More Related Content
Similar to 07 ใบเนื้อหา หน่วยที่ 1
Similar to 07 ใบเนื้อหา หน่วยที่ 1 (20)
More from Natchanon Srinuan
More from Natchanon Srinuan (10)
07 ใบเนื้อหา หน่วยที่ 1
- 1. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
หน่วยที่ 1
โครงงานคอมพิวเตอร์
สาระการเรียนรู้
1.1 หลักการโครงงานคอมพิวเตอร์
1.2 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1.3 กระบวนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
1.4 รูปแบบการเขียนโครงงาน
1.5 วิธีการเขียนโครงงาน
1.6 การจัดแสดงโครงงาน
1.7 ประโยชน์ของการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1.1 บอกหลักการโครงงานคอมพิวเตอร์ได้
1.2 บอกประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ได้
1.3 อธิบายกระบวนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้
1.4 อธิบายรูปแบบการเขียนโครงงานได้
1.5 อธิบายวิธีการเขียนโครงงานได้
1.6 อธิบายการจัดแสดงโครงงานได้
1.7 บอกประโยชน์ของการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้
- 2. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนาผลงาน
ที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริง หรือเพื่อใช้ช่วยสร้างสื่อเสริมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นกิจกรรม
ทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์พร้อมทั้งเครื่องมือต่างๆในการแก้ปัญหา
รวมทั้งการพัฒนาเจตคติในการสร้างผลงาน ดังนั้น โครงงานคอมพิวเตอร์ จึงหมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือก
ศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงานการทาโครงงานและการจัดงานแสดงโครงงาน
คอมพิวเตอร์จะมีคุณค่าต่อการฝึกฝนให้ผู้เรียนมีความรู้ความชานาญ และมีทักษะในการน าระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ด้วยตนเองดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และยังมีคุณค่าอื่นๆ อีกดังต่อไปนี้
1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่ผู้เรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องตามปกติ
3. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
4. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจในการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้
5. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
6. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
7. สร้างสานึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุกสาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายทั้ง ในลักษณะ
ของเนื้อหา กิจกรรม และประโยชน์หรือผลงานที่ได้ โครงงานคอมพิวเตอร์มีหลายประเภท ในที่นี้แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development)
ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้าง
โปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียน
แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนา
บทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ
โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยสร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น
ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้น
เป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้น
เพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆใช้สาหรับ
ช่วยการออกแบบสิ่งของ
3. โครงงานจาลองทฤษฏี (Theory Simulation)
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถ
ทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและ
คิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลองหลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการหรือคาอธิบาย
พร้อมทั้งจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ
ได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี
1.1 หลักการโครงงานคอมพิวเตอร์
1.2 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
- 3. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิ
เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น
โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนา
ข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการท างานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้ว
ปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรมและเครื่องมือต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง
5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
โครงงานพัฒนาเกมเป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมทาย
คาศัพท์ และเกมการคานวณเลข เป็นต้น ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกความคิดอย่างมี
หลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไป
ด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็น
เกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์นั้น ผู้เรียนควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการท างานของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ หลักการที่ใช้ในการแก้ปัญหา กระบวนการแก้ปัญหา หลักการเขียนโปรแกรม และการแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์
ก่อนที่จะเริ่มทาโครงงาน และใช้ความรู้ดังกล่าวเป็นพื้นฐานในการสร้างความรู้ใหม่ในโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยในการทาโครงงานผู้เรียน
อาจจะมีโอกาสได้ทาความรู้จักกับความรู้ใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
การเรียนรู้โดยการทาโครงงาน มี 7 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 กาหนดประเด็นปัญหา
กาหนดปัญหาหรือหัวข้อที่ต้องการศึกษา เรื่องทั่วไปหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิตประจาวันสามารถ
นามาเป็นหัวข้อพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้ทั้งสิ้น เช่น การนาคอมพิวเตอร์มาใช้เตือนเมื่อระดับน้าฝนตกหนักเกินระดับที่ปลอดภัย
หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับกล้องเว็บแคม ตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้บุกรุกเป็นต้นนักเรียนสามารถค้นหาหัวข้อของ
โครงงานได้มากมายด้วยการเริ่มต้นสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว
ขั้นที่ 2 ขั้นรวบรวมข้อมูล
เมื่อได้หัวข้อโครงงานแล้ว นักเรียนจาเป็นต้องหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานที่ต้องการจะจัดทา
แหล่งข้อมูลอาจเป็นหนังสือ หรือวารสารที่มีผู้ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้า หรืออาจเป็นการขอข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจศึกษาระบบซึ่ง
คล้ายกันที่มีผู้พัฒนามาก่อนหน้าแล้ว
ขั้นที่ 3 ขั้นวางแผนโครงงาน
เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน และพบว่าโครงงานมีความเป็นไปได้แล้ว นักเรียนควรเขียนข้อเสนอโครงงานเพื่อ
นาเสนอกับอาจารย์ผู้สอน การเขียนข้อเสนอจะเป็นการรวบรวมข้อมูลและความคิดให้เป็นระบบ ในขั้นตอนนี้จาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
บันทึกรายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องรวมถึงตารางกาหนดการทางาน และกาหนดระยะเวลาที่ต้องทางานแต่ละขั้นตอนให้สาเร็จด้วย
ขั้นที่ 4 ขั้นปฏิบัติโครงงาน
ในขั้นนี้ต้องมีการรวยรวมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้ครบถ้วยมีการดาเนินงานตามตารางเวลาการทางานอย่างเคร่งครัด
เมื่อมีความก้าวหน้าในงาน จาเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของผลที่ได้อย่างสม่าเสมอ และควรจดบันทึกความก้าวหน้า รวมถึง
อุปสรรคที่ได้พบ และวิธีแก้ไขด้วย
1.3 กระบวนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
- 4. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปโครงงาน
เนื้อหาต้องกระชับ ชัดเจน และครอบคลุมประเด็นสาคัญของโครงงาน โดยสามารถเขียนให้อยู่ในรูปต่างๆ เช่น
การสรุป รายงานผล ซึ่งประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆ เช่น บทคัดย่อ บทนา เอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ขั้นที่ 6 ขั้นนาเสนอผลงาน
โดยทั่วไปเมื่อโครงงานเสร็จสิ้นแล้ว นักเรียนจาเป็นต้องมีการนาเสนอโครงงานให้กับผู้ที่ต้องการใช้งาน ผู้สนใจหรือ
อาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงงาน ควรเตรียมเอกสารนาเสนอให้สมบูรณ์ โดยอาจจะปรับย่อข้อความที่สาคัญมาจากรายงานก็ได้ นอกจากนี้ยัง
จะต้องวางแผนในการสาธิตการทางานของโครงงานด้วย และควรฝึกหัดอธิบายการทางานของโครงงาน รวมถึงฝึกหัดตอบคาถามที่
เกี่ยวข้องไว้ด้วย
ขั้นที่ 7 ขั้นประเมินผลงาน
ประเมินผลการทางาน โดยการสังเกตพฤติกรรมระหว่างการทางาน วัดผลตัวความรู้โดยการซักถามหรือวิธีการอื่น
ๆ นักเรียนควรประเมินตนเอง ประเมินโดยเพื่อน ครู และผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่น ๆ ที่มาเยี่ยมชมนิทรรศการ เพื่อการตรวจสอบว่า
นิทรรศการแต่ละครั้งนั้น ได้ผลตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
ผู้เรียนร่วมกันเขียนรายงานผลเป็นเอกสารเพื่อนาเสนอต่อชั้นเรียน และเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยร่วมกันคิดและ
เขียนรายงาน ให้เห็นถึงเค้าโครงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ระยะเวลาที่จัดทา
3. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
4. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
5. บทคัดย่อ
6. กิตติกรรมประกาศ
7. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
8. วัตถุประสงค์ของการศึกษา
9. คาตอบที่คาดเดาก่อนเริ่มลงมือปฏิบัติ
10. วิธีดาเนินงาน
11. ผลที่เกิดขึ้น
12. สรุปผล
13. ประโยชน์ที่ได้รับ
14. ข้อเสนอแนะ
15. เอกสารอ้างอิง
ผู้เรียนร่วมกันเขียนรายงานผลเป็นเอกสารเพื่อนาเสนอต่อชั้นเรียน และเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยร่วมกันคิดและเขียนรายงาน
ให้เห็นถึงเค้าโครงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ โครงงานประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน การตั้งชื่อโครงงานให้นักเรียนระบุชื่อโครงงานที่ชัดเจนกะทัดรัดเจาะจงว่าจะทาอะไร ศึกษาอะไร และ
จะต้องพิจารณาถึงความต้องการและความถนัดของตนเอง นอกจากนั้นต้องคานึงถึงสิ่งอานวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่จะส่งเสริม
ให้งานสาเร็จลุล่วงไปได้ เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อโครงงานและผลผลิตหรือ
ชิ้นงานที่ได้นั้นสามารถนาไปใช้ประโยชน์หรือเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่
1.4 รูปแบบการเขียนโครงงาน
1.5 วิธีการเขียนโครงงาน
- 5. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
2. ผู้รับผิดชอบโครงงาน ในการจัดทาโครงงานแต่ละครั้ง จาเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งอาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม
ก็ได้ และจานวนสมาชิกแต่ละกลุ่มขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปริมาณงานที่ปฏิบัติ
3. ครู - อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ในการจัดทาโครงงานแต่ละครั้งจาเป็นต้องมีที่ปรึกษาเพื่อคอยให้คาแนะนาและช่วย
แก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
4. ความสาคัญของโครงงาน ให้นักเรียนระบุความสาคัญ ความจาเป็นที่ต้องจัดทาโครงงานนี้ เขียนอธิบายว่าโครงงานนี้มี
สาเหตุมาจากอะไร ดีอย่างไร ทาไมจึงเลือก ผู้จัดทาโครงงานต้องบอกหลักการและเหตุผลในการจัดทาโครงงานนี้ให้ชัดเจน
5. จุดมุ่งหมาย ให้ระบุว่า เมื่อทาโครงงานนี้และผู้จัดทาโครงงานจะได้อะไรบ้าง เป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะหรือวัสดุหรือผลงานที่
เราต้องการที่จะเกิดขึ้นอันเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของการดาเนินงานที่เฉพาะเจาะจงหรืออาจกล่าวง่าย ๆ ว่าจุดมุ่งหมายของโครงงานนี้
จะทาให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เกิดขึ้นกับใคร
6. การศึกษาข้อมูลของโครงงาน ผู้จัดทาโครงงานนี้จะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ทฤษฎีหรือหลักวิชาการ
จากเอกสาร ตารา สิ่งพิมพ์ หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ
7. วิธีการดาเนินงาน หมายถึงการกาหนดกิจกรรมขั้นพื้นฐานที่จะต้องจัดทาขึ้นในโครงงาน โดยจัดเรียงลาดับก่อนหลัง
กิจกรรมที่กาหนดขึ้นอาจจะมีกิจกรรมย่อย ๆ หลายกิจกรรมในการดาเนินงาน
8. ระยะเวลา ในการดาเนินงาน หมายความว่าการทาโครงงานต้องกาหนดระยะเวลา เริ่มต้นและสิ้นสุดของกิจกรรมแต่ละ
กิจกรรมเพื่อประโยชน์ในการวางแผนงานตลอดจนประเมินผลสาเร็จของงาน
9. สถานที่ในการดาเนินงาน หมายความว่าในการทางานแต่ละครั้ง ต้องมีสถานที่ในการ ทางานที่แน่นอนเพื่อสะดวกใน
การปฏิบัติงาน
10. งบประมาณ ค่าใช้จ่ายโครงงาน หมายความว่า การจัดทาโครงงานทุกครั้งต้องมีการ ประมาณค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้า
เพราะงบประมาณเป็นตัวช่วยให้งานสาเร็จลงได้ถ้าขาดงบประมาณแล้วทุกอย่างก็อาจล้มเหลวได้
11. ผลที่คาดว่าจะได้รับเป็นการคาดคะเนว่าถ้าหากโครงงานนี้สาเร็จเรียบร้อยแล้วจะเกิด อะไรขึ้นบ้างในอนาคต เช่น เกิด
ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ สิ่งของความแปลกใหม่ ความคิดริเริ่ม ผลงานที่ ตรงตามจุดหมาย รายได้ที่คาดว่าจะได้รับโดยประมาณว่า
เท่าไรและเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อไร
12. เอกสารอ้างอิงที่ใช้เขียนโครงงาน ให้บอกชื่อผู้แต่งหนังสือครั้งที่พิมพ์ สถานที่พิมพ์ สานักพิมพ์และปีที่พิมพ์ หรือ
แหล่งข้อมูลที่นักเรียนใช้ค้นคว้า เพื่อนามาเป็นข้อมูลในการเขียนโครงงาน
การแสดงผลงานนั้นอาจทาได้หลายรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น การแสดงในรูปนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วย
คาพูด หรือในรูปแบบของการจัดแสดงโดยไม่มีการอธิบายประกอบ หรือในรูปของการรายงานปากเปล่า แต่ไม่ว่าการแสดงผลงานจะอยู่
ในรูปแบบใด ควรจะจัดให้ครอบคลุมประเด็นสาคัญดังต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่อที่ปรึกษา
2. คาอธิบายถึงเหตุจูงใจในการทาโครงงาน และความสาคัญของโครงงาน
3. วิธีการดาเนินการโดยเลือกเฉพาะขั้นตอนที่เด่นและสาคัญ
4. การสาธิตหรือแสดงผลที่ได้จากการทดลอง
5. ผลการสังเกตและข้อมูลเด่น ๆ ที่ได้จากการทาโครงงาน
1.6 การจัดแสดงโครงงาน
- 6. กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชื่อวิชา : การสร้างเว็บไซต์ รหัสวิชา ง 23203
หัวข้อ : หน่วยที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบเนื้อหา หน้าที่
แผ่นที่ :
ในการจัดนิทรรศการโครงงานนั้น ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. ความปลอดภัยของการจัดแสดง
2. ความเหมาะสมกับเนื้อที่จัดแสดง
3. คาอธิบายที่เขียนแสดงควรเน้นประเด็นสาคัญ โดยใช้ข้อความกะทัดรัด ชัดเจน และเข้าใจง่าย
4. ดึงดูดความสนใจผู้เข้าชม โดยใช้รูปแบบการแสดงที่น่าสนใจ ใช้สีที่สดใส เน้นจุดที่สาคัญหรือใช้วัสดุต่างประเภท
ในการจัดแสดง
5. ใช้ตาราง และรูปภาพประกอบ โดยจัดวางอย่างเหมาะสม
7. ในกรณีที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ สิ่งนั้นควรอยู่ในสภาพที่ทางานได้อย่างสมบูรณ์
1. ทาให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทางาน ประสานงาน และติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการวางแผนการทางาน
2. ทาให้กล้าคิด กล้าแสดงออก ต่อที่ประชุมชนมากขึ้น
3. เป็นการบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ ที่ได้รับมาจัดทาผสมผสานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นโครงงานเพื่อนาเสนอ
ต่อชุมชน
4. ทาให้รู้จักการทางานร่วมกันเป็นหมู่คณะ
5. ทาให้รู้จักการเป็นผู้นา และผู้ตามที่ดี
6. ทาให้เกิดการพัฒนาความคิด และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
7. ทาให้รู้จักการแบ่งเวลา และการตรงต่อเวลา
8. ทาให้รู้จักการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
9. ทาให้รู้วิธีการทางานต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการทางาน
10. ทาให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการเรียนวิชามนุษย์กับหลักจริยศาสตร์ เพื่อคุณภาพชีวิต
11. สร้างความสานึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
1.7 ประโยชน์ของการทาโครงงาน
คอมพิวเตอร์