภาวการณ์เกิดการตึงเครียดจึงนาไปสู่เหตุการณ์ ดังนี้
1. การสะสมและเพิ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น เครื่องบินรบ ปืนต่อสู้อากาศยาน
ตลอดจนอาวุธต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพการทาลายล้างสูง
2. การเพิ่มอัตรากาลังพล เพื่อแสดงศักยภาพของกองทัพให้พร้อมรบอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกอง กาลังของกองทัพบกทั้งในยุโรปของประเทศ
ค่ายคอมมิวนิสต์และเสรีประชาธิปไตยเองก็ตาม
- 16. ผลของสงครามเย็น (ต่อ)
3. การสะสมอาวุธนิวเคลียร์
3.1 สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตทาการทดลองและสร้างอาวุธนิวเคลียร์
หลายชนิด ได้มีการนาอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งเผชิญหน้ากันจนกลายเป็นภาวะ
ตึงเครียด เช่น วิกฤติการณ์คิวบา จากสภาพการณ์ดังกล่าวได้นาไปสู่การสะสม
อาวุธ แม้ประเทศที่ยังไม่มีนิวเคลียร์ก็เร่งสร้างและผลิตนิวเคลียร์เพื่อนาไปเพิ่ม
สมรรถภาพทางด้านการทหารและยุทธศาสตร์ให้กับประเทศของตนทาให้
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกิดภาวะดุลแห่งความกลัว (Balance of Terror)
ซึ่งทาให้ประเทศมหาอาจไม่กล้าเสี่ยงที่จะทาสงครามนิวเคลียร์กัน
- 17. ผลของสงครามเย็น (ต่อ)
3.2 การประลองอานาจจึงถูกเลี่ยงไปแสดงออกในรูปอื่น ๆ เช่น สงครามย่อยๆ หรือ
สงครามตัวแทน (Proxy War) ในภูมิภาคต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นสงคราม
เกาหลี สงครามเวียดนามในอินโดจีน หรือแม้กระทั่วสงครามอิสราเอลและ
ชาติอาหรับ
3.3 จากภาวะดังกล่าว จึงนาไปสู่การเจรจาเพื่อประสานประโยชน์ระหว่างประเทศใน
การลดกาลังรบ (Disarmament) คือ การจากัดอาวุธและกาลังพลในการรบ เพื่อ
ป้องกันภัยจากการรุกรานของประเทศอื่นๆ ที่มีแนวทางการปกครองที่ต่างกัน และ
เป็นการตระหนักถึงภัยของอานุภาพของการทาลายล้างจากอาวุธนานาชนิด
- 20. บทบาทประเทศมหาอานาจยุคหลังสงครามเย็น (ต่อ)
3. ญี่ปุ่ น
ญี่ปุ่นก้าวขึ้นมาเป็นมหาอานาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วราว พ.ศ. 2520
เป็นผลมาจากความสามารถในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งทาให้ญี่ปุ่น
ได้เปรียบในการส่งออกสินค้า การส่งสินค้าออกที่เพิ่มขึ้นทาให้ญี่ปุ่นเพิ่มฐานการ
ผลิตนอกประเทศเพื่อหาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ากว่า
- 26. สังคมกับกระแสโลกาภิวัตน์ (ต่อ)
6. สิทธิมนุษยชน
องค์การสหประชาติได้มีมติประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วย
สิทธิมนุษยชน โดยมีสมาชิกทั้งหลายมีพันธะที่จะต้อง
เคารพและปฏิบัติตาม หากประเทศใดมีการละเมิด ก็จะถูก
บีบบังคับให้แก่ไขปรับปรุงโดยใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ
และสังคมเป็นเครื่องมือในการลงโทษ
7. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติได้ถูกทาลายลงอย่างลวดเร็วเพราะ
ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ
การทาลายชั้นบรรยากาศ พลังงานที่ไม่สามารถทดแทนได้
อย่างน้ามันก็หมดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้นานาชาติได้มีการ
ประชุมเพื่อวางแผนสภาพแวดล้อมของสังคมโลก