Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie รายงานคอม12 (20)
Mehr von Kamonchapat Boonkua
Mehr von Kamonchapat Boonkua (11)
รายงานคอม12
- 2. คำนำ
รายงานฉบับนี้ เป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี ซึ่งดิฉนได้รับมอบหมาย
ั
ให้ไปศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอาชญากรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ซึ่ งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ความหมายของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร อาชญากรรม 6 ประเภท ลักษณะของผูกระทาความผิดทาง
้
คอมพิวเตอร์ และ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ซึ่ งรายงานฉบับนี้จะเป็ นประโยชน์แก่ผที่สนใจใน
ู้
เรื่ องคอมพิวเตอร์ ไม่มากก็นอย หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย
้ ้
ผูจดทา
้ั
นางสาว อรัญญา อังศุวิริยะ
- 3. สารบัญ
เนือเรื่อง
้ หน้ า
ความหมายของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ 1
อาชญากรรม 6 ประเภท 2
ลักษณะของผู้กระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์ 4
กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้ องกับคอมพิวเตอร์ 5-12
- 4. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ประเภทต่ างๆ
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cyber-Crime) เป็ นการกระทาที่ผดกฎหมายโดยใช้วธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ิ ิ
่
เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลที่อยูบนระบบดังกล่าว ส่ วนในมุมมองที่กว้างขึ้น “อาชญากรรมที่
เกี่ยวเนื่องกับคอมพิวเตอร์ ” หมายถึงการกระทาที่ผดกฎหมายใดๆ ซึ่ งอาศัยหรื อมีความเกี่ยวเนื่องกับระบบ
ิ
คอมพิวเตอร์ หรื อเครื อข่าย อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมประเภทนี้ไม่ถือเป็ นอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
โดยตรง
ในการประชุมสหประชาชาติครั้งที่ 10 ว่าด้วยการป้ องกันอาชญากรรมและการปฏิบติต่อผูกระทาผิด (The
ั ้
Tenth United Nations Congress on the Prevention of Crime and the Treatment of Offenders) ซึ่ งจัดขึ้นที่
กรุ งเวียนนา เมื่อวันที่ 10-17 เมษายน 2543 ได้มีการจาแนกประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดย
แบ่งเป็ น 5 ประเภท คือ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุ ญาต, การสร้างความเสี ยหายแก่ขอมูลหรื อโปรแกรม
้
คอมพิวเตอร์ , การก่อกวนการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ หรื อเครื อข่าย, การยับยั้งข้อมูลที่ส่งถึง/จากและ
ภายในระบบหรื อเครื อข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และการจารกรรมข้อมูลบนคอมพิวเตอร์
โครงการอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (Cyber-Crime and
Intellectual Property Theft) พยายามที่จะเก็บรวบรวมและเผยแพร่ ขอมูล และค้นคว้าเกี่ยวกับอาชญากรรม
้
ทางคอมพิวเตอร์ 6 ประเภท ที่ได้รับความนิยม ซึ่ งส่ งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและผูบริ โภค
้
นอกจากนี้ยงทาหน้าที่เผยแพร่ ความรู ้เกี่ยวกับขอบเขตและความซับซ้อนของปั ญหา รวมถึงนโยบายปั จจุบน
ั ั
และความพยายามในการปั ญหานี้
อาชญากรรม 6 ประเภทดังกล่าวได้ แก่
1. การเงิน – อาชญากรรมที่ขดขวางความสามารถขององค์กรธุ รกิจในการทาธุ รกรรม อี-คอมเมิร์ซ
ั
(หรื อพาณิ ชย์อิเล็กทรอนิกส์)
2. การละเมิดลิขสิ ทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิ ทธิ์ ในปัจจุบนคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลและ
ั
อินเทอร์ เน็ตถูกใช้เป็ นสื่ อในการก่ออาชญากรรม แบบเก่า โดยการโจรกรรมทางออนไลน์หมาย
รวมถึง การละเมิดลิขสิ ทธิ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์ เน็ตเพื่อจาหน่ายหรื อเผยแพร่ ผลงาน
สร้างสรรค์ที่ได้รับการคุมครองลิขสิ ทธิ์
้
- 5. 3. การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่ งสิ ทธิ ในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ หรื อเครื อข่ายโดยไม่ได้รับ
อนุญาต และในบางกรณี อาจหมายถึงการใช้สิทธิ การเข้าถึงนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้การ
เจาะระบบยังอาจรองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ในรู ปแบบอื่นๆ (เช่น การปลอมแปลง การ
ก่อการร้าย ฯลฯ)
4. การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ – ผลสื บเนื่องจากการเจาะระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความ
หวาดกลัว เช่นเดียวกับการก่อการร้ายทัวไป โดยการกระทาที่เข้าข่าย การก่อการร้ายทาง
่
อิเล็กทรอนิกส์ (e-terrorism) จะเกี่ยวข้องกับการเจาระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อก่อเหตุรุนแรงต่อบุคคล
หรื อทรัพย์สิน หรื ออย่างน้อยก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว
5. ภาพอนาจารทางออนไลน์ – ตามข้อกาหนด 18 USC 2252 และ 18 USC 2252A การประมวลผล
หรื อการเผยแพร่ ภาพอนาจารเด็กถือเป็ นการกระทาที่ผดกฎหมาย และตามข้อกาหนด 47 USC 223
ิ
การเผยแพร่ ภาพลามกอนาจารในรู ปแบบใดๆ แก่เยาวชนถือเป็ นการกระทาที่ขดต่อกฎหมาย
ั
อินเทอร์ เน็ตเป็ นเพียงช่องทางใหม่สาหรับอาชญากรรม แบบเก่า อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่ องวิธีที่
เหมาะสมที่สุดในการควบคุมช่องทางการสื่ อสารที่ครอบคลุมทัวโลกและเข้าถึงทุกกลุ่มอายุน้ ีได้
่
ก่อให้เกิดการถกเถียงและการโต้แย้งอย่างกว้างขวาง
่
6. ภายในโรงเรี ยน – ถึงแม้วาอินเทอร์ เน็ตจะเป็ นแหล่งทรัพยากรสาหรับการศึกษาและสันทนาการ แต่
เยาวชนจาเป็ นต้องได้รับทราบเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครื่ องมืออันทรงพลังนี้อย่างปลอดภัยและมี
ความรับผิดชอบ โดยเป้ าหมายหลักของโครงการนี้คือ เพื่อกระตุนให้เด็กได้เรี ยนรู ้เกี่ยวกับ
้
ข้อกาหนดทางกฎหมาย สิ ทธิ ของตนเอง และวิธีท่ีเหมาะสมในการป้ องกันการใช้อินเทอร์ เน็ต
ในทางที่ผด
ิ
- 6. อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผูกระทาผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เป็ นส่ วนสาคัญ
้
มีการจาแนกไว้ดงนี้
ั
1. พวกมือใหม่ (Novices) หรื อมือสมัครเล่น อยากทดลองความรู ้และส่ วนใหญ่จะมิใช่ผู ้ ที่เป็ นอาชญา
กรโดยนิสย มิได้ดารงชีพโดยการกระทาผิด อาจหมายถึงพวกที่เพิ่งได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่
ั
ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์
2. Darnged person คือ พวกจิตวิปริ ต ผิดปกติ มีลกษณะเป็ นพวกชอบความรุ นแรง และอันตราย มัก
ั
่
เป็ นพวกที่ชอบทาลายทุกสิ่ งที่ขวางหน้าไม่วาจะเป็ นบุคคล สิ่ งของ หรื อสภาพแวดล้อม
3. Organized Crime พวกนี้เป็ นกลุ่มอาชญากรที่ร่วมมือกันทาผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ๆ ที่มี
่
ระบบ พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ ที่ตางกัน โดยส่ วนหนึ่งอาจใช้เป็ นเครื่ องหาข่าวสาร เหมือนองค์กร
ธุ รกิจทัวไป อีกส่ วนหนึ่งก็จะใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็ นตัวประกอบสาคัญในการก่ออาชญากรรม หรื อ
่
ใช้เทคโนโลยีกลบเกลื่อนร่ องร่ อย ให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่
4. Career Criminal พวกอาชญากรมืออาชีพ เป็ นกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ ที่มีอยูมาก กลุ่มนี้น่าเป็ น
่
ห่วงมากที่สุด เนื่ องจากนับวันจะทวีจานวนมากขึ้นเรื่ อยๆ โดยจับผิดแล้วจับผิดเล่า บ่อยครั้ง
5. Com Artist คือพวกหัวพัฒนา เป็ นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้มาซึ่ ง
ผลประโยชน์ส่วนตน อาชญากรประเภทนี้จะใช้ความก้าวหน้า เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และ
ความรู้ของตนเพื่อหาเงินมิชอบทางกฎหมาย
6. Dreamer พวกบ้าลัทธิ เป็ นพวกที่คอยทาผิดเนื่องจากมีความเชื่อถือสิ่ งหนึ่งสิ่ งใดอย่างรุ่ นแรง
7. Cracker หมายถึง ผูที่มีความรู ้และทักษะทางคอมพิวเตอร์ เป็ นอย่างดี จนสามารถลักลอบเข้าสู่ ระบบ
้
ได้ โดยมีวตถุประสงค์เข้าไปหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง มักเข้าไปทาลายหรื อลบไฟล์ หรื อ
ั
ทาให้คอมพิวเตอร์ ใช้การไม่ได้ รวมถึงทาลายระบบปฏิบติการ
ั
8. นักเจาะข้อมูล (Hacker) ผูที่ชอบเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผูอื่น พยายามหาความท้าทายทาง
้ ้
เทคโนโลยีเข้าไปในเครื อข่ายของผูอื่นโดยที่ตนเองไม่มีอานาจ
้
9. อาชญากรในรู ปแบบเดิมที่ใช้เทคโนโลยีเป็ นเครื่ องมือ เช่นพวกลักเล็กขโมยน้อยที่ พยายามขโมย
บัตร ATM ของผูอื่น
้
- 7. 10. อาชญากรมืออาชีพ คนพวกนี้จะดารงชีพจากการกระทาความผิด เช่นพวกที่มกจะใช้ ความรู ้ทาง
ั
เทคโนโลยีฉอโกงสถาบันการเงิน หรื อการจารกรรมข้อมูลไปขาย เป็ นต้น
้
11. พวกหัวรุ นแรงคลังอุดมการณ์หรื อลัทธิ มักก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อ อุดมการณ์ทาง
่
การเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา หรื อสิ ทธิ มนุษย์ชน เป็ นต้น
ผู้กระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์ มีลกษณะพิเศษดังต่ อไปนี้
ั
1. ส่ วนใหญ่มกมีอายุนอย
ั ้
2. ส่ วนใหญ่เป็ นผูที่มีวชาชีพ
้ ิ
3. ลักษณะส่ วนตัวเช่น
- มีแรงจูงใจและความทะยานอยากสู งในการที่จะเอาชนะและฉลาด
- ไม่ใช่อาชญากรโดยอาชีพ
- กลัวที่จะถูกจับได้ กลัวครอบครัว เพื่อนและเพื่อนร่ วมงานจะรู ้ถึงการกระทาความผิดของตน
- 8. กฏหมายที่เกียวข้ องกับคอมพิวเตอร์
่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศ
ว่า โดยที่เป็ นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุ ณาโปรด
เกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานิ ติบญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
ั
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ ีเรี ยกว่า “พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.
่
๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ ีให้ใช้บงคับเมื่อพ้นกาหนดสามสิ บวันนับแต่วนประกาศในราชกิจจานุ เบกษา
ั ั
เป็ นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติน้ ี “ระบบคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า อุปกรณ์หรื อชุดอุปกรณ์ของ
คอมพิวเตอร์ ที่เชื่ อมการทางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกาหนดคาสั่ง ชุดคาสั่ง หรื อสิ่ งอื่นใด และแนวทาง
ปฏิบติงานให้อุปกรณ์หรื อชุดอุปกรณ์ทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
ั
่
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาสั่ง ชุดคาสั่ง หรื อสิ่ งอื่นใดบรรดาที่อยูในระบบ
คอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุ รกรรมทางอิเล็กทรอนิ กส์ดวย
้
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่ อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง
แสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริ มาณ ระยะเวลาชนิ ดของบริ การ หรื ออื่น ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่ อสารของระบบคอมพิวเตอร์ น้ น
ั
“ผูให้บริ การ” หมายความว่า
้
(๑) ผูให้บริ การแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่ อินเทอร์ เน็ต หรื อให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่าน
้
่
ทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่วาจะเป็ นการให้บริ การในนามของตนเอง หรื อในนามหรื อเพื่อประโยชน์
ของบุคคลอื่น
(๒) ผูให้บริ การเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์ เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
้
“ผูใช้บริ การ” หมายความว่า ผูใช้บริ การของผูให้บริ การไม่วาต้องเสี ยค่าใช้บริ การหรื อไม่ก็ตาม
้ ้ ้ ่
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผูซ่ ึ งรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ปฏิบติการตามพระราชบัญญัติน้ ี
้ ั
“รัฐมนตรี ” หมายความว่า รัฐมนตรี ผรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ ี
ู้
- 9. ่
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรี วาการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ ี
และให้มีอานาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบติการตามพระราชบัญญัติน้ ี กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศใน
ั
ราชกิจจานุ เบกษาแล้วให้ใช้บงคับได้
ั
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการ
้
นั้น มิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรื อปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้ง
ปรับ
มาตรา ๖ ผูใดล่วงรู ้มาตรการป้ องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ที่ผอื่นจัดทาขึ้นเป็ นการเฉพาะถ้านา
้ ู้
มาตรการดังกล่าวไปเปิ ดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายแก่ผอื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่
ู้
เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการ
้
นั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาทหรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซ่ ึง
้
้ ่
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นที่อยูระหว่างการส่ งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นมิได้มีไว้
ั
เพื่อประโยชน์สาธารณะหรื อเพื่อให้บุคคลทัวไปใช้ประโยชน์ได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรับ
่ ้
ไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
้ ่ ่
มาตรา ๙ ผูใดทาให้เสี ยหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรื อเพิมเติมไม่วาทั้งหมดหรื อบางส่ วน ซึ่ ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อ
้
ทั้งจาทั้งปรับ
- 10. มาตรา ๑๐ ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผูอื่นถูกระงับ
้ ้
ชะลอ ขัดขวาง หรื อรบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่
้
เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผูใดส่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิ ดหรื อปลอมแปลง
้
แหล่งที่มาของการส่ งข้อมูลดังกล่าว อันเป็ นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๙ หรื อมาตรา ๑๐
่ ่
(๑) ก่อให้เกิดความเสี ยหายแก่ประชาชน ไม่วาความเสี ยหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรื อในภายหลัง และไม่วา
จะเกิดขึ้นพร้อมกันหรื อไม่ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิ บปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็ นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อระบบคอมพิวเตอร์ ที่
เกี่ยวกับการรักษาความมันคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมันคงในทางเศรษฐกิจ
่ ่
ของประเทศ หรื อการบริ การสาธารณะ หรื อเป็ นการกระทาต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรื อระบบคอมพิวเตอร์ที่มี
ไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปี ถึงสิ บห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสาม
แสนบาท
ถ้าการกระทาความผิดตาม (๒) เป็ นเหตุให้ผอื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปี ถึงยีสิบปี
ู้ ่
มาตรา ๑๓ ผูใดจาหน่ายหรื อเผยแพร่ ชุดคาสั่งที่จดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็ นเครื่ องมือในการกระทา
้ ั
ความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรื อมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษ
จาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผูใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดงต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่ง
้ ั
แสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
(๑) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ปลอมไม่วาทั้งหมดหรื อบางส่ วน หรื อ
่
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ อนเป็ นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายแก่ผอื่นหรื อประชาชน
ั ู้
(๒) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อนเป็ นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายต่อ
ั
ความมันคงของประเทศหรื อก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
่
(๓) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใด ๆ อันเป็ นความผิดเกี่ยวกับความมันคงแห่ง
่
ราชอาณาจักรหรื อความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
- 11. (๔) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใด ๆ ที่มีลกษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ น
ั ั
ประชาชนทัวไปอาจเข้าถึงได้
่
่
(๕) เผยแพร่ หรื อส่ งต่อซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู ้อยูแล้วว่าเป็ นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรื อ
(๔)
มาตรา ๑๕ ผูให้บริ การผูใดจงใจสนับสนุนหรื อยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบ
้ ้
่
คอมพิวเตอร์ ที่อยูในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผูกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔
้
มาตรา ๑๖ ผูใดนาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทัวไปอาจเข้าถึงได้ซ่ ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็ น
้ ่
ภาพของผูอื่น และภาพนั้นเป็ นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรื อดัดแปลงด้วยวิธีการทาง
้
อิเล็กทรอนิกส์หรื อวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง
ู้
หรื อได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ ถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็ นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์
โดยสุ จริ ต ผูกระทาไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็ นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผูเ้ สี ยหายใน
้
ความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสี ยก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรื อ บุตรของผูเ้ สี ยหายร้องทุกข์ได้
และให้ถือว่าเป็ นผูเ้ สี ยหาย
มาตรา ๑๗ ผูใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ีนอกราชอาณาจักรและ
้
(๑) ผูกระทาความผิดนั้นเป็ นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรื อผูเ้ สี ยหายได้ร้องขอให้
้
ลงโทษ หรื อ
(๒) ผูกระทาความผิดนั้นเป็ นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรื อคนไทยเป็ นผูเ้ สี ยหายและผูเ้ สี ยหายได้ร้อง
้
ขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บงคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสื บสวนและสอบสวนในกรณี ที่มีเหตุอนควรเชื่อได้
ั ั
ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหนึ่ งอย่างใด ดังต่อไปนี้
เฉพาะที่จาเป็ นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็ นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิดและหาตัวผูกระทาความผิด
้
(๑) มีหนังสื อสอบถามหรื อเรี ยกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ีมาเพื่อให้
- 12. ่
ถ้อยคา ส่ งคาชี้แจงเป็ นหนังสื อ หรื อส่ งเอกสาร ข้อมูล หรื อหลักฐานอื่นใดที่อยูในรู ปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรี ยกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากผูให้บริ การเกี่ยวกับการติดต่อสื่ อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรื อ
้
จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผให้บริ การส่ งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผูใช้บริ การที่ตองเก็บตามมาตรา ๒๖ หรื อที่อยูในความ
ู้ ้ ้ ่
ครอบครองหรื อควบคุมของผูให้บริ การให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
้
(๔) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีเหตุอนควรเชื่อได้
ั
่
ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี ในกรณี ที่ระบบคอมพิวเตอร์ น้ นยังมิได้อยูในความครอบครอง
ั
ของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่ งครอบครองหรื อควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่ ง
มอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์ดงกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
ั
(๖) ตรวจสอบหรื อเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรื ออุปกรณ์ที่
ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของบุคคลใด อันเป็ นหลักฐานหรื ออาจใช้เป็ นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทา
ความผิด หรื อเพื่อสื บสวนหาตัวผูกระทาความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ขอมูลจราจรทาง
้ ้
คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จาเป็ นให้ดวยก็ได้
้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของบุคคลใด หรื อสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทาการถอดรหัสลับ หรื อให้ความร่ วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับ
ดังกล่าว
(๘) ยึดหรื ออายัดระบบคอมพิวเตอร์ เท่าที่จาเป็ นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิด
และผูกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี
้
มาตรา ๑๙ การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ(๘) ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ยนคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนิ นการตามคาร้อง ทั้งนี้
ื่
่
คาร้องต้องระบุเหตุอนควรเชื่ อได้วาบุคคลใดกระทาหรื อกาลังจะกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็ น
ั
ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี เหตุที่ตองใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับ
้
อุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทาความผิดและผูกระทาความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคาร้องด้วยใน
้
การพิจารณาคาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็ วเมื่อศาลมีคาสั่งอนุ ญาตแล้ว ก่อนดาเนินการตาม
คาสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสาเนาบันทึกเหตุอนควรเชื่อที่ทาให้ตองใช้อานาจตามมาตรา ๑๘ (๔)
ั ้
(๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรื อผูครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ น้ นไว้เป็ นหลักฐาน แต่ถาไม่มี
้ ั ้
- 13. เจ้าของหรื อผูครอบครองเครื่ องคอมพิวเตอร์ อยู่ ณ ที่น้ น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสาเนาบันทึกนั้นให้แก่
้ ั
เจ้าของหรื อผูครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผเู ้ ป็ นหัวหน้าในการดาเนินการ
้
ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ(๘) ส่ งสาเนาบันทึกรายละเอียดการดาเนินการและเหตุผลแห่งการ
ดาเนินการให้ศาลที่มีเขตอานาจภายในสี่ สิบแปดชัวโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการ เพื่อเป็ นหลักฐานการทา
่
่
สาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอนควรเชื่อได้วามีการกระทา
ั
ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี และต้องไม่เป็ นอุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรื อผูครอบครอง
้
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นเกินความจาเป็ น การยึดหรื ออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่ งมอบสาเนา
ั
หนังสื อแสดงการยึดหรื ออายัดมอบให้เจ้าของหรื อผูครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ น้ นไว้เป็ นหลักฐานแล้ว
้ ั
พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรื ออายัดไว้เกินสามสิ บวันมิได้ ในกรณี จาเป็ นที่ตองยึดหรื ออายัดไว้นานกว่านั้น
้
ให้ยนคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรื ออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียว
ื่
หรื อหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิ บวัน เมื่อหมดความจาเป็ นที่จะยึดหรื ออายัดหรื อครบกาหนดเวลา
ดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ตองส่ งคืนระบบคอมพิวเตอร์ ที่ยดหรื อถอนการอายัดโดยพลัน หนังสื อ
้ ึ
แสดงการยึดหรื ออายัดตามวรรคห้าให้เป็ นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณี ที่การกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี เป็ นการทาให้แพร่ หลายซึ่ ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมันคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กาหนดไว้ในภาคสอง
่
ลักษณะ ๑ หรื อลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรื อที่มีลกษณะขัดต่อความสงบเรี ยบร้อยหรื อ
ั
ศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี อาจยืนคาร้อง พร้อม
่
แสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอานาจขอให้มีคาสั่งระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ น
ั
ได้ ในกรณี ท่ีศาลมีคาสั่งให้ระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ทาการระงับการทาให้แพร่ หลายนั้นเอง หรื อสั่งให้ผให้บริ การระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ ง
ู้
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นก็ได้
ั
่ ้
มาตรา ๒๑ ในกรณี ที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใดมีชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยูดวย
พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยืนคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้ามจาหน่ายหรื อเผยแพร่ หรื อสั่งให้
่
เจ้าของหรื อผูครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นระงับการใช้ ทาลายหรื อแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นได้
้ ั ั
หรื อจะกาหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรื อเผยแพร่ ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ดงกล่าวก็ได้
ั
ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคาสั่งที่มีผลทาให้ขอมูลคอมพิวเตอร์ หรื อระบบ
้
คอมพิวเตอร์ หรื อชุดคาสั่งอื่นเกิดความเสี ยหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรื อเพิ่มเติมขัดข้อง หรื อ
- 14. ปฏิบติงานไม่ตรงตามคาสั่งที่กาหนดไว้ หรื อโดยประการอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็ น
ั
ชุดคาสังที่มุ่งหมายในการป้ องกันหรื อแก้ไขชุดคาสังดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจา
่ ่
นุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิ ดเผยหรื อส่ งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้
้
ั ้
บังคับกับการกระทาเพื่อประโยชน์ในการดาเนิ นคดีกบผูกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี หรื อเพื่อ
ประโยชน์ในการดาเนินคดีกบพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อานาจหน้าที่
ั
โดยมิชอบ หรื อเป็ นการกระทาตามคาสังหรื อที่ได้รับอนุ ญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผใดฝ่ าฝื นวรรคหนึ่ง
่ ู้
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผใดกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอื่นล่วงรู ้ขอมูลคอมพิวเตอร์ ขอมูลจราจร
ู้ ู้ ้ ้
ทางคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อ
้
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผูใดล่วงรู ้ขอมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่
้ ้ ้
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิ ดเผยข้อมูลนั้นต่อผูหนึ่งผูใด ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสอง
้ ้
ปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตาม
พระราชบัญญัติน้ ี ให้อางและรับฟังเป็ นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
้
ความอาญาหรื อกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสื บพยานได้ แต่ตองเป็ นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคามัน
้ ่
สัญญา ขูเ่ ข็ญ หลอกลวง หรื อโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผูให้บริ การต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้ไม่นอยกว่าเก้าสิ บวันนับแต่วนที่ขอมูล
้ ้ ั ้
นั้นเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณี จาเป็ นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผให้บริ การผูใดเก็บรักษาข้อมูล
ู้ ้
จราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้เกินเก้าสิ บวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปี เป็ นกรณี พิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู ้
ให้บริ การจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผูใช้บริ การเท่าที่จาเป็ นเพื่อให้สามารถระบุตวผูใช้บริ การ นับตั้งแต่เริ่ ม
้ ั ้
ใช้บริ การและต้องเก็บรักษาไว้เป็ นเวลาไม่นอยกว่าเก้าสิ บวันนับตั้งแต่การใช้บริ การสิ้ นสุ ดลง ความในวรรค
้
ั ้
หนึ่งจะใช้กบผูให้บริ การประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็ นไปตามที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจา
- 15. นุเบกษา
ผูให้บริ การผูใดไม่ปฏิบติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
้ ้ ั
มาตรา ๒๗ ผูใดไม่ปฏิบติตามคาสั่งของศาลหรื อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรื อมาตรา ๒๐
้ ั
หรื อไม่ปฏิบติตามคาสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็ น
ั
รายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบติให้ถูกต้อง
ั
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้รัฐมนตรี แต่งตั้งจากผูมีความรู ้และความ
้
ชานาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรี กาหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็ นพนักงานฝ่ ายปกครองหรื อ
ั
ตารวจชั้นผูใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอานาจรับคาร้องทุกข์หรื อรับคากล่าวโทษ
้
และมีอานาจในการสื บสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี ในการจับ ควบคุม ค้น การทา
สานวนสอบสวนและดาเนินคดีผกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี บรรดาที่เป็ นอานาจของพนักงานฝ่ าย
ู้
ปกครองหรื อตารวจชั้นผูใหญ่ หรื อพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้
้
พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบเพื่อดาเนินการตามอานาจหน้าที่ต่อไป ให้
้
นายกรัฐมนตรี ในฐานะผูกากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติ และรัฐมนตรี มีอานาจ ร่ วมกันกาหนดระเบียบ
้
เกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบติในการดาเนินการตามวรรคสอง
ั
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ตองแสดงบัตรประจาตัวต่อบุคคลซึ่ งเกี่ยวข้อง บัตร
ั ้
ประจาตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็ นไปตามแบบที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผูรับสนองพระบรมราชโองการ
้
พลเอก สุ รยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปั จจุบนระบบคอมพิวเตอร์ ได้
ั
เป็ นส่ วนสาคัญ ของการประกอบกิจการ และการดารงชีวิตของมนุษย์ หากมีผกระทาด้วยประการใด ๆ ให้
ู้
ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทางานตามคาสั่งที่กาหนดไว้ หรื อทาให้การทางานผิดพลาดไปจากคาสั่งที่
กาหนดไว้ หรื อใช้วธีการใด ๆ เข้าล่วงรู ้ขอมูล แก้ไข หรื อทาลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์
ิ ้
โดยมิชอบ หรื อใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ ขอมูลคอมพิวเตอร์ อนเป็ นเท็จ หรื อมีลกษณะอันลามก
้ ั ั
- 16. อนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสี ยหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมันคงของรัฐ รวมทั้ง
่
ความสงบสุ ขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกาหนดมาตรการเพื่อป้ องกันและปราบปรามการ
กระทาดังกล่าว จึงจาเป็ นต้องตราพระราชบัญญัติน้ ี