SlideShare a Scribd company logo
1 of 56
บทที่ 5
การสืบพันธุ ์
(Reproduction)
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
การสืบพันธุ ์ (Reproduction) คือ
ความสามารถในการผลิตหน่วยใหม่ของ
สิ่งมีชีวิตที่คล้ายตนเอง การสืบพันธุ ์เป็ น
คุณสมบัติที่สําคัญของสิ่งมีชีวิต ทําให้
สามารถดํารงเผ่าพันธุ ์ให้คงอยู่ได้ การ
สืบพันธุ ์พบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตั้งแต่
ระดับตํ่ากว่าเซลล์ เซลล์เดียวและหลาย
ประภาพันธ ์ศิริ 2
การสืบพันธุ ์แบ่งเป็ น 2 แบบ
ใหญ่ๆ
การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual
reproduction)
- การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศใน
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
- การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศใน
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์
การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศ (sexual
reproduction)
 การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศ
(asexual reproduction)
ประภาพันธ ์ศิริ 3
การสืบพันธุ ์แบบนี้จะได้ลูกจากการแบ่ง
เซลล์แบบไมโทซีส (mitosis) ลักษณะทาง
พันธุกรรมของลูกเหมือนพ่อแม่ทุกประการ
มักพบในสัตว์จําพวกไม่มีกระดูกสันหลัง ซึ่ง
สามารถแบ่งออกได้หลายแบบ
1.1 การแตกหน่อ (budding) การ
สืบพันธุ ์แบบนี้สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญจาก
กลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า หน่อ ซึ่งงอกออกมา
จากตัว พ่อแม่ แล้วหลุดออกเจริญกลายเป็ น
ตัวเต็มวัยต่อไป ได้แก่ ไฮดรา ยีสต์
ประภาพันธ ์ศิริ 4
http://1.bp.blogspot.co
m
https://drinks-
dvq6ncf.netdna-ssl.com
ไฮดร้า
ยีสต์
ประภาพันธ ์ศิริ 5
1.2 ฟิ สชัน (fission) การสืบพันธุ ์
แบบนี้เซลล์พ่อแม่จะแบ่งออกเป็ นสองส่วน
เท่า ๆ กัน การแบ่งอาจแบ่งได้ตามขวาง
(transverse) หรือตามยาว (longitudinal)
ได้สิ่งมีชีวิตใหม่ 2 ตัว ตัวอย่างที่พบเช่น
พารามีเซียม (paramecium) พลานาเรีย
(planaria) และแบคทีเรีย
https://s-media-cache-
ak0.pinimg.com
http://www.microscopy-
uk.org.uk
พารามี
เซียม
พลานา
เรีย
ประภาพันธ ์ศิริ 6
https://image.slideshare
cdn.com
แบคทีเรีย
ประภาพันธ ์ศิริ 7
1 . 3 แ ฟ ร ก แ ม น เ ท ชั น
(fragmentation) การสืบพันธุ ์แบบนี้
สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญจากส่วนร่างกายของ
พ่อแม่ที่หลุดออกเป็ นท่อน ๆ หรือเป็ นส่วน
ๆ พบในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่น หนอน
ตัวแบน สาหร่ายทะเล
http://fb1-
dn.lnwfile.com
สาหร่ายทะเล
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
8
1.4 การสร้างสปอร ์ (spore
formation) เป็ น การสืบพันธุ ์ที่
เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง
ต่อจากนั้นไซโทพลาสซึมจะแบ่งตาม แล้ว
จะมีการสร้างเยื่อกั้นเป็ นส่วน ๆ แต่ละส่วน
จะมีนิ วเคลียส 1 อัน เรียกว่า สปอร ์
(Spore) สิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ ์แบบนี้
ได้แก่ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรโมเนอราและ
โพรทิสตา เช่น พลาสโมเดียม ซึ่งเป็ นโปร
โตซัวที่ทําให้เกิดโรค ไข้มาลาเรีย
เห็ด รา เป็ นต้น
http://www.clt.astate.ed
รา Aspergillus
9
1.5 การเกิดเอ็มบริโอจากเซลล์
ร่างกาย (somatic embryogenesis) หรือ
บ า ง ค รั้ง อ า จ เ รีย ก ว่ า ก า ร ง อ กใ ห ม่
(regeneration) ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการงอก
ใหม่หมายถึง ความสามารถในการงอกใหม่
เพื่อเสริมสร้างส่วนที่ได้รับบาดแผลหรือ
ขาดหายไป เช่นการงอกใหม่ของหางจิ้งจก
หรือการงอกใหม่ของฟองนํ้าเมื่อได้รับ
บาดแผล เป็ นต้น
ประภาพันธ ์ศิริ
10
1 . 6 พ า ร ์ ที โ น จี นี ซี ส
(parthenogenesis) เซลล์สืบพันธุ ์เพศ
เมียเจริญเติบโตไปเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่อย่าง
สมบูรณ์ โดย ไม่ต้องผ่านกระบวนการ
ปฏิสนธิ เช่น พวกโรติเฟอร ์ ผึ้ง มด ต่อ
แตน ไรแดง(water flea: Moina
macrocopa) หรือตัวหนอนของแมลงบาง
ชนิด เช่น Miaser (Diptera) สามารถ
สืบพันธุ ์แบบพาร ์ทีโนจีนีซีสได้ทั้งที่ยังเป็ น
ตัวอ่อน เรียกวิธีการนี้ว่า พีโดเจเนซีส
(paedogenesis)
ประภาพันธ ์ศิริ
11
1.7 การแตกหน่อภายใน (internal
budding) หรือ การสร้างเจมมูล
(gemmule) เป็ นการสืบพันธุ ์ที่สร้างหน่อ
อีกแบบหนึ่งอยู่ในร่างกายของพ่อแม่ จะ
เจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้เมื่อถูกปล่อย
ออกมานอกร่างกายพ่อแม่ พบในสิ่งมีชีวิต
จําพวกฟองนํ้า ซึ่งจะเกิดในฟองนํ้าจืดและ
ฟองนํ้าทะเลบางชนิด
ประภาพันธ ์ศิริ
https://enviromentanimalpole.files.
wordpress.com
https://qph.ec.quoracdn.net
เจมมูล (gemmule) ฟองนํ้าทะเล
 การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศ (sexual
reproduction)
ประภาพันธ ์ศิริ 12
เป็ นการสืบพันธุ ์ที่มีการรวมตัวระหว่าง
นิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ ์เพศผู้ (male
gamete) หรืออสุจิ (sperm) กับนิวเคลียส
ข อ ง เ ซ ล ล์สืบ พัน ธุ ์เ พ ศ เ มีย ( female
gamete) หรือไข่(egg) ซึ่งได้จากการแบ่ง
เซลล์แบบไมโอซิส การรวมตัวของนิวเคลียส
ดั ง ก ล่ า ว เ รี ย ก ว่ า ก า ร ป ฏิ ส น ธิ
(fertilization)
การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศของสัตว์จะ
มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ ์โดยเซลล์สืบพันธุ ์
ประภาพันธ ์ศิริ 13
1. กลุ่มที่มีอวัยวะสืบพันธุ ์ทั้งเพศอยู่ใน
ตัว เ ดี ย ว กัน ห รือ สัต ว์ที่ เ ป็ น ก ะ เ ท ย
(hermaphrodite) มีการปฏิสนธิ 2 แบบ
คือ
1.1) การปฏิสนธิในตัวเอง (self
fertilization) การเจริญของเซลล์สืบพันธุ ์
ทั้ง 2 ชนิดของสัตว์พวกนี้จะพร้อมกัน จึง
สามารถปฏิสนธิในตัวเองได้ เช่น พยาธิ
ตัวตืด
http://www.healthcar
ethai.com
พยาธิตัวตืด
ประภาพันธ ์ศิริ 14
1 . 2) ก า ร ป ฏิส น ธิข้า ม ตัว ( cross
fertilization) การเจริญของเซลล์สืบพันธุ ์
ทั้ง 2 ชนิดของสัตว์พวกนี้จะไม่พร้อมกัน จึง
มี การปฏิสนธิข้ามตัว เช่น พลานาเรีย
ไส้เดือน
http://webiz.co.th
ไส้เดือน
ประภาพันธ ์ศิริ 15
2. กลุ่มที่มีอวัยวะสืบพันธุ ์อยู่แยกเพศผู้
เพศเมียกัน มักพบในสัตว์ชั้นสูง มีการแยก
เพศให้เห็นกันอย่างชัดเจนต่างจากไฮดรา
หรือไส้เดือนดินที่มีสองเพศอยู่ในตัว
เดียวกัน สําหรับตัวผู้มักจะมีสีฉูดฉาด หรือสี
เข้มกว่าตัวเมีย หรือมีเสียงร้องไพเราะกว่า
เพราะจะเป็ นฝ
่ ายดึงดูดให้ตัวเมียเข้าหา ซึ่ง
มักเป็ นไปในทางตรงข้ามกับมนุษย์ซึ่งมีการ
ปฏิสนธิอยู่ 2 ประเภท
ประภาพันธ ์ศิริ 16
2.1) การปฏิสนธิภายนอก (external
fertilization) ในการผสมพันธุ ์ของสัตว์ที่
แยกเพศกันอยู่คนละตัว การปฏิสนธิอาจมี
ทั้งภายนอกและภายในตัว สําหรับสัตว์ไม่มี
กระดูกสันหลังส่วนใหญ่ การปฏิสนธิมักเกิด
ภายนอกตัว เช่น หอยบางกลุ่ม กุ้ง หรือปู
การปฏิสนธิภายนอกนั้นมักเกิดกับสัตว์นํ้า
โดยสัตว์ที่ผสมพันธุ ์กันจะปล่อยอสุจิและไข่
ออกมาโดยไม่ต้องจับคู่ โดยแต่ละตัวต่าง
ปล่อยเซลล์สืบพันธุ ์ออกมาเป็ นจํานวน
มากมาย เซลล์สืบพันธุ ์เพศผู้หรืออสุจิจะ
้
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
17
สําหรับสัตว์ที่มีกระดูกสัตว์หลังที่มีการ
ปฏิสนธิภายนอกตัวจะมีการจับคู่กันผสมพันธุ ์
ในนํ้า ได้แก่ ปลาหลายชนิด กับสัตว์ครึ่งนํ้า
ครึ่งบก เช่น กบ คางคก อึ่งอ่าง หลังจาก
ปฏิสนธิแล้วไข่จะกลายเป็ นไซโกต ไซโกตจะ
แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและเจริญเติบโตเป็ นตัว
อ่อนต่อไป
http://images.slidepl
การปฏิสนธิของกบ
ประภาพันธ ์ศิริ 18
2.2) การปฏิสนธิภายใน (internal
fertilization) สัตว์บางชนิดมีการปฏิสนธิ
ภายในตัวแม่ โดยตัวผู้ตัวเมียจะจับคู่กันแล้ว
ตัวผู้ปล่อยอสุจิเข้าไปในร่างกายของตัวเมีย
แล้วเกิดการปฏิสนธิได้ไซโกต (ยกเว้นสัตว์
บางชนิดเพศเมียจะปล่อยไข่เข้าสู่ร่างกาย
ของเพศผู้ เช่น ม้านํ้า) จากนั้นไซโกตก็มี
การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเจริญไปเป็ น
เอ็มบริโอ ซึ่งเอ็มบริโออาจเจริญภายนอกตัว
แม่ เช่นสัตว์ปี ก พวกนก ไก่ เป็ ด หรือสัตว์
เลี้ยงลูกนํ้านม เช่น ตุ่นปากเป็ ด เรียกสัตว์
้
ประภาพันธ ์ศิริ 19
http://images.slidepl
ayer.com/
http://www.ccmnh.or
g/
ม้านํ้า ตุ่น
ปากเป็ ด
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
20
ส่วนสัตว์ที่มีการปฏิสนธิแล้วเอ็มบริโอ
เจริญเติบโตภายในตัวแม่ จากนั้นคลอด
ออกมาเป็ นตัว โดยสามารถแบ่งออกได้เป็ น
2 ประเภท
1) เอ็มบริโอเจริญเติบโตในตัวแม่โดยได้
อาหารที่สะสมไว้ในไข่ เช่น ฉลาม กระเบน
เรียกสัตว์พวกนี้ว่า Ovoviviparous animals
http://www.aqua-
aquapress.com
ฉลาม
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
21
2) เอ็มบริโอเจริญเติบโตในตัวแม่โดยได้
อาหารจากแม่ทางรก เช่น แมว สุนัข วัว
ค ว า ย ร ว ม ทั้ง ค น เ รีย ก สัต ว์พ ว ก นี้ว่ า
Viviparous animals
สุนัขพันธุ ์ทิเบตัน
มาสทิฟฟ
์
https://www.khaosod.c
 การสืบพันธุ ์ของมนุษย์
ประภาพันธ ์ศิริ 22
การสืบพันธุ ์ของมนุษย์เป็ นแบบอาศัย
เพศ โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ซับซ้อน
การสืบพันธุ ์ไม่เป็ นไปตามฤดูกาลเหมือน
สัตว์ชนิดอื่น มีกลไกในร่างกายควบคุมระบบ
การสืบพันธุ ์ ซึ่งกลไกนี้เกี่ยวข้องกับระบบ
ฮอร ์โมนหลายชนิด
1. โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ของ
มนุษย์
1.1) โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์เพศ
ชาย (reproduction anatomy of the
อวัยวะสืบพันธุ ์เพศ
ชาย
ประภาพันธ ์ศิริ 23
http://thaihealthlife.co
m
ประภาพันธ ์ศิริ 24
ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย
อวัยวะที่ทําหน้าที่ผลิตเซลล์สืบพันธุ ์ คือ
อัณฑะ (Testis)
อัณฑะประกอบด้วยหลอดผลิตสเปิ ร ์ม
จํานวนมาก เรียกว่า สเปอร ์มาโตโกเนียม
(Spermatogonium)
เซลล์ที่แทรกอยู่ระหว่างหลอดสร้าง
สเปิ ร ์ม เรียกว่า อินเตอร ์สติเชียลเซลล์
(Interstitial cell) ทําหน้าที่ผลิตฮอร ์โมน
เพศชาย เทสโตสเตอโรน (Tertosterone)
สเปิ ร ์มที่ผลิตจากหลอดสร้างสเปิ ร ์มจะถูก
ประภาพันธ ์ศิริ 25
ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย ประกอบด้วย
1. อัณฑะ (Testis) และถุงอัณฑะ (Scrotum)
อัณฑะมี 2 ข้างและขนาดใกล้เคียงกันอยู่ภายใน
ถุงอัณฑะ เพื่อปรับอุณหภูมิให้ตํ่ากว่าช่องท้องประมาณ
3 - 5 องศาเซลเซียส เป็ นอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการ
ผลิตตัวอสุจิ (Sperm)
2. หลอดสร้างตัวอสุจิ (Semimiferous tubules) และ
ท่อนําตัวอสุจิ (Vasdeferens)
หลอดสร้างตัวอสุจิเป็ นหลอดที่หน้าที่ผลิตตัวอสุจิจะ
ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่ทําหน้าที่สร้างอาหารให้ตัวอสุจิ
และอสุจิจะถูกปล่อยเข้าไปอยู่ในหลอดเก็บตัวอสุจิ
ประภาพันธ ์ศิริ 26
ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย ประกอบด้วย
3. ต่อมสร้างนํ้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) ทําหน้าที่
สร้างอาหารให้แก่ตัวอสุจิ ส่วนมากเป็ นนํ้าตาลฟรักโตส
วิตามินซี และโปรตีนโกลบุลิน
4. ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ทําหน้าที่หลั่งสาร
ที่เป็ นเบสอย่างอ่อนและสารที่ทําให้ตัวอสุจิแข็งแรงและ
ว่องไว
5. ต่อมคาวเปอร ์ (cowper gland) มีหน้าที่หลั่งสาร
ของเหลวใสๆไปหล่อลื่นท่อปัสสาวะในขณะเกิดการ
กระตุ้นทางเพศ
6. อวัยวะเพศชาย (pennis) เป็ นกล้ามเนื้อที่หดและพอง
ตัวได้คล้ายฟองนํ้าในเวลาปกติจะอ่อนและงอตัวอยู่ แต่
ประภาพันธ ์ศิริ 27
http://www.med.cmu.a
c.th
การสร้างอสุจิ
ประภาพันธ ์ศิริ 28
1.2) โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์เพศ
หญิง(female reproduction)
โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ของ
เพศหญิง มีความซับซ้อนกว่าของเพศชาย
เพราะประกอบด้วยโครงสร้างสําหรับสร้าง
เซลล์สืบพันธุ ์หรือ เซลล์ไข่ (immature
gamete) รองรับสเปิ ร ์ม สร้างฮอร ์โมนเพศ
และเป็ นที่ฝังตัวเพื่อการเจริญ และพัฒนา
ของตัวอ่อน โครงสร้างที่ทําหน้าที่ดังกล่าว
ได้แก่ รังไข่(ovaries) โครงสร้างนี้ทําหน้าที่
สร้างฮอร ์โมนและเซลล์สืบพันธุ ์หรือไข่
ประภาพันธ ์ศิริ 29
ระบบสืบพันธุ ์ภายในเพศหญิง
(Internal genitalia) ประกอบด้วย
1. รังไข่ (Ovary) มี 2 ข้าง ทําหน้าที่ผลิตไข่
ซึ่งเป็ นเซลล์สืบพันธุ ์เพศหญิง โดยปกติไข่จะสุก
เดือนละใบจากรังไข่แต่ละข้างสลับกันทุกเดือน
และออกจากรังไข่ทุกเดือน เรียกว่า การตกไข่
ตลอดช่วงชีวิตของผู้หญิงจะมีการผลิตไข่ได้
ทั้งหมด 400 ใบ โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 12- 50 ปี
เ ซ ล ล์ ไ ข่ จ ะ มี อ า ยุ อ ยู่ ไ ด้ น า น 2 4
ชั่วโมง นอกจากนี้รังไข่ ยังทําหน้าที่สร้าง
ฮอร ์โมนเพศหญิงที่ควบคุมลักษณะเพศหญิง
เช่น เสียงเล็กแหลม เต้านมขยายและมีสะโพก
ประภาพันธ ์ศิริ 30
ระบบสืบพันธุ ์ภายในเพศหญิง
(Internal genitalia) (ต่อ)
2. ท่อนําไข่หรือปี กมดลูก (uterine tube) ทํา
หน้าที่เป็ นทางผ่านของไข่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก
โดยมีปลายข้างหนึ่งเปิ ดอยู่ใกล้กับรังไข่เรียกว่า
ปากแตร ซึ่งทําหน้าที่โบกพัดให้ไข่ ที่ตกมาจากรังไข่
เข้าไปในท่อนําไข่ ท่อนําไข่เป็ นบริเวณที่อสุจิจะ
เข้าปฏิสนธิกับไข่
3. มดลูก (uterus) ทําหน้าที่เป็ นที่ฝังตัวของไข่
ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็ นที่เจริญเติบโตของ
ทารกในครรภ์
4. ช่องคลอด (vagina) ทําหน้าที่เป็ นทางผ่าน
ประภาพันธ ์ศิริ 31
มดลูก
http://4.bp.blogspot.
com
ประภาพันธ ์ศิริ 32
ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง
(External genitalia) ประกอบด้วย
1. เนินหัวเหน่า (mone pubis) เป็ นผิวหนัง
นู นอยู่บริเวณเหนือกระดูกหัวเหน่ า (pubic
symphysis)
2. แคมใหญ่ (labia majora) เป็ นผิวหนังที่
ต่อมาจากทางด้านล่างของเนินหัวเหน่ า มี
ลักษณะนูนแยกเป็ น 2 กลีบลงไปบรรจบกันทาง
ด้านหลังที่บริเวณฝี เย็บ
ประภาพันธ ์ศิริ 33
ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง
(External genitalia) ประกอบด้วย
3. แคมเล็ก (labia minora) เป็ นชั้นผิวหนังที่
ยกตัวขึ้นเป็ นกลีบเล็กๆ สีแดง 2 กลีบ
ทางด้านในของแคมใหญ่
4. clitoris มีลักษณะเป็ นตุ่มเล็กๆ มีหลอด
เลือดและปลายประสาทรับความรู ้สึกมาเลี้ยงเป็ น
จํานวนมาก ดังนั้นหากเกิดการฉีกขาดที่บริเวณ
นี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในขณะคลอด จะทําให้เจ็บ
เสียเลือดมาก และเย็บติดได้ยาก
ประภาพันธ ์ศิริ 34
ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง
(External genitalia) ประกอบด้วย
5. vestibule เป็ นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคม
เล็กทั้งสองข้าง บริเวณนี้ มีรูเปิ ดของท่อต่างๆ
ดังนี้
- รูเปิ ดของท่อปัสสาวะ (urethral orifice) จะอยู่ถัด
จาก clitoris ราว 1 ซม.
- รูเปิ ดของช่องคลอด (vaginal orifice) อยู่ถัดไปอีก
มีเยื่อพรหมจารีย์ปิ ดอยู่
- รูเปิ ดของ Bartholin's gland และ paraurethral
gland อย่างละ 1 คู่
ประภาพันธ ์ศิริ 35
ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง
(External genitalia) ประกอบด้วย
6. Bartholin's gland (greater vestibular
gland) เป็ นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวพบ
อยู่ 2 ข้างของรูเปิ ดของช่องคลอด ทําหน้าที่สร้าง
เมือกหล่อลื่น และมีฤทธิ์เป็ นด่างเพื่อลดความเป็ น
กรดในช่องคลอด
7. เยื่อพรหมจารีย์ (hymen) เป็ นเนื้อเยื่อที่ยื่น
ออกมาปิ ดรูเปิ ดของช่องคลอด ตรงกลางจะมีรูเปิ ด
เล็กๆ เยื่อพรหมจารีย์นี้สามารถยืดหยุ่นได้
8. ฝี เย็บ (perineum) คือ บริเวณระหว่าง
ประภาพันธ ์ศิริ 36
http://vichakarn.triamu
dom.ac.th
ระบบสืบพันธุ ์
เพศหญิง
ประภาพันธ ์ศิริ 37
รอบประจําเดือน (menstrual
cycle)
รอบประจําเดือน (menstrual cycle) เป็ นรอบ
การเปลี่ยนแปลงทุก 28 วัน ของผนังมดลูกชั้น
endometrium ในหญิงสาววัยเจริญพันธุ ์
ขณะที่ยังไม่มีการตั้งครรภ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก
ฮอร ์โมนเพศหญิง ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่รังไข่
เพื่อสร้างเซลล์ไข่ออกมาทุกๆ 28 วันเช่นกัน
เรียกว่า Ovarian cycle ทั้งรังไข่และผนังชั้น
endometrium มีการเปลี่ยนแปลง โดยอิทธิพล
ของ gonadotropin releasing hormone
(GnRH) จาก hypothalamus ไปมีผลกระตุ้น
ประภาพันธ ์ศิริ 38
รอบประจําเดือน (menstrual
cycle) (ต่อ)
ซึ่ง hormone จากรังไข่ทั้งสองชนิดจะไป
ออกฤทธิ์ที่ผนังชั้น endometrium ของมดลูก
ให้มีการเปลี่ยนแปลงเตรียมพร้อมเพื่อรับการฝัง
ตัวของตัวอ่อน หรือถ้าหากไม่ได้รับการฝั งตัว
ผนังชั้น endometrium ก็จะหลุดลอกออกมา
กลายเป็ น เลือดประจําเดือน (menstrual flow
หรือ menses) ในผู้หญิงที่มีประจําเดือนอยู่ถือ
ว่าเป็ นผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ ์ เริ่มตั้งแต่
ระยะที่มีประจําเดือนครั้งแรกซึ่งอยู่ในช่วงอายุ
ป ร ะ ม า ณ 1 2 - 1 4 ปี ไ ป จ น ถึง ร ะ ย ะ ห ม ด
ประภาพันธ ์ศิริ 39
รอบประจําเดือน (menstrual
cycle) (ต่อ)
รอบประจําเดือนของแต่ละเดือน หรือวงจร
ของมดลูก (Uterine Cycle) จะมีระยะห่างกัน
ประมาณ 28-30 วันซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็ น
ซึ่งจะถูกควบคุมโดย gonadotropin-
releasing hormone (GnRH) จาก
hypothalamus
ประภาพันธ ์ศิริ 40
วงจรของรังไข่
(Ovarian Cycle)
http://physiologyplus.c
om
ประภาพันธ ์ศิริ 41
การปฏิสนธิ (Fertilization)
1. สเปิ ร ์มแตะกับไข่
2. สเปิ ร ์มปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยเยื่อหุ้มของไข่ ทําให้เกิด
ช่องเปิ ดขึ้น
3. นิวเคลียสและเซนทริโอลผ่านเข้าไปในไข่ ทิ้งส่วนหางไว้
4. มีการเปลี่ยนแปลงเยื่อหุ้มของไข่ทันที เพื่อป้ องกันสเปิ ร ์ม
ตัวอื่น
5. มีการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ที่ค้างไว้ในระยะ Meiosis II ให้
ดําเนินไปจนเสร็จสมบูรณ์
6. การปฏิสนธิสิ้นสุดเมื่อโครโมโซมของสเปิ ร ์มกับไข่รวมกัน
และจัดเรียงตัวใหม่
7. ได้เซลล์ใหม่เกิดขึ้น 1 เซลล์เรียกว่า ไซโกต (Zygote) มี
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
42
การปฏิสนธิ
(Fertilization)
http://www.charuenbud
ประภาพันธ ์ศิริ 43
การคุมกําเนิด (contraception)
การคุมกําเนิ ดเป็ นวิธีป้ องกันการ
ตั้งครรภ์สําหรับหญิงที่ไม่พร้อมจะมีบุตร
การคุมกําเนิดมีหลายวิธีให้เลือกใช้ตาม
ความเหมาะสม แบ่งออกเป็ น 3 วิธีใหญ่ๆ คือ
การป้ องกันการเกิดปฏิสนธิ (prevent
sperm and egg from meeting) การ
ป้ องกันการฝั งตัวของตัวอ่อน (pervent
implantation) และการยับยั้งการตกไข่และ
สเปิ ร ์ม (prevent release of gamete)
ประภาพันธ ์ศิริ 44
1. การป้ องกันการปฏิสนธิ (prevent
sperm and egg from meeting)
1.1) การคุมกําเนิดแบบนับวัน
(rhythm method) เป็ นวิธีการหลีกเลี่ยง
การมีเพศสัมพันธ ์ในช่วงไข่ตก จาก
การศึกษาพบว่าไข่ที่ตกออกมาสามารถมี
ชีวิตอยู่ในท่อนํ าไข่ได้นาน 24 ถึง 48
ชั่วโมง ส่วนสเปิ ร ์มอยู่ในท่อนําไข่ได้นานถึง
72 ชั่วโมง ดังนั้นการคุมกําเนิดโดยวิธีนี้จึง
ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ ์ในช่วง 7
วันก่อนและหลังไข่ตก ประสิทธิภาพของการ
คุมกําเนิดด้วยวิธีการนี้ต้องใช้ควบคู่ไปกับ
ประภาพันธ ์ศิริ 45
1 . 2 ) ก า รใ ช้ถุ ง ย า ง อ น า มัย
(condoms method) เป็ นกลไกคุมกําเนิดที่
ใช้กับฝ
่ ายชายเป็ นวิธีป้ องกันสเปิ ร ์มเข้าไป
ในระยะสืบพันธุ ์ของเพศหญิงข้อดีของ
วิธีก า รใ ช้ถุง ย า ง อ น า มัย น อ ก จ า กใ ช้
คุมกําเนิดแล้วและวิธีนี้ยังสามารถป้ องกัน
โรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ ์ได้
1 . 3 ) ก า รใ ช้ ไ ด อ ะ แ ฟ ร ม
(diaphragm) เป็ นวิธีการคุมกําเนิดโดยใช้
ฝาครอบปากมดลูก เพื่อป้ องกันการเข้าไป
ปฏิสนธิของสเปิ ร ์ม การคุมกําเนิดโดยวิธีนี้
ก่อนใช้มักจะทาครีมลงบนไดอะแฟรมเพื่อ
ประภาพันธ ์ศิริ 46
ถุงยางอนามัย และฝาครอบ
ปากมดลูก
https://medthai.com
http://rakluke.com
ประภาพันธ ์ศิริ 47
1 . 4 ) ก า ร ห ลั่ ง ภ า ย น อ ก
(withdrawal method) วิธีคุมกําเนิดโดย
ฝ
่ ายชายจะหลั่งซีเมนภานนอกระบบ
สืบพันธุ ์เพศหญิงการคุมกําเนิดด้วยวิธีนี้
พ บ ว่ า โ อ ก า สใ น ก า ร ตั้ง ค ร ร ภ์มีสู ง ถึง
22 เปอร ์เซ็นต์
1 . 5 ) ก า ร ทํ า ห มั น ถ า ว ร
(sterilization) การคุมกําเนิดแบบถาวร
เป็ นวิธีการคุมกําเนิดที่นิยมอย่างแพร่หลาย
ในสตรีที่มีอายุเกิน 30 ปี อัตราการตั้งครรภ์
0.15 เปอร ์เซ็นต์ การคุมกําเนิดแบบถาวรมี
2 ประเภท
ประภาพันธ ์ศิริ 48
1 . 5 . 2 ก า ร ทํ า ห มั น ช า ย
(vasectomy) โดยการตัดท่อนําสเปิ ร ์มหรือ
วาสดิเฟรนส์ แล้วผูกปลายแต่ละส่วนที่ถูก
ตัดออกเพื่อยับยั้งการเคลื่อนที่ของสเปิ ร ์มอ
อกนอกร่างกาย ไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น
การผลิตสเปิ ร ์มปกติ แต่อาจช้าลงและถูก
เซลล์เม็ดเลือดขาวจับกิน ส่วนของปริมาณ
ซี เ ม น ต์ผ ลิ ตไ ด้ ใ น ป ริ ม า ณ ป ก ติ
การผ่าตัดกลับคืนสู่สภาพเดิมพบว่าประสบ
ความสําเร็จ 70 เปอร ์เซ็นต์ แต่ใน
การทําหมันเกิน 10 ปี ขึ้นไป โอกาสจะ
กลายเป็ นหมันสูงถึง 70 เปอร ์เซ็นต์ ทั้งนี้
ประภาพันธ ์ศิริ 49
2. การป้ องกันการฝั งตัวของตัวอ่อน
(prevent implantation)
เป็ นวิธีการคุมกําเนิดโดยวิธีการใส่ห่วง
(intrauterine device หรือ IUD) ซึ่งเป็ น
พลาสติกรูปกลมหรือโค้งขนาดเล็ก สอดเข้า
ไปในมดลูกโดยแพทย์ผู้ชํานาญ การใส่ครั้ง
หนึ่งอาจทิ้งไว้ได้นานถึง 10 ปี หรือจน
ต้องการมีบุตร วิธีการคุมกําเนิดแบบนี้มี
ประสิทธิภาพถึง 90 เปอร ์เซ็นต์ กลไกการ
ทํางานของวิธีการนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัด
แต่พบว่าร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวออกมา
ต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ข้อเสียของการ
ประภาพันธ ์ศิริ 50
Intrauterine device หรือ
IUD
http://www.soc.ucsb.ed
u
ประภาพันธ ์ศิริ 51
3. การยับยั้งการตกไข่และสเปิ ร ์ม
(prevent release of gamete)
เ ป็ น ก า ร คุ ม กํ า เ นิ ดโ ด ย ก า รใ ช้
ฮอร ์โมน เป็ นการป้ องกัน การตกไข่ มีหลาย
ประเภทให้เลือกใช้ เช่น รับประทานยา
คุมกําเนิด (oral pill) การฉีดยาคุมกําเนิด
(DMPA หรือ Depo-Provera) การฝัง
แคปซูลใต้ผิวหนัง (norplant)
3.1) รับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด เป็ น
การป้ องกัน การตกไข่ จากการ
สํารวจพบว่า 80 เปอร ์เซ็นต์ที่สตรีทั่วโลก
นิ ย มใ ช้ ย า เ ม็ ด คุ ม กํ า เ นิ ด เ ป็ น ย า ที่
ประภาพันธ ์ศิริ 52
3 .2) การคุมกํา เนิ ดแบบฉุ กเฉิ น
(emergency contraception) ยาเม็ด
คุมกําเนิดแบบฉุกเฉินนี้ เป็ นยาที่ใช้หลัง
การมีเพศสัมพันธ ์ภายใน 72 ชั่วโมง แพทย์
ให้ใช้สําหรับสตรีที่ถูกข่มขืนและกรณีอื่นๆ
ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ป้ อ ง กันไ ด้ใ น ข ณ ะ มี
เพศสัมพันธ ์ได้
3.3) การฉีดยาคุมกําเนิด เป็ นการ
ป้ องกันการตกไข่ได้อีกวิธีหนึ่ง เป็ นการฉีด
ฮอร ์โมนโพรเจสติน ฮอร ์โมนนี้ออกฤทธิ์โดย
กดการทํางานของต่อมใต้สมองส่วนหน้า
วิธีใช้ คือฉี ดเข้ากล้ามเนื้อของสตรีที่
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
53
3.4) การฝังแคปซูลเข้าใต้ผิวหนัง เป็ น
การฝังฮอร ์โมน โพรเจสตินที่เป็ น
แคปซูลบริเวณใต้ท้องแขนฮอร ์โมนนี้จะถูก
ปล่อยออกจากแคปซูลแต่น้อย ๆ อย่าง
ต่อเนื่องในกระแสเลือด ไปมีผลยับยั้งการตก
ไข่และกระตุ้นการหลั่งเมือกเหนียวในช่อง
คลอด การฝังแคปซูลนี้จะอยู่ได้ 5 ปี แต่มี
ผ ล ข้า ง เ คีย ง สํ า ห รับ ผู้ใ ช้ คือ ก า ร มี
ประจําเดือนกระปิ ดกระปอยอาจนานถึง 1 ปี
https://medthai.com
ประภาพันธ ์ศิริ 54
การเกิดฝาแฝด
ฝาแฝด มี 2 ประเภท
1. ฝาแฝดแท้ (Identical Twins) เป็ น
แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวผสมกับอสุจิตัว
เดียว ไซโกตแบ่งตัวแล้วแยกเป็ น 2 เซลล์
แต่ละเซลล์พัฒนาไปเป็ น 1 คน ในขณะอยู่
ในครรภ์ อาจจะอยู่ในถุงนํ้าครํ่าเดียวกัน
หรือแยกกัน
2. แฝดเทียม (Fraternal Twins) เป็ น
แฝดที่เกิดจากไข่มากกว่า1 ใบ ที่ตกในเวลา
ใกล้เคียงกันและไข่ทุกใบได้รับการผสมกับ
ประภาพันธ ์ศิริ 55
ฝาแฝด
แท้
ฝาแฝด
เทียม
https://medthai.co
m
ประภาพันธ ์ศิริ
ขันธ ์แสง
56
แฝด
http://content.mth
ai.com
http://www.ibanner
thai.com

More Related Content

Similar to บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt

ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
Namthip Theangtrong
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
Wan Ngamwongwan
 
Developmental biology sp2
Developmental biology sp2Developmental biology sp2
Developmental biology sp2
Wan Ngamwongwan
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2
wijitcom
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืช
chiralak
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
Pinutchaya Nakchumroon
 
ระบบสืบพันธุ์คน
ระบบสืบพันธุ์คนระบบสืบพันธุ์คน
ระบบสืบพันธุ์คน
Nok Tiwung
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
ฟลุ๊ค ลำพูน
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
supreechafkk
 
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์  สอนระบบสืบพันธุ์  สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
Nokko Bio
 

Similar to บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt (20)

1
11
1
 
What is 0rganism 1
What is 0rganism 1What is 0rganism 1
What is 0rganism 1
 
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
Developmental biology sp2
Developmental biology sp2Developmental biology sp2
Developmental biology sp2
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2
 
1
11
1
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืช
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
 
Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561
 
ระบบสืบพันธุ์คน
ระบบสืบพันธุ์คนระบบสืบพันธุ์คน
ระบบสืบพันธุ์คน
 
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์  สอนระบบสืบพันธุ์  สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
 
Stem cell and gene therapy
Stem cell and gene therapyStem cell and gene therapy
Stem cell and gene therapy
 

บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt

  • 1. บทที่ 5 การสืบพันธุ ์ (Reproduction) ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง การสืบพันธุ ์ (Reproduction) คือ ความสามารถในการผลิตหน่วยใหม่ของ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายตนเอง การสืบพันธุ ์เป็ น คุณสมบัติที่สําคัญของสิ่งมีชีวิต ทําให้ สามารถดํารงเผ่าพันธุ ์ให้คงอยู่ได้ การ สืบพันธุ ์พบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตั้งแต่ ระดับตํ่ากว่าเซลล์ เซลล์เดียวและหลาย
  • 2. ประภาพันธ ์ศิริ 2 การสืบพันธุ ์แบ่งเป็ น 2 แบบ ใหญ่ๆ การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) - การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศใน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว - การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศใน สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
  • 3.  การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) ประภาพันธ ์ศิริ 3 การสืบพันธุ ์แบบนี้จะได้ลูกจากการแบ่ง เซลล์แบบไมโทซีส (mitosis) ลักษณะทาง พันธุกรรมของลูกเหมือนพ่อแม่ทุกประการ มักพบในสัตว์จําพวกไม่มีกระดูกสันหลัง ซึ่ง สามารถแบ่งออกได้หลายแบบ 1.1 การแตกหน่อ (budding) การ สืบพันธุ ์แบบนี้สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญจาก กลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า หน่อ ซึ่งงอกออกมา จากตัว พ่อแม่ แล้วหลุดออกเจริญกลายเป็ น ตัวเต็มวัยต่อไป ได้แก่ ไฮดรา ยีสต์
  • 5. ประภาพันธ ์ศิริ 5 1.2 ฟิ สชัน (fission) การสืบพันธุ ์ แบบนี้เซลล์พ่อแม่จะแบ่งออกเป็ นสองส่วน เท่า ๆ กัน การแบ่งอาจแบ่งได้ตามขวาง (transverse) หรือตามยาว (longitudinal) ได้สิ่งมีชีวิตใหม่ 2 ตัว ตัวอย่างที่พบเช่น พารามีเซียม (paramecium) พลานาเรีย (planaria) และแบคทีเรีย https://s-media-cache- ak0.pinimg.com http://www.microscopy- uk.org.uk พารามี เซียม พลานา เรีย
  • 7. ประภาพันธ ์ศิริ 7 1 . 3 แ ฟ ร ก แ ม น เ ท ชั น (fragmentation) การสืบพันธุ ์แบบนี้ สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญจากส่วนร่างกายของ พ่อแม่ที่หลุดออกเป็ นท่อน ๆ หรือเป็ นส่วน ๆ พบในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่น หนอน ตัวแบน สาหร่ายทะเล http://fb1- dn.lnwfile.com สาหร่ายทะเล
  • 8. ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง 8 1.4 การสร้างสปอร ์ (spore formation) เป็ น การสืบพันธุ ์ที่ เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง ต่อจากนั้นไซโทพลาสซึมจะแบ่งตาม แล้ว จะมีการสร้างเยื่อกั้นเป็ นส่วน ๆ แต่ละส่วน จะมีนิ วเคลียส 1 อัน เรียกว่า สปอร ์ (Spore) สิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ ์แบบนี้ ได้แก่ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรโมเนอราและ โพรทิสตา เช่น พลาสโมเดียม ซึ่งเป็ นโปร โตซัวที่ทําให้เกิดโรค ไข้มาลาเรีย เห็ด รา เป็ นต้น http://www.clt.astate.ed รา Aspergillus
  • 9. 9 1.5 การเกิดเอ็มบริโอจากเซลล์ ร่างกาย (somatic embryogenesis) หรือ บ า ง ค รั้ง อ า จ เ รีย ก ว่ า ก า ร ง อ กใ ห ม่ (regeneration) ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการงอก ใหม่หมายถึง ความสามารถในการงอกใหม่ เพื่อเสริมสร้างส่วนที่ได้รับบาดแผลหรือ ขาดหายไป เช่นการงอกใหม่ของหางจิ้งจก หรือการงอกใหม่ของฟองนํ้าเมื่อได้รับ บาดแผล เป็ นต้น ประภาพันธ ์ศิริ
  • 10. 10 1 . 6 พ า ร ์ ที โ น จี นี ซี ส (parthenogenesis) เซลล์สืบพันธุ ์เพศ เมียเจริญเติบโตไปเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่อย่าง สมบูรณ์ โดย ไม่ต้องผ่านกระบวนการ ปฏิสนธิ เช่น พวกโรติเฟอร ์ ผึ้ง มด ต่อ แตน ไรแดง(water flea: Moina macrocopa) หรือตัวหนอนของแมลงบาง ชนิด เช่น Miaser (Diptera) สามารถ สืบพันธุ ์แบบพาร ์ทีโนจีนีซีสได้ทั้งที่ยังเป็ น ตัวอ่อน เรียกวิธีการนี้ว่า พีโดเจเนซีส (paedogenesis) ประภาพันธ ์ศิริ
  • 11. 11 1.7 การแตกหน่อภายใน (internal budding) หรือ การสร้างเจมมูล (gemmule) เป็ นการสืบพันธุ ์ที่สร้างหน่อ อีกแบบหนึ่งอยู่ในร่างกายของพ่อแม่ จะ เจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้เมื่อถูกปล่อย ออกมานอกร่างกายพ่อแม่ พบในสิ่งมีชีวิต จําพวกฟองนํ้า ซึ่งจะเกิดในฟองนํ้าจืดและ ฟองนํ้าทะเลบางชนิด ประภาพันธ ์ศิริ https://enviromentanimalpole.files. wordpress.com https://qph.ec.quoracdn.net เจมมูล (gemmule) ฟองนํ้าทะเล
  • 12.  การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) ประภาพันธ ์ศิริ 12 เป็ นการสืบพันธุ ์ที่มีการรวมตัวระหว่าง นิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ ์เพศผู้ (male gamete) หรืออสุจิ (sperm) กับนิวเคลียส ข อ ง เ ซ ล ล์สืบ พัน ธุ ์เ พ ศ เ มีย ( female gamete) หรือไข่(egg) ซึ่งได้จากการแบ่ง เซลล์แบบไมโอซิส การรวมตัวของนิวเคลียส ดั ง ก ล่ า ว เ รี ย ก ว่ า ก า ร ป ฏิ ส น ธิ (fertilization) การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศของสัตว์จะ มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ ์โดยเซลล์สืบพันธุ ์
  • 13. ประภาพันธ ์ศิริ 13 1. กลุ่มที่มีอวัยวะสืบพันธุ ์ทั้งเพศอยู่ใน ตัว เ ดี ย ว กัน ห รือ สัต ว์ที่ เ ป็ น ก ะ เ ท ย (hermaphrodite) มีการปฏิสนธิ 2 แบบ คือ 1.1) การปฏิสนธิในตัวเอง (self fertilization) การเจริญของเซลล์สืบพันธุ ์ ทั้ง 2 ชนิดของสัตว์พวกนี้จะพร้อมกัน จึง สามารถปฏิสนธิในตัวเองได้ เช่น พยาธิ ตัวตืด http://www.healthcar ethai.com พยาธิตัวตืด
  • 14. ประภาพันธ ์ศิริ 14 1 . 2) ก า ร ป ฏิส น ธิข้า ม ตัว ( cross fertilization) การเจริญของเซลล์สืบพันธุ ์ ทั้ง 2 ชนิดของสัตว์พวกนี้จะไม่พร้อมกัน จึง มี การปฏิสนธิข้ามตัว เช่น พลานาเรีย ไส้เดือน http://webiz.co.th ไส้เดือน
  • 15. ประภาพันธ ์ศิริ 15 2. กลุ่มที่มีอวัยวะสืบพันธุ ์อยู่แยกเพศผู้ เพศเมียกัน มักพบในสัตว์ชั้นสูง มีการแยก เพศให้เห็นกันอย่างชัดเจนต่างจากไฮดรา หรือไส้เดือนดินที่มีสองเพศอยู่ในตัว เดียวกัน สําหรับตัวผู้มักจะมีสีฉูดฉาด หรือสี เข้มกว่าตัวเมีย หรือมีเสียงร้องไพเราะกว่า เพราะจะเป็ นฝ ่ ายดึงดูดให้ตัวเมียเข้าหา ซึ่ง มักเป็ นไปในทางตรงข้ามกับมนุษย์ซึ่งมีการ ปฏิสนธิอยู่ 2 ประเภท
  • 16. ประภาพันธ ์ศิริ 16 2.1) การปฏิสนธิภายนอก (external fertilization) ในการผสมพันธุ ์ของสัตว์ที่ แยกเพศกันอยู่คนละตัว การปฏิสนธิอาจมี ทั้งภายนอกและภายในตัว สําหรับสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลังส่วนใหญ่ การปฏิสนธิมักเกิด ภายนอกตัว เช่น หอยบางกลุ่ม กุ้ง หรือปู การปฏิสนธิภายนอกนั้นมักเกิดกับสัตว์นํ้า โดยสัตว์ที่ผสมพันธุ ์กันจะปล่อยอสุจิและไข่ ออกมาโดยไม่ต้องจับคู่ โดยแต่ละตัวต่าง ปล่อยเซลล์สืบพันธุ ์ออกมาเป็ นจํานวน มากมาย เซลล์สืบพันธุ ์เพศผู้หรืออสุจิจะ ้
  • 17. ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง 17 สําหรับสัตว์ที่มีกระดูกสัตว์หลังที่มีการ ปฏิสนธิภายนอกตัวจะมีการจับคู่กันผสมพันธุ ์ ในนํ้า ได้แก่ ปลาหลายชนิด กับสัตว์ครึ่งนํ้า ครึ่งบก เช่น กบ คางคก อึ่งอ่าง หลังจาก ปฏิสนธิแล้วไข่จะกลายเป็ นไซโกต ไซโกตจะ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและเจริญเติบโตเป็ นตัว อ่อนต่อไป http://images.slidepl การปฏิสนธิของกบ
  • 18. ประภาพันธ ์ศิริ 18 2.2) การปฏิสนธิภายใน (internal fertilization) สัตว์บางชนิดมีการปฏิสนธิ ภายในตัวแม่ โดยตัวผู้ตัวเมียจะจับคู่กันแล้ว ตัวผู้ปล่อยอสุจิเข้าไปในร่างกายของตัวเมีย แล้วเกิดการปฏิสนธิได้ไซโกต (ยกเว้นสัตว์ บางชนิดเพศเมียจะปล่อยไข่เข้าสู่ร่างกาย ของเพศผู้ เช่น ม้านํ้า) จากนั้นไซโกตก็มี การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเจริญไปเป็ น เอ็มบริโอ ซึ่งเอ็มบริโออาจเจริญภายนอกตัว แม่ เช่นสัตว์ปี ก พวกนก ไก่ เป็ ด หรือสัตว์ เลี้ยงลูกนํ้านม เช่น ตุ่นปากเป็ ด เรียกสัตว์ ้
  • 20. ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง 20 ส่วนสัตว์ที่มีการปฏิสนธิแล้วเอ็มบริโอ เจริญเติบโตภายในตัวแม่ จากนั้นคลอด ออกมาเป็ นตัว โดยสามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ประเภท 1) เอ็มบริโอเจริญเติบโตในตัวแม่โดยได้ อาหารที่สะสมไว้ในไข่ เช่น ฉลาม กระเบน เรียกสัตว์พวกนี้ว่า Ovoviviparous animals http://www.aqua- aquapress.com ฉลาม
  • 21. ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง 21 2) เอ็มบริโอเจริญเติบโตในตัวแม่โดยได้ อาหารจากแม่ทางรก เช่น แมว สุนัข วัว ค ว า ย ร ว ม ทั้ง ค น เ รีย ก สัต ว์พ ว ก นี้ว่ า Viviparous animals สุนัขพันธุ ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ ์ https://www.khaosod.c
  • 22.  การสืบพันธุ ์ของมนุษย์ ประภาพันธ ์ศิริ 22 การสืบพันธุ ์ของมนุษย์เป็ นแบบอาศัย เพศ โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ซับซ้อน การสืบพันธุ ์ไม่เป็ นไปตามฤดูกาลเหมือน สัตว์ชนิดอื่น มีกลไกในร่างกายควบคุมระบบ การสืบพันธุ ์ ซึ่งกลไกนี้เกี่ยวข้องกับระบบ ฮอร ์โมนหลายชนิด 1. โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ของ มนุษย์ 1.1) โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์เพศ ชาย (reproduction anatomy of the
  • 24. ประภาพันธ ์ศิริ 24 ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย อวัยวะที่ทําหน้าที่ผลิตเซลล์สืบพันธุ ์ คือ อัณฑะ (Testis) อัณฑะประกอบด้วยหลอดผลิตสเปิ ร ์ม จํานวนมาก เรียกว่า สเปอร ์มาโตโกเนียม (Spermatogonium) เซลล์ที่แทรกอยู่ระหว่างหลอดสร้าง สเปิ ร ์ม เรียกว่า อินเตอร ์สติเชียลเซลล์ (Interstitial cell) ทําหน้าที่ผลิตฮอร ์โมน เพศชาย เทสโตสเตอโรน (Tertosterone) สเปิ ร ์มที่ผลิตจากหลอดสร้างสเปิ ร ์มจะถูก
  • 25. ประภาพันธ ์ศิริ 25 ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย ประกอบด้วย 1. อัณฑะ (Testis) และถุงอัณฑะ (Scrotum) อัณฑะมี 2 ข้างและขนาดใกล้เคียงกันอยู่ภายใน ถุงอัณฑะ เพื่อปรับอุณหภูมิให้ตํ่ากว่าช่องท้องประมาณ 3 - 5 องศาเซลเซียส เป็ นอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการ ผลิตตัวอสุจิ (Sperm) 2. หลอดสร้างตัวอสุจิ (Semimiferous tubules) และ ท่อนําตัวอสุจิ (Vasdeferens) หลอดสร้างตัวอสุจิเป็ นหลอดที่หน้าที่ผลิตตัวอสุจิจะ ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่ทําหน้าที่สร้างอาหารให้ตัวอสุจิ และอสุจิจะถูกปล่อยเข้าไปอยู่ในหลอดเก็บตัวอสุจิ
  • 26. ประภาพันธ ์ศิริ 26 ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย ประกอบด้วย 3. ต่อมสร้างนํ้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) ทําหน้าที่ สร้างอาหารให้แก่ตัวอสุจิ ส่วนมากเป็ นนํ้าตาลฟรักโตส วิตามินซี และโปรตีนโกลบุลิน 4. ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ทําหน้าที่หลั่งสาร ที่เป็ นเบสอย่างอ่อนและสารที่ทําให้ตัวอสุจิแข็งแรงและ ว่องไว 5. ต่อมคาวเปอร ์ (cowper gland) มีหน้าที่หลั่งสาร ของเหลวใสๆไปหล่อลื่นท่อปัสสาวะในขณะเกิดการ กระตุ้นทางเพศ 6. อวัยวะเพศชาย (pennis) เป็ นกล้ามเนื้อที่หดและพอง ตัวได้คล้ายฟองนํ้าในเวลาปกติจะอ่อนและงอตัวอยู่ แต่
  • 28. ประภาพันธ ์ศิริ 28 1.2) โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์เพศ หญิง(female reproduction) โครงสร้างของระบบสืบพันธุ ์ของ เพศหญิง มีความซับซ้อนกว่าของเพศชาย เพราะประกอบด้วยโครงสร้างสําหรับสร้าง เซลล์สืบพันธุ ์หรือ เซลล์ไข่ (immature gamete) รองรับสเปิ ร ์ม สร้างฮอร ์โมนเพศ และเป็ นที่ฝังตัวเพื่อการเจริญ และพัฒนา ของตัวอ่อน โครงสร้างที่ทําหน้าที่ดังกล่าว ได้แก่ รังไข่(ovaries) โครงสร้างนี้ทําหน้าที่ สร้างฮอร ์โมนและเซลล์สืบพันธุ ์หรือไข่
  • 29. ประภาพันธ ์ศิริ 29 ระบบสืบพันธุ ์ภายในเพศหญิง (Internal genitalia) ประกอบด้วย 1. รังไข่ (Ovary) มี 2 ข้าง ทําหน้าที่ผลิตไข่ ซึ่งเป็ นเซลล์สืบพันธุ ์เพศหญิง โดยปกติไข่จะสุก เดือนละใบจากรังไข่แต่ละข้างสลับกันทุกเดือน และออกจากรังไข่ทุกเดือน เรียกว่า การตกไข่ ตลอดช่วงชีวิตของผู้หญิงจะมีการผลิตไข่ได้ ทั้งหมด 400 ใบ โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 12- 50 ปี เ ซ ล ล์ ไ ข่ จ ะ มี อ า ยุ อ ยู่ ไ ด้ น า น 2 4 ชั่วโมง นอกจากนี้รังไข่ ยังทําหน้าที่สร้าง ฮอร ์โมนเพศหญิงที่ควบคุมลักษณะเพศหญิง เช่น เสียงเล็กแหลม เต้านมขยายและมีสะโพก
  • 30. ประภาพันธ ์ศิริ 30 ระบบสืบพันธุ ์ภายในเพศหญิง (Internal genitalia) (ต่อ) 2. ท่อนําไข่หรือปี กมดลูก (uterine tube) ทํา หน้าที่เป็ นทางผ่านของไข่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก โดยมีปลายข้างหนึ่งเปิ ดอยู่ใกล้กับรังไข่เรียกว่า ปากแตร ซึ่งทําหน้าที่โบกพัดให้ไข่ ที่ตกมาจากรังไข่ เข้าไปในท่อนําไข่ ท่อนําไข่เป็ นบริเวณที่อสุจิจะ เข้าปฏิสนธิกับไข่ 3. มดลูก (uterus) ทําหน้าที่เป็ นที่ฝังตัวของไข่ ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็ นที่เจริญเติบโตของ ทารกในครรภ์ 4. ช่องคลอด (vagina) ทําหน้าที่เป็ นทางผ่าน
  • 32. ประภาพันธ ์ศิริ 32 ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง (External genitalia) ประกอบด้วย 1. เนินหัวเหน่า (mone pubis) เป็ นผิวหนัง นู นอยู่บริเวณเหนือกระดูกหัวเหน่ า (pubic symphysis) 2. แคมใหญ่ (labia majora) เป็ นผิวหนังที่ ต่อมาจากทางด้านล่างของเนินหัวเหน่ า มี ลักษณะนูนแยกเป็ น 2 กลีบลงไปบรรจบกันทาง ด้านหลังที่บริเวณฝี เย็บ
  • 33. ประภาพันธ ์ศิริ 33 ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง (External genitalia) ประกอบด้วย 3. แคมเล็ก (labia minora) เป็ นชั้นผิวหนังที่ ยกตัวขึ้นเป็ นกลีบเล็กๆ สีแดง 2 กลีบ ทางด้านในของแคมใหญ่ 4. clitoris มีลักษณะเป็ นตุ่มเล็กๆ มีหลอด เลือดและปลายประสาทรับความรู ้สึกมาเลี้ยงเป็ น จํานวนมาก ดังนั้นหากเกิดการฉีกขาดที่บริเวณ นี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในขณะคลอด จะทําให้เจ็บ เสียเลือดมาก และเย็บติดได้ยาก
  • 34. ประภาพันธ ์ศิริ 34 ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง (External genitalia) ประกอบด้วย 5. vestibule เป็ นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคม เล็กทั้งสองข้าง บริเวณนี้ มีรูเปิ ดของท่อต่างๆ ดังนี้ - รูเปิ ดของท่อปัสสาวะ (urethral orifice) จะอยู่ถัด จาก clitoris ราว 1 ซม. - รูเปิ ดของช่องคลอด (vaginal orifice) อยู่ถัดไปอีก มีเยื่อพรหมจารีย์ปิ ดอยู่ - รูเปิ ดของ Bartholin's gland และ paraurethral gland อย่างละ 1 คู่
  • 35. ประภาพันธ ์ศิริ 35 ระบบสืบพันธุ ์ภายนอกเพศหญิง (External genitalia) ประกอบด้วย 6. Bartholin's gland (greater vestibular gland) เป็ นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวพบ อยู่ 2 ข้างของรูเปิ ดของช่องคลอด ทําหน้าที่สร้าง เมือกหล่อลื่น และมีฤทธิ์เป็ นด่างเพื่อลดความเป็ น กรดในช่องคลอด 7. เยื่อพรหมจารีย์ (hymen) เป็ นเนื้อเยื่อที่ยื่น ออกมาปิ ดรูเปิ ดของช่องคลอด ตรงกลางจะมีรูเปิ ด เล็กๆ เยื่อพรหมจารีย์นี้สามารถยืดหยุ่นได้ 8. ฝี เย็บ (perineum) คือ บริเวณระหว่าง
  • 37. ประภาพันธ ์ศิริ 37 รอบประจําเดือน (menstrual cycle) รอบประจําเดือน (menstrual cycle) เป็ นรอบ การเปลี่ยนแปลงทุก 28 วัน ของผนังมดลูกชั้น endometrium ในหญิงสาววัยเจริญพันธุ ์ ขณะที่ยังไม่มีการตั้งครรภ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก ฮอร ์โมนเพศหญิง ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่รังไข่ เพื่อสร้างเซลล์ไข่ออกมาทุกๆ 28 วันเช่นกัน เรียกว่า Ovarian cycle ทั้งรังไข่และผนังชั้น endometrium มีการเปลี่ยนแปลง โดยอิทธิพล ของ gonadotropin releasing hormone (GnRH) จาก hypothalamus ไปมีผลกระตุ้น
  • 38. ประภาพันธ ์ศิริ 38 รอบประจําเดือน (menstrual cycle) (ต่อ) ซึ่ง hormone จากรังไข่ทั้งสองชนิดจะไป ออกฤทธิ์ที่ผนังชั้น endometrium ของมดลูก ให้มีการเปลี่ยนแปลงเตรียมพร้อมเพื่อรับการฝัง ตัวของตัวอ่อน หรือถ้าหากไม่ได้รับการฝั งตัว ผนังชั้น endometrium ก็จะหลุดลอกออกมา กลายเป็ น เลือดประจําเดือน (menstrual flow หรือ menses) ในผู้หญิงที่มีประจําเดือนอยู่ถือ ว่าเป็ นผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ ์ เริ่มตั้งแต่ ระยะที่มีประจําเดือนครั้งแรกซึ่งอยู่ในช่วงอายุ ป ร ะ ม า ณ 1 2 - 1 4 ปี ไ ป จ น ถึง ร ะ ย ะ ห ม ด
  • 39. ประภาพันธ ์ศิริ 39 รอบประจําเดือน (menstrual cycle) (ต่อ) รอบประจําเดือนของแต่ละเดือน หรือวงจร ของมดลูก (Uterine Cycle) จะมีระยะห่างกัน ประมาณ 28-30 วันซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็ น ซึ่งจะถูกควบคุมโดย gonadotropin- releasing hormone (GnRH) จาก hypothalamus
  • 41. ประภาพันธ ์ศิริ 41 การปฏิสนธิ (Fertilization) 1. สเปิ ร ์มแตะกับไข่ 2. สเปิ ร ์มปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยเยื่อหุ้มของไข่ ทําให้เกิด ช่องเปิ ดขึ้น 3. นิวเคลียสและเซนทริโอลผ่านเข้าไปในไข่ ทิ้งส่วนหางไว้ 4. มีการเปลี่ยนแปลงเยื่อหุ้มของไข่ทันที เพื่อป้ องกันสเปิ ร ์ม ตัวอื่น 5. มีการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ที่ค้างไว้ในระยะ Meiosis II ให้ ดําเนินไปจนเสร็จสมบูรณ์ 6. การปฏิสนธิสิ้นสุดเมื่อโครโมโซมของสเปิ ร ์มกับไข่รวมกัน และจัดเรียงตัวใหม่ 7. ได้เซลล์ใหม่เกิดขึ้น 1 เซลล์เรียกว่า ไซโกต (Zygote) มี
  • 43. ประภาพันธ ์ศิริ 43 การคุมกําเนิด (contraception) การคุมกําเนิ ดเป็ นวิธีป้ องกันการ ตั้งครรภ์สําหรับหญิงที่ไม่พร้อมจะมีบุตร การคุมกําเนิดมีหลายวิธีให้เลือกใช้ตาม ความเหมาะสม แบ่งออกเป็ น 3 วิธีใหญ่ๆ คือ การป้ องกันการเกิดปฏิสนธิ (prevent sperm and egg from meeting) การ ป้ องกันการฝั งตัวของตัวอ่อน (pervent implantation) และการยับยั้งการตกไข่และ สเปิ ร ์ม (prevent release of gamete)
  • 44. ประภาพันธ ์ศิริ 44 1. การป้ องกันการปฏิสนธิ (prevent sperm and egg from meeting) 1.1) การคุมกําเนิดแบบนับวัน (rhythm method) เป็ นวิธีการหลีกเลี่ยง การมีเพศสัมพันธ ์ในช่วงไข่ตก จาก การศึกษาพบว่าไข่ที่ตกออกมาสามารถมี ชีวิตอยู่ในท่อนํ าไข่ได้นาน 24 ถึง 48 ชั่วโมง ส่วนสเปิ ร ์มอยู่ในท่อนําไข่ได้นานถึง 72 ชั่วโมง ดังนั้นการคุมกําเนิดโดยวิธีนี้จึง ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ ์ในช่วง 7 วันก่อนและหลังไข่ตก ประสิทธิภาพของการ คุมกําเนิดด้วยวิธีการนี้ต้องใช้ควบคู่ไปกับ
  • 45. ประภาพันธ ์ศิริ 45 1 . 2 ) ก า รใ ช้ถุ ง ย า ง อ น า มัย (condoms method) เป็ นกลไกคุมกําเนิดที่ ใช้กับฝ ่ ายชายเป็ นวิธีป้ องกันสเปิ ร ์มเข้าไป ในระยะสืบพันธุ ์ของเพศหญิงข้อดีของ วิธีก า รใ ช้ถุง ย า ง อ น า มัย น อ ก จ า กใ ช้ คุมกําเนิดแล้วและวิธีนี้ยังสามารถป้ องกัน โรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ ์ได้ 1 . 3 ) ก า รใ ช้ ไ ด อ ะ แ ฟ ร ม (diaphragm) เป็ นวิธีการคุมกําเนิดโดยใช้ ฝาครอบปากมดลูก เพื่อป้ องกันการเข้าไป ปฏิสนธิของสเปิ ร ์ม การคุมกําเนิดโดยวิธีนี้ ก่อนใช้มักจะทาครีมลงบนไดอะแฟรมเพื่อ
  • 46. ประภาพันธ ์ศิริ 46 ถุงยางอนามัย และฝาครอบ ปากมดลูก https://medthai.com http://rakluke.com
  • 47. ประภาพันธ ์ศิริ 47 1 . 4 ) ก า ร ห ลั่ ง ภ า ย น อ ก (withdrawal method) วิธีคุมกําเนิดโดย ฝ ่ ายชายจะหลั่งซีเมนภานนอกระบบ สืบพันธุ ์เพศหญิงการคุมกําเนิดด้วยวิธีนี้ พ บ ว่ า โ อ ก า สใ น ก า ร ตั้ง ค ร ร ภ์มีสู ง ถึง 22 เปอร ์เซ็นต์ 1 . 5 ) ก า ร ทํ า ห มั น ถ า ว ร (sterilization) การคุมกําเนิดแบบถาวร เป็ นวิธีการคุมกําเนิดที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในสตรีที่มีอายุเกิน 30 ปี อัตราการตั้งครรภ์ 0.15 เปอร ์เซ็นต์ การคุมกําเนิดแบบถาวรมี 2 ประเภท
  • 48. ประภาพันธ ์ศิริ 48 1 . 5 . 2 ก า ร ทํ า ห มั น ช า ย (vasectomy) โดยการตัดท่อนําสเปิ ร ์มหรือ วาสดิเฟรนส์ แล้วผูกปลายแต่ละส่วนที่ถูก ตัดออกเพื่อยับยั้งการเคลื่อนที่ของสเปิ ร ์มอ อกนอกร่างกาย ไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น การผลิตสเปิ ร ์มปกติ แต่อาจช้าลงและถูก เซลล์เม็ดเลือดขาวจับกิน ส่วนของปริมาณ ซี เ ม น ต์ผ ลิ ตไ ด้ ใ น ป ริ ม า ณ ป ก ติ การผ่าตัดกลับคืนสู่สภาพเดิมพบว่าประสบ ความสําเร็จ 70 เปอร ์เซ็นต์ แต่ใน การทําหมันเกิน 10 ปี ขึ้นไป โอกาสจะ กลายเป็ นหมันสูงถึง 70 เปอร ์เซ็นต์ ทั้งนี้
  • 49. ประภาพันธ ์ศิริ 49 2. การป้ องกันการฝั งตัวของตัวอ่อน (prevent implantation) เป็ นวิธีการคุมกําเนิดโดยวิธีการใส่ห่วง (intrauterine device หรือ IUD) ซึ่งเป็ น พลาสติกรูปกลมหรือโค้งขนาดเล็ก สอดเข้า ไปในมดลูกโดยแพทย์ผู้ชํานาญ การใส่ครั้ง หนึ่งอาจทิ้งไว้ได้นานถึง 10 ปี หรือจน ต้องการมีบุตร วิธีการคุมกําเนิดแบบนี้มี ประสิทธิภาพถึง 90 เปอร ์เซ็นต์ กลไกการ ทํางานของวิธีการนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัด แต่พบว่าร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวออกมา ต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ข้อเสียของการ
  • 50. ประภาพันธ ์ศิริ 50 Intrauterine device หรือ IUD http://www.soc.ucsb.ed u
  • 51. ประภาพันธ ์ศิริ 51 3. การยับยั้งการตกไข่และสเปิ ร ์ม (prevent release of gamete) เ ป็ น ก า ร คุ ม กํ า เ นิ ดโ ด ย ก า รใ ช้ ฮอร ์โมน เป็ นการป้ องกัน การตกไข่ มีหลาย ประเภทให้เลือกใช้ เช่น รับประทานยา คุมกําเนิด (oral pill) การฉีดยาคุมกําเนิด (DMPA หรือ Depo-Provera) การฝัง แคปซูลใต้ผิวหนัง (norplant) 3.1) รับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด เป็ น การป้ องกัน การตกไข่ จากการ สํารวจพบว่า 80 เปอร ์เซ็นต์ที่สตรีทั่วโลก นิ ย มใ ช้ ย า เ ม็ ด คุ ม กํ า เ นิ ด เ ป็ น ย า ที่
  • 52. ประภาพันธ ์ศิริ 52 3 .2) การคุมกํา เนิ ดแบบฉุ กเฉิ น (emergency contraception) ยาเม็ด คุมกําเนิดแบบฉุกเฉินนี้ เป็ นยาที่ใช้หลัง การมีเพศสัมพันธ ์ภายใน 72 ชั่วโมง แพทย์ ให้ใช้สําหรับสตรีที่ถูกข่มขืนและกรณีอื่นๆ ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ป้ อ ง กันไ ด้ใ น ข ณ ะ มี เพศสัมพันธ ์ได้ 3.3) การฉีดยาคุมกําเนิด เป็ นการ ป้ องกันการตกไข่ได้อีกวิธีหนึ่ง เป็ นการฉีด ฮอร ์โมนโพรเจสติน ฮอร ์โมนนี้ออกฤทธิ์โดย กดการทํางานของต่อมใต้สมองส่วนหน้า วิธีใช้ คือฉี ดเข้ากล้ามเนื้อของสตรีที่
  • 53. ประภาพันธ ์ศิริ ขันธ ์แสง 53 3.4) การฝังแคปซูลเข้าใต้ผิวหนัง เป็ น การฝังฮอร ์โมน โพรเจสตินที่เป็ น แคปซูลบริเวณใต้ท้องแขนฮอร ์โมนนี้จะถูก ปล่อยออกจากแคปซูลแต่น้อย ๆ อย่าง ต่อเนื่องในกระแสเลือด ไปมีผลยับยั้งการตก ไข่และกระตุ้นการหลั่งเมือกเหนียวในช่อง คลอด การฝังแคปซูลนี้จะอยู่ได้ 5 ปี แต่มี ผ ล ข้า ง เ คีย ง สํ า ห รับ ผู้ใ ช้ คือ ก า ร มี ประจําเดือนกระปิ ดกระปอยอาจนานถึง 1 ปี https://medthai.com
  • 54. ประภาพันธ ์ศิริ 54 การเกิดฝาแฝด ฝาแฝด มี 2 ประเภท 1. ฝาแฝดแท้ (Identical Twins) เป็ น แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวผสมกับอสุจิตัว เดียว ไซโกตแบ่งตัวแล้วแยกเป็ น 2 เซลล์ แต่ละเซลล์พัฒนาไปเป็ น 1 คน ในขณะอยู่ ในครรภ์ อาจจะอยู่ในถุงนํ้าครํ่าเดียวกัน หรือแยกกัน 2. แฝดเทียม (Fraternal Twins) เป็ น แฝดที่เกิดจากไข่มากกว่า1 ใบ ที่ตกในเวลา ใกล้เคียงกันและไข่ทุกใบได้รับการผสมกับ