Pijuck
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน โรคติดเกม
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นายพิจักษณ์ วิรัช
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 เลขที่ 24
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคติดเกม
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Gaming disorder
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายพิจักษณ์ วิรัช
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
องค์การอนามัยโลกได้จัดให้การติดเกมเป็นโรคชนิดหนึ่ง (Gaming disorder) เป็นอาการทางจิตที่รุนแรง
และต้องได้รับการบาบัดรักษาเช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการติดเกมออนไลน์ หรือ วิดีโอเกม การเล่นจนติด
เกมแตกต่างจากการเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือเล่นเป็นงานอดิเรก คือ ผลกระทบที่เกิดจากการติด
เกมเป็นผลทางด้านลบ ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ต้องเล่นอย่างต่อเนื่องและะยะเวลาการเล่นเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ โดยไม่สนใจการทากิจกรรมอื่น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าเด็กไทยเล่นเกมออนไลน์ผ่าน
โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ของประเทศในแถบเอเชีย ปัญหาเด็กติดเกมอยู่ในขั้นวิกฤต และทวีความ
รุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเกม
2.เพื่อเป็นแนวทางในการสารวจตนเองและคนรอบข้างว่าเป็นโรคติดเกมหรือไม่
3.เพื่อเป็นแนวทางในการแนะนาผู้อื่นเกี่ยวกับโรคติดเกม
ขอบเขตโครงงาน
1. สัญญาณบ่งชี้ว่าเป็นโรคติดเกม
2. อันตรายของโรคติดเกม
3. คาแนะนาและแนวทางแก้ไข
สมาชิกในกลุ่ม
1. นายพิจักษณ์ วิรัช
- 3. หลักการและทฤษฎี
สัญญาณบ่งชี้ว่าเป็นโรคติดเกม
เมื่อต้องหยุดเล่นหรือถูกขัดจังหวะ จะรู้สึกโกรธ และหงุดหงิดฉุนเฉียวอย่างรุนแรง แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น
และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
แยกตัวออกจากสังคม ตัดขาดจากโลกภายนอก เลือกที่จะใช้เวลาอยู่หน้าจอมากกว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว
และเพื่อนฝูง
ละเลยการเรียน การทางาน ตลอดจนกิจวัตรประจาวันต่าง ๆ
คิดและหมกมุ่นอยู่แต่กับการเล่นเกม วางแผนเพื่อที่จะเอาชนะในการเล่นเกมครั้งต่อไป จะโมโหฉุนเฉียวมากถ้าเล่น
เกมแพ้
ไม่สามารถหยุดเล่นได้ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่ามีผลกระทบต่อตนเองอย่างมาก พยายามและดิ้นรนอย่างมากเพื่อให้ได้เล่น
เกม
ไม่ยอมรับความจริงว่าตนเองมีปัญหาติดเกม
พฤติกรรมทางด้านลบอื่น ๆ เช่น พูดโกหก หรือขโมยเงินเพื่อเอาไปเล่นเกม ไม่ยอมไปโรงเรียน หรือเล่นจน
กลายเป็นการติดการพนันในที่สุด
อันตรายของโรคติดเกม
อาการเสพติดเกม ก็คล้ายกับการเสพติพยา คือก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เมื่อ
ต้องหยุดเล่นก็จะเกิดอาการคล้ายอาการที่เกิดจากการหยุดยาเสพติด ผลเสียทางร่างกาย เช่น เมื่อต้องเพ่งสายตา
ไปที่หน้าจอเป็นเวลานานๆ จะทาให้ดวงตาเกิดความอ่อนล้า ตาพร่ามัว ตาแห้ง การนั่งเล่นเกมเป็นเวลานานทาให้
เกิดอาการปวดเมื่อยตามตัว คอ ไหล่ และข้อมือ เกิดอาการขาดน้าและขาดสารอาหาร หรือบางรายอาจเป็นโรค
อ้วน เนื่องจากร่างกายเคลื่อนไหวน้อยลง ขาดการออกกาลังกาย ตลอดจนได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสม ดื่มเครื่องดื่ม
บารุงกาลังซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้าตาลและคาเฟอีนมากเกินไป ขาดการพักผ่อนนอนหลับ หลายคนต้องทน
ทุกข์ทรมานจากการอดหลับอดนอน เกมที่รุนแรงจะทาให้ผู้เล่นเคยชินกับพฤติกรรมที่รุนแรง เกิดอาการก้าวร้าว
จากการที่ไม่สามารถเอาชนะเกม หรือในบางกรณีผู้เล่นสามารถเอาชนะเกมได้ทุกครั้ง แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนกับใน
เกม ทาให้เกิดอาการหงุดหงิดฉุนเฉียว ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ ผลการเรียนเลวลง ปัญหา
ทางด้านสุขภาพจิต เช่น เกิดความวิตกกังวล ซึมเศร้า โรคสมาธิสั้น ในกรณีที่รุนแรง อาจถึงขั้นทาร้ายตัวเองหรือ
ผู้อื่น เกิดอาการวิตกกังวลชนิดหนึ่งที่กลัวการออกจากบ้าน กลัวที่ชุมชน (agoraphobia) ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับ
ผู้ที่แยกตัวเองออกจากสังคม
- 4. คาแนะนาและแนวทางแก้ไข
โรคติดเกมเกิดได้กับเด็กและผู้ใหญ่ ในกรณีที่เป็นเด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองจะมีบทบาทสาคัญที่สุด อย่ามองเกมที่
เด็กเล่นว่าไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนเป็นของเล่นชนิดหนึ่ง ควรตระหนักเสมอว่าเด็กมีโอกาสติดเกมได้เหมือนติดสิ่ง
เสพติด ก่อนที่จะอนุญาตให้เด็กเล่นเกม ควรมีการสัญญาและตกลงกันก่อนว่า จะต้องทาการบ้าน อ่านหนังสือ หรือ
อาบน้ากินข้าวก่อนถึงจะเล่นเกมได้ จากัดเวลาเล่นเกม เช่นเล่นได้ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง เลือกประเภทเกมให้เด็ก
เล่น ให้รางวัลเมื่อเด็กทาตามที่ตกลงกันไว้ได้ เก็บอุปกรณ์ในการเล่นเกมรวมทั้งมือถือให้ห่างไกลจากเด็ก เบี่ยงเบน
ความสนใจของเด็กให้หันไปทากิจกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะกิจกรรมที่สามารถทาร่วมกับพ่อแม่ได้ เช่น การอ่าน
หนังสือหรือเล่านิทานก่อนนอน เล่นกีฬาที่เด็กชอบ พาไปเดินเที่ยวในสวนสาธารณะ เป็นการเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ให้มากขึ้น
ผู้ใหญ่จานวนไม่น้อยโดยเฉพาะในวัยทางานเป็นโรคติดเกม ผู้ใหญ่ที่ติดเกมอาจจะแก้ไขได้ยากกว่าเด็ก เพราะไม่มี
ผู้ปกครองคอยตักเตือน โดยเฉพาะในรายที่อยู่คนเดียว แนวทางการแก้ไข เช่น จากัดเวลาเล่นเกม แบ่งแยกเวลา
การทางานกับการเล่นเกมให้ชัดเจน ปรึกษาคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทให้ช่วยคอยห้ามคอยเตือน ให้กาลังใจ
หรือคอยชักชวนให้หันไปทากิจกรรมอื่น ๆ เช่นเล่นกีฬา ออกกาลังกาย เล่นดนตรี ใช้เวลาว่างไปทากิจกรรมที่เป็น
สาธารณประโยชน์ เช่น ช่วยดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล อาสาจราจร ทาความสะอาดวัดวาอาราม ปลูกต้นไม้ ปลูก
ป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ในรายที่ติดเกมรุนแรงมากอาจต้องพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์
การเล่นเกมอย่างพอดี ทาให้ผู้เล่นได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน คลายเครียด ฝึกทักษะ สมาธิ การตัดสินใจ
การประสานการทางานของกล้ามเนื้อและประสาทระหว่างมือกับตา อย่างไรก็ตาม การเล่นเกมไม่ควรเล่น
ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือหมกมุ่นมากจนเกินไปจนทาให้เกิดอาการเสพติดและเกิดผลเสียต่อสุขภาพทางกาย
และจิตใจ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์
งบประมาณ
-
- 5. ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้าคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
สถานที่ดาเนินการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์