-การใช้ไคโตซานที่ตัดพอลิเมอร์ด้วยรังสีก่อนการเก็บเกี่ยวเพื่อลดการเกิดโรคของผลเงาะพันธุ์โรงเรียน -ผลของกรรมวิธีหยุดการงอกต่อคุณภาพการสีและสารสกัดแอนโทไซยานินในข้าวเหนียวดำ -การออกแบบและสร้างชุดปอกเปลือกกระเทียมโดยใช้แรงลม -โลจิสติกส์ของลำไยในภาคตะวันออกของประเทศไทย

1. Postharvest Technology Innovation Center

Newsletterostharvest 16 4 - 2560 www.phtnet.org
1- 4
2
4
5 - 7



2. 2

3. 3

4. 4

5. 5

6. 6

7. 7

8. : .
: . . .
: :
: PHT Newsletter
239 50200 +66(0)5394-1448 +66(0)5394-1447 E-mail : phtic@phtnet.org http://www.phtnet.org
ผลสัมฤทธิ์งานวิจัยศูนย์ฯ
I ผศ.ดร.เกียรติสุดา เหลืองวิลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำ�แพงแสน
สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำ�คัญของประเทศไทยสับปะรดในกลุ่ม“Queen”
สามารถทนอาการไส้สีนํ้าตาล(internalbrowning)ได้แตกต่างกันทั้งนี้ยังไม่แน่ชัด
ว่าเป็นเพราะพันธุ์หรือแหล่งปลูกการทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบว่าสับปะรด
ต่างพันธุ์ ที่ได้รับการดูแล และเก็บเกี่ยวจากแหล่งปลูกเดียวกันจะแสดงอาการ
ไส้สีนํ้าตาลแตกต่างกันหรือไม่ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จะนำ�ไปสู่การพัฒนาเรื่องการคัดเลือก
พันธุ์ที่เหมาะสมในการส่งออกสับปะรดผลสดโดยปลูกสับปะรดในแหล่งปลูกเดียวกัน
คือที่อำ�เภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำ�นวน 4 พันธุ์ได้แก่ พันธุ์สวี
พันธุ์ตราดสีทอง พันธุ์ภูแล และมีพันธุ์ปัตตาเวียเป็นพันธุ์เปรียบเทียบ เก็บเกี่ยว
ผลสับปะรด2ครั้งครั้งแรกในเดือนตุลาคม2558และครั้งที่2ในเดือนมกราคม2559
ทดสอบอาการไส้สีนำ�ตาลโดยเก็บรักษาที่อุณหภูมิ10±2°Cความชื้นสัมพัทธ์85±5%
เป็นเวลา 21 วัน ก่อนนำ�ออกมาวางต่อที่อุณหภูมิ 25 °C เป็นเวลา 3 วัน พบว่า
สับปะรดกลุ่ม "Queen" ที่เก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคมแสดงอาการไส้สีนํ้าตาลน้อย
กว่าสับปะรดที่เก็บเกี่ยวในเดือนมกราคม และเมื่อเปรียบเทียบอาการไส้สนํ้าตาล
ของแต่ละพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม พบว่า พันธุ์สวี แสดงอาการไส้สีนํ้าตาล
น้อยที่สุด ซึ่งไม่แตกต่างกับพันธุ์ตราดสีทองและพันธุ์ปัตตาเวีย ขณะที่สับปะรด
ที่เก็บเกี่ยวในเดือนมกราคม พบว่าสับปะรดกลุ่ม "Queen" มีอาการไส้สีนํ้าตาล
ไม่แตกต่างกัน จากการทดลองพบปริมาณแคลเซียมของสับปะรดกลุ่ม "Queen"
ก่อนเก็บรักษามีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 292-387 mg/kgDW
ความแตกต่างของสับปะรดกลุ่มควีน
ต่ออาการสะท้านหนาว
อาการไส้สนํ้าตาลของสับปะรดพันธุ์สวีพันธุ์ตราดสีทอง
พันธุ์ภูแล และปัตตาเวีย ที่ปลูกที่อำ�เภอสามร้อยยอด จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ เก็บเกี่ยวครั้งแรก เดือนตุลาคม 2558 และ
เก็บเกี่ยวครั้งที่ 2 เดือนมกราคม 2559 เก็บรักษาที่อุณหภูมิ
10±2 °C ความชื้นสัมพัทธ์ 85±5% นาน 21 วัน แล้วย้ายมาวาง
ที่อุณหภูมิ 25°C อีก 3 วัน