More Related Content
Similar to ยุคปัจจุบัน(อัพเดท2557) (11)
More from Heritagecivil Kasetsart (20)
ยุคปัจจุบัน(อัพเดท2557)
- 4. ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
1.3 ยุคโลหะ (Copper Age) 4,000-2,500 B.C.
- การใช้ทองแดงและสาริด
- การสร้างระบบชลประทาน
- เมืองเป็นศูนย์กลางขอฃการกสิกรรม
- การเกิดชนชั้น
1.4 สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
- วัฒนธรรมบ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
- วัฒนธรรมบ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
- 5. ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
2.สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก
2.1 อารยธรรมตะวันตกยุคโบราณ
2.1.1 อารยธรรมอียิปต์ : ของขวัญจากแม่น้า ไนล์
2.1.2 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย : ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์
2.1.3 อารยธรรมของกลุ่มชนในตะวันออกกลาง : ฟีนีเชีย ฮีบรู และเปอร์เซีย
2.1.4 อารยธรรมกรีก : นักธรรมชาตินิยมและมนุษยนิยม
2.1.5 อารยธรรมโรมัน : นักรบและนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่
- 6. สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก (ต่อ)
2.2 อารยธรรมตะวันออกยุคโบราณ
2.2.1 อารยธรรมอินเดีย : อนุทวีปที่น่าทึ่ง
2.2.2 อารยธรรมจีน : ดินแดนแห่งลัทธิประเพณี
2.3 อารยธรรมยุคกลาง
2.3.1 อารยธรรมยุโรปยุคกลาง : ยุคแห่งศรัทธา
2.3.2 อารยธรรมอิสลาม : แหล่งความรู้และความเจริญในยุคกลาง
- 7. สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก (ต่อ)
2.4 อารยธรรมยุคใหม่
2.4.1 การฟื้นฟูศิลปวิทยา
2.4.2 การปฏิรูปศาสนา
2.4.3 การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
2.4.4 การปฏิวัติอุตสาหกรรม
2.4.5 การปฏิวัติประชาธิปไตย
2.4.6 สงครามโลกครั้งที่ 1
2.5 อารยธรรมยุคปัจจุบัน (โลกร่วมสมัย)
2.5.1 สงครามโลกครั้งที่ 2
2.5.2 โลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
- 8. 1.ยุคโบราณ (Early Civilizations)
3,500 ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ.476
2.ยุคกลาง (Middle Ages)
ค.ศ.800 - ศตวรรษที่ 15
3.ยุคใหม่ (Modern Times)
ศตวรรษที่ 15 - World war I (ค.ศ.1918)
4.โลกร่วมสมัย (Contemporary World)
World war II (1945) - ปัจจุบัน
- 10. ยุคโบราณ
จีน
กลุ่มชนใน
ตะวันออกกลาง
โรมัน
อารยธรรม
ตะวันออก
อารยธรรม
ตะวันตก
กรีก
อียิปต์
อินเดีย
เมโสโปเตเมีย
- 15. 3.ช่วงเวลาระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 สถานการณ์โลก (ซึ่งมีศูนย์กลาง
อยู่ที่ยุโรป) มีพัฒนาการเป็นแบบแผน (pattern) ที่คล้ายคลึงกันมาก ดังนี้
มหาอานาจ
เก่าเริ่มเสื่อม
อานาจ
เกิดมหาอานาจ
ใหม่ที่ท้าทาย
เสถียรภาพของ
มหาอานาจเก่า
เกิดสงคราม
ใหญ่
เกิดมหาอานาจ
ใหม่และระบบ
โลกใหม่ภายหลัง
สงครามใหญ่
เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในโลก คือ
- 16. ช่วงเวลาค.ศ. มหาอานาจเก่า
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
มหาอานาจใหม่
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
สงครามใหญ่
(ตามรูปแบบ
และนอก
รูปแบบ)
เกิดระบบโลกใหม่
ภายหลังสงคราม
ใหญ่
1792-1815 ฝรั่งเศสยุค
นโปเลียน
อังกฤษ ปรัสเซีย
ออสเตรีย รัสเซีย
สงคราม
นโปเลียน
การประชุม
คองเกรสแห่ง
เวียนนาและระบบ
Concert of Europe
1871-1914 เยอรมนี
ออสเตรีย
อาณาจักร
ออตโตมัน
อังกฤษ ฝรั่งเศส
รัสเซีย
สหรัฐอเมริกา
สงครามโลก
ครั้งที่ 1
(ค.ศ.1914-
1918)
การประชุม
สันติภาพที่แวร์
ซายส์และการรักษา
ความมั่นคงของ
โลกภายใต้ระบบ
สันนิบาตชาติ
- 17. ช่วงเวลาค.ศ. มหาอานาจเก่า
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
มหาอานาจใหม่
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
สงครามใหญ่
(ตามรูปแบบ
และนอก
รูปแบบ)
เกิดระบบโลกใหม่
ภายหลังสงคราม
ใหญ่
1933-1945 เยอรมนี อิตาลี
ญี่ปุ่น (มีอา นาจ
และเสื่อมอา นาจ
ในเวลา
อันรวดเร็ว
อังกฤษ ฝรั่งเศส
สหภาพโซเวียต
สหรัฐอเมริกา
สงครามโลก
ครั้งที่ 2
(ค.ศ.1939-
1945)
- การประชุม
สันติภาพที่ปอตสดัม
-การเริ่มระบบ
การเงินการคลังโลก
ที่เบร็ตเติน วูดส์
-การรักษาความ
มั่นคงของโลก
ภายใต้ระบบ
สหประชาชาติ
1945-1991 เยอรมนี อิตาลี
ญี่ปุ่น อังกฤษ
ฝรั่งเศส
สหรัฐอเมริกา
สหภาพโซเวียต
สงครามเย็น
(ค.ศ.1945-
1991)
ระบบโลก 2 ขั้ว ซึ่ง
มีอาวุธนิวเคลียร์
เป็นเครื่องมือ
- 18. ช่วงเวลาค.ศ. มหาอานาจเก่า
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
มหาอานาจใหม่
(ประเทศเดียว
หรือกลุ่ม
ประเทศ)
สงครามใหญ่
(ตามรูปแบบ
และนอก
รูปแบบ)
เกิดระบบโลกใหม่
ภายหลังสงคราม
ใหญ่
1992-ปัจจุบัน สหภาพโซเวียต
และประเทศบริ
สาร
สหรัฐอเมริกา จีน
ญี่ปุ่น สหภาพ
ยุโรป
-สงคราม
เศรษฐกิจ
-การก่อการร้าย
ระหว่างประเทศ
-ระบบโลกขั้วเดียว
ภายใต้การนาของ
สหรัฐอเมริกา
-ความอ่อนแอของ
ระบบรักษาความ
มั่นคงของโลกโดย
สหประชาชาติ
-ความล้มเหลวของ
มหาอา นาจในการ
ปราบปรามการก่อ
การร้ายระหว่าง
ประเทศ
- 19. 4.จากตารางข้างต้น มีคา ถามหลายข้อเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เช่น เหตุใด
“มหาอา นาจเก่า” จึงเสื่อมอา นาจลง เหตุใดบางประเทศจึงกลายเป็น
“มหาอา นาจใหม่” ขึ้นมาแทนที่ มีปัจจัยแวดล้อมอย่างใดที่กา หนดว่า
“ระบบโลกใหม่” (New World Order –NWO) จะต้องเกิดขึ้นและมี
ลักษณะเช่นนี้ต่อไป ซึ่ง กรณีเหตุการณ์จริงมีดังต่อไปนี้
1.สงครามโลกครั้งที่ 1 : สาเหตุและเหตุผล
2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล
3. สงครามเย็น : สาเหตุและเหตุผล
- 20. 1.สงครามโลกครั้งที่ 1 : สาเหตุและเหตุผล
1.1 จุดระเบิดของสงคราม เกิดจากความรู้สึกชาตินิยมอย่างรุนแรงของกลุ่ม
รักชาติในประเทศเซอร์เบีย
1.2 “ตัวแสดง” สา คัญในยุโรปขณะนั้น เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย
ออสเตรีย และเยอรมนี ต่างต้องการทั้งรักษาและเพิ่มทรัพยากรอา นาจ
ของตนในด้านต่างๆ
1.3 มหาอา นาจเหล่านั้นเชื่อมั่นในสมรรถนะของกา ลังทหารของตนว่า หาก
เกิดสงครามไม่ว่าตนจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ ตนจะต้องเป็นชนะ
- 21. 1.สงครามโลกครั้งที่ 1 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
1.4 ก่อนสงครามจะระเบิดขึ้น ประเทศสา คัญในยุโรปได้แบ่ง
ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆตามแนวผลประโยชน์ที่มีร่วมกันของแต่ละ
กลุ่ม คือ กลุ่ม Triple Alliance (เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี) ใน
ค.ศ.1883 และกลุ่ม Triple Entente (อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย) ใน
ค.ศ.1904
- 22. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
1.อาณาจักรที่สา คัญ 4 อาณาจักรได้หมดอา นาจลงไป คือ เยอรมนี ออสเตรีย
ออตโตมัน และรัสเซีย
2.มีประเทศเกิดใหม่จา นวนหนึ่งซึ่งเป็นผลมาจากการแยกตัวออกมาจาก
อาณาจักรเก่าที่ล่มสลายลงไปคือ โปแลนด์ ฮังการี เชโกสโลวะเกีย
ยูโกสลาเวีย โรมาเนีย บัลแกเรีย แอลเบเนีย เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย
- 23. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
3.เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สร้างความสูญเสียมากมายอย่างที่โลกไม่
เคยพบเห็นมาก่อน จึงเกิดมีการถกแถลงถึงการที่ควรนาแนวความคิด
อุดมคติ (Idealism) เข้ามาใช้ในการรักษาความมั่นคงของโลกแทน
แนวความคิดสัจนิยม (Realism)
ความสูญเสียของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
สงครามโลกครั้งที่1 สงครามโลกครั้งที่2
จา นวนคนตาย 10,947,000 58,508,000
ค่าใช้จ่ายในการทา สงคราม ล้าน US$ 196.5 ล้าน US$ 2,091.3
จา นวนประเทศที่เข้าร่วมสงคราม 24 67
- 24. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
4.ในการประชุมสันติภาพที่แวร์ซายส์ (Versailles Peace Conference)
เมื่อต้นปีค.ศ.1919 ประเทศผู้มีชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 สามารถ
ตกลงก่อตั้งองค์การระหว่างประเทศระดับโลกขึ้นมาเพื่อรักษาความมั่นคง
และจรรโลงสันติภาพของโลก คือ องค์การสันนิบาตชาติ (League of
Nations)
- 25. World War-I map shows the major war fronts of
World War-I which started in 1914.
- 35. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล
สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ระเบิดขึ้นจากวิกฤติการณ์เฉพาะหน้า คือ
เยอรมนีได้บุกโจมตีโปแลนด์ในลักษณะสายฟ้าแลบ
สงครามโลกครั้งที่2 เกิดจากสาเหตุต่างๆดังต่อไปนี้
1.โลกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดภาพมายาที่โลกจะดา เนินไปในแนว
อุดมคติ
- 36. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
2. มีสมาชิกหลายประเทศ โดยเฉพาะสมาชิกถาวรในคณะมนตรีของ
สันนิบาตชาติหวังจะใช้อา นาจจากสถานะพิเศษกว่าประเทศอื่นของตน
เช่น ญี่ปุ่นขยายอา นาจรุกคืบเข้าไปในแมนจูเรียของจีน ตั้งแต่ค.ศ.1931
และในดินแดนส่วนอื่นๆของจีน ขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ได้ขยายอา นาจไป
ครอบคลุมทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศเดียวในโลกที่
สามารถโจมตีเสี้ยวส่วนของดินแดนของสหรัฐอเมริกาได้สา เร็จ
อังกฤษและฝรั่งเศสใช้ความเป็นมหาอา นาจในสันนิบาตชาติทา การแบ่ง
ดินแดนในตะวันออกกลางระหว่างกัน และอิตาลีได้ขยายอา นาจไป
ครอบครองดินแดนในแอฟริกาเหนือ ได้แก่ ประเทศเอธิโอเปีย และลิเบีย
- 37. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
3. สนธิสัญญาแวร์ซายส์กา หนดให้เยอรมนีต้องถูก “ลงโทษ” อย่างรุนแรง
ทุกด้าน และมีการผลักดันให้เกิดวีรบุรุษอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf
Hitler)
4. จากเหตุผลส่วนตัวของฮิตเลอร์ที่เกลียดชังชนชาติยิว ทา ให้ฮิตเลอร์ได้
ประกาศยึดนโยบาย “ความเหนือกว่าด้านชาติพันธุ์”
- 38. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
5. ภาพลักษณ์ขององค์การสันนิบาตชาติมิใช่เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ
สร้างหรือรักษาสันติภาพและการพัฒนาโลกโดยส่วนรวม ยิ่งกว่านั้น
องค์การนี้ยังสา แดงบทบาทของความเป็นองค์การของ “ผู้ชนะสงคราม”
โดยแท้จริง เพราะประเทศผู้แพ้ทั้งหลายมิได้รับการอนุญาตให้เข้ามาเป็น
สมาชิกก่อตั้งร่วมกับประเทศผู้ชนะเลย
- 39. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
6. สหรัฐอเมริกาหันหลังกลับไปสู่นโยบายอยู่โดดเดี่ยว (isolationism) ทา
ให้สหรัฐอเมริกามิได้เข้ามาเป็นตัวแสดงหลักที่เอื้อประโยชน์ต่อการ
สร้างสันติภาพและความมั่นคงให้แก่โลก ทา ให้อังกฤษผิดหวังที่หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้มีสันติภาพภายใต้การนา ของอังกฤษและ
อเมริกัน
- 40. 2. สงครามโลกครั้งที่ 2 : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
7. ประเทศมหาอา นาจตะวันตก ทรุดโทรมจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ
ต้องแก้ไขปัญหาภายในประเทศ จึงไม่มีประเทศใดแข็งแกร่งพอที่จะ
ต้านทานการขยายอา นาจของฮิตเลอร์ จึงยอมจา นน (Appeasement) ต่อ
เยอรมนี เพื่อที่เยอรมนีจะไม่ก่อสงครามใหญ่
8. สงครามครั้งนี้ขยายออกไปกว้างกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจาก
เยอรมนีได้สร้างพันธมิตรกับอิตาลีและญี่ปุ่นในแกนอา นาจที่เรียกว่า
“Axis Powers”
- 41. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
1. เยอรมนีกับญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอา นาจที่มีความพร้อมด้านกา ลังอาวุธ
มากที่สุดในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายหลังสงคราม ทั้งสอง
ประเทศนี้กลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้และประสบความหายนะมากที่สุด
2. ระบบเผด็จการนาซี และความสา คัญของทฤษฎีชาติพันธุ์ที่สูงส่งของ
เยอรมนี และระบบทหารนิยมในญี่ปุ่น ถูกทา ให้ยุติลงโดยเด็ดขาด
- 42. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
3. เยอรมนีถูกแบ่งแยกเป็น 2 ประเทศ สหรัฐอเมริกาควบคุมเยอรมนี
ตะวันตก และสหภาพโซเวียตควบคุมเยอรมนีตะวันออก ส่วนญี่ปุ่นอยู่
ภายใต้การควบคุมของสหรัฐอเมริกา
4. สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตกลายเป็นอภิมหาอา นาจเพียง 2
ประเทศที่เป็นเจ้าของอาวุธปรมาณู ตั้งแต่นั้นมา อาวุธปรมาณูเป็น
เครื่องมือใหม่ของนโยบายต่างประเทศ
- 43. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
5. สหภาพโซเวียตแยกยุโรปตะวันออก ออกจากยุโรปตะวันตก และใช้
แนวความคิดคอมมิวนิสต์เป็นเครื่องมือสร้างเอกภาพในหมู่ประเทศ
ยุโรปตะวันออก โดยการก่อตั้งรัฐบาลกลางในทุกประเทศให้เป็นรัฐบาล
สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นการทา ลาย “พันธมิตรสงคราม” ระหว่าง
มหาอา นาจ ตะวันตกกับสหภาพโซเวียตโดยสิ้นเชิง
6. ผลจากเหตุการณ์ในข้อ 5. โลกได้แบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ระหว่างกลุ่มเสรี
ประชาธิปไตยภายใต้การนาของสหรัฐอเมริกา กับกลุ่มคอมมิวนิสต์
ภายใต้การนา ของสหภาพโซเวียต เมื่อเกิดความขัดแย้งและไม่สามารถ
ขจัดลงไปได้ จึงเกิดสภาพสงครามเย็น
- 52. 3. สงครามเย็น : สาเหตุและเหตุผล
ภาคีในกลุ่มมหาอา นาจสัมพันธมิตรโดยเฉพาะ 3 มหาอา นาจคือ
สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพโซเวียต ได้มีการประชุมหารือกัน
เพื่อจัดตั้งองค์การระหว่างประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงและจรรโลง
สันติภาพของโลก และได้มีการประชุมระหว่างประเทศหลายครั้ง
โดยเฉพาะ 2 ครั้งสุดท้าย คือ การประชุมยัลต้า และการประชุม
ซานฟรานซิสโก ระหว่างกลุ่มประเทศที่ชนะสงครามในเดือนมิถุนายนปี
เดียวกัน การประชุมครั้งล่าสุดนี้ได้ให้กา เนิดองค์การสหประชาชาติ
(United Nations)
- 53. 3. สงครามเย็น : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
ระบบโลกใหม่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นไปในลักษณะ
แนวคิดแบบอุดมคติเชิง “สถาบันนิยม” (Institutionalism)
เวทีหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 หวนกลับไปสู่แนวคิดแบบ realism
เช่นเดียวกับระยะเวลาก่อนหน้านั้น แต่สิ่งแวดล้อมในโลกมีความ
แตกต่างจากช่วงเวลานั้น เช่น
1.ตัวแสดงระดับ “อภิมหาอา นาจ” มีเพียง 2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและ
สหภาพโซเวียต
2.อาวุธนิวเคลียร์เป็นเครื่องมือต่อรองชนิดใหม่ อนุสนธิจากสภาพโลก
ดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดสงครามเย็น (Cold War)
- 54. 3. สงครามเย็น : สาเหตุและเหตุผล (ต่อ)
ความหมายพื้นฐานของสงครามเย็นคือ การมีความขัดแย้งและ
แตกแยกระหว่างกลุ่มประเทศที่สา คัญในโลก 2 กลุ่ม ซึ่งไม่สามารถใช้
สงครามเป็นเครื่องมือประหัตประหารกันได้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมี
อาวุธนิวเคลียร์เป็นเครื่องมือต่อรอง ดังนั้นโลกจึงตกอยู่ในสภาวะ
อึมครึม (จะมีสงครามก็ไม่ใช่ จะมีสันติภาพก็ไม่เชิง) สงครามเย็นจึงเป็น
สิ่งที่วาดภาพโลกให้เห็นได้ชัดว่า การมีองค์การสหประชาชาติเป็น
ผลิตผลของแนวคิดแบบอุดมคติ แต่ในความเป็นจริงหลังสงครามโลก
ครั้งที่2 ก็ยังคงสภาพเป็นโลกแบบสัจนิยม
- 55. ผลของสงครามเย็น
1.โลกถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน ขั้วเสรีประชาธิปไตยอยู่ภายใต้การนา
ของสหรัฐอเมริกา และอีกขั้วหนึ่งอยู่ภายใต้การนา ของสหภาพโซเวียต
2.การแบ่งสรรอา นาจระหว่างกลุ่มประเทศ 2 ขั้นนี้มีไม่เท่ากันในทาง
กายภาพ คือขั้วของสหรัฐอเมริกามีจา นวนประเทศมากกว่า มีทรัพยากร
ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี รวมทั้งมีจา นวนและความสามารถ
ของประชากรมากกว่าขั้วของสหภาพโซเวียต แต่ในทางสัญลักษณ์ถือว่า
มีความเสมอภาค เพราะสมรรถนะของอาวุธนิวเคลียร์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีเท่า
เทียมกัน
- 56. ผลของสงครามเย็น (ต่อ)
3. ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ด้านต่างๆ เช่น ตลาด พื้นที่ และแหล่ง
ทรัพยากรในโลกที่ต้องการจะครอบครอง ต่างฝ่ายจึงต้องแสวงหา
เครื่องมือและยุทธศาสตร์ต่างๆที่จะนา ไปสู่ผลประโยชน์ที่ต้องการ
อุดมการณ์จึงเป็นเพียงข้ออ้างและเครื่องมือที่ต่างฝ่ายนา มาใช้ในการ
สร้างกลุ่มพันธมิตรของตน
4. การแสวงหาเส้นทางไปสู่ผลประโยชน์นั้น จะต้องใช้สงครามเป็น
เครื่องมือ สงครามที่เกิดขึ้น มหาอา นาจทั้งสองไม่สามารถเผชิญหน้ากัน
โดยตรงได้เนื่องจากข้อจา กัดของต่างฝ่ายต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ จึงเกิด
สงครามตัวแทน (proxy war)
- 57. ผลของสงครามเย็น (ต่อ)
5. สหรัฐอเมริกาใช้นโยบายสกัดกั้น ถูกเสนอแนะโดยจอร์ช เอฟ.เค็นแนน
ซึ่งสหรัฐอเมริกาจะต้องใช้อา นาจและขีดความสามารถด้านต่างๆสกัดกั้น
หรือล้อมกรอบมิให้กลุ่มประเทศขั้วคอมมิวนิสต์แผ่ขยายอา นาจออกมา
จากฐานของตนได้
6. สหรัฐอเมริกาได้ดา เนินนโยบายต่างประเทศตามแนวคิด realism เต็มตัว
ได้ทา การสกัดกั้นกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ด้วยการสร้างกลุ่มพันธมิตร
ทางทหารและใช้อา นาจทางเศรษฐกิจ
- 58. ผลของสงครามเย็น (ต่อ)
7.สา หรับกลุ่มประเทศขั้วคอมมิวนิสต์ซึ่งอยู่ภายใต้การนา ของสหภาพ
โซเวียต ต้องเผชิญต่อปัญหาหลายประการ ซึ่งมี 2 ปัญหาเป็นปัญหาหลักคือ
7.1 การเกิดกลุ่มพันธมิตรสังคมคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก
7.2 กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์เหล่านี้ไม่มีโอกาสได้พัฒนาตนเองให้
เจริญก้าวหน้าไปในแนวทางอุดมการณ์มาร์กซิสต์อย่างแท้จริง
- 60. เหตุการณ์ที่เป็นนับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของ “สงคราม
เย็น” คือ การทา ลายกา แพงเบอร์ลิน ในปี ค.ศ. 1989 และการรวม
ประเทศ เยอรมนีทั้งสองเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ในปี ค.ศ. 1990 การที่
ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดหย่อนท่าที และเงื่อนไขของฝ่าย
รัสเซีย ยอมให้ ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดสา คัญของความขัดแย้งใน
ยุโรป กลับมารวมกัน ได้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและมีไมตรีต่อ
กันที่กลับคืนมา
- 66. 3.ในแง่วัฒนธรรม
ศตวรรษที่ 20 ก็มีปรากฏการณ์ที่อาจเรียกว่าเป็นการปฏิวัติ
วัฒนธรรมขึ้นสองด้าน คือ
3.1 การเกิดวัฒนธรรมประชานิยม (Popular Culture)
ซึ่งแยกเป็นสามส่วน คือ
ส่วนที่หนึ่ง คือ การมีอุตสาหกรรมเชิงศิลปะ
ส่วนที่สอง คือ การเฟื่องฟูขึ้นของเทคโนโลยีการสื่อสาร
ส่วนที่สาม คือ การล้มเลิกการแบ่งแยกเป็นวัฒนธรรม
ชั้นสูงและวัฒนธรรมชั้นล่าง
3.2 มีการปฏิวัติของคนหนุ่มสาว
- 67. 4.ศตวรรษที่ 20 เป็นศตวรรษที่มีการปฏิวัติความคิดที่สา คัญ
ทั้งในวงการวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และปรัชญา ที่บางครั้ง
เรียกว่าการปฏิวัติปรัชญา Post Modern, Post Colonial หรือ
Post-Western ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา และศิลปิน มี
ความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันอย่างสังเกตได้ชัดเจน คือ
(1) แนวคิดเชิงสัมพัทธภาพ (Relativism)
(2) ความรู้มนุษย์ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ หรือ
ปรัชญากับโลกแห่งความจริงข้างนอกแยกออกจากกัน
ค่อนข้างเด็ดขาด
- 68. 5.พหุนิยม : พหุสังคมและพหุวัฒนธรรม
6.เศรษฐกิจในศตวรรษที่ 20 ก็มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
2 ประการคือ
(1) ระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรมเปลี่ยนเป็นแบบหลัง
อุตสาหกรรม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ก็คือ เป็นระบบ
เศรษฐกิจที่ภาคบริการข้อมูลข่าวสาร มีความสาคัญ
มากกว่าภาคการผลิตสินค้าที่เป็นวัตถุจริง
(2) มีการปฏิวัติระบบการเงิน คือ การเกิดทุน การเงินโลก
(Global Finance Capital)
- 69. 7.กระบวนการยึดตรึงและถอดถอยของมนุษย์
ในศตวรรษที่ 20-21 เป็นศตวรรษที่จะนาพามนุษย์ให้พ้นและ
ละเลิกกรอบจา กัดต่างๆในทุกๆด้าน (Human Disembedding)
สังคมหลังอุตสาหกรรม หรือหลังสมัยใหม่ โดยทิศทางใหญ่
จะเป็นการย้อนกระบวนการผูกมัด ยึดตรึงมนุษย์ เป็นการถดถอย ซึ่งมี
สองส่วนคือ ถอดจากกรอบต่างๆและถอยให้พ้นจากสิ่งที่ยึดตรึงไว้ ไม่
ว่าจะเป็นท้องถิ่น ประเทศ ชาติ องค์กร สถาบันต่างๆดังตัวอย่างต่อไปนี้
- 70. 1.เพราะรัฐของประเทศหนึ่งถูกลดอา นาจบทบาทลงโดยการ
ปฏิวัติการเงินของโลก
2.สังคมสมัยใหม่ตั้งแต่เกิดอุตสาหกรรมนิยมขึ้นก็มี
กระบวนการถอดมนุษย์ออกจากพื้นถิ่น ทั้งในทางสังคม
ในทางวัฒนธรรม รวมทั้งถอดจากสถานะเดิม เป็นต้น
3.การผลิตแบบหลังอุตสาหกรรมและการปฏิวัติการเงินโลก
ก็จะยังทา ให้เกิดความผันผวนในภูมิลา เนา อาชีพการงาน
อัตลักษณ์มากยิ่งขึ้น
4.กระแสศิลปะและปรัชญาก็ถอดถอยจากโลกความจริง